Hansgrohe ประเทศไทย จับมือสมาคมมัณฑนากรไทย สร้างแรงบันดาลใจให้นักออกแบบรุ่นใหม่

Hansgrohe (ฮานส์โกรเฮอ) ประเทศไทย บริษัทในเครือ Hansgrohe SE ผู้ผลิตอุปกรณ์ห้องน้ำและห้องครัวระดับพรีเมียมถึงลักชัวรีจากเยอรมนี ร่วมกับสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย (Thailand Interior Designers’ Association - TIDA) ได้ลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธ์อย่างเป็นทางการ เพื่อยกย่องและสนับสนุนนักออกแบบรุ่นใหม่ของไทย งานลงนามในครั้งนี้ยังเป็นการประกาศการสนับสนุนของ Hansgrohe ต่อเวทีรางวัล TIDA Thesis Awards (ปี 2568–2570) ซึ่งเป็นโครงการประจำปีอันทรงเกียรติที่มอบรางวัลให้กับโครงงานวิทยานิพนธ์ยอดเยี่ยมของนิสิตและนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาด้านสถาปัตยกรรมภายในและการออกแบบทั่วประเทศมาเป็นเวลากว่าทศวรรษ

ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของ Hansgrohe ว่า การออกแบบที่ยอดเยี่ยมคือรากฐานของนวัตกรรมที่มีคุณค่า โดย Hansgrohe แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นระยะยาวในการสนับสนุนเวทีรางวัล TIDA Thesis Awards เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ความยั่งยืน และฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์ของนักออกแบบรุ่นใหม่ของไทย

คุณ Christophe Gourlan, Chief Sales Officer ของ Hansgrohe Group กล่าวว่า เรามองความร่วมมือครั้งนี้ว่าเป็นการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่การสนับสนุนเพียงครั้งเดียว ด้วยการเล็งเห็นถึงศักยภาพด้านความคิดสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่ของประเทศไทย เราตั้งใจที่จะมีส่วนช่วยพัฒนานักออกแบบรุ่นใหม่และเสริมสร้างความก้าวหน้าด้านการออกแบบของประเทศผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ การทำงานอย่างใกล้ชิดกับ TIDA จะช่วยเปิดโอกาสให้นักออกแบบรุ่นใหม่ได้ก้าวสู่เวทีโลก ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และเชื่อมต่อกับเครือข่ายวิชาชีพที่สำคัญ

“ความสำเร็จของเราไม่ได้อยู่เพียงแค่การได้รับการยกย่องเท่านั้น แต่จะถูกสะท้อนผ่านผลลัพธ์ที่ส่งต่อไปในระยะยาว ทั้งการสร้างความร่วมมือ การจุดประกายการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และการร่วมกันกำหนดอนาคตของวงการออกแบบ”

ความร่วมมือครั้งนี้ตอกย้ำบทบาทของกรุงเทพฯ ในฐานะศูนย์กลางด้านการออกแบบสำคัญของ Hansgrohe ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยโครงการด้านโรงแรม ที่อยู่อาศัย และพาณิชยกรรมที่หลากหลายทั่วภูมิภาค Hansgrohe มองว่านักออกแบบไทยมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวงการการออกแบบระดับโลก ด้วยเอกลักษณ์ที่ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างวัฒนธรรมและความทันสมัยสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่กำหนดประสบการณ์ในห้องน้ำและห้องครัวในอนาคต

ด้านสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทยมองว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะเปิดประตูสู่โอกาสให้นักออกแบบสายเลือดใหม่ของไทย โครงการ TIDA Thesis Awards ไม่เพียงสร้างพื้นที่ให้ผลงานของพวกเขามีโอกาสได้รับการยอมรับในวงการ แต่จะช่วยผลักดันให้ผลงานเหล่านี้สร้างผลกระทบที่สัมผัสได้จริง วิสัยทัศน์ระดับโลก และความมุ่งมั่นตั้งใจของแบรนด์ต่าง ๆ ที่เข้ามาร่วมสนับสนุนโครงการนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้นักออกแบบไทยกล้าตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ขึ้น และมองว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนนักออกแบบระดับโลก

การเปิดรับผลงานในโครงการ TIDA Thesis Awards จะเริ่มขึ้นทั่วประเทศในเดือนตุลาคม 2568 สำหรับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการเปิดรับผลงาน สามารถติดตามได้ที่ Facebook และเว็บไซต์ทางการของสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย

GLO ส่งต่อภาพยนตร์สั้น สร้างแรงบันดาลใจแห่งการให้ มุ่งสู่ "สังคมแห่งความสุขที่ยั่งยืน"

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือ GLO ในฐานะ "องค์กรแห่งการให้" ที่ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมเสมอมา โดยตลอดระยะเวลา GLO ขับเคลื่อนแนวคิดการส่งต่อความสุขเพื่อสังคม พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนร่วมกันสานต่อพลังแห่งการ "ให้" 

วันที่ 15 กันยายน 2568 GLO จึงขอเชิญชวนทุกคนมาช่วยกันขับเคลื่อน "พลังแห่งการให้" เพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืนผ่านแนวความคิด "Giving is Rewarding" ผ่านภาพยนตร์โฆษณา "สังคมแห่งความสุขที่ยั่งยืน" เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงภาพลักษณ์ขององค์กรต่อการเป็นผู้ให้ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อการมีส่วนร่วมในสังคมอย่างยั่งยืน 

สำหรับภาพยนตร์โฆษณา "สังคมแห่งความสุขที่ยั่งยืน" เป็นการบอกเล่าเรื่องราว สร้างแรงบันดาลใจจาก "การให้" ที่เริ่มต้นขึ้นมาจากจุดเล็ก ๆ ขับเคลื่อนสังคมจากการเป็นผู้รับสู่การเป็นผู้ให้ สู่โอกาสในการสร้างสังคมแห่งความสุขที่เข้มแข็งและยั่งยืน ภายใต้แนวความคิด "การส่งต่อความสุข สร้างสังคมที่มีความสุข" ตอกย้ำตลอดเส้นทางของ GLO ที่ผ่านมา ได้สร้างโอกาสให้คุณมีส่วนร่วมในการเป็นผู้ให้มาต่อเนื่อง 
 ท่านสามารถติดตามภาพยนตร์โฆษณา "สังคมแห่งความสุขที่ยั่งยืน" ได้ทาง https://youtu.be/a2JI2o0QylIsi=vl5sHe7s02cP6Dwx เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสังคมแห่งการให้ที่ยั่งยืน

"ลีซอ ธีรเทพ" อดีตนักเตะทีมชาติ ร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน งานแข่งขันวิชาการนักเรียนท้องถิ่นระดับประเทศ

เทศบาลนครสกลนครเตรียมจัดงาน“การแข่งขันทักษะวิชาการและงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น” ครั้งที่ 14 อย่างยิ่งใหญ่ ดึง “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย อดีตนักเตะทีมชาติไทย “พาขวัญ” พาขวัญ น้อยใจบุญ นักแสดงสาวเจ้าถิ่น ร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน พร้อมจัดเต็มกิจกรรมตลอดการจัดงาน

วันที่ 7 สิงหาคม 2568  โรงแรม เอ็ม.เจ.เดอะมาเจสติคสกลนคร จังหวัดสกลนคร นายวีรรัตน์ ธีรมิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เป็นประธานในงานแถลงข่าว “การแข่งขันทักษะวิชาการและงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ระดับประเทศ ครั้งที่ 14 ประจำปี 2568” โดยมี นายโกมุท ทีฆธนานนท์ นายกเทศมนตรีนครสกลนคร นายธนาคม ไหลเจริญกิจ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการศึกษา สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดสกลนคร ผศ.ชาคริต ชาญชิตปรีชา อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร และพ.ต.อ.อภิรักษ์ ศรีหารักษา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร เมืองสกลนคร ร่วมแถลงรายละเอียดการจัดงาน รวมถึง “พาขวัญ” พาขวัญ น้อยใจบุญ ศิลปินนักแสดงลูกหลานชาวสกลนคร และ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย มาร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้กับน้อง ๆ ที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้

นายวีรรัตน์ ธีรมิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เทศบาลนครสกลนคร ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานระดับประเทศครั้งนี้ แม้สกลนครจะไม่ได้เป็นจังหวัดใหญ่ แต่ด้วยความพร้อมด้านการจัดงาน และความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนพี่น้องชาวสกลนคร เรามั่นใจว่าทุกท่านจะสัมผัสได้ถึงความตั้งใจจริงในการเป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้เรายังอยากแนะนำเสน่ห์ของเมือง “3 ธรรม” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้แก่ “นครธรรม” ที่เต็มไปด้วยวัดวาอารามสงบงามและแหล่งภาวนา “นครแห่งธรรมชาติ” ที่มีสถานที่พักผ่อนทางธรรมชาติใกล้ตัวเมือง และ “นครแห่งวัฒนธรรมประเพณี” ที่สะท้อนวิถีชีวิตที่ของชาวอีสานอย่างแท้จริง

นายธนาคม ไหลเจริญกิจ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการศึกษา สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เริ่มจัดการแข่งขันทักษะวิชาการและงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่นระดับประเทศ ตั้งแต่ปี 2551 เพื่อส่งเสริมคุณภาพการจัดการศึกษา รวมถึงเป็นเวทีได้แสดงศักยภาพ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษา สำหรับปี 2568 เทศบาลนครสกลนครได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ โดยมีพื้นฐานมาจากความโดดเด่นในการบริหารจัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสะท้อนผ่านผลงานที่เป็นที่ประจักษ์ อาทิ รางวัลโรงเรียนพระราชทาน เมื่อปี 2561 และรางวัลผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดีเด่นด้านการศึกษา ขอให้มั่นใจว่างานครั้งนี้จะได้รับการจัดการแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นธรรมต่อทุกองค์กรที่เข้าร่วม อีกทั้งจะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาท้องถิ่นให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับอนาคตของประเทศ 

ขณะที่นายโกมุท ทีฆธนานนท์ นายกเทศมนตรีนครสกลนคร ในฐานะเจ้าภาพผู้ดำเนินการจัดงานครั้งนี้ กล่าวว่า แม้ว่าเทศบาลนครสกลนครจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับประเทศครั้งแรก แต่ได้เตรียมความพร้อมอย่างรอบด้าน ทั้งด้านสถานที่ บุคลากร และการอำนวยความสะดวกทุกมิติ โดยได้รับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ทุกภาคส่วน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการจัดงานครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีมาตรฐาน และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าร่วมจากทั่วประเทศอย่างแน่นอน โดยงานในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นเวทีแสดงความสามารถของเยาวชน แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษา พัฒนาศักยภาพของท้องถิ่น และสร้างพื้นฐานที่มั่นคงในการก้าวสู่ระดับประเทศและระดับสากลในอนาคต

“สำหรับความพิเศษและนับเป็นเกียรติสูงสุดของการจัดงานในปีนี้ คือ การได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานถ้วยรางวัลแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีคะแนนรวมสูงที่สุด ซึ่งถือเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจและเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จในการพัฒนาการศึกษาท้องถิ่น” นายโกมุทกล่าว

ด้าน “พาขวัญ” พาขวัญ น้อยใจบุญ ศิลปินนักแสดงสาว กล่าวว่า ภาคภูมิใจที่บ้านเกิดได้เป็นเจ้าภาพ ซึ่งไม่เพียงเป็นเวทีแสดงศักยภาพทางวิชาการของเยาวชนทั่วประเทศ แต่ยังสะท้อนถึงความร่วมมือและความตั้งใจของชาวสกลนครที่พร้อมต้อนรับด้วยมิตรไมตรีและความมุ่งมั่นจริงใจในการพัฒนาการศึกษาของประเทศ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการศึกษาไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

“ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย กล่าวว่า การได้เห็นน้อง ๆ ทุกคนมาแข่งขันทักษะวิชาการ แสดงออกถึงความสามารถ ความตั้งใจ และพลังแห่งความฝัน ทำให้นึกถึงตัวเองในวันที่ยังเริ่มต้น ซึ่งนี่คือช่วงเวลาสำคัญที่สุด เพราะทุกความพยายามในวันนี้ จะกลายเป็นรากฐานของความสำเร็จในวันข้างหน้า อยากให้น้องๆ คิดว่าชัยชนะที่แท้จริงไม่ใช่แค่การได้รางวัล แต่คือการที่เรา “ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค” และ “ไม่หยุดเชื่อมั่นในตัวเอง” บางครั้งเราอาจไม่ชนะในวันนี้ แต่นั่นไม่ใช่จุดจบ มันคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ เติบโต และกลับมาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

ทั้งนี้ เทศบาลนครสกลนคร ได้รับเกียรติจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ให้เป็นเจ้าภาพจัด การแข่งขันทักษะวิชาการและงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ระดับประเทศ ครั้งที่ 14 ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “Learning Together for Equality: ร่วมกันเรียนรู้ เพื่อความเท่าเทียม” ระหว่างวันที่ 25-28 สิงหาคม 2568 โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากทั่วประเทศ เข้าร่วมเป็นตัวแทนระดับภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออก และกรุงเทพฯ คาดว่าจะมีผู้เข้าประกวดแข่งขัน คณะครูผู้ฝึกสอน คณะผู้บริหาร ตลอดจนเจ้าหน้าที่ด้านการศึกษาเข้าร่วมงานในครั้งนี้มากกว่า 20,000 คน

กิจกรรมสำคัญในงานประกอบด้วย การแข่งขันทักษะวิชาการระดับประเทศ ครอบคลุมทุกระดับการศึกษา ตั้งแต่ปฐมวัย จนถึงอาชีวศึกษา รวม 26 ประเภท จำนวนทั้งสิ้น 154 รายการ อาทิ การประกวดแข่งขันโครงงาน ประกวดแข่งขันหุ่นยนต์ ประกวดแข่งขันร้องเพลงพระราชนิพนธ์พร้อมจินตลีลา ตลอดจนประกวดแข่งขันงานฝีมือแขนงต่าง ๆ โดยจัดการแข่งขันใน 5 สนามหลัก ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, สหกรณ์ออมทรัพย์ครูสกลนคร, วิทยาลัยเทคนิคสกลนคร, โรงแรม เอ็ม.เจ.เดอะมาเจสติคสกลนคร และโรงแรมสกลแกรนด์พาเลซ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสำคัญอื่น ๆ อาทิ การเสวนาทางวิชาการจากผู้ทรงคุณวุฒิ นิทรรศการแสดงผลงานการจัดการศึกษา และพิธีมอบโล่รางวัลแก่ผู้มีผลงานดีเด่นประเภทต่าง ๆ ประจำปี 2568 อีกด้วย

ขอเชิญชวนผู้สนใจทุกท่าน ร่วมต้อนรับและเป็นกำลังใจให้กับเยาวชนกว่าหมื่นคนจากทั่วประเทศ ในการแข่งขันครั้งนี้ ร่วมสัมผัสบรรยากาศแห่งความรู้ มิตรภาพ และพลังสร้างสรรค์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ณ ใจกลางเมืองสกลนคร สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook ทักษะวิชาการนครสกลนคร ครั้งที่ 14 

American Standard เฉลิมฉลอง 150 ปี แห่งความไว้วางใจและนวัตกรรมด้วยแรงบันดาลใจจากทุกช่วงของชีวิต

American Standard เฉลิมฉลอง 150 ปี แห่งความไว้วางใจและนวัตกรรมด้วยแรงบันดาลใจจากทุกช่วงของชีวิต

ตั้งแต่ปี ค.ศ.1875 เป็นต้นมา American Standard ได้ร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้เจ้าของบ้านออกแบบพื้นที่ที่พวกเขารัก ผ่านผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบอย่างมีจุดมุ่งหมาย พร้อมคุณภาพที่ทุกคนวางใจ ในวันนี้ ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นก๊อกน้ำ ฝักบัว โถสุขภัณฑ์ หรืออ่างอาบน้ำ ได้ช่วยยกระดับทั้งบ้าน โรงแรม และพื้นที่สาธารณะทั่วโลกให้สวยงามและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความทนทานและการออกแบบที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ของ American Standard ผสานฟังก์ชันการใช้งานเข้ากับความงามเหนือกาลเวลา เปลี่ยนทุกพื้นที่ให้น่าอยู่และอบอุ่นใจ สะท้อนถึงมรดกแห่งความใส่ใจ ความสะดวกสบาย และสุขอนามัยที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน ทั้งยังคงเดินหน้าด้วยความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตประจำวัน

เฉลิมฉลองเส้นทางแห่งนวัตกรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC)

ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก American Standard มุ่งพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการและความท้าทายเฉพาะของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นคือ Genie Hand Shower ที่คว้ารางวัลระดับนานาชาติ ด้วยการออกแบบที่ช่วยแก้ปัญหาแรงดันน้ำต่ำ พร้อมมอบประสบการณ์การอาบน้ำที่สดชื่นและผ่อนคลายอย่างเหนือระดับ อีกหนึ่งนวัตกรรมคือ EasyFlo faucet ที่พลิกโฉมความสะดวกสบายด้วยระบบปุ่มกดที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างลงตัว

ด้วยความเข้าใจในความหลากหลายของผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แบรนด์จึงได้คิดค้น DuoStix Hygiene Spray หัวฉีดสเปรย์อเนกประสงค์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้ทั้งในงานทำความสะอาดห้องน้ำและการชำระล้างส่วนบุคคลอย่างอ่อนโยน คอลเลกชันล่าสุดอย่าง Loven มาพร้อมเส้นสายโค้งมนและดีไซน์เรียวสวย ผสานการออกแบบที่ช่วยจัดสรรพื้นที่ใช้สอยอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผู้บริโภคสามารถสร้างสรรค์ห้องน้ำที่สวยงามและสะดวกสบาย แม้ว่าจะมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ก็ตาม นอกจากนี้ นวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง เช่น SpaceCreate (พื้นที่เก็บของในโถสุขภัณฑ์) และ CoolShield (ฝักบัวที่มีระบบป้องกันน้ำร้อนลวก) ยังสะท้อนความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการยกระดับสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคตลอดมา

American Standard ยังคงเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมสุขอนามัยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาโซลูชันอัจฉริยะที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นนี้ได้อย่างเด่นชัดคือ E-Lite โถสุขภัณฑ์พร้อมฝารองนั่งอาบน้ำในตัว ซึ่งผสานความสะดวกสบาย ความสะอาด และการใช้งานที่ลงตัวไว้ในหนึ่งเดียว E-Lite มาพร้อมฟังก์ชันล้ำสมัย เช่น ระบบชำระล้างเฉพาะจุดสำหรับบุรุษและสตรี ระบบฆ่าเชื้อด้วยแสง UV และหัวฉีดที่ทำความสะอาดตัวเอง ช่วยมอบประสบการณ์ที่ทั้งสะอาด สดชื่น และมั่นใจ นอกจากนี้ยังมีการออกแบบที่ใส่ใจผู้ใช้ อาทิ ฟังก์ชันพรีฟลัชก่อนใช้งาน (Pre-flush) และฝาครอบหัวฉีด เพื่อความสะดวกและสุขอนามัยสูงสุด ตอบโจทย์เจ้าของบ้านที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตในทุกรายละเอียด

ยิ่งไปกว่านั้น อุปกรณ์ห้องน้ำจาก American Standard ยังมีให้เลือกในหลากหลายสีสัน ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเติมแต่งห้องน้ำให้สะท้อนตัวตน และสร้างบรรยากาศในแบบที่พวกเขารักได้อย่างแท้จริง

“เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เฉลิมฉลองครบรอบ 150 ปีของแบรนด์ American Standard ซึ่งสะท้อนถึงมรดกแห่งความไว้วางใจและนวัตกรรมที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน บนพื้นฐานของความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง เรามุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ห้องน้ำและห้องครัวที่มีประโยชน์ใช้สอยจริง ผสานดีไซน์ที่เชื่อถือได้และน่าใช้งาน เข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในบ้านทั่วโลก การรีเฟรชภาพลักษณ์แบรนด์ในปีค.ศ. 2023 ภายใต้แนวคิด ‘LIFE. LOVE. HOME.’ คือการตอกย้ำพันธกิจของเราในการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนออกแบบบ้านในแบบที่พวกเขารัก และใช้ชีวิตในทุกวันอย่างมีความสุข” อองตวน เบแซร์ เดส์ออรส์ (Antoine Besseyre des Horts) ลีดเดอร์ประจำลิกซิล โกลบอล ดีไซน์ (LIXIL Global Design) ภูมิภาคเอเชีย กล่าว

150 ปีแห่งความไว้วางใจ: สร้างอนาคตแห่งการออกแบบและนวัตกรรม

การฉลองครบรอบ 150 ปีของแบรนด์ไม่ได้เป็นแค่สิ่งที่แสดงถึงความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงพันธสัญญาใหม่สำหรับอนาคตของการออกแบบและนวัตกรรมซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นนี้ American Standard เน้นย้ำถึงความตั้งใจในการสนับสนุนและเฉลิมฉลองความเป็นเลิศในวงการโดยได้เป็นผู้สนับสนุนหลักของ Asia Pacific Property Awards เป็นปีที่เจ็ดติดต่อกัน นอกจากนี้ แบรนด์ยังพร้อมเปิดตัว American Standard Design Awards (ASDA) ครั้งที่ 4 ซึ่งเป็นเวทีสำหรับนักออกแบบรุ่นใหม่ในการสร้างสรรค์โซลูชันห้องน้ำที่มุ่งเน้นผู้บริโภค การประกวดนี้จะเปิดโอกาสให้นักศึกษานำเสนอความคิดสร้างสรรค์ต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญจากวงการ

American Standard ยังคงมุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน ด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่ผสานเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรมเข้ากับการออกแบบที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย นวัตกรรมเหล่านี้ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานแบบตรงจุด เป็นมิตรกับผู้ใช้ พร้อมยกระดับความสะดวกสบายและสุขอนามัยในทุกกิจวัตรประจำวัน ด้วยแนวคิดการออกแบบที่ครอบคลุมทุกมิติ และความเรียบง่ายที่ใช้งานได้จริง แบรนด์ยังคงเดินหน้าสานต่อพันธกิจในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วทั้งภูมิภาค

“จากรากฐานแห่งความไว้วางใจตลอด 150 ปี เรากำลังก้าวสู่อนาคตของการออกแบบและนวัตกรรม เราผนึกความร่วมมือจากพันธมิตรในอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นสถาปนิก นักออกแบบ หรือพันธมิตรอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยกันพลิกโฉมพื้นที่ในชีวิตประจำวัน ร่วมกันสร้างพื้นที่และบ้านที่มีฟังก์ชันครบจบ สะดวกสบาย และน่าอยู่ เราหวังว่าจะได้เดินหน้าส่งมอบคำมั่นสัญญาของ American Standard ในการเนรมิตบ้านที่ทุกคนรักในทุกๆวัน ไปพร้อมกับพันธมิตรของเรา” ออดรีย์ โหย่ว (Audrey Yeo) ลีดเดอร์กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีการใช้น้ำ ลิกซิล ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (LWT APAC) กล่าว

สร้างแรงบันดาลใจ!ไดกิ้น จัดแคมเปญ "เสื้อนี้เพื่อน้อง COOL & CARE JERSEY" ให้เด็กใต้รักฟุตบอล

บริษัทไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท สยามไดกิ้น เซลส์ ในนามของไดกิ้นประเทศไทย  ผู้สนับสนุนหลักฟุตบอลทีมชาติไทย ได้จัดแคมเปญเพื่อสังคม “เสื้อนี้เพื่อน้อง COOL & CARE JERSEY  คูลได้ แคร์ด้วย” ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 ที่จังหวัดสงขลา ที่ผ่านมา 

โดย แคมเปญ “เสื้อนี้เพื่อน้อง COOL & CARE JERSEY  คูลได้ แคร์ด้วย” เป็นแคมเปญที่ไดกิ้นเชิญชวนคนไทยซื้อเสื้อเชียร์ฟุตบอลทีมชาติไทยดีไซน์พิเศษ  ซื้อ 1 ตัว เท่ากับได้บริจาคให้กับเยาวชนในจังหวัดสงขลา และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 1 ตัว เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างแรงบันดาลใจ ด้านกีฬาฟุตบอล ให้กับเด็กและเยาวชน ผ่านการเปิดจำหน่ายเสื้อในช่องทางออนไลน์ของช้างศึก ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2567 และจำหน่ายที่บูธไดกิ้นในงานคิงส์คัพวันที่ 11 และ 14 ตุลาคม 2567 ณ สนามกีฬาติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา ที่ผ่านมา โดยได้รับกระแสตอบรับ และความสนใจจากแฟนบอลในการสนับสนุนเป็นอย่างดี ทำให้ยอดจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์  และยอดจำหน่ายหน้าบูธกิจกรรมไดกิ้น สนามกีฬาติณสูลานนท์ หมดตั้งแต่ช่วงแรกที่ได้เริ่มจัดจำหน่าย

สำหรับเป้าหมายการบริจาค ไดกิ้นมีการกำหนดเป้าหมายในการกระจาย และส่งต่อเสื้อให้กับประชากรกลุ่มเปราะบางในพื้นที่จังหวัดสงขลา และจังหวัดใกล้เคียง ผ่านมูลนิธิอาสาสร้างสุข ดังนี้

1. เด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาในจังหวัดสงขลา ในโครงการ Thailand Zero Dropout ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการค้นหาและช่วยเหลือให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาหรือการเรียนรู้กว่า 400 คน

2. เด็กและครอบครัวยากจนที่อยู่ระหว่างการช่วยเหลือของมูลนิธิฯ และเครือข่ายในช่วงไตรมาส สุดท้ายกว่า 150 คน

3. เด็กและเยาวชนที่อยู่ในโครงการพัฒนาศักยภาพแกนนำเด็ก (โหนดเด็กสงขลา) จำนวน 25 ทีม ๆละ 5 คน รวม 125 คน

4. เยาวชนอาสาสมัครที่มาร่วมกิจกรรมอาสาของมูลนิธิอาสาสร้างสุข เช่น กิจกรรมรับบริจาคเสื้อผ้ามือสอง กิจกรรมคัดแยกผ้าและส่งต่อให้ผู้ยากไร้ กิจกรรมเยี่ยมผู้ยากไร้ และกิจกรรมจำหน่ายผ้าระดมทุน จำนวน 100 คน

5. นักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็ก และเด็กในบ้านเด็กกำพร้าในพื้นที่ห่างไกลของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ 150 คน

6. อาสาสมัครช่วยเหลือภัยพิบัติน้ำท่วม จำนวน 75 คน

เพราะไดกิ้นเชื่อมั่นในศักยภาพของฟุตบอลทีมชาติไทย กิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้มีแฟนๆฟุตบอลชาวไทยมาร่วมเชียร์ไทยไปกับไดกิ้น พร้อมให้การสนับสนุน และมีส่วนร่วมในการสนับสนุนฟุตบอลไทยไปด้วนกัน

3 สมาคมกอล์ฟหลักของไทยจับมือสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนร่วม Pro-am

3 องค์กรหลักวงการกอล์ฟในประเทศไทย ประกอบด้วย สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถมภ์, สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย และ สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพสตรี เปิดโอกาสนักกอล์ฟเยาวชนได้มีโอกาสลงเล่น Pro-am ก่อนรายการใหญ่ของ ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ และ ไทยแอลพีจีเอทัวร์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ เรียนรู้เทคนิคการเล่นจากโปรกอล์ฟรุ่นพี่ ประเดิมรายการแรกในศึก Pro-am “สิงห์-เอสเอที เอ็มบีเค แชมเปียนชิพ” ที่ ลำลูกกา คันทรี คลับ จ.ปทุมธานี ในวันที่ 11 กันยายน 2567

นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ นายกสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า นับเป็นการร่วมมือของ 3 องค์กรหลักในวงการกอล์ฟของไทย โดยเฉพาะ สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย และ สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพสตรี ที่จะเปิดโอกาสให้นักกอล์ฟเยาวชนของสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ เข้าร่วมการแข่งขัน Pro-am ก่อนแมตช์ของสมาคมกอล์ฟอาชีพทั้งชายและหญิง ซึ่งจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนในการที่เข้ามาร่วมเล่นกับนักกอล์ฟอาชีพในรายการระดับอาชีพ

นายพงษ์รัตน์ เหลืองธำรงเจริญ นายกสมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย กล่าวว่า​ Pro-am ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับการจัดการแข่งขันไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ที่เราร่วมมือกับออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์ ซึ่งการเปิดโอกาสให้นักกอล์ฟเยาวชนเข้ามาร่วมเล่นนั้น  นอกจากโอกาสแล้วยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจ เนื่องจากพวกเขาจะได้มีโอกาสมาเห็นนักกอล์ฟระดับอาชีพว่าเตรียมตัวกันอย่างไร จัดการกับช็อตต่าง ๆ แบบไหนบนสนามแข่งขันจริง 

โครงการนี้จะประเดิมด้วย Pro-am รายการ "สิงห์-เอสเอที เอ็มบีเอ แชมเปียนชิพ" จัดขึ้นที่ ลำลูกกา คันทรี คลับ จ.ปทุมธานี ในวันที่ 11 ก.ย.นี้ ก่อนการแข่งขันจริงระหว่างวันที่ 12-15 ก.ย.นี้ โดยนักกอล์ฟเยาวชน 3 คนของสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ ที่จะได้ลงเล่นโปรแอม ประกอบด้วย ปรมิศวร์ แสงมณี, เสฏฐวุฒิ เคนานัน และ พชิระวัสส์ ราชแสนเมือง นอกจากนั้นในสัปดาห์หน้านักกอล์ฟเยาวชนหญิงจะได้ร่วมPro-am แมตช์ปิดฤดูกาลของไทยแอลพีจีเอทัวร์ 2024 ระหว่างวันที่ 18-20 ก.ย.นี้ด้วย

สำหรับวันแข่งขัน Pro-am นั้นเป็นวันที่นักกอล์ฟสมัครเล่นจะได้มีโอกาสออกรอบร่วมก๊วนกับนักกอล์ฟอาชีพ ที่จะถือเป็นวันซ้อมครั้งสุดท้ายของโปรกอล์ฟก่อนการแข่งขันจริงเพื่อวางแผนการเล่นที่เหมาะสมให้กับตนเอง บางคนจะเรียนรู้สภาพกรีนอย่างละเอียดเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนตำแหน่งธงได้ดีขึ้น  ในส่วนของนักกอล์ฟสมัครเล่นจะมีโอกาสเรียนรู้เทคนิกต่าง ๆ ของนักกอล์ฟอาชีพในการเตรียมตัวครั้งสุดท้ายก่อนเข้าทัวร์นาเมนต์จริง

"เมสซี่เจ" บุกสร้างบันดาลใจ คัดเลือกรอบประเทศ "โตโยต้า จูเนียร์ ฟุตบอลคลินิก 2024"

วันที่ 31 มีนาคม 2567 ได้มีกิจกรรมสร้างบันดาลใจ การคัดเลือกรอบประเทศ "โครงการโตโยต้า จูเนียร์ ฟุตบอลคลินิก 2024” ในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก “คุณชนาธิป สรงกระสินธ์” มาเข้าร่วมแคมป์เพื่อปลุกแรงบันดาลใจกับน้อง ๆ ที่ได้รับคัดเลือกจากทั่วประเทศจากการคัดเลือกรูปแบบจังหวัดทั้ง 7 จังหวัดประกอบด้วย จังหวัดสุพรรณบุรี, จังหวัดสงขลา, จังหวัดบุรีรัมย์, จังหวัดราชบุรี, จังหวัดอุทัยธานี, จังหวัดชลบุรี และจังหวัดเชียงราย รวมทั้งสิ้น 210 คน เข้ารับการคัดเลือกรอบสุดท้าย ณ สนามกีฬาหัวหมาก 

สำหรับการคัดเลือกจะคัดเลือกผู้เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 46 คน เพื่อเข้าแคมป์เก็บตัวกับทีมผู้ฝึกสอนจาก “เอสทีบี” ณ ศูนย์พัฒนาศักยภาพกีฬาฟุตบอล ภายในมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี จังหวัดกรุงเทพฯ (เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน) และหากได้รับการคัดเลือกเข้ารอบ 23 คนเพื่อเป็นตัวแทนแบรนด์โตโยต้า จะต้องเข้าร่วมงานแถลงข่าวและเดินทางไปเก็บตัวที่ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงเข้าแข่งขันเป็นตัวแทน “แบรนด์โตโยต้า” ในการเข้าร่วมการแข่งขัน ตลอดปี 2567 อาทิโครงการ Jintan U-14 ASEAN Dream Football Tournament คือ การแข่งขันฟุตบอลที่นำนักเตะเยาวชนจากประเทศไทย ญี่ปุ่น และในกลุ่มอาเซียน จำนวน 12 ทีม เข้าดวลแข้งลีกเยาวชน ณ สนามฟุตบอลโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ่ (VERSO International School) เพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะการเล่นฟุตบอลของเยาวชนอาเซียน พร้อมคัดเลือกเยาวชนที่มีทักษะและฝีเท้าที่โดดเด่นไปเปิดประสบการณ์ฝึกทักษะกับสโมสรชั้นนำภายใต้ J-League ลีกฟุตบอลอาชีพระดับสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น

"เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ กองกลางทีมชาติไทย ปัจจุบันค้าแข้งกับสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในศึกรีโว่ ไทยลีก โดย ชนาธิปเริ่มมีชื่อเสียงในฐานะแข้งดาวรุ่ง จากการเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของทีมชาติไทยชุดใหญ่ในยุคที่ วินฟรีด เชเฟอร์ เป็นเฮดโค้ช ในทัวร์นาเมนต์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ปี 2012 พร้อมช่วยทีมจบตำแหน่งรองแชมป์ในปีนั้น กระทั่งในอีก 2 ปีต่อมา ชนาธิป สรงกระสินธ์ พาทีมชาติไทยในยุค เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง คว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ปี 2014 ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ที่อยู่ในความทรงจำของแฟนบอลไทย เพราะเป็นการเรียกศรัทธาฟุตบอลไทยกลับคืนมา และแน่นอนว่ากิจกรรมในครั้งนี้ได้มีการปลุกแรงบันดาลใจให้กับน้อง ๆ ว่า

“เมื่อก่อนผมต้องไปคัดแบบนี้ สุดท้ายแล้วก็อาจจะมีคนที่ถูกเลือก และอาจจะมีคนไม่ถูกเลือก ก็อยากให้ผู้ปกครองไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับลูกตัวเอง หรือแม้กระทั่งกับน้องๆ ความผิดหวังมันเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ก็ไม่ต้องเสียใจ เวลาที่เราจะเล่นฟุตบอลมันยังมีอีกเยอะ วันนี้เราอาจจะไม่ได้ถูกเลือกแต่วันหนึ่งเราอาจจะถูกเลือก สุดท้ายแล้วถ้าเรามีความพยายาม แล้วก็ฝึกฝนอยู่ในเส้นทางฟุตบอลที่เรารักและเราก็สนุกกับสิ่งที่เราทำ วันหนึ่งจะมีโอกาสมาหาเราแล้วเราก็จะคว้าโอกาสนั้นไว้ได้ ซึ่งตัวผมเองนั้นก็เคยเป็นเด็กที่เคยไปคัดตัว เคยถูกปฏิเสธบ่อยครั้งมากๆ กว่าผมจะติดทีมชาติครั้งแรก ตอนอายุ 18 ปี เพื่อนผมติดตอนอายุ 12, 14, 16 ปี ผมไม่เคยได้ถูกเลือกเลย" 

"แม้กระทั่งผมไปคัดที่โรงเรียนต่างๆเขาก็ไม่เลือกผม พี่อยากจะบอกน้องๆว่าน้องๆยังมีอนาคตที่สดใส เพียงแต่ว่าเราต้องมีวินัยในการซ้อม กินอาหารให้ร่างกายเราแข็งแรง ยิ่งเรามีเบสิกที่ดีแล้วยังไงเราก็เก่ง เก่งกว่าพี่เจแน่นอน ดูพี่เจสิ พี่เจตัวเล็กกว่าน้องๆทุกคนเลย แต่พี่เจยังเล่นลีกระดับสูงได้เลย เพราะพี่เจซ้อมมาหนัก ถูกเคี่ยวเข็ญมาตั้งแต่เด็ก เพราะเราอยากเป็นนักฟุตบอลที่เก่งกว่าคนอื่น พี่เจเลยต้องซ้อมหนัก” 

เพื่อสอนน้อง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการและไม่ผ่านการคัดเลือกในครั้งนี้ ไม่ยอมแพ้กับความผิดหวัง ต่อเนื่องในปี 2016 ชนาธิปยังคงเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีมชาติไทย พาทัพช้างศึกป้องกันแชมป์อาเซียน คัพ ไว้ได้อีกสมัย รวมถึงในปี 2020 เขายังเป็นคีย์แมนสำคัญกับความสำเร็จของทีมชาติไทยในรายการนี้ นอกจากนั้น ชนาธิป สรงกระสินธ์ ยังจารึกชื่อเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่คว้ารางวัล MVP ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 3 สมัย ประกอบด้วยปี 2014, 2016 และ 2020

ขณะที่ในระดับสโมสร ชนาธิป สรงกระสินธ์ ผ่านการค้าแข้งกับทีมชั้นนำในไทยลีกและเจลีกทั้ง บีอีซี เทโรศาสน, เมืองทอง ยูไนเต็ด, คอนซาโดเล ซัปโปโร และ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ โดยในปี 2018 เมื่อครั้งค้าแข้งกับคอนซาโดเล ซัปโปโร ในเจลีก ถือเป็นปีทองของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เมื่อเขามีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของเจลีก ญี่ปุ่น ด้วยผลงานลงสนาม 31 นัด ยิง 9 ประตู 3 แอสซิสต์ เป็นปีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตค้าแข้งของเขา

นอกจากนี้ในส่วนของกิจกรรมที่เคยทำร่วมกับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด คือการได้รับมอบรถยนต์โตโยต้า คัมรี เพื่อแสดงความยินดีกับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ในฐานะนักเตะยอดเยี่ยมประจำการแข่งขันฟุตบอลรายการ โตโยต้า ลีก คัพ 2014 ณ อาคารออลซีซั่น เพลส ถนนวิทยุ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2557

10 คนแห่งปี! "The People Awards 2024" ผู้สร้างแรงบันดาลใจ ทะยานข้ามขีดจำกัด

นายอนันต์ ลือประดิษฐ์ บรรณาธิการอำนวยการและผู้ร่วมก่อตั้ง The People  เปิดเผยว่า  The People Awards เป็นเวทีแห่งการมอบรางวัลรูปแบบใหม่ที่เน้น ‘คุณค่าของคน จากผลของงาน’ อย่างแท้จริง และสิ่งที่ The People ยึดมั่นมาตลอด 6 ปีที่ผ่านมาคือ การเล่าเรื่องราวของคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในสังคม โดยรางวัล The People Awards เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้เรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นนี้ ได้เป็นที่รับรู้ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่ง The People Awards 2024 ในปีนี้จะจัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘People Go Beyond’ เพื่อมอบรางวัลให้กับคนที่มีจิตวิญญาณแห่งการเป็นผู้นำ  ซึ่งพวกเขาได้ใช้ความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญของตน เพื่อนำพาตนเองและผู้อื่นข้ามขีดจำกัด สู่การบรรลุเป้าหมายที่สูงขึ้น พร้อมขับเคลื่อนสังคมของเราไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

ส่วนเกณฑ์การคัดเลือกคนที่มีความโดดเด่นใน 3 แกนหลัก คือ 3P ได้แก่ People คนผู้สร้างผลกระทบเชิงบวกกับ ผู้คน และสังคม Planet คนผู้สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสิ่งแวดล้อม Progress คนผู้สร้างผลกระทบในเรื่องการเติบโตของธุรกิจ อันเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน หรือ ESG ที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง Environment, Social, และ Governance เพราะ The People เชื่อว่าการที่โลกจะหมุนไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืนนั้น องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องทั้งผู้คน สังคม สิ่งแวดล้อม และธุรกิจ ต่างต้องอยู่ด้วยกันได้อย่างสมดุล ไม่สามารถแยกจากกันได้

สำหรับขอบเขตของผู้ที่จะได้รับการเสนอชื่อ เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณารางวัล The People Awards 2024 จะต้องเป็นบุคคล คณะบุคคล หรือองค์กร ที่มีความเชื่อมั่นในการเปลี่ยนแปลงให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ และมีบทบาทในการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่ผู้คน สังคม สิ่งแวดล้อม ตลอดจนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างโดดเด่นในรอบปี 2024 ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขาอาชีพ ร่วมตัดสินรางวัลในครั้งนี้ มีข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้องแม่นยำ ทันต่อความเคลื่อนไหว ครอบคลุมรอบด้านทุกความแตกต่างหลากหลาย และรับรู้ถึงผลกระทบต่อสังคมในทุกมิติจาก 100 รายชื่อสุดท้าย จากบุคคล คณะบุคคล หรือองค์กร ที่มีความมุ่งมั่นสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ร่วมขับเคลื่อนสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ

ผู้ที่ได้รับรางวัล “The People Awards 2024” เป็น  10 คนแห่งปี ได้แก่ 

1. ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์  ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล ที่อุทิศชีวิตให้กับการอนุรักษ์ทะเลไทย และรองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

2.  ธนานนท์ ปฏิญญาศักดิกุล  อินฟลูเอนเซอร์สายเทคโนโลยี เจ้าของช่องยูทูบ ‘9arm’ และเจ้าของฉายา รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลและเวทมนตร์

3. จรีพร จารุกรสกุล   แม่ทัพหญิงแห่ง WHA Group ผู้บริหารมากฝีมือที่บุกเบิกธุรกิจโลจิสติกส์เมืองไทย

4. จิราพร คูหากาญจน์  ทายาทนักธุรกิจส่งออกที่ขอเดินในเส้นทางที่ตัวเองเลือกกับบทบาทผู้สื่อข่าววิดีโอประจำแนวหน้าในสมรภูมิรบของสำนักข่าวรอยเตอร์

5. ยุทธนา บุญอ้อม (ป๋าเต็ด) ผู้บริหารบริษัทจัดงานแสดงดนตรี ผู้สร้างสรรค์ ‘เทศกาลดนตรี’ ประเทศไทย ช่วยส่งเสริมให้นักดนตรีไทยเกิดการพัฒนารูปแบบของเพลงให้เป็นที่ถูกอกถูกใจของนักฟังเพลงมากขึ้น

6. ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน  พิธีกร ผู้ประกาศข่าว และผู้ดำเนินรายการ 8 Minute History ที่ใครหลายคนมักจะรู้จักกันดีในชื่อ ‘เฮียวิทย์’ เขาคือผู้ทำให้เรื่องเล่าในประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ ในขณะเดียวกันก็ช่วยเปิดมุมมองผู้ฟังทั้งในแง่มุมตัวบุคคล การเมือง และเศรษฐกิจ ที่ส่งผลต่อความเป็นไป ณ ห้วงเวลานั้น

7. สมบัติ บุญงามอนงค์  อดีตประธานกรรมการมูลนิธิกระจกเงา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้มีนามแฝงบนโลกออนไลน์ว่า ‘บ.ก.ลายจุด’ และริเริ่มโครงการเพื่อสังคมหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น จ้างวานข้า, อาสาดับไฟป่า และชรารีไซเคิล

8. ธิติ ศรีนวล (ต้องเต) ผู้กำกับภาพยนตร์สัปเหร่อ หนังไทยที่ทำเงินสูงสุดในปี 2566 ด้วยตัวเลข 700 ล้านบาท

9. พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (เทนนิส) นักกีฬาเทควันโดเหรียญทองโอลิมปิก และแชมป์ เทควันโดเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 12 ครั้ง

 

10. คัลแลน – พี่จอง (Park Kideuk) - (Jung Kyungtae)  สองหนุ่มยูทูบเบอร์เกาหลี ผู้สร้างปรากฏการณ์ใจฟู และกำลังมาแรงสุดตอนนี้

รางวัล Popular of The Year ได้แก่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งรางวัลนี้เป็นปีแรกที่เปิดให้บุคคลทั่วไปร่วมลงคะแนนโหวต จากผู้เข้ารอบ 10 คน ได้ อาทิ ลิซ่า BLACKPINK ,เฌอปราง BNK48,  พีพี กฤษฏ์ อำนวยเดชกร เป็นต้น ด้วยคะแนนโหวตมากที่สุดถึง 48.3 % 

รางวัล Corporate of The Year สุดยอดองค์กรสร้างการเปลี่ยนแปลง ส่งต่อแรงบันดาลใจ ร่วมสร้างสังคมให้ดีขึ้น ได้แก่ 

1. บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)  องค์กรที่ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์สังคมมาโดยตลอด โดยอยู่คู่กับคนไทยมามากกว่า 9 ทศวรรษ กับรางวัล Social Contribution Award

2. บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) บริษัทที่มีเป้าหมายสร้างธุรกิจที่เป็น HERO ในการสร้างแรงบันดาลใจและโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนให้ success กับรางวัล Beyond Success for Life Award

3. เครือโรงพยาบาลพญาไท และเปาโล ที่มุ่งเน้นเรื่องการการสร้างคน สร้างนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนโดยมนุษย์ หรือคนขององค์กร รวมทั้งผลักดันบุคลากรทุกคนให้มีการพัฒนาไม่หยุดยั้ง เพื่อพร้อมสำหรับการดูแลสุขภาพของคนไทย กับรางวัล The Best Medical Healthcare Brand Awards

4. บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จํากัด (มหาชน) บริษัทที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์งานดีไซน์บ้าน เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตผู้อยู่อาศัยได้ทุกเจเนอเรชั่น กับรางวัล Creative Thinking Design for Living Award

นายอนันต์ กล่าวว่า รางวัล The People Awards 2024 มุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้คนลุกขึ้นมาทำดี  เป็นการยกย่องบุคคลที่สร้างผลงานเชิงบวก เป็นตัวอย่างให้กับคนรุ่นใหม่ กระตุ้นให้ผู้คนลุกขึ้นมาทำดี สร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม ขับเคลื่อนสังคมไทยไปข้างหน้าเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ขับเคลื่อนสังคมไทยไปข้างหน้า สร้างความหวังให้กับสังคม แสดงให้เห็นว่ายังมีคนดี คนเก่ง ที่ทุ่มเททำงานเพื่อสังคม สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนลุกขึ้นมาต่อสู้กับปัญหา ร่วมสร้างอนาคตที่ดีกว่า

"รางวัลนี้มอบให้กับบุคคลจากหลากหลายสาขาอาชีพ ภูมิหลัง และวัย เป็นการส่งเสริมความหลากหลาย ย้ำเตือนว่าทุกคนสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ ร่วมสร้างสังคมไทยที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน  ที่สุดจะเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทย ด้วยการนำเสนอเรื่องราวดี ๆ ของคนไทย ผลงานที่สร้าง impact บนเวทีระดับประเทศ เป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศ แสดงให้โลกเห็นว่าประเทศมีบุคคลที่มีความสามารถ ทุ่มเท ทำงานเพื่อสังคม รางวัล The People Awards 2024 จึงเป็นมากกว่ารางวัล แต่เป็นสัญลักษณ์ของพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นเวทีแห่งการสร้างแรงบันดาลใจ ขับเคลื่อนสังคมไทยสู่อนาคตที่ดีกว่า ร่วมสร้างสังคมไทยที่ยั่งยืน บนพื้นฐานของความสามัคคี ความหลากหลาย และความหวัง"

 

EEC มอบรางวัลประกวดวาดภาพ "มีอีอีซี แล้วจะดีอย่างไร" สร้างแรงบันดาลใจเด็กรุ่นใหม่

วันที่ 19 ตุลาคม 2566 ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี  ให้เกียรติเป็นประธานมอบรางวัล โครงการประกวดวาดภาพ แต่งแต้มฝัน ระบายสี อีอีซี...ความหวัง อันสดใส ในหัวข้อ “มีอีอีซี แล้วจะดีอย่างไร” เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชน กลุ่มนักเรียนระดับชั้นประถม 4 – 6 หรืออายุระหว่าง 10 – 12 ปี สังกัดโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ได้แสดงความสามารถวาดจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ผ่านงานศิลปะ สะท้อนถึงประโยชน์ของอีอีซี ที่จะส่งผลต่อการพัฒนาชุมชนบ้านเกิด รวมทั้งเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้น้องๆ ได้มีส่วนร่วมสำคัญเพื่อสื่อสารการพัฒนาพื้นที่อีอีซี ต่อไป โดยมีผู้บริหารเจ้าหน้าที่ อีอีซี คณะกรรมการที่ร่วมตัดสินโครงการฯ คุณครูผู้ปกครอง และนักเรียนที่ได้รับรางวัล เข้าร่วม ณ ห้องประชุม Conference สำนักงาน อีอีซี  

ทั้งนี้ ผลรางวัลจากการประกวดโครงการ ฯ ซึ่งอีอีซี ได้มอบทุนการศึกษาพร้อมเกียรติบัตร ได้แก่ เด็กหญิง กุลนัดดา ภูสอดสี โรงเรียนสมคิดจิตต์วิทยา จ.ชลบุรี รางวัลชนะเลิศ รับทุนการศึกษา 5,000 บาท เด็กชายวิชชากร กาวิชา  โรงเรียนสารสาสน์วิเทศชลบุรี จ.ชลบุรี รองชนะเลิศ อันดับ 1 ทุนการศึกษา 3,000 บาท 

เด็กหญิงเกศชฎาพร คุ้มบ้าน โรงเรียนสมคิดจิตต์วิทยา จ. ชลบุรี รองชนะเลิศ อันดับ 2 ทุนการศึกษา 2,000 บาท เด็กหญิงธัญชนก ชุมดี  โรงเรียนเทศบาล 1 บางวัว  จ. ฉะเชิงเทรา รางวัลชมเชย ทุนการศึกษา 1,000 บาท และเด็กหญิงกรวินท์ กสินเกษมพงษ์  โรงเรียนอนุบาลชลบุรี จ. ชลบุรี รางวัลชมเชย ทุนการศึกษา 1,000 บาท