"แก้วสรร" แนะทำลายระบอบ "ฮุน เซน" แก้ปม "ไทย - กัมพูชา"

วันที่ 26 ก.ย.68 นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความในรูปแบบถาม-ตอบ เรื่อง จาก “รัสเซีย-ยูเครน”..ถึง..“ไทย-กัมพูชา” ดังนี้

ถาม อาจารย์เห็นด้วยกับมาตรการปิดด่านโดยเด็ดขาด ของรัฐบาลอนุทิน หรือไม่

ตอบ เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ เราจะมีสันติภาพกับเขมรได้ ก็ต่อเมื่อระบอบฮุนเซนสิ้นไปจากกัมพูชาเท่านั้น ธุรกิจมืดของระบอบฮุนเซนได้น้ำเลี้ยงหลักจากฝั่งไทยไปเลี้ยงกองกำลังพิทักษ์ฮุนเซนมาตลอด โดยตัวเศรษฐกิจเขมรเองก็ขาดสินค้าจำเป็นจากไทยและตลาดพืชผลการเกษตรในฝั่งไทยไม่ได้ การปิดด่านคือหาทางเดียวที่เราจะทำลายศัตรูของชาติได้ โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อทั้งของพี่น้องไทย และของชาวเขมร

ถาม ทำไมไปถือว่า ระบอบฮุนเซน เป็นศัตรูของชาติไทย

ตอบ มันเป็นระบอบเผด็จการที่งอกรากมากว่า ๓๐ ปี จนกลืนกินชาติเขมรโดยเด็ดขาดแล้ว แต่เมื่อตัวสมเด็จมหาเสนาบดีเริ่มเจ้บป่วยเสาะแสะ ลูกชายที่พึ่งขึ้นสืบต่อเป็น นายกฯ ก็ยังขาดบารมี ความจำเป็นต้องก่อกระแสชาตินิยม สร้างภาพให้ไทยเป็นผู้รุกราน แล้วให้ลูกชายเป็นวีรบุรุษกู้ชาติผู้เก่งกล้าสามารถ สู้รบยันทัพไทยแล้วชักจูงเวทีสากลมาตบหัวจนไทยต้องยอมหมอบราบ เช่นนี้นี่เองจึงเป็นยุทธศาสตร์เดียวที่ ระบอบนี้จะสืบสานต่อไปได้แม้ฮุนเซ้นจะจากไปแล้ว

ถาม วันนี้ก็ชัดเจนว่าพ่ายแพ้แล้วทั้งการทหารและการทูต แล้วมันยังจะฝืนยั่วยุ ก่อสงครามอีกหรือ

ตอบ ครับ..ไม่ช้านี้มันต้องเอาอีกแน่ๆ ยิ่งชาวบ้านเขมรทุกข์ยาก ข้นแค้นลงทุกวัน และหัวโจกฝ่ายค้าน อย่าง สม รังสี เริ่มรุกล้อมเข้ามาทุกที มันก็ยิ่งต้องโหมกระแสชาตินิยมเอาไทยเป็นตัวการ เป็นปีศาจ ที่ต้องล้างผลาญต่อไปให้จงได้ ส่วนตัวเลขทหารเขมรที่ตายไป 3,600 คนนั้น มันก็ใช้กระบอกเสียงตกแต่งข่าวสาร ตัดเลขศูนย์ออก จนเหลือ 36 คนแล้ว มันก็พอโกหกปิดหูปิดตากันได้สบายๆ คนเขมรก็กลายเป็นหุ่นส่งไปตายได้ต่อไปอีก

ถาม คราวนี้ถ้ามันเอาเราอีก ไทยก็ต้องรุกให้ราบถึงพนมเปญเลยนะครับ เสียมราฐ ศรีโสภณ พระตะบอง นั่น ก็เอาคืนมาให้หมด

ตอบ ผมไม่เห็นด้วยครับ เราควรทำลายเฉพาะจุดที่เป็นฐานยุทธศาสตร์เท่านั้น จะขยายเป็นสงครามไปเลยนั้นไม่ได้ ผมว่าเราต้องคิดแบบปูตินจะดีกว่า คือปูตินเค้ามองว่า ศัตรูความมั่นคงของรัสเซียคือ ระบอบเซเลนสกี้ที่รัสเซียต้องจัดการให้หายไปจากยูเครนให้ได้ หายไปแล้วยูเครนก็กลับมาเป็นกลางไม่มีฐานทัพนาโต้มาคุกคามรัสเซียได้

ถาม คิดแค่ทำลายระบอบไม่ใช่ยึดครองดินแดนอย่างนี้นี่เอง ที่ทำให้ปูตินถึงรบแบบปฏิบัติการทางทหาร ไม่ใช่สงคราม วันนี้เราถึงไม่เห็นทัพรัสเซียทุ่มเข้าตียึดเมืองเคียฟใช่ไหมครับ

ตอบ ถ้าก่อเป็นสงคราม มันก็ต้องลามไปถึงนิวเคลียร์ ที่ไม่มีใครชนะ ผมว่าปูตินเค้าคิดถูกต้องแล้ว ที่มุ่งหยุดระบอบเซเลนสกี้ให้ได้เท่านั้น ทำได้เมื่อใดการทุ่มเทขยายกำลังทหารของรัฐเผด็จการยูเครน และการปลุกมวลชนด้วยความเกลียดชังคนเชื้อชาติรัสเซียในยูเครนตะวันออกก็จะยุติลง และกลับมาเป็นกลาง เป็นเพื่อนบ้านโดยสงบสุขกับรัสเซียได้

นายกฯอนุทิน ก็ควรต้องมองเขมรอย่างแยกแยะให้ได้ อย่างที่ปูตินเขาแยกแยะยูเครนเหมือนกัน

ถาม หมายความว่า ถ้าเขมรมันกัดเราอีก เราคงทำได้แค่ปฏิบัติการทางทหารอันจำเป็นเพื่อยุติการรุกรานเท่านั้นใช่ไหมครับ

ตอบ ผมเห็นเช่นนั้น ถ้าสกัดมันได้ หยุดมันได้ บวกด้วยความล่มจมทางเศรษฐกิจ จนเงินเรียลกลายเป็นกระดาษ ข้าง จีน รัสเซีย อเมริกา อาเซียน ยูเอ็น ก็เห็นสันดานแล้วเทฮุนเซนลงชักโครก ตรงนี้จึงจะเป็นชัยชนะของสันติภาพได้ในที่สุด

ถาม ถ้าภายหน้าได้นายกฯคนใหม่ เป็นสม รังสี เชาจะหาเรื่องดินแดนกับไทย ขึ้นมาสร้างกระแสชาตินิยม เพื่อความมั่นคงของตนเองอีกไหมครับ

ตอบ เมื่อไม่ได้เป็นเผด็จการเช่นฮุนเซน ความก้าวร้าวสร้างไทยเป็นศัตรูเพื่อความอยู่รอดก็หายไป โอกาสที่เราจะคุยกันดีๆได้ก็จะเกิดขึ้น เฉพาะในส่วนเขตแดนทางบกนั้นข้อตกลงไทย ฝรั่งเศส สร้างกรอบไว้อย่างไรก็เจรจากันไปทางนั้น แผนที่ ๑ : ๒๐๐,๐๐๐ ที่เขมรอ้างนักอ้างหนานั้นโยนทิ้งไปได้ เพราะไทยไม่ได้รับรอง เราต้องเอากรอบตามข้อตกลงมาเจรจากันให้รู้เรื่อง

ถาม แล้วเรื่องไหล่ทวีปล่ะครับ

ตอบ เส้นที่เขมรลากผ่านเกาะกูดสมัยลอนนอลนั้น พิเคราะห์แล้วไม่มีกฎหมายสากลรองรับเหมือนเส้นของเราเลย ก็ต้องมาเจรจากันว่าหลักกฎหมายที่ใช้มันตรงกันหรือไม่ ถ้าไม่ตรงกัน จะตกลงไปศาลโลกก็ได้ ถ้าตรงกันก็ขีดกันใหม่ให้ถูกต้อง เมื่อขีดถูกต้องแล้วยังมีพื้นที่ทับซ้อนอยู่อีก ตรงนี้ก็เอาเข้าสภาให้ยอมรับทั้งสองฝ่ายก่อน แล้วค่อยตกลงแบ่งประโยชน์กันในส่วนพื้นที่ทับซ้อนอีกที เมื่อทำให้ถูกต้องอย่างนี้ เราก็จะได้ทรัพย์ในดินสินในน้ำของเรามาใช้สร้างบ้านเมืองได้ต่อไป

ถาม จังหวะนี้ ก็คงจะมีนายทุนนายหน้าในไทย จ้องยกสัมปทานให้ฝรั่งอีก ทราบว่าเค้าลงทุนตั้งพรรคการเมืองไว้แล้วด้วย

ตอบ ต้องเลิกระบบสัมปทาน แล้วจะร่วมทุนต่างชาติสร้างรัฐวิสาหกิจไทยขึ้นขุดเจาะ หรือให้ต่างชาติขุดเจาะแล้วแบ่งประโยชน์กับไทยก็ได้ครับ ห้ามขายชาติโดยใช้ระบบให้สัมปทานอีกต่อไป

ถาม เสนอความคิดมาถึงตรงนี้แล้ว อาจารย์ไม่กลัวพวกสีส้มเขาจะหาว่าคลั่งชาติหรือครับ

ตอบ ผมรักชาติ ไม่ได้คลั่งชาติ พวกเค้าต่างหาก ที่ “ไม่มีชาติ” เมื่อไม่มีชาติแล้ว ก็เลยงุนงงไปเองจนทุกวันนี้ว่า “มีทหารไว้ทำไม”

ที่ถูกนั้น ผมว่าเขาต่างหากที่ต้องอธิบายว่า ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาทำไม ในเมื่อไม่มีชาติ ไม่มีส่วนรวมอยู่ในสมองเลย อย่างนี้

ยุบพรรคเพื่อไทย??? : ความชอบธรรมและความเป็นไปได้ทางกฎหมาย

วันที่ 12 ก.ค.68 นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ ได้เผยแพร่บทความเรื่อง ยุบพรรคเพื่อไทย??? : ความชอบธรรมและความเป็นไปได้ทางกฎหมาย มีรายละเอียดดังนี้        

ถาม   ทำไมจะไปยุบพรรคเพื่อไทยโดยอ้างว่าถูกทักษิณครอบงำ  ก็เขาเป็นคนตั้งพรรค

รวมผู้คนมาตั้งแต่แรก แล้วใจคอจะไม่ให้ฟังกันบ้างเลยหรืออย่างไร

ตอบ  ทักษิณถูกจำคุกตามคำพิพากษาคดีคอรรัปชั่น  สิ้นสิทธิทางการเมืองเป็นคนนอกพรรคเพื่อไทยไปแล้ว  เขาจะพูดจะแนะนำอะไร  คณะกรรมการพรรคก็ยังรับฟังได้กฎหมายไม่ห้าม แต่ต้องไม่ถึงขั้นถูกครอบงำถึงขนาดขาดอิสระ ทักษิณชี้นกเป็นไม้ ก็ยอมหมด อย่างนี้กฎหมายรับไม่ได้

ถาม   แล้วมันผิดที่ตรงไหน ที่ไปฟังทักษิณ

ตอบ  พรรคการเมืองมีตัวตนอยู่ที่ “ความคิด”   ประชาธิปไตยเสนอกันที่ความคิด  เมื่อความคิดใครชนะคนนั้นต้องเป็นคนทำ   รัฐธรรมนูญไทยเอาจริงถึงขั้นบังคับให้ สส.ต้องสังกัดพรรค  และพรรคต้องเสนอชื่อนายกฯไว้ล่วงหน้าเลย

        เมื่อพรรคคือ “ความคิด” พรรคจึงต้องคิดเองตัดสินใจเอง  จะเป็นแค่หุ่นเชิดของคนนอกพรรคไม่ได้  สโลแกน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ อุ๊งอิ๊งอ่านโพย” นั้น ขัดระบบพรรคอย่างชัดเจน ถ้ายอมให้เชิดกันอย่างนี้ได้ ประชาธิปไตยในพรรคก็พลอยจะสิ้นความหมายไปด้วย

ถาม   กกต.ต้องพิสูจน์อะไรให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นบ้าง ว่าพรรคเพื่อไทยถูกทักษิณครอบงำ

ตอบ  อะไรที่เป็นอำนาจของคณะกรรมการพรรค ถ้าพิสูจน์ว่าทักษิณสั่งได้ ก็โดนหมดล่ะครับ ทั้งการกำหนดนโยบายทางการเมือง, การตั้งคณะกรรมการบริหาร,การคัดเลือกส่งคนลงสมัคร สส., การเข้าร่วมรัฐบาล, การเลือกผู้เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี, การเสนอร่างกฎหมาย  เหล่านี้ล้วนเกิดเป็นเรื่องกล่าวหาได้ทั้งนั้น

ถาม   แล้วชัดเจนถึงขนาดไหนล่ะครับ   ถึงจะฟังได้ว่าเป็นการ “ครอบงำ” ผมเห็นคนพรรคเพื่อไทยเขาท้าทายว่า    มีพยานหลักฐานชัดเจนไหมว่า เมื่อวันนั้นวันนี้ ทักษิณสั่งนายโน้นนายนี้ใหทำอย่างนั้นอย่างนี้

ตอบ นี่ไม่ใช่คดีอาญา แต่เป็นคดีคุ้มครองประชาธิปไตยในบ้านเมือง   ถ้าพรรคใดยอมตนเป็นหุ่นให้อิทธิพลทุจริต  เราก็ต้องยุบพรรคนั้น   ถ้าพยานหลักฐานมันแวดล้อมให้เชื่อได้เช่นนั้น  ทั้งตั้งลูกสาวเป็นหัวหน้าพรรคโดยไม่มีที่มาที่ไปทางคุณสมบัติ  ทั้งเรื่องที่ทักษิณโผ่ลหน้ามาชี้แจงนโยบายพรรคต่อคนทั้งประเทศ  ทั้งเรื่องมีบทบาทคัดคนลงสมัคร นายก อบจ.หรือ สส.สั่งเปลี่ยนโผให้เป็นโน้นคนนี้ หรือแม้กระทั่งเรียกทุกพรรคมาประชุมจันทร์ส่องหล้า แล้วตกลงตั้งรัฐบาลในสูตรเดิม   ทั้งหมดนี้ ถ้าคุณเป็นศาลรัฐธรรมนูญ คุณว่ามันพอหรือไม่ ที่จะตัดสินว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ใต้บงการของคนชื่อทักษิณ

ถาม   ถ้ามองเป็นเรื่องบงการกันอย่างนี้  การที่พรรคร่วมรัฐบาลแห่ไปพบทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้าแล้วตกลงร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยต่อไปเหมือนเดิม  ก็ไม่ใช่เรื่องที่พรรคเหล่านั้นต้องถูกยุบพรรคใช่ไหมครับ

ตอบ  ถูกต้องครับ  พรรคเหล่านี้เขาแค่ไปคุยแล้วตกลงกับทักษิณว่าเราจะรักษาสูตรรัฐบาลไว้ต่อไปเท่านั้นหรือไม่  นี่เป็นเริ่องไปเจรจาตกลง  ไม่ใช่เรื่องอยู่ใต้บงการทักษิณแต่อย่างใด 

คุณต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่า  ความผิดมันไม่ใช่อยู่ที่เห็นตรงกับทักษิณ หรือไปคุยกับทักษิณ   แต่มันอยู่ตรงที่ความสัมพันธ์ทางอำนาจว่ามีพรรคไหนไปอยู่ใต้บงการเขาหรือไม่  ซึ่งตรงนี้ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลใดนอกจากเพื่อไทยเท่านั้น ที่มีปัญหาว่าไปเป็นขี้ข้าเขาแบบนั้นหรือไม่

ถ้าเข้าใจให้ถูกต้องอย่างนี้   กกต.เรียกตัวแทนพรรคที่ไปร่วมประชุมวันนั้น มายืนยันได้เลยว่า วันนั้นทักษิณเป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทย มาเจรจากับพวกเขาใช่หรือไม่ ให้ บอกความจริงไปเลยไม่ต้องกลัวลูกหลง ถ้าได้ปากคำยืนยันตรงนี้มา กกต.จบสำนวนได้เลย

ถาม   แล้ว กกต. ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคเพื่อไทยเลยได้ไหมครับ  ข้างพรรคเพื่อไทยจะเถียงอะไรก็ให้ไปว่ากันในศาล

ตอบ  งานนี้เป็นเรื่องชี้ขาดกันด้วยพยานแวดล้อม   ถ้าพยานหลักฐานแต่ละเรื่องมันล้อมเข้ามาจนชัดเจน และรู้กันทั่วไป เพียงเท่านี้ กกต.ก็ฟ้องได้แล้วครับว่า แต่ละพฤติการณ์ประกอบกันเข้ามาให้เชื่อได้แล้วว่า  ทักษิณคือผู้ครอบครองพรรคเพื่อไทย ฟ้องแล้วศาลท่านก็ต้องให้โอกาสเพื่อไทยชี้แจงได้เต็มที่

ถาม   เห็นเพื่อไทยตัดพ้อว่า บ้านเมืองมีปัญหาถึงทางตัน ไม่น่าจะมายุบพรรคอะไรกัน ในช่วงหน้าเหล้าหน้าข้าวแบบนี้

ตอบ  ทางตันวันนี้คือ “ระบอบทักษิณ”  ถ้าระบอบนี้ถูกถ่วงน้ำโดย “ทักษิณติดคุก ลูกออกไป  เพื่อไทยเป็นอิสระ” ได้เมื่อใด  เมื่อนั้นการเมืองไทย เดินหน้าทำงานได้แน่นอนครับ

 

                                     

“ระบอบทักษิณ” ต้องออกไป “แก้วสรร” แพร่บทความ

เมื่อวันที่ 12 ก.ค.68 นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ ได้เผยแพร่บทความเรื่อง “ระบอบทักษิณ”...ต้องออกไป มีรายละเอียดดังนี้                                                                               
        “ ผมต้องทำงานให้บ้านเมือง  เศรษฐกิจวันนี้ ถ้าผมไม่เสือกแล้วใครจะเสือก ”..... ทักษิณ ชินวัตร ๑๐ กรกฎาคม  ๒๕๖๘
ถาม    ทักษิณไม่ยอมออกไป  พวกขาประจำจะทำยังไง   
ตอบ    เราก็ไล่ต่อไป   พึงเข้าใจว่าสิ่งที่เราไล่จริงๆคือ “ระบอบทักษิณ” ที่สิงสู่การเมืองไทยมา กว่า ๒๐ ปีแล้ว ถ้าสลัดระบอบนี้ไม่ได้  บ้านเมืองจะถูกครอบงำด้วยเผด็จการพรรคการเมืองนายทุนต่อไปอีก จนสิ้นอนาคต 
ถาม    “ระบอบทักษิณ” คืออะไรครับ  เห็นพูดคำนี้กันเกลื่อน จนเฟ้อไปหมดแล้ว
 
    ก็ซื้อ สส.จากพรรคอื่นทั้งพรรคมาควบรวมอีก   คะแนนในหีบเลือกตั้งเองนั้นก็มาจากเงินแผ่นดินที่ผ่านโครงการประชานิยมต่างๆ  ซ้ำด้วยการซื้อสื่อซื้อปัญญาชน ตัวเองออกทีวีโม้ทุกอาทิตย์ให้ผู้คนเกิดความหลงเชื่อถือ ซ้ำด้วยออกหวยสามตัวแจกเงินตรงไปยังหัวคะแนนแจกจ่ายในพื้นที่เป็นโครงการต่างๆ  เขาใช้เงินทำจนครบวงจรแห่งการครองเมือง เกิดเป็นระบอบที่มีทั้งเงิน ทั้งอำนาจในระบบ ทั้งความหลงไหล ทั้งพวกพ้องเต็มแผ่นดินในที่สุด
ถาม    แล้วเขาถอนทุนอย่างไร
ตอบ    เมื่อเอาเงินสร้างอำนาจแล้วเขาก็เอาอำนาจสร้างเงิน โดยซุกหุ้นก่อน แล้วใช้อำนาจรัฐปรนเปรอธุรกิจโทรคมนาคมของตนจนอ้วนท้วน พอได้ที่ก็ใช้มือ สส.ในคอก แก้กฎหมายให้ต่างชาติถือหุ้นได้ แล้วเทขายหุ้นให้สิงค์โปร์ได้กำไรกว่าสี่หมื่นล้าน แต่เงินก้อนนี้ก็ถูกศาลสั่งยึดทรัพย์คืนให้แผ่นดินในที่สุด นี่ผมยังไม่พูดถึงคอร์รัปชั่นรายโครงการเลยนะครับ ทั้งคดีธนาคารกรุงไทย,คดีซีทีเอ๊กซ์,คดีบ้านเอื้ออาทร,คดีรถดับเพลิง,คดีจำนำข้าว พวกนี้มีทั้งส่งเข้าพรรค เข้ากระเป๋าตนเอง  สรุปแล้ววิสาหกิจโดยระบอบทักษิณนี่ กำไรมหาศาลเลยครับ
ถาม    ดูในแผนผังนี้แล้ว  มันคอรัปชั่นทั้งระบอบเลยนะครับนี่
ตอบ    ครับ...แม้กระทั่งประชาชนก็กลายเป็นลูกค้าไปแล้ว เอาทั้งเงินซื้อเสียง เอาทั้งโครงการประชานิยมต่างๆ  ยังผลให้การเสนอนโยบายพัฒนาบ้านเมือง เข้าสู่เวทีเลือกตั้งและสื่อมวลชนเลือนหายไป  มีแต่ถามกันว่ากูจะได้อะไร มึงจะให้อะไรเท่านั้น   การเมืองไทยจึงเริ่มไม่มี “เมือง” มาจนทุกวันนี้ ไม่มีทั้งนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรม ปฏิรูปเกษตรกรรม ปฏิรูปการศึกษา พอเลิกคิดเรื่องพัฒนาบ้านเมือง มาวันนี้ก็เลยเหลือแต่ ขึ้นค่าแรง ลดค่าไฟ แจกเงินหมื่น เปิดกาสิโนคอมเพล็กซ์ อย่างที่เห็น  พอมาเจอภาษีทรัมป์จนจะทรุดกันทั้งประเทศ ก็เลยหน้ามืดคิดอะไรไม่ออกในที่สุด
ถาม    เห็นทักษิณเขากำลังจะจัด Dinner Talk “เปิดประตูสู่อนาคต” ขายโต๊ะจีนตัวละเป็นล้านเลยนะครับ
ตอบ    เป็นการดิ้นเฮือกสุดท้าย ที่ต้องออกมาโม้ให้สุดขีดเต็มตัวแล้ว 
ถาม    นี่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญท่านให้อุ๊งอิ๊งออกไป  แล้วศาลฎีกาให้ทักษิณติดคุก  อะไรจะเกิดขึ้นครับ
ตอบ    ทางเราก็เชื่อว่าระบอบทักษิณจะเหี่ยวลง    เหลือแต่คนในพรรคเพื่อไทยที่ต้องพยายามอยู่กับอิสระภาพใหม่ อาจจะยืนงงอยู่สักพัก ที่อยู่ดีๆคอกหายไปก็ได้
ถาม    แล้ววันนี้ กกต.ไม่ทำอะไรเลยหรือครับ   ทักษิณออก ทีวี แสดงการชี้นำครอบงำพรรค ให้เห็นกันทั้งประเทศแบบนี้  กกต.มีอำนาจเสนอศาลยุบพรรคเพื่อไทยได้เลยไม่ใช่หรือ   “กกต.”นี่ ย่อมาจาก “กูเกาตูด” หรืออย่างไร
ตอบ    ใจเย็นๆครับ  เห็นมีข่าวว่าท่านสอบสวนคืบหน้าจนจะสรุปเสนอให้ลงมติในเดือนหน้านี้แล้ว  ถ้า “ทักษิณติดคุก ลูกออกไป เพื่อไทยหลุดคอก” อย่างนี้เมื่อไหร่   “ระบอบทักษิณ” ก็จะหายไปจากการเมืองไทย ราวกับถูกถ่วงน้ำเลยทีเดียว


                                                     

"แก้วสรร" แพร่บทความ "พ่อติดคุก...ลูกออกไป"

วันที่ 1 ก.ค.68 นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "พ่อติดคุก...ลูกออกไป" มีเนื้อหาดังนี้                                                                  

ถาม   การที่นายกฯอุ๊งอิ๊ง เขาขอโทษประชาชนที่ทำให้ไม่สบายใจ ยืนยันว่า “ที่ทำไปนั้น แม้วิธีการจะเป็นปัญหาอยู่บ้าง แต่ก็ทำไปเพื่อประโยชน์บ้านเมืองจริงๆ” คำอธิบายนี้ฟังได้หรือไม่ครับ

ตอบ  คดีถอดถอนจากตำแหน่ง  เขามองตรงตัวการกระทำของคนในตำแหน่งนายกฯว่าสมควรแก่ตำแหน่งหรือไม่   จะอ้างความสุจริตในหัวใจมาเป็นข้อต่อสู้เหมือนคดีอาญาไม่ได้หรอกครับ   ถ้าตัว“การกระทำ”ที่ทำไปมันร้ายแรงถึงขั้นไว้วางใจไม่ได้ ก็ต้องถูกถอดถอนทั้งนั้น

ถาม   การที่ศาลรัฐธรรมนูญ รับคดีไว้แล้วมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลจะสั่งคดีให้เป็นที่ยุตินั้น   ในทางรูปคดีมีความหมายอย่างไรครับ

ตอบ  สว.เขาร้องมาตามอำนาจหน้าที่ในรัฐธรรมนูญ ยังไงศาลก็ต้องรับอยู่แล้ว  ส่วนที่สั่งให้พักงานไว้ก่อนนั้นในทางรูปคดีก็หมายความว่า คดีมี “ความน่าจะเป็น ” ถึงระดับที่ควรให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ได้  เพราะมีความเสี่ยงชัดเจนใน ปัจจุบัน ว่าถ้าปล่อยให้ทำหน้าที่ต่อไป อาจเสียหายใน อนาคตได้

ถาม   แล้วให้ทำหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมได้ไหมครับ

ตอบ  คดีนี้ศาลรับคำร้อง สว.ตามหน้าที่ในรัฐธรรมนูญ   คำร้องมีกรอบเฉพาะตำแหน่งนายกฯรัฐมนตรีเท่านั้น ตำแหน่ง รัฐมนตรีวัฒนธรรม อยู่นอกคำร้อง ศาลออกนอกกรอบไปแขวนเธอไม่ได้

ถาม   มีบางคนบอกว่า เธอควรลาออกได้แล้ว

ตอบ  สมัยประธานาธิบดีนิกสันของอเมริกาในคดีวอร์เตอร์เกตนั้น     พอสภาผู้แทน   ลงคะแนนมีมติให้ยื่นคำกล่าวหาให้วุฒิสภาไต่สวนแล้ว    เขาก็ลาออกทันทีโดยอธิบายว่าตำแหน่งประธานาธิบดี เป็นตำแหน่งที่มีศักดิ์ศรี  ไม่ควรต้องถูกไต่สวนหาความผิดกลางบ้านกลางเมืองเช่นนี้  

ถาม   อาจารย์ว่าเธอจะลาออกไหม เห็นข่าวเขาว่าเธอลงมือเก็บของแล้

ตอบ  นี่เป็นเรื่องสปิริต  ที่เธอไม่มีอยู่แล้ว  ถ้าเธอมีวุฒิภาวะตระหนักรู้ว่ารัฐไม่ใช่บริษัทส่วนตัว และชาติยังมีอยู่   เธอต้องไม่คุยกับฮุนเซ็นแบบนั้นแน่นอน

ถาม   วันนี้..ใครจะเป็นคนนำ ครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ครับ   แล้วเธอจะร่วมถวายสัตย์ในฐานะรัฐมนตรีวัฒนธรรมได้ไหม

ตอบ  พรรคเพื่อไทยเขายืนยันว่า การถวายสัตย์ไม่ใช่การการสั่งราชการใด  นายกฯย่อมนำคณะได้    ก็เชิญเอากฎหมายมาเถียงกันไปเถิดครับ   แต่ภาพที่ออกมามันไม่ดีแน่นอน   ลาออก..คือทางที่ดี่สุดครับ โตๆด้วยกันแล้ว น่าจะรู้ว่าโลกนี้..มีความถูกผิดที่ไม่ได้เขียนไว้ในกฎหมายมากมายนัก

ถาม   ลาออก..แล้วใครจะเป็นนายกฯ

ตอบ  ก็ว่าไปกันตามระบบสิครับ  พรรคการเมืองก็ต้องคุยกันเองว่าจะหนุนใครในบัญชีที่เหลือ ทั้งคุณอนุทิน,คุณชัยเกษม,คุณพีรพันธุ์ และลุงป้อม   โหวตในสภาแล้วใครได้เสียงข้างมากก็คนนั้น

ถาม   อาจารย์รับได้ไหมถ้าเป็นคุณไชยเกษม

ตอบ  ถ้าเขามาตามรัฐธรรมนูญเราก็ต้องรับอยู่แล้ว     แต่เขาต้องเป็น นายกฯโดยไม่อยู่ใต้อาณัติสั่งการของใครคนนั้นอีกต่อไป    ตรงนี้นี่เองที่ผมพูดบนเวทีรวมพลังว่า ทางออกของการเมืองไทยในวิกฤตเขมรนี้   “พ่อต้องติดคุก..ลูกต้องออกไป ” เพราะถ้าลงเอยได้อย่างนี้จริง  มันจะส่งผลให้อำนาจทักษิณและประโยชน์ส่วนตนของทักษิณ พ้นไปจากการเมืองไทยได้   แล้วเราจะรับมือฮุนเซ็นได้ดีกว่านี้มาก ชนะแน่นอนเลยครับ

ถาม   ตกลงไม่เอารัฐประหารแล้วหรือครับ

ตอบ  ในที่ประชุมพวกเราหรือบนเวทีไม่มีใครพูดเรื่องรัฐประหารเลยนะครับ    งานร่วมกันของกลุ่มรวมพลัง  คือร่วมกันจัดเวที ๒๘ มิถุนา เท่านั้น   เราไม่มีการจัดตั้งอะไรให้ถาวร  นอกจากงานนี้แล้วใครจะคิดอะไร ทำอะไร ก็เป็นอิสระของแต่ละคนเหมือนเดิม คิดเอง ทำเอง รับผิดชอบเองไปตามครรลองเดิมของตน ต่อไป

ถาม   แต่ฝ่ายค้านเขาว่า เวทีนี้ไปเปิดช่องให้มีการรัฐประหาร

ตอบ  งานในเวทีรวมพลังครั้งนี้...ถ้าจะเปรียบแล้ว ผมมองตัวเองเป็นหนึ่งในฝูงหมาของหมู่บ้านปางสวรรค์ ติดป่าห้วยขาแข้ง อุทัยธานี ที่มีงูจงอางเลื้อยจากเขาลงมาเข้าหมู่บ้านเป็นประจำ    พวกเราเหล่าหมาก็ระดมกำลังกันมาทั้งหมู่บ้าน เข้าเห่าเข้าล้อมรุมกัด แม้เจ็บตายไปหลายตัวเราก็ไม่ยอมหยุด    ส่วนชาวบ้านคนไหนจะเบื่อหน่ายเห็นเราเป็นขาประจำ เห่าระงมหนวกหูไม่ได้หลับไม่ได้นอน กลัวใครมาปฏิวัติ... เราก็..ช่างแม่งง..ครับ

เกิดมาไม่เคยเห็น   ประชาชนรวมตัวมาค้านรัฐบาล  แล้วพรรคฝ่ายค้านแทนที่จะตรวจสอบรัฐบาลตามหน้าที่  กลับมาค้านมาป้ายร้ายมวลชนเสียเองอย่างนี้

ฝ่ายค้านที่สับสนหลงทาง ชูหางเสรีนิยม คาบหีบเลือกตั้งไปวันๆอย่างนี้

มีไว้ให้รกโลกทำไมก็ไม่รู้  รู้ตัวบ้างไหมว่าน่าเบื่อจริงๆ   

๒๔ มีนา..วันย่างสด นายกฯหุ่นฯ ???

                                 ๒๔ มีนา..วันย่างสด นายกฯหุ่นฯ ???

                                                                                                                 แก้วสรร อติโพธิ

                            

ถาม   ใครงสร้างในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯอุ๊งอิ๊ง ของฝ่ายค้าน ระบุพื้นที่อภิปราย

        ไว้อย่างไรครับ

ตอบ  รัฐบาลหนึ่ง ณ เวลาหนึ่ง   มีพื้นที่ที่อาจถูกไม่ไว้วางใจได้ ๓ ส่วนครับ

        ส่วนแรกเป็นเรื่องนโยบายหรืองานรัฐบาลที่ปรากฏออกมา ผิดพลาด ไม่เข้าเป้า ไม่

        ตรงปก รั่วไหล ต้องสะสาง แก้ไข หรือยกเลิก  ส่วนนี้อภิปรายได้ทั้งเรื่องเงินดิจิตอล,

        เอ็มโอยู ๔๔,เปิดคาสิโน,อุยกูร์,ราคาข้าวตกต่ำ ฯลฯ  แต่ปรากฏว่างานนี้ ไม่มีเรื่อง

        เหล่านี้  อยู่ในญัตติอภิปรายเลย   

ถาม   ส่วนที่สอง ที่อาจถูกไม่ไว้วางใจได้  คืออะไรครับ

ตอบ  อภิปรายคุณสมบัติของรัฐมนตรีครับ  คุณเธอ โดนคนเดียวว่า เป็นคนไม่ซื่อสัตย์ ไม่มี

        วุฒิภาวะ ไม่รู้จักรับผิดชอบให้สมกับตำแหน่ง  ฟังเท่าที่พูดๆกัน ก็มีเรื่องที่ดินสนาม

        กอล์ฟอัลไพน์  เรื่องโกงข้อสอบเอนทรานซ์ เรื่องหุ้นชินวัตร หรือไม่ยอมตอบกระทู้ฯ

ถาม   เห็นฝ่ายค้านเขาคุยว่างานนี้ ส่วนนี้ เขามีหลักฐานแน่นเปรี๊ยะและเป็นเรื่องสำคัญเลย

        นะครับ

ตอบ  เราก็ไม่รู้ว่าจริงไหม  ถ้าได้เป็นรายงานผลการตรวจสอบข้อสอบเอนทรานซ์รั่ว พร้อม

        หลักฐานแวดล้อมมัดแน่นไปยัง ลูกนายกฯที่เข้าสอบ  มัดได้แน่นฟังแล้วไม่สงสัยเลย

        อย่างนี้ คุณเธอก็พังแน่

ถาม   มาถึงตรงนี้ก็เหลือเรื่องเดียว คือเรื่องคุณเธอเป็น นายกฯหุ่น ถูกคนนอกระบบ คือ

        บุคคลในครอบครัวครอบงำสั่งการ ใช่มั้ยครับ

ตอบ  เรื่องนี้เป็นเรื่องโครงสร้างอำนาจหน้าที่ในรัฐบาลมันไม่ถูกต้อง  และขัดต่อรัฐธรรมนูญ

        ชัดเจน   แม้ยังไม่เกิดการชี้ขาดเป็นคดีมีหลักฐานชัดแจ้งเป็นที่ยุติในศาล   สภาก็มี

        อำนาจที่จะไม่ไว้วางใจได้  โดยไม่ต้องไต่สวนพยานอะไรกันเลยก็ทำได้   เพราะเป็น

        เรื่องความไว้วางใจ ไม่ใช่ชี้ขาดลงโทษติดคุกติดตะราง

ถาม   ข้อหานี้มันสำคัญอะไรนักหนาหรือครับ

ตอบ  สำคัญต่อการทำงานได้ ของระบบทั้งระบบเลยทีเดียว  ระบบผีสิงแบบนี้มันจะเอื้อให้

        คนนอกนั้นมีอำนาจโดยไม่มีการตรวจสอบ และไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ทั้งโดย

        กฎหมายทั้งปวง  และโดยประชาชน   

        ส่วนตัวราชการงานเมืองเองก็จะเละเทะ  คนคิดไม่ได้ทำ  คนทำก็ไม่ได้คิด คนใน

        ระบบก็จะไม่ริเริ่มอะไร งมโข่งรอรับทำตามบัญชาไป  ทำไปแล้วก็ติดขัด ชะงักงัน

        หลงทาง บกพร่อง ปรับแก้ไม่ถูก เหตุเพราะไม่ได้มีส่วนคิดอ่านริเริ่มมาตั้งแต่แรก 

        เช่นที่คุยว่าจะแจกเป็นดิจิตอลก็เลิกไป ที่จะแจกให้ใช้เป็นเขตๆ ก็เลิกอีก โฆษณาว่า

        แจกดะก็กลายเป็นแจกคนเปราะบาง  แล้วเลยมาแจกเด็ก มศ.๓-๕  คนละหมื่น ซื้อ

        อะไรก็ได้ในที่สุด  

ถาม   เรื่องแลนด์บริดจ์, ศูนย์บันเทิงครบวงจร,เซ้งที่ดินให้ต่างชาติ ๙๙ ปี หรือแม้กระทั่งซื้อ

        หนี้ชาวนา   ทั้งหมดนี้ ก็มาจากนอกระบบทั้งนั้นนะครับ

ตอบ  ชัดเจนว่า เรื่องเหล่านี้อยู่นอกนโยบายหาเสียงที่ประกาศต่อประชาชนและที่รายงาน

        กกต.ทั้งนั้น กินไม่ได้นอนไม่หลับเร่งรัดผลักดัน วี๊ดบึ้มออกมาเป็นระลอกไม่มีหยุด 

        เหตุเพราะเร่าร้อนมุ่งจะฟื้นคืนอำนาจในการเลือกตั้งครั้งหน้า ขึ้นเป็นรัฐบาลพรรคเดียว

        ให้จงได้  

ถาม   โครงการนอกระบบ โดยคนนอกระบบ เพื่อยึดครองระบบ อย่างนี้   จะช่วยให้เราก้าว

        เข้าสู่ยุค “ชาวศิวิไลซ์” สมรัชกาล  สมจริงตามที่ “บุคคลในครอบครัว” คนนั้น เขา

        ประกาศไว้ที่พิษณุโลกหรือไม่ครับ

ตอบ  ความหมายหรือเข็มมุ่งที่แท้จริงของการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้  ก็คือปลุกคน

        ไทยให้ปฏิเสธไม่ยอมรับระบบผีสิงนี้อีกต่อไป    เริ่มจากในสภาก็ต้องอภิปรายชี้บ่ง

        บรรยายให้เห็นถึงการครอบงำของคนนอกนี้ให้จงได้ทั้งการส่งคนลง สส.,การกำหนด

        นโยบาย,การจัดตั้งรัฐบาล,การเลือกรัฐมนตรี  ถ้าชี้ให้เห็นบทบาทครอบงำตรงนี้ได้ชัด

        เพียงพอก็จบ

ถาม   ถ้ามีใครยืนขึ้นกล่าวหาได้ว่า   การประชุมบ้านจันทร์ส่องหล้าหลังเศรษฐาพ้นตำแหน่ง   

         แท้จริงคือการจัดตั้งรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง   ที่เรียกประชุมและเจรจาโดย “บุคคลในครอบครัว”

         คนนั้น  กล่าวหาได้แค่นี้เท่านั้นพอไหมครับ

ตอบ  พอครับ ถ้า ท่านบิ๊ก “ไม่รู้..ไม่รู้” พูดเป็นคนที่สอง แล้วยืนยันว่ารู้ เพราะติดต่อเจรจา

        อยู่ด้วย พูดสั้นๆ ใช้เวลาแค่ ๑๐ นาที  ผมเชื่อว่าจบแน่นอน เชิญ สส.ที่เหลือเข้าแถว

        ขึ้นเมรุ วางดอกไม้จันทน์ได้เลย

                                            ..........................

“แก้วสรร” แพร่บทความ “มาตรฐานการ ใช้อำนาจหน้าที่” ตามมาตรา ๑๕๗      

                        “มาตรฐานการ ใช้อำนาจหน้าที่”  ตามมาตรา ๑๕๗

                                                                                                           แก้วสรร อติโพธิ

เมื่อวันที่ 10 ก.พ.68 นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ แพร่บทความเรื่อง “มาตรฐานการใช้อำนาจหน้าที่”  ตามมาตรา ๑๕๗

            ด้วยเห็นว่าบรรดาคำวิจารณ์ต่อคำพิพากษาศาลคดีทุจริต    ให้จำคุกอาจารย์พิรงรอง

รามสูต ๒ ปี ฐานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่ง       กสทช. โดยมิชอบ ที่กำลังเป็นที่วิพากษ์กัน

ระงมอยู่ในทุกวันนี้นั้น   ยังคลาดเคลื่อนตกหล่น         ไม่เพียงพอต่อการรับรู้โดยสมบูรณ์ของ

สาธารณะ   จำต้องขอวิพากษ์ให้ปรากฏในทำนอง ถาม-ตอบ ไว้ ดังต่อไปนี้

      ๑) ประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๑๕๗

             “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความ

เสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจําคุกตั้ง

แต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ”

      ๒)กฎหมายมีช่องว่าง???

ถาม   TRUE ID ที่อ้างว่า ตนถูกอาจารย์พิรงรอง       ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ตน

        เสียหายนั้น  เขาเสนอบริการอะไรต่อเราครับ

ตอบ  เขาทำแพลทฟอ์มที่เรียกว่า OTT (Over The Top) คือมีกล่องสัญญาณรวมเอา

        รายการทั้งปวง ที่ทีวีดิจิตอล หรือเคเบิ้ลทีวีถ่ายทอดออกมา มารวมไว้เป็นบริการให้

        เราเปิดเข้าถึงได้ตลอดเวลา  ทำให้เราไม่จำต้องเฝ้ารอดูหน้าจอตามเวลาที่ ทีวีเขา

        ถ่ายทอดอีกต่อไป OTT แบบนี้มีมากมาย มีทั้งที่ขายสมาชิกภาพ เช่น Netflix หรือ

        เข้าถึงได้โดยเสรีเช่น TRUE ID

ถาม   กิจการพวกนี้ไม่ต้องขออนุญาตหรือครับ

ตอบ  กิจการแบบ OTT นี้อาศัยอินเตอร์เน็ตเป็นถนนขนส่งข้อมูล  ไม่ได้อาศัยคลื่นความถี่ 

        ที่กฎหมายไทยถือเป็นทรัพยากรของชาติ  กฎหมาย กสทช.ปัจจุบันจึงยังไม่มีระบบ

        ใบอนุญาตมาควบคุมเหมือนทีวี       ทำให้เถียงกันมาหลายปีแล้วว่ารัฐควรมีอำนาจ

        ควบคุมหรือไม่ อย่างไร 

ถาม   อาจารย์ว่าเราควรมีไหม

ตอบ  อินเตอร์เน็ตมันเป็นทางหลวงของโลกไปแล้ว  คุณจะให้ NETFLIX ที่เป็น OTT ชนิด

        ข้ามชาติข้ามโลก มาขออนุญาต กสทช.ไทย มันเป็นไปไม่ได้  อย่างเก่งบางรัฐเขาก็

        ทำได้แค่ห้ามถ่ายทอดรายการที่มีเนื้อหาต้องห้ามเท่านั้น

ถาม   เมื่อยังไม่มีกฎหมายแล้วมันเกิดคดีระหว่างทรูกับอาจารย์พิรงรองได้อย่างไร

ตอบ  มีผู้มาร้องเรียนต่อ กสทช.ว่า   OTT ของทรู  มีโฆษณาคอยแทรกตอนเปลี่ยนรายการ

        อยู่ด้วยทุกครั้ง  ผู้ร้องอ้างว่าทำอย่างนี้ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค

ถาม   อ้าว...เมื่อเขาต้องลงทุน เขาก็ต้องโฆษณาหารายได้เป็นธรรมดา   ใจคอคุณจะต้อง

        บริโภคฟรีทุกอย่างเลยหรือ   ไม่ชอบก็ไปดูแพลทฟอร์มอื่นสิครับ

ตอบ  ในชั้นพิจารณาคำร้องทุกข์ TRUE ID นี้   ก็ยุติกันตรงจุดนี้เหมือนกันว่า  เรายังไม่มี

         กฎหมายที่จะควบคุมเขา เรื่องก็เลยยุติไป  แต่ปรากฏว่าอาจารย์พิรงรอง ไม่ยอมยุติ 

         กลับนำปัญหานี้เข้ามาในอนุกรรมการใบอนุญาตโทรทัศน์ที่ตนเป็นประธาน     เพื่อ

         ผลักดันจัดการกับ TRUE ID ให้ได้

       ๓)ยุทธการตลบหลัง!

ถาม   เขาไม่ใช่ทีวี แล้ว กสทช.จะไปจัดการเขาได้อย่างไร

ตอบ  หลังจากถกเถียงกันอยู่นานในที่ประชุมอนุกรรมการกำกับใบอนุญาตโทรทัศน์   อาจารย์พิรงรองก็ผลักดันออกมาจนเป็นความเห็นได้ว่า แม้จะยังไม่มีกฎหมายคุม OTT   แต่เราก็มีอำนาจตามกฎหมาย ทีวี   เตือนไปยังทีวีทั้งหมดทั้ง ดิจิตอลและเคเบิ้ลได้ว่า  คุณจะถ่ายทอดได้ก็แต่เฉพาะช่องทางที่เราอนุญาตไว้  และถ้ามีรายการประเภทบังคับให้ถ่ายทอด ( Must Carry) คุณก็จะให้มีโฆษณาปรากฏด้วยไม่ได้

ถาม   หมายความว่า  จะจัดการให้พวกทีวี ต้องยอมปฏิเสธไม่ให้พวก OTT เอารายการของตนไปใส่กล่องสัญญาณ เช่นนั้นหรือ

ตอบ  ถูกต้องครับ  เมื่อยังไม่มีกฎหมาย OTT เราก็ใช้กฎหมายทีวีนี่แหละ ไป“ตลบหลัง”บีบทีวีทั้งหลายให้ปฏิเสธไม่ให้ถ่ายทอดรายการของตนได้   ซึ่งหลังจากเถียงกันอยู่นานในที่สุดก็ออกมาเป็นหนังสือเตือนถึงทีวี ๑๒๗ เจ้า  เมื่อ ๒๔ กุมภา ๒๕๖๖ จนได้

     ๔)ล้มยักษ์!

ถาม   เขาเตือนมาเป็นการทั่วไป ตามการตีความกฎหมายของเขา ถูกผิดอย่างไรก็ไปให้

         ศาลปกครองชี้ขาดได้  ทำไมทรูมาฟ้องเป็นคดีอาญาเอาถึงติดคุก ๒ ปีแบบนี้

ตอบ  มันมีการออกหนังสือเตือนฉบับที่สองเตือนซ้ำมาอีกครั้ง เมื่อ ๓ กุมภา ๒๕๖๖  ครั้งนี้

         เติมความมาอีกว่า การถ่ายทอดทีวีผ่านช่องทางอื่นเช่น OTT นั้น OTT ดังกล่าวต้อง

         ได้รับอนุญาตด้วย  จากนั้นก็เลยระบุถึงTRUE ID โดยเจาะจงเลยว่า รายนี้ยังใม่ได้ขอ

         อนุญาต จึงเรียนมาให้ทุกท่านทราบและทำตามกฎหมายโดยเคร่งครัดด้วย

         พอออกหนังสือเตือนเติมมาอย่างนี้แล้ว  อาจารย์พิรงรอง ก็สั่งให้แก้ไขรายงานการ

         ประชุมเพิ่มความลงไปอีกว่าที่ประชุมมีมติให้ระบุ กรณี TRUE IDลงไปในคำเตือนด้วย

ถาม   เห็นศาลระบุว่า รายงานส่วนที่เติมนี้เป็นความเท็จ  คือที่ประชุมไม่ได้มีมติเช่นนั้นเลย

ตอบ  ครับ  คดียังได้ความจากเทปประชุมอีกนะครับว่า  อาจารย์พิรงรอง พูดว่า งานนี้เรา

        ต้องเตียมตัว ”ล้มยักษ์”  พอศาลถามว่า “ยักษ์”ในที่นี้คือใคร   อาจารย์ก็รับกับศาลว่า

        ตนหมายถึง TRUE ID  เรื่องมันก็เลยชัดเจนต่อศาลว่า   กสทช.คนนี้ใช้อำนาจหน้าที่

        ครั้งที่สองนี้ เพื่อมุ่งจัดการกับกล่องสัญญาณของทรูโดยเฉพาะ   

        ทรูเขาเห็นว่า อยู่ดีๆมาหยิบเฉพาะกล่องสัญญาณของเขารายเดียว มาระบุว่ายังไม่ได้

        รับอนุญาตได้อย่างไร  ทั้งๆที่ก็รู้ดีว่า กสทช.ยังไม่มีประกาศรับอนุญาตกล่องสัญญาณ

        OTT เลย  การระบุชื่อเขาขึ้นมาลอยๆในคำเตือนอย่างนี้  ยังผลทำให้ทีวีช่องต่างๆ พา

        กันไม่ไว้วางใจที่จะตกลงกับ TRUE ID อีกต่อไป   ทรูเขาก็เลยอ้างความเสียหายนี้มา

        ฟ้อง ๑๕๗  ในที่สุด

ถาม   เทปรายงานการประชุมที่ว่านี้    ฝ่ายต่อต้านเอ็นจีโอ ใน กสทช.ต้องส่งมาให้ TRUE

        แน่ๆเลย

ตอบ  ผมพอรู้จักคนใน กสทช.อยู่บ้าง ได้เช็คกับเขาแล้วพบว่า   เทปนี้ปรากฏขึ้นในศาลเอง

        ครับ เพราะชั้นแรกทรูฟ้อง ผอ.ที่ลงนามในหนังสือ เท่านั้น  ผอ.คนนี้ก็เลยต้องเอา

        เทปมาแสดงต่อศาลว่า ตนทำตามคำสั่งของประธานที่สั่งไว้อย่างนี้   ทรูเลยหันมา

        ฟ้องอาจารย์พิรงรองในที่สุด

    ๕)“ความผิด” ตามคำพิพากษา

ถาม   สรุปแล้วหนังสือเตือนฉบับนี้  ผิดพลาดจากกฎหมายอย่างไร

ตอบ  ที่ชัดเป็นข้อแรก  คือการตีความกฎหมายทีวีไปตลบหลังจัดการกับ OTT อย่างนี้มันมี

        ประเด็นต้องเถียงกันได้อีกมาก ว่า ทำได้โดยชอบหรือไม่  ซึ่งเรื่องสำคัญอย่างนี้ต้อง

        ผ่านมติ กสทช.ก่อน  อนุกรรมการที่คุมทีวีไม่มีอำนาจชี้ขาดเองเตือนเองได้เลย  ตรง

จุดนี้นับเป็นพฤติการณ์ล้ำหน้าชัดเจน

ถาม   แล้วการแต่งรายงานประชุมเป็นเท็จล่ะครับ

ตอบ  นั่นแสดงถึงความไม่สุจริต  จะเอาให้ได้ดั่งใจตนให้จงได้  ทั้งๆที่ในที่ประชุมไม่ได้มี

         มติอย่างนั้น  และค้านกันไว้ระงมว่าทำไม่ได้ ถูกฟ้องได้   ก็ไม่ยอมเชื่อ   

ถาม   แล้วใครยอมออกหนังสือเตือนเป็นทางการ ในนาม กสทช.

ตอบ  เป็นระดับ ผอ.เท่านั้น  เพราะระดับรองเลขา กสทช.  ไม่ยอมลงนาม รู้ทัน พากันติด

        ราชการต่างประเทศ หรือต่างจังหวัดกันหมด   มี ผอ.ใจถึง ยอมอยู่คนเดียว ท่านก็

        เลยโดนฟ้องไปด้วย

ถาม   ลำพังออกหนังสือเตือนโดยไม่ผ่านมติ กสทช. ไม่ผ่านมติอนุกรรมการ ก็ติดคุกผิด

        ๑๕๗ เลยหรือครับ

ตอบ  มันมีองค์ประกอบข้อสองมาสมทบว่า   นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดเท่านั้น  แต่มันมีเจตนา

        พิเศษยืนอยู่ในใจ ทำไปเพื่อจะให้ TRUE ID เขาเสียหาย   การทำรายงานการประชุม

        เป็นเท็จ ดื้อดึงเติมคดี TRUE ID ลงไปในหนังสือเตือนฉบับที่สอง  ด้วยคำรับว่าจะ

        “ล้มยักษ์”นั้น มันแสดงชัดเจนว่า   งานนี้ไม่ใช่คำเตือนทั่วไปเพื่อแก้ปัญหาทั่วไป 

        หากแต่มุ่งจะจัดการกับทรูเท่านั้นจริงๆ  

        แม้ภายหลังจากที่เกิดเป็นคดีแล้ว จะมีการเตือนเพิ่มเติมไปถึง OTT ของ AIS เพื่อให้

        ดูดีขึ้นเที่ยงธรรมขึ้นก็ตาม   แต่นั่นก็สายเกินการไปเสียแล้ว

ถาม   ตกลง อาจารย์เห็นว่า ศาลอาญาคดีทุจริตไม่ได้ใช้มาตรา ๑๕๗ โดยพร่ำเพื่อ อย่างที่

         เขาวิพากษ์กันใช่ไหมครับ

ตอบ   “ตัวการกระทำ” มันนอกกฎหมายจริงๆ  ส่วน “ตัวคน” ก็มีเจตนาทำไปเพื่อจะให้เขา

         เสียหายชัดเจน  ถ้าเป็นผม ผมก็ไม่เห็นทางจะตัดสินเป็นอย่างอื่นได้   ไม่ทราบจริงๆ

         ว่าใครเป็นที่ปรึกษากฎหมายของอาจารย์   พามาตายกลางถนนอย่างนี้ได้อย่างไร

         คดีนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า   ไม่ว่าคุณจะ ฝังใจคิดทำเพื่อมวลมหาผู้บริโภค จนเป็น

         ความสุจริตฝังแน่นอยู่ในใจอย่างไรก็ตาม  แต่ตำแหน่ง กสทช.ที่คุณเข้ามานั่งนั้น  

         มันมีกรอบกฎหมายรอครอบหัวคุณอยู่เสมอว่า ตัวคุณนั้นไม่มีอำนาจในตัวเอง เรือง

         แสงด้วยตัวเองไม่ได้  อย่าทำอะไรที่เกินกฎหมายและต้องเที่ยงตรงเสมอภาคทุกครั้ง 

ถาม   ความเสมอภาคที่ว่านี้ ถ้าจะเปรียบเทียบก็เข้าทำนองว่า นโยบายกวาดล้างซ่องของ

         ท่านผู้กำกับนั้น ถูกต้องก็จริง  แต่ท่านจะประกาศออกมาเพื่อจ้องจับอยู่ซ่องเดียว

         ไม่ได้ ใช่มั้ยครับ

ตอบ   ถูกต้อง...ถ้ากฎหมายถูกเลือกใช้ได้ตามอำเภอใจ  มันก็ไม่ใช่กฎหมายแล้ว ประเทศ

         ไทยเรานี้ มีปัญหาเรื่องความไม่เสมอภาคภายใต้กฎหมายแบบนี้มากจริงๆ นะครับ

         คุณดูสิ... ขนาดไม่ยอมติดคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุด ก็ยังทำได้เลยเห็นไหม แล้ว

         อย่างนี้บ้านเมืองเราจะไปรอดได้อย่างไร?????                                 

                                       ...............................

        

“แก้วสรร” แพร่บทความ "อำนาจศาลในคดีชั้น 14 : ปัญหากฎหมายที่รอวินิจฉัย"

เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2568  นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ แพร่บทความเรื่อง อำนาจศาลในคดีชั้น ๑๔ : ปัญหากฎหมายที่รอวินิจฉัย
                                                                                             
ถาม    เห็นรัฐมนตรียุติธรรม ย้อนนักข่าวว่าการส่งตัวนักโทษไปรักษานอกเรือนจำนั้น  ในกฎหมายไม่มีคำว่า “ป่วยถึงขั้นวิกฤต” เลยนะครับ
ตอบ    ในกฎหมายราชทัณฑ์บอกว่าถ้าอยู่ในเรือนจำแล้วรักษาให้ทุเลาไม่ได้ ก็ส่งตัวไปได้ทั้งนั้น  แต่ในกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ( วิ.อาญา )  ระบุว่าทำได้เมื่อจะเป็นอันตรายถึงชีวิต นักกฎหมายก็เลยต้องเถียงกันเองว่าต้องป่วยวิกฤตไหม  
กฎหมายสองโครงสร้าง

ถาม    การบังคับโทษนอกเรือนจำ ตาม พรบ.ราชทัณฑ์ ๒๕๖๐ มีหลายมาตรการไหมครับ
ตอบ    มีทั้งเรื่องเจ็บป่วยส่งไปรักษานอกเรือนจำ, พักการลงโทษเพราะนักโทษร่างกายเดี้ยงสิ้นสภาพ หรือ มาตรการคุมขังนอกเรือนจำ เช่นส่งเยาวชนต้องโทษติดยาเสพติดไปฟื้นฟูในค่ายทหารใดที่กำหนดขึ้นมาเป็นสถานฟื้นฟูโดยเฉพาะ 
มาตรการทั้งหมดนี้ยังมีมาตรการควบคุมไม่ให้หลบหนี คุมให้ทำตัวตามที่กำหนด  หนีเมื่อไหร่ผิดอาญาเหมือนแหกคุกเลย  จึงนับเวลาที่อยู่นอกเรือนจำนี้ เป็นเวลาที่ถูกคุมขังตามหมายจำคุกของศาลด้วย

ถาม    แล้วมันกว้างแคบต่างจาก มาตรการตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาตรงไหน
ตอบ    วิ.อาญา  มีแต่เรื่องเจ็บป่วย วิกลจริต คลอดลูก  ทำได้โดยร้องขอคำสั่งศาล  และที่สำคัญคือ เมื่อหายดีกลับมาเรือนจำแล้วจะเอาเวลาที่อยู่นอกเรือนจำมานับเป็นเวลาต้องโทษไม่ได้ เพราะเป็นมาตรการชั่วคราวทุเลาการลงโทษให้จนกว่าจะหายเท่านั้น

ถาม    กรณีนักโทษทักษิณ  ถ้าทุเลาการลงโทษเพราะเจ็บป่วยโดยขอคำสั่งศาล ผลจะต่างกันอย่างไร กับการให้ราชทัณฑ์ส่งไป รพ.ตำรวจ เอง  

ตอบ    ถ้ามาทาง วิ.อาญา  มันต้องผ่านการตรวจสอบโดยศาลจนชัดเจนว่า เป็นโรคร้ายแรงอยู่เรือนจำแล้วรักษาไม่ได้ รักษานานไหม ต้องมีการรายงานศาลเป็นระยะอย่างไร  ที่สำคัญคือ หายเมื่อไหร่ต้องกลับมาติดคุก ๑ ปีต่อไปอีก

ถาม    ถ้ามาทางกฎกระทรวงตามกฎหมายราชทัณฑ์  มันมีการตรวจสอบกันอย่างไร
ตอบ    สำหรับนักโทษนั้นมีประโยชน์แน่ เพราะถ้ามาทางนี้การนับเวลาจำคุกจะไม่สะดุดหยุดลง  ส่วนการตรวจสอบนั้น กฏกระทรวงกำหนดให้มีความเห็นแพทย์จากการตรวจรักษาปรากฏเป็นหลักก่อน พร้อมการตรวจสอบภายในฝ่ายบริหาร ด้วยความเห็นของ ผบ.เรือนจำ และผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นเท่านั้น   
การตรวจสอบกันเองอย่างนี้ ถ้านักโทษเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับชาติแบบ คดีชั้น ๑๔ นี้ มันก็ยากที่จะทำใจให้เชื่อถือได้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว
ปัญหาความไม่ชัดแจ้งที่ต้องสะสาง

ถาม    ถ้าผมเป็นนักโทษที่มีปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบตัน เช่นนี้ตามกฎหมายทั้งสองโครงสร้าง เขาจะส่งผมไปนอน รพ.จุฬา ได้ไหม
ตอบ    ถ้าไปนอนเพื่ออุ่นใจอยู่ใกล้หมอเท่านั้นไม่ได้ครับ  ถ้ามีอาการจนต้องไปลงมือผ่าตัดใส่ขดลวดอย่างนี้ ส่งไปโรงพยาบาลชำนาญการได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะใช้กฎหมายอะไร

ถาม    ผมโดนโทษ ๑ ปี  นอนผ่าตัดและพักฟื้นรวมเวลาอยู่ รพ. ๓ เดือน   เวลา ๓ เดือนนี้ อาจารย์ว่าสมควรไหมที่จะนับเป็นเวลาจำคุก
ตอบ    กฎหมายวิ.อาญาบอกว่าต้องไม่นับ  ใครติดคุกเท่าไหร่ก็ต้องติดจริงๆเท่านั้น รัฐยอมส่งตัวไปรักษาข้างนอกตามสิทธิที่เป็นมนุษย์ก็พอแล้ว   จะเกินเลยขอเหมานับเวลารักษาตัวเป็นเวลาจำคุกด้วยนั้น  มันยังเถียงกันได้นะครับ

ถาม    คนเขาเคราะห์ร้ายเสียเวลาในชีวิตติดคุกแล้ว ก็ยังป่วยอีก ผมว่าเราก็น่าจะมีเมตตานับรวมให้เขานะครับ
ตอบ    ข้อนี้เป็นเรื่องทัศนะแล้วล่ะครับ  ถ้าถือกันว่าโทษจำคุก ๑ ปี คือการป้องกันสังคม เก็บตัวนักโทษไม่ให้ออกไปเพ่นพ่าน ๑ ปี  ก็ควรนับรวมได้  แต่ถ้าคุณเห็นการลงโทษนั้น เราทำไปเพื่อให้หลาบจำ เช่นนี้ก็ไม่ควรนับรวมให้  กฎหมายทั้งสองมีความแตกต่างอยู่ที่ตรงหลักคิดนี้
ปี ๒๕๕๐ รัฐสภาตรากฎหมาย วิ.อาญา มาตรา ๒๔๖ ออกมาว่าไม่ให้นับ  พอปี๒๕๖๐ เขียนกฎหมายราชทัณฑ์ มาตรา ๕๕ ว่า  ให้ถือเวลารักษาตัวเป็นเวลาคุมขังด้วย   กฎหมายทั้งสองเป็น ระดับพระราชบัญญัติเหมือนกัน  แต่ดันขัดกันเสียได้  ข้อนี้ผมว่าอาจต้องถือว่าสภายกเลิกหลักในวิ.อาญาไปแล้วก็ได้

ถาม    แล้ว วิ.อาญา บอกว่าต้องได้คำสั่งศาล   ส่วนกฎกระทรวง ปี ๖๓ ดันไประบุให้เป็นอำนาจอนุญาตของ ผบ.เรือนจำ  ตรงนี้จะว่าอย่างไร
ตอบ    พรบ.ราชทัณฑ์ มาตรา ๖ ระบุว่าการออกกฎกระทรวงจะขัดกับ วิ.อาญาไม่ได้ แต่ปี ๖๓  สมัย รมต.สมศักดิ์ ตรากฎกระทรวงออกมากลับบัญญัติ ข้ามหัวศาลไปเลย  ตรงนี้ฝ่ายบริหารต้องแก้ไขกฎกระทรวงให้ถูกต้องว่า เรื่องเจ็บป่วย รักษาตัว ต้องได้คำสั่งศาล โดยอาจเปิดให้คล่องตัวไว้ก็ได้ว่า  ถ้าส่งไปตรวจรักษานอกเรือนจำจนชัดเจนว่าต้องอยู่ยาว เช่นนี้ก็ให้ไปขอศาล   ส่วนเวลาตรวจดูแลเบื้องต้นนั้น ให้ ผบ.เรือนจำว่าไปเองได้ 
คำตอบจากศาลฎีกาในคดี ชั้น ๑๔

ถาม    ถ้ากฎหมายสองโครงสร้างมันขัดกันอย่างนี้    ศาลฎีกาในคดีที่มีคนไปร้องให้ไต่สวนแล้วออกหมายจำคุก เอาทักษิณกลับเข้าคุกใหม่นั้น   ท่านจะว่าอย่างไรดีครับ
ตอบ    ข้อแรกท่านก็ต้องชี้ขาดก่อนว่า   เมื่อออกหมายจำคุกไปแล้ว ศาลยุติธรรมไทยยังมีอำนาจดูแลบังคับให้ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตามหมายนั้นหรือไม่  ข้อนี้ชัดเจนว่าศาลมีอำนาจนี้   มี วิ.อาญา ยืนยันไว้ชัดเจน  ทั้งในมาตรา ๒๔๖ และในอำนาจออกหมายปล่อยตัวเมื่อคุมขังครบถ้วนตามหมาย 
ทั้งสองตำแหน่งนี้ ล้วนยืนยันอำนาจกำกับดูแลการบังคับโทษนี้ไว้ทั้งสิ้น

ถาม    แล้วจะให้ศาลเริ่มไต่สวนได้อย่างไร  เมื่อไม่มีกฎหมายรองรับปัญหานี้เลย
ตอบ    มาตรา ๒๔๖ รับรองไว้ให้เห็นเป็นหลักไว้แล้วเช่นกันว่า เรื่องบังคับตามหมายจำคุกนี้  เริ่มโดยศาลเห็นสมควรเองก็ได้
 

ถาม    แล้วศาลจะไต่สวนเรื่องอะไรครับ
ตอบ    ก็ไต่สวนว่า
-    นักโทษป่วยจริงไหม ตรวจรักษากันอย่างไรทั้งช่วงส่งตัว รับตัว  
-    ช่วง ๖ เดือนที่อ้างว่านอนยาวนั้น  อยู่โรงพยาบาลจริงไหมทำอะไรกันบ้าง นอนห้องพิเศษฟื้นฟูสุขภาพดู Netfix ไปวันๆ  แล้วมีแถมผ่าเอ็นเปื่อยตรงหัวไหล่บ้างเล็กน้อยหรืออย่างไร 
-    ครั้นครบ ๖ เดือนก็มีการให้พักโทษ อ้างว่าร่างกายนักโทษแย่แล้ว ช่วยตัวเองไม่ได้ ทั้งกิน ขับถ่าย เดิน ลงบันได แต่งตัว เดี้ยงหมดเลย ตรงนี้ ก็ไต่สวนว่าใครประเมิน และตรงกับความจริงไหม
ถาม    ถ้าไต่สวนแล้วพบว่าไม่ป่วยจริง มีแต่ปัญหาร่างกายไม่แข็งแรงสมบูรณ์ตามวัย เช่นกล้ามเนื้อหัวใจไม่ดี เอ็นไหล่เปื่อย ปอดมีผังผืด เท่านั้น  ศาลจะสั่งอย่างไร
ตอบ    ก็ออกหมายจำคุกใหม่ เพราะฟังได้ว่าไม่มีการบังคับตามหมายเลย ช่วยเหลือปล่อยตัวให้ไปนอนเล่น ห้องพิเศษ ที่ชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจ เท่านั้น พอเกิดเรื่องถึงมาแก้ตัวว่า เป็นโน่น เป็นนี่
    ในทางตรงกันข้าม ถ้าพบว่าป่วยจริง รักษาจริง แต่ผิดตรงที่ไม่ได้มาขอคำสั่งศาล  กรณีก็เป็นเรื่องผิดขั้นตอนเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องละเว้นไม่บังคับตามหมาย 
ถาม    แล้วเจ้าหน้าที่ไม่โดนละเมิดอำนาจศาลหรือครับ
ตอบ    ไม่น่าโดนนะครับ  เป็นเรื่องที่เขาทำโดยสุจริตตามที่กฎกระทรวงกำหนดไว้โดยผิดพลาดเท่านั้น 
 

ถาม    แล้ว ๖ เดือนหลัง ที่พักโทษ นั่นล่ะครับ
ตอบ    ถ้าไต่สวนแล้วพบว่า ประเมินเท็จ นักโทษแกล้งใส่เฝือกมารยาทำเป็นเดี้ยง อย่างนี้การพักโทษก็ไม่ถูกต้อง   ศาลก็ต้องออกหมายจำคุกใหม่ แต่ถ้าพบว่าเดี้ยงจริง การพักโทษก็ต้องถือว่าถูกต้องตามกฎหมาย  ศาลไปยุ่งอะไรไม่ได้

ถาม    เรื่องทั้งหมดนี้จะไปถึง ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาหรือไม่
ตอบ    ต้องให้องค์คณะที่รับคำร้อง  ลงความเห็นเสนอประธานศาลฎีกาก่อนว่ามีปัญหาข้อกฎหมายที่สำคัญถึงขนาดต้องขอมติที่ประชุมหรือไม่ แต่ถ้าองค์คณะไม่เห็นมีปัญหาอะไรสลักสำคัญก็วินิจฉัยไปเลยว่า  จะยกคำร้องหรือเห็นควรไต่สวนอะไรต่อไปบ้าง
สรุปแล้ววันนี้..ประเด็นที่รอศาลวินิจฉัยจึงอยู่ที่ปัญหาขอบอำนาจของศาลก่อนครับว่า ศาลมีอำนาจไต่สวนตรวจสอบคดีนี้หรือไม่เท่านั้น    
ถ้าวันนี้ยุติว่าศาลมีอำนาจ การไต่สวนถึงจะเกิดขึ้นต่อไปในภายหน้า

 แก้วสรร อติโพธิ

                             ................................
  

บทบัญญัติที่เกี่ยวข้อง

มาตรา ๒๔๖  ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ( แก้ไขเพิ่มเติม ๒๕๕๕ )
       เมื่อจำเลย สามี ภริยา ญาติของจำเลย พนักงาานอัยการผู้บัญชําการเรือนจำ หรือเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการตามหมายจำคุกร้องขอ หรือเมื่อศาลเห็นสมควร  ศาลมีอำนาจสั่งให้ทุเลาการบังคับให้จำคุกไว้ก่อนจนกว่าเหตุอันควรทุเลาจะหมดไป  ในกรณีต่อไปนี้
(๑) เมื่อจำเลยวิกลจริต
(๒) เมื่อเกรงว่าจำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก
(๓) ถ้ําจำเลยมีครรภ์
(๔) ถ้ําจำเลยคลอดบุตรแล้วยังไม่ถึงสามปี และจำเลยต้องเลี้ยงดูบุตรนั้น
       ในระหว่างทุเลาการบังคับอยู่นั้นศาลจะมีคำสั่งให้บุคคลดังกล่าวอยู่ในความควบคุมในสถานที่อันควรนอกจากเรือนจำหรือสถานที่ที่กำหนดไว้ในหมายจำคุกก็ได้  และให้ศาลกำหนดให้เจ้ําพนักงานผู้มีหน้าที่ จัดการตามหมายนั้นเป็นผู้มีหน้าที่และรับผิดชอบในการดำเนินการตามคำสั่ง
       ลักษณะของสถานที่อันควรตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งต้องกำหนดวิธีการควบคุมและบำบัดรักษาที่เหมาะสมกับสภาพของจำเลย และมาตรการเพื่อป้องกันการหลบหนี หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นด้วย
       เมื่อศาลมีคำสั่งตามวรรคหนึ่งแล้ว หากภายหลังจำเลยไม่ปฏิบัติตามวิธีการหรือมาตรการตามวรรคสาม หรือพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ให้ศาลมีอำนาจเปลี่ยนแปลงคำสั่งหรือให้ดำเนินการตามหมายจำคุกได้
       ให้หักจำนวนวันที่จำเลยอยู่ในความควบคุมตามมาตรานี้   ออกจากระยะเวลาจำคุก
ตามคำพิพากษา

มาตรา ๕๕ พรบ.ราชทัณฑ์ ๒๕๖๐
ในกรณีที่ผู้ต้องขังป่วย  มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต  หรือเป็นโรคติดต่อ   ให้ผู้บัญชาการเรือนจำดำเนินการให้ผู้ต้องขังได้รับการตรวจจากแพทยโดยเร็ว หากผู้ต้องขังนั้นต้องได้รับการบำบัดรักษาเฉพาะด้าน หรือถ้าคงรักษาพยาบาลอยู่ในเรือนจำ จะไม่ทุเลาดีขึ้น ให้ส่งตัวผู้ต้องขังดังกล่าวไปยังสถานบำบัดรักษาสำหรับโรคชนิดนั้นโดยเฉพาะ  โรงพยาบาล  หรือสถานบำบัดรักษาทางสุขภาพจิต  นอกเรือนจำต่อไป  ทั้งนี้หลักเกณฑและวิธีการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ  ระยะเวลาการรักษาตัว  รวมทั้งผู้มีอำนาจอนุญาต  ให้เป็นไปตามกฎกระทรวงโดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ   ในกรณีที่ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำตามวรรคสอง  มิให้ถือว่าผู้ต้องขังนั้นพ้นจากการคุมขัง  และถ้าผู้ต้องขังไปเสียจากสถานที่ที่รับผู้ต้องขังไว้รักษาตัว  ให้ถือว่ามีความผิดฐานหลบหนี ที่คุมขังตามประมวลกฎหมายอาญา 

มาตรา ๖ พรบ.ราชทัณฑ์
          กรมราชทัณฑ์อาจดำเนินการให้มีมาตรการบังคับโทษด้วยวิธีการอื่นนอกจาก การควบคุม  ขัง  หรือจำคุกไว้ในเรือนจำ  แต่มาตรการดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญารวมตลอดถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์  วิธีการ  และเงื่อนไขที่กำหนด ในกฎกระทรวงโดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ  


 

รวย..อย่างชินวัตร Episode 2 : “รวยโดยมิชอบ”

                                                 รวย..อย่างชินวัตร

                                           Episode 2 : “รวยโดยมิชอบ”

                                                                                                             แก้วสรร อติโพธิ

ถาม    เห็นอาทิตย์ที่แล้ว ทักษิณไปปราศัยที่เชียงรายว่า ตนรวยที่สุดในประเทศไทยตั้งแต่ปี ๓๕ แล้ว มี

          ทรัพย์สินถึง ๖ หมื่นล้านเลยทีเดียว มาจนลงก็เมื่อเข้ามาทำการเมืองเพื่อชาตินี่เอง กระทั่งทุกวันนี้

          เขาก็มีฐานะพอๆกับชาวเชียงรายทั่วไปเท่านั้น

          พูดอย่างนี้ก็หมายความว่า  ที่ศาลไปยึดทรัพย์เขาฐานร่ำรวยผิดปรกตินั้น ไม่ถูกต้องใช่ไหมครับ ?

ตอบ    เขาไปบิดเบือนอย่างนั้นไม่ได้ครับ   เงิน ๔.๒ หมื่นล้านที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง

          พิพากษาให้ยึดนั้น ไม่ใช่ยึดเพราะเขารวยขึ้นมาอย่างผิดปรกติอธิบายไม่ได้   แต่เป็นเรื่องได้

          ทรัพย์สินมาอย่างไม่สมควร โดยสืบเนื่องจากตำแหน่งหน้าที่   

          คือในกรณีชินวัตรนั้น โดนยึดจากเงินก้อนที่ขายหุ้นชินคอร์ปยกล้อตให้เทมาเส็คในราคารวม ๗.๓

          หมื่นล้านเท่านั้นครับทรัพย์สินอื่นไม่เกี่ยว   โดยศาลเห็นว่ามูลค่าหุ้นโดยรวมที่เพิ่มขึ้นมา ๔.๒หมื่น

          ล้านหลังจากเป็น นายกรัฐมนตรีนั้น   เพิ่มขึ้นมาก็เพราะฟังได้ว่า มีการออกมาตรการโดยรัฐ ที่เอื้อ

          ประโยชน์โดยไม่สมควรให้ธุรกิจโทรคมนาคมชินคอร์ป     ทั้งโทรศัพท์เอไอเอสและดาวเทียมชิน

          แซท  ถึง ๖ มาตรการด้วยกัน รัฐเสียหายเป็นแสนล้าน       มูลค่าที่เพิ่มขึ้นนี้จึงถือว่าได้มาโดยไม่

          สมควรและสืบเนื่องจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี     ศาลจึงให้ยึด ๔.๒ หมื่นล้านนี้      ส่วนที่เหลือ

          ๓.๑ หมื่นล้านนั้นถือเป็นมูลค่าหุ้นเดิมเมื่อแรกเป็นนายกฯก็พิพากษาให้ปล่อยอายัด คืนเขาไป

ถาม     สรุปแล้ว ศาลไม่ได้แตะทรัพย์สินเดิมของเขาเลย   เอาเฉพาะส่วนกำไรจากการขายหุ้นเท่านั้น ถ้า

          รวยอยู่แล้ว เขาก็รวยต่อไปเหมือนเดิม ใช่มั้ยครับ

ตอบ    เป็นเช่นนั้น  ถ้าถูกยึดทรัพย์จนไม่เหลือความรวยอยู่เลย   แล้วเขาจะเอาเงินหลายหมื่นล้านจากที่

          ไหนไปซื้อสโมสรฟุตบอล แมนซิตี้ล่ะครับ  พอขายแมนซิตี้ให้คนอื่นไปแล้ว เงินไปไหนต่อเราก็ไม่

          ทราบ    วันนี้มีซุกอยู่กับมาดามแพบ้างหรือไม่ ก็ได้แต่สงสัยกันทั้งเมืองเท่านั้น  ความรวยของชิน

          วัตรนี่มันลับๆร่อๆจริงๆนะครับ    

ถาม    ที่ไปยึดกำไร ๔.๒ หมื่นล้าน จากการขายหุ้นชินคอร์ปของชินวัตรนี่   เราอิจฉาเขาหรือ

ตอบ    ความไม่ถูกต้องมันเริ่มจากการเข้าเป็นนายกรัฐมนตรีโดยยังถือหุ้นบริษัทสัมปทานโทรคมนาคมกว่า

          ครึ่งหนึ่งไว้ในมือโดยซุกซ่อนไว้ในชื่อลูกก่อน                ด้วยความทับซ้อนนี้  ทักษิณในตำแหน่ง

          นายกรัฐมนตรีจึงต้องดูแลทั้งประโยชน์ชินคอร์ปและประโยชน์ประเทศชาติ           ถามว่าเขาเลือก

          ประโยชน์ฝั่งไหน ก็พบต่อไปว่าในช่วง ๖ ปี ที่เป็นนายกฯ         ก็เกิดมาตรการเอื้อประโยชน์ให้ชิน

          คอร์ปโดยมิชอบ ๖ มาตรการ มีที่ นายกฯกล้าสั่งการเอง ๒ มาตรการ   อีก ๔ มาตรการก็กระทำโดย

          เจ้าหน้าที่ที่แต่งตั้งในสมัยทักษิณทั้งสิ้น     คนพวกนี้พ้นตำแหน่งแล้ว  ไปนั่งบริหารเอไอเอสอีกก็มี  

          หรือหยิบจากชินแซท มาแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีก็มี 

ถาม    ผลทางกฎหมายคืออะไร

ตอบ    ใครเป็นคนทำก็โดนคดีอาญา พิพากษาให้ติดคุก  ทักษิณก็โดนด้วย   ในส่วนมาตรการยึดทรัพย์นั้น

          เมื่อจงใจฝ่าฝืนข้อห้ามถือประโยชน์ทับซ้อน แล้วเกิดการหาประโยชน์โดยมิชอบขึ้นจริง    ก็ต้องถือ

          ว่าประโยชน์ที่ได้เป็นประโยชน์ที่มิสมควรได้ และสืบเนื่องจากตำแหน่งหน้าที่นายกรัฐมนตรีในที่สุด

ถาม    ประโยชน์มิสมควรได้ที่ตกแก่หุ้นชินคอร์ปนี้       กลายเป็นเงินค่าหุ้นจากเทมาเส็คได้  ก็เพราะพรรค

          ไทยรักไทยของ นายกรัฐมนตรี      ใช้เสียงข้างมากแก้กฎหมายเพิ่มเพดานถือหุ้นโทรคมนาคมของ

          ต่างชาติ  จาก ๒๕% เป็น ๔๙% ด้วยนะครับ

ตอบ    ชัดเจนว่านี่คือตัวอย่างความทุจริตเชิงนโยบาย ที่ชัดเจนมาก     ประโยชน์ที่ได้คือกำไรจากการขาย

          หุ้นจึงต้องยึดเข้ารัฐให้หมด  

ถาม    ๖ มาตรการที่ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบนี้  มีอะไรบ้างครับ

ตอบ    ที่เป็นคดีถึงศาล จนมีคำพิพากษาจำคุกแล้ว ก็ ๔ คดีคือ

          ๑. แก้ไขสัญญาสัมปทาน       ลดส่วนแบ่งที่องค์การโทรศัพท์ควรได้เป็นค่าสัมปทานจาก เอไอเอส 

          สำหรับโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงิน จาก ๒๕% เป็น ๒๐% ของรายได้จากบัตรเติมเงินแต่ละใบ งาน

          นี้ ทศท.เสียหายกว่า ๘ หมื่นล้านบาท

          ๒. ไทยตกลงให้พม่ากู้เงินดอกเบี้ยต่ำ เพื่อซื้อสินค้าไทยไปพัฒนาประเทศ   จากนั้น นายกฯสั่งการ

          ให้เพิ่มรายการซื้อบริการสัญญาณดาวเทียมไทยคม ของชินแซท   เป็นเงิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท ลงไป

          ในสัญญากู้ด้วย  ทั้งนี้มีการเจรจาลับให้บริษัทโทรคมนาคมของพม่าตกลงรับซื้อก่อน   บริษัทนี้มีลูก

           คสช.พม่าคือขิ่นยุนต์ เป็นเจ้าของ  งานนี้หลวงเสียค่าส่วนต่างดอกเบี้ย ชักเนื้อไป ๑๐๐ ล้านบาท

ถาม    โอ้โฮ  ไทยเราก้าวหน้าถึงขั้นส่งออกคอรัปชั่นไปพม่าเลยหรือครับนี่

ตอบ    ๓. ไม่ยอมแปรค่าสัมปทานตามที่กฎหมายกำหนด  กลับไปใช้วิธีออกกฎหมายเก็บภาษีสรรพสามิต

          จากค่าบริการโทรศัพท์    แล้วให้ผู้ขายบริการนำค่าภาษีที่จ่ายไปหักจากค่าสัมปทานได้  เรียกวิธีนี้

          ว่ามาตรการแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต           งานนี้  ทั้ง ทศท. และ กสท.ขาดรายได้

          เสียหายยับเยิน หลายหมื่นล้านบาท   สิ้นสภาพทางธุรกิจจนทุกวันนี้

          ๔. เมื่อชินแซท        ยิงดาวเทียมไทยคม ๓ มูลค่าสูง เพื่อขยายบริการให้ขายได้ทั้งภูมิภาคเอเซีย

          แทนที่จะให้บริการได้แต่เฉพาะในประเทศเหมือน ไทยคม ๑ และ ๒   งานนี้จึงมีการช่วยเหลือธุรกิจ

          ไทยคม ๓ขนานใหญ่  ทั้ง

          -  ยกเว้นภาษีเงินได้ในต่างประเทศของชินแซท ๑.๖ หมื่นล้านบาท 

          -  บังคับ ทศท.เช่าใช้ช่องสัญญาณเกินความจำเป็น จนเสียหาย ๑ พันล้านบาท

          -  เจรจาการค้าเสรี เปิดตลาดสินค้าการเกษตรให้ต่างชาติ แลกกับการเปิดตลาดสัญญาณดาวเทียม

             ไทยทั้งใน เขมร พม่า ลาว นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย  

          -  ที่เป็นคดีมีคนติดคุก ก็เป็นกรณีแก้ไขสัญญาผ่อนผันลดภาระลงทุนของ     ชินคอร์ปในชินแซท

             จาก ๕๑% เป็น ๔๐%

ถาม    เท่าที่กล่าวมา  ทำไมมีแต่เรื่องถือประโยชน์ทับซ้อนเท่านั้นครับ      ทุจริตอย่างอื่นทั้ง รถดับเพลิง

         บ้านเอื้ออาทร จำนำข้าวฯลฯ    ไม่นับเป็นความรวยของชินวัตรหรือ

ตอบ   นั่นเป็นทุจริตเข้าพรรค ไม่ใช่ครอบครัว      เป็นทุจริตเพื่อค่าใช้จ่ายที่ระบอบทักษิณต้องใช้ในทาง

         การเมือง   เอาไว้รออ่านใน  “รวยอย่างชินวัตร  Episode 3 : รวยจนชาติบ้านเมืองชิบหาย ” ก็แล้ว

         กันนะครับ

                                              .........................................   

"แก้วสรร อติโพธิ" เผยแพร่บทความถาม-ตอบเรื่อง ยุบซะเลยดีไหม!!!

"แก้วสรร อติโพธิ" เผยแพร่บทความถาม-ตอบเรื่องยุบซะเลยดีไหม!!!

เมื่อวันที่ 29 ส.ค.67 นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง ยุบซะเลยดีไหม!!!

                                       ยุบซะเลยดีไหม!!!

                                                                                  แก้วสรร อติโพธิ

ถาม   อาจารย์เห็นด้วยหรือไม่ ที่เขาจะยุบพรรคเพื่อไทย?

ตอบ  ถ้าหลักฐานชัดแจ้ง ทั้ง กกต. กับศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องทำตามกฎหมาย จะ

        ลงเอยอย่างไร ก็ไปว่าเขาไม่ได้

ถาม  คราวยุบก้าวไกลตุลาการก็โดนด่าอ่วมเลยนะครับว่า ทำลายประชาธิปไตย ไป

        ยุบได้อย่างไร เขามีเสียงเลือกตั้งถึง ๑๔ ล้านเสียง

ตอบ  กี่ล้านก็ยุบได้...ประชาธิปไตยคือความถูกต้องเป็นใหญ่  ถ้าศาลเขาตัดสินตาม

        กฎหมาย เราไปด่าเขาไม่ได้   ไม่ชอบใจก็ไปแก้กฎหมาย ไม่ใช่ไปด่าศาล ด่า

        กกต.

ถาม  แล้วข้อห้ามคนนอกครอบงำพรรคการเมืองนี่ เลิกซะได้ไหมครับ

ตอบ  กฎหมายเราวันนี้บังคับว่า สส.ต้องสังกัดพรรค      ดังนั้นในพรรคต้องเป็น

        ประชาธิปไตย  ผู้สมัคร สส.ต้องผ่านสาขา  การตัดสินใจสำคัญต้องผ่านที่

        ประชุมคณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการบริหารต้องมาจากการเลือกของ

        สมาชิก กลไกทั้งหมดนี้จะไม่มีความหมายเลย ถ้าปล่อยให้คนนอกพรรคมา

        ครอบงำบงการได้   กฎหมายพรรคการเมืองที่ไหน ก็ต้องมีข้อห้ามนี้ทั้งนั้น

        ปัญหาสำคัญจะอยู่ที่การกำหนดความหมายของการ “ครอบงำ” เท่านั้นว่ามี

        ความหมายเช่นใด

ถาม  กฎหมายไทยบัญญัติว่าอย่างไร ครับ

ตอบ  พรบ.พรรคการเมือง ๒๕๖๐ บัญญัติไว้ว่า

         “มาตรา ๒๘ ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใด อันทำให้บุคคล

อื่นซึ่งมิใช่สมาชิก กระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรค

การเมือง ในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมือง หรือสมาชิกขาดความอิสระ  ทั้งนี้ไม่ว่า

โดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม”

         ตามความข้างต้น มันต้องมีกิจกรรมของพรรคการเมืองก่อน เช่นการกำหนด

         นโยบาย, การคัดคนลงสมัคร สส., การตัดสินใจร่วมจัดตั้งรัฐบาลและกำหนด

         ตัวรัฐมนตรี  ถ้ากิจกรรมเหล่านี้ถูกกำหนดโดยคนนอก ก็ต้องยุบ

ถาม  ถ้าเป็นแค่ความศรัทธา พูดอะไรก็รับฟังชอบฟัง อย่างนี้เรียกว่าครอบงำหรือไม่

ตอบ  มันต้องถึงขั้น ทำให้ขาดความอิสระเลยนะครับ

ถาม  อย่างให้เขาเรียกพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล มาพร้อมหน้า ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า

        แล้วบอกว่าเราอยู่ด้วยกันต่อไปนะ เช่นนี้เป็นการครอบงำไหม

ตอบ  ถ้าออกหน้าชี้แจง เจรจาแทนพรรคได้ขนาดนี้  นี่ไม่ใช่ครอบงำแล้วครับถึงขั้น

        ครอบครองเลยทีเดียว

ถาม  แต่ต่อมาที่ประชุมพรรค ก็เปลี่ยนตัวนายกฯจากชัยเกษมเป็นแพทองธารนะครับ

ตอบ  เรื่องตัวคนเป็นอีกเรื่อง แต่แค่ตัดสินใจใช้สูตรเดิมไม่เปลี่ยนนี่ ก็เป็นการจัดตั้ง

        รัฐบาลใหม่แล้ว  เรื่องตัวคนนั้นหากตรวจสอบกันจริงๆคุณชัยเกษม อาจเป็น

        เพียงเป้าหลอกที่ชูขึ้นมาก่อน แล้วสั่งกันภายในเปลี่ยนเป็นลูกสาวอีกชั้นหนึ่งก็

        ได้  หลอกกันอย่างนี้ ก็เพื่อจะได้เห็นกันว่านางไม่ได้เป็นนายกฯเพราะพ่อสั่งนะ  

        แถมให้เจ้าตัวลุกขึ้นยืนยันว่าพร้อมจะเป็นด้วย  พอแสดงได้อย่างนี้ภาพการสืบ

        มรดก หรือพรรคคอกควายที่เจ้าของคอกเชิดลูกสาวเป็นนายกฯ ก็จะเลือนไป

ถาม  ตามที่มีข่าวลือกันว่า มีคลิปภาพและเสียงในที่ประชุมจันทร์ส่องหล้าอยู๋จริงๆ 

        นั้น แค่นี้พอฟังไหมครับที่จะยุบพรรคเพื่อไทย

ตอบ  เรื่องนี้ กกต.หรือ ศาลรัฐธรรมนูญ ควรสอบปากคำตัวแทนพรรคต่างๆ

        ประกอบด้วยว่า ทำไมเชื่อว่าการพบทักษิณเท่ากับพบพรรคเพื่อไทย ตัวคุณ

        ชัยเกษมเองก็น่าจะถูกถามด้วยว่า รู้เรื่องอะไรไหม สุขภาพจริงๆไปไหวหรือ

        เปล่า หรือถูกเขาใช้ชื่อเพื่อสับขาหลอก

ถาม   มีเรื่องอื่นอีกไหมครับ

ตอบ  เรื่องแต่งตั้งคุณพิชิต เป็นรัฐมนตรีนั้น  ผู้ร้องเขาเสนอไว้แล้ว เรื่องอื่นก็รวมเข้า

        มาในคดีได้อีก  ทั้งการส่งผู้สมัครเพื่อไทยลงสนามเลือกตั้ง นายกฯอบจ.

        ปทุมธานี, ทั้งการแสดงวิชั่น ไทยแลนด์ ที่แถลงนโยบายเพื่อไทยละเอียดเป็น

        ฉากๆ  มีการตัดสินใจปรับแก้เรื่องสำคัญชัดเจนราวกับเป็นหัวหน้าพรรค เช่น

        ปรับให้แจกเงินสดได้ในโครงการเงินดิจิตอล หรือเรื่องเงื่อนไขว่าพลังประชารัฐ

        ต้องเข้ามาร่วมทั้งตัวเป็นต้น เรื่องทั้งหมดไม่ใช่วิชั่นแต่เป็นกิจกรรมพรรคทั้งสิ้น

ถาม   ถ้าพรรคเพื่อไทย เขาให้การว่าคุณทักษิณเป็นคนปากมาก พูดไปทำไปโดย

         พละการทั้งนั้น แล้วจะว่าอย่างไร

ตอบ  มาตรา ๒๘ ให้รวมถึง การยินยอมให้ผู้อื่นชี้นำ ในลักษณะที่ทำให้ขาดอิสระ

        โดยอ้อม ด้วยนะครับ

ถาม   แล้วพรรคที่ไปร่วมประชุมจัดตั้งรัฐบาลกับคุณทักษิณ จะโดนยุบด้วยไหมครับ

ตอบ  ไม่นะครับ  เขาไปรับฟังข้อเสนอ แล้วเห็นด้วยว่าสมประโยชน์พรรคเขาเท่านั้น  

        มันไม่ใช่เรื่องถูกคุณทักษิณครอบงำ

ถาม   สรุปแล้ว อาจารย์เห็นว่ามีเหตุเพียงพอที่ฟังได้ว่ามีการครอบงำจริง

ตอบ  ผมชี้แต่เพียงว่า  มีพฤติการณ์ใดที่นำมากล่าวอ้างสนับสนุนได้บ้างเท่านั้น  ใน

        ส่วนน้ำหนักชี้ขาดนั้น ถ้ามีคลิปคุณทักษิณประชุมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคร่วมจริง 

        ตรงนี้จะซวยหนักหนามากสำหรับพรรคเพื่อไทย  หากได้ปากคำตัวแทนพรรค

        ที่ร่วมประชุม เช่นพลังประชารัฐที่ยืนกัดฟันเจ็บใจอยู่มายืนยันด้วย ก็ยิ่งจะแย่

        หนักเข้าไปอีก

        ทั้งหมดนี้เราต้องรอฟังทั้ง กกต.และศาลรัฐธรรมนูญกันต่อไป   อย่างช้าไม่เกินครึ่งปีก็รู้เรื่อง

ถาม   แล้วอนาคตบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร

ตอบ  ผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ท่านหนึ่ง ชี้บ่งว่า  หลังตุลานี้วิกฤตเศรษฐกิจที่วิกฤต

        จริงๆจะมาถึงด้วยแรงร้ายราวกับสึนามิ หากบวกด้วยรัฐบาลที่ไม่มั่นคงไม่

        น่าเชื่อถือด้วยแล้ว   บ้านเมืองเราก็ต้องเจ็บหนักหนาแน่ๆ 

        นี่ถ้าเขาเก็บตัวอยู่กับบ้านเลี้ยงหลานเงียบๆ ไม่ไปล้างแค้นใคร   เราจะได้

        รัฐบาลได้กัปตันฝ่ามรสุมที่ดีกว่านี้  ไม่น่าเลยจริงๆ.... ชิบหายยยเอ๊ยยย

                                   .........................

ชนะเลือกตั้ง แต่ห้ามทำงาน?

ชนะเลือกตั้ง แต่ห้ามทำงาน?

แก้วสรร อติโพธิ

 

ถาม ทำไมคุณชาญ พวงเพชร นายก อบจ.ปทุมธานี ชนะเลือกตั้งแล้วถึงทำงานไม่ได้ ที่ว่าเขาต้องคดีคอรัปชั่น จนต้องหยุดทำหน้าที่นั้น มันเป็นคดีเก่าในวาระที่เป็นนายก อบจ.เมื่อกว่าสิบปีมาแล้วไม่ใช่หรือ  
ตอบ มันเป็นคดีเก่า ในวาระก่อนๆกว่าสิบปีมาแล้วก็จริง แต่คุณช่วยดูกฎหมาย ปปช.มาตรานี้ก่อนได้ไหม มาตรานี้เขาให้อนุโลมเอามาใช้กับ การต้องคดีเจ้าหน้าที่ของรัฐอื่นๆด้วยนะครับ 

“มาตรา ๘๑ ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประทับฟ้องตามมาตรา ๗๗ ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา เว้นแต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น”

คุณเห็นเป็นข้อแรกไหมว่า นี่เป็นข้อห้ามตามกฎหมาย ไม่ต้องรอให้ศาลสั่งอะไรเลย เมื่อคดีของคุณชาญถูกฟ้องแล้วศาลรับฟ้องแล้วและไม่สั่งเป็นอย่างอื่น  ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที

ถาม   แต่วาระที่เขาต้องคดีนั้น มันหมดไปแล้ว  นี่เป็นวาระดำรงตำแหน่งใหม่ หน้าที่ใหม่ไม่ใช่หรือครับ กฎหมายยังตามมาห้ามอีกหรือ
ตอบ  ผมเห็นด้วยกับกฤษฎีกา ว่านี่เป็นมาตรการเพื่อความปลอดภัยของราชการ  ไม่ให้คนที่ต้องคดีคอร์รัปชั่น ยังคงอยู่ในตำแหน่งอีก เขาอาจไปยุ่งเหยิงกับพยาน หรือถ้าเป็นพยานบุคคล ก็จะยิ่งไม่กล้าพูดอะไรเลย

ถาม  แล้วทำไมคดีที่ คุณทักษิณ แจ้งทรัพย์สินเป็นเท็จใช้คนขับรถถือหุ้นแทน สมัยเข้าดำรงตำแหน่ง รมต.ต่างประเทศ แล้วการไต่สวนล่วงเลย จน ปปช.มาฟ้องศาลรัฐธรรมนูญให้ออกจากตำแหน่งนายกฯรัฐมนตรี   ทำไมคดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญข้างมากจึงเห็นว่าตำแหน่งนายกฯนี้เป็นตำแหน่งใหม่ที่ยังไม่มีปัญหาการแจ้งทรัพย์สิน เลยยกคำร้อง ปปช.ไปล่ะครับ
ตอบ  นั่นศาลข้างมากเขามองว่า การแจ้งทรัพย์สินแต่ละครั้ง มีขึ้นเพื่อไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งแต่ละครั้งเท่านั้น อันที่จริงคดีนั้น ถ้า ปปช.ฟ้องเป็นคดีอาญา ให้ลงโทษฐานแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ นายกฯทักษิณก็ไม่มีทางรอดแน่ คดีคุณชาญนี่ก็เหมือนกัน มันเป็นคดีอาญาติดตัวไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งวาระใดก็ตาม  และคดีนี้มีข้อห้ามทำหน้าที่ติดตรึงเป็นส่วนควบอยู่ด้วย ดังนั้นจะไปทำงานในวาระเดิมหรือวาระใหม่ก็ต้องห้ามทำหน้าที่ไปตลอด

ถาม   ถ้ากฎหมายเป็นอย่างนี้ ใครคือผู้รับผิดชอบ จัดการไม่ให้คุณชาญ เข้าทำหน้าที่
ตอบ   อำนาจและความรับผิดชอบตรงที่สุด คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ที่ต้องกำกับดูแลราชการ อบจ.ปทุมธานี ให้เป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย   ถ้านิ่งเฉยปล่อยให้ นายกฯชาญ ในวาระใหม่ สั่งราชการไปโดยไม่มีอำนาจ  ผู้ว่าฯปทุมก็ต้องรับผิดชอบ สำหรับราชการส่วนกลางนั้น ก็มี รัฐมนตรีมหาดไทยถืออำนาจบังคับบัญชา ผู้ว่าฯอยู่ด้วย  รัฐมนตรีจึงมีอำนาจหน้าที่สั่งให้ผู้ว่าฯปทุมธานีสั่งห้าม นายกฯชาญ ได้อีกชั้นหนึ่ง

ถาม   กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นสั่งอะไรบ้างได้ไหม
ตอบ   ไม่ได้ ได้แต่ส่งความเห็นให้รัฐมนตรีมหาดไทย หรือผู้ว่าฯปทุม เท่านั้นว่าอยู่เฉยไม่ได้

ถาม   ทำไมคดีคอรัปชั่น มันถึงได้นานผ่านไปเป็นสิบปี ก็ยังไม่ยุติอย่างนี้
ตอบ   ต้องไปดูช่วงเวลาว่า มันช้าที่ตรงไหน   แต่ตัวคุณชาญเอง รู้ทั้งรู้ว่าคาคดีมีข้อห้ามทำงานติดตัวอยู่อย่างนี้ ก็ไม่ควรลงสมัครตั้งแต่แรกแล้ว  เห็นว่ามีคดีซื้อของแพงถึงสองคดี ทั้งซื้อถุงยังชีพ และซื้อเครื่องออกกำลังกาย   โดยค่าเสียหายของ อบจ.เป็นเงินถึง สามสี่สิบล้านเลยทีเดียวไม่ใช่หรือ

ถาม   คดีคาราคาซังเป็นสองคดีอยู่อย่างนี้แล้ว อบจ.จะทำอย่างไร ราชการก็เสียหาย ไม่มีนายกฯมาจัดการดูแลให้จริงจังก้าวหน้า
ตอบ  เห็นอยู่ทางเดียวครับว่า เขาควรลาออก และขอโทษประชาชนด้วย

ถาม   ต้องขอโทษพรรคเพื่อไทยด้วยไหม เห็นคนในพรรค ลงแรงเดินหาเสียงให้ด้วยนะครับ
ตอบ  นั่นเรื่องภายในของเขา เราน่าไปมองตรงพรรคเพื่อไทยดีกว่าว่า เขาจะรู้จักขอโทษประชาชนด้วยหรือไม่ หรือถ้าให้หัวหน้าพรรคอุ๊งอิ๊ง ออกมาตำหนิด่าว่าสั่งสอนแล้วสั่งให้คุณทักษิณออกมาขอโทษประชาชนเป็นส่วนตัวก็ดีเหมือนกัน นี่เป็นโอกาสดีที่จะพิสูจน์ให้เห็นกันไปเลยว่า พรรคเพื่อไทยไม่ใช่สมบัติชินวัตร รู้จักพลิกวิกฤตเป็นโอกาสบ้างอย่างนี้ เลือกตั้งคราวหน้ารับรองว่าชนะก้าวไกลแน่นอน

#แก้วสรรอติโพธิ #ชาญพวงเพ็ชร์ #เลือกตั้ง #อบจปทุมธานี #ชินวัตร