ธอส.ฉลองครบ 72 ปี รับผลตอบแทนสุดคุ้มกับเงินฝากออมทรัพย์ และสลากออมทรัพย์ รับหมอน TORRY รุ่น Limited Edition 

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดแคมเปญฉลองครบ 6 รอบ 72 ปี เอาใจคนรักการออมกับเงินฝากออมทรัพย์ และสลากออมทรัพย์ ธอส. ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า นำโดยเงินฝากออมทรัพย์ครบรอบ 72 ปี ธอส. ฝากเงินขั้นต่ำ 10,000 บาท เปิดบัญชีและรับฝากเพิ่มได้ตั้งแต่วันที่ 15 – 25 กันยายน 2568 เลือกรับดอกเบี้ยเงินฝาก 2 แบบ แบบคงที่ หรือแบบขั้นบันได อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 2.72% ต่อปี พิเศษ! สำหรับผู้ที่เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์แบบใดแบบหนึ่งตั้งแต่วันที่ 15 – 25 กันยายน 2568 จำนวน 1,000 รายแรก ฝากตั้งแต่ 720,000 บาท แต่ไม่ถึง 3 ล้านบาทต่อรายการ จะได้รับ Gift Voucher จาก Black Canyon มูลค่า 250 บาท 1 ใบ และลูกค้า 500 รายแรกที่เปิดบัญชีเงินฝากตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไปต่อรายการ จะได้รับหมอน TORRY มูลค่า 890 บาท 1 ใบ หรือจนกว่าของจะหมด และ (2) สลากออมทรัพย์ ธอส. สำหรับลูกค้าที่ซื้อสลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดนาคราช 2 หรือ สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดพิมานมาศ ปี 2568 ตั้งแต่วันที่ 15 – 25 กันยายน 2568  วงเงินตั้งแต่ 720,000 บาท แต่ไม่ถึง 3 ล้านบาทต่อรายการ 300 รายแรก จะได้รับ Gift Card จาก Tops มูลค่า 300 บาท 1 ใบ และลูกค้าที่ซื้อสลากออมทรัพย์ ธอส.ตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไปต่อรายการ 300 รายแรก จะได้รับ Gift Card จาก Tops มูลค่า 500 บาท 1 ใบ พิเศษ! ลูกค้า 720 รายแรกที่เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ 72 ปี ธอส. หรือมียอดซื้อสลากออมทรัพย์ ธอส. ตั้งแต่ 72,000 บาทขึ้นไป มีสิทธิ์รับเพิ่ม E – Voucher จาก Black Canyon มูลค่า 50 บาท (ท่านละ 1 สิทธิ์) โดยกดรับสิทธิ์บน LINE OA : GHB Buddy ผ่าน Menu GHB Reward & Privilege ในวันที่ 27 กันยายน 2568

นอกจากนี้ยังจะได้รับคะแนนสะสม 100 พอยท์ 1 ราย ต่อ 1 สิทธิ์ เพื่อแลกรับสิทธิ์จากร้านค้าที่ร่วมรายการ ซึ่งจะได้รับพอยท์ภายในวันที่ 30 กันยายน 2568 (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Mobile Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th

ธ.ก.ส. เปิดตัว “เงินฝากแก้วมรกต” ฝากเริ่มต้น 2,000 บาท รับความคุ้มครองอุบัติเหตุ 25 เท่า สูงสุดไม่เกิน 10 ล.

 ธ.ก.ส. เปิดตัว “เงินฝากแก้วมรกต” ออมง่ายแถมได้ความคุ้มครอง ฝากเริ่มต้นเพียง 2,000 บาท ไม่จำกัดวงเงินฝากสูงสุด รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยเงินฝาก ร้อยละ 0.10 ต่อปี แถมเพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ฝากด้วยสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองอุบัติเหตุ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้านเบี้ยประกัน สูงสุดถึง 25 เท่า ของยอดเงินฝากคงเหลือตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท เปิดรับฝากตั้งแต่ 27 มิ.ย. นี้ เป็นต้นไป ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ

วันที่ 26 มืถุนายน 2568 นายไพศาล หงษ์ทอง รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเสริมสร้างพฤติกรรมการออมเงินระยะยาวอย่างต่อเนื่องและร่วมสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินให้กับคนไทยอย่างยั่งยืน ธ.ก.ส. เปิดตัวผลิตภัณฑ์เงินฝากแก้วมรกต ออมง่ายแถมได้รับความคุ้มครอง เปิดบัญชีและฝากเงินเริ่มต้นเพียง 2,000 บาทขึ้นไป โดยไม่จำกัดวงเงินฝากสูงสุด (1 คนต่อบัญชี) รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราร้อยละ 0.10 ต่อปี โดยจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือนมีนาคมและกันยายน พร้อมรับสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุ (อบ.2) กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา การรับฟังเสียง การพูดออกเสียง หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง สูงถึง 25 เท่าของยอดเงินฝากคงเหลือไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน วงเงินคุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยรับความคุ้มครองหลังจากเปิดบัญชี 1 วัน สิ้นสุดความคุ้มครอง 26 มิ.ย. 2571 ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านเบี้ยประกัน

ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิ์เปิดบัญชีต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่มีสุขภาพแข็งแรงและมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย อายุตั้งแต่ 7 – 69 ปีบริบูรณ์ กรณีมียอดเงินคงเหลือต่ำกว่ากำหนดจะไม่ได้รับความคุ้มครอง และความคุ้มครองจะสิ้นสุดเมื่อบัญชีถูกปิด เจ้าของบัญชีเสียชีวิต หรือเมื่ออายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ หรือเมื่อธนาคารปิดการรับฝาก

เปิดรับฝากตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือจนกว่าธนาคารจะแจ้งการปิดรับฝาก หรือสอบถามรายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555 หรือ Facebook ธกส BAAC Thailand  หรือ Line OA: @baacfamily

ธอส.ปลื้ม “เงินฝากออมทรัพย์ ESG” เต็มกรอบวงเงินแล้ว ต่อยอดปล่อยสินเชื่อ Green Loan ให้คนไทย 

ธอส.ปลื้ม “เงินฝากออมทรัพย์ ESG” เต็มกรอบวงเงินแล้ว ต่อยอดปล่อยสินเชื่อ Green Loan ให้คนไทย 

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ขอขอบคุณลูกค้าที่ให้ความสนใจ “เงินฝากออมทรัพย์ ESG” อัตราดอกเบี้ย
เงินฝากสูงถึง 1.55% ต่อปี เป็นเงินฝากภายใต้โครงการ ESG Funding ปัจจุบันเต็มกรอบวงเงินแล้ว ธอส. จึงขอปิดรับเปิดบัญชีดังกล่าว ทั้งนี้ลูกค้าทั่วไปและหน่วยงานหรือพนักงานของหน่วยงานที่มีการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ที่เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ESG เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกับ ธอส. โดยธนาคารจะนำเงินฝากที่ได้รับไปต่อยอดปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Loan) เพื่อสนับสนุนให้คนไทยซื้อ ปลูกสร้าง และปรับปรุงที่อยู่อาศัยที่ช่วยประหยัดพลังงาน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ก้าวขึ้นสู่การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Bank) มุ่งเน้นพัฒนาองค์กรให้มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ผ่านการออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อและเงินฝากที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดย ธอส. ยังมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกจำนวนมาก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application :GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th

"ออมสิน" ลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.15% ต่อปี-เงินฝากปรับลงเล็กน้อย 0.05-0.10% มีผล 14 พ.ค.68 

ออมสิน ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.15% ต่อปี  ส่วนเงินฝากปรับลงเล็กน้อย 0.05 – 0.10% มีผล 14 พ.ค.68 

วันที่ 9 พฤษภาคม 2568 นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงิน ธนาคารออมสินจึงประกาศลดอัตราดอกเบี้ยทุกประเภททั้งเงินกู้และเงินฝาก โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MOR ลดลง 0.15% ต่อปี MLR ลดลง 0.075% ต่อปี และ MRR ลดลง 0.05% ต่อปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้าใช้วงเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ลดเหลือ 6.345% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้าสินเชื่อรายใหญ่ (MLR) ลดเหลือ 6.575% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้ารายย่อย (MRR) ลดเหลือ 6.545% ต่อปี ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้ง 3 ประเภทของธนาคาร(MOR / MLR / MRR) ยังคงต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 6 แห่ง ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีการปรับลดลงระหว่าง 0.05 – 0.10% ต่อปี ซึ่งครั้งนี้เป็นการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราที่มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป

#ออมสิน #ลดดอกเบี้ย #ข่าววันนี้ #เงินฝาก #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

สคฝ.ไขข้อสงสัยที่มาของวงเงินคุ้มครองเงินฝาก 1 ล้านบาท เพิ่มความเชื่อมั่นระบบคุ้มครองเงินฝากให้ประชาชน มั่นใจทุกครั้งที่ฝากเงิน

เชื่อว่าหนึ่งในเป้าหมายของใครหลายคน จะต้องมีเรื่องการวางแผนทางการเงินเพื่อรองรับการเกษียณรวมอยู่ด้วย การออมเพื่อเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉินและสร้างความมั่นคงในระยะยาวยังคงเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในปัจจุบันที่เศรษฐกิจมีความผันผวนสูง การเริ่มต้นที่ง่ายและปลอดภัยที่สุดก็คือ การฝากเงินไว้กับสถาบันการเงิน เพราะประเทศไทยมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่คุ้มครองเงินฝากให้แก่ประชาชนผู้ฝากเงิน โดยมีวงเงินคุ้มครองเงินฝากอยู่ที่ 1 ล้านบาท วันนี้ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) หรือ DPA จะเจาะลึกถึงที่มาของการกำหนดวงเงินคุ้มครองเงินฝากของประเทศไทย ทำไมต้อง 1 ล้านบาท 

เปิดที่มา ‘ทำไมต้องกำหนดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก?’
โดยปกติการคุ้มครองเงินฝากแบบเต็มจำนวนนั้นจะถูกนำมาใช้เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในการฝากเงิน เมื่อพบว่ามีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อระบบการเงินของประเทศ ซึ่งจะเป็นภาระทางการคลังของภาครัฐเป็นอย่างมาก เพราะต้องใช้เงินภาษีหรือกู้เงินเพื่อนำมาใช้ในการคืนเงิน นอกจากนี้ หากไม่กำหนดวงเงินที่จะคุ้มครอง อาจทำให้ผู้ฝากเกิดพฤติกรรมที่นำไปสู่ความเสี่ยง เนื่องจากความเชื่อที่ว่าหากสถาบันการเงินเกิดปัญหา ผู้ฝากจะยังคงได้รับเงินฝากคืนครบทุกบาท  ทำให้ขาดความระมัดระวังในการเลือกสถาบันการเงินที่จะฝากเงิน และมุ่งเน้นที่ผลตอบแทนหรือดอกเบี้ยเงินฝากเป็นสำคัญ โดยไม่ได้พิจารณาถึงความเข้มแข็งของสถาบันการเงินเป็นหลัก หรือที่เรียกว่า ภาวะภัยทางศีลธรรม (Moral Hazard) ดังนั้นการกำหนดวงเงินคุ้มครองที่เหมาะสมจึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างความเชื่อให้แก่ผู้ฝากเงิน และช่วยกระตุ้นให้สถาบันการเงินดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง และพัฒนาศักยภาพการแข่งกันเพื่อสร้างความเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะมีการกำหนดวงเงินคุ้มครอง แต่ตามหลักการคุ้มครองเงินฝากสากล วงเงินดังกล่าวจะต้องสามารถคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวนของผู้ฝากอย่างน้อยร้อยละ 90 ของผู้ฝากเงินทั้งประเทศ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ใช้พิจารณาวงเงินคุ้มครองเงินฝาก ประกอบด้วย โครงสร้างของระบบสถาบันการเงิน, โครงสร้างของเงินฝาก อันได้แก่ จำนวนรายผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวน และจำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองในระบบ, การเคลื่อนไหวของเงินฝาก, กองทุนคุ้มครองเงินฝาก, รายได้ประชาชาติต่อหัว (GDP per Capita) และปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจมหภาค

สคฝ. คุ้มครองทันที มั่นใจทุกครั้งที่ฝากเงิน ด้วยวงเงินคุ้มครองเงินฝาก 1 ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝากต่อ 1 สถาบันการเงิน
วงเงินที่ได้รับความคุ้มครองจะแตกต่างตามความเหมาะสมของแต่ละประเทศ ปัจจุบันวงเงินคุ้มครองเงินฝากของประเทศไทยอยู่ที่ 1 ล้านบาท ครอบคลุมเงินฝากทั้งจำนวนของผู้ฝากส่วนใหญ่ของประเทศ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 98 ของผู้ฝากทั้งระบบ ซึ่งหมายความว่าผู้ฝาก 98 คนจาก 100 คน จะได้รับเงินคืนเต็มจำนวนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ไม่เกิน 1 ล้านบาท หากสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต ส่วนผู้ฝากที่เหลือจะได้รับเงินคืนที่ 1 ล้านบาทก่อน โดยจะคุ้มครองในลักษณะ 1 รายผู้ฝากต่อสถาบันการเงิน 1 แห่ง (ไม่ใช่ต่อ 1 บัญชี) ในกรณีที่ผู้ฝากมีหลายบัญชีในสถาบันการเงิน 1 แห่ง จะต้องนำเงินฝาก (เงินต้นและดอกเบี้ย) ในทุกสาขาและทุกบัญชีของสถาบันการเงินแห่งนั้นมาคำนวณทั้งหมด และจะได้รับเงินฝากคืนภายใน 30 วัน ตามขั้นตอนการจ่ายเงินคุ้มครอง 

ทั้งนี้เงินที่จะนำมาจ่ายคืนให้กับผู้ฝากมีแหล่งที่มาจากกองทุนคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งเรียกเก็บจากสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก โดยปัจจุบันกองทุนคุ้มครองเงินฝากมีสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง และมีความเข้มแข็งมั่นคง ผู้ฝากทุกคนจึงมั่นใจได้ว่าหากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจจนถึงขั้นธนาคารถูกเพิกถอนใบอนุญาต ประเทศไทยก็ยังมีกลไกด้านการคุ้มครองเงินฝาก โดยสถาบันคุ้มครองเงินฝากที่พร้อมทำหน้าที่จ่ายเงินคุ้มครองให้กับผู้ฝากอย่างแน่นอน

โดยผู้ฝากและประชาชนที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามข่าวสาร ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการคุ้มครองเงินฝากได้ที่ เว็บไซต์ www.dpa.or.th หรือช่องทางโซเชียลมีเดียได้ทาง Facebook, YouTube, Twitter, Line, LinkedIn เพียงกดค้นหา dpathailand หรือโทรสอบถามได้ที่ DPA Contact Center 1158 

กรุงไทยเพิ่มทางเลือกผู้ฝากเงิน ออกบัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือน ดอกเบี้ยสูงจุใจ ยูโร-ปอนด์ 3.25-4.60% ต่อปี

กรุงไทยเพิ่มทางเลือกให้ผู้ฝากเงิน ออกบัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือน ดอกเบี้ยสูงจุใจ ยูโร-ปอนด์ 3.25-4.60% ต่อปี

ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพิ่มทางเลือกการบริหารจัดการทางการเงิน ให้กับผู้ฝากเงินสกุลต่างประเทศ ด้วยบริการบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) ประเภทเงินฝากประจำ ระยะเวลา 3 เดือน ประกอบด้วยเงินฝากประจำสกุลเงินยูโร (EUR) รับอัตราดอกเบี้ย  3.25% ต่อปี และเงินฝากประจำสกุลเงินปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) รับอัตราดอกเบี้ย 4.60% ต่อปี ทั้งลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจสำหรับลูกค้าบุคคลรับเอกสิทธิ์เพิ่ม 2 ต่อ

ต่อที่ 1 ยกระดับสถานะสมาชิกพิเศษ (Fast Track) ของ Krungthai Iconic และ Krungthai Precious+ เมื่อฝากเงินตามเงื่อนไข ดังนี้

• รับสถานะสมาชิก Krungthai Iconic และรับสิทธิ์สมัครบัตรเครดิต KTC-Krungthai Iconic เมื่อมียอดเงินฝากสะสม สกุลเงินยูโรตั้งแต่ 26,000 ยูโรขึ้นไป หรือ ยอดเงินฝากสะสมสกุลเงินปอนด์ฯ ตั้งแต่ 22,000 ปอนด์ ขึ้นไป

• รับสถานะสมาชิก Krungthai Precious+ และรับสิทธิ์สมัครบัตรเครดิต KTC-Krungthai Precious+  เมื่อมียอดเงินฝากสะสมสกุลยูโร ตั้งแต่ 130,000 ยูโรขึ้นไป หรือ มียอดเงินฝากสะสมสกุลเงินปอนด์ฯ ตั้งแต่ 110,000 ปอนด์ ขึ้นไป

ต่อที่ 2 ต่อยอดความมั่งคั่ง ด้วยผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย เมื่อบัญชีเงินฝากประจำ EUR 3.25% ต่อปี หรือ GBP 4.60% ต่อปี ครบกำหนด 3 เดือน ทั้งการออมและการลงทุนครบวงจร อาทิ การลงทุนในหุ้นต่างประเทศระดับโลกผ่านตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR หรือ DRx) การลงทุนในหุ้นกู้อนุพันธ์กรุงไทย (Structured Notes) สกุลเงินบาทและสกุลดอลลาร์สหรัฐ แบบคุ้มครองเงินต้นเต็มจำนวนและบางส่วน เลือกลงทุน ในทองคำออนไลน์ด้วยเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ผ่านบริการ Gold Wallet ในแอปพลิเคชัน เป๋าตัง ลงทุนในกองทุนรวม Krungthai World Class Series  และกองทุนเด่นจาก 7 บลจ. ชั้นนำกว่า 200 กองทุนทั่วโลกผ่าน NEXT Invest บนแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT

โดยผู้สนใจสามารถฝากเงินได้หลายช่องทาง  ทั้ง โอนเงินสกุลเงินยูโร หรือ ปอนด์ฯ จากต่างประเทศ เพื่อเข้าบัญชี FCD โอนเงินระหว่างบัญชี FCD ภายในธนาคาร  โอนเงินจากบัญชี FCD ต่างธนาคาร ฝากด้วยธนบัตร ดราฟท์และเช็คต่างประเทศสกุลเงินยูโร และปอนด์ฯ พร้อมลงทะเบียนรับอัตราดอกเบี้ย 3.25% ต่อปี สำหรับบัญชีเงินฝากยูโร และดอกเบี้ย 4.60% ต่อปี สำหรับบัญชีเงินฝากปอนด์ฯ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 มิถุนายน 2567 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา โดยลูกค้าบุคคล ติดต่อ Krungthai Contact Center โทร. 02-111-1111 และลูกค้าธุรกิจ ติดต่อ Krungthai Corporate Contact Center โทร. 02-111-9999 หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://krungthai.com/link/fcd-fixed3m-euro-pr
 

#กรุงไทย #ดอกเบี้ยสูง #เงินฝาก #ข่าววันนี้

 

พิษ ศก.-ค่าครองชีพพุ่ง เงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง 15.96 ล้านล้านบาท ลดลง 1.32% เงินฝากสูงกว่า 5 หมื่นบาทลดลง

สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.)หรือ Deposit Protection Agency (DPA) รายงานสถิติรอบปี 66 เดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ระยะที่ 4 ปี 2566-2570 ย้ำเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินของประเทศแข็งแกร่ง พร้อมรายงานสถิติเงินฝาก ณ สิ้นเดือน ส.ค.66 พบว่าจำนวนผู้ฝากที่ได้รับการคุ้มครองมีจำนวน 93.46 ล้านราย คิดเป็นการเติบโต 3.37% ขณะที่จำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง 15.96 ล้านล้านบาท ลดลง 1.32% ซึ่งเกิดจากปัจจัยความผันผวนทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ สคฝ.ได้วางเป้าหมายการดำเนินงานที่สำคัญในปี 67 ครอบคลุมความพร้อมทั้งการจ่ายเงินคุ้มครองที่รวดเร็ว การชำระบัญชีและการบริหารสินทรัพย์ และมีความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งการติดตามเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน ความต่อเนื่องของการให้ความรู้พื้นฐานเรื่องการคุ้มครองเงินฝากกับผู้ฝากและประชาชนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างสุขภาวะทางการเงินที่ดี โดยเฉพาะในปัจจุบันที่สภาวะแวดล้อมมีความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนสูงซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงทางการเงินในระดับบุคคล

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เปิดเผยว่า จากสถิติเงินฝากตั้งแต่ปี 2562-ส.ค.66 พบว่า ถึงแม้จำนวนผู้ฝากที่มีเงินฝากไม่เกิน 50,000 บาทจะมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยในเดือน ส.ค.66 มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 4.45% แต่จำนวนเงินฝากกลับเริ่มมีการหดตัวตั้งแต่ปี 2565 -0.63% และในเดือนส.ค.66 -3.61% ในขณะที่ผู้ที่มีเงินฝากมากกว่า 50,000 บาทแต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท มีการปรับตัวลงทั้งจำนวนเงินฝากและจำนวนผู้ฝากตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบกับผู้ฝากที่มีเงินฝากไม่มากนักจึงต้องนำเงินออมมาใช้จ่าย จนอาจทำให้สุขภาวะที่ดีทางการเงินอ่อนแอลงได้ หรือแม้แต่ในกลุ่มผู้ฝากรายใหญ่ที่เริ่มมีตัวเลขเงินฝากลดลงในปีนี้ ซึ่งเกิดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แรงกดดันจากภาวะสงคราม ราคาพลังงานปรับตัวสูง และการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆของโลก ต่างกำหนดนโยบายการเงินที่เข้มงวดเพื่อรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูง ส่งผลโดยตรงต่อการบริโภคและการลงทุน

โดยจากรายงานข้อมูลสถิติเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 พบว่ามีจำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง 15.96 ล้านล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2565 จำนวน 212,688 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1.32 สืบเนื่องมาจากปัจจัยด้านสภาวะเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ประกอบกับผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทนสูง โดยคาดว่าในปีนี้จะมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับภาพรวมสินเชื่อที่ยังเติบโตในกรอบต่ำ ขณะที่จำนวนผู้ฝากที่ได้รับการคุ้มครองมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 93.46 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 3.05 ล้านราย คิดเป็นการเติบโตร้อยละ 3.37 โดยปัจจุบันวงเงินคุ้มครองเงินฝากตามที่กฎหมายกำหนด 1 ล้านบาท ยังคงสามารถคุ้มครองผู้ฝากเงินได้เต็มจำนวน ครอบคลุมผู้ฝากเงินรายย่อยส่วนใหญ่ของประเทศ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 98.09 ของผู้ฝากเงินที่ได้รับความคุ้มครองทั้งระบบ

ทั้งนี้จากการติดตามสถิติเงินฝากและปัจจัยความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อม ทำให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากต้องเร่งเดินหน้าขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ระยะที่ 4 (พ.ศ.2566-2570) ในหลายเรื่อง รวมถึงการถอดบทเรียนการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินในต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นกรณีศึกษาให้เกิดความเข้าใจถึงการบริหารจัดการและแนวทางในการกอบกู้สถานการณ์เหตุการณ์วิกฤตสถาบันการเงิน นอกจากนี้สคฝ. ยังคงตอกย้ำวิสัยทัศน์การเป็นองค์กรคุ้มครองเงินฝากที่น่าเชื่อถือและทันสมัย พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนและผู้ฝากเงิน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพด้านการจ่ายเงินคุ้มครองและชำระบัญชี รวมถึงสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาวะทางการเงินที่ดีให้กับประชาชนด้วยความรู้ทางการเงินเกี่ยวกับการคุ้มครองเงินฝาก โดยวางเป้าหมายการดำเนินงานปี พ.ศ.2567 ที่สำคัญ อาทิ การประมวลผลข้อมูลผู้ฝากจากสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝากให้มีความถี่ขึ้นและความร่วมมือกับธนาคารเฉพาะกิจในการเป็น Paying Agent, การเตรียมกระบวนการด้านชำระบัญชีและบริหารสินทรัพย์ รวมถึงการพัฒนาสัญลักษณ์คุ้มครองเงินฝากให้ครอบคลุมการแสดงบนช่องทางบริการทางการเงินดิจิทัล และรองรับการจัดตั้งสถาบันการเงินในรูปแบบธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีเป้าประสงค์หลักเพื่อให้ผู้ฝากและประชาชนมั่นใจในสถาบันการเงินที่ผู้ฝากใช้บริการและเชื่อมั่นในระบบสถาบันการเงินของประเทศ

นอกจากนี้การสื่อสารประชาสัมพันธ์ยังมุ่งเน้นเรื่องการเสริมสร้างทักษะทางการเงินให้กับผู้ฝากและประชาชนผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายนักเรียน นักศึกษา ซึ่งเป็นการทำกิจกรรมร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย, สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง และหน่วยงานพันธมิตรในอุตสาหกรรมการเงินอื่นๆ อีกหลายแห่ง อาทิ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เป็นต้น รวมถึงการผลิตบอร์ดเกม “Cash Up” สื่อการเรียนรู้ที่ให้ทั้งสาระและความบันเทิง ซึ่งจะช่วยนำพาความรู้ทางการเงินและการคุ้มครองเงินฝากให้สามารถเข้าถึงผู้ฝากและประชาชนได้ง่ายขึ้น โดยกลุ่มเป้าหมายหลักในเฟสที่ 1 นั้น เน้นที่ภาคการศึกษา ระดับมัธยมปลาย – อุดมศึกษา โดยสถานศึกษาที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อรับบอร์ดเกมฟรี ผ่านช่องทาง Facebook ของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก

#สถาบันคุ้มครองเงินฝาก #เงินฝาก #VirtualBank

 

ธ.ก.ส.จัดแคมเปญเงินฝากรับดบ.สูง 15.80% งาน Thailand Smart Money สุราษฎร์ธานี

นายมานพ จินาไหม ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่าธ.ก.ส. เข้าร่วมงาน Thailand Smart Money สุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 9 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 27 สิงหาคม 2566 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล สุราษฎร์ธานี โดย ธ.ก.ส. นำแคมเปญพิเศษ “Exclusive 58” เพียงฝากเงินบัญชีออมทรัพย์ตั้งแต่ 50,000 บาท สูงสุดถึง 500,000 บาท และคงยอดเงินฝาก 158 วัน รับเลยผลตอบแทนแบบขั้นบันไดสูงสุดร้อยละ 15.80 ต่อปี เฉลี่ยร้อยละ 3.50 ต่อปี และคะแนน A-Rewards 1,000 คะแนน (จำกัด 15 สิทธิ์ต่อวัน)

​​​​ 

“แคมเปญ Step Up” ฝากเงินตั้งแต่ 50,000 บาท สูงสุดถึง 5,000,000 บาท ระยะเวลา 10 เดือน รับดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดสูงสุดกว่า 6.20% ต่อปี

“แคมเปญฝากแสน แถมพัน” เมื่อสมัครใช้บริการ A-Mobile Plus และฝากเงินบัญชีออมทรัพย์ A-Savings 100,000 บาทขึ้นไป รับคะแนน A-Rewards 1,000 คะแนน

ชวนออมเงินพร้อมลุ้นรางวัลกับสลากออมทรัพย์ ชุดมั่งมีทวีโชคราคาหน่วยละ 100 บาท อายุสลาก 1 ปี วงเงินรวม 100,000 ล้านบาท เมื่อฝากครบกำหนดรับดอกเบี้ยทันทีร้อยละ 0.25 ต่อปี พร้อมได้ลุ้นรางวัลใหญ่ถึง 10 ล้านบาท และรางวัลอื่น ๆ รวมมูลค่ากว่า 66 ล้านบาทต่อเดือน หรือออมเบา ๆ กับสลากดิจิทัล ธ.ก.ส. ราคาหน่วยละ 50 บาท อายุสลาก 2 ปี เมื่อครบกำหนดจะได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 0.07 บาท พร้อมลุ้นรางวัลที่ 1 มูลค่า 5,000,000 บาท และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย รวมเงินรางวัล 15,917,000 บาทต่อเดือน โดยฝากง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน A-Mobile Plus ที่สำคัญดอกเบี้ยและเงินรางวัลได้รับการยกเว้นภาษี

นอกจากนี้ยังมี เงินฝากออมทรัพย์ A-Savings บัญชีเงินฝาก Digital ดอกเบี้ยร้อยละ 1.50 ต่อปี เงินฝากผู้สูงอายุ Senior Savings สำหรับผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.35 ต่อปี หากยอดเงินฝากคงเหลือตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป รับดอกเบี้ยร้อยละ 0.60 ต่อปี เงินฝากออมทรัพย์พิเศษ เปิดบัญชี 10,000 บาท และครั้งต่อไป ฝากเงินขั้นต่ำ 1,000 บาท รับดอกเบี้ยร้อยละ 0.60 ต่อปี ไม่เสียภาษี เงินฝากประจำปลอดภาษี 24 เดือน ฝากตั้งแต่ 1,000 บาท ขึ้นไป ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน รับดอกเบี้ยร้อยละ 2.80 ต่อปี ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถตรวจสอบยอดเงิน ถอน โอน จ่าย ได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน A-Mobile Plus

ด้านผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต ธ.ก.ส. มุ่งส่งเสริมการสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินและการออมแบบยั่งยืนด้วยเงินฝากสงเคราะห์ชีวิต พิเศษเฉพาะในงาน! เมื่อสมัครกรมธรรม์ ธกส เพิ่มรัก2 12/10 รับทันที กระเป๋าเดินทางล้อลากขนาด 20 นิ้ว หรือสมัครกรมธรรม์ ธกส รักคุณ Easy Life ผ่านแอปพลิเคชัน BAACLife Online  รับกระเป๋าผ้าแคนวาส หรือกระบอกน้ำเก็บความร้อน – เย็น โดยลูกค้าที่สมัครกรมธรรม์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิตทุกประเภท ได้รับสิทธิลุ้นรับทองคำในแคมเปญปลูกรัก รับโชค น้ำหนักกว่า 90 บาท มูลค่ากว่า 2.9 ล้านบาท 1 สิทธิ์/กรมธรรม์ ระยะเวลาตั้งแต่วันนี้จนถึง 15 ตุลาคม 2566

นายมานพ กล่าวต่อไปว่า เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ธ.ก.ส.  ได้ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อ BCG Model วงเงินรวม 35,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1) สินเชื่อเพื่อเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy Credit) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการนำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้เพิ่มศักยภาพในการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต 2) สินเชื่อเพื่อเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy Credit) เพื่อสนับสนุนการลดปริมาณของเสียให้เท่ากับศูนย์ (Zero waste) โดยนำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดจนการนำวัสดุกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) และแปรสภาพกลับมาใช้ใหม่ (Recycle)  และ3) สินเชื่อสีเขียว (Green Credit) เพื่อสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์หรือการผลิตอาหารปลอดภัย (Food Safety) ส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกหรือพลังงานสะอาด รวมถึงการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

อีกทั้งเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าที่อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่มีหนี้อันเป็นภาระและมีความประสงค์จะโอนทรัพย์สินหลักประกันให้กับทายาท ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อแทนคุณ วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท ที่เปิดโอกาสให้ทายาทเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขหนี้อย่างยั่งยืนและร่วมรักษาทรัพย์สินให้คงอยู่กับครอบครัว พร้อมจัดสินเชื่อเสริมแกร่ง SME เกษตร เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการเกษตรในการดำเนินธุรกิจ วงเงินไม่เกินรายละ 100 ล้านบาท สินเชื่อนวัตกรรมดี มีเงินทุน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหรือค่าลงทุนในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมให้กับผู้ประกอบการและ Smart Farmer และสินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม A-Product LIVE จำหน่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพจากเกษตรกรลูกค้าในราคาพิเศษ ทุกวัน พร้อมสกู๊ปพิเศษจาก Thomas Tom ผ่าน Facebook page : ธกส บริการด้วยใจ และ Youtube : BAAC Thailand อาทิ เงาะอบแห้งและชามะพร้าวจากแบรนด์ I-Yha น้ำพริกปลาดุกร้า ฟาฏอนี และเครื่องสำอางสมุนไพรพฤกษาไทย บ้านถ้ำผึ้ง อย่าพลาด! พบกับกิจกรรมดี ๆ และสิทธิประโยชน์มากมาย ที่บูธ ธ.ก.ส. ในงาน Thailand Smart Money สุราษฎร์ธานี ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล สุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 25 - 27 สิงหาคมนี้

ออมสินจัดโปรเด่น ล่องใต้ Thailand Smart Money สุราษฎร์ฯ ชูเงินฝาก 111 วัน ดบ.ขั้นบันได เฉลี่ย 2.56% ต่อปี ไม่เสียภาษี

ธนาคารออมสิน เข้าร่วมงาน Thailand Smart Money สุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 9 ระหว่างวันที่ 25-27 ส.ค. 2566 ณ เซ็นทรัล สุราษฎร์ธานี ภายใต้แนวคิด “GSB Journey to The Green Frontier : บนเส้นทางสู่โลกการเงินสีเขียว” สอดคล้องตามยุทธศาสตร์ธนาคารเพื่อสังคมที่มุ่งเน้นดำเนินการตามกรอบ ESG in action สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยให้ความสำคัญตั้งแต่กระบวนการจัดทำบูธที่เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมนำเสนอโปรโมชันน่าสนใจในงานนี้ ทั้งผลิตภัณฑ์เงินฝากส่งเสริมการออมสำหรับทุกวัย สินเชื่อบุคคล เงินกู้บ้าน ที่เข้ากับกระแสรักษ์โลก แหล่งเงินทุน/เติมสภาพคล่อง สนับสนุนกิจการทุกกลุ่มลูกค้า

ผลิตภัณฑ์เงินฝาก ไฮไลท์ ได้แก่ เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 111 วัน ระยะเวลาฝากเงิน 111 วัน ดอกเบี้ยแบบ Step up สูงสุด 6.50% ต่อปี คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 2.56% ต่อปี เปิดบัญชีฝากเงินขั้นต่ำ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ยสูงแบบนี้จองสิทธิ์ได้ภายในงาน มีจำนวนจำกัด 200 สิทธิ์เท่านั้น และ เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษปันน้ำใจ โดยเชิญชวนผู้ฝากมีส่วนร่วมช่วยเหลือสังคม ด้วยการปันดอกเบี้ยส่วนหนึ่งบริจาคให้กับมูลนิธิช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส/ดูแลสิ่งแวดล้อม เปิดบัญชี 10,000 บาท ไม่จำกัดวงเงินฝากสูงสุด ระยะเวลาฝาก 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 1.20% ต่อปี ผู้ฝากได้รับดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี ไม่หักภาษี ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน ส่วนดอกเบี้ยอีก 0.20% ต่อปี เลือกบริจาคให้กับมูลนิธิที่ร่วมโครงการ โดยเงินที่บริจาคจะได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีอีกด้วย

สำหรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อมีโปรโมชัน สินเชื่อเคหะ จัดโปรโมชันอัตราดอกเบี้ยสุดพิเศษปีแรก 2.990% ต่อปี เฉลี่ย 3 ปี เท่ากับ 3.823% ต่อปี กรณีรีไฟแนนซ์ดอกเบี้ยคงที่ 6 เดือนแรก 1.990% ต่อปี เฉลี่ย 3 ปี 3.498% ต่อปี ทั้งนี้ ต้องลงทะเบียนจองสิทธิ์ระหว่างวันที่ 25-27 ส.ค. 2566 เท่านั้น

พร้อมกันนี้ได้จัดโปรโมชันสินเชื่อเพื่อรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ผู้บริโภคตามกระแสอนุรักษ์พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยผู้บริโภครายย่อยที่มีความต้องการซื้อบ้านประหยัดพลังงาน สามารถใช้สินเชื่อ GSB Green Home Loan ส่วนผู้ที่ต้องการใช้พลังงานทดแทนเพื่อลดภาระค่าไฟ ทั้งยังได้มีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สามารถใช้สินเชื่อ GSB Go Green สำหรับติดตั้งแผงโซล่าร์ หรือซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือรถยนต์ไฮบริดได้ ดอกเบี้ยคงที่ต่ำสุด 1.99% ต่อปี นาน 3 เดือนแรก งวดผ่อนชำระต่ำเริ่มต้นแสนละ 199 บาท/เดือน ด้านผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนสำหรับทำธุรกิจตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio/Circular/Green) สามารถใช้สินเชื่อ GSB for BCG Economy ได้ เช่น โรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ แต่ที่พิเศษยิ่งขึ้นไปคือ ธนาคารได้จัดทำแคมเปญสนับสนุนการขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยสินเชื่อธุรกิจ "GSB Green Biz" นำเสนอสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษแก่ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ อาทิ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจผลิตวัสดุรีไซเคิล ธุรกิจตามแนวคิด Eco-Friendly ด้วยอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MOR/MLR-2.5% ต่อปี ผ่อนนาน 10 ปี และไม่จำกัดวงเงินกู้อีกด้วย

ธ.ก.ส.ตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อย-ปรับขึ้น ดบ.เงินฝากสูงสุด 0.40% มีผล 15 ส.ค.นี้

ธ.ก.ส. ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำสูงสุดร้อยละ 0.40 ต่อปี และปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR และ MOR ร้อยละ 0.25 ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่ 15 ส.ค.66 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ปรับขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ยังตรึงอัตราดอกเบี้ย MRR สำหรับเกษตรกรรายย่อย เพื่อลดภาระและสนับสนุนการฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ พร้อมวางแนวทางในการดูแลลูกค้าผ่านการบริหารจัดการหนี้ การให้คำปรึกษาทั้งหนี้ในและนอกระบบผ่านโครงการมีหนี้นอกบอก ธ.ก.ส. ควบคู่กับการเติมสินเชื่อใหม่ในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนและเสริมสภาพคล่อง ในการลงทุน

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 2.00 ต่อปี มาอยู่ที่ร้อยละ 2.25 ต่อปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2566 และเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของตลาด ธ.ก.ส.จึงได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำร้อยละ 0.10–0.40 ต่อปี เพื่อส่งเสริมการออมและเพิ่มผลตอบแทนให้สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ประกอบด้วย ลูกค้าทั่วไปที่มีบัญชีบัญชีเงินฝากประจำปลอดภาษี 24 เดือน อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นร้อยละ 0.40 ต่อปี บัญชีเงินฝากประจำ 24 เดือน 36 เดือน 48 เดือน และ 60 เดือน ปรับขึ้นร้อยละ 0.30 ต่อปี และเงินฝากประจำ 3 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน ปรับขึ้นร้อยละ 0.15 ต่อปี สำหรับลูกค้านิติบุคคล ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีบัญชีเงินฝากประจำ 24 เดือน 36 เดือน 48 เดือน และ 60 เดือน อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นร้อยละ 0.15 ต่อปี และบัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน ปรับขึ้นร้อยละ 0.10 ต่อปี

ส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ธ.ก.ส. ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ไว้ที่ร้อยละ 6.975 ต่อปีต่อไป เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรลูกค้า และสนับสนุนการฟื้นตัวจากผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและโรคระบาดที่เกิดขึ้น โดย ธ.ก.ส.ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉพาะ อัตราดอกเบี้ยลูกค้าสถาบันและนิติบุคคลชั้นดี (MLR) ร้อยละ 0.250 ต่อปี จากร้อยละ 5.625 เป็นร้อยละ 5.875 ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ร้อยละ 0.250 ต่อปี จากร้อยละ 6.875 เป็นร้อยละ 7.125 ต่อปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตามแม้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย บางประเภทตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาด แต่ ธ.ก.ส.ยังคงให้ความสำคัญกับการฟื้นตัวและสร้างความเข้มแข็งให้กับลูกค้าในภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน โดยการสนับสนุนเงินทุนผ่านสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายและการลงทุนเช่น สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 สินเชื่อ SME เสริมแกร่ง และสินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 4 เป็นต้น พร้อมดูแลภาระหนี้สินเกษตรกรลูกค้า ทั้งหนี้ในและนอกระบบผ่านโครงการมีหนี้นอกบอก ธ.ก.ส.ควบคู่กับการให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการหนี้ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถยืนได้อย่างมั่นคงและสามารถก้าวข้ามกับดักหนี้ได้อย่างยั่งยืน