ทรัมป์ยืนยัน! ทองคำไม่ถูกเก็บภาษีนำเข้า สยบความปั่นป่วนในตลาดโลก

ทรัมป์ยืนยัน! ทองคำไม่ถูกเก็บภาษีนำเข้า สยบความปั่นป่วนในตลาดโลก

วันที่ 11 สิงหาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ประกาศผ่านแพลตฟอร์มทรูธ โซเชียล ยืนยันว่า “ทองคำจะไม่ถูกเก็บภาษีนำเข้า” ท่ามกลางความสับสนเกี่ยวกับภาษีนำเข้าทองคำแท่งบางประเภท หลังจากที่หน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ (CBP) เคยแจ้งว่า ทองคำแท่งน้ำหนัก 1 กิโลกรัมและ 100 ออนซ์ ถูกจัดให้อยู่ในพิกัดศุลกากรที่ต้องเสียภาษี

ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ (FT) รายงานโดยอ้างจดหมายจาก CBP ลงวันที่ 31 กรกฎาคม ซึ่งส่งผลให้บางบริษัทหยุดส่งทองคำแท่งขนาดที่มีการซื้อขายสูงสุดในตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากความสับสนเรื่องรหัสศุลกากรและการเก็บภาษี

อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวได้ออกมาชี้แจงในวันถัดมาว่า จะมีการแก้ไขความเข้าใจผิดดังกล่าว เพื่อให้ตลาดทองคำกลับมาดำเนินการได้อย่างราบรื่น โดยการยืนยันของประธานาธิบดีทรัมป์ครั้งนี้ถือเป็นการคลายความกังวลและสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทองคำในสหรัฐและทั่วโลก

#ทองคำ #ภาษีนำเข้า #โดนัลด์ทรัมป์ #ตลาดทองคำ #สหรัฐอเมริกา #CBP #ข่าวเศรษฐกิจ #ทองคำแท่ง

 

"บารอน"มึนตึ้บ! ศาลสูงมะกันห้ามพิจารณาลงดาบ"ทรัมป์" พลิกตำรากฎหมายไม่ทัน

หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขายข่าวขายความจริงให้ประชาชนคนไทยได้อ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศไทยฉบับนี้ ประจำวันพุธที่  15 ม.ค.68 ทะเลสงบเกินไป ระวังพายุใหญ่จะตามมา ...*...

ผ่านฉลุย บนเส้นทางการเมืองของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ จะเข้าพิธีสาบานตน เพื่อ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ ใน วันจันทร์ที่ 20 นี้ แม้ 34 คดีอาญาร้ายแรง ที่ คณะลูกขุนวินิจฉัยความผิดของ ทรัมป์ ไปแล้ว เหลือเพียงแค่ ให้ผู้พิพากษาอ่านคำวินิจฉัยความผิดเท่านั้น แต่ เหมือนฟ้ามาโปรด เมื่อ ศาลสูงสุด ออกคำสั่งลงมาว่า ห้ามพิจารณาลงโทษประธานาธิบดี แม้จะมีความผิดเกิดขึ้นแล้วก็ตาม เล่นเอากูรูกฎหมายอเมริกันพลิกตำราไม่ทัน เปิดตำรากฎหมายหาไม่เจอก็แล้วกัน ...*...

ฝันสลายทันที คือ อดีตนางเอกหนังโป๋ชาวอเมริกัน สู้อุตส่าห์ตากหน้า เป็นโจทก์ฟ้อง จนชนะคดี แต่ ศาลไปพิจารณาลงโทษให้ ทรัมป์ ชดเชยค่าเสียหายให้เธอ คงต้องรอไปอีก 4 ปี หลังจาก ทรัมป์ ลงจากเก้าอี้ประธานาธิบดี อาจจะมีการพิจารณาคดีให้ใหม่ ...*...

ที่มา:บารอน (15/1/68)

"ดร.ปณิธาน" วิเคราะห์ "ทรัมป์" หวังครองโลก! ยก "กองทัพ" ล่าอาณานิคมใหม่ เพียงแค่ขู่? หรือตั้งใจจริง?

วันที่ 15 ม.ค.67 รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง และการต่างประเทศ โพสต์คลิปสัมภาษณ์ รายการ DEEP TALK ของกรุงเทพธุรกิจ ในหัวข้อ "ทรัมป์’ หวังครองโลก! ยก "กองทัพ" ล่าอาณานิคมใหม่ ผ่านเฟซบุ๊ก Panitan Wattanayagorn พร้อมระบุข้อความว่า...

ใกล้เข้ามาแล้วครับ! อีก 7 วันเราก็จะได้ผู้นำโลกคนใหม่ (แต่หน้าเดิม) อเมริกาครองโลกมานานจนจำกันแทบไม่ได้แล้วว่าเมื่อก่อนเป็นยังไง แต่ตอนนี้หลายอย่างกำลังจะหลุดมือ ทรัมป์จึงต้องออกแรงจัดระเบียบตนเองและกับพรรคพวกเดียวกันเองก่อน สำเร็จเมื่อไรคงจะไปทำสงครามแบบเบ็ดเสร็จ (Total War) กับจีนหรือคู่แข่งค่อนข้างแน่ แต่จะเมื่อไรเท่านั้น ไทยจะทำอะไรได้?

 

 

"นายกฯ" โทรแสดงความยินดี "โดนัลด์ ทรัมป์" ไทยพร้อมทำงานร่วมสหรัฐฯ “ทรัมป์” ขอบคุณ ชื่นชมไทย

 

เมื่อเวลา 19 พ.ย. 67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการเลือกตั้ง โดยนายกฯ ได้กล่าวแสดงความยินดีที่ นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งที่ผ่านมาและจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยในเร็ววันนี้

ในโอกาสนี้ นายกฯ ย้ำถึงความพร้อมของไทยที่จะทำงานร่วมกับสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังได้กล่าวว่า ประเทศไทยและสหรัฐฯ หวังว่าจะได้มีโอกาสในการแลกเปลี่ยนในการเยือนระดับสูงระหว่างกัน ทั้งนี้ประเทศไทยพร้อมให้ต้อนรับประธานาธิบดีทรัมป์ที่ประเทศไทย

ด้านนายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ กล่าวขอบคุณ พร้อมชื่นชมประเทศไทยว่า เป็นประเทศที่สวยงาม รวมทั้งสนใจสอบถามสถานการณ์ประเทศไทย และกล่าวชี่นชมการทำงานของนายกฯ ซึ่งพร้อมให้การสนับสนุน

“นายกฯ” เผยเตรียมต่อสายยินดี "ทรัมป์" คัมแบ็ค ปธน.สหรัฐฯ รับเบลอเพราะนอนน้อย แต่นอนนะ

 

เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 8 พ.ย. 67  ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ภายหลังได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาหรือยังว่า ยัง ไม่ได้โทรศัพท์ไปแสดงความยินดี แต่ได้มีการเตรียมการไว้ วันนี้ตนอาจจะเบลอเล็กน้อย เพราะนอนน้อย แต่นอนนะ 

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 7 พ.ย.67

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 7 พ.ย.67 

-ธปท.ติดตามเงินบาทใกล้ชิด หลัง "โดนัลด์ทรัมป์" ชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ ชี้ตั้งแต่ต้นปีบาทอ่อนค่า 0.42%

-“พิชัย” เกาะติดสถานการณ์หลัง "โดนัลด์ ทรัมป์" ชนะเลือกตั้ง กำชับพาณิชย์จังหวัด-ทูตพาณิชย์ทั่วโลก เร่งหาโอกาสการค้า-ลงทุนให้ไทย

-"EXIM BANK" ประเมินเมื่อ "โดนัลด์ทรัมป์" กลับมาจะพาโลกและไทยไปทางไหน

-“ทรีนีตี้” ประเมินผลกระทบการลงทุน หลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” ชนะเบ็ดเสร็จ

-"โดนัลด์ทรัมป์" ได้รับชัยชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ สร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจไทย

-มีเงินเข้าพรุ่งนี้(8พ.ย.) 3 กลุ่มเปราะบาง เด็กแรกเกิด-ผู้สูงอายุ-ผู้พิการ เช็คเลยงวดนี้ได้กี่บาท

-"บีโอไอ" เร่งดึงผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยเข้าสู่ซัพพลายเชน EV ผนึกกำลัง GAC AION จัดงาน “AION Sourcing Day”

"เอกนัฏ" มุ่ง เซฟ SME ไทยให้ดีพร้อม ยกระดับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ในงานเสวนาสภา SME ไทย

-"ธอส." พร้อมเปิดให้ผู้ประกันตนโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน ยื่นขอสินเชื่อพรุ่งนี้( 8 พ.ย.67)

-เปิดรายละเอียดมาตรการลดเงินสมทบ-ขยายเวลาจ่ายเงินสมทบช่วยนายจ้างผู้ประกันตนมาตรา 33-39 ในพื้นที่ประสบอุทกภัย  

-ธอส.จัดโปรโมชันทางการเงินร่วมงานมหกรรมการเงินเชียงใหม่ ครั้งที่ 19 พบสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ เริ่มต้นเพียง 0.71% ต่อปี  

-"BCPG" เผยผลงาน 9 เดือนปี 67 กำไร 1,656 ล้านบาท โต 29.6%

-เงินบาทปิดที่ 34.29 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 34.45 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 34.21 - 34.46 บาท/ดอลลาร์ โดยยังเคลื่อนไหวในโซนอ่อนค่าในรอบ 2 เดือนกว่ารับข่าวนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี เมื่อวานกับวันนี้บาทอ่อนค่าไปเร็วมาก แต่วันนี้ระหว่างวันมีแรงเทขายดอลลาร์ ทำให้เงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าบ้าง เคลื่อนไหวสอดคล้องกับสกุลเงินในภูมิภาค สำหรับคืนนี้ตลาดรอติดตามผลการประชุมจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่าจะลดดอกเบี้ย 0.25% เหมือนกัน นอกจากนี้ต้องติดตามตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์จากสหรัฐฯด้วย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 34.20 - 34.50 บาท/ดอลลาร์

-เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทอง(ทองคำ 96.5%) ในประเทศ เปิดตลาดเมื่อเวลา 09.03 น. ราคาปรับลง 800 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้ออยู่ที่บาทละ 43,150 บาท ขายออก 43,250 บาท ส่วนทองรูปพรรณรับซื้ออยู่ที่บาทละ 42,372.20 บาท ขายออก 43,750 บาท ขณะที่ราคาทองคำโลก หรือ Gold Spot อยู่ที่ 2,653.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

-SET ปิดวันนี้(7 พ.ย.)ที่ 1,469.72 จุด เพิ่มขึ้น 2.30 จุด (+0.16%) มูลค่าซื้อขาย 55,536.51 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวด์หลังวานลงไปแรง โดยได้แรงซื้อหุ้นใหญ่กลุ่ม Defensive และกลุ่มแบงก์หนุนต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดยังรอผลประชุมเฟดคืนนี้ แนวโน้มพรุ่งนี้คาดแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ ให้แนวต้าน 1,480 จุด แนวรับ 1,460

#โดนัลด์ทรัมป์ #กลุ่มเปราะบาง #ข่าววันนี้ #ราคาทอง #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

 

นายกฯ ยินดี “ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ มั่นใจช่วยส่งออกไทยดีขึ้น พร้อมดัน “ซอฟต์พาวเวอร์ภาพยนต์”

เมื่อเวลา 15.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น นครคุนหมิง ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชั่วโมง) วันที่ 7 พ.ย. 67 ที่นครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ว่า ไม่ใช่แค่คนสหรัฐอเมริกา แต่คนไทยก็ตื่นเต้นกันมาระยะหนึ่ง ตั้งแต่การติดตามเลือกตั้ง จนกระทั่งวันเลือกตั้งจริงเมื่อวันที่ 5 พ.ย. ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีฯ อีกครั้ง ซึ่งแต่ละคนก็มีความดี ความเก่งเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน 

 

นายกฯ กล่าวต่อว่า การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมา คิดว่าจะช่วยเรื่องการส่งออกของไทยได้ดียิ่งขึ้น เพราะประธานาธิบดีท่านนี้ ก็เน้นเรื่องของเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก และเราก็ค้าขายกับสหรัฐอเมริกามากอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นน่าจะเป็นเรื่องดี และเราก็สร้างสัมพันธ์อันดีไว้ เพื่อเปิดโอกาสให้กับประเทศไทยของเราด้วย

 

เมื่อถามว่า ซอฟต์พาวเวอร์ของเราจะไปสหรัฐอเมริกาได้ง่ายขึ้นหรือไม่  นายกฯ กล่าวว่า เชื่อว่าจะใช่อย่างนั้น แต่ไม่อยากรีบพูดไปก่อน เพราะท่านเพิ่งผ่านการเลือกตั้งมาเพียง 1 วัน เรารู้สึกว่าเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ภาพยนตร์ ที่เราคิดว่าสหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญเรื่องนี้ ทั้งโปรดักชั่น ผู้กำกับ คนเขียนบทก็หวังว่าเราจะได้เรียนรู้จากเขา และจะสามารถนำภาพยนตร์ของเราไปขายในเวทีของเขาบ้าง ในเวทีที่สามารถมีคนในทุกมุมโลกมองเห็นมากขึ้น ยืนยันว่า จะผลักดันต่อแน่นอนในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีของไทย 

ธปท.ติดตามเงินบาทใกล้ชิด หลัง "โดนัลด์ทรัมป์" ชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ ชี้ตั้งแต่ต้นปีบาทอ่อนค่า 0.42%

"ธปท." ติดตามเงินบาทใกล้ชิด หลัง "โดนัลด์ทรัมป์" ชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ เผยตั้งแต่ต้นปีบาทอ่อนค่า 0.42%

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 นางสาวภาวิณี จิตต์มงคลเสมอ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนจากความไม่แน่นอนเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยหลังจากที่นาย Donald Trump ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เงินดอลลาร์ สรอ. ปรับแข็งค่าขึ้น ตามการคาดการณ์แนวนโยบายในระยะถัดไป ส่งผลให้เงินบาทปรับอ่อนค่าลงสอดคล้องกับภูมิภาคมาเคลื่อนไหวเหนือระดับ 34.20 บาท

ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปี เงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยร้อยละ 0.42 โดยการเคลื่อนไหวของเงินบาทและเงินทุนเคลื่อนย้ายยังอยู่ในระดับปกติ อย่างไรก็ดี ตลาดการเงินและค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มผันผวนต่อเนื่อง โดย ธปท. ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

#ข่าววันนี้ #ธปท #โดนัลด์ทรัมป์ #เงินบาท #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

“พิชัย” เกาะติดสถานการณ์หลัง "โดนัลด์ ทรัมป์" ชนะเลือกตั้ง กำชับพาณิชย์จังหวัด-ทูตพาณิชย์ทั่วโลก เร่งหาโอกาสการค้า-ลงทุนให้ไทย

“พิชัย” นั่งหัวโต๊ะ ประชุมขับเคลื่อนนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล-พาณิชย์ พร้อมเกาะติดสถานการณ์การค้า-การลงทุน หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง กำชับพาณิชย์จังหวัด-ทูตพาณิชย์ทั่วโลก เร่งหาโอกาสด้านการค้า-การลงทุนให้ไทย

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามนโยบายและขับเคลื่อนมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาล พร้อมด้วยนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ 58 แห่ง และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด 72 จังหวัด ณ ห้องมโนปกรณ์นิติธาดา ชั้น 12 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจการค้า และกำชับเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ หลังคาดว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่จะส่งผลต่อนโยบายการค้าของโลก และไทยต้องเร่งหาโอกาสด้านการค้า-การลงทุน

นายพิชัย กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมติดตามนโยบายและขับเคลื่อนมาตรการเร่งด่วนของท่านนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) เพื่อให้นโยบายของกระทรวงพาณิชย์สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ขอขอบคุณข้าราชการกระทรวงทุกท่านที่ทำงานอย่างหนักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้งภารกิจในประเทศและต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศของเราพัฒนาต่อไปให้ได้  และวันนี้ได้มีการติดตาม 10 นโยบายสำคัญเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ก็ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัดทำงานร่วมกัน เพื่อเร่งหาโอกาสด้านเศรษฐกิจ การค้า-การลงทุนให้กับประเทศ

โดยเรื่องหลักวันนี้คือการรับมือการเปลี่ยนแปลงผู้นําของสหรัฐอเมริกา ได้มีการวิเคราะห์กันว่าหลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง จะส่งผลกระทบกับไทยอย่างไร เชื่อว่าไทยจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ไทยเองต้องวาง position ตัวเองให้ดี จากข้อมูลตัวเลขในอดีตที่ผ่านมาเห็นชัดเจนว่า ตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยหลายรายการเพิ่มขึ้น เป็นผลจากสงครามการค้า ที่ทำให้การนําเข้าสินค้าจีนของสหรัฐฯลดลงอย่างต่อเนื่อง และสินค้าของไทยได้ไปทดแทนการนำเข้าสินค้าค่อนข้างเยอะ เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถเพิ่มการส่งออกไปประเทศอเมริกาได้มากขึ้น ขณะนี้ประเทศต่างๆ เดินหน้าเข้ามาเพื่อจะมาเจรจาทำการค้าการลงทุนกับไทยอย่างมาก อีกไม่กี่วันตนเองก็จะบินไปเปรู เพื่อประชุมเอเปกพร้อมท่านนายกฯ คงได้มีการเจรจากับหลายประเทศ และเชื่อว่าหลายประเทศอยากที่จะมาลงทุนในประเทศไทย และวันที่ 25-27 พ.ย.นี้ สหรัฐฯก็จะนำทัพนักธุรกิจเข้ามา เราต้องวาง position ที่เราเป็นอยู่อย่างนี้ ส่งผลให้จีนก็รัก เรา อเมริกาก็รักเรา รัสเซียก็รักเรา middle east ก็รักเรา ไทยไม่ต้องเลือกข้าง เราอยากจะเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของอาเซียน ที่ทุกประเทศดีใจและพอใจที่จะมาอยู่กับเรา 

ทั้งนี้เรื่องการลงทุนเราต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสที่เค้าอาจจะมีความขัดแย้งอะไรก็ตาม เราก็จะสามารถหาโอกาสที่เกิดขึ้นได้ จะเห็นการลงทุนจากสหรัฐฯ เข้ามามากขึ้น บริษัทขนาดใหญ่มาขยายการลงทุนด้านฮาร์ดดิสก์ อาทิ ซีเกท Western Digital และมีเรื่อง Food Security Data Center และ PCB เทคโนโลยีใหม่ๆ เชื่อว่าประเทศไทยจะได้รับประโยชน์เรื่องนี้อย่างเต็มที่ เห็นได้จากตัวเลขของ BOI ที่ต่างชาติจะมาลงทุนที่สูงสุดในรอบ 10 ปีแล้วยังจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับภายในเดือนมกราคมนี้ ที่งาน World Economic Forum เราจะได้เซ็นสัญญา FTA กับเอฟตา (สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป) กับ 4 ประเทศ ประกอบด้วย สวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ ไอซ์แลนด์ และนอร์เวย์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและกำลังซื้อสูง และจะนําไปสู่การเซ็นสัญญา FTA ไทยกับอียู และ UAE ต่อไปในอนาคต ประเทศไทยเป็นประเทศเล็กการเจริญเติบโตของเราต้องอาศัยต่างประเทศเยอะต้องสานเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  คาดว่าจะส่งผลดีต่อกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าแปรรูป และสินค้าเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ไทยจะได้ประโยชน์ จากที่ขาดโอกาสเรื่องนี้มาเป็น 10 ปี การลงทุนข้ามจากไทยไปเวียดนามหมด แต่เรามีไฟฟ้าที่มากพอ เพราะสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีพลังงานได้ทำไว้เยอะ ทำให้สามารถรองรับการลงทุนเทคโนโลยีได้ ต้องเร่งให้เขาสร้างเสร็จเร็วๆจะได้มีโอกาสเห็นการส่งออกไทยโตเกิน 4-5% และเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะโตเกิน 4-5% ตามการส่งออกด้วยเช่นกัน ต้องให้ทุกประเทศมาลงทุนไทยแล้วได้ประโยชน์ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็ทํางานหนักขึ้นเพื่อสร้างโอกาสทำรายได้ให้ประเทศต่อไป

#โดนัลด์ทรัมป์ #ข่าววันนี้ #กระทรวงพาณิชย์ #การค้าโลก #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

"EXIM BANK" ประเมินเมื่อ "โดนัลด์ทรัมป์" กลับมาจะพาโลกและไทยไปทางไหน

"EXIM BANK" ประเมินเมื่อ "โดนัลด์ทรัมป์" กลับมาจะพาโลกและไทยไปทางไหน

เมื่อวันที่ 7 พ.ย.67 ฝ่ายวิจัยธุรกิจธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ระบุผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อย่างไม่เป็นทางการ ค่อนข้างแน่ชัดว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนถัดไป โดยแนวนโยบายของทรัมป์ที่สำคัญ ได้แก่ (1) การค้า : เก็บภาษีสินค้านำเข้าทั้งหมดจากจีนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 60% และประเทศอื่นเพิ่มเป็น 10% (2) การลงทุน : ดึงดูดการลงทุนกลับสู่สหรัฐฯ โดยใช้มาตรการจูงใจทางภาษี (3) นโยบายสีเขียว : อาจถอนตัวจากข้อตกลง Paris Agreement และอาจชะลอร่างกฎหมาย Clean Competition Act ซึ่งเป็นการเก็บภาษีคาร์บอนกับสินค้าที่มีการปล่อยคาร์บอนสูง และ (4) การเมืองโลก : สนับสนุนอิสราเอลชัดเจน ซึ่งโดยรวมนโยบายของทรัมป์จะส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนต่อทิศทางการค้าการลงทุนโลกในหลายด้าน ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมพร้อมรับมืออย่างทันท่วงที ทั้งนี้ ในเบื้องต้น สามารถประเมินผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากแนวนโยบายของทรัมป์ ดังนี้

• การค้า : ไทยได้ไม่คุ้มเสียจาก Trade War รอบใหม่ เนื่องจากโอกาสส่งออกสินค้าไทยไปแทนที่สินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ มีไม่มาก เพราะกลุ่มสินค้าที่ถูกเก็บภาษีใหม่ (ไม่เคยถูกเก็บจาก Trade War รอบแรก) ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Consumer Goods เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เสื้อผ้า รองเท้า และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งไทยไม่ได้เป็นฐานการผลิตที่สำคัญอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีขีดความสามารถในการแข่งขันต่ำกว่าประเทศอื่น อาทิ เวียดนาม และเม็กซิโก นอกจากนี้ นโยบายของทรัมป์ยังอาจทำให้สถานการณ์สินค้าจีนทะลักเข้าไทยรุนแรงขึ้น จากการระบายสินค้าส่วนเกินของจีน โดยเฉพาะในกลุ่ม Consumer Goods ไปยังประเทศอื่น

• การลงทุน : กระแสการย้ายไปลงทุนในประเทศที่วางตัวเป็นกลาง (Conflict-free Countries) ยังดำเนินต่อไป แต่อยู่ภายใต้ภาวะกดดันเพิ่มขึ้น เนื่องจากภายใต้การบริหารงานของทรัมป์มักดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้ากับประเทศต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ประเทศที่จีนย้ายฐานลงทุนไปผลิตสินค้าเพื่อเลี่ยงสงครามการค้าเผชิญความเสี่ยงที่จะถูกใช้มาตรการทางการค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น

• นโยบายสีเขียว : กลไกการลดคาร์บอนโลกอาจสะดุด และส่งผลต่อการผลักดันเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำของไทยทางอ้อม เนื่องจากการที่สหรัฐฯ อาจชะลอกฎหมาย Clean Competition Act ลดแรงกดดันต่อธุรกิจส่งออกไทยในการปรับตัวเพื่อลดคาร์บอน ซึ่งอาจมองเป็นมุมบวกของภาคธุรกิจได้ในระยะสั้น เนื่องจากไม่ต้องเร่งลงทุนเพื่อปรับตัว แต่ก็จะส่งผลเสียต่อการผลักดันเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำของไทยในระยะถัดไป

• ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง : สถานการณ์อาจยกระดับความรุนแรงได้ง่ายขึ้น เนื่องจากอิสราเอลจะกล้าดำเนินมาตรการทางทหารเชิงรุกมากขึ้นหลังรู้ว่าจะมีสหรัฐฯ คอยหนุนหลังอย่างเต็มที่ ซึ่งอาจขยายวงความวุ่นวายในตะวันออกกลาง และจะส่งผลให้ราคาพลังงานและต้นทุนการขนส่งสินค้าปรับขึ้นรุนแรง

• เศรษฐกิจสหรัฐฯ : หวือหวาในระยะสั้น แต่จะเผชิญความเสี่ยงหลายด้านในระยะข้างหน้า โดยการมาของทรัมป์จะทำให้ภาคธุรกิจส่วนใหญ่ได้ประโยชน์จากนโยบายลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% เหลือ 15% และทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับขึ้นเพื่อขานรับนโยบาย แต่สหรัฐฯ อาจต้องเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อที่จะตามมาหลังการขึ้นภาษีนำเข้า และทำให้ Fed อาจพิจารณาชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2568 นอกจากนี้ นโยบายลดภาษีจะขยายการขาดดุลงบประมาณให้เพิ่มขึ้นถึง 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลา 10 ปี ซึ่งบั่นทอนเสถียรภาพทางการคลังและซ้ำเติมปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงถึง 122% ต่อ GDP (ปี 2566)

• สถานการณ์ค่าเงินบาท : ผันผวนในทิศทางอ่อนค่า โดยในระยะสั้น เงินทุนมีแนวโน้มไหลกลับเข้าสหรัฐฯ เพื่อเก็งกำไรในตลาดหุ้นหลังรับรู้ผลการเลือกตั้ง ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นและเป็นปัจจัยกดดันให้เงินบาทผันผวนในทิศทางอ่อนค่า อย่างไรก็ตาม ในระยะถัดไป การชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในปี 2568 และปัจจัยทางเศรษฐกิจของไทย เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อาจทำให้ค่าเงินบาทกลับมาผันผวนในทิศทางแข็งค่าได้

เพื่อเตรียมรับมือกับทิศทางการค้า การลงทุน และการเมืองโลก ที่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไป ไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องรักษาสมดุลระหว่างสองประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และจีน โดยเน้นการรักษาความเป็นกลางเพื่อให้ไทยสามารถรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนกับทั้งสองประเทศได้อย่างเหมาะสม ขณะที่ภาคธุรกิจอาจต้องเตรียมพร้อมรับมือ โดยเน้นกลยุทธ์สำคัญ ดังนี้

• รุกเข้าตลาดหรือเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนในประเทศที่เป็น Conflict-free Country ซึ่งได้ประโยชน์จากความขัดแย้ง เช่น อินเดีย และเวียดนาม ทั้งในแง่ของการค้าระหว่างประเทศ และการขยายการลงทุนไปยังประเทศดังกล่าว

• ลดความเสี่ยงจากความผันผวนด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำ Foreign Exchange Forward Contract เพื่อป้องกันความผันผวนของค่าเงิน แม้ว่าเงินบาทที่มีทิศทางอ่อนค่าอาจทำให้ผู้ส่งออกบางส่วนเล็งเห็นถึงประโยชน์จากส่วนต่างค่าเงินดังกล่าว แต่การส่งออกที่เน้นการเก็งกำไรค่าเงินถือว่าเสี่ยงเกินไปในภาวะที่โลกต้องเผชิญความผันผวนสูงในปัจจุบัน นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังควรพิจารณาการทำประกันการส่งออก (Export Credit Insurance) และประกันความเสี่ยงการลงทุน (Investment Insurance) เพื่อลดเหตุความไม่แน่นอนในประเทศคู่ค้าซึ่งอาจมีมากขึ้นจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแนวโน้มรุนแรงภายใต้การดำเนินงานของทรัมป์

• รักษาแนวทางการดำเนินงานที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการที่สหรัฐฯ อาจถอนตัวออกจากกลไกการลดโลกร้อน ยิ่งทำให้ประเทศต่าง ๆ รวมถึงไทย ต้องพยายามมากขึ้นในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ การผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือการดำเนินงานที่ลดคาร์บอนจะช่วยให้ธุรกิจสามารถรักษาตำแหน่งในห่วงโซ่อุปทานโลกยุคใหม่ได้มั่นคงยิ่งขึ้น

ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะประกาศอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้ พร้อมด้วยพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งที่จะมีขึ้นในเดือนมกราคม 2568 นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะส่งผลต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก ดังนั้นในระหว่างนี้การติดตามประเด็นการเมืองสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบจากนโยบายต่างๆที่จะทยอยมีความชัดเจนมากขึ้นในระยะข้างหน้า

#โดนัลด์ทรัมป์ #ข่าววันนี้ #EXIMBANK #เลือกตั้งสหรัฐฯ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์