เงินบาทแข็งค่า 32.25-32.50 บาท/ดอลลาร์ ตลาดหุ้น EM พุ่งแรง ดอลลาร์-บอนด์อ่อนตัว

เงินบาทแข็งค่า 32.25-32.50 บาท/ดอลลาร์ ตลาดหุ้น EM พุ่งแรง ดอลลาร์-บอนด์อ่อนตัว

ค่าเงินบาทประจำวันที่ 14 สิงหาคม 2568

-กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.25-32.50บาท/ดอลลาร์

-เงินบาทแข็งค่าขึ้นแม้ กนง. ลดดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด โดยดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าต่อเนื่องพร้อม Treasury yields ที่ปรับลดลง หลังนายสก็อต เบสเซนท์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เสนอว่า Fed fund rate ควรถูกปรับลดลงอีกอย่างน้อย 1.5%

-ตลาดหุ้นกลุ่ม EM (MSCI-EM) สูงขึ้นมากสุดนับตั้งแต่ปี 2021 ตามแนวโน้มลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และมาตรการกระตุ้นจากจีน

-นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่ว่าจะมีมาตรการที่รุนแรงออกมาหากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ไม่ตกลงหยุดยิงกับยูเครน

#เงินบาท #ค่าเงิน #ดอลลาร์ #บอนด์ยีลด์ #ตลาดหุ้นEM #เศรษฐกิจโลก #เฟด #MSCIEM #รัสเซียยูเครน

SCB FM มอง กนง.มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยต่อได้ ขณะที่เงินบาทอาจแข็งค่า เหตุตลาดคาดการณ์ลดดอกเบี้ยไว้แล้ว

SCB FM มอง กนง.มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยต่อได้ ขณะที่เงินบาทอาจแข็งค่า เหตุตลาดคาดการณ์ลดดอกเบี้ยไว้แล้ว และดัชนีดอลลาร์อ่อนค่า

วันที่ 13 ส.ค.68 นายวชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส สายงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ให้ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps มาอยู่ที่ 1.50% ตามที่ตลาดคาด เพื่อให้ภาวะการเงินผ่อนคลายลงอีก เอื้อต่อการปรับตัวของภาคธุรกิจ และช่วยบรรเทาภาระของกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs และครัวเรือนรายได้น้อย

โดยในการประชุมรอบนี้ กรรมการให้น้ำหนักเรื่อง Financial stability และการเก็บ Policy space น้อยลง โดยลดความกังวลเรื่องการก่อหนี้ใหม่ และหันไปเน้นเรื่องการลดภาระหนี้ให้แก่ครัวเรือนและภาคธุรกิจ มากกว่า นอกจากนี้ กรรมการให้น้ำหนักเรื่องภาวะการเงินมากขึ้น โดยพบว่าสินเชื่อหดตัวต่อเนื่องตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงขึ้น (โดยเฉพาะ SMEs และครัวเรือนรายได้ต่ำ) ขณะที่การชำระคืนหนี้ของธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นและความต้องการสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่ลดลงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ด้านคุณภาพสินเชื่อโดยรวมปรับด้อยลง ดังนั้น การลดดอกเบี้ยในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนการปรับตัวและลดภาระของภาคธุรกิจและครัวเรือนลงได้ หลังผลการประชุม เงินบาทปรับแข็งค่าขึ้น ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับสูงขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 2 ปี ทรงตัว สะท้อนว่าผลการประชุมออกมาสอดคล้องกับที่ตลาดคาด

ทั้งนี้ กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยต่ออีกอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ ซึ่งเป็นมุมมองที่สอดคล้องกับการ Price-in ในตลาด interest rate swap และมีโอกาสที่ terminal rate (จุดต่ำสุดของดอกเบี้ย) อาจอยู่ที่ 1% ได้ โดยในช่วงตอบคำถาม เลขาฯ กนง. กล่าวว่าคณะกรรมการไม่ปิดโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่ประสิทธิผลของการลดดอกเบี้ยจะลดลงในเวลาที่อัตราดอกเบี้ยต่ำลง

สำหรับในระยะสั้น เงินบาทอาจจะยังเผชิญแรงกดดันด้านแข็งค่าในกรอบ 32.00-32.50 เนื่องจาก 1) ตลาดได้คาดการณ์การลดดอกเบี้ยของ กนง. ไว้แล้ว ทำให้การลดดอกเบี้ยต่อจากนี้ จะไม่ช่วยให้เงินบาทอ่อนค่าได้มากนัก สะท้อนจากในวันนี้ ที่พบว่าเงินบาทกลับแข็งค่าขึ้นหลังการลดดอกเบี้ย 2) Fed มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยได้ต่อเนื่องและมากกว่าธนาคารกลางอื่น ๆ จึงทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ อาจแคบลง ส่งผลให้ดัชนีเงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าเทียบสกุลเงินภูมิภาค รวมถึงเงินบาท 3) เงินทุนเคลื่อนย้ายมีแนวโน้มไหลเข้าเอเชียต่อได้ จากเลขเงินเฟ้อที่ยังต่ำและแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่อได้ (ทำให้มี capital gains จากการถือครองพันธบัตรรัฐบาล) นอกจากนี้ ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานโลกเริ่มลดลง ซึ่งส่งผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงของเอเชีย 4) สหรัฐฯ มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้า (Tariffs) มากกว่าประเทศอื่น เพราะ Tariffs ถูกเรียกเก็บเป็นวงกว้าง จึงทำให้สหรัฐฯ ต้องจ่ายราคาสินค้านำเข้าสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ Term of trade (ToT) ของสหรัฐฯ ปรับแย่ลง (ราคาสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น มากกว่าราคาสินค้าส่งออก) ทำให้เงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลง เพราะ ToT ที่แย่ลงทำให้รายได้ของสหรัฐฯ น้อยลง กดดันดุลบัญชีเดินสะพัดในระยะสั้นของสหรัฐฯ ให้ปรับลดลง

#กนง #ดอกเบี้ยนโยบาย #เงินบาทแข็งค่า #SMEs #ครัวเรือนรายได้น้อย #ตลาดหุ้นไทย #เศรษฐกิจไทย #ไทยพาณิชย์ #ข่าวเศรษฐกิจ

เงินบาทอ่อนเล็กน้อย หลังสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้า 19% จับตาเศรษฐกิจจีน-เงินเฟ้อสหรัฐฯ

เงินบาทอ่อนเล็กน้อย หลังสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้า 19% – จับตาเศรษฐกิจจีนและเงินเฟ้อสหรัฐฯ

ค่าเงินบาทประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2568
•กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.70-32.95 บาท/ดอลลาร์
•เงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยหลังสหรัฐฯประกาศเก็บภาษีจากไทย 19% ซึ่งใกล้เคียงกับประเทศอื่นในภูมิภาค ภาครัฐไทยกล่าวว่าเตรียมออกมาตรการเยียวยาเกษตรกร
•เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core PCE) สหรัฐฯ ออกมาที่ 0.3%MOM เท่ากับที่ตลาดคาด และออกมาที่ 2.8%YOY ด้านการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับสูงขึ้น 0.1%MOM โดยมาจากการใช้จ่ายสินค้าไม่คงทนเป็นสำคัญ
•PMI ภาคการผลิตของจีนออกมาที่ 49.3 ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 49.7 และสะท้อนการหดตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน

#เงินบาทวันนี้ #SCBMarketView #ภาษีนำเข้า #เศรษฐกิจสหรัฐ #PMIจีน #เงินเฟ้อCorePCE #ดอลลาร์แข็ง #ข่าวเศรษฐกิจ #ตลาดการเงิน #SCB

ไทยพาณิชย์คว้ารางวัล “ธนาคารแห่งปี 2568” เป็นครั้งที่ 17 "กฤษณ์ จันทโนทก" นำทีมครองแชมป์ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน

ธนาคารไทยพาณิชย์ ตอกย้ำความสำเร็จกลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch คว้ารางวัล “ธนาคารแห่งปี 2568” หรือ Bank of the Year 2025 จากงาน Money & Banking Awards 2025 จัดโดยวารสารการเงินธนาคาร สร้างความสำเร็จต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน (2566-2568) และเป็นครั้งที่ 17 ของการได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ ด้วยผลการดำเนินงานในปี 2567 ที่แข็งแกร่ง โดยมี นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ รับมอบรางวัลจาก ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และ นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานบรรณาธิการวารสารการเงินธนาคาร เมื่อเร็วๆ นี้

ปัจจัยความสำเร็จที่ทำให้ธนาคารไทยพาณิชย์สร้างผลงานได้แข็งแกร่งมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา คือการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ “Digital Bank with Human Touch” ที่มุ่งผสานยุทธวิธี AI-First Bank ใช้เทคโนโลยี AI นำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจความต้องการของลูกค้า ผสานการให้บริการจากบุคลากรซึ่งเป็นจุดเด่นของธนาคารของธนาคาร จึงสามารถมอบประสบการณ์ทางการเงินที่ไร้รอยต่อในทุกช่องทาง ด้วยการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้มีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยในรอบปี 2567 จนถึงปัจจุบัน ธนาคารไทยพาณิชย์ยังเป็นธนาคารที่รักษา ROE อยู่ในระดับ 2 หลัก สูงสุดในกลุ่มธนาคารไทย และควบคุมต้นทุนต่อรายได้ดีที่สุดในระบบเช่นเดียวกัน ทั้งยังเป็นธนาคารที่ให้ความสำคัญกับการเงินยั่งยืนด้วยการให้สินเชื่อและออกหุ้นกู้เพื่อสนับสนุนความยั่งยืนที่สูงสุดในประเทศไทยรวมกว่า 180,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 ปีครึ่ง (2023 – 6 เดือนแรกของปี 2025) ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 150,000 ล้านบาท ในช่วงปี 2023 – 2025

การจัดอันดับ ธนาคารแห่งปี Bank of The Year โดยวารสารการเงินธนาคาร เพื่อยกย่องธนาคารที่มีผลประกอบการยอดเยี่ยมและสร้างความโดดเด่นทางธุรกิจ ซึ่งการจัดอันดับ ธนาคารแห่งปี 2568 Bank of the Year 2025 ในปีนี้ได้ใช้ผลประกอบการในรอบปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2567 ของธนาคารพาณิชย์ 12 แห่ง มาพิจารณาจัดอันดับ โดยธนาคารไทยพาณิชย์ได้รับรางวัลธนาคารแห่งปีรวมทั้งสิ้น 17 ครั้ง ในปี 2528, 2532, 2533, 2534, 2535, 2539, 2540, 2543, 2549, 2552, 2555, 2556, 2558, 2560, 2566, 2567 และปี 2568

ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.55 บาท/ดอลลาร์-ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าเล็กน้อย

ค่าเงินบาทวันนี้ 18 กรกฎาคม 2568 เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.55 บาท/ดอลลาร์-ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าเล็กน้อย

ค่าเงินบาทประจำวันที่ 18 กรกฎาคม 2568

-กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.55 บาท/ดอลลาร์

-เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบขณะที่ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย หลังเลขยอดค้าปลีกสหรัฐฯ กลับมาขยายตัวที่ 0.6%MOM สูงกว่าตลาดคาดที่ 0.1%

-นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมส่งจดหมายถึง 150 ประเทศ เพื่อแจ้งอัตราภาษีนำเข้าที่จะถูกปรับเพิ่ม 10% หรือ 15% และทรัมป์มีท่าทีแข็งกร้าวกับจีนน้อยลง

-ไทยเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยทางการไทยยืนยันว่าจะไม่เปิดตลาดให้สหรัฐฯ ทั้งหมด แต่จะพิจารณาผลกระทบต่อบางภาคส่วนในประเทศด้วย

#ค่าเงินบาท #เงินดอลลาร์ #เศรษฐกิจสหรัฐฯ #ภาษีนำเข้า #การค้าระหว่างประเทศ #ไทยพาณิชย์ #ดอลลาร์แข็งค่า #การเจรจาการค้าสหรัฐฯ #การลงทุน #เศรษฐกิจไทย #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ข่าววันนี้

 

"ไทยพาณิชย์" ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-32.65 บาท/ดอลลาร์

"ไทยพาณิชย์" ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-32.65 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทประจำวันที่ 16 กรกฎาคม 2568

-กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-32.65 บาท/ดอลลาร์

-เงินบาทอ่อนค่าเร็วช่วงข้ามคืน แม้เลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาที่ 0.2%MOM ต่ำกว่าที่ตลาดคาด แต่ราคาสินค้าบางกลุ่มสูงขึ้นสะท้อนผลจากมาตรการ tariffs ส่งผลให้ US Treasury yields สูงขึ้น และดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า

-GDP ไตรมาส 2 ของจีนออกมาที่ 5.2% สูงกว่าตลาดคาดที่ 5.1% แต่ยอดค้าปลีกชะลอลงที่ 4.8% และราคาบ้านลดลง

-นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีจากอินโดนีเซีย 19% ขณะที่อินโดนีเซียจะยกเลิกเก็บภาษีจากสหรัฐและนำเข้าสินค้ามากขึ้น

#ไทยพาณิชย์ #ค่าเงินบาท #ข่าววันนี้ #ตลาดการเงิน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

ค่าเงินบาทอ่อนค่าหลังทรัมป์ประกาศภาษีใหม่ ไทยเจอ 36% วันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.45-32.70 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทอ่อนค่าหลังทรัมป์ประกาศภาษีใหม่ ไทยเจอ 36% วันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.45-32.70 บาท/ดอลลาร์

กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets) ค่าเงินบาทประจำวันที่ 8 กรกฎาคม 2568

-กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.45-32.70 บาท/ดอลลาร์

-เงินบาทอ่อนค่าขึ้นตั้งแต่วันก่อน หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 10% กับประเทศใดก็ตามที่สนับสนุนนโยบายของกลุ่ม BRICS และจะเรียกเก็บภาษีจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเพิ่มอีก 25%

-ในช่วงข้ามคืนทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีตอบโต้ต่อไทยที่ 36% เท่ากับเมื่อเดือนเมษายน แต่เงินบาทยังทรงตัว

-เงินเฟ้อไทยเดือนมิถุนายนออกมาที่ -0.25% ติดลบ 3 เดือนติดต่อกันจากราคาพลังงานและอาหารสดที่ลดลง ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.06%

#ค่าเงินบาท #ภาษีทรัมป์ #ข่าววันนี้ #ไทยพาณิชย์ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์


 

เงินบาทอ่อนค่าแตะ 32.60 จากดอลลาร์แข็ง ตลาดมองเฟดไม่ลดดอกเบี้ย ก.ค.นี้-เศรษฐกิจไทยถูกหั่นเป้าโต

เงินบาทอ่อนค่าแตะ 32.60 จากดอลลาร์แข็ง ตลาดมองเฟดไม่ลดดอกเบี้ย ก.ค. นี้ – เศรษฐกิจไทยถูกหั่นเป้าโต

ค่าเงินบาทประจำวันที่ 4 กรกฎาคม 2568

-กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60 บาท/ดอลลาร์

-เงินบาทกลับมาอ่อนค่าจากดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าหลังเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรออกมาสูงกว่าคาด และอัตราว่างงานลดลงมาที่ 4.1% ทำให้ตลาดคิดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ลดดอกเบี้ยกรกฎาคมนี้ ด้าน Treasury yields สูงขึ้น

-สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณมูลค่า 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีการลดภาษีและลดการใช้จ่ายในโครงการสวัสดิการทางสังคม

-ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2025 ลงเหลือโต 1.8% และปีหน้าลงเหลือ 1.7%

#เงินบาทอ่อนค่า #ตลาดเงิน #ข่าววันนี้ #ไทยพาณิชย์ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ลดดอกเบี้ย

 

 

บาทแข็งต่อเนื่อง! ค่าเงินบาทวันนี้ 3 ก.ค.68 อยู่ที่ 32.35 กรอบ 32.25-32.50 ดอลล์อ่อนหลัง ADP ติดลบ

บาทแข็งต่อเนื่อง! ค่าเงินบาทวันนี้ 3 ก.ค. 68 อยู่ที่ 32.35 กรอบ 32.25-32.50 ดอลล์อ่อนหลัง ADP ติดลบ-จับตาข้อตกลงทรัมป์-เวียดนาม

ค่าเงินบาทประจำวันที่ 3 กรกฎาคม 2568

-กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.25-32.50บาท/ดอลลาร์

-เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังเลขการจ้างงาน ADP ภาคเอกชนสหรัฐฯ ออกมาที่ -33,000 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าคาดและติดลบครั้งแรกในรอบ 2 ปี

-นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศข้อตกลงการค้ากับเวียดนาม โดยเก็บภาษีนำเข้า 20% ด้านเวียดนามยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ทั้งหมด

-เงินปอนด์อ่อนค่าเร็วหลังมีข่าวลือว่ารัฐมนตรีคลังอังกฤษอาจลาออก ทำให้ตลาดกังวลกับเสถียรภาพภาคการคลัง แต่นายกฯ ออกมาปฏิเสธข่าวแล้ว

#ภาษีทรัมป์ #ข่าววันนี้ #ตลาดเงิน #ไทยพาณิชย์ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #เงินตรา

 

ไทยพาณิชย์ประกาศความสำเร็จสนับสนุนการเงินยั่งยืนทะลุเป้าหมายทะยานสู่ 1.8 แสนล้านบาทในช่วง 2 ปีครึ่งหนุนภาคธุรกิจไทยเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน

ไทยพาณิชย์ประกาศความสำเร็จสนับสนุนการเงินยั่งยืนทะลุเป้าหมายทะยานสู่ 1.8 แสนล้านบาทในช่วง 2 ปีครึ่งหนุนภาคธุรกิจไทยเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน

 

ไทยพาณิชย์ ตอกย้ำความมุ่งมั่นสนับสนุนการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ตามแนวคิด “อยู่ อย่าง ยั่งยืน” (Live Sustainably) ทุบสถิติการให้สินเชื่อและการออกหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ภายใต้วงเงินสะสมรวมกว่า 180,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 ปีครึ่ง (2023 – 6 เดือนแรกของปี 2025) ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 150,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปี (2023 – 2025) สะท้อนความมุ่งมั่นในฐานะผู้นำด้านการเงินที่ร่วมขับเคลื่อนภาคธุรกิจไทยเปลี่ยนผ่านสู่แนวทางการดำเนินงานที่สอดคล้องกับหลัก ESG และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ

 

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภายใต้กลยุทธ์ “อยู่ อย่าง ยั่งยืน” (Live Sustainably) ธนาคารได้ให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของการสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กรและเศรษฐกิจไทยในมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล สำหรับเป้าหมายในด้านสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะการเตรียมพร้อมเศรษฐกิจและสังคมไทยกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ (climate change) ธนาคารได้กำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ใน 3 ระยะสำคัญ ประกอบด้วย 1) การสนับสนุนลูกค้าเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนด้วยการให้สินเชื่อและการออกหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนภายใต้วงเงินจำนวน 150,000 ล้านบาท ระหว่างปี 2023 - 2025  2) ปรับการดำเนินงานภายในองค์กรสู่ Net Zero หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2030 และ 3) ตั้งเป้า Net Zero สำหรับพอร์ตสินเชื่อและการลงทุนของธนาคาร ภายในปี 2050 ทั้งนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ดำเนินการเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาโลกร้อน สะท้อนกลยุทธ์และความมุ่งมั่นของกลุ่มบริษัท SCBX ซึ่งเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกและแห่งเดียวของไทยที่ผ่านการรับรองการตั้งเป้าหมาย Net Zero ภายใต้มาตรฐาน Science-Based Targets Initiative: SBTi ในช่วงปลายปีที่แล้ว โดยมาตรฐาน SBTi เป็นมาตรฐานสากลที่อยู่บนพื้นฐานหลักการวิทยาศาสตร์ที่โปร่งใส ชัดเจน และตรวจสอบได้ และได้รับการยอมรับจากองค์กรระดับโลกจำนวนมากกว่า 8,000 แห่งเข้าเป็นสมาชิก

 

สำหรับความสำเร็จในการเป็นผู้นำของการสนับสนุนวงเงินเพื่อความยั่งยืนให้กับลูกค้าในทุกกลุ่มในช่วง 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา สะท้อนแผนการดำเนินการของธนาคารใน 3 ด้านสำคัญ  ได้แก่ 1) การกำหนดกลยุทธ์การลดคาร์บอนในภาคธุรกิจสำคัญ (Sectoral Decarbonization Strategies) ซึ่งระบุถึงโอกาส ความท้าทาย และแนวทางการสนับสนุนการปรับตัวของลูกค้า ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า ตั้งแต่กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ (Conglomerate & Corporate) ธุรกิจ  SME จนถึงรายย่อยให้เหมาะสมกับบริบทของลูกค้าในภาคธุรกิจต่างๆ  โดยในเบื้องต้น ธนาคารได้มุ่งเป้า 4 อุตสาหกรรมหลักที่มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่เป้าหมาย Net Zero ประกอบด้วย อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ พลังงานหมุนเวียน ยานยนต์ไฟฟ้า & ระบบนิเวศ และอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์  ซึ่งทั้ง 4 อุตสาหกรรมนี้ก็เป็น Top 4 ที่มีสัดส่วนของยอดวงเงินเพื่อความยั่งยืนของธนาคารลดหลั่นตามลำดับในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา 2) การออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนของลูกค้าแต่ละกลุ่ม โดยผสมผสานการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการทางการเงินของลูกค้าที่มีความหลากหลายในแต่ละภาคธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างแรงจูงใจทางการเงินเพื่อสนับสนุนการปรับตัวของลูกค้าในลักษณะ win-win ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ Sustainability-Linked Loan และ Sustainability-Linked Bond ที่ปรับอัตราดอกเบี้ยตามผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน เพื่อจูงใจให้ภาคธุรกิจเร่งขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจควบคู่การเปลี่ยนผ่านไปสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม และ 3) บทบาทการเป็นพาร์ตเนอร์ด้านความยั่งยืนที่แท้จริงให้กับลูกค้า ซึ่งมากกว่าการสนับสนุนด้านการเงิน แต่หมายรวมการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึง pain points ของลูกค้าแต่ละกลุ่มในการยกระดับด้านความยั่งยืน  ทั้งนี้ ธนาคารได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจด้านต่างๆ  เพื่อนำไปสู่การให้ความรู้ ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะด้าน technical solutions ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับบริบทของลูกค้า

 

นายกฤษณ์ กล่าวว่า ความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศจะเป็นทั้งความเสี่ยงและโอกาสของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า ธนาคารไทยพาณิชย์มีความตั้งใจที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงของระบบการเงินไทยเพื่อสนับสนุนการปรับตัวของทั้งลูกค้าภาคธุรกิจและลูกค้ารายย่อย เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสของการเติบโตให้กับเศรษฐกิจไทยภายใต้สังคมคาร์บอนต่ำของโลกในอนาคต โดยยึดมั่นในหลัก “อยู่ อย่าง ยั่งยืน” ในการดำเนินการทั้งในระดับองค์กร ลูกค้า และสังคมไทยโดยรวม เพื่ออนาคตที่มั่นคง แข็งแรง และยั่งยืนของประเทศ