"TCMA" โชว์ความก้าวหน้า 1 ปี “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” ร่วมสร้างต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ

TCMA สรุปผลงานความก้าวหน้าครบรอบ 1 ปี ร่วมขับเคลื่อน “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเดินหน้าต่อเนื่อง ร่วมจังหวัดสระบุรีเชื่อมโยงเน็ตเวิร์คหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ขยายความร่วมมือสู่หน่วยงานระดับโลก นำองค์ความรู้ เทคโนโลยี ทุนสีเขียว (Green Fund) สนับสนุนเป้าหมายสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย

เมื่อวันที่ 13 ก.พ.68 ดร.ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย เปิดเผยว่า สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย หรือ TCMA เป็นความร่วมมือของผู้ผลิตปูนซีเมนต์ชั้นนำของประเทศไทย และเป็นอุตสาหกรรมภาคการผลิตหลักของจังหวัดสระบุรี TCMA เข้าร่วมเป็นภาคีหลักขับเคลื่อนดำเนินงาน “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” นับตั้งแต่ประกาศเจตนารมณ์ร่วมกัน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม  2566 นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี บูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม (Public-Private-People Partnership: PPP) นำจังหวัดสระบุรีสู่ต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย

โดย TCMA ได้มุ่งมั่นดำเนินงานตลอด 1 ปีที่ผ่านมาสนับสนุนให้ “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในหลายด้าน 1.การพัฒนาและใช้วัสดุทดแทนปูนเม็ดเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ (Industrial Process and Product Use: IPPU) และการใช้นาโนเทคโนโลยีเพื่อให้ปูนซีเมนต์มีคุณสมบัติที่ดี พร้อมทั้งประสานความร่วมมือหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกแทนปูนซีเมนต์ชนิดเดิม ทำให้ในช่วงปี 2566 ถึงต้นปี 2567 สามารถลดคาร์บอนได้กว่า 1 ล้านตัน-คาร์บอนไดออกไซด์

2.การยกระดับพัฒนาเหมืองแร่สีเขียว โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย (Smart and Green Mining)เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า พร้อมดูแลสิ่งแวดล้อม และบริหารพัฒนาขุมเหมืองเพื่อชุมชนใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน (Land Rehabilitation Featured in Sustainability)

3.การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ด้วยการใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass) และเชื้อเพลิงขยะ (Refuse Derived Fuel: RDF) เพื่อแทนการใช้ถ่านหิน สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ประมาณ 9-12 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี และช่วยลดการเกิดฝุ่น PM 2.5 จากการเผาของภาคเกษตร และสนับสนุนจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ 

4.การวิจัยใช้ประโยชน์จากคาร์บอน (Carbon Utilization) เช่น เมทานอล เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มจากคาร์บอน

5.การสนับสนุนส่งเสริมเกษตรกรรมคาร์บอนต่ำ และสนับสนุนการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในจังหวัดสระบุรี

“ก้าวต่อไป TCMA ยังคงมุ่งมั่นทุ่มเทนำอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์สนับสนุนขับเคลื่อนพัฒนาจังหวัดสระบุรีสู่ต้นแบบเมืองคาร์บอนตํ่าให้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งยังต้องการความร่วมมือลงมือทำอย่างต่อเนื่องอีกมากจากทุกภาคส่วน TCMA พร้อมเดินหน้าบูรณาการความร่วมมือดำเนินงานทั้งในและต่างประเทศ และเชื่อมโยงนำความร่วมมือจากองค์กรระหว่างประเทศ อาทิ Global Cement and Concrete Association (GCCA), United Nations Industrial Development Organization (UNIDO), GIZ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน หรือหน่วยงานระหว่างประเทศอื่นๆ ที่พร้อมเข้ามาร่วมสนับสนุนการดำเนินงาน ทั้งด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition) และ Carbon Capture, Utilization and Storage (CCUS) ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ของประเทศ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และการสนับสนุนจากระดับนานาชาติที่มากพอให้เกิดการสร้างความเปลี่ยนแปลง” ดร.ชนะกล่าวทิ้งท้าย

งาน “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย” จัดขึ้นในวันที่ 22 มกราคม 2568 ณ อาคารรณนภากาศ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เพื่อสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน การร่วมกันถอดบทเรียน 1 ปีที่ผ่านมา และการระดมความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อนำมาวางแผนเดินหน้าระยะต่อไปให้บรรลุเป้าหมายสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ มีผู้เข้าร่วมงานจากภาคส่วนต่างๆ กว่า 700 คน

ซีพีเอฟ ซีพี-เมจิ ร่วมหนุนสระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ "รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย”

วันที่ 22 ม.ค.68 นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานเปิดงาน สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ "รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย" และเยี่ยมชมบูธ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ที่นำเสนอแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานสู่การลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero ) อาทิ การจัดหาวัตถุดิบอย่างรับผิดชอบ ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานชีวมวล พลังงานชีวภาพ พลังงานแสงอาทิตย์ นำเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม มาพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีต่อสุขภาพกายและใจ โดยให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่า ภายใต้เป้าหมายสู่ Net- Zero ซีพีเอฟ ยังเป็นบริษัทผลิตอาหารแห่งแรกของโลกที่ได้รับการอนุมัติเป้าหมายระยะสั้น และระยะยาว ตามหลักวิทยาศาสตร์ จากองค์กร Science Based Targets Initiative (SBTi)

สำหรับความร่วมมือในโครงการสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ ซีพี-เมจิ บริษัทร่วมทุนของซีพีเอฟ ดำเนินโครงการแยกขวด-ลดขยะ สร้างมูลค่าจากวัสดุเหลือใช้ โดยสนับสนุนให้นักเรียน ครู และชุมชน เรียนรู้และเข้าใจกระบวนการจัดการขยะ ตั้งแต่การคัดแยก และส่งเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี ลดการปนเปื้อนและการกำจัดโดยการเผา สามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายขยะ ปัจจุบันมีสมาชิกร่วมโครงการกว่า 5,000 ครัวเรือน มีเป้าหมายคัดแยกผลิตภัณฑ์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลไม่ต่ำกว่า 1 ล้านชิ้น และตั้งเป้าขยายโครงการธนาคารขยะ 10 แห่ง ภายในปี 2568 เป็นการสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศเมืองนวัตกรรม Net Zero Emission และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสีเขียวด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยเชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตร และชุมชน ผลักดันสระบุรีเป็นเมืองต้นแบบแห่งแรกในไทยที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

​​​​​​​

รัฐจับมือเอกชนขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ

สระบุรีเปิดร่วมมือระหว่างเครือข่ายพลังงาน ภาครัฐและเอกชนเพื่อเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาด ลดโลกร้อน ขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ

จ.สระบุรีประกาศเจตนารมณ์กรอบความร่วมมือระหว่างเครือข่ายพลังงาน ภาครัฐและเอกชนเพื่อเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาด ลดโลกร้อน ขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรีเมืองคาร์บอน ต่ำ "PPP-Saraburi Sandbox : A Low Carbon City" 
       

 ที่หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดสระบุรี นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเป็นประธานกล่าวถ้อยแถลงประกาศ เจตนารมณ์กรอบความร่วมมือระหว่างเครือข่ายพลังงาน ภาครัฐและเอกชน เพื่อเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาด ลดโลกร้อน ขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ " PPP-Saraburi Sandbox : A Low Carbon City" 

โดยมีนายธีรชัย พงศ์ติณบุตร พลังงานจังหวัดสระบุรี   นำ 15 หน่วยงาน ประกาศเจตนารมณ์กรอบความร่วมมือ และลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ด้านการเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาดขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ "PPP-Saraburi Sandbox : A Low Carbon City"เพื่อผนึกกำลังร่วมกันพัฒนาแหล่งเก็บกักก๊าซเรือนกระจกของจังหวัดสระบุรี ลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจกของจังหวัดสระบุรี 
       

สืบเนื่องจากนโยบายภาครัฐให้ความสำคัญกับการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ให้บรรลุตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี พ.ศ. 2561-2580 แผ่นพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และฉบับที่ 13โดยกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ.2050และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 

โดยจังหวัดสระบุรีได้บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในรูปแบบความร่วมมือภาครัฐ-ภาคเอกชน (PublicPrivate Partnership:PPP)ร่วมกันดำเนิน"โครงการจังหวัดต้นแบบ-สระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำหรือ PPP-Saraburi Sandbox: A Low Carbon City" ผ่านโครงการต้นแบบตามกรอบความร่วมมือ ครอบคลุมด้านการเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาดด้านกระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ ด้านการจัดการของเสีย ด้านเกษตร และด้านป่าไม้ และการใช้ประโยชน์ ที่ดิน อันจะส่งผลให้จังหวัดสระบุรีเป็นเมืองคาร์บอนต่ำ 

           

ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการขับเคลื่อนเมืองสระบุรีคาร์บอนต่ำ (SaraburiSandbox) เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ตามมติที่ประชุมคณะทำงาน ขับเคลื่อนด้านการเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาด ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 จำนวน 15  หน่วยงาน จึงจัดให้มีการประกาศเจตนารมณ์กรอบความร่วมมือ และลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ด้านการเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาดขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ "PPP-Saraburi Sandbox : A Low Carbon City"เพื่อผนึกกำลังร่วมกันพัฒนาแหล่งเก็บกักก๊าซเรือนกระจกของจังหวัดสระบุรี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของจังหวัดสระบุรี   

โดยมีหน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานจังหวัดสระบุรี สำนักงานพลังงานจังหวัดสระบุรี  สำนักงานธนารักษ์พื้นที่สระบุรี สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสระบุรี  สำนักงานขนส่งจังหวัดสระบุรี    สำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 3 (สระบุรี) โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา คลองเพรียว-เสาไห้  องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรีสำนักงานเทศบาลตำบลตะกุด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี  การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดสระบุรี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ  สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี  หอการค้าจังหวัดสระบุรี  หน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) 
     

นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี  กล่าวว่า จังหวัดสระบุรี และภาคีที่ร่วมดำเนินการ 14 หน่วยงาน ขอประกาศเจตนารมย์กรอบความร่วมมือระหว่างเครือข่ายพลังงาน ภาครัฐและเอกชนเพื่อเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาด ลดโลกร้อน ขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ " ppp-Saraburi Sandbox : A Low Carbon City" โดยมี กรอบความร่วมมือ 1.ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในภาคอุตสาหกรรม โรงงานและอาคารควบคุมที่มีหน้าที่ต้องดำเนินการอนุรักษ์พลังงาน ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535  2. ลดและเปลี่ยนถ่ายสู่พลังงานสะอาดในกิจกรรมของภาครัฐ ภาคเอกชนภาคครัวเรือนและภาคเกษตรกรรม3.ส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเปลี่ยนถ่ายสู่ยุคยานยนต์พลังงานสะอาด 4.ส่งเสริมการพัฒนา Grid Modernization Microgrid และการเชื่อมต่อโครงข่ายระบบไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (TPA/ ในพื้นที่เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายพลังงานสะอาดและสร้างเสถียรภาพในระบบ 5.ส่งเสริมโครงการต้นแบบอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในภาคธุรกิจขนส่งด้วยยานยนต์พลังงานสะอาด และนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้โครงการสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ ขนาดใหญ่และผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด

ส่วนแนวทางการขับเคลื่อน 1.เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy) ส่งเสริมการนำของเสียและพลังงานทดแทนในพื้นที่ มาใช้ประโยชน์ เช่น ก๊าชชีวภาพ (Biogas) ของเหลือใช้ทางการเกษตร ถ่านชีวมวล ไบโอชาร์ และพลังงานไฮโดรเจน 2.เศรษฐกิจสีเขียว (Green economy) ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมค้นคว้า นวัตกรรมเพื่อสร้างความยั่งยืนแบบองค์รวม3.เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Intelligent Economy) นำความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนทศมาอำนวยความสะดวกช่วยวางแผนพลังงาน 4.เศรษฐกิจร่วมใช้ประโยชน์ (Sharing Economy) ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ที่อิงกับการบริการ และความต้องการที่หลากหลายในพื้น โดยเฉพาะการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าประกาศเจตนารมณ์กรอบความร่วมมือระหว่างเครือข่ายพลังงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเปลี่ยนสู่พลังงาน สะอาด ลดโลกร้อน ขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ 
       

ทั้งนี้ โดยมีภาครัฐ และเอกชน เป็นผู้สนับสนุนแหล่งเงินทุน และสิทธิประโยชน์ผลักดันและส่งเสริมการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต และรับรองการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของจังหวัดสระบุรี ผ่านกลไกของภาครัฐ การสนับสนุนงบประมาณ ส่งผลให้จังหวัดสระบุรี สามารถขับเคลื่อนสู่การเป็นเมืองคาร์บอนต่ำ สามารถเป็นต้นแบบการบูรณาการความร่วมมือลดก๊าซเรือนกระจก และขยายผลไปยังจังหวัดอื่น รวมทั้งสามารถตอบสนองแผนงานลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศได้ตามเป้าหมายต่อไป

สมุทรสาคร "มุ่งส่งเสริมสถานประกอบการสู่อุตสาหกรรม เมืองคาร์บอนต่ำ"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงแรมแกรนด์ อินเตอร์ อ.เมืองสมุทรสาคร สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ได้จัดงานเวทีสัมมนาเพื่อการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ฉลากคาร์บอน ภายใต้ชื่อ "โครงการพัฒนาสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ โดยมีกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสถานประกอบการและโรงงาน มุ่งเข้าสู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ ประจำปีงบประมาณ 2566 โดยมีนายณรงค์ รักร้อย ผวจ.สมุทรสาคร มาเป็นประธานเปิดงาน 

นายพิทักษ์ บุญคงแก้ว ได้กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการจัดสัมมนาในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการผลักดันเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในจังหวัด เพื่อการปรับตัวขึ้นสู่มาตรการเมืองรักษาสิ่งแวดล้อมปลอดภัยมีคาร์บอน ที่ให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่มิให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการสร้างความน่าเชื่อถือให้ของผลิตภัณฑ์ให้กับจังหวัดสมุทรสาคร ที่ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (หรือ ฉลากลดโลกร้อน) กล่าวคือ ฉลากที่แสดงว่าผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ และสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งจะเป็นการประเมินผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ของวัฎจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์สินค้าต่างๆ อาทิเช่น ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ, การขนส่ง, กระบวนการผลิต, การใช้งาน และการกำจัดซากผลิตภัณฑ์หลังใช้งาน ซึ่งเมื่อผ่านตามเกณฑ์ที่ กม.กำหนดสามารถติดเครื่องหมายลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในของผลิตภัณฑ์ที่ผลผลิต หรือเผยแพร่บนสื่อต่างๆ 


โดยนายพิทักษ์ บุญคงแก้ว รายงานว่า ปัจจุบันสมุทรสาครก็มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ อยู่จำนวน 87 ผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็นดังนี้ "ผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร /และเครื่องดื่ม จำนวน 48 ผลิตภัณฑ์, ผลิตภัณฑ์ประเภทเหล็ก 20 ผลิตภัณฑ์, ผลิตภัณฑ์ประเภทกระดาษ /สิ่งพิมพ์ 17 ผลิตภัณฑ์, ผลิตภัณฑ์ประเภทสิ่งทอ 1 ผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องประดับ 1 ผลิตภัณฑ์

นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าฯสมุทรสาคร กล่าวว่า การส่งเสริมสถานประกอบการมุ่งสู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยุทธศาสตร์ที่ 5 ในด้านการสร้างความเจริญเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ฉบับที่ 13) ที่กำหนดหมุดหมายให้ไทยมีเศรษฐกิจหมุนเวียน ควบคู่กับสังคมคาร์บอนต่ำ ตามแผนพัฒนาจังหวัดสมุทรสาคร 5 ปี (ระหว่าง พ.ศ. 2566 - 2570) โดยมีเป้าหมายการพัฒนาจังหวัดสมุทรสาคร สู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เมืองเกษตร และอาหารปลอดภัยที่มีมาตรฐานสากล เพื่อทำสังคมน่าอยู่สู่เมืองสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน ท่ามกลางการสร้างความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ และการพัฒนาสภาพแวดล้อมให้เป็นเมืองน่าอยู่ต่อไป