ดัชนี SMESI ธ.ค.67 เพิ่มต่อเนื่องเดือนที่ 4 อานิสงส์วันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กระตุ้นใช้จ่ายเงิน

ดัชนี SMESI เดือนธ.ค.67 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 อยู่ที่ระดับ 53.9 อานิสงส์จากช่วงวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่และการเบิกจ่ายเงินโบนัสประจำปีของภาคเอกชน ทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ในพื้นที่ท่องเที่ยว ช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาคและกระตุ้นใช้จ่ายมากขึ้น

เมื่อวันที่ 30 ม.ค.68 นางสาวปณิตา ชินวัตร  รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม  รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยดัชนี SMESI ประจำเดือนธันวาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 53.9 จากระดับ 53.0 ของเดือนก่อนหน้า และปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 มีปัจจัยบวกจากการขยายตัวอย่างชัดเจนของภาคการบริการ ตามแรงส่งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เร่งตัวสูงในช่วงเทศกาลปลายปี นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกด้านกำลังซื้อจากการเบิกจ่ายเงินโบนัสประจำปีของภาคเอกชนที่กระตุ้นให้มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก รวมถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก อย่างไรก็ตามภาคการผลิตมีแนวโน้มทรงตัว ตามการปรับลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลดกำลังการผลิตตามจำนวนวันหยุดในช่วงสิ้นปี

โดยเมื่อพิจารณาองค์ประกอบของดัชนี พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกองค์ประกอบ มีสาเหตุมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งด้านการท่องเที่ยว การจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภค โดยองค์ประกอบด้านคำสั่งซื้อโดยรวม ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 62.0 เป็นระดับ 63.3 องค์ประกอบด้านปริมาณการผลิต/การค้า/บริการ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 58.1 เป็นระดับ 58.5 องค์ประกอบด้านการลงทุนโดยรวม ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดจากระดับ 50.6 เป็นระดับ 52.2 องค์ประกอบด้านต้นทุนรวม (ต่อหน่วย) ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 39.2 เป็นระดับ 39.8 องค์ประกอบด้านกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 58.0 เป็นระดับ 59.4 และองค์ประกอบด้านการจ้างงานปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 50.2 เป็นระดับ 50.3

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME รายสาขาธุรกิจ ประจำเดือนธันวาคม 2567 พบว่า ภาคการบริการ อยู่ที่ระดับ 54.8 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 53.3 ของเดือนก่อนหน้า ซึ่งขยายตัวในทุกพื้นที่จากภาคการบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งจากในและต่างประเทศที่พุ่งสูงในช่วงปลายปี นอกจากนี้วันหยุดยาวและการจัดงานอีเว้นท์ส่งเสริมเทศกาลต้อนรับปีใหม่ ยังส่งผลดีให้กับหลายสาขาธุรกิจ ทั้งกลุ่มงานจัดเลี้ยง งานสันทนาการ ภาคธุรกิจการเกษตร อยู่ที่ระดับ 58.6 ปรับเพิ่มจากระดับ 57.8 ของเดือนก่อนหน้า โดยปรับตัวดีขึ้น ตามองค์ประกอบด้านปริมาณผลผลิตที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงปัจจัยด้านราคาสินค้าเกษตรเป็นสำคัญ หลายรายการยังมีราคาสูงต่อเนื่อง และแรงส่งด้านสภาพอากาศที่เย็นลง ส่งผลให้ผลผลิตสินค้าเกษตร โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ภาคการค้า อยู่ที่ระดับ 53.3 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 52.6 ของเดือนก่อนหน้า ซึ่งภาคการค้ายังขยายตัวในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มการค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค  ในขณะที่กลุ่มการค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามกลุ่มสินค้ากึ่งคงทน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์ปรับตัวดีขึ้นในบางพื้นที่จากการจ่ายเงินโบนัสประจำปี ขณะที่ภาคการผลิตอยู่ในระดับทรงตัวที่ระดับ 52.6 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 52.5 เป็นผลมาจากการทยอยขายสินค้าที่ผลิตไว้ โดยเฉพาะอาหาร ยาและสมุนไพร และสินค้าของฝาก ในกลุ่มที่มีราคาต่อหน่วยไม่สูง ในขณะที่ภาพรวมเดือนนี้มีการลดปริมาณการผลิตลง ตามจำนวนวันทำงานที่มีวันหยุดในช่วงเทศกาล ในขณะที่การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมหนัก เช่น เหล็ก ชะลอตัวต่อเนื่อง

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME รายภูมิภาค ประจำเดือนธันวาคม 2567 พบว่า ภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 54.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 52.4 ของเดือนก่อนหน้า โดยภาคธุรกิจในพื้นที่ขยายตัวอย่างมากจากปัจจัยของสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิเย็นลง ทำให้กิจกรรมที่ดึงดูดกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวขยายตัวเพิ่มขึ้น เช่น กิจกรรมที่พักแรม สินค้าของฝากของที่ระลึก เช่น ยา สมุนไพร เสื้อผ้า สิ่งทอ และกิจกรรมบริการที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ท้องถิ่น นอกจากนี้ธุรกิจการเกษตรยังขยายตัวดีจากปัจจัยของสภาพอากาศเช่นเดียวกัน

ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 52.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 50.7 ของเดือนก่อนหน้า เมื่อเปรียบเทียบปริมาณการเดินทางระหว่างภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นจากเทศกาลวันปีใหม่กับเดือนก่อนหน้าและช่วงเดียวกันในปีก่อน พบว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ตามเส้นทางการเดินทางขยายตัวอย่างชัดเจน ส่งผลดีต่อภาคการบริการ รวมถึงการค้าสินค้าของฝาก ของที่ระลึก และอาหาร

ภาคตะวันออก อยู่ที่ระดับ 54.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 53.4 ของเดือนก่อนหน้า มีสาเหตุจากแรงกระตุ้นของภาคการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มตลาดระยะไกล (Long-haul) ที่ยังเพิ่มต่อเนื่องตั้งแต่เดือนก่อนหน้า ส่งผลให้กิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวขยายตัวชัดเจน ในขณะที่การเบิกจ่ายเงินโบนัสประจำปียังสร้างผลดีกับภาคการค้า และยอดขายของภาคการผลิตในพื้นที่

ภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 54.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 53.2 ของเดือนก่อนหน้า โดยกิจกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่เข้าสู่ช่วง High season เป็นปัจจัยบวกช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะจากกลุ่มนักท่องเที่ยวมาเลเซีย อย่างไรก็ตามบางพื้นที่ เช่น สุราษฎร์ธานี ยังเผชิญกับสภาพอากาศที่แปรปรวน และอุทกภัยระยะสั้นในช่วงกลางเดือน ซึ่งกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในบางส่วน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 54.8 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 54.2 ของเดือนก่อนหน้า โดยธุรกิจในพื้นที่ได้รับกำลังซื้อเพิ่มเติมจากแรงงานกลับถิ่นในช่วงวันหยุดเทศกาล ส่งผลดีกับธุรกิจภาคการค้าปลีก ค้าส่ง รวมถึงกลุ่มค้าจักรยานยนต์ที่มียอดขายเพิ่มมากขึ้นจากรายได้ภาคการเกษตรตามฤดูกาลเก็บเกี่ยวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ยังเห็นการซื้อสินค้ากึ่งคงทนในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก และเฟอร์นิเจอร์มากขึ้น สร้างผลดีกับสาขาการผลิตเฟอร์นิเจอร์และภาคการค้าในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 53.3 ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 53.1 ของเดือนก่อนหน้า มีสาเหตุจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในช่วง High season โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนและรัสเซีย ส่งผลดีกับกิจกรรมบริการท่องเที่ยวในพื้นที่ เช่น การขนส่งบุคคล ร้านอาหาร อย่างไรก็ตามในเชิงของที่พัก เริ่มเห็นการตึงตัวของค่าใช้จ่ายจากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเลือกที่พักที่มีราคาถูก รวมถึงกลุ่มที่พักที่ปล่อยเช่ารายวัน ผ่านแอปพลิเคชันที่มีราคาเฉลี่ยถูกกว่า

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 53.0 ซึ่งปรับลดลงจากระดับ 53.9 ที่คาดการณ์ในเดือนก่อนหน้า มีสาเหตุจากความกังวลของผู้ประกอบการภาคการผลิตเป็นสำคัญที่ต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งปัจจัยกำลังซื้อในระยะยาวยังแผ่วลงอย่างต่อเนื่องซึ่งกระทบต่อกำลังการผลิต และปริมาณการขายสินค้า รวมถึงแรงกดดันจากด้านต้นทุน โดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งกระทบต่อการดำเนินการของภาคธุรกิจการผลิต ในขณะที่ภาคการค้าและการบริการชะลอตัวลงเช่นกัน ตามการขาดแรงส่งด้านการท่องเที่ยวและการเดินทางเป็นหลัก

นอกจากนี้ สสว. ยังเปิดเผยถึงภาพรวมดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME ปี 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 52.4 ปรับตัวลดลงจากปี 2566 ที่ระดับ 53.2 มีสาเหตุมาจากภาพรวมเศรษฐกิจในทุกภูมิภาคชะลอตัวลง การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ต้นทุนราคาสินค้าและวัตถุดิบที่อยู่ในระดับสูง รวมไปถึงปัญหาการเข้ามาแข่งขันของสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆที่ออกมาในระยะสั้น ปัญหาจากสภาวะแวดล้อม เช่น ภาวะโลกร้อนที่ส่งผลต่อปริมาณผลผลิตในภาคการเกษตร สถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือและภาคใต้ เป็นต้น

ทั้งนี้สิ่งที่ SME ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือมากที่สุดคือ การออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน โดยให้สิทธิในการเข้าร่วมมาตรการครอบคลุมถึงธุรกิจรายย่อยมากขึ้น เป็นการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่มีความหลากหลายมากขึ้นและเป็นมาตรการที่เป็นแบบต่อเนื่อง รองลงมา คือ ด้านภาระหนี้สินและเงินทุน เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่อาจเผชิญปัญหาการผิดนัดชำระในช่วงเวลาถัดไป รวมถึงมาตรการควบคุมราคาต้นทุนปัจจัยการผลิต ที่ยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องที่เริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการภาคการผลิต นอกจากนี้ต้องการให้ภาครัฐมีการส่งเสริมเรื่องศักยภาพของธุรกิจ เช่น การหาเครือข่ายหรือกลุ่มธุรกิจที่มีลักษณะธุรกิจใกล้เคียงกันเพื่อแลกเปลี่ยนและแบ่งปันประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจ โดย สสว. มีโค้ชหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่คอยให้คำปรึกษากับผู้ประกอบการที่ต้องการความช่วยเหลือ ผ่าน https://coach.sme.go.th/ หรือ Application ‘SME Connext’ ที่รวบรวมองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการ หรือสามารถสอบถามรายละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ให้บริการ SME ครบวงจรซึ่งตั้งอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ

#วันหยุดยาว #ข่าววันนี้ #ดัชนีSMESI #โบนัส #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

 

 

"แสนสิริ" ต้อนรับปี 68 จัดโปรแห่งความสุข “อยู่แล้วดี​ ที่แสนสิริ” เสิร์ฟบ้านและคอนโดกว่า 102 โครงการ-โบนัสสูงสุด 25 เท่าวันนี้-28 ​ก.พ.68

แสนสิริ ประเดิมต้นปี 68 ส่งโปรโมชั่นพิเศษ “อยู่แล้วดี ที่แสนสิริ” ให้ทุกคนมีบ้านในแบบที่ต้องการในเทศกาลแห่งความสุข คัดรวมกว่า 102 โครงการคุณภาพในโซนที่ดีที่สุด ทุกทำเลศักยภาพ รองรับดีมานด์ที่ต้องการมีบ้านต้อนรับปีใหม่ในราคาที่เข้าถึงได้ “อยู่แล้วดี ที่แสนสิริ” รับโบนัส 25 เท่า* ​กับบ้าน คอนโด ทาวน์โฮมจากแสนสิริ ราคาเริ่มต้น 9 แสน – 45 ล้านบาท*​ ตั้งแต่วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2568

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ ถือเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนอยากเริ่มต้นทำในสิ่งใหม่ๆ หรือมีการวางแผนชีวิตเพื่อสร้างความสำเร็จให้กับตนเอง และหนึ่งในจุดมุ่งหมายสำคัญของทุกคนก็คือการซื้อ “บ้าน” เพราะบ้านเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวัน แสนสิริ เราพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการมอบความสุขต้อนรับปี 2568 กับแคมเปญ “อยู่แล้วดี ที่แสนสิริ” ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิต ครอบคลุมทำเลศักยภาพ ในระดับราคาที่คุ้มค่า พร้อมกับข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมาย ซึ่งถือเป็นโปรโมชั่นที่คุ้มค่าสำหรับลูกค้าที่กำลังวางแผนซื้อบ้านในช่วงนี้

ปีใหม่นี้ แสนสิริมีบ้านใหม่พร้อมเสิร์ฟกว่า 102 โครงการพร้อมอยู่ ครอบคลุมทุกทำเลศักยภาพ และทุกระดับราคาที่ต้องการ

อยู่แล้วดี ที่แสนสิริ ! บ้านและทาวน์โฮม ลดสูงสุด 5 ล้านบาท* อาทิ

เศรษฐสิริ วัชรพล - เทพรักษ์ (Setthasiri Watcharapol - Theprak) บ้านเดี่ยวดีไซน์ Georgian ยูนิตสวย ส่วนกลางคุณภาพ บนทำเลวัชรพล รับโบนัสสูงสุด 2.5 ล้านบาท* เริ่ม 13.99 ล้านบาท*

เศรษฐสิริ บางนา – สุวรรณภูมิ (Setthasiri Bangna – Suvarnabhumi) บ้านสวยยูนิตดีบ้านเดี่ยวสไตล์ Modern Classic ติดถนนใหญ่ ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ รับโบนัสสูงสุด 3 ล้านบาท* เริ่ม 12.99 ล้านบาท*

สราญสิริ แกรนเด พุทธมณฑล สาย 3 (Saransiri Grande Phutthamonthon Sai 3) บ้านเดี่ยว 100 ตร.วา  พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ วิวดี ฟีลพักผ่อน ซีรีส์ Modern Farmhouse Extra Series ใกล้ ถ.บรมฯเพียง 5 นาที* รับโบนัสสูงสุด 2.5 ล้านบาท* เริ่ม 15-20 ล้านบาท*

สราญสิริ ราชพฤกษ์ - 345 (Saransiri Rachapruek - 345) บ้านเดี่ยว หลังใหญ่ ใกล้สวน ส่วนกลางครบครัน ซีรีส์ Modern Farmhouse ใกล้โรบินสัน ราชพฤกษ์ รับโบนัสสูงสุด 2.5 ล้านบาท* เริ่ม 6.99 ล้านบาท*

อณาสิริ กรุงเทพ - ปทุมธานี 2 (Anasiri Krungthep – Pathumthani 2) บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ทำเลดี เดินทางสะดวก  10 นาที ถึงทางด่วน เข้าเมืองง่าย รับโบนัสสูงสุด 7.5 แสนบาท* เริ่ม 4.19 ล้านบาท*

บุราสิริ กรุงเทพกรีฑา (Burasiri Krungthep Kreetha) บ้านยูนิตดี บ้านเดี่ยว 2 ชั้นสไตล์รีสอร์ต ทำเลที่เข้า-ออกได้ 2 ทาง ถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า และถนนรามคำแหง รับโบนัสสูงสุด  2 ล้านบาท* เริ่ม 16.99 ล้านบาท*

สิริ เพลส เวสต์เกต (Siri Place Westgate) ทาวน์โฮมพร้อมอยู่ 4 ห้องนอน ทำเลดี บนถนนกาญจนาภิเษก ใกล้รถไฟฟ้า รับโบนัสสูงสุด 5 แสนบาท* เริ่ม 2.89 ล้านบาท*

สิริ เพลส พัฒนาการ (Siri Place Pattanakarn) ทาวน์โฮมดีไซน์ Paris พร้อมอยู่ ทำเลดี ใกล้รถไฟฟ้าหลายสาย รับโบนัสสูงสุด 2 แสนบาท* เริ่ม 3.79 ล้านบาท*

สิริ เพลส วงแหวน - ลำลูกกา (Siri Place Wongwaen – Lamlukka) ทาวน์โฮม 2 ชั้น ทำเลดี ใกล้ทางด่วน บรรยากาศญี่ปุ่น ส่วนกลางครบครัน รับโบนัสสูงสุด 2.5 แสนบาท* เริ่ม 1.89 ล้านบาท*

อยู่แล้วดี ที่แสนสิริ ! คอนโดฯ พร้อมอยู่ รับโบนัส 25 เท่า* อาทิ

พินน์ ศูนย์วิจัย (PYNN Soonvijai) คอนโดดี ดีไซน์โดน พรีเมี่ยมเพนท์เฮ้าส์สไตล์ Contemporary Modern ทำเลใจกลางพระราม 9 รับโบนัสสูงสุด 1 ล้าน* เริ่ม 10.9 ล้านบาท*

เอ็กซ์ที พญาไท (XT PHAYATHAI) ทำเลดี คอนโดพร้อมอยู่สไตล์ Scandinavian Pop ใกล้ BTS เพียง 2 สถานีถึงสยาม รับโบนัสสูงสุด 750,000 บาท* เริ่ม 5.29 ล้านบาท*

เดอะ ไลน์ ไวบ์ (THE LINE Vibe) ดีไซน์โดน คอนโดพร้อมอยู่ดีไซน์ Dynamic 300 ม. จาก BTS ห้าแยกลาดพร้าว รับโบนัสสูงสุด 1 แสนบาท* เริ่ม 3.89 ล้านบาท*  

ดีคอนโด รีฟ ภูเก็ต (dcondo reef Phuket) คอนโดใหม่เฟอร์ครบพร้อมอยู่ กับดีไซน์ Extraordinary Nature พร้อมใช้ชีวิตที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ บนทำเลศักยภาพ เพียง 7 นาที*ถึงเซ็นทรัล ภูเก็ต และเพียง 10 นาที*ถึงหาดป่าตอง รับโบนัสสูงสุด 125,000 บาท* เริ่ม 1.76 ล้านบาท*  

ดีคอนโด ชายน์ รังสิต (dcondo Shine Rangsit) คอนโดพร้อมอยู่ ดีไซน์พิเศษกับ Layout ที่แบ่งโซนพื้นที่อย่างเป็นสัดส่วน ฟังก์ชันครบ ทำเลฮิตตรงข้าม มธ.รังสิต รับโบนัสสูงสุด 125,000 บาท* เริ่ม 1.8 ล้านบาท*

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของโปรโมชั่น “อยู่แล้วดี​ ที่แสนสิริ” ได้ที่ https://siri.ly/ghLIcYC

หมายเหตุสำหรับลูกค้าที่จอง, ทำสัญญา และโอนกรรมสิทธิ์ ​ภายในวันที่ 2 มกราคม-28 กุมภาพันธ์ 2568 เฉพาะโครงการ/ยูนิตที่ร่วมรายการ บ้าน และทาวน์โฮม รับโบนัส 25 เท่า* ของเงินจอง โดยหักเป็นส่วนลดจากราคาขาย ณ วันจอง มูลค่าสูงสุด 5 ล้านบาท* คอนโดมิเนียม รับโบนัส 25 เท่า* ของเงินจอง มูลค่าสูงสุด 1 ล้านบาท*  โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่: ได้รับเป็นส่วนลด ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ โครงการกำลังก่อสร้าง: ได้รับเป็นส่วนลด ณ วันจอง *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด 

DELTA ออกแถลงการณ์พนักงานประท้วงขอโบนัส 8.5 เดือนพร้อมเงิน 5 หมื่นบาท

DELTA ออกแถลงการณ์พนักงานประท้วงขอโบนัส 8.5 เดือนพร้อมเงิน 5 หมื่นบาท

จากกรณีกลุ่มพนักงานในโรงงานเดลต้า นิคมเวลโกรว์ จ.ฉะเชิงเทรา ประท้วงขอโบนัส 8.5 เดือน บวกเงิน 50,000 บาทนั้น บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงแถลงการณ์เกี่ยวกับการเจรจาที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างบริษัทและสหภาพแรงงาน โดยระบุว่าเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุเข้าใจผิดและให้ความชัดเจนแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและสาธารณชน

บริษัทขอชี้แจง 2 ประเด็นที่ปรากฏในสื่อและรายงานออนไลน์ ที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาข้อเรียกร้องที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่างบริษัทกับสหภาพแรงงานดังนี้

1.ในด้านผลกำไร : เดลต้าประเทศไทย ขอชี้แจงว่า ไม่เคยแจ้งกับสหภาพแรงงานหรือฝ่ายอื่นใดว่าบริษัทไม่มีผลกำไร การกล่าวอ้างดังกล่าวถือว่าไม่ถูกต้อง รายได้และสถานะทางการเงินของบริษัททั้งหมดเป็นไปตามที่รายงานอย่างเป็นทางการผ่านช่องทางของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และบนเว็บไซต์ของบริษัทที่สาธารณชนสามารถเข้าถึงได้

2.ด้านโบนัสสำหรับสิ้นปี 2566 : เดลต้าประเทศไทย ขอชี้แจงว่าไม่เคยแจ้งกับสหภาพแรงงานหรือฝ่ายอื่นใดว่าบริษัทปฏิเสธที่จะจ่ายโบนัสประจำปี หรือเงินบวกพิเศษให้กับพนักงาน เนื่องจากบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาทางกฎหมาย บริษัทจึงไม่สามารถยืนยันรายละเอียดเช่น อัตราการจ่ายโบนัสในปี 2566 ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับของประเทศไทยที่ยังเปิดเผยไม่ได้หากการเจรจายังไม่ยุติ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะสื่อสารกับสหภาพแรงงานและพนักงานทุกคนอย่างต่อเนื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดดังกล่าว บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับสหภาพแรงงาน และยินดีรับฟังการหารืออย่างเปิดเผย เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน

ในทุกๆปี บริษัทจะทบทวนแพ็กเกจค่าตอบแทนร่วมกับสหภาพแรงงาน โดยนโยบายค่าตอบแทนและสวัสดิการนั้นจะสอดคล้องกับพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ. 2541 เสมอ บริษัทบริหารจัดการค่าตอบแทน เงินเดือน และค่าจ้างโดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆเช่น คุณสมบัติ ประสบการณ์ ระดับการทำงาน ตำแหน่ง ความรับผิดชอบ และผลการปฏิบัติงานส่วนบุคคล โดยมีการเปรียบเทียบกับอัตราเงินเดือนของบริษัทอื่นที่มีลักษณะธุรกิจคล้ายคลึงกัน ทั้งด้านอัตราค่าจ้างในประเทศ สภาวะตลาดและอุปสงค์ รวมถึงผลการดำเนินงานของบริษัท

สุดท้ายนี้ฝ่ายบริหารของบริษัทยังยืนยันและยึดมั่นในหลักการดำเนินธุรกิจให้เกิดความยั่งยืนและประโยชน์ต่อสังคม โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ดีที่สุดในเรื่องการจ่ายเงินเดือน และโครงสร้างสวัสดิการแก่พนักงานของเราให้มีความทัดเทียมกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย ขณะเดียวกัน บริษัทต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่านโยบาย ทิศทาง กลยุทธ์ และวิธีการที่ใช้จะสามารถสนับสนุนให้บริษัทเติบโตได้อย่างยั่งยืนดังที่หวัง ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อทุกฝ่าย

นอกเหนือจากสหภาพแรงงานแล้ว บริษัทยังต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จของบริษัท และการเติบโตที่ยั่งยืนในวันข้างหน้า บริษัทกำลังมองหาความร่วมมือที่สร้างสรรค์มากขึ้นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และหวังว่าจะนำเดลต้าไปสู่ความสำเร็จในอีกระดับร่วมกัน

 

#DELTA #โบนัส #เดลต้า #สหภาพแรงงาน #ตลาดหลักทรัพย์