ทีเอ็มบีธนชาต ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.066 บาทต่อหุ้น เดินหน้าตามแผนบริหารส่วนทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทน

วันที่ 23 กันยายน 2568 ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนของปี 2568 ในอัตรา 0.066 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD (วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล) ในวันที่ 6 ตุลาคม 2568 และกำหนดการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในวันที่ 22 ตุลาคม 2568 นี้

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า จากแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ และการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ส่งผลให้ทีทีบีมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีความพร้อมในการรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ พันธกิจสำคัญของทีทีบีในปี 2568 ยังคงเน้นย้ำ “ปีแห่งการช่วยเหลือลูกหนี้” ครอบคลุมลูกหนี้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกหนี้กลุ่มเปราะบางหรือลูกหนี้ที่มีประวัติดี ด้านพันธกิจสำหรับผู้ถือหุ้น ยังคงเดินหน้าตามแผน “การบริหารส่วนทุน” หรือ Capital management เพื่อสร้างมูลค่าและเพิ่มผลตอบแทนโดยรวม (Total Return) ให้กับผู้ถือหุ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ภายใต้แผนการบริหารส่วนทุนดังกล่าว ทีทีบีประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.066 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) ที่ 60% จากผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2568 รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 6.3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายในการรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลในระดับสูงแม้ภาคธุรกิจและภาคธนาคารจะได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวก็ตาม

BBLจ่ายเงินปันผลหุ้นสามัญระหว่างกาลงวด 6 ด.แรก ปี 68 หุ้นละ 2 บาท กำหนดจ่าย 26 ก.ย.นี้

ธนาคารกรุงเทพ ประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นสามัญระหว่างกาลงวด 6 เดือนแรก ปี 2568 ในอัตราหุ้นละ 2.00 บาท โดยกำหนดจ่ายในวันที่ 26 กันยายน 2568

วันที่ 29 สิงหาคม 2568 นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 ได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลหุ้นสามัญระหว่างกาล สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรก ปี 2568 ในอัตราหุ้นละ 2.00 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 11 กันยายน 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 กันยายน 2568 

 

EGCO Group เสิร์ฟข่าวดี! ไฟเขียวปันผลกลางปี 3.25 บาทต่อหุ้น ผลตอบแทนสุดปัง เสริมพลังความเชื่อมั่นนลท.

EGCO Group ดูแลผู้ถือหุ้นต่อเนื่อง ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2568 หุ้นละ 3.25 บาท หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนประมาณ 6% ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นต่อบริษัทในฐานะหุ้นปันผล ที่มีพื้นฐานธุรกิจไฟฟ้ามั่นคง และสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง และนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ

วันที่ 25 สิงหาคม 2568 ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group เปิดเผยว่า ด้วยพื้นฐานธุรกิจที่มั่นคงและเติบโตอย่างต่อเนื่องจากพอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าที่หลากหลาย มีกระแสเงินสดสำหรับการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ประกอบกับการขยายการลงทุนตามกลยุทธ์ "Triple P" ส่งผลให้ EGCO Group มีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2568 ในอัตราหุ้นละ 3.25 บาท ซึ่งมีอัตราเทียบเท่ากับเงินปันผลระหว่างกาลปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนประมาณ 6% โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 19 กันยายน 2568

ความสามารถในการรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลดังกล่าว มาจากผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 ที่ EGCO Group รับรู้รายได้รวม 22,198 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงานรวม 3,504 ล้านบาท ในขณะที่มีกำไรสุทธิ 5,734 ล้านบาท โดยปัจจัยบวกมาจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนผลการดำเนินงานตามกลยุทธ์ "Triple P"

"แม้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจจะมีความท้าทาย EGCO Group ยังคงมีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและยึดมั่นในนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ในฐานะหุ้นปันผลที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ EGCO Group ยังมุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มและเติบโตไปพร้อมกับผู้ถือหุ้นในระยะยาว ด้วยการแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน ที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและเป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ ภายใต้การบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุมและรอบด้าน" ดร.จิราพร กล่าว

ICHI จัดปันผลระหว่างกาล 0.55 บาทต่อหุ้น โชว์ผลประกอบการ Q2/68 บันทึกกำไร All Time High

บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป หรือ ICHI ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 ทำยอดขาย 2,263.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.7% จากไตรมาส 1/2568 และมีกำไรสุทธิ 407.2 ล้านบาท สถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ล่าสุดบอร์ดมีมติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.55 บาทต่อหุ้น มองโอกาสครึ่งปีหลังกลุ่มรับจ้างผลิต OEM ยังเติบโตสูงหลังได้อานิสงค์น้ำมะพร้าว IF ออเดอร์ในจีนทะลัก พร้อมเร่งขยายตลาดเครื่องดื่มไซส์ใหญ่ ตอบโจทย์เทรนด์ครอบครัว ขณะที่ อิชิตัน อินโดนีเซีย เดินหน้าบุกพื้นที่กระจายสินค้าเพิ่ม มุ่งมั่นให้ ICHI เป็นหุ้นปันผลที่แข็งแกร่งเพื่อขอบคุณผู้ถือหุ้น

วันที่ 14 สิงหาคม 2568 ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป หรือ ICHI เผยผลประกอบการในไตรมาส 2/2568 ยอดขาย 2,263.6 ล้านบาท เติบโต 29.7% จากไตรมาส 1/2568 รักษายอดขายใกล้เคียงกับปีก่อน ด้านกำไรสุทธิ 407.2 ล้านบาท ทุบสถิติสูงสุด โดยเติบโตจากไตรมาส 1/2568 ส่วนหนึ่งมีกำไรพิเศษ 120 ล้านบาท จากการขายที่ดิน ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลระหว่างกาล (มกราคม- มิถุนายน 2568) ในอัตรา 0.55 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันปิดสมุดพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 28 สิงหาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 กันยายน 2568 ตามนโยบายที่ต้องการเป็นหุ้นปันผลหนึ่งในใจผู้ถือหุ้นและนักลงทุน

สำหรับการเติบโตเป็นผลจากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดแบบรวดเร็วสอดคล้องกับสถานการณ์ โดยสินค้ากลุ่ม Non-Tea เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “อิชิตัน น้ำด่าง” ที่ได้รับการตอบรับดีเยี่ยมเติบโตทุกไตรมาส ล่าสุดส่งขนาด 1 ลิตร รองรับดีมานด์กลุ่มครอบครัวที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมตอกย้ำคุณภาพด้วยการคว้ารางวัล Superior Taste Award 2025 จาก International Taste Institute จากประเทศเบลเยียม ขณะที่สินค้ากลุ่มชาเขียว “อิชิตัน” ส่งไซส์ใหญ่ขนาด 840 มล. เอาใจกลุ่มผู้บริโภคที่เน้นความคุ้มค่า และชาพรีเมียมภายใต้แบรนด์ “ชิซึโอกะ” ยังคงได้รับการตอบรับอย่างดี ปัจจุบันครองหัวแถวส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของกลุ่มชาพรีเมียม

ด้านตลาดต่างประเทศ “อิชิตัน อินโดนีเซีย” มีแผนนำสินค้ากลุ่มชาเขียวบุกตลาดเพิ่ม โดยการเพิ่มจุดกระจายสินค้าในเกาะสุมาตรา และจายาปูรา เสริมทัพสินค้าขายดี “ไทย มิ้ลค์ ที และ บราวน์ซูก้ามิ้ลค์” ด้านตลาดอื่นๆ อาทิ CLMV สามารถทำการตลาดได้ดีอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ICHI ให้ความสำคัญเรื่องการบริหารจัดการต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 24% ไฮไลต์ปีนี้คือ การเติบโตของธุรกิจ OEM ซึ่ง “IF น้ำมะพร้าว” ลูกค้ารายเดิมที่มียอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดดในประเทศจีน ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างการเจรจาลูกค้ารายใหม่อีกหลายราย

ควบคู่กับการบริหารผลประกอบการอย่างเหนือชั้น อิชิตัน กรุ๊ป มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการ “Ichitan ReCircle” (อิชิตัน รีเซอเคิล): วนเวียนเปลี่ยนให้โลกสะอาด  โครงการเก็บ-กลับระบบรีไซเคิลหมุนเวียนแบบปิด (Closed-Loop Circular) สำหรับขวดพลาสติก PET ความร่วมมือครั้งสำคัญจากพันธมิตร ได้แก่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และ GC YOUเทิร์น สร้างระบบการจัดการขวดพลาสติก PET ครบวงจร ตั้งแต่รวบรวม คัดแยก ฆ่าเชื้อ ปั่นเป็นชิ้น ไปจนถึงการขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยการคงคุณภาพพลาสติกให้ดีอยู่เสมอ ทั้งหมดใช้เทคโนโลยีทันสมัยที่มั่นใจได้ถึงความสะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ทำให้ขวดที่ผ่านกระบวนการใช้บรรจุเครื่องดื่มได้ไม่รู้จบ ไม่จบลงที่หลุมฝังกลบหรือเป็นขยะในทะเล หมุดหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของ อิชิตัน กรุ๊ป ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายระดับโลกด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อแสดงถึงความตั้งใจของอิชิตัน กรุ๊ป ในการผลิตอย่างรับผิดชอบ และชวนทุกคนร่วมกันบริโภคอย่างยั่งยืน

NCP ท็อปฟอร์ม! ครึ่งแรกปี 68 กำไรพุ่ง 67.67% บอร์ดเคาะปันผล 0.0555 บ. ขึ้น XD 27 ส.ค. นี้

 NCP โชว์ฟอร์มแรง! ไตรมาส 2/68 กวาดกำไรสุทธิ 5.27 ล้านบาท โต 36.18% ผลักดันกำไรสุทธิครึ่งปีแรกแตะ 11.10 ล้านบาท โตแรง 67.67% จากปีก่อน แรงหนุนหลักมาจากธุรกิจ Dedicated Telesale Outsourcing ที่ยังร้อนแรงต่อเนื่อง เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล หุ้นละ 0.0555 บาท ขึ้น XD 27 ส.ค. นี้

วันที่ 14 สิงหาคม 2568 นายศรัณย์ เวชสุภาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCP เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 ว่า มีกำไรสุทธิ 5.27 ล้านบาท เติบโต 36.18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 46.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.42% ส่งผลให้ผลประกอบการรวมในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 11.10 ล้านบาท เติบโต 67.67% และมีรายได้รวม 95.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัท

ผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 มาจากรายได้ธุรกิจให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายสินค้าครั้งแรก (Upselling Service) และธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขายโดยเฉพาะเจาะจง (Dedicated Telesale Outsourcing) รวม 24.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 328.14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะการขยายบริการในธุรกิจ Dedicated Telesale Outsourcing ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พร้อมกันนี้ บริษัทได้มุ่งเน้นการใช้พนักงานขายในการขยายตลาดการให้บริการในธุรกิจ Dedicated Telesale Outsourcing ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่ารายได้จากการขายสินค้า ส่งผลให้กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 เติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดผลการดำเนินงาน 6 เดือนปี 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.0555 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) คือวันที่ 27 สิงหาคม 2568 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล วันที่ 28 สิงหาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 กันยายน 2568

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2568 มีแนวโน้มสดใสต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก โดยเฉพาะการให้บริการธุรกิจ Dedicated Telesale Outsourcing ที่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มต่อเนื่อง รวมถึงแผนเพิ่มจำนวน Telesales เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าในกลุ่ม "Dedicated Telesale Outsourcing Service" ที่มีอัตราการเติบโตสูง รวมถึงเตรียมนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาผสานกับธุรกิจ Telesales ด้วยการทำตลาดรูปแบบใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโต เพิ่มผลลัพธ์การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าและช่วยหนุนผลงานปี 2568 เติบโต 20-30% ตามเป้า

“การให้บริการ Dedicated Telesale Outsourcing เป็นการให้บริการที่มีอัตรากำไรสูง สามารถสร้างเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง จึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดงวด 6 เดือนปี 2568 บริษัทฯ สามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น 66.57% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าภาพรวมทั้งปี 2568 จะมีรายได้ และกำไร เติบโตตามเป้าหมายที่กำหนดไว้” นายศรัณย์ กล่าว 

SPRC รายงานผลประกอบการทางการเงินไตรมาสที่ 2 ปี 2568 พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.15 บาทต่อหุ้น

บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC รายงานผลประกอบการช่วงครึ่งแรกของปี 2568 โดยสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มโดยรวมให้กับองค์กร (Enterprise value capture) เป็นจำนวน 27.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 SPRC มีอัตรากำไรขั้นต้นของกิจการอยู่ที่ 6.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก 5.45 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 ซึ่งปัจจัยหลักมาจากส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันผลิตภัณฑ์เมื่อเทียบกับน้ำมันดิบดูไบ ผนวกกับความพยายามในการบริหารห่วงโซ่คุณค่าอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการบูรณาการธุรกิจโรงกลั่นและการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ โครงการปรับปรุงผลกำไร (Bottom-Line Improvement Program – BLIP) ยังช่วยเพิ่มกำไรอีก 0.92 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาสนี้ โดยเป็นผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ และปริมาณการค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น

แม้ว่าส่วนต่างราคาน้ำมันผลิตภัณฑ์เมื่อเทียบกับน้ำมันดิบดูไบจะปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีการรายงานผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันอันเนื่องมาจากราคาน้ำมันในตลาดที่ปรับลดลง และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้รายได้ใน 6 เดือนแรกของปี 2568 ขาดทุนสุทธิ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้จะเผชิญกับความผันผวนในระยะสั้น SPRC ยังคงยึดมั่นในการจ่ายเงินปันผลที่มั่นคงและต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกและสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว

โดยที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เป็นจำนวนเงิน 0.15 บาทต่อหุ้น จากกำไรสะสมของบริษัทฯ โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล คือ วันที่ 22 สิงหาคม 2568 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 5 กันยายน 2568

นายเฮอร์เบิร์ต แมทธิว เพนน์ ที่ 2 (แมทธิว) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC กล่าวว่า “ในการนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงและแข่งขันสูง เรายังคงให้ความสำคัญกับความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน ความปลอดภัยและการเติบโตด้วยความรับผิดชอบผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์ เรายังคงเน้นย้ำการสร้างวินัยทางการเงิน การลำดับความสำคัญทางการเงิน และการลดต้นทุนในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เรายังไม่หยุดยั้งในการศึกษาและสำรวจช่องทางในธุรกิจหมุนเวียนรูปแบบใหม่ (Circular Business) ให้สอดรับกับความต้องการและแนวโน้มในอนาคต พร้อมเดินหน้าหาโอกาสในการบูรณาการธุรกิจร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมโรงกลั่นและปิโตรเคมีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า”

“ก้าวต่อไป SPRC จะมุ่งเน้นการใช้ศักยภาพของโรงกลั่นอย่างเต็มที่ และขับเคลื่อนการเติบโตในธุรกิจการตลาดของเรา โดยแนวทางนี้จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกระแสเงินสดอย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการลงทุนเชิงกลยุทธ์ เพื่อความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมพลังงานแห่งอนาคต” นายแมทธิว เพนน์ กล่าวสรุป

 

ผู้ถือหุ้น ADD รับทรัพย์เงินปันผล 0.10 บาท ผลงานไตรมาส 2/2568 สดใสต่อเนื่อง

ผู้ถือหุ้น ADD รับทรัพย์เงินปันผล 0.10 บาท ผลงานไตรมาส 2/2568 สดใสต่อเนื่อง

บมจ.แอดเทค ฮับ “ADD” หุ้นเทคดิจิทัลสายปันผล ที่ประกาศแจกหนักเกือบทุกไตรมาส ล่าสุดบอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1/2568 (1 ม.ค.-31 มี.ค.68) ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท งานนี้ใครถือหุ้นอยู่เตรียมเฮ! กันถ้วนหน้า รับเงินสดเข้ากระเป๋าไปเลยวันนี้ 12 มิถุนายน 2568 ด้าน CFO “สมโภช ทนุตันติวงศ์” ส่งซิกผลงานไตรมาส 2/2568 สดใสต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้จากเพลง (Music Monetization Service) เต็มไตรมาส หนุนภาพรวมธุรกิจทั้งปีกลับมาเทิร์นอะราวด์ ได้ยินแบบนี้มีติดพอร์ตไว้ รับรองว่าไม่เสียหายคร่า                                         

Webull เปิดตัวระบบใหม่ “DRIP” ตัวช่วยทบต้นเงินปันผลอัตโนมัติ เพื่อความมั่งคั่งระยะยาวที่มากกว่า

บริษัทหลักทรัพย์ วีบูลล์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “Webull Thailand” เป็นบริษัทย่อยของ Webull Corporation (NASDAQ:BULL) ซึ่งเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มเทรดออนไลน์ Webull ได้ตระหนักถึงความสำคัญของพลังแห่งการสร้างความมั่งคั่งผ่านเรื่องของเงินทบต้นสำหรับนักลงทุนสายระยะยาว ด้วยการเปิดตัวระบบใหม่อย่าง Dividend Reinvestment Plan หรือ “DRIP” ซึ่งเป็นระบบที่จะช่วยให้นักลงทุน สามารถนำเงินปันผลที่ได้รับจากหุ้นที่ถืออยู่ กลับมาซื้อหุ้นนั้น ๆ เพิ่มได้ทันทีโดยอัตโนมัติ
 
วันที่ 11 มิถุนายน 2568 นายชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “Webull Thailand” กล่าวถึงระบบ DRIP ว่าเป็นระบบจากทาง Webull Thailand ที่จะช่วยเข้ามาตอบโจทย์สำหรับนักลงทุนสายระยะยาว ที่ไม่ต้องการเงินปันผลหรือถือเงินสดไว้ในมือ และต้องการให้มีการทบต้นในเงินลงทุนอยู่เสมอ เพราะเมื่อมีเงินปันผลในจำนวนที่สูงกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากการหักภาษี ณ ที่จ่าย ได้ถูกจ่ายออกมาแก่ผู้ถือหุ้นแล้วนั้น ตัวระบบจะทำการนำเงินปันผล กลับไปซื้อหุ้นของบริษัทเดิม โดยอัตโนมัติโดยทันที แทนการรับเงินสดเข้าบัญชีของนักลงทุน

การเปิดตัวระบบ DRIP ในครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงเจตจำนงสำหรับการสนับสนุนให้นักลงทุน สามารถสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวด้วยการ “ทบต้นเงินลงทุน” โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดการลงทุนทั่วโลก อาจมีความผันผวนจากปัจจัยรบกวนในระยะสั้นได้ ซึ่งการนำเงินปันผลกลับมาซื้อหุ้นเพิ่มโดยอัตโนมัติ จะช่วยทำให้เงินลงทุนของนักลงทุนนั้น สามารถขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และสามารถทำให้ผลตอบแทนสูงกว่าปกติเช่นกัน
 
สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การลงทุนหุ้นสหรัฐฯ เพื่อสร้างความมั่งคั่งระยะยาวในรูปแบบใหม่กับระบบ DRIP รวมทั้งการเข้าถึงฟีเชอร์อื่น ๆ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุน และรูปแบบสินทรัพย์อย่างกองทุน ETFs หรือสัญญาออปชันหุ้นและดัชนีสหรัฐฯ เพิ่มเติม ก็สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Webull Thailand เพื่อเข้าถึงแพลตฟอร์มการลงทุนระดับโลกได้แล้ววันนี้ ทั้งบน AppStore และ PlayStore โดยศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.webull.co.th


####

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
LTHM Rocket Digital Agency :  
กรรณิการ์ เสิงขุนทด (เจน) Tel. 099-049-1881 email : Kannika@ltmhrocket.com

ขอบคุณค่ะ

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลทั้งปีที่อัตราหุ้นละ 0.34 บาท

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ทั้งปีที่อัตราหุ้นละ  0.34 บาท

นายทวีศักดิ์ วัชรรัคคาวงศ์ ประธานกรรมการ นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร นายสุวรรณ แทนสถิตย์ ประธานกรรมการตรวจสอบ พร้อมคณะกรรมการ และคณะผู้บริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN เข้าร่วมการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 โดยที่ประชุมฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.34 บาท โดยจ่ายสำหรับงวด 6 เดือนแรกไปแล้วที่อัตราหุ้นละ 0.165 บาท และจะจ่ายสำหรับงวด 6 เดือนหลังอีกที่อัตราหุ้นละ 0.175 บาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 16 พฤษภาคม ศกนี้ โดยการจัดประชุมดังกล่าวมีขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา ณ ห้องพิมานแมน โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ

PRAPAT ผู้ถือหุ้นโหวตจ่ายปันผล “หุ้น-เงินสด”  รวม 0.08 บ./หุ้น รับทรัพย์  26  พ.ค. นี้

วันที่ 30 เมษายน 2568 นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานกรรมการ, นายสืบพงศ์ เกตุนุติ  ประธานบริษัท, นายวีระพงค์ ลือสกุล    รองประธานบริษัท และนางสาวรุ่งทิพย์  มีแม่นวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมคณะกรรมการ และผู้บริหาร บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ  PRAPAT ร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้น  ประจำปี  2568 ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) เพื่อให้ผู้ถือหุ้นรับทราบผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในรอบปี 2567 โดยที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติเห็นชอบในทุกวาระตามที่คณะกรรมการบริษัทเสนอ พร้อมอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงาน ประจำปี  2567 เป็นหุ้นสามัญและเงินสด คิดเป็นมูลค่าจ่ายปันผลรวม 0.08 บาทต่อหุ้น  แบ่งเป็น (1) จ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 0.05 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น 10 หุ้นสามัญเดิมต่อ  1 หุ้นปันผล (10:1) และ (2) จ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.03 บาท/หุ้น  กำหนดจ่ายเงินปันผลวันจันทร์ที่  26 พฤษภาคม 2568  นี้ ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 7 บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)  กรุงเทพมหานคร