"มนพร" เปิดผลสรุปศึกษา "แลนด์บริดจ์" มอบ "สนข." จัดประกวดราคาหานักลงทุนอย่างเป็นรูปธรรม

"มนพร" เปิดสัมมนาสรุปผลการศึกษา "โครงการแลนด์บริดจ์" มอบ “สนข.” เดินหน้าประกาศประกวดราคาหานักลงทุน ผลักดันโครงการให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ ดึงภาครัฐ - เอกชน - ประชาชน ร่วมเสนอแนะให้ครอบคลุมทุกมิติ

วันที่ 25 สิงหาคม 2568 นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงานสัมมนาสรุปผลการศึกษา โครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development Model) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) เพื่อนำเสนอสรุปผลการศึกษาข้อมูลรายละเอียดของโครงการ พร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นำชุมชน และประชาชน เข้าร่วมงานสัมมนา ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพ สีลม กรุงเทพฯ

นางมนพร เผยว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้มอบหมายให้ตนมาเป็นประธานเปิดงานสัมมนาสรุปผลการศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งเป็นโครงการที่มีความสำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนส่งทางทะเลของประเทศและเป็นโครงการเรือธงของรัฐบาล นำโดยนายกรัฐมนตรี นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร ที่ต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยอาศัยการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ กระทรวงคมนาคมจึงได้ขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งขนาดใหญ่หลายโครงการ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และเพิ่มศักยภาพทางการค้าของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง และพร้อมผลักดันให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภูมิภาค ภายใต้นโยบาย “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย”

นางมนพร กล่าวต่อว่า กระทรวงคมนาคม โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ดำเนินการศึกษาออกแบบโครงการแลนด์บริดจ์ โดยอาศัยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ที่ตั้งอยู่ใจกลางคาบสมุทรอินโดจีน สามารถเชื่อมต่อทะเลได้ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน จึงเป็นโอกาสที่จะได้ใช้ประโยชน์จากทำเลที่ตั้งดังกล่าวเพื่อนำมาพัฒนาทางเลือกใหม่ในการขนส่งตู้สินค้าทางทะเลผ่านโครงการแลนด์บริดจ์บนพื้นที่ในประเทศไทย แทนการขนส่งตู้สินค้าผ่านช่องแคบมะละกา ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่งตู้สินค้าทางทะเลของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก และที่สำคัญช่วยเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในการแข่งขันทางการค้าของประเทศไทย สำหรับการสัมมนาในวันนี้จะเป็นหมุดหมายอันดีที่กระทรวงคมนาคมและ สนข. จะได้นำเสนอสรุปผลการศึกษา จากการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นตลอดระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี 2564 - 2568 มากกว่า 60 เวที ให้กับผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงรูปแบบรายละเอียดของโครงการ รูปแบบโมเดลการพัฒนาและการลงทุน อัตราผลตอบแทนในการลงทุน รวมถึงแผนงานขั้นต่อไปที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนช่วยกันผลักดันการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม  

"ขอให้คำยืนยันในความพร้อมของกระทรวงคมนาคมและรัฐบาล ที่จะดำเนินการประกวดราคาหานักลงทุนไทยและต่างชาติมาร่วมกันพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ และขอให้ทุกท่านใช้เวทีนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อคณะผู้ศึกษา เพื่อจะได้นำไปประกอบผลการศึกษาให้มีความสมบูรณ์และครอบคุลมครบทุกมิติมากยิ่งขึ้น" นางมนพร กล่าว

สนข. ยืนยันทำ EHIA โครงการแลนด์บริดจ์ เป็นไปตามกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม รับฟังความคิดเห็นปชช. ครอบคลุมทุกพื้นที่จ.ชุมพร-จ.ระนอง

สนข. ยืนยันการทำ EHIA โครงการแลนด์บริดจ์ เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ถูกต้องตามหลักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด เน้นสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้งจังหวัดชุมพรและจังหวัดระนอง 

วันที่ 14 สิงหาคม 2568 นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เปิดเผยว่าตามที่มีประเด็นการนำเสนอข่าว กรณีตัวแทนจากคณะทำงานสภาประชาชนภาคใต้ ส่งหนังสือให้คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ให้ตรวจสอบการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนโครงการแลนด์บริดจ์ ครั้งที่ 3  ระหว่างวันที่ 5 - 6 สิงหาคม ที่ผ่านมานั้น เนื่องจากพบปัญหาหลายด้าน ได้แก่ ประเด็นเนื้อหารายงาน EHIA ที่ใช้ข้อมูลไม่ตรงกับพื้นที่จริง ความไม่คุ้มทุนของโครงการ และประเด็นการจัดประชุมที่เชิญผู้เข้าร่วมประชุมไม่ครอบคลุมกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงนั้น  

นายปัญญาฯ กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และบริษัทที่ปรึกษา ได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development Model) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ถูกต้องตามหลักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ซี่งจากประเด็นต่าง ๆ ที่ถูกพาดพิงนั้น สนข. ขอชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงและไม่ได้เพิกเฉยต่อประเด็นต่าง ๆ โดยที่ผ่านมา สนข. ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาดำเนินการศึกษาและออกแบบโครงการแลนด์บริดจ์ รวมถึงการศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือ EHIA และได้กำกับติดตามการดำเนินงานของบริษัทที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ สนข. ได้ลงพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจต่อหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง สถาบันการศึกษา ผู้นำชุมชน ผู้แทนกลุ่มอาชีพ เครือข่ายภาคประชาสังคม นักวิชาการ และผู้ที่อาจได้รับผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบ จากการพัฒนาโครงการ รวมทั้งสื่อมวลชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภาคส่วนต่าง ๆ ตลอดจนพี่น้องประชาชนในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน โดยได้ดำเนินการมาแล้วในรูปแบบการประชุมทั้งสิ้น จำนวนกว่า 67 ครั้ง และรูปแบบการประชาสัมพันธ์และรับฟังความเห็นประชาชนรายชุมชน และครัวเรือน ซึ่งครอบคลุมทุกตำบล ทุกอำเภอ ทั้งจังหวัดชุมพร และจังหวัดระนอง

นายปัญญาฯ กล่าวต่อว่า สำหรับการศึกษา EHIA ได้มอบหมายให้บริษัทที่ปรึกษาเริ่มการทำกระบวนการศึกษา EHIA ตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน โดยมีการรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ และลงพื้นที่จริงเพื่อเก็บข้อมูลปฐมภูมิ สำรวจข้อมูลคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตรวจวัดค่าคุณภาพทางอากาศ ระดับเสียง และแรงสั่นสะเทือน คุณภาพน้ำทะเล สำรวจป่าไม้ สัตว์ทะเล สัตว์ป่า เพื่อศึกษาสภาพแวดล้อมปัจจุบันของพื้นที่ ก่อนนำไปประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สังคม และสุขภาพ รวมถึงสำรวจสภาพเศรษฐกิจ และสังคม พร้อมกันนี้ยังได้มีการจัดการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างต่อเนื่องในรูปแบบการจัดประชุมกลุ่มย่อย การสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่ม การสำรวจความคิดเห็นด้วยแบบสอบถาม ควบคู่ไปกับกระบวนการศึกษา EHIA และยืนยันว่า ได้ดำเนินการตามขั้นตอนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างถูกต้อง เป็นไปตามหลักวิชาการสามารถตรวจสอบได้

สำหรับการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 3 โครงการพัฒนาท่าเรือบริเวณแหลมอ่าวอ่าง อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง เมื่อวันที่ 
5 สิงหาคม 2568 มีผู้เข้าร่วมประชุม 405 ราย และโครงการพัฒนาท่าเรือบริเวณแหลมริ่ว อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 มีผู้เข้าร่วมประชุม 214 ราย ซึ่งได้มีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง ทั้งผลดี ผลกระทบ ข้อคิดเห็น และข้อห่วงกังวลต่อโครงการ ซึ่ง สนข. ได้นำเอาข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็น รวมทั้งข้อกังวลต่าง ๆ จากผู้เข้าร่วมประชุมไปพิจารณาประกอบการจัดทำรายงานฯ ให้มีความถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจในร่างรายงานและมาตรการฯ ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อการดำเนินโครงการแลนด์บริดจ์ต่อไป

"วิกรานต์ ศุภมงคล" เดินหน้าร่วมขับเคลื่อนโครงการแลนด์บริดจ์ หนุนประเทศไทยสู่ฮับเศรษฐกิจโลก

ทู แคปปิตอล (Two Capital) กลุ่มธุรกิจการเงินและการลงทุนระดับประเทศ (National Financial & Investment Group) ชูจุดแข็ง “วงเงินเครดิตหลักประกันโครงการที่มีศักยภาพสูงสุด” (High-Capacity Project Credit Guarantee Line) รองรับ Mega Project ทั้งภาครัฐ (Public Sector) และภาคเอกชน (Private Sector)

บริษัท ทู แคปปิตอล จำกัด (Two Capital Company Limited) กลุ่มธุรกิจการเงินและการลงทุนของไทย ประกาศความพร้อมเข้าร่วมสนับสนุนและร่วมลงทุน (co-invest) ในโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ โดยเฉพาะโครงการยุทธศาสตร์ระดับชาติ (National Strategic Projects) อย่างโครงการแลนด์บริดจ์ “Landbridge ไทย–อันดามัน” (ชุมพร–ระนอง) ภายใต้การกำกับของกระทรวงคมนาคม (Ministry of Transport)

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.00 น. ตัวแทนของ นายวิกรานต์ ศุภมงคล ประธานกรรมการบริหาร (Chief Executive Officer) บริษัท ทู แคปปิตอล จำกัด ได้เข้าพบและประชุมหารือกับผู้บริหารสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) หรือ Office of Transport and Traffic Policy and Planning (OTP) ณ ห้องประชุม 201 ชั้น 2 อาคาร สนข. เพื่อขอคำแนะนำและคำชี้แนะเชิงนโยบาย (Policy Guidance) เกี่ยวกับแนวทางการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน (Private Sector Participation) ในโครงการแลนด์บริดจ์ (Landbridge) พร้อมทั้งนำเสนอศักยภาพของบริษัท ทู แคปปิตอล ในการร่วมสนับสนุนและผลักดันโครงการดังกล่าวในรูปแบบ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public–Private Partnership: PPP)

"ทู แคปปิตอล เป็นบริษัทที่มีจุดแข็งด้านวงเงินเครดิตหลักประกันระดับสูง (High-Value Credit Facilities for Project Guarantee) มีศักยภาพสามารถออก หนังสือค้ำประกัน (Bank Guarantee: BG/Stand by Latter of Credit:SBLC) โครงการในวงเงินระดับหลายแสนล้านบาทได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการลงทุนในโครงการ Mega Project ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงโครงการแลนด์บริดจ์ที่มีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์ของประเทศ"

นายวิกรานต์ ศุภมงคล เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล (Forward-Thinking Entrepreneur) มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปีในแวดวงการเงิน (Finance), การลงทุน (Investment) และการบริหารโครงการขนาดใหญ่ (Large-Scale Project Management) โดยเฉพาะด้าน การจัดหาแหล่งเงินทุน (Project Financing) บริษัทฯ มีวงเงินเครดิตหลักประกัน (Credit Guarantee Facility) เป็น หนังสือค้ำประกันระหว่างประเทศ (International Bank Guarantee Instruments) ที่มีประสิทธิภาพสูง และมี แผนกลยุทธ์ทางการเงิน (Financial Strategy Plan) และแนวทาง การร่วมลงทุนกับหน่วยงานภาครัฐทุกรูปแบบ (Joint Venture with Government Entities)

ภายใต้การนำของนายวิกรานต์ ศุภมงคล บริษัท ทู แคปปิตอล ได้ยกระดับขีดความสามารถด้านการเงินไปสู่มาตรฐานสากล (Global Financial Standards) โดยมีพันธมิตรทางการเงินระดับโลก (Global Financial Partners) และมีศักยภาพในการใช้ วงเงินเครดิตหลักประกัน (Credit Line Facility) เพื่อสนับสนุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานของไทยอย่างเต็มรูปแบบ (Fully Structured Infrastructure Support) ภายใต้หลัก ธรรมาภิบาล (Corporate Governance) ความโปร่งใส (Transparency) และความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจของประเทศ (National Economic Responsibility)

การเข้าร่วมสนับสนุนของ ทู แคปปิตอล ในครั้งนี้ ยังสะท้อน บทบาทใหม่ของบริษัทเอกชนไทยในเวทีโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก (Emerging Role of Thai Private Sector in Global Infrastructure Arena) ด้วยความพร้อมด้านการเงินการลงทุน (Financial Readiness & Investment Capability) และวงเงินเครดิตหลักประกันจากพันธมิตรการเงินระดับนานาชาติ (International Credit Backing), การบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ (Strategic Management) รวมถึงการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอย่างมืออาชีพ (Professional Public Sector Collaboration)

บริษัทฯ มุ่งหวังให้ประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางภูมิศาสตร์ (Geostrategic Potential) และโครงข่ายโลจิสติกส์ (Logistics Network) สู่การเป็น ศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Economic Hub) ในอนาคต

"ดร.สามารถ" ตั้งคำถาม "แลนด์บริดจ์ ระนอง–ชุมพร" แค่ฝันลมๆ แล้งๆ ที่ยังไม่ขยับสู่ความจริง?

วันที่ 7 ก.ค.68 ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ - Dr.Samart Ratchapolsitte ระบุว่า...

แลนด์บริดจ์ ระนอง-ชุมพร

หรือเรากำลังรอ “ฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง”?

“แลนด์บริดจ์” คำสั้นๆ ที่ฟังดูยิ่งใหญ่ ราวกับจะเปลี่ยนภูมิรัฐศาสตร์ของการขนส่งโลก พลิกแผ่นดินภาคใต้ให้กลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับสากล ขนส่งสินค้าจากมหาสมุทรอินเดียไปสู่แปซิฟิกโดยไม่ต้องอ้อมช่องแคบมะละกา และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศสู่ภาคใต้ของไทย

นับตั้งแต่การเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการเมื่อหลายปีก่อน “แลนด์บริดจ์ระนอง–ชุมพร” เป็นหนึ่งใน “เมกะโปรเจกต์” ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด เราได้รับฟังคำอธิบายถึงศักยภาพมหาศาลของแลนด์บริดจ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่การจ้างงาน การสร้างมูลค่าเพิ่ม และการยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค

รัฐบาลคุยว่ามี “นักลงทุนต่างชาติหลายราย” แสดงความสนใจเข้าร่วมพัฒนาโครงการในรูปแบบ PPP (Public-Private Partnership) ว่าแต่...ใครคือ “นักลงทุนต่างชาติหลายราย” ที่ว่า? หรือว่าคำว่า “สนใจ” ที่รัฐบาลใช้ หมายถึงเพียงแค่มีต่างชาติเข้ามาดูพาวเวอร์พอยต์ แล้วบอกว่า "อืม ก็น่าสนใจดี?”

ถึงวันนี้ คำถามที่สังคมต้องการคำตอบอย่างจริงจังคือ “โครงการคืบหน้าไปถึงไหน?” จะเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้หรือไม่? กล่าวคือรัฐบาลประกาศอย่างชัดเจนว่าจะเปิดประมูลได้ในช่วงปลายปี 2568 และมีกำหนดเริ่มก่อสร้างเฟสแรกในไตรมาสที่ 3 ของปี 2569 โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการเฟสแรกได้ในปลายปี 2573

แผนดูทะเยอทะยาน และเต็มไปด้วยคำสัญญา แต่คำถามสำคัญคือ เราจะเดินไปถึงตรงนั้นได้จริงหรือไม่?

แลนด์บริดจ์ไม่ควรเป็นเพียงวาทกรรม เพราะสิ่งที่อยู่เบื้องหลังคือความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และภูมิรัฐศาสตร์ระดับภูมิภาค หากทำได้ มันคือหมุดหมายใหม่ของความเจริญ แต่หากทำไม่ได้ มันอาจเป็นบทพิสูจน์อีกครั้งว่า ประเทศไทยยังไม่หลุดพ้นจากกับดักแห่งวาทกรรม

ในบริบทของเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เช่นนี้ต้องการทั้ง “วิสัยทัศน์ที่ยั่งยืน” และ “การดำเนินงานที่มีความต่อเนื่อง” มิฉะนั้น จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นทั้งของประชาชน และนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่รัฐบาลจะต้องให้คำตอบอย่างจริงใจ และนำพาแลนด์บริดจ์ “ระนอง–ชุมพร” ออกจากแผ่นกระดาษสู่การพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมเสียที?

 

“สุริยะ” ยันนายกฯ เยือนจีนไม่หารือ “แลนด์บริดจ์” ชี้คุยตกผลึกหมดแล้ว บอกกลุ่มไหนให้ผลประโยชน์รัฐมากสุดก็ชนะไป

เมื่อเวลา 12.50 น. วันที่ 4 ก.พ. 68  ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้และเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (ชุมพร-ระนอง) หรือโครงการแลนด์บริดจ์

ในวาระที่นายกรัฐมนตรีเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนจะมีการพูดคุยหรือไม่ว่า อาจไม่มีการพูดคุยเรื่องดังกล่าว แต่เป็นการพูดคุยกับภาคเอกชนของจีน และมีการพูดคุยจนตกผลึกหมดแล้ว โดยทางนักลงทุนจีนต้องการข้อมูลต่างๆ ซึ่งกระทรวงคมนาคมก็ได้ให้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว ขณะนี้นักลงทุนจากจีนที่มีความสนใจลงทุนมีประมาณ 6 บริษัท 

 

เมื่อถามว่า แนวโน้มจะเป็นจีน หรือดูไปจะร่วมลุงทุนมากกว่า เพราะตอนนี้ไทยตั้งคณะทำงานร่วมกับบริษัท Dubai Port World (DP World) จากดูไบ นายสุริยะ กล่าวว่า หลายบริษัทใหความสนใจเข้ามาลงทุน ซึ่งกลุ่มนักลงทุนจากดูไบก็เป็นแคนดิเดตที่มีความเข้มแข็ง เขามีเรือเดินสมุทรกว่า 1,700 ลำ ทั้งยังมีการบริหารท่าเรือในหลายประเทศ ซึ่งดูไบเขาก็สนโครงการนี้ และจีนก็ให้ความสนใจในโครงการนี้ โดยหลังจากนี้ต้องรอดูว่าประเทศกลุ่มนักลงทุนไหนเสนอผลประโยชน์ให้รัฐมากที่สุด บริษัทนั้นก็จะชนะไป

 

เมื่อถามถึง ความคืบหน้าพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ พ.ศ. .... (พ.ร.บ.SEC) ที่จะมาเป็นตัวคุมโครงการแลนด์บริดจ์ นายสุริยะ กล่าวว่ากระทรวงการคลังได้มอบอำนาจให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นผู้ดำเนินการพ.ร.บ.ดังกล่าว

"สุริยะ" ยันแลนด์บริดจ์เกิดในรัฐบาลนี้แน่นอน คาดเริ่มก่อสร้างไตรมาส 3/69

"สุริยะ" ยันแลนด์บริดจ์เกิดในรัฐบาลนี้แน่นอน คาดเริ่มก่อสร้างไตรมาส 3/69

เมื่อวันที่ 2 ก.ย.67 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (ชุมพร-ระนอง) หรือโครงการแลนด์บริดจ์ว่ากระทรวงคมนาคม และรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในยุคนี้แน่นอน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ รวมถึงผลักดันเศษรฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

สำหรับแผนการดำเนินงานในขณะนี้นั้น สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างการทำหนังสือบรรจุวาระการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ พ.ศ. .... หรือ พ.ร.บ.SEC เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) เพื่อให้มีมติมอบหมาย สนข. เป็นผู้จัดทำร่าง พ.ร.บ.SEC ก่อนเข้าสู่กระบวนการอื่นๆ และเสนอร่าง พ.ร.บ.เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือน ก.ย.68

ทั้งนี้เมื่อ พ.ร.บ.SEC มีผลบังคับใช้แล้ว จะมีการจัดตั้งสำนักงาน SEC และเข้าสู่แผนงานอื่นๆตามแผนต่อไป โดยในส่วนการออกแบบทางรถไฟ และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) รวมถึงการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) จะพิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม EIA แล้วเสร็จในปี 2568 สอดคล้องกับการออกแบบท่าเรือ และการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) และส่งให้ สผ.พิจารณาแล้วเสร็จในปี 2568 เช่นเดียวกัน

ส่วนกระบวนการคัดเลือกเอกชนนั้น การจัดทำร่างเอกสารเชิญชวนผู้ลงทุนในการร่วมลงทุนโครงการ (RFP) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/69 และน่าจะคัดเลือกผู้ลงทุนได้ภายในไตรมาส 2/69 จากนั้นจะออก พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน ก่อนเสนอ ครม.อนุมัติโครงการภายในไตรมาส 2/69 จากนั้นจะสามารถลงนามสัญญากับผู้ชนะการประกวดราคาและเริ่มก่อสร้าง โดยการก่อสร้างระยะที่ 1 คาดว่าจะเริ่มได้ในไตรมาส 3/69 แล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 573 ตามแผนที่กำหนดไว้

ขณะที่การจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับบริษัท Dubai Port World (DP World) นั้น เนื่องจาก DP World ต้องการศึกษารายละเอียดโครงการฯ รวมทั้งแสดงถึงความพร้อมที่จะเข้าร่วมลงทุนโครงการในประเทศไทย อย่างไรก็ตามหากผู้ประกอบการเอกชนรายใด ทั้งประเทศจีน และประเทศอื่นๆทั่วโลก ต้องการจะตั้งคณะทำงานร่วมกับประเทศไทย สามารถแสดงความประสงค์มาได้ทันที โดยยืนยันว่ากระทรวงคมนาคม และรัฐบาลไทย มีความยินดีต้อนรับนักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลก และไม่ได้ผูกมัด หรือกีดกันรายใดรายหนึ่ง ทั้งนี้ยืนยันว่า ทุกกระบวนการในการดำเนินการมีความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล สามารถตรวจสอบได้

#ข่าววันนี้ #คมนาคม #แลนด์บริดจ์ #เขตเศรษฐกิจพิเศษ #ลงทุน

 

 

 

"จตุพร" นัดรวมพลไม่มีแบ่งฝ่ายเดือน ส.ค.นี้ หยุดยั้งการซื้อขายชาติ

เมื่อวันที่ 8 ก.ค.67 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก "Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์" ระบุว่า เรียกร้องให้ประชาชนข้ามพ้นการเป็นเหยื่อการเมือง ถ้าไม่ก้าวข้ามย่อมเกิดความฉิบหายขึ้นในชาติ เพราะรัฐบาลซุกซ่อนโครงการกิผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มอย่างมโหฬารไว้สะสมทุนรอใช้จ่ายซื้อประเทศผ่านระบบเลือกตั้ง

พร้อมย้ำว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แม้แจกเงินให้ประชาชนหมื่นบาท แต่ทั้งโครงการกลับมีส่วนต่างมากถึง 4 แสนล้าน และที่สำคัญยังเป็นโครงการเชิงซ่อนกับการขายคอนโดให้ต่างชาติ 75% อยู่นาน 99 ปี แล้วยังถือครองที่ดินที่ตั้งของคอนโดด้วย จึงเท่ากับต่างชาติมาตั้งอาณานิคมในไทย

“นายกฯ เป็นนักธุรกิจอสังหาฯ มาก่อน ถ้าไม่มีคนขวางแล้ว เราจะเสียเอกราช เพราะการถือครอง 75% แล้วรวมกับการถือผ่านนอมินีอีก จึงเท่ากับต่างชาติยึดคอนโดพร้อมแผ่นดินไทยได้ถึง 100 % ยิ่งกว่านั้น การใช้นอมินีถือครองหมู่บ้านจัดสรรหรูหราทั้งหลายกลับนิ่งเฉย รัฐไม่ยอมตรวจสอบ แต่กลับเปิดทางออกแบบโครงการให้ต่างชาติมาซื้อมากขึ้นไปอีก”

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อต้องการขายคอนโดที่สร้างแล้วทิ้งว่างไว้ ไม่มีคนซื้อ ก็ต้องทำเศรษฐกิจให้ดี ไม่ใช่มาใช้แรงจูงใจซื้อให้พวกตัวเองได้ขายคอนโดแบบขยายการถือครองจาก 49% เป็น 75% แล้วเพิ่มเวลาให้อยู่นานจาก 30 ปี เป็น 99 ปี ส่วนการซื้อขายนั้น ยังคิดให้ไปทำสัญญาตกลงกันที่เกาะฮ่องกงอีกด้วย จึงเท่ากับมีพฤติกรรมเป็นพิรุธในการหาประโยชน์

นายจตุพร กล่าวว่า การออกแบบโครงการของรัฐบาลล้วนมีมูลค่ามโหฬาร โดยดิจิทัลวอลเล็ตมีส่วนต่างมากถึง 4 แสนล้าน ขายคอนโดมีมูลค่าเกิน 4 ล้านล้าน ตั้งคาสิโนยังมหาศาลด้วยมูลค่านับล้านล้าน ส่วนแลนด์บริดจ์ไม่รู้มีมูลค่าที่ดินกี่ล้านล้าน ดังนั้นผลประโยชน์มากจริงๆ ที่เข้าไปกอบโกยเงินเพื่อทำการยึดครองประเทศด้วยระบบจ่ายเงินผ่านเลือกตั้งที่อ้างเป็นประชาธิปไตยได้อย่างหมูสนาม

“เราต้องให้โครงการเหล่านี้เกิดไม่ได้ เมื่อดิจิทัลวอลเล็ตแจกให้ประชาชนใช้ 6 เดือน แต่กลุ่มผลประโยชน์กลับมีเวลากอบโกยถึงปี 2570 เพื่อเชื่อมต่อกับความคิดขายคอนโดให้ต่างชาติมาซื้อเป็นอาณานิคมเฉพาะกลุ่มประเทศไป”

นายจตุพร เชื่อว่า โครงการของรัฐบาลแต่ละเรื่องล้วนเต็มไปด้วยความละโมบทั้งแบ่งผลประโยชน์จากการตั้งบ่อนคาสิโน แล้วยังจะครอบครองที่ดินในแลนด์บริดจ์ที่จะออกทะเลทั้งสองฝั่งจากอ่าวไทยไปอันดามัน จึงเป็นการสร้างประเทศซ้อนประเทศที่ถูกซุกไว้ในโครงการของรัฐ

อีกทั้งกล่าวว่า เมื่อคนไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก โดยคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบกลับนิ่งเฉยไม่ทำหน้าที่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ชาติ แต่ปล่อยให้กลุ่มการเมืองเหิมเกริมกับผลประโยชน์ส่วนตัวที่จะได้รับเมื่อรัฐบาลผลักดันโครงการเหล่านี้ออกมา

"ตั้งแต่รัฐบาล นายกฯ และพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนหลักในการตั้งรัฐบาลลองออกมาอธิบายถึงการได้ประโยชน์ของนายทุน ประชาชน และต่างชาติ อีกอย่างนักธุรกิจอสังหายังได้ประโยชน์มากมายด้วย แล้วประชาชนจะได้อะไรบ้าง”

นายจตุพร กล่าวว่า การมาเป็นรัฐบาลนั้น ต้องการสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น แต่กลับมาใช้วิธีการขายชาติขายแผ่นดินให้ต่างชาติแล้วตัวเองยังมีผลประโยนช์ซุกซ่อนไว้ ดังนั้น ประชาชนจึงต้องออกมาขวาง มาต่อต้าน มาหยุดยั้งการซื้อขายชาติที่ผ่านการออกแบบโครงการของรัฐบาลดังกล่าว

"พี่น้องต้องมีความพร้อม ต้องลืมเรื่องส่วนตัว มารวมกำลังเพื่อเอาประเทศมาก่อน เราต้องเป็นทีมชาติไทย ไม่มีแบ่งฝ่าย เพื่อทำภารกิจให้ประเทศได้อยู่รอดและปลอดภัย ดังนั้นในเดือนสิงหาคมนี้ ใครมีหน้าที่อะไร ถ้ารักชาติจริงก็ควรรู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไร”


#จตุพรพรหมพันธุ์ #ดิจิทัลวอลเล็ต #แลนด์บริดจ์ #ข่าวการเมือง
 

คมนาคมชง กม.SEC เข้า ครม.ก.ย.นี้ เร่งเปิดประมูลแลนด์บริดจ์ 1.1 ล้านล้านบาท คาดเปิดเฟสแรกปี 73

คมนาคมชง กม.SEC เข้าครม.ก.ย.นี้ เร่งเปิดประมูลแลนด์บริดจ์ 1.1 ล้านล้านบาท คาดเปิดเฟสแรกปี 73

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทย - อันดามัน (ชุมพร - ระนอง) หรือโครงการแลนด์บริดจ์ว่า ภายหลังจากการเดินทางไปโรดโชว์โครงการแลนด์บริดจ์ และได้รับฟังความเห็นจากนักลงทุนต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมานั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับรูปแบบของโครงการฯ ให้มีความเหมาะสม และมีศักยภาพสูงสุด เพื่อตอบสนองต่อผู้ลงทุน และประชาชนในพื้นที่ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงไตรมาส 3/2567 ก่อนเข้าสู่กระบวนการอื่นๆต่อไป

ขณะที่ความคืบหน้าการจัดทำพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ หรือ พ.ร.บ. SEC เพื่อขับเคลื่อนโครงการแลนด์บริดจ์นั้น ปัจจุบันสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้เสนอร่าง พ.ร.บ. ไปยังกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณา และเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) เพื่อมอบหมายให้ สนข. จัดทำร่าง พ.ร.บ.แล้ว คาดว่าจะนำเสนอร่าง พ.ร.บ. SEC ไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบภายในสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน 2567 เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะผ่านการพิจารณาของสภาฯ ในเดือนเมษายน 2568 โดยคาดว่า พ.ร.บ. SEC และการจัดตั้งสำนักงาน SEC นั้น ตามแผนจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/68

ส่วนออกแบบทางรถไฟ และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) รวมถึงการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และคาดว่าสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณา EIA แล้วเสร็จปี 2568 สอดคล้องกับการออกแบบท่าเรือ และการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ที่จะแล้วเสร็จภายในปี 2567 และส่งให้ สผ. พิจารณาแล้วเสร็จในปี 2568 เช่นเดียวกัน

สำหรับในส่วนของกระบวนการคัดเลือกเอกชนนั้น การจัดทำร่างเอกสารเชิญชวนผู้ลงทุนในการร่วมลงทุนโครงการ (RFP) คาดว่า จะแล้วเสร็จภายในปี 2568 ก่อนที่จะคัดเลือกผู้ลงทุนในไตรมาส 3/68 จากนั้นจะเสนอ ครม. อนุมัติโครงการในปี 2568 ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญากับผู้ชนะการประกวดราคาได้ในต้นปี 2569 ขณะที่การก่อสร้าง แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 เริ่มก่อสร้างปี 2569 แล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2573 ระยะที่ 2 เริ่มก่อสร้างปี 2574 แล้วเสร็จปลายปี 2577 และระยะที่ 3 เริ่มก่อสร้างปี 2578 แล้วเสร็จปลายปี 2579

นายสุริยะกล่าวอีกว่า รายงานของ สนข.ที่โครงการแลนด์บริดจ์ จะช่วยทำให้ GDP ของประเทศไทยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประมาณการโดย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ 4.0% ต่อปี เป็น 5.5% ต่อปี พร้อมทั้งจะทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ จำนวน 280,000 ตำแหน่ง แบ่งเป็น จ.ระนอง จำนวน 130,000 ตำแหน่ง และ จ.ชุมพร 150,000 ตำแหน่ง

 

“สุริยะ” เผย “ดูไบ พอร์ต เวิลด์” เตรียมบินมาดูงาน "แลนด์บริดจ์" ภายในเดือนนี้ มั่นใจโครงการเกิดแน่

 

วันที่ 6 มิ.ย.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ  จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม  เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการแลนด์บริดจ์  ว่า ได้พบหารือกับบริษัทประธานบริษัท ดูไบ พอร์ต เวิลด์ ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลก มีธุรกิจเรือนเดินสมุทรถึง 1,700 ลำ และบริหารท่าเรือในหลาย 10 ประเทศ   ซึ่งบริษัทดังกล่าวแสดงความสนใจที่อยากมาลงทุนในประเทศไทย  โดยจะเดินทางมาประเทศไทยภายในเดือนนี้ ขณะนี้กำลังกำลังเคลียร์ตารางงานอยู่    

ส่วนความพร้อมของประเทศไทยในโครงการนี้ยืนยันว่า ในแง่การศึกษาเบื้องต้นค่อนข้างชัดเจนว่ามีประโยชน์ต่อการลงทุนในประเทศไทย โดยดูจากการที่มีบริษัทในต่างประเทศที่รัฐบาลได้ชักชวนก็ให้ความสนใจ แต่โครงการนี้สำคัญที่สุด คือภาคเอกชน ที่จะตัดตัดสินใจในการลงทุน  ว่าโครงการนี้จะเดินต่อไปได้หรือไม่  แต่เท่าที่พูดคุยบริษัทชั้นนำ จากกรุงโรม อิตาลี  ดูไบ และจีน มีบริษัทชั้นนำให้ความสนใจในโครงการนี้  จึงมั่นใจว่าโครงการนี้เกิดขึ้นแน่   

ทั้งนี้การเดินสายสายโรดโชว์แต่ละประเทศถือว่าสิ้นสุดแล้ว  และเตรียมความคิดเห็นที่เดินทางไปแต่ละประเทศ มาลงในรายละเอียด  ร่างพระราชบัญญัติระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ พ.ศ. หรือ ร่างกฎหมายแลนด์บริดจ์   ก่อนนำเสนอสู่ ครม. และนำเข้าสู่สภาได้ในสมัยประชุมสภาสามัญนี้  

นายสุริยะ ระบุว่า  เมื่อร่างกฎหมายแลนด์บริดจ์ แล้วเสร็จ จะสามารถเปิดประมูลโครงการได้ ในปลายปี 2568 


 

"จตุพร" โพสต์เตือน! ระวังพวกคลั่งแจ็บแค้น อ้างชาติเพื่อกอบโกย ทำชาติพินาศย่อยยับ

เมื่อวันที่ 14 พ.ค.67 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก "Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์" ระบุว่า “จตุพร” เตือนระวังพวกคลั่งแจ็บแค้น บ้าอำนาจอยากมีอำนาจ หวังแก้แค้น แต่อ้างชาติเพื่อกอบโกย ส่งสัญญาณถึงคณะดีลเอาไง จะจัดการตัวการปัญหาหรือสมรู้ร่วมคิดแบ่งสรรผลประโยชน์ทับซ้อนทำชาติพินาศย่อยยับ

เมื่อ 13 พ.ค. 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์โดยระบุว่า ประเทศตกอยู่ใต้อำนาจคนผิดปกติ คลั่งแค้น และต้องการแก้แค้นแล้วกอบโกยผลประโยชน์ทับซ้อน ยิ่งจะทำให้ชาติพินาศย่อยยับในอนาคต
อีกทั้งสะท้อนถึงการบ้าอำนาจในเหตุการณ์ไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เกิดจากการตัดสินใจผิดพลาดตั้งแต่ปี 2547 แล้วบานปลายรุนแรงยิ่งขึ้นมาถึง 20 ปียังไร้วีแววแก้ไขปัญหาได้ แต่ยังนัดหารือเสนอตัวแก้ปัญหาสงครามจากความขัดแย้งในพม่า กระทั่งวงแตก เพราะทุกฝ่ายไม่ยอมรับสถานะตัวกลาง

"เมื่อตัวเองไม่มีหน้าที่ ไม่เข้าใจปัญหา คิดแค่ว่ายังมีอำนาจอยู่ อาจเป็นเพียงอำนาจแฝงไม่ใช่อำนาจตรง แต่วันที่มีอำนาจตรงยังแก้ปัญหาไม่ได้ แล้วยังสร้างปัญหาและทำความล้มเหลวพังพินาศมาตลอด"

นายจตุพร กล่าวถึงรัฐบาลคิดจะตั้งกระทรวงซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) เพิ่มขึ้นใหม่ว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่กระทรวง แต่อยู่ที่ความไร้ศักยภาพ ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ ซึ่งความจริงต้องสร้างความสำเร็จจนเกิดความเชื่อมั่นให้ได้ก่อนการคิดตั้งกระทรวง เพื่อไม่ให้สร้างปัญหาซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก 

อย่างไรก็ตาม ความคิดจะตั้งกระทรวงซอฟต์พาวเวอร์นั้น เป็นความไม่เข้าใจ แล้วทุ่มเทจะทำงานจึงกลายเป็นใหญ่ และทำไม่สำเร็จ ซึ่งที่ผ่านมาการตั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แบ่งงานกรมป่าไม้ออกจากกระทรวงเกษตร แล้วยังมีปัญหาทับซ้อนมาถึงขณะนี้ เพราะหลักคิดผิด

"เมื่อซอฟต์พาวเวอร์มา ไม่ได้อะไรสักอย่าง เพราะไม่เข้าใจตั้งแต่เริ่มต้น แค่คิดต้องการจะปั้นคน แต่ไม่ได้ปั้นเนื้อหางาน กลายเป็นคนนำเนื้อหาจึงไปไม่ได้"

นายจตุพร กล่าวว่า ประเทศมีแต่พวกบ้าอำนาจเข้ามามีอำนาจ เมื่อเข้ามาก็แสดงอำนาจใหญ่โต เมื่อเกิดปัญหาก็จากไป มีโอกาสกลับมาใหม่ก็แสดงความบ้าอำนาจอีก ประเทศไม่ได้อะไรขึ้นมาและอยู่ในสภาพนี้มาตลอด

สิ่งสำคัญรัฐบาลได้แสดงอำนาจที่จะไปจัดการงานใน 3 เรื่องอย่างมีนัยยะซ่อนผลประโยชน์ทับซ้อน คือ แลนด์บริดจ์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ คาสิโน และดิจิทัลวอลเล็ต โดยโครงการเหล่านี้เป็นอภิมหาผลประโยชน์ส่วนตัว แต่อ้างผลประโยชน์ชาติ อีกอย่างหากเกิดปัญหาขึ้นมายังไม่มีมาตรการจัดการ จึงส่อให้เกิดความเสียหายขึ้นในอนาคต

"3 เรื่องนี้ รัฐบาลจะพาประเทศพังพินาศ ภายใต้สถานการณ์ความมั่นคงเปราะบาง จึงหาสาระการทำงานไม่ได้เลยกับการฝ่าฟันให้ประเทศรอดพ้นวิกฤตไปได้อย่างไร โดยประชาชนจำนวนมากไม่สบายใจ และกัดกร่อนความรู้สึกให้จัดการตัวปัญหาเพื่อไม่ให้เป็นภาระใหม่ โดยมีการคิดดังๆว่า จะสั่งฟ้อง (คดี ม.112) ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ ไม่ให้ประกันแล้วขัง แล้วทยอยจัดการใหม่"

นายจตุพร กล่าวว่า มีอีกแนวทาง คือ อาจปล่อยตัว ไม่สั่งฟ้องเพื่อให้เกิดอารมณ์ร่วมในสังคม แล้วลงมือกวาดทั้งกระดาน หรือเป็นไปได้ที่จะสมรู้ร่วมคิดกันทำความเสียหายให้ประเทศต่อไป แล้วจะปล่อยให้ประเทศอยู่กับการกอบโกยผลประโยชน์ทับซ้อนส่วนตัวกันอีกเหรอ

"ผู้ที่มีส่วนต้องรับผิดชอบ (ดีล) กับอำนาจ ถ้าไม่ยึดเอาผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้งแล้ว เราจะไม่เหลือความเป็นชาติ ทุกกระบวนการต่างๆ จะถูกทำลายอย่างย่อยยับ เพราะเรากำลังจะเจอวิกฤตจากคนบ้าจริง คนผิดปกติ หรือบ้าอำนาจ ที่ต้องการแก้แค้นทุกอย่างที่คิดว่าที่ผ่านมาสร้างปัญหาให้กับเขา"


#จตุพรพรหมพันธุ์ #ซอฟต์พาวเวอร์ #แลนด์บริดจ์ #ข่าววันนี้