"ฮุน มาเนต" เดินหน้ากวาดล้างแก๊งคอลเซนเตอร์ เว็บพนันออนไลน์ทั่วกัมพูชา สลัดฉายา SCAMBODIA ฟาด UN

วันที่ 16 ก.ค.68 Kampuchea Thmey Daily รายงานว่า ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี ได้ออกประกาศว่ารัฐบาลกัมพูชาได้สังเกตเห็นว่าปัจจุบันการหลอกลวงทางออนไลน์ในราชอาณาจักรกัมพูชากำลังก่อให้เกิดภัยคุกคามและความไม่ปลอดภัยทั้งในโลกและภูมิภาค กลุ่มอาชญากรต่างชาติก็ได้แทรกซึมเข้ามาในการหลอกลวงทางออนไลน์เช่นกัน

เพื่อป้องกัน ควบคุมและปราบปรามการฉ้อโกงโดยใช้ระบบเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง มุ่งหวังที่จะมีส่วนสนับสนุนในการดูแลรักษาและคุ้มครองความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อยของประชาชนและความปลอดภัยทางสังคม รัฐบาลจึงออกกฎระเบียบดังต่อไปนี้

1. ผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการบริหารส่วนจังหวัด นายอำเภอเมือง หัวหน้าคณะกรรมการบริหารส่วนจังหวัด และผู้บัญชาการตำรวจจังหวัด มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการปราบปรามการทุจริตทางเทคโนโลยีในทุกพื้นที่ภายในพื้นที่และเขตอำนาจศาลของตนตามกฎหมาย ระเบียบ และบรรทัดฐานทางกฎหมายที่บังคับใช้

2. กระทรวงมหาดไทย โดยมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและกรมตรวจคนเข้าเมือง เป็นหัวหน้าหน่วยงาน มีหน้าที่จัดทำขั้นตอนการขับไล่ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับต่างด้าวที่เข้ามาโดยผิดกฎหมาย อาศัยอยู่โดยผิดกฎหมายหรือประกอบกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย

3. กรมตำรวจแห่งชาติ กรมตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการกลางองค์การบริหารส่วนจังหวัด กองบังคับตำรวจภูมิภาค และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนในจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน มีหน้าที่รับผิดชอบในการป้องกัน ปิดกั้น และห้ามคนต่างด้าวลักลอบข้ามพรมแดนทางบกภายในพื้นที่และเขตอำนาจของตน

4. คณะกรรมการความมั่นคงทางทะเลแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการกลางปกครองส่วนท้องถิ่นตามแนวชายแดนทางทะเล กองบัญชาการทหารเรือ และกรมตำรวจตระเวนชายแดนทางน้ำ มีหน้าที่ป้องกัน ปิดกั้น และห้ามมิให้คนต่างด้าวลักลอบเข้า-ออกชายแดนทางน่านน้ำภายในเขตพื้นที่และเขตอำนาจศาลของตน

5. ให้กระทรวงยุติธรรม สั่งการไปยังศาลและอัยการที่สังกัดศาลทุกระดับ ให้ความสำคัญและรับผิดชอบอย่างยิ่งในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตผ่านระบบเทคโนโลยีให้เป็นไปตามกฎหมายและขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง และให้การสนับสนุนทางกฎหมายแก่สถาบันและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการปฏิบัติงานตามความจำเป็น

6. ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพกัมพูชา ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการกองทัพอากาศ ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาพระองค์ ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ และผู้บัญชาการกองพลที่ 70 ต้องจัดเตรียมกำลังพล เครื่องมือ และอุปกรณ์ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการเมื่อได้รับคำสั่ง

7. กระทรวงสถาบันวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ ต้องร่วมมือและมีส่วนร่วมในการปราบปรามการทุจริตผ่านระบบเทคโนโลยี

8. คณะกรรมการการพนันเชิงพาณิชย์ของกัมพูชาจะต้องเข้มงวดกับการจัดการและการกำกับดูแลคาสิโนหรือศูนย์การพนันที่ได้รับอนุญาตทั้งหมด โดยมีข้อห้ามอย่างเคร่งครัดดังต่อไปนี้:

• การฉ้อโกงทางเทคโนโลยี

• การลักพาตัว การทรมาน และการคุมขังที่ผิดกฎหมาย

• การค้ามนุษย์และการแสวงประโยชน์ทางเพศทุกรูปแบบ

• การค้าอาวุธ การครอบครอง และการใช้อาวุธที่ผิดกฎหมาย

• การสร้างกำลังที่ผิดกฎหมายผ่านบริษัทรักษาความปลอดภัยเอกชนและการใช้กองกำลังตำรวจติดอาวุธ

• การค้า การใช้ และการจัดเก็บยาเสพติดและสารเสพติดที่ผิดกฎหมาย

9. ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอเมือง หัวหน้ากองบัญชาการร่วมของสำนักงานบริหารจังหวัดและเมืองหลวง ผู้บัญชาการตำรวจประจำเมืองหลวง ผู้บัญชาการหน่วยงาน กระทรวงและสถาบันที่เกี่ยวข้อง ต้องปฏิบัติตามคำสั่งนี้อย่างเคร่งครัดและมีความรับผิดชอบ หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้หรือไม่ให้ความร่วมมือใดๆ จะถูกประเมินผลในการแต่งตั้ง โยกย้าย หรือปลดออกจากตำแหน่งโดยทันที

กระทรวง สถาบัน คณะกรรมการความมั่นคงทางทะเลแห่งชาติ สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ กองบัญชาการร่วม ฝ่ายบริหารระดับจังหวัด หน่วยงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งนี้ด้วยความเข้มงวดและมีประสิทธิภาพสูงสุดตั้งแต่วันที่ลงนาม

“ตำรวจไซเบอร์” บุกตรวจค้น 7 จุด ขยายผลจับ “แก๊งคอลเซนเตอร์” พร้อมออกหมายจับ “ลูกชาย-ลูกสาวก๊กอาน”

“ตำรวจไซเบอร์” บุกตรวจค้น 7 จุด ขยายผลจับ “แก๊งคอลเซนเตอร์” พร้อมออกหมายจับ “ลูกชาย-ลูกสาวก๊กอาน”


(15 ก.ค. 2568) รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 07.30 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) ได้รับรายงานจากพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. และพล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ว่า ตำรวจไซเบอร์ได้นำหมายศาลอาญาเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 7 จุดในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

การเข้าตรวจค้นช่วงเช้าของวันนี้เกิดขึ้นหลังจากตำรวจไซเบอร์รวบรวมพยานหลักฐานและขออำนาจศาลออกหมายจับนายก๊กอาน สัญชาติกัมพูชา คนใกล้ชิดนายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา พร้อมทั้งนำหมายศาลอาญาเข้าตรวจค้น 19 จุด เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 และยึดทรัพย์สินหลายรายการ รวมมูลค่าหลายล้านบาท

หลังจากนั้นตำรวจไซเบอร์ได้รวบรวมพยานหลักฐานขยายผลเพิ่มเติมและยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาก่ออาชญากรรมของแก๊งคอลเซนเตอร์เพิ่มเติมหลายคน โดยศาลอาญาพิจารณาออกหมายจับให้จับ น.ส.จุรี (หมายจับที่ 4075/2568) , น.ส.ภูเฌอหลิน (หมายจับที่ 4079/2568) และนายกิตติศักดิ์ (หมายจับที่ 4080/2568) ซึ่งทั้งสามคนถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

ทั้งนี้ น.ส.จุรี, น.ส.ภูเฌอหลิน และนายกิตติศักดิ์ เป็นลูกชายและลูกสาวของนายก๊กอาน โดยตำรวจไซเบอร์พบความผิดปกติในการมีบัตรประจำตัวประชาชนคนไทยของพวกเขา ทางกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้

ในขณะเดียวกันรายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.ธัชชัย และตำรวจไซเบอร์จะเดินทางไปพบกับเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐอเมริกา (FBI) ในช่วงบ่ายของวันนี้ เพื่อขยายผลการจับกุมแก๊งคอลเซนเตอร์ที่นายก๊กอานและลูกชายลูกสาวมีส่วนพัวพัน

#ตำรวจไซเบอร์ #จับก๊กอาน #แก๊งคอลเซนเตอร์ #หมายจับ #การตรวจค้น #การจับกุม #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #บัตรประชาชน #เอฟบีไอ #การปราบปรามอาชญากรรม

กสทช. ลงพื้นที่จุดผ่านแดนสระแก้ว ตรวจสัญญาณมือถือ-เน็ต ป้องกันล้ำแดนสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เลขาธิการ กสทช. นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว ตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตไม่ให้ล้ำข้ามแดนไปกัมพูชา ย้ำเดินหน้าลงพื้นที่ชายแดนต่อเนื่องสกัดปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันที่ 26 มิถุนายน 2568 นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า วันนี้ (26 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช. ส่วนกลาง พร้อมด้วย สำนักงาน กสทช. เขต 14 จ.ปราจีนบุรี ได้ลงพื้นที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตว่ามีการล้ำข้ามแดนไปประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ ซึ่งอาจนำไปใช้ก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี

นายไตรรัตน์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสถานีฐานโทรคมนาคมตลอดแนวชายแดน จ.สระแก้ว ตามแผนการตรวจสอบให้บริการโทรคมนาคมที่มีความเสี่ยง คือ ฝั่งตรงข้ามชายแดนไทยมีคาสิโน โดยตรวจสอบสถานีฐานโทรคมนาคมจำนวน 52 สถานีฐาน ผลการตรวจสอบไม่พบการหันสายอากาศไปในทิศทางที่สุ่มเสี่ยงต่อการใช้งานนอกประเทศ

นอกจากนี้กรณีการลักลอบนำออกและใช้งานซิมการ์ดโทรศัพท์ข้ามแดน สำนักงาน กสทช. เขต 14 จ.ปราจีนบุรี ได้เข้าร่วมนำเสนอข้อมูลต่อนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อต้นเดือน มิ.ย. โดยมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำออกซิมการ์ด ซึ่งสำนักงาน กสทช. ได้ร้องขอให้ด่านศุลกากร ช่วยดำเนินการตรวจสอบการลักลอบนำออกซิมการ์ดของประเทศไทยด้วยการใช้เครื่องสแกนในการค้นหาการลักลอบนำออกด้วย

“ตอนนี้ไทยจะลดความแรงของสัญญาณโทรศัพท์มือถือ และสัญญาณอินเทอร์เน็ตบริเวณชายแดน ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการเพื่อป้องกันไม่ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้สัญญาณไปหลอกลวงประชาชนพร้อมกับประสานผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือให้มาตรวจสอบร่วมกัน โดยจากจุดชายแดนเข้ามายังไทย ระยะห่าง 100 เมตร จะยังคงมีสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต แต่ประสิทธิภาพในการใช้งานอาจลดลงจากเดิม” นายไตรรัตน์ กล่าว

นายไตรรัตน์ กล่าวว่า นอกจากการลงพื้นที่บริเวณจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา สำนักงาน กสทช. จะลงพื้นที่บริเวณชายแดนต่อเนื่อง ได้แก่ จ.จันทบุรี ตราด ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ หลังมีการควบคุมการเข้าออกจุดผ่านแดน เพื่อตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต ไม่ให้เกิดผลกระทบกับคนไทยในพื้นที่ พร้อมทั้งจะตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต ไม่ให้เกิดการล้ำข้ามแดนไปยังกัมพูชา โดยสำนักงาน กสทช. จะกำชับเรื่องนี้กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมต้องดำเนินการอย่างจริงจัง และลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบแต่ละจุดร่วมกัน เพื่อเร่งดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ต่อเนื่อง

“ทบ.” แจงยกระดับมาตรการด่านชายแดน หวังตอบโต้แก๊งคอลเซนเตอร์-อาชญากรรมออนไลน์

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 68 ตามที่กองกำลังป้องกันชายแดนของกองทัพบก ได้กำหนดมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ และดูแลความปลอดภัยของประชาชน ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุด พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้เปิดเผยว่า ในช่วงเย็นวันนี้ กองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้ออกคำสั่งยกระดับมาตรการควบคุมการผ่านแดนในทุกจุดผ่านแดนทุกประเภท ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี จ.ศรีสะเกษ จ.สุรินทร์ จ.บุรีรัมย์ และ จ.สระแก้ว ดังนี้

1. งดการผ่านเข้า-ออกของยานพาหนะทุกประเภท

2. งดการเดินทางผ่านเข้า-ออกของประชาชน นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ และการค้าขายทุกประเภท

3. ตามมาตรการงดการผ่านเข้า-ออกดังกล่าว อนุญาตให้อำนวยความสะดวกด้านมนุษยธรรมตามความเหมาะสมและความจำเป็น เช่น ด้านการรักษาพยาบาล การส่งต่อผู้ป่วยเจ็บที่ต้องเข้ารับการรักษาในกรณีเร่งด่วน และด้านการศึกษาของนักเรียน รวมถึงกรณีอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน ตามการพิจารณาของหน่วยทหารในพื้นที่

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และแนวทางการดำเนินงานของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) ที่พิจารณาดำเนินการให้สอดรับกับสถานการณ์ความมั่นคง โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ระหว่างไทยและกัมพูชา ที่ยังคงมีท่าทีตึงเครียดทั้งในด้านการเมือง ด้านการทูต และด้านการทหาร

นอกจากนี้ การยกระดับมาตรการดังกล่าวยังส่งผลดีในการตอบโต้การดำเนินการของขบวนการ Call Center และ Hybrid Scam ซึ่งถือว่าเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวไทยเป็นวงกว้างมาอย่างต่อเนื่อง

“ผบ.ทหารสูงสุด” ลงพื้นที่ชายแดน ถกข้อมูลเชิงลึก  เดินหน้า ปราบ จีนเทา-ค้ามนุษย์-คอลล์เซนเตอร์ เข้มข้น

“ผบ.ทหารสูงสุด” สวมหมวก “ผอ.ปชด.”ลงพื้นที่ชายแดน ตะวันตก-เหนือ ด้านไทย-เมียนมา 4 วันรวด กาญจน์ฯ-แม่สอด-เชียงใหม่-เชียงราย ถกข้อมูลเชิงลึก ก่อน เสนอมาตรการ เพิ่มเติม ต่อ บอร์ด สมช. เดินหน้า ปราบ จีนเทา-ค้ามนุษย์-คอลล์เซนเตอร์ เข้มข้นอีก 

พลเอก ทรงวิทย์   หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และประธาน คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศอ.ปชด.) ลงพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา   ด้านตะวันตก และเหนิอ
ยาว 11-14 มีค. 

โดยเริ่มที่ ด้าน อ.สังขละบุรี กาญจนบุรี -ด่านพญาตองซู- เจดีย์สามองค์  ต่อด้วย  อ.ท่าสองยาง อ.แม่สอด จ.ตาก  และ เชียงใหม่  เชียงราย  ติดตามสถานการณ์ การสู้รบ ในฝั่งเมียนมา ที่จะมีผลกระทบต่อประเทศไทยและกระทบต่อการแก้ไขปัญหา แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์  ทุนจีนเทา การค้ามนุษย์  

โดย พลเอก ทรงวิทย์ ประชุมกับ ส่วนราขการ และ จะพบปะพูดคุยกับภาคประชาชน ผู้ประกอบการ และฝ่ายทหารตำรวจ เพื่อเตรียมนำข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเพิ่มมาตรการกดดัน แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์  โดยจะนำเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)  ก่อนออกมาตรการเพิ่มเติม

เมื่ิอช่วงเช้า พลเอก ทรงวิทย์ได้ร่วมหารือกับ พลตำรวจเอก ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักตำรวจแห่งชาติ(ศตคม.ตร.) และ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปอส.ตร.) เพื่อหาแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหา อาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ และ จัดตั้ง ”คณะทำงานเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์“ ฉก.ปราบค้ามนุษย์ชายแดนฯ”

ชุด ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ฯ สกัดจับทันควัน Starlink อุปกรณ์แก๊งคอลเซนเตอร์ก่อนส่งข้ามแดน

วันที่ 11 มี.ค.68 พลตรี อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ในฐานะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ เปิดเผยว่า จากข้อสั่งการ น.ส.แพทองธาร  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ตามแนวชายแดน เร่งรัดในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติออนไลน์โดยเฉพาะเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ลดปัญหาสังคม และผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศนั้น 

จึงสั่งการให้ พันเอก พรรณศักย์  เพรียวพานิช ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 29 ในฐานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ พร้อมด้วย พันเอก ปิยะเณศร์  ภัทรศาศวัตวงษ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ อ.สังขละบุรี เฝ้าตรวจบริเวณเส้นทางในภูมิประเทศ เขตรอยต่อพื้นที่ชายแดนอย่างเข้มงวดกวดขันในปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร่งด่วนที่สุด

ต่อมาพบรถยนต์ขนส่งสินค้าจิปาถะ ทะเบียนกรุงเทพมหานครฯ มี MR.NYI  NAING SOE เป็นผู้ขับขี่ เป็นบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย อายุ 33 ปี อาศัยอยู่ ม.16 ถ.บ้านปากแรด ต.ปากแรด อ.บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ขับขี่มาบริเวณจุดตรวจจุดสกัด ณ ช่องทางซอยเกษตร 1 บ้านพระเจดีย์สามองค์ ม.9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้จอด แต่คนขับรถแสดงอาการมีพิรุธชัดเจน จึงขอทำการตรวจค้น และพบของกลางทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงนำของกลางลงจากรถยนต์มาทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ 

จากการตรวจค้นพบ อุปกรณ์รับ-ส่ง สัญญาณอินเทอร์เน็ต STARLINK จำนวน 21 เครื่อง และ พรินเตอร์ จำนวน 5 เครื่อง และจากการตรวจสอบ คาดว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งพยายามเคลื่อนย้ายฐานปฏิบัติการมายัง อ.พญาตองซู ประเทศเมียนมา เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

"ประธานกสทช." ลงพื้นที่สระแก้ว ย้ำยุทธการ "ล้มเสา-ตัดสาย-ทำลายซิม" ทลายแก๊งคอลเซนเตอร์

"ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ ประธาน กสทช." นำทีมเจ้าหน้าที่ กสทช. ลงพื้นที่สระแก้ว ย้ำยุทธการ “ล้มเสา-ตัดสาย-ทำลายซิม” ทลายแก๊งคอลเซนเตอร์ ยกระดับความเข้มข้น สั่งผู้ให้บริการโทรคมนาคมระหว่างประเทศลงรายละเอียด IP 

เมื่อวันนี้ 28 ก.พ. 2568 ประธาน กสทช. ได้นำทีมเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช. ลงพื้นที่ จ.สระแก้ว ตามภารกิจนายกรัฐมนตรี เพื่อตรวจสอบสถานีวิทยุคมนาคมและการให้บริการโทรคมนาคมบริเวณหลังสถานีรถไฟคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งมีชายแดนติดกับประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กล่าวว่า พื้นที่บริเวณหลังสถานีรถไฟคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ถือเป็นจุดที่มีพื้นที่ติดกับประเทศกัมพูชา จึงเป็นจุดยุทธศาสตร์ของขบวนการลักลอบใช้บริการโทรคมนาคมระหว่างประเทศ โดยเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา สำนักงาน กสทช. ได้ลงพื้นที่ดำเนินการตัดสายสื่อสารที่ตรวจพบว่าไม่มีเจ้าของเพื่อตรวจสอบหาผู้กระทำผิดและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

ประธาน กสทช. กล่าวว่า ได้สั่งการ สำนักงาน กสทช. ให้ยกระดับความเข้มข้นยุทธการล้มเสา ตัดสาย ทำลายซิม โดยให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมระหว่างประเทศส่งข้อมูลรายละเอียดชื่อลูกค้าต่างประเทศที่ใช้รับบริการว่าเป็นบริษัทใด ใช้บริการประเภทใด พร้อม IP Address ที่ให้บริการแก่ลูกค้าหรือคู่สัญญาในต่างประเทศ  เพื่อใช้เป็นข้อมูลเฝ้าระวัง (Watch List) การนำ IP Address ไปใช้ในการโทรศัพท์หรือธุรกรรมออนไลน์ของกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่สามารถนำไปในการตรวจสอบผู้ใช้งาน และเส้นทางการใช้งานสำหรับหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ สำนักงานตำรวจ และธนาคาร เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการปิดกั้นการใช้งานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการสืบสวนผู้กระความผิดอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

"เราได้ขอให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมระหว่างประเทศดำเนินการตรวจสอบ และระงับการใช้งาน IP Address ของมิจฉาชีพ เพื่อเป็นการสนับสนุนภารกิจของรัฐบาลในการแก้ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นภัยทางสังคมและความมั่นคงของรัฐโดยให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด ผมได้สั่งการให้สำนักงาน กสทช. ดำเนินการเรื่องนี้อย่างเข้มข้น เด็ดขาด และนี่คือเรื่องสำคัญมากของชาติจึงใช้โอกาสนี้ลงพื้นที่มาติดตามเอง"

ประธาน กสทช. กล่าวว่า ตลอดทั้งเดือน ก.พ. สำนักงาน กสทช. ได้ลงพื้นที่ทุกสัปดาห์ในจังหวัดที่มีอาณาเขตติดกับชายแดน เพื่อตรวจสอบเรื่อง เสา สาย ซิม อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสิ้น 6 พื้นที่ ได้แก่ จังหวัดตาก สงขลา หนองคาย โดยจังหวัดสระแก้ว ครั้งนี้เป็นการลงพื้นที่ครั้งที่ 3 ซึ่งทุกพื้นที่ได้มีการตัดสายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ และนำเสาอากาศลงจากเสา หรือแก้ไขความสูงของเสาและความแรงของสัญญาณโทรศัพท์มือถือตามมาตรการที่กำหนด เพื่อมิให้สัญญาณล้ำข้ามแดนและนำไปสู่การใช้ประโยชน์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

“จีน”ชื่นชม“ไทย”ดึงเมียนมาร่วมทลายแก็งคอลเซ็นเตอร์

“รมช.กต.จีน” ชื่นชม “ไทย” ดึง “เมียนมา” สางปัญหา “แก็งคอลเซ็นเตอร์” ร่วมกัน “เจ้าตัว” ย้ำจุดยืนไทยหวังลุ่มน้ำโขงร่วมกันยุติปัญหาสแกมเมอร์ ด้าน“โรม” จี้ดึง “เหยื่อแก๊งคอลฯ” เข้าไทยให้ข้อมูล “จนท.” เดินหน้าทลาย “แก็งไทยเทา-จีนเทา” ส่วน “เหยื่อคอลฯ” จ่อเข้าไทยอีก 7,141 คน รวม 28 สัญชาติ “เมียนมา” เร่งทำบัญชีส่งสถานทูตรอส่งตัวกลับ

เมื่อวันที่ 26 ก.พ.68 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หารือทวิภาคีกับนายซุน เว่ยตง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการ และการเข้าร่วมพิธีเปิดงาน ASEAN Future Forum หรือ AFF 2025 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม

ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนชื่นชมการเยือนเมียนมาครั้งล่าสุดของนายมาริษ โดยมองว่าเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวก และการตอกย้ำให้เมียนมาและประเทศที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอาชญากรรมข้ามพรมแดน สแกมเมอร์ และคอลเซ็นเตอร์ หันมาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ร่วมกัน และสานต่อความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม เพื่อขจัดปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติต่าง ๆ ให้หมดไปอย่างเด็ดขาด ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยอีก ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อเสนอของจีนให้มีการปราบปรามและมีมาตรการป้องกันไม่ให้ปัญหาและธุรกิจเหล่านี้กลับมาดำเนินการได้อีก

นอกจากนี้ ทั้งไทย จีน เมียนมา และประเทศอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ ก็ยังมีกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง หรือ MLC เป็นอีกช่องทางและกลไกการพูดคุย เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน โดยจีนจะเป็นเจ้าภาพการประชุมดังกล่าวในช่วงปลายปีนี้เพื่อติดตามความคืบหน้าโดยเร็ว

ขณะเดียวกัน นายมาริษ ยังได้หารือทวิภาคีกับนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเตรียมการเยือนกัมพูชาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในเร็ว ๆ นี้ โดยนายมาริษได้ย้ำจุดยืนไทยที่ต้องการให้ประเทศลุ่มน้ำโขงร่วมกันยุติปัญหาการค้ามนุษย์ อาชญากรรมข้ามพรมแดน สแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ปัญหายาเสพติดตามชายแดนร่วมกัน

ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมผลักดันเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จะทะลักเข้ามาในประเทศไทย ว่า ขณะนี้ตนเข้าใจว่าสถานการณ์วิกฤตจริงๆ เพราะมีเหยื่อและอาจจะมีคนที่ร่วมกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ค้างอยู่ประมาณ 7 พันคน การที่ตัวเลขนี้ค้างอยู่ในพื้นที่ของกองกำลังอาจจะทำให้มีปัญหาตามมาว่าการจะไปช่วยเหลือหรือทลายเพิ่มเติมนั้น อาจจะทำให้เกิดความยากลำบากได้ เพราะกองกำลังอาจจะไม่มีศักยภาพพอที่จะดูแลการให้ข้าวให้น้ำให้อาหารทุกอย่างกับบรรดาเหล่านี้ได้เป็นเวลานาน

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น การจะดึงเข้ามาในประเทศไทย เราสามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้ หมายความว่าต่อให้เขาเป็นเหยื่อหรืออาชญากร เขาย่อมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะบางคนอยู่มานาน เขาจึงสามารถให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่รัฐฝั่งไทยได้ว่าใครเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ ซึ่งตนคิดว่าจะเป็นประโยชน์ในการที่จะทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเป็นรูปธรรมได้ โดยประเทศไทยเรามีเครื่องมือที่จะสามารถช่วยดูดข้อมูลจากโทรศัพท์ได้ และเราก็อาจจะเสริมทัพโดยการใช้บุคลากรในการสอบถามข้อมูลได้ นี่เป็นสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดในเวลานี้เพื่อนำไปขยายผลปราบปรามจีนเทา ไทยเทาต่อไปได้

"หากเรารีบส่งคนเหล่านี้เร็วเกินไป สุดท้ายก็ไม่มีอะไรการันตีว่าคนเหล่านี้หากเขากลับไปแล้วจะไม่สามารถกลับมาอีกได้ และไม่มีการการันตีว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะถูกทำลาย อย่าลืมว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้เขาชักจูงกันมา คนที่เป็นเอเยนต์ในการพามาและได้เงินไปแล้วนั้น ตอนนี้เขายังอยู่ในเมืองไทย ยังอยู่เชียงใหม่ ยังอยู่กรุงเทพฯ ยังอยู่ภูเก็ตหรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่เราต้องนำไปสู่การสอบสวนต่อไปให้ได้" นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า หากรับเข้ามาแล้วมองว่าจะคุ้มหรือไม่กับข้อมูลที่เราจะได้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า หากถามตน ตนคิดว่าเมื่อแลกกับความปลอดภัยและความมั่นคงของประชาชนชาวไทยระยะยาว ก็คุ้ม และเวลาที่เราบอกจะรับเขาเข้ามานั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะอยู่กับเขาเป็นปีๆ แต่ต้องมีการประสานงานกับสถานทูตต่างๆ และส่วนใหญ่จะต้องมีการประสานงานกับทางประเทศจีน ซึ่งจากที่ตนทราบมาทางรัฐบาลจีนก็พร้อมดูแลคนของเขา แต่ก็อยู่ที่เรา

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ฉะนั้น หากเขาพร้อมดูแลและใช้เวลาไม่นานเกินไปในการสกรีนคนเหล่านี้ ตนเชื่อว่าก็ไม่ได้ใช้ทรัพยากรมากกับความคุ้มค่าในความปลอดภัยคนไทย และคิดว่าการพูดคุยกับจีนในการเอาข้อมูลชุดนี้ แหล่งข่าวตนก็บอกว่าทางจีนยินดี ยืนยันว่าจีนไม่ได้มีปัญหา แต่ที่ผ่านมารัฐบาลไทยไม่ยอมคุยกับจีน อย่างไรก็ตาม เมื่อคนเหล่านี้จะเข้ามายังประเทศไทยก็จะต้องมีการสกรีนคนที่เป็นอาชญากรและเหยื่ออยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามโปรโตคอลของประเทศไทยที่มีอยู่แล้ว ทุกประเทศต้องเคารพ หากไทยไม่ยอมเอาเข้าสู่กระบวนการนี้ ขณะที่ประเทศอื่นเอาเข้า ก็อาจจะเกิดคำถามว่าประเทศไทยปฎิบัติต่อคนประเทศอื่นไม่เท่าเทียมกัน

เมื่อถามว่า หากมีการอพยพเข้ามาจะเป็นเหมือนผึ้งแตกรังหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องอพยพอะไรต่างๆ เป็นคนละส่วนกัน หากเป็นเหยื่อเขาก็ต้องการความช่วยเหลือ ดังนั้น หากเราสามารถสร้างความมั่นใจได้ว่าจะมีกระบวนการและพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เชื่อว่าแม้เขาจะเป็นผึ้งแตกรังแต่เขาจะเป็นผึ้งแตกรังที่เข้ามาหาเจ้าหน้าที่รัฐ สามารถควบคุมได้ แม้อาจจะมีบางส่วนที่กลัวจะเป็นอาญา แต่เราน่าจะสามารถบริหารจัดการได้ และไม่ต้องห่วงเพราะวันนี้เรามีผู้หนีภัยจากการสู้รบในเมียนมามาหลักล้าน น่าจะอยู่ในประเทศไทยเป็นหลักล้านแล้ว สเกลมันน้อยกว่าเยอะมาก ซึ่งที่ต้องยาวไปกว่านั้นคือในจำนวนเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 7 พันกว่าคนอาจจะเป็นเปอร์เซ็นต์น้อยของจำนวนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมด ยืนยันว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ชเวก๊กโกและเคเคปาร์คนั้นอาจจะมีกว่าแสนคน

เมื่อถามว่า จะต้องมีการติดตามการส่งต่อเรื่องระหว่างรัฐบาลไทยไปยังรัฐบาลจีนหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จะต้องมีการติดตามต่อและต้องปราบให้เด็ดขาด หากคิดว่าวันนี้เราปราบแล้ว พอแล้ว เดี๋ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็จะกลับมา ความเสียหายในประเทศไทยก็จะเกิดขึ้นอีก ซึ่งตนทราบมาว่าวันนี้จำนวนสายและการแจ้งความเรื่องนี้น้อยลงแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอ เรายังต้องปฎิบัติการเชิงรุกต่อไป ต้องขยับให้มากกว่านี้ และทราบมาว่าทางประเทศกัมพูชาก็ขอข้อมูลมา

ฉะนั้น เราต้องแชร์ข้อมูลกันเพื่อให้เกิดความร่วมมือกัน แต่ต้องดูว่าจะสามารถแชร์ได้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงต้องไปดูว่ายังมีกระบวนการนี้อยู่ที่ประเทศไหนบ้างเพื่อจะได้ไปจัดการ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่เป็นระดับบอสนั้น เรายังจัดการได้ค่อนข้างน้อย

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว ปฏิบัติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เครือข่ายขบวนการสแกมเมอร์ แก๊งอาชญากรรมออนไลน์ ทุนเทาเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง หลังทางการ สป.จีนส่ง “หลิว จงอี้ ผู้ช่วย รมต.ความมั่นคงและสาธารณะ” บินตรงประสานงานร่วมกับไทย-เมียนมา ขณะที่รัฐบาลไทยงัดมาตรการตัดเน็ต-ตัดไฟฟ้า-ตัดการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง ข้ามชายแดน 5 จุด ในพื้นที่แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก, แม่สอด-เมียวดี และด่านเจดีย์สามองค์-เมืองพญาตองซู

ล่าสุด พบว่าเมียนมา และ กกล.BGF ได้รวบรวมบุคคลต่างชาติจากปฏิบัติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ในเมืองชเวก๊กโก เมืองเมียวดี และเมืองเคเคปาร์ก รอการส่งตัวกลับประเทศต้นทางจำนวนรวมทั้งสิ้น 7,141 คน จาก 29 สัญชาติ ประกอบด้วย 1. จีน จำนวน 4,860 คน 2. เวียดนาม จำนวน 572 คน 3. อินเดีย จำนวน 526 คน 4. เอธิโอเปีย จำนวน 430 คน 5. อินโดนีเซีย จำนวน 283 คน 6. ฟิลิปปินส์ จำนวน 127 คน 7. มาเลเซีย จำนวน 70 คน 8. ปากีสถาน จำนวน 78 คน 9. เคนยา จำนวน 64 คน 10. ไต้หวัน จำนวน 25 คน 11. เนปาล จำนวน 17 คน 12. แอฟริกาใต้ จำนวน 17 คน 13. ยูกันดา จำนวน 13 คน 14. แอฟริกา จำนวน 9 คน 15. ศรีลังกา จำนวน 8 คน 16. อุซเบกิสถาน จำนวน 8 คน 17. ไนจีเรีย จำนวน 7 คน 18. กานา จำนวน 6 คน 19. แคเมอรูน จำนวน 6 คน 20. บังกลาเทศ จำนวน 6 คน 21. นามีเบีย จำนวน 4 คน 22. รวันดา จำนวน 4 คน 23. ตูนีเซีย จำนวน 3 คน24. เชก จำนวน 2 คน 25. ลาว จำนวน 1 คน 26. โรมาเนีย จำนวน 1 คน 27. แอลจีเรีย จำนวน 1 คน 28. สิงคโปร์ จำนวน 1 คน โดยฝ่ายเมียนมาได้จัดทำบัญชีรายชื่อส่งให้สถานทูตของแต่ละประเทศ เพื่อประสานการเดินทางกลับให้เร็วที่สุดต่อไป

ตร.ไทย-กัมพูชาลุยจับมือ ทลายแก็งคอลฯปอยเปต

 เจ้าหน้าที่ตำรวจไทย เดินหน้าจับมือ กัมพูชา บุกทลาย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตึกใหญ่ฝั่งปอยเปต ผงะเจอคนไทยนับร้อย
       
  เมื่อวันที่ 23 ก.พ.68 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่าเช้าวันนี้นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานจาก พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งตะวันออกบริเวณขอบชายแดนจังหวัดสระแก้วว่า รัฐบาลไทยได้ขอความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับ กัมพูชาในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์
       
  โดย พล.ต.ต.จุม เรียง รอง ผบ.ตร. กัมพูชา นำกำลังเข้าตรวจค้นอาคาร 3 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ซึ่งอยู่ใน compound พลาซ่า ซึ่งสายข่าวจากประเทศไทยระบุว่ามีคนไทยส่วนหนึ่งถูกหลอกไปทำงานซึ่งสถานที่แห่งนี้ มีคนจีนเช่าทำธุรกิจพนันออนไลน์และหลอกลวงออนไลน์ ในกรุงปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย กัมพูชา ตรงข้ามกับ บริเวณด่านคลองลึกตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยที่ดินและอาคารดังกล่าวถูกระบุว่า เป็นของผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งของ จ.บันเตียเมียนเจย
        
 โดยเจ้าหน้าที่ ได้นำชาวต่างชาติออกมารวม 215 คน ในจำนวนนี้มีคนไทย 109 คน เป็นหญิงไทย 54 คน นอกจากนี้ยังมีชาวไต้หวัน 5 คน ปากีสถาน 50 คน อินโดนีเซีย 3 คน อินเดีย 48 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำและบันทึกประวัติของฝั่งกัมพูชาอยู่ ทั้งนี้ ปฏิบัติการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก รัฐบาลไทยขอความร่วมมือในการร่วมกันแก้ไขปัญหาของทั้งสองประเทศ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา จเรตำรวจไทยเข้าพบ รอง ผบ.ตร. กัมพูชา เมื่อ วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
      
   ฝ่ายข่าวความมั่นคงระบุว่า นับว่าเป็นการนำคนไทยออกมาจำนวนมากจากตึกที่คาดว่าทำธุรกิจออนไลน์ครั้งใหญ่ที่สุดของทั้งสองประเทศ และจะมีการระดมกวาดล้างต่อไปอย่างต่อเนื่อง
     
    นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า เช้าวันนี้ ผู้ช่วยทูตฝ่าย ตร.และฝายกงสุลของไทยจะเดินทางไป ที่ชายแดน ที่บริเวณด่านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วเพื่อติดตามความคืบหน้าและดำเนินการเอกสาร การบันทึกประวัติและคัดกรองเพื่อสอบปากคำเบื้องต้นว่าบุคคลเหล่านี้เป็นเหยื่อหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการ
     
    นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมในการรับคนไทยและขอให้ปฏิบัติในการตรวจสอบอย่างละเอียดในทุกมิติรวมทั้งให้เตรียมการประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตต่างๆที่มีกลุ่มคนเหล่านี้ที่ถูกระบุ เพื่อเตรียมความพร้อมในกระบวนการทางกฎหมายต่างๆต่อไป ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของประเทศไทย
    

ตร.ภ. 2 เตรียมรับ 200 แก๊งคอลเซนเตอร์จากปอยเปต เตรียมส่งคัดกรองค้ามนุษย์

ตร.ภ. 2 เตรียมรับ 200 แก๊งคอลเซนเตอร์จากปอยเปต เตรียมส่งพนักงานสอบสวนคัดกรองค้ามนุษย์


วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ บช.ภ.2 พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2)  เปิดเผยถึงกรณีทางการกัมพูชาควบคุมตัวแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่ตั้งฐานในปอยเปต ประเทศกัมพูชา ได้กว่า 200 คน และเตรียมส่งตัวให้ไทยเพื่อนำตัวเข้าสู่กระบวนการคัดกรองเหยื่อค้ามนุษย์ ทางชายแดนด้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ว่า ภายหลัง 

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ได้เดินทางไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อประสานความร่วมมือในการดำเนินการร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศในการดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ตั้งฐานในฝั่งปอยเปต และทางการกัมพูชาได้ดำเนินการควบคุมตัวขบวนการคอลเซนเตอร์มากกว่า 200 คนซึ่งในจำนวนนี้มีคนไทยมากกว่า 100 คน ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 2 จะดำเนินการใน 2 ส่วน คือ การสอบสวนเพื่อคัดแยกเหยื่อค้ามนุษย์ และการประสานข้อมูลการสืบสวนข้อมูลขบวนการคอลเซนเตอร์กับตำรวจกัมพูชา  ขณะนี้ทราบว่าทางการกัมพูชากำลังคัดกรองตามขั้นตอนและกระบวนการทางกฎหมายของกัมพูชาและจะส่งตัวมายังประเทศไทย 

พล.ต.ท.ยิ่งยศ ผบช.ภ.2 กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รอง ผบช.ภ.2 เตรียมแผนการปฏิบัติและกำกับดูแลการปฏิบัติ พร้อมกำชับ พล.ต.ต.ถาวร  ดุลยวิทย์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว จัดพนักงานสอบสวนรองรับการสอบสวนเพื่อการคัดกรองเหยื่อค้ามนุษย์ตามกระบวนการกลไกส่งต่อระดับชาติ : National Referral Mechanism (NRM) ซึ่งจะมีหน่วยงานอื่น ๆ บูรณาการกำลังในการคัดกรองด้วย โดยย้ำว่าการสอบสวนต้องเป็นไปอย่างครบถ้วน ถูกต้อง รอบด้าน ให้ความเป็นธรรม ในส่วนของการประสานงานข้อมูลด้านการสืบสวนขบวนการคอลเซนเตอร์ กำชับให้ประสานงานกับทางกัมพูชาอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้กำหนดการในการส่งตัวขบวนการคอลเซนเตอร์เข้ามานั้นยังอยู่ระหว่างการประสานงาน