SKIN จับมือ APM และ PST โรดโชว์ปักหมุด 8 จังหวัด 19 พ.ค.-9 มิ.ย.68

บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จํากัด (มหาชน) หรือ SKIN ผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงามแบรนด์ไทย Skinsista และ Dermie ที่เข้าใจผู้บริโภคยุคใหม่ จับมือ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ที่ปรึกษาการเงิน ร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PST เดินสายโรดโชว์ นำเสนอข้อมูลธุรกิจ ข้อมูลทางการเงิน พบนักลงทุนรายย่อย 8 จังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 19 พ.ค. – 9 มิ.ย.68

วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จํากัด (มหาชน) หรือ SKIN กล่าวว่า “บริษัทฯเตรียมเดินทางไปนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุน หรือโรดโชว์ เพื่อนำเสนอข้อมูลธุรกิจ ให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก โดยจะเริ่มเดินสายที่ ชลบุรี เป็นจังหวัดแรก ตามด้วย นครสวรรค์ นครราชสีมา ขอนแก่น เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี สงขลา (หาดใหญ่) และกรุงเทพมหานคร ตามลำดับ ในระหว่างวันที่ 19 พ.ค. – 9 มิ.ย.68”

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า “การเดินสายโรดโชว์ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุนเกี่ยวกับศักยภาพในการเติบโตของ SKIN รวมถึงแผนการดำเนินงานในอนาคต โดยมั่นใจว่า SKIN จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากมีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง”

นายชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จํากัด (มหาชน) หรือ SKIN ผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงามแบรนด์ไทยที่เข้าใจผู้บริโภคยุคใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทได้พัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเครื่องสำอางภายใต้ 2 แบรนด์หลัก คือ SKINSISTA ซึ่งเจาะกลุ่มผู้บริโภควัย 18-30 ที่มีปัญหาเรื่องผิว อาทิ ปัญหาสิว หรือ ริ้วรอย ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายทั้งรูปแบบ Offline อาทิ 7-11, Watsons, CJ MORE NINE BEAUTY, Beautrium และ Konvy  และช่องทาง Online อาทิ Shopee, Lazada และ Tiktok shop   รวมถึงแบรนด์เวชสำอางน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว Dermie ที่เจาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีปัญหาเรื่องผิวบอบบางแพ้ง่ายโดยเฉพาะ

โดยบริษัทมีผลิตภัณฑ์หลัก คือ เซรั่มบำรุงผิวหน้า และครีมกันแดดโดยคิดเป็นสัดส่วนรายได้มากกว่า90% จากทุกช่องทางจำหน่ายในปี 2567 ที่ผ่านมา  ทั้งนี้ในปี 2568 บริษัทมีแผนขยายฐานลูกค้าสร้างการรับรู้ในวงกว้าง   พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายทั้งในรูปแบบ Full Package และรูปแบบซอง ตลอดปี 2568    เพื่อเพิ่มความสะดวกให้การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัท รวมถึงปรับกลยุทธ์เตรียมขยายธุรกิจเต็มรูปแบบ

“บริษัทมีความพร้อมอย่างยิ่งในการเดินทางไปนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนในทุกจังหวัด โดยเชื่อว่าด้วยศักยภาพ และแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน จะได้รับการตอบรับที่ดี และได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนที่มีศักยภาพทั้ง 8 จังหวัด เราพร้อมที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่งร่วมไปกับนักลงทุนทุกคน” นายชาญวิทย์ กล่าว

MOTHER นัดโรดโชว์ออนไลน์ “22 ม.ค.68” ก่อนลุยเทรด mai ใน Q1/68

เตรียมนับถอยหลังลงสนามเทรด mai ในไตรมาสแรกปี 2568 สำหรับ บมจ. มาเธอร์ มาร์เก็ตติ้ง หรือ MOTHER ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผ่านสำนักงานใหญ่และร้านสาขา ชื่อ "Mother Supermarket" และ "Mother Marche" รวม 20 สาขา ในจังหวัดกระบี่ สุราษฎร์ธานี และพังงา รวมถึงมีศูนย์กระจายสินค้า 2 แห่ง อยู่ที่จังหวัดกระบี่ และสุราษฎร์ธานี เดินหน้าจัดโรดโชว์ (Roadshow) ในวันพุธที่ 22 มกราคม 2568 ผ่านช่องทาง Facebook Page: Mother Supermarket ตั้งแต่เวลา 14.30 – 15.30 น. 

งานนี้ ผู้บริหาร MOTHER นำทีมโดย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เอกพงศ์ โชคชัยวิทัศน์” พร้อมด้วยรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบัญชีและการเงิน  “วิไลลักษณ์ มากผล” และ “สัมฤทธิ์ชัย ตั้งหะรัฐ” กรรมการผู้จัดการ วาณิชธนกิจ บริษัท พาย แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ร่วมนำเสนอภาพรวมธุรกิจ พร้อมโชว์ศักยภาพการเติบโต ก่อนเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 86 ล้านหุ้น เล็งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ไตรมาสแรกของปี นักลงทุนต้องไม่พลาด หุ้น IPO MOTHER 

PIS ปิดท้ายโรดโชว์กรุงเทพฯ นำเสนอข้อมูลขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ผลตอบรับดีเยี่ยม

PIS ปิดท้ายโรดโชว์กรุงเทพฯ นำเสนอข้อมูลขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ผลตอบรับดีเยี่ยม

นางสาวเบญญาภา เฉลิมวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายนวัช ทัฬหิกรณ์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานการเงินและบัญชี บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) (PIS) พร้อมด้วย นายโชษิต เดชวนิชยนุมัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม อัลฟา แคปปิตอล จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงิน และนายชานนทร์ ปิยสุนทร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้น ถ่ายภาพร่วมกันในงานโรดโชว์ เพื่อนำเสนอข้อมูลขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO)  โดยจะทำการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 140 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 25.93 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ชำระแล้วทั้งหมด มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาส 1 ปี 2568 โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม งานดังกล่าวจัดขึ้น ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

PTG ยกทัพโรดโชว์หาดใหญ่ กระแสตอบรับท่วมท้น

คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยคุณรังสรรค์ พวงปราง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการเงินและความยั่งยืน คุณฉลอง ติรไตรภูษิต ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) และคุณศรัณยา กระแสเศียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด  ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน  ร่วมนำเสนอข้อมูลบริษัท (โรดโชว์) “HAT-YAI EXCLUSIVE TALK WITH PTG” “เจาะลึกความสำเร็จจาก 2 แม่ทัพใหญ่แห่ง PTG”  ให้กับนักลงทุนที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พร้อมทั้งฉายภาพการเติบโตในอนาคต ซึ่งจากการที่ PTG เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และอยู่ในเทรนด์ธุรกิจที่น่าจับตา ส่งผลให้นักลงทุนสนใจร่วมรับฟังจำนวนมาก โดยงานดังกล่าวจัดขึ้น ณ โรงแรมคริสตัล หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อเร็วๆ นี้

ทุบสถิติ! “ออริจิ้น” กวาดยอดขายต่างชาติครึ่งแรกปี 67 ทะลุ 2,500 ล้าน โต 253% ครึ่งปีหลังขนทัพเดินสายโรดโชว์เปิดตลาดลูกค้าอาหรับ-ดูไบ-อินเดีย

ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI กวาดยอดขายต่างชาติครึ่งปีแรก 2567 กว่า 2,500 ล้าน เติบโต 253% บุกตลาดต่างชาติต่อเนื่อง หนุนดีมานด์รัสเซีย-เมียนมา-ไต้หวันพุ่ง โซ ออริจิ้น บางเทา บีช-พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ-โซโห แบงค็อก รัชดา ขึ้นแท่นโครงการฮอต ครึ่งปีหลัง ติดเครื่องเดินสายโรดโชว์เปิดตลาดใหม่ อาหรับ-ดูไบ-อินเดีย ควบคู่รักษาฐานฮ่องกง-ไต้หวัน พร้อมส่งโครงการใหม่หลากทำเล ใจกลางกรุง-ย่านอินเตอร์เชนจ์-ทำเลท่องเที่ยวภูเก็ต เสนอลูกค้าต่างชาติ ตั้งเป้าทั้งปีปิดยอดขายต่างชาติทะลุ 5,000 ล้าน

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 (ม.ค.-มิ.ย.2567) บริษัทมียอดขายโครงการที่อยู่อาศัยจากตลาดลูกค้าต่างชาติสูงถึง 2,500 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 253% และทุบสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงหลัง COVID-19 โดยสาเหตุหลักมาจากการเปิดตัว Origin Agent Club จับมือกับเอเจนท์รายใหม่ๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทสามารถโปรโมทโครงการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้นและกว้างขึ้น มีช่องทางการขายผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้ประสานงานการขายได้แบบ Real-time

“ปัจจัยภายนอกหลายๆ ด้านในขณะนี้ ก็หนุนให้ชาวต่างชาติมองไทยในฐานะประเทศจุดหมายปลายทางของการเป็นบ้านพักตากอากาศและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระยะยาวมากยิ่งขึ้น เช่น ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ในเมียนมา ส่งผลให้ผู้ที่มีกำลังซื้อในเมียนมา หันมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยมากขึ้น ปัจจัยด้านราคาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศในเอเชียหลายประเทศ เช่น ไต้หวัน ปรับตัวสูงขึ้น ก็ส่งผลให้คนหันมาสนใจประเทศไทยแทนเช่นกัน” นายพีระพงศ์ กล่าว

สำหรับท็อป 3 สัญชาติที่เข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยของออริจิ้น สูงที่สุดในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ได้แก่ 1.รัสเซีย มียอดขายสูงเนื่องจากบริษัทเปิดโครงการใหม่ในภูเก็ต ซึ่งเป็นแถบที่ชาวรัสเซียให้ความสนใจหลายโครงการ 2.เมียนมา โดยมียอดขายเติบโตสูงถึง 880% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 3.จีน โดยทั้ง 3 สัญชาติรวมกันครองสัดส่วนยอดขายมากกว่า 64% ของยอดขาย 2,500 ล้านบาท ขณะที่ไต้หวันและฮ่องกง ครองอันดับ 4 และอันดับ 5 ส่วนโครงการที่มียอดขายจากต่างชาติในระดับท็อป ได้แก่ 1.โซ ออริจิ้น บางเทา บีช (SO Origin Bangtao Beach) โครงการใหม่ในภูเก็ตที่เพิ่งเปิดตัวในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ 2.พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (Park Origin Thonglor)โครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีใจกลางเมือง และ 3.โซโห แบงค็อก รัชดา (SOHO Bangkok Ratchada) อีกหนึ่งโครงการในทำเลซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับชาวต่างชาติ

นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 (ก.ค.-ธ.ค.67) บริษัทมีแผนเดินสายโรดโชว์เพื่อขยายตลาดลูกค้าต่างชาติไปสู่ตลาดใหม่ๆ เช่น อินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ทั้งในดูไบ และอาบูดาบี เนื่องจากอินเดียมีดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจเติบโตมากที่สุดในเอเชียในระดับที่อาจจะแซงจีน ขณะที่ UAE เป็นประเทศปลอดภาษี จึงมีกลุ่มนักลงทุนที่มีกำลังซื้อสูงจากหลายสัญชาติรวมตัวอยู่จำนวนมาก ขณะเดียวกัน บริษัทจะยังคงเดินหน้าทำงานร่วมกับ Key Agent เพื่อรักษาฐานการเติบโตของตลาดไต้หวัน ฮ่องกง และจีน ควบคู่กันไปด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดรับเอเจนท์ใหม่อีกจำนวนมาก พร้อมทั้งมีแรงจูงใจเป็น Exclusive Reward มอบให้แก่เอเจนท์ที่มียอดขายสูงสุดเพิ่มเติม สำหรับผู้ที่สนใจเป็นส่วนหนึ่งกับ Origin Agent Club ลงทะเบียนได้ที่ https://oriurl.com/yy2f7s2e หรือสอบถามโทร. 1498

ทั้งนี้ แนวโน้มทำเลที่ยังน่าจะได้รับความสนใจจากตลาดต่างชาติ ยังคงเป็นทำเลที่ตั้งอยู่ในเขตเมือง เดินทางได้สะดวก ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว สีน้ำเงิน สีเหลือง และสีส้ม มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครัน ใกล้ห้างสรรพสินค้า ใกล้แหล่งอาคารสำนักงาน โรงเรียน และโรงพยาบาล รวมถึงหัวเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต ยังน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทยังเตรียมนำเสนอโครงการใหม่ๆ ในกลุ่มทำเลดังกล่าวเพิ่มเติม เพื่อตอบโจทย์ชาวต่างชาติ อาทิ ออริจิ้น เพลส เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ (Origin Place Taopoon Interchange) คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ ออริจิ้น เพลส เซ็นเตอร์ ภูเก็ต (Origin Place Centre Phuket) และ      โซ ออริจิ้น กะตะ-ภูเก็ต (SO Origin Kata-Phuket) โครงการเปิดตัวใหม่ในภูเก็ต คาดว่าภาพรวมทั้งปี บริษัทจะมียอดขายจากตลาดต่างชาติมากกว่า 5,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย

สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 158 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 1/2567) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton),ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 247,795 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร

#ข่าววันนี้ #ออริจิ้น #ยอดขายต่างชาติ #โรดโชว์

 

 

 

 

 

 

 

 

Best regards,

SM-LEO-EURO-MENA ผนึกกำลังลุยโรดโชว์ จ.ชลบุรี พร้อมเปิดกลยุทธ์รุกขยายธุรกิจ ดันอนาคตโตก้าวกระโดด

บริษัท สตาร์มันนี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SM ร่วมกับ บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EURO และ บริษัท มีนา ทรานสปอร์ต หรือ MENA แท็กทีมเดินสายนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุน จังหวัดชลบุรี เป็นจังหวัดที่สอง ซึ่งได้รับความสนใจอย่างท่วมท้น สำหรับจุดเด่นของทั้ง 4 บริษัทนี้เป็นหุ้นที่อยู่ในเทรนด์ธุรกิจน่าสนใจ และมีปัจจัยพื้นฐานดี รวมทั้งมีแผนการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม ส่งผลให้เป็นที่ยอมรับ 

นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ SM ผู้นำในการให้บริการสินเชื่อแห่งภาคตะวันออก ทั้งสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้า สินเชื่อบ้านและที่ดิน รวมถึงนายหน้าประกันวินาศภัยทุกประเภท กล่าวว่า จุดแข็งและแตกต่างที่ SM มี และผู้ประกอบการส่วนใหญ่ในกลุ่ม Non-Bank ไม่มี คือ ธุรกิจขายสินค้าและสินเชื่อเช่าซื้อ เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ้ค ที่ดอกเบี้ยเช่าซื้อ ไม่ถูกกำหนดเพดาน ให้ Yield ที่สูง และ High Margin รวมถึงศักยภาพการเป็นราชาเงินผ่อนที่เชี่ยวชาญในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีการเติบโตสูง 

‘‘มั่นใจรายได้จากการขายสินค้าและรายได้รวมปี 67 เติบโตในระดับไม่ต่ำกว่า 15-20% รวมถึงพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% และเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะมือถือ Smart Phone  ที่จะเป็นสินค้า Flagship และตัวชูโรง Highlight ของปีนี้ พร้อมคุม NPL ไม่เกิน 4% จากกลยุทธ์การใช้เทคโนโลยี่ Lock  Phone ที่ช่วยให้ Cash collection ดีขึ้นต่อเนื่อง และ NPL ลดลงชัดเจน พร้อมลุยตลาดสินเชื่อให้ครบวงจร และครอบคลุมการขายทุกช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เชื่อมั่นว่าจะผลักดันให้ผลประกอบการโดยรวมทั้งของปีนี้ และปีต่อๆไป เติบโตแบบก้าวกระโดด’’ นายชูศักดิ์ กล่าวในที่สุด

ขณะที่ นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ชั้นนำของประเทศไทยและทั่วโลกแบบครบวงจร เชื่อมั่นว่าในปี 2567 ด้วยแผนธุรกิจ F.A.S.T.24 จะสามารถสร้างการเติบโตของกำไรขั้นต้นและผลประกอบการให้เติบโตเพิ่มขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 2-4/2567 จะเริ่มรับรู้รายได้จาก New Business Units รวมถึงจะพัฒนาและต่อยอดการให้บริการขนส่งสินค้าแบบครบวงจรทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ  สามารถส่งมอบบริการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพให้แก่ลูกค้า ด้วยบริการที่รวดเร็ว ฉับไว และใส่ใจในทุกความต้องการ ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์อย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามแนวคิด Smart & Sustainable ยกระดับบริการที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้าของ LEO Global Logistics อย่างแท้จริง

“LEO มั่นใจผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 มีแนวโน้มดีต่อเนื่อง ทั้งจากค่าระวางเรือช่วงครึ่งปีหลังมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้น รายได้จาก 10 ธุรกิจใหม่ Non-Freight และ Non-Logistics ที่เริ่มไปแล้วและอยู่ระหว่างเตรียมเปิดดำเนินการ ขณะที่ธุรกิจ Green Logistics จะเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น ภายในไตรมาส 3-4/67 พร้อมเดินหน้าโครงการ JV และ M&A ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2567 อีก 2-3 โครงการ เพื่อสร้างการเติบโตรายได้ให้แข็งแกร่ง” นายเกตติวิทย์ กล่าว

ด้านนายเควิน กัมบีร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ยูโร ครีเอชั่นส์ (EURO) ผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจ “Luxurious & High Quality Living” กล่าวถึงลักษณะธุรกิจของบริษัทฯ นำเข้าและจำหน่ายสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Unique) โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ทันสมัย ประวัติศาสตร์ของแบรนด์ การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง และการผลิตด้วยช่างฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญอย่างละเอียดอ่อน บริษัทฯ ยังนำเสนอแบรนด์จากดีไซเนอร์ชั้นนำของยุโรปเพื่อทำให้ทุกพื้นที่ในบ้านเป็นที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์และไลฟ์สไตล์ พร้อมครอบคลุมทุกความต้องการทั้งหมดภายในที่อยู่อาศัย อาทิ Technogym, Molteni&C, Natuzzi Italia, Giorgetti เป็นต้น 

"สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ เตรียมเปิดโชว์รูม Euro Creations Gallery ที่ทองหล่อซอย 5 นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมเพิ่มแบรนด์ใหม่ พร้อมทั้งเพิ่มสินค้าใหม่จากแบรนด์เดิม ซึ่งศักยภาพตลาด Luxury-Ultra Luxury ยังเติบโตต่อเนื่องตามไลฟ์สไตล์ จึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้ในปี 67 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมีผลงานออลไทม์ไฮ" นายเควิน กล่าว

นางสาวพัชรีรัตน์ ขจรวุฒิเดชภัทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MENA ผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) รายใหญ่ของประเทศ ระบุว่า บริษัทฯ มีแผนรุกขยายงานขนส่งให้ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยผ่านการขยายงานขนส่งอีคอมเมิร์ซ (E - commerce) และการเปิดรับพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อขยายตลาดและเพิ่มศักยภาพธุรกิจหลักให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ขณะที่ภาครัฐเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อยกระดับการขนส่งและโลจิสติกส์ จะส่งผลดีต่อธุรกิจหลักของ MENA คือการให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นเพื่อขานรับกับการท่องเที่ยวจากนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาล เป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจของ MENA และ TDM เพราะนอกจากจะทำให้ธุรกิจการก่อสร้างขยายตัวแล้ว ยังจะทำให้การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น

“จะเห็นได้ว่าในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดของธุรกิจการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จเพิ่มขึ้นเป็น 11.6% จากเดิมอยู่ที่ 11.4% แสดงถึงธุรกิจหลักของบริษัท คือ การให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถ Mixer ที่เติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมธุรกิจโลจิสติกส์ในครึ่งหลังปี 67 ยังมีตัวแปรสำคัญที่ต้องจับตา คือ  การลงทุนของภาครัฐ การลงทุนของภาคเอกชน ทุนต่างประเทศ และฤดูฝนที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการก่อสร้างโดยรวม ซึ่งในส่วนของภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลังมีปัจจัยสนับสนุนจากการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายซึ่งล่าช้ามาจากปี 66 หากการเบิกจ่ายงบประมาณสามารถเกิดขึ้นได้ภายในปีนี้ จะเป็นปัจจัยบวกกับ MENA แต่หากมีความล่าช้าอาจส่งผลต่อปริมาณงานในระยะสั้น แต่ก็เป็นเพียงการเลื่อนออกไปเท่านั้นแต่การก่อสร้างยังคงอยู่ และในส่วนของ Organic growth ตั้งเป้า 3-5 ปี มี Market share รถ Mixer ถึง 20% ดันรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 400 ล้านบาท” นางสาวพัชรีรัตน์ กล่าวในที่สุด