"โฮมโปร" ชี้แจงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โมเดิร์นเทรดขายเหล็กเส้น-ปลั๊กพ่วง ไร้มาตรฐาน

"โฮมโปร" แจงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โมเดิร์นเทรดขายเหล็กเส้น-ปลั๊กพ่วง ไร้มาตรฐาน

วันที่ 22 มิถุนายน 2568 ตามที่มีรายงานข่าวในสื่อมวลชนบางแห่งเกี่ยวกับกรณีการจำหน่ายเหล็กเส้นและปลั๊กพ่วงที่ไม่ได้มาตรฐานในโมเดิร์นเทรด ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงปลอดภัยนั้น บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” และบริษัท เมกา โฮม เซ็นเตอร์ จำกัด หรือ “เมกาโฮม” ขอเรียนแจ้งว่าข้อมูลดังกล่าว ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าที่จัดจำหน่ายภายในโฮมโปรและเมกาโฮม แต่อย่างใด
 
โฮมโปรและเมกาโฮมให้ความสำคัญสูงสุดกับคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า โดยเฉพาะวัสดุก่อสร้างอย่างเหล็กเส้น เหล็กรูปพรรณ สินค้าในหมวดวัสดุโครงสร้างทั้งหมด รวมถึงปลั๊กพ่วง ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดหาเฉพาะสินค้าจากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไทย (มอก.) รวมถึงมาตรฐานที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้
 
สินค้าที่จำหน่ายในโฮมโปรและเมกาโฮมทุกชิ้น ผ่านกระบวนการคัดเลือก ตรวจสอบ และควบคุมคุณภาพอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ แข็งแรง ทนทาน และปลอดภัยตลอดทุกการใช้งาน
 
บริษัทฯ ขอยืนยันว่า โฮมโปรและเมกาโฮม ไม่มีนโยบายจัดจำหน่ายสินค้าไม่มีมาตรฐาน หรือสินค้าที่ไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยังคงยึดมั่นในการให้บริการและจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
 
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และขอขอบคุณทุกความไว้วางใจที่ลูกค้ามีต่อโฮมโปรและเมกาโฮมเสมอมา
 

"โฮมโปร" รุกตลาดบ้านปี 68 ปรับโฉมสาขา “หัวหิน มาร์เก็ตวิลเลจ” ยกระดับ “แลนมาร์กเรื่องบ้าน” ใจกลางมหานครริมทะเลระดับไฮเอนด์

โฮมโปร เดินหน้ายกระดับประสบการณ์ชอปสินค้าและบริการเรื่องบ้าน ล่าสุดเดินหน้าปรับโฉม สาขา “หัวหิน มาร์เก็ตวิลเลจ” สู่ “แลนด์มาร์กเรื่องบ้าน” ใจกลาง “เมืองหัวหิน” มหานครริมทะเลระดับไฮเอนด์เพื่อสร้างชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ครบทุกความต้องการ สะท้อนรูปแบบไลฟ์สไตล์ทันสมัย เข้าถึงง่าย สะดวกสบาย ชูจุดเด่นด้วยโซลูชันสินค้าและบริการที่ครบครัน ภายใต้แนวคิดการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ดีมานด์ลูกค้าในพื้นที่และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร เผยว่า “โฮมโปร หัวหิน มาร์เก็ตวิลเลจ” เป็นสาขาที่ให้บริการลูกค้าในหัวหิน รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มองหาสินค้าและบริการเรื่องบ้านแบบครบวงจร ซึ่งในปี 2568 นี้ ท่ามกลางการเติบโตของเมืองหัวหินทั้งในมิติของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการขยายตัวของอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้านแนวราบ บ้านพักตากอากาศ จนถึงโครงการคอนโดมิเนียมระดับกลางถึงบนที่ได้รับอานิสงส์จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อย่างรถไฟทางคู่และถนนเลียบชายฝั่ง และการส่งเสริมจากภาครัฐให้หัวหินเป็นเมืองท่องเที่ยวพิเศษระดับประเทศ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิด ‘ดีมานด์รูปแบบใหม่’ ที่ผู้บริโภคจะไม่เพียงมองหาเฟอร์นิเจอร์หรือของแต่งบ้านทั่วไป แต่ต้องการโซลูชันที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต รวมถึงสินค้าที่ตอบโจทย์กับแนวคิดการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

โดย โฮมโปร จึงได้นำเอาความต้องการเหล่านี้มาพัฒนาเป็นโจทย์เพื่อยกระดับสาขาในทุกมิติ ทั้งรูปลักษณ์ที่มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น การจัดวางสินค้าในรูปแบบ MODERN STYLE ที่ผสานความอบอุ่นของไม้ในโทนสีเรียบสบายตา, แทรกส่วนของ GRAPHIC KNOWLEDGE ช่วยเพิ่มความเข้าใจในฟังก์ชันใช้งาน และระบบ
E-CATALOGUE ที่ช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ทำให้การเลือกซื้อสินค้าเป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ ยังเสริมบริการ HOME SERVICE ที่ครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่ให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง ไปจนถึงดูแลหลังการขายโดยทีมงานมืออาชีพที่เข้าใจความต้องการของลูกค้าในพื้นที่อย่างแท้จริง และขยายบทบาทให้โฮมโปรสาขาหัวหิน มาร์เก็ตวิลเลจ กลายเป็น “แลนด์มาร์กเรื่องบ้าน” ของเมืองหัวหิน ที่ตอบสนองชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของลูกค้าได้ครบทุกความต้องการ

นอกเหนือจากนี้ โฮมโปร หัวหิน มาร์เก็ตวิลเลจ ยังเชื่อมต่อทุกบริการเข้ากับช่องทาง OMNICHANNEL บนแอปพลิเคชันต่าง ๆ รวมถึงบริการจัดส่งถึงบ้านภายในวันเดียว เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อแม้ไม่ได้มาใช้บริการที่สาขาโดยตรง ตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสะดวกในยุคดิจิทัลได้อย่างลงตัว พร้อมตอบโจทย์การยกระดับการใช้ชีวิตที่ดีขึ้นของลูกค้าได้อย่างแท้จริง นายวีรพันธ์ กล่าวสรุป

#โฮมโปรหัวหินมาร์เก็ตวิลเลจ #ใจกลางมหานครริมทะเลระดับไฮเอนด์ #หัวหิน #โฮมโปร #HomePro #BetterLivingเพื่อชีวิตที่ดีกว่า #Homepropr

 

 

“โฮมโปร” Q1/68 กวาดรายได้ 18,654.46 ล้านบาท ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ยังท้าทาย

บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2568 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568) มีกำไรสุทธิ 1,707.38 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการท่ามกลางกำลังซื้อที่ยังชะลอตัวจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา

วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ  บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)  หรือ  “โฮมโปร” (HMPRO) เปิดเผยถึงผลประกอบการในไตรมาส 1 ประจำปี 2568 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 18,654.46 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,707.38 ล้านบาท โดยการปรับตัวลดลงของรายได้ เป็นผลมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ วงเงินในการใช้จ่ายภายใต้โครงการ E-Receipt ที่ลดลงสำหรับร้านค้าทั่วไป จำนวนวันทำการของเดือนกุมภาพันธ์ที่น้อยกว่าปีก่อนหน้า รวมถึงจากที่ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูร้อนล่าช้า และมีฝนตกในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ในสินค้าประเภทเครื่องทำความเย็น มีการปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้ค่าเช่า จำนวน 471.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.46 ล้านบาท หรือ 4.54% จากปีก่อน เป็นผลมาจากการจัดเก็บรายได้ค่าเช่าพื้นที่เช่าในสาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจได้มากขึ้น

นายวีรพันธ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2568 เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ อาทิ นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาที่ยังไม่มีความแน่นอน รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้การบริโภคของภาคประชาชนยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการ Easy E-Receipt 2568 ในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยผู้บริโภคสามารถนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท ทั้งนี้มีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์จากปีก่อน แบ่งเป็น 30,000 บาท สำหรับร้านค้าทั่วไป และ 20,000 บาท สำหรับวิสาหกิจชุมชนและร้านค้า OTOP โดยจากการแยกวงเงินลดหย่อนภาษี ส่งผลให้มูลค่าการใช้สิทธิของร้านค้าทั่วไปลดลง ทำให้ยอดขายมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนล่าช้าเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน และมีฝนตกในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดความไม่สะดวกสบายในการเข้ามาใช้บริการที่สาขาของลูกค้า และทำให้กลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำความเย็น อาทิ เครื่องปรับอากาศ และ พัดลม มียอดขายที่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า จึงส่งผลให้ยอดขายต่อสาขาเดิม ลดลงในช่วงไตรมาสแรก

นอกจากนี้ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศพม่า และได้ส่งผลกระทบมายังประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและกรุงเทพมหานคร จากเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบโครงสร้างอาคารสาขาและสำนักงานอย่างละเอียด ซึ่งไม่พบความเสียหายแต่อย่างใด ทั้งนี้บริษัทฯ มีการสนับสนุนชุมชนและสังคมในเรื่องของการให้บริการตรวจสอบและประเมินความเสียหายที่อยู่อาศัยกับทางภาคครัวเรือน รวมถึงเตรียมความพร้อมในการรองรับความต้องการของสินค้าในหมวดการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นหลังจากขั้นตอนการตรวจสอบและประเมินความเสียหายเสร็จสิ้น

“โฮมโปรยังคงเดินหน้าเสริมแกร่งทางธุรกิจ ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มมาร์เกตเพลสออนไลน์ควบคู่กับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการจัดกิจกรรม Double Day และกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับความต้องการในกลุ่มสินค้าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นในช่วงถัดไป” นายวีรพันธ์ กล่าวสรุปในตอนท้าย

 

"โฮมโปร” เขย่าตลาดบ้านปี 68 พลิกเกมค้าปลีกสู่ “Home Solution & Living Experience” เปิดตัวแอป “CHANG HomePro”

บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร ผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการเรื่องบ้านเบอร์หนึ่งของไทย เขย่าวงการบ้านรับปี 68 ด้วยกลยุทธ์ใหม่ ที่เป็นมากกว่า “ขายสินค้า” แต่ยกระดับทั้งองค์กรสู่การเป็น “Home Solution & Living Experience” ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านครบวงจร ที่มุ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ในทุกๆมิติ ตั้งแต่การเลือกซื้อสินค้า ติดตั้ง ซ่อมแซม รีโนเวท ไปจนถึงบริการหลังการขาย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นภายในบ้านอย่างแท้จริง พร้อมเดินหน้าขยายสาขาใหม่อีก 12 แห่งทั่วประเทศ ทั้งในรูปแบบโฮมโปร เมกาโฮม และ “ไฮบริดสโตร์” ที่รวมโฮมโปรและเมกาโฮมไว้ในที่เดียว เสริมแกร่งทุกเซกเมนต์ลูกค้าตั้งแต่เจ้าของบ้านไปจนถึงผู้รับเหมา โดยในช่วงกลางปีนี้ เตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชัน “CHANG HomePro” ที่จะเปลี่ยนทุกบ้านให้มี “ช่างโฮมโปร มือโปรประจำบ้านคุณ” เรียกใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง

วันที่ 23 เมษายน 2568 นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” เปิดเผยว่า ธุรกิจค้าปลีกเรื่องบ้านในตลาดทุกวันนี้ มีการแข่งขันสูง ถือเป็นเรื่องปกติ ขึ้นอยู่กับว่าจะปรับตัวอย่างไรให้ตรงใจลูกค้า ซึ่งเราเชื่อว่า การเข้าใจลูกค้าคือหัวใจของความสำเร็จ โฮมโปร “ไม่ใช่แค่ร้านค้าจำหน่ายสินค้าอีกต่อไป” แต่คือ “ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านครบวงจร” ซึ่งความได้เปรียบเชิงโครงสร้างธุรกิจของโฮมโปรเกิดจากการมี 2 แบรนด์หลัก คือ “โฮมโปร” ที่จับกลุ่มลูกค้าบ้านเก่า-บ้านใหม่ กับ “เมกาโฮม” ที่จับกลุ่มลูกค้าช่างและผู้รับเหมา ล่าสุดเตรียมพัฒนาโมเดล “ไฮบริดสโตร์” ที่รวมทั้งสองไว้ในจุดเดียว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสูงสุด รองรับทุกกลุ่มลูกค้าของเรา แต่สิ่งที่ทำให้โฮมโปรแตกต่างอย่างแท้จริงไม่ใช่แค่นี้ แต่คือ การขยับแบรนด์ให้เป็นมากกว่าการขายสินค้า แต่เป็น Home Solution & Living Experience

Home Solution & Living Experience เป็นวิสัยทัศน์ของเราที่ต้องการผลักดัน และยกระดับจากร้านค้าจำหน่ายสินค้า ให้กลายเป็นศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านครบวงจร โดยเน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ซึ่งแนวคิดนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่มีสินค้าครบ แต่เรารวมบริการเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ การรีโนเวทบ้านทั้งหลัง โดยช่างโฮมโปรที่ได้มาตรฐาน การบริการจัดส่ง ติดตั้ง รื้อถอน ซ่อมแซม การออกแบบพื้นที่พิเศษเพื่อรองรับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยพักฟื้น ไปจนถึงบริการหลังการขายที่ครอบคลุมตลอดอายุการใช้งานสินค้า แม้ว่าจะไม่ได้ซื้อสินค้าจากโฮมโปรก็สามารถเรียกใช้บริการได้  ซึ่งโฮมโปรมีการขยายศูนย์ซ่อมมืออาชีพทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า ไม่ต้องรอซ่อมนาน ลดระยะเวลาในการซ่อมจาก 30-60 วัน เหลือเพียง 3-7 วัน ที่สำคัญเราคิดในมุมของลูกค้า จึงเกิดเป็นบริการเครื่องใช้ไฟฟ้าสำรองระหว่างรอซ่อม ขึ้นมา เช่น ตู้เย็น ปั๊มน้ำ และเครื่องซักผ้า เพื่อให้ลูกค้าใช้ชีวิตต่อได้อย่างราบรื่น

นอกจากนี้ ยังเปิดบริการ “Emergency Service” เรียกช่างโฮมโปรได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมถึงหน้างานภายใน 2 ชั่วโมง รองรับเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟดับ น้ำไม่ไหล และอีกหนึ่งบริการคือ “Same Day Delivery” ซึ่งเดิมมีอยู่แล้ว แต่ปีนี้จะเป็นปีแรกที่มีบริการจัดส่ง-ติดตั้ง Same Day Delivery ฟรี ภายในวันเดียว สำหรับสินค้าที่ร่วมรายการ เพราะเราต้องการให้ลูกค้าได้สินค้าที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ทันที

นายวีรพันธ์ กล่าวต่อว่า อีกก้าวสำคัญคือ การพัฒนาแอปพลิเคชัน “Home Service” เป็นแอป “CHANG HomePro” เตรียมเปิดตัวกลางปีนี้ พร้อมสโลแกน “ช่างโฮมโปร มือโปรประจำบ้านคุณ” ที่จะทำให้การเปลี่ยนหลอดไฟ ซ่อมก๊อกน้ำ หรือซ่อมแอร์ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป ด้วยปลายนิ้วเดียวก็สามารถเรียกช่างโฮมโปรมาถึงบ้านอย่างสะดวก รวดเร็ว และมั่นใจในคุณภาพมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ไม่เพียงแค่นั้น โฮมโปรยังเดินหน้าสู่องค์กรด้านความยั่งยืน ตั้งเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 พร้อมขับเคลื่อน Lifetime Eco-System เพื่อส่งมอบคุณค่าแห่งการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน ตลอดช่วงอายุของการใช้งานสินค้าและบริการ ตลอดจนเข้าไปแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า ช่วยจัดการของเก่าให้อย่างถูกวิธี ผ่านโครงการ “แลกเก่าเพื่อโลกใหม่” ลูกค้าสามารถนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าที่ไม่ใช้แล้ว มาแลกเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าใหม่ และยังแลกข้ามประเภทสินค้าภายในหมวดเดียวกันได้ โดยสินค้าที่ไม่ใช้แล้วจากบ้านลูกค้าโฮมโปรจะนำไปจัดการอย่างถูกวิธี โดยมีบริษัทที่มีใบรับรองตามกฎหมายเป็นผู้ดำเนินการ โดยวัสดุเหล่านี้จะถูกนำไปผลิตเป็น “สินค้ารักษ์โลก จากวัสดุหมุนเวียน” หรือ Circular Products และนำกลับมาวางจำหน่ายในโฮมโปรอีกครั้ง เช่น กระเป๋าช้อปปิ้งจากพลาสติกหุ้มสินค้า หรือกระเบื้องจากสุขภัณฑ์เก่า พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรผลักดัน Circular Economy อย่างจริงจัง

นายวีรพันธ์ กล่าวปิดท้ายว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ท้าทายจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและกำลังซื้อที่ลดลง โฮมโปรยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้าบ้านเก่าที่ต้องการปรับปรุงบ้าน อีกทั้งยังมีฐานสมาชิกกว่า 7 ล้านราย ที่นำมาวิเคราะห์และต่อยอดการทำตลาด นำเสนอสินค้าและบริการอย่างแม่นยำ ขณะเดียวกันก็ขยายฐานใหม่ไปยังกลุ่มเจ้าของบ้านใหม่ กลุ่มโปรเจกต์เชิงพาณิชย์ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร รวมถึงเพิ่มสินค้ากลุ่ม Health & Wellness ตอบรับเทรนด์สุขภาพที่มาแรง

โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีของโฮมโปร มาจากการพัฒนาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ทั้งในแง่ของสินค้า บริการ รูปแบบร้านค้าจำหน่ายสินค้า และเทคโนโลยีต่างๆ ที่นำมาใช้ในกระบวนการทำงาน เพื่อสร้าง “Customer Success” ไม่ใช่แค่ประสบการณ์ที่ดี แต่คือ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เมื่อลูกค้าที่ซื้อสินค้าและบริการของเราแล้ว จะได้ตามสิ่งที่คาดหวังจริงๆ ความสำเร็จของโฮมโปรไม่ได้วัดแค่ยอดขายหรือจำนวนสาขา แต่ยังสะท้อนจากการได้รับรางวัลระดับประเทศและนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น รางวัล 2025 Thailand’s Most Admired Brand ในกลุ่ม Modern Trade วัสดุก่อสร้าง ที่สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์โฮมโปร ไม่ได้แค่ขายสินค้า... แต่เราสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนให้กับคนไทยด้วยการพัฒนาธุรกิจให้เป็น Home Solution & Living Experience - ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านครบวงจร
ปี 2568 นี้ ไม่ใช่แค่ปีแห่งการเติบโต แต่คือปีแห่ง “การเปลี่ยนเกม” ที่ทั้งประเทศจะต้องจับตา!

#HomePro #โฮมโปร #BetterLivingเพื่อชีวิตที่ดีกว่า #Homepropr

 

 

 

โฮมโปร จับมือ มาซูม่า เปิดตัวเครื่องทำน้ำอุ่นรักษ์โลกจากพลาสติกหมุนเวียน

โฮมโปร จับมือ มาซูม่า เปิดตัวเครื่องทำน้ำอุ่นรักษ์โลกจากพลาสติกหมุนเวียน

นายแสงศักดิ์ สรกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดซื้อ Water Solution & Electric Merchandising  บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย  นายศรัล ดุรงค์เดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาซูม่า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวเครื่องทำน้ำอุ่นรักษ์โลก (Circular Products) มาพร้อมกับเทคโนโลยีจากมาซูม่า ที่ทำจากวัสดุหมุนเวียน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อตอบโจทย์การหมุนเวียนทรัพยากรให้ไม่เสียเปล่าและเกิดมูลค่าสูงสุด พร้อมแก้ปัญหาของผู้บริโภค ด้วยการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าไปจัดการอย่างถูกวิธี ช่วยลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ WEEE (Waste of Electrical and Electronic Equipment) ได้อย่างยั่งยืน

#สินค้ารักษ์โลกผลิตจากวัสดุหมุนเวียน #CircularProducts #CircularEconomy #โฮมโปร #HomePro #BetterLiving #Homepropr #มาซูม่า #mazuma #เครื่องทำน้ำอุ่นรักษ์โลก

 

โฮมโปร & เมกาโฮม ห่วงใย เคียงข้างคุณ หลังแผ่นดินไหว! มอบบริการสำรวจฟรี! 500 สิทธิ์ + ทีมช่างฯ เร่งด่วนตลอด 24 ชม.

โฮมโปร และเมกาโฮม ตระหนักถึงความเดือดร้อนของลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา พร้อมให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ด้วยบริการ Home Service 24 ชั่วโมง ที่ครอบคลุมทุกปัญหาภายในบ้าน เพื่อบรรเทาความเสียหายและฟื้นฟูที่อยู่อาศัยให้กลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ โฮมโปรได้มอบบริการสำรวจบ้านฟรี จำนวน 500 สิทธิ์ โดยลูกค้าสามารถลงทะเบียนได้ที่: LINE https://homeprolineapp.com/location/choose_geo.php (เลือกสาขาใกล้บ้าน) หรือ ติดต่อสายด่วน 1284 กด 9 ทีมช่างโฮมโปร  ช่างประจำบ้านคุณ พร้อมออกให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2568

-บริการซ่อมแซมครบวงจร เพื่อให้บ้านของทุกคนกลับมาปลอดภัยและน่าอยู่ดังเดิม

-ซ่อมแซมฝ้า ผนังร้าว และขอบวงกบประตู ที่ได้รับความเสียหาย

-เปลี่ยน ฝ้า เพดานที่ถล่ม ให้กลับมาแข็งแรง

-ซ่อมและเปลี่ยนกระเบื้องที่แตกร้าวหรือเสียหาย

-บริการซ่อมแซมบ้านอื่นๆ

พิเศษ! ซื้อง่าย ผ่อนสบายกับ Super Zero ผ่อนนาน ผ่อนน้อย เริ่มต้นเพียง 500.- (ผ่อนสบายได้ทั้งร้านนานสุด 3 เดือน เมื่อช้อปตั้งแต่ 2,000.- ขึ้นไปต่อใบเสร็จ) ช่วยให้คุณสามารถฟื้นฟูบ้านและซื้อของที่จำเป็นได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ โฮมโปร เมกาโฮม และคณะผู้บริหาร ขอแสดงความห่วงใยไปยังพนักงานและครอบครัว ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว บริษัทฯ ได้จัดสวัสดิการพิเศษต่างๆ เพื่อช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบ อาทิ เงินช่วยเหลือฉุกเฉิน สำหรับพนักงานที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เงินกู้โดยไม่มีดอกเบี้ย เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย และสิทธิพิเศษซื้อสินค้าและบริการซ่อมแซมบ้านในราคาพนักงาน เป็นต้น

โฮมโปรและเมกาโฮม พร้อมเป็นที่พึ่งในทุกสถานการณ์ พร้อมเคียงข้างลูกค้าและพนักงานในช่วงเวลาที่ยากลำบากไปด้วยกัน เพื่อให้ทุกคนสามารถก้าวผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจ

#โฮมโปรเมกาโฮมห่วงใย #เราจะผ่านไปด้วยกัน #ช่วยเหลือผู้ประสบภัย #ช่างโฮมโปร #HomePro #MegaHome #ครบเรื่องบ้านและงานช่าง #BetterLivingเพื่อชีวิตที่ดีกว่า

"โฮมโปร" ชวน “รักษ์โลก แลกแต้ม เปลี่ยนแสงแดดเป็นคะแนน Home Card” ด้วยการติด Home Solar “ประหยัดไฟ-ประหยัดเงิน-รับแต้มลดโลกร้อน”

โฮมโปร เดินหน้าภารกิจ Net Zero Emissions ร่วมกับภาครัฐ-เอกชน มูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน สถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เซ็น MOU โครงการ “วิจัยและพัฒนาตลาดคาร์บอนครัวเรือนภาคสมัครใจ” ผลักดันให้ผู้บริโภคใช้พลังงานสะอาด ผ่านการติดตั้งโซลาร์เซลล์ พร้อมเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตเป็นคะแนนโฮมการ์ด แลกรับสินค้า, บริการ และสิทธิประโยชน์มากมายที่โฮมโปร ตั้งเป้ามีผู้เข้าร่วมโครงการฯ กว่า 300 ครัวเรือน แจกคะแนนโฮมการ์ดกว่า 3 ล้านแต้ม และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 1 ตันคาร์บอน

เมื่อวันที่ 19 มี.ค.68 นายนิทัศน์ อรุณทิพย์ไพฑูรย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มทรัพยากรบุคคล และธุรกิจพลังงาน บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จากัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” เปิดเผยว่า ปัจจุบันความต้องการคาร์บอนเครดิตในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก สะท้อนถึงกระแสตื่นตัวของประชาชนและภาคธุรกิจ ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change หลายองค์กรมีเป้าหมายสำคัญร่วมกัน เพื่อมุ่งสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อขับเคลื่อนสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ตามแนวทางภารกิจ Net Zero Emissions ให้สำเร็จในอนาคต

“โฮมโปร ไม่เพียงเป็นผู้ให้บริการติดตั้งโซลาร์เซลล์ แต่ยังเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด การชดเชยคาร์บอน รวมถึงระบบนิเวศธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โฮมโปรดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ต้นทางการผลิตไปจนถึงปลายทางของการจัดการอย่างถูกวิธี เป้าหมายของเราจึงไม่ได้มีแค่การปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดภายในองค์กร แต่ยังรวมถึงการส่งเสริมให้ผู้บริโภคทั่วประเทศได้มีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน”

โดยในเดือนมีนาคม 2568 นี้ “โฮมโปร” ได้ประกาศความร่วมมือกับ “มูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน” “สถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่” ภายใต้งบประมาณสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “โครงการวิจัยและพัฒนาตลาดคาร์บอนครัวเรือนภาคสมัครใจ” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคธุรกิจ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนใช้พลังงานสะอาด โดยใช้แพลตฟอร์มตลาดคาร์บอนครัวเรือนภาคสมัครใจ เพื่อติดตามข้อมูลการผลิตพลังงานจากโซลาร์เซลล์ พร้อมวัดผลปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ของแต่ละครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับโครงการฯนี้ช่วยให้โฮมโปรเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของภาคธุรกิจ ส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดโลกร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมช่วยลดค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพได้ในระยะยาว โดยครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการฯ สามารถนำ Carbon Credit 1 ตันคาร์บอน หรือเทียบเท่ากับการใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์ 2,059 หน่วย (Khw) มาแลกเป็นคะแนนโฮมการ์ด 1,900 คะแนน เพื่อใช้คะแนนเป็นส่วนลดสำหรับสินค้าและบริการ รวมถึงแลกสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ที่โฮมโปร และเมกาโฮม ทั่วประเทศ

“โครงการนี้ ไม่ได้เป็นเพียงก้าวสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการลดโลกร้อน ผ่านการใช้พลังงานสะอาดและการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากจะสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ยังช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น” นายนิทัศน์ฯ กล่าว

ดร.สุวิทย์ ธรณินทร์พานิช ประธานกรรมการ มูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน เสริมว่า การจัดทำโครงการ “วิจัยและพัฒนาตลาดคาร์บอนครัวเรือนภาคสมัครใจ” จะใช้แพลตฟอร์มกลางในการติดตามว่าครัวเรือนที่มีการติดตั้งโซลาร์เซลล์ มีการผลิตพลังงานสะอาด หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณเท่าไร โดยแพลตฟอร์มนี้จะยังช่วยคำนวณการแลกเปลี่ยนปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้เป็นคะแนน เพื่อนำไปแลกกับสินค้าหรือบริการของภาคธุรกิจอย่าง “โฮมโปร” ซึ่งเราคาดว่าโครงการฯ จะสามารถสร้างประโยชน์ครอบคลุมถึง 3 ด้าน คือ การสร้างรายได้ให้ภาคครัวเรือน, การทำธุรกิจตามแนวเศรษฐกิจหมุนเวียนของภาคธุรกิจ และสามารถสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับประเทศไทย 

รศ.วงกต วงศ์อภัย ผู้แทนสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดทำโครงการฯ ในครั้งนี้ สิ่งสำคัญของกระบวนการทั้งหมด ไม่ใช่เพียงการได้คาร์บอนเครดิตกลับมา แต่ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความรับผิดชอบของภาคส่วนต่าง ๆ ที่มาเข้าร่วมกับโครงการฯ เพื่อช่วยกันลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นประเด็นสำคัญในระดับโลก อีกทั้งการแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตกับคะแนนที่ใช้แลกสินค้าหรือบริการจาก “โฮมโปร” ยังสามารถช่วยจูงใจให้ประชาชนหันมาให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดมากขึ้น ช่วยสร้างประโยชน์ทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน พร้อมเป็นส่วนสำคัญที่นำไปสู่เป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา โฮมโปร เป็นหนึ่งในองค์กรธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการเดินหน้าแผนงานลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคครัวเรือน โดยในปี 2023-2024 มีผู้บริโภคใช้บริการติดตั้ง Home Solar by HomePro รวมทั้งหมด 324 ครัวเรือน เทียบเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1,200 ตันต่อปี ในระยะเวลา 2 ปี ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงกว่า 2,400 ตันคาร์บอน หรือเทียบเท่ากับปลูกต้นไม้ 240,000 ต้น

สำหรับในปี 2025 โฮมโปรคาดหวังว่า ว่าการร่วมมือกับโครงการวิจัยและพัฒนาตลาดคาร์บอนครัวเรือนภาคสมัครใจ จะมีการแจกคะแนนโฮมการ์ดรวมกว่า 3 ล้านคะแนน และมีเป้าหมายครัวเรือนร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 300 ครัวเรือน สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงไม่ต่ำกว่า 1,200 ตันคาร์บอน หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 120,000 ต้น

#Homesolar #โฮมโซลาร์ # เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ #โฮมโปร #HomePro #BetterLivingเพื่อชีวิตที่ดีกว่า #มูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน #สถาบันวิจัยพหุศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

“โฮมโปร” คว้ารางวัล WINNER สุดยอดแบรนด์ Home & Decoration ในงาน THAILAND SOCIAL AWARDS ครั้งที่ 13

“โฮมโปร" (HomePro) หรือ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้าน Home Solution and Living Experience ในประเทศไทย ประกาศความสำเร็จบทใหม่บนโลกออนไลน์ คว้ารางวัล WINNER กลุ่ม Best Brand Performance on Social Media จากเวที THAILAND SOCIAL AWARDS ครั้งที่ 13 ในสาขา Home & Decoration สะท้อนความมุ่งมั่นในการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการใช้โซเชียลมีเดียสร้างประสบการณ์เรื่องบ้านในมิติใหม่ ยกระดับการอยู่อาศัยที่ดีเพื่อผู้บริโภค

โฮมโปร ให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ พฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าที่เข้าถึงเทรนด์แต่งบ้านผ่านโลกออนไลน์, การศึกษาถึงประโยชน์ของสินค้าที่มีมากกว่าความสวยงาม หรือแม้แต่รูปแบบการช้อปใหม่ๆ ที่จะช่วยเติมเต็มความสะดวกและคุ้มค่ากว่าเดิม จึงทำให้ทุกๆ การสร้างสรรค์คอนเทนต์ตลอดปี 2567 ได้ถูกคิดวิเคราะห์อย่างดีที่สุด เพื่อทำให้ผู้บริโภคได้รับเนื้อหากิจกรรมที่น่าสนใจและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์แบบครบ จบ ผ่านทุกช่องทางโซเชียลมีเดียของโฮมโปร

โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา หนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับการตอบรับและถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายทั่วโซเชียล คือแคมเปญ Trade-in รักษ์โลกอย่าง “แลกเก่าเพื่อโลกใหม่” โมเดลที่ชวนให้ผู้บริโภคได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโลกที่ดีขึ้น ด้วยการนำของเก่าที่ไม่ใช้แล้วในบ้าน ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและสุขภัณฑ์ มาแลกส่วนลดช้อปของใหม่ โดยโฮมโปรสนับสนุนค่าติดตั้ง-รื้อถอนของเก่าฟรี อีกทั้งของเก่าทุกชิ้นจะถูกนำไปจัดการอย่างถูกวิธี ไม่สร้างมลภาวะในสิ่งแวดล้อม และชิ้นส่วนต่างๆ จะถูกรีไซเคิลเพื่อผลิตเป็นสินค้าใหม่ ในรูปแบบสินค้ารักษ์โลก หรือ Circular Products อีกด้วย ซึ่งโฮมโปรยังได้เปิดตัวโฆษณาที่สื่อสารให้ผู้บริโภคเข้าใจในกระบวนการ Closed-Loop Circularity ทุกขั้นตอน จนเกิดกระแสเก่าแลกใหม่ เชิญชวนมาร่วมรักษ์โลก เกินกว่าเป้าหมายที่โฮมโปรตั้งไว้หลายเท่าตัว

อีกหนึ่งกิจกรรมที่ดึงดูดคนรักบ้านทั่วโลกออนไลน์ คือแคมเปญฉลองครบ 28 ปีของโฮมโปร “HomePro 28th Anniversary” 8 WONDERS กับการส่งมอบความพิเศษให้ผู้บริโภคแบบไม่ซ้ำกันตลอด 8 สัปดาห์เต็ม ทำให้

ช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2567 เกิดกระแสการช้อปของแต่งบ้าน, คำแนะนำของขวัญเรื่องบ้าน รวมถึงการใช้จ่ายสินค้าบ้านอย่างคุ้มค่า ได้ถูกพูดถึงบนโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่องตลอดเทศกาลส่งท้ายปีที่ผ่านมา

สำหรับงาน Thailand Social Awards ครั้งที่ 13 งานประกาศรางวัลโซเชียลมีเดียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ จัดโดย บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อส่งเสริมการใช้โซเชียลมีเดียอย่างสร้างสรรค์ และตอกย้ำบทบาทของแพลตฟอร์มดิจิทัลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง โฮมโปร ได้รับการยอมรับในฐานะองค์กรที่มีผลงานโดดเด่นบนโซเชียลมีเดีย ในกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน สะท้อนถึงความแข็งแกร่งด้านกลยุทธ์การสื่อสาร การตลาดดิจิทัล และการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่

#สุดยอดแบรนด์Home&Decoration #ThailandSocialAwards #BestBrandPerformanceonSocialMedia #โฮมโปร #HomePro #BetterLiving #Homepropr

“โฮมโปร” ปี 67 กำไรทะลุ 6.5 พันล้าน ต่อยอดแพลตฟอร์มออนไลน์ ตอกย้ำผู้นำค้าปลีกสินค้าบ้านครบวงจร

“โฮมโปร” ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจที่ท้าทาย ยังคงโชว์ศักยภาพผลการดำเนินงานปี 67 ทำกำไรสุทธิ 6,503.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.96% จากปีก่อน ด้วยกลยุทธ์บริหารต้นทุนและกระตุ้นยอดขายผ่าน Omni-Channel พร้อมลุยขยายสาขาเพิ่ม 9 แห่ง รวมถึงพัฒนา Hybrid Store ผสานโฮมโปร-เมกาโฮมในที่เดียว ขยายศูนย์กระจายสินค้า ต่อยอดแพลตฟอร์มออนไลน์ และเน้นสินค้ารักษ์โลก ตอกย้ำผู้นำค้าปลีกสินค้าบ้านครบวงจร

เมื่อวันที่ 26 ก.พ.68 นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร (HomePro) เปิดเผยถึงผลประกอบการในปี 2567 ว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิสำหรับปี 2567 เท่ากับ 6,503.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.99 ล้านบาท หรือ 0.96% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวมจำนวน   72,576.52 ล้านบาท ลดลง 0.34% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนตัวลงจากภาวะหนี้ครัวเรือนสูง และต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นยังสามารถขยายตัวอยู่ที่ 26.82% เทียบกับ 26.60% ในปีก่อน

โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อผลประกอบการปี 2567 ได้แก่

-โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ เช่น Easy E-Receipt และโครงการแจกเงิน 10,000 บาท แก่กลุ่มเปราะบาง ส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้นในบางช่วง

-กลยุทธ์การตลาดที่เน้นช่องทาง Omni-Channel โดยเพิ่มโปรโมชั่นอย่าง Double Day และ HomePro Super Expo ที่จัดในสาขาทั่วประเทศแทนการจัดงาน HomePro Expo แบบเดิม รวมถึงกิจกรรม HomePro 28th Anniversary 8 WONDERS จัดโปรลดราคาพิเศษตลอด 8 สัปดาห์เต็ม ส่งผลให้ยอดขายสินค้าออนไลน์รวมทุกแพลตฟอร์มมีการเติบโตขึ้น

-ยอดขายสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าเติบโตสูง โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศและพัดลมในช่วงฤดูร้อน

-ผลกระทบจากน้ำท่วมในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลให้ยอดขายในบางพื้นที่ลดลงชั่วคราว ก่อนจะมีการฟื้นตัวจากความต้องการซื้อสินค้าทดแทน

ทั้งนี้ โฮมโปร มีกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าและการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 18,223.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.89 ล้านบาท หรือ 0.32%  เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน โดยอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขาย เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 26.82% จาก 26.60% ในปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง ทั้งจากธุรกิจโฮมโปรและธุรกิจเมกาโฮม

นายวีรพันธ์ กล่าวอีกว่า ในปี 2567 โฮมโปรเดินหน้าพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้น การเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างรายได้ ผ่านการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและปรับกลยุทธ์ด้านราคา รวมถึงการขยายบริการ Home Service และการพัฒนา Marketplace สำหรับสินค้ากลุ่มเฉพาะ เช่น สินค้าผู้สูงอายุ แม่และเด็ก และอุปกรณ์สำนักงาน นอกจากนี้ บริษัทยังขยายฐานลูกค้า B2B ไปยังโรงแรม ออฟฟิศ และร้านอาหาร ผ่านแพลตฟอร์มเฉพาะทาง พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานด้วยการขยายศูนย์กระจายสินค้าและติดตั้งระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (ASRS) เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและลดต้นทุนในการกระจายสินค้า

โดยโฮมโปรยังให้ความสำคัญกับ ความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านโครงการ Trade-in ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้านำสินค้าเก่าที่ไม่ใช้แล้ว มาแลกรับส่วนลดในการซื้อสินค้าชิ้นใหม่ โดยโฮมโปรจะนำซากเก่าไปจัดการอย่างถูกวิธี เพื่อนำไปพัฒนาเป็นสินค้ารักษ์โลก (Circular Products) เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า กระเบื้อง และถุงช้อปปิ้งที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล บริษัทฯ ยังมีการตั้งศูนย์ซ่อมสินค้าเพื่อลดปริมาณขยะ และนำเสนอสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้แบรนด์ของตนเอง (ECO Choice)

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างจริงจัง โดยติดตั้ง แผงโซลาร์เซลล์ แล้วกว่า 97 สาขา และเตรียมขยายเพิ่มเติม รวมถึงนำ รถ EV มาใช้ในการขนส่งสินค้าเพื่อลดมลพิษ พร้อมเข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการ United Nations Global Compact (UNGC) เป็นปีที่ 3 โดยยึดหลักสิทธิมนุษยชน แรงงาน สิ่งแวดล้อม และต่อต้านการทุจริต โฮมโปรยังตั้งเป้าหมาย Net Zero 2050 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการดำเนินธุรกิจทั้งหมด ตอกย้ำความเป็นผู้นำค้าปลีกที่มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย

นายวีรพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมเรื่องการขยายสาขาว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นปี 2567 บริษัทฯ จะมีโฮมโปร 94 สาขา, โฮมโปรเอส 5 สาขา, เมกาโฮม 30 สาขา และโฮมโปรในมาเลเซีย 7 สาขา โดยมีการขยายสาขาใหม่รวมทั้งสิ้น 9 สาขา ในรูปแบบของสาขาโฮมโปร 6 แห่งและเมกาโฮม 3 แห่ง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เปิดสาขาในรูปแบบไฮบริดสโตร์ (Hybrid Store) เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทั้งเจ้าของบ้านและช่างผู้รับเหมา โดยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่และลดต้นทุนการบริหารจัดการอีก

“บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่น ทุ่มเท รวมถึงความตั้งใจ ของบุคลากรทุกระดับ ตลอดจนการสนับสนุนที่ดีจากผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มเสมอมา บริษัทฯ เชื่อว่าการเติบโตทางธุรกิจที่สร้างคุณค่าให้กับทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นลูกค้า พนักงาน คู่ค้า ผู้ถือหุ้น ตลอดจนชุมชนและสังคม เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่ช่วยผลักดันให้องค์กรก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนเช่นกัน” นายวีรพันธ์ กล่าวสรุปในตอนท้าย

"โฮมโปร" จัดโปรฯ รับ “Easy E-Receipt” ช้อปสนุกลดหย่อนภาษีได้ รับสิทธิ์ส่วนลด+เงินคืนสูงสุด 8,000 บาท!

โฮมโปร ร่วมสนับสนุนมาตรการช้อปลดหย่อนภาษี เปิดตัวแคมเปญ HomePro Easy E-Receipt มอบความสนุก ช้อปคุ้มค่ารับต้นปีใหม่ และตรุษจีน ให้ผู้บริโภค 2 ต่อ! รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี สูงสุด 30,000 บาท (ตามที่จ่ายจริงสำหรับใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) พร้อมมอบความพิเศษเฉพาะสมาชิกโฮมการ์ด และเอกสิทธิ์พิเศษเฉพาะผู้ถือบัตรเครดิต HomePro VISA, CardX, TTB, UOB และ บัตร HomePro First Choice รับส่วนลดและเครดิตเงินคืน รวมสูงสุด 8,000 บาท เริ่มช้อปความคุ้มค่าได้ตั้งแต่ 16 มกราคม 2568 ที่โฮมโปร เมกาโฮม ทุกสาขา และออนไลน์!

เมื่อวันที่ 13 ม.ค.68 นางสาวเสาวณีย์ สิราริยกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” กล่าวถึง Easy E-Receipt 2.0 หรือ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2568 ของรัฐบาล ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับประเทศให้เกิดการขยายตัว ทั้งการเพิ่มสิทธิ์ลดหย่อนภาษีให้กับผู้บริโภค และการเพิ่มโอกาสเติบโตของร้านค้าและผู้ประกอบการ โฮมโปรจึงตอบรับ Easy E-Receipt อย่างต่อเนื่องในปี 2568 เพื่อมอบประสบการณ์การช้อปสินค้าเรื่องบ้านและวัสดุอุปกรณ์งานช่างที่ครบครัน มีคุณภาพ พร้อมสิทธิประโยชน์สุดคุ้มสำหรับคนรักบ้าน และสิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30,000 บาท ตลอดช่วงปีใหม่ และเทศกาลตรุษจีนนี้

“มาตรการ Easy E-Receipt ถือเป็นโอกาสสำคัญในการกระตุ้นตลาดสินค้าเรื่องบ้าน และโฮมโปรได้เป็นอย่างดีในช่วงต้นปีนี้ จากความตั้งใจของผู้บริโภคที่ต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี ควบคู่กับความต้องการสินค้าสำหรับตกแต่งและปรับปรุงบ้าน หรือเป็นของขวัญสำหรับเทศกาลสำคัญต่างๆ เช่น ช่วงปีใหม่ ตรุษจีน เป็นต้น โฮมโปรจึงพร้อมตอบรับกำลังซื้อดังกล่าว ด้วยการเพิ่มความคุ้มค่าทุกๆ ใบเสร็จ มอบส่วนลดและเครดิตเงินคืนพิเศษสำหรับลูกค้าสมาชิกโฮมการ์ด และเอกสิทธิ์พิเศษเฉพาะผู้ถือบัตรเครดิต HomePro VISA, CardX, TTB, UOB และ บัตร HomePro First Choice รวมมูลค่าสูงสุด 8,000 บาทตลอดรายการนี้”

เตรียมช้อป ลดหย่อนภาษี พร้อมรับของขวัญสุดคุ้ม 2 ต่อ ในแคมเปญ “HomePro Easy E-Receipt”

ต่อที่ 1 : ช้อปที่โฮมโปร รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี ตามที่จ่ายจริงสำหรับใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ สูงสุด 30,000 บาท (เริ่มวันที่ 16 มกรามคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568)

ต่อที่ 2 : สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกโฮมการ์ด และเอกสิทธิ์พิเศษเฉพาะผู้ถือบัตรเครดิต HomePro VISA, CardX, TTB, UOB และบัตร HomePro First Choice รับทั้งส่วนลดเพิ่มและรับเครดิตเงินคืน รวมสูงสุด 8,000 บาท (จำกัด 1 สิทธิ์ / 1 หมายเลขบัตรสมาชิกตลอดรายการ) (เริ่มวันที่ 17–19 มกราคม 2568 มอบความพิเศษแบบไม่เหมือนใคร 3 วันเท่านั้น) ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 25% ต่อปี

เติมเต็มความสุขการอยู่อาศัยดีๆ รับปีใหม่ พร้อมช้อปของขวัญสุดคุ้มและลดหย่อนภาษีได้ กับแคมเปญ “HomePro Easy E-Receipt” ที่โฮมโปร เมกาโฮม ทุกสาขา และออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 – 28 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center หมายเลข 1284

#มาตรการช้อปลดหย่อนภาษี #HomeProEasyEReceipt #โฮมโปร #HomePro #BetterLife #เมกาโฮม #MegaHome #เมกาโฮมเรื่องบ้านและงานช่าง #Homepropr