“โสมขาว” ผวา! พิษ “ประชากรชาย” ลด-ทำ “กำลังพลกองทัพ” หด

กลาโหมโสมขาวรายงาน กำลังพลทหารเกาหลีใต้ลดลงถึง 1 ใน 5 ช่วง 6 ปีที่ผ่านมา หลังเหตุประชากรชายลดจำนวนลงพ่นพิษ ชี้ขาดแคลนถึงครึ่งแสนนาย สำหรับภารกิจเตรียมความพร้อมป้องกันประเทศ

เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ เปิดเผยรายงานโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการลดจำนวนลงของกำลังพลทหารในกองทัพในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาว่า ลดลงถึงร้อยละ 20 หรือ 1 ใน 5 จนเหลือเพียง 450,000 นาย เท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจต่างๆ ของทางกองทัพ และเป็นการลดลงอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 2010 เป็นต้นมา

รายงานของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ยังระบุด้วยว่า กองทัพต้องการกำลังพลอีกอย่างน้อย 50,000 นาย เป็นอย่างน้อย สำหรับ การปฏิบัติภารกิจเตรียมความพร้อมปกป้องอธิปไตยของประเทศ

พร้อมกันนี้ รายงานของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ยังเผยอีกว่า สาเหตุที่ทำให้กำลังพลในกองทัพลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นผลมาจากประชากรชายลดลง ซึ่งเกาหลีใต้ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่อัตราการเกิดต่ำที่สุดในโลก

นอกจากนี้ รายงานข้างต้น ยังได้เปรียบเทียบจำนวนกำลังพลของกองทัพเกาหลีเหนือ โดยระบุว่า เกาหลีเหนือมีกำลังพลของกองทัพมากถึง 1,200,000 นายด้วยกัน ในขณะที่ ณ เวลานี้เกาหลีใต้มีกำลังพลไม่ถึง 500,000 นาย

ขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านการท่องเที่ยวไทยและเกาหลีใต้ จัดขึ้นภายใต้งาน Techsauce Global Summit 2025

ขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านการท่องเที่ยวไทยและเกาหลีใต้ จัดขึ้นภายใต้งาน Techsauce Global Summit 2025

นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และนายยัง คยองซู รองประธานบริหาร องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยและเกาหลีใต้ ภายในงาน KTSC Demo Day 2025 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้งาน Techsauce Global Summit 2025 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ โดยมีผู้บริหารจาก KTO และผู้แทนททท. และสตาร์ทอัพท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ร่วมในพิธี
 

"ทรัมป์" ประกาศข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ ลดภาษีนำเข้าเหลือ 15% แลกลงทุนกว่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์

"ทรัมป์" ประกาศข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ ลดภาษีนำเข้าเหลือ 15% แลกลงทุนกว่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์

วันที่ 31 ก.ค.68 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศผ่านทรูธ โซเชียล (Truth Social) ว่า สหรัฐอเมริกาได้บรรลุข้อตกลงการค้าครั้งใหม่กับเกาหลีใต้ โดยลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้จากเดิม 25% เหลือ 15% ซึ่งรวมถึงภาษีนำเข้ารถยนต์

ข้อตกลงฉบับนี้เกิดขึ้นก่อนที่มาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) จะหมดอายุลงในวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งมาตรการดังกล่าวเคยถูกใช้กดดันหลายประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ

ทรัมป์ระบุว่า เกาหลีใต้ให้คำมั่นจะลงทุนในโครงการที่ "สหรัฐฯ เป็นเจ้าของและควบคุม" มูลค่ารวม 3.5 แสนล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งตกลงซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และผลิตภัณฑ์พลังงานจากสหรัฐฯ เพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 3.5 ปีข้างหน้า

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ของเกาหลีใต้ มีกำหนดเดินทางเยือนทำเนียบขาวในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อหารือรายละเอียดการลงทุนเพิ่มเติมกับผู้นำสหรัฐฯ

โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ยืนยันผ่านโพสต์ในแพลตฟอร์ม X ว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากเกาหลีใต้ที่ 15% โดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่มุ่งกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศพันธมิตร

#ข้อตกลงการค้าสหรัฐเกาหลีใต้ #ทรัมป์ #ลดภาษีนำเข้า #ลงทุนต่างประเทศ #LNG #เศรษฐกิจโลก #ข่าวต่างประเทศ #TradeDeal #Trump #SouthKoreaInvestment #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ข่าววันนี้

โอกาสทอง! รับสมัครชายไทยทำงานเกาหลีใต้ 1,000 อัตรา สมัคร 2–3 ส.ค.นี้เท่านั้น

โอกาสทอง! กรมการจัดหางานเปิดรับสมัครชายไทย 1,000 คน ทำงานเกาหลีใต้ ผ่านระบบ EPS สมัครออนไลน์ 2–3 สิงหาคม 2568 นี้เท่านั้น! 

นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางานประกาศรับสมัครทดสอบภาษาเกาหลีและทักษะการทำงาน (Point System) ครั้งที่ 16 เพื่อไปทำงานสาธารณรัฐเกาหลีตามระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ (Employment Permit System for Foreign Workers: EPS) ประเภทกิจการเกษตรและปศุสัตว์ (เพศชาย) จำนวน 1,000 คน ซึ่งภายหลังจากดำเนินการทดสอบเสร็จสิ้น สำนักบริการพัฒนาบุคลากรแห่งเกาหลี (HRD Korea) จะประกาศรายชื่อผู้ที่มีคะแนนรวมสูงสุดลงมาตามจำนวนที่กำหนด และผู้มีรายชื่อตามประกาศดังกล่าวจะมีสิทธิยื่นใบสมัครไปทำงานสาธารณรัฐเกาหลีตามระบบฯ พร้อมขึ้นทะเบียนไว้ 2 ปี นับแต่วันประกาศผลการทดสอบ ผู้สนใจสามารถสมัครสอบได้ที่เว็บไซต์ toea.doe.go.th ระหว่างวันที่ 2 – 3 สิงหาคม 2568 ตลอด 24 ชั่วโมง 

นายสมชายฯ กล่าวต่อไปว่า ผู้ที่ประสงค์จะสมัครไปทำงานสาธารณรัฐเกาหลี สามารถสมัครสอบได้ที่เว็บไซต์ toea.doe.go.th ลงทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์การบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนคนหางาน โดยสามารถศึกษาวิธีการลงทะเบียน คุณสมบัติผู้สมัครและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ที่เมนูข่าวประกาศรับสมัคร หัวข้อ ประกาศรับสมัครทดสอบภาษาเกาหลีและทักษะการทำงาน (Point System) ครั้งที่ 16 ซึ่งแรงงานที่สนใจสมัครทดสอบภาษาเกาหลีฯ ต้องยื่นคำขอการสมัคร โดยคนหางานกรอกข้อมูลการสมัครและแนบเอกสารผ่านระบบออนไลน์ เลือกศูนย์สอบ ซึ่งมีสถานที่สอบให้เลือก 2 ศูนย์ คือ ศูนย์สอบกรุงเทพมหานคร และศูนย์สอบอุดรธานี มีค่าสมัครสอบ จำนวน 810 บาท สามารถชำระได้ 4 ช่องทาง ได้แก่
          1.เคาน์เตอร์
          2.ATM / ADM
          3.Internet Banking ของธนาคารกรุงไทย
          4.ต่างธนาคาร Cross Bank Bill Payment

“คุณสมบัติเบื้องต้นของผู้สมัครต้องเป็นเพศชาย อายุระหว่าง 18 – 39 ปี (ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 3 สิงหาคม 2528 ถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2550) ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา สายตาไม่บอดสี ร่างกายสมบูรณ์ สุขภาพแข็งแรง และไม่เป็นโรคที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน หรือเป็นโรคติดต่อตามที่ทางการเกาหลีกำหนด มีความประพฤติดี ไม่มีประวัติกระทำผิดทางอาญาหรือเป็นภัยต่อสังคมและความมั่นคง เป็นบุคคลซึ่งไม่ถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ไม่มีประวัติการถูกเนรเทศ หรือเคยถูกปฏิเสธการเข้าสาธารณรัฐเกาหลี หรือเคยกระทำผิดกฎหมายของสาธารณรัฐเกาหลี เป็นบุคคลซึ่งไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทุกชนิด ไม่เคยพำนักอาศัยในสาธารณรัฐเกาหลีด้วยวีซ่า E-9 หรือ E-10  หรือ วีซ่า E-9 และ E-10 รวมกัน 5 ปี หรือมากกว่า 5 ปีขึ้นไป ” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สมัครที่ได้รับการอนุมัติข้อมูลบัญชีรายชื่อเพื่อเสนอนายจ้าง มิได้รับรองว่าจะได้รับการคัดเลือกจากนายจ้างทุกคน กรณีมีนายจ้างคัดเลือกแต่ถูกยกเลิกสัญญาจ้างงาน จากความผิดของนายจ้างจะถูกนำรายชื่อเสนอให้นายจ้างรายใหม่คัดเลือกแต่หากความผิดเกิดจากผู้สมัครจะถูกลบรายชื่อออกจากระบบ หรือกรณีไม่มีนายจ้างคัดเลือกภายใน 1 ปี กรมการจัดหางานจะต่ออายุบัญชี รายชื่อให้ปีที่ 2 โดยไม่ต้องสมัครทดสอบภาษาเกาหลีและทักษะการทำงาน (Point System) ใหม่ 


กรมการจัดหางานจะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการทดสอบ ในวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ทางเว็บไซต์ www.facebookcom/epstoea , www.hrdkoreathailand.com , www.doe.go.th/overseas  ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694

“ท่องเที่ยว”ฟื้นสัมพันธ์สองโสม?

เห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา ซึ่งถูกทางการกัมพูชาจัดฉากให้มาเที่ยว 3 ปราสาท ใน จ.สุรินทร์ ของไทย อันได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย แล้วมาสร้างความวุ่นวายก่อกวนยั่วยุเป็นประการต่างๆ ก็อยากสะกิดให้กัมพูชา ไปดูเกาหลีใต้ ซึ่งใช้การท่องเที่ยวไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนืออย่างชาวอารยประเทศ

โดยรัฐบาลโซล ทางการเกาหลีใต้ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือ นายอี แจ-มย็อง ได้มอบหมายให้ “กระทรวงรวมชาติ” อันเป็นกระทรวงที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการระหว่างสองประเทศเกาหลี เป็นผู้ดำเนินการหาแนวทางที่ใช้นโยบายการท่องเที่ยว เป็นหนึ่งในมาตรการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่ดีกับเกาหลีเหนือ ประเทศที่ได้ชื่อว่า เป็นคู่สงคราม นับตั้งแต่ก่อร่างสร้างประเทศ เป็น “เกาหลีเหนือ” เป็น “เกาหลีใต้” บนคาบสมุทรเกาหลี เมื่อช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1950 กันมาเลยทีเดียว

จนถึงทุกวันนี้ ทั้งสองประเทศก็ยังคงดำรงสถานะเป็นคู่สงคราม ในสงครามที่ชื่อว่า “สงครามเกาหลี” กันอยู่เลย แม้กาลเวลาจะผ่านเนิ่นนานมากว่า 70 ปีแล้วก็ตาม โดยยังไม่มีสนธิสัญญาสันติภาพ มีเพียงการสงบศึกระหว่างกันเท่านั้น และที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศก็อยู่ในสภาพที่ตึงเครียด พร้อมที่จะปะทุเป็นสงครามการสู้รบได้ทุกเมื่อ

หนึ่งในมาตรการสำหรับรื้อฟื้นความสัมพันธ์ข้างต้น ซึ่งก็เป็นไปตามที่นายอี แจ-มย็อง ชูเป็นหนึ่งในนโยบายรณรงค์หาเสียง พร้อมกับให้คำมั่น จนทำให้เขาชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังสาบานตนรับตำแหน่ง และจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ทางประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่ ก็เริ่มดำเนินมาตรการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือโดยทันที

โดยทางการเกาหลีใต้ ก็จะใช้ “การท่องเที่ยว” มาช่วยเป็น “กาวใจ” สลายความขัดแย้ง พร้อมกับฟื้นฟูความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ หลังจากที่บาดหมางกันในช่วงที่ผ่านมา

นักท่องเที่ยวเล่นเครื่องเล่นในสวนน้ำของรีสอร์ทวอนซานคัลมา (Photo : AFP)

ทางกระทรวงการรวมชาติแห่งเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า จะเริ่มจากการอนุญาตให้เป็นการทัวร์ หรือการท่องเที่ยวส่วนบุคคล คือ เป็นรายบุคคล เป็นปฐมฤกษ์ก่อน

ที่ทางการเกาหลีใต้ ดำเนินการเช่นนี้ ก็เพื่อที่จะไม่ให้เป็นการละเมิดต่อมาตรการคว่ำบาตร หรือแซงก์ชัน โดยสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ในการลงโทษต่อเกาหลีเหนือ จากการที่รัฐบาลเปียงยางของเกาหลีเหนือ ดำเนินโครงการนิวเคลียร์และอาวุธต้องห้ามอื่นๆ

นักท่องเที่ยวเด็กเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน กับเครื่องเล่นภายในสวนน้ำของรีสอร์ทวอนซานคัลมา (Photo : AFP)

เรียกว่า ถ้าทางนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหล่าชาติตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ ตลอดจนสหประชาชาติ ทักท้วงขึ้นมา ทางเกาหลีใต้ ก็สามารถแก้ต่างได้ว่า เป็นการอนุญาตให้ท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือได้เป็นรายบุคคลเท่านั้น

ทั้งนี้ การอนุญาตนักท่องเที่ยวดังกล่าว ก็เป็นการสอดรับกับทางการเกาหลีเหนือ ที่เปิดสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศของพวกเขาไปแล้วก่อนหน้า

นั่นคือ สถานตากอากาศ หรือรีสอร์ท “วอนซานคัลมา” ซึ่งเป็นสถานท่องเที่ยวริมชายหาดทะเลของอ่าวเกาหลีตะวันออก ในเขตเมืองวอนซาน จ.คังวอน ของเกาหลีเหนือ

โดยนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ พร้อมด้วยภริยา “รี ซอล-จู” และ “คิม จู-เอ” บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวน เดินทางไปเปิดสถานตากอากาศดังกล่าว เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่เพิ่งผ่านพ้นมานี้

ทั้งนี้ นายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ หมายมั่นปั้นมือว่า จะใช้รีสอร์ทแห่งนี้ ซึ่งมีทั้งที่พักเป็นโรงแรมสุดหรู มีสวนน้ำ เพื่อการเล่น และพักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น เป็นแหล่งดึงดูดเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยว เป็นรายได้เข้าประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือ ซึ่งเบื้องต้นก็จะดึงดูดนักท่องเที่ยวภายในประเทศก่อน ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องรอไปอีกสักระยะ

นักท่องเที่ยวเล่นเครื่องเล่นต่างๆ เช่น ม้าหมุน พร้อมกับยิงปืน ภายในรีสอร์ทวอนซานคัลมา (Photo : AFP)

เมื่อทางการเกาหลีเหนือของนายคิม จอง-อึน ต้องการเช่นนั้น ทางการเกาหลีใต้ ก็ได้จังหวะที่จะใช้การท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือข้างต้น เป็นช่องทางในการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ โดยจะให้นักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้เข้าไปท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าวเป็นปฐมก่อน นอกเหนือจากสถานที่อื่นๆ ในเกาหลีเหนือ

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ทางการเกาหลีใต้ของประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ก็หาดำเนินมาตรการดังกล่าวไปโดยพละการไม่ แต่ประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ผู้นำเกาหลีใต้ ได้นำเสนอมาตรการนี้ด้วยการไปกล่าวในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 10 ของยูเอ็นเอสซี ประจำปีนี้ เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่เพิ่งผ่านพ้นมา เพื่อเน้นย้ำถึงการอนุญาตนักท่องเที่ยวเป็นรายบุคคลของเกาหลีใต้ไปเที่ยวในเกาหลีเหนือดังกล่าว ไม่ได้ละเมิดต่อมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติแต่ประการใด

นอกจากนี้ ทางการเกาหลีใต้ ก็กำลังศึกษาวิธีการแนวทางอื่นๆ ในการปรับปรุงความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือให้ดีขึ้นกันต่อไป ในฐานะเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนใกล้ชิดติดกัน

โดยล่าสุด ประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ผู้นำเกาหลีใต้ ก็ได้ประกาศระงับการใช้เครื่องขยายเสียงเพื่อต่อต้านเกาหลีเหนือที่ติดตั้งตามแนวชายแดนระหว่างกันอีกด้วย ซึ่งการใช้เครื่องขยายเสียงเพื่อต่อต้านเกาหลีเหนือข้างต้น ทางการเกาหลีใต้ได้ดำเนินการมาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว เพื่อโจมตีระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือ

ทหารเกาหลีใต้ ถอนการติดลำโพงของเครื่องขยายเสียงเพื่อต่อต้านเกาหลีเหนือ ออกจากตามแนวชายแดนระหว่างเกาหลีใต้-เกาหลีเหนือ (Photo : AFP)

พร้อมกันนี้ ทางการเกาหลีใต้ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ยังได้มีคำสั่งให้เหล่าบรรดานักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเปียงยาง หยุดการรณรงค์แจกใบปลิววิพากษ์วิจารณ์ผู้นำเกาหลีเหนืออีกต่างหากด้วย เพื่อสร้างบรรยากาศอันดีกับเกาหลีเหนือ ในอันที่จะไปสู่การปูทางที่จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือกันต่อไปในอนาคต

กลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวเกาหลีใต้ที่ต่อต้านเกาหลีเหนือ รณรงค์ส่งใบปลิวที่มีข้อความวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำเกาหลีเหนือ โดยให้ลูกโป่งพาลอยข้ามพรมแดนเข้าไปในเกาหลีเหนือ (Photo : AFP)

ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึงการท่องเที่ยวของชาวเกาหลีใต้ที่จะเดินทางเข้าไปสัญจรในเกาหลีเหนือแล้ว ก็เคยมีการท่องเที่ยวกันมาก่อน แต่มาสะดุดหยุดชะงักไป เพราะเกิดเหตุทหารเกาหลีเหนือยิงสังหารนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ จนเสียชีวิต ขณะท่องเที่ยวในเขตภูเขาคุมกังของเกาหลีเหนือ ในปี 2008 (พ.ศ. 2551) พร้อมกับความสัมพันธ์ที่เสื่อมทรามลงตามลำดับ

เหยื่อฝนถล่มเกาหลีใต้ตายพุ่ง 22 ราย-สูญหายอีกนับสิบ-รบ.ประกาศเขตภัยพิบัติพิเศษ

โสมขาวยังพบเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุฝนถล่มอย่างต่อเนื่อง เพิ่มเป็น 22 ศพแล้ว ส่วนจำนวนผู้สูญหายเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ด้านรัฐบาลประกาศให้พื้นที่ได้รับผลกระทบเป็นเขตภัยพิบัตพิเศษเพื่อปูทางความช่วยเหลือ

เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หน่วยกู้ภัยของเกาหลีใต้ ยังคงพบร่างผู้เสียชีวิตจากเหตฝนตกหนัก ที่ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมสูงฉับพลัน และดินถล่ม ในหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 22 รายแล้ว ส่วนผู้สูญหายมีจำนวน 14 ราย ซึ่งปฏิบัติการกู้ภัยเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะยังมีฝนตกหนักในพื้นที่ประสบภัย

ขณะเดียวกัน ทางด้านรัฐบาลเกาหลีใต้ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ได้ประกาศเขตภัยพิบัติพิเศษในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติในครั้งนี้ เพื่อระดมความช่วยเหลือต่างๆ รวมถึงการฟื้นฟู ไปในพื้นที่ประสบภัย เช่นที่ จ.คย็องกี ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโซล เมืองหลวงของประเทศ ไปทางตะวันออกราว 70 กิโลเมตร

ฝนเกาหลีใต้ดุ! คร่าชีวิตชาวโสมขาว 4 ศพ-สูญหาย 2 ราย-กว่า 5,600 คนอพยพหนีตายจ้าละหวั่น

โสมขาวอ่วม ฝนถล่ม 3 วันรวด ทำน้ำท่วมสูงฉับพลัน ปลิดชีพผู้คนแล้ว 4 ศพ สูญหาย 2 ราย ประชาชนกว่า 5,600 คน ต้องอพยพวุ่น

เมื่อวันที่ 18 ก.ค.68 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการเกาหลีใต้ เปิดเผยสถานการณ์หลังฝนตกหนักลงมาอย่างต่อเนื่อง 3 วันในช่วงสัปดาห์นี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย ในพื้นที่ จ.ชุงชองใต้ ซึ่งผู้เสียชีวิตมีทั้งชายชราอายุ 80 ปี เสียชีวิตในขณะกำลังระบายน้ำอยู่ในชั้นใต้ดินของบ้าน และอีก 1 รายถูกกำแพงพังลงมาทับ ตลอดจนเสียชีวิตจากอาการโรคหัวใจกำเริบ รวมถึงอีก 1 รายถูกพบศพที่ลำธาร นอกจากนี้ ยังมีผู้สูญหายอีก 2 ราย ในพื้นที่เมืองกวางจู

รายงานข่าวแจ้งว่า ทางการเกาหลีใต้ ต้องดำเนินการอพยพประชาชนในพื้นที่เมืองต่างๆ 13 แห่ง รวมแล้วมากกว่า 5,600 คน ออกจากบ้านเรือนไปยังพื้นที่ปลอดภัย หลังฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมสูงฉับพลันเป็นบริเวณกว้าง

ทางด้าน ประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ผู้นำเกาหลีใต้ เรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อตอบสนองต่อภัยพิบัติที่เกิดขึ้น โดยเขาได้สั่งการให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ระดมทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมด รับมือกับภัยพิบัติจากฝนตกหนักและน้ำท่วมสูงฉับพลันในหลายพื้นที่ในครั้งนี้

NITMX เดินหน้าขยายระบบการชำระเงินข้ามประเทศ หนุนร้านค้าทั่วไทยรับนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้โดยไม่ต้องมีเครื่องรับบัตร

NITMX เดินหน้าขยายระบบการชำระเงินข้ามประเทศ หนุนร้านค้าทั่วไทยรับนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้โดยไม่ต้องมีเครื่องรับบัตร

บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (National ITMX) ในฐานะผู้พัฒนาและให้บริการระบบการชำระเงิน และการโอนเงินระหว่างธนาคารของประเทศไทย เชื่อมโยงระบบการชำระเงินกับต่างประเทศ ประกาศเปิดให้บริการ Cross-Border QR Payment สำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศเกาหลีใต้ อย่างเป็นทางการในวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทยให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล และรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ที่เดินทางเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ระบบ Cross-Border QR Payment หรือที่รู้จักกันในชื่อ “QR Code for Merchant” ช่วยให้ร้านค้าสามารถรับชำระเงินจากนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ผ่านแอปพลิเคชันการเงินของประเทศต้นทางได้ทันที โดยไม่ต้องมีเครื่อง EDC หรือลงทุนติดตั้งระบบเพิ่มเติม ร้านค้าขนาดเล็ก เช่น ร้านรถเข็น ร้านในตลาดนัดกลางคืน ไปจนถึงผู้ประกอบการท้องถิ่นในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ จะสามารถเปิดรับลูกค้าชาวเกาหลีใต้ได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

การเชื่อมต่อกับเกาหลีใต้นี้ นับเป็นประเทศลำดับที่ 9 ในกลุ่มผู้ใช้งาน Cross-Border QR Payment ของไทย ต่อจากมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ลาว กัมพูชา เวียดนาม ฮ่องกง และญี่ปุ่น (ขาออก) โดยในเฟสแรกนี้ นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้สามารถใช้แอปพลิเคชันการเงินที่รองรับการสแกน QR ไทยในการชำระค่าสินค้าและบริการได้ทันที ขณะที่ร้านค้าจะได้รับเงินโอนเข้าบัญชีเป็นเงินบาทภายในวันถัดไป พร้อมการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ผ่านแอปธนาคารที่เชื่อมต่อกับระบบ

การเปิดให้บริการในครั้งนี้ ถือเป็นกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ซึ่งคุ้นเคยกับการใช้แอปฯ การเงินและการชำระเงินแบบไร้เงินสด โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานและนักท่องเที่ยวอิสระที่นิยมเดินทางด้วยตนเอง และให้ความสำคัญกับความรวดเร็วและความปลอดภัยในการใช้จ่าย ซึ่งจากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่านักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ ติดอันดับ 5 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุดในปี 2568 และในปี 2567 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้รวมทั้งสิ้นกว่า 1.87 ล้านคน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศนี้ต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของไทยอย่างชัดเจน

การเชื่อมโยงระบบการชำระเงินกับเกาหลีใต้นี้ เป็นผลจากความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย, National ITMX และธนาคารพันธมิตรทั้งในไทยและเกาหลีใต้ ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์ของนักท่องเที่ยว พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่ สังคมไร้เงินสดที่เปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างแท้จริง

“สงครามเกาหลี”สงครามที่สองโสมยังคงเผชิญหน้า

เวียนมาบรรจบครบอีกวาระหนึ่ง สำหรับ วันเกิดของ “หนังสือพิมพ์สยามรัฐ” ซึ่งตรงกับวันที่ 25 มิถุนายนของทุกปี

โดย “หนังสือพิมพ์สยามรัฐ” เราถือกำเนิดขึ้นมาในวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2493 ซึ่งแปลกแต่จริงว่า เป็นวันเดือนปีที่ตรงกับในช่วงเวลาเดียวกับการเกิดของ “สงครามเกาหลี” พอดี คือ วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) เช่นกัน

นับถึงวันนี้ก็เป็นปีที่ 75 ที่ล่วงผ่านมาแล้ว

ประชาชนของชาติมหาอำนาจตะวันตกชาติหนึ่ง อ่านข่าวความเคลื่อนไหวของสงครามเกาหลีเหนือ ผ่านทางหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ โดยเนื้อหาในข่าวระบุว่า สหรัฐฯ นำชาติพันธมิตร จะเข้าแทรกแซง หรือเข้าร่วมรบในสงครามเกาหลี เพื่อต่อต้านการรุกรานเกาหลีเหนือที่มีต่อเกาหลีใต้ (Photo : AFP)

กล่าวถึง “สงครามเกาหลี” ก็เป็นการสู้รบกันระหว่างชนชาติเกาหลีด้วยกัน คือ “เกาหลีเหนือ” กับ “เกาหลีใต้” แต่ทั้งสองฝ่ายมีแนวคิดอุดมการณ์ทางการเมืองที่ต่างขั้ว ต่างค่าย ภายหลังจากสิ้นสุดของมหายุทธ์ สงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว

โดยทางฝ่ายเกาหลีเหนือ ซึ่งมีเมืองหลวงอยู่ที่กรุงเปียงยาง มีแนวคิดไปในทาง สังคมนิยมคอมมิวนิสต์

สวนทางแตกต่างจากทางฝั่งเกาหลีใต้ ที่มีแนวคิดของระบอบเสรีประชาธิปไตย

แน่นอนว่า ทั้งสองฟากฝั่งต่างก็มีประเทศมหาอำนาจ และชาติอื่นๆ ที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกัน ให้การสนับสนุนในแต่ละฝ่าย

ชายชาวเกาหลีใต้ที่มาสมัครเป็นทหารในกองทัพ เพื่อสู้รบในสงครามเกาหลี (Photo : AFP

อย่าง “เกาหลีเหนือ” ก็มี “อดีตสหภาพโซเวียตรัสเซีย” และ “จีนแผ่นดินใหญ่” ซึ่งเป็นสองชาติพี่เบิ้มใหญ่ของทางฝ่ายสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ให้การสนับสนุน

ขณะที่ “เกาหลีใต้” มีกลุ่มประเทศมหาอำนาจตะวันตก ที่นำโดย “สหรัฐอเมริกา” ผู้นำโลกเสรีประชาธิปไตยให้การสนับสนุน ซึ่งในกลุ่มนี้ ก็มี “ประเทศไทย” เรายืนเคียงข้างอยู่ด้วย ถึงขั้นส่งทหารไปช่วยเกาหลีใต้ รบกับเกาหลีเหนือ ในสงครามดังกล่าว จนสร้างชื่อโด่งดังในนามว่า “พยัคฆ์น้อย” ให้โลกต้องร่ำลือ พร้อมกับได้เหรียญกล้าหาญมาติดประดับหน้าอกกันของเหล่าทหารหาญแห่งกองทัพไทย

สำหรับ การถือกำเนิดของสงครามเกาหลี ในวันเดียวกันหนังสือพิมพ์สยามรัฐ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2493 นั้น ก็เป็นทางฝ่ายของเกาหลีเหนือ โดย “กองทัพประชาชนเกาหลี” หรือ “เคพีเอ” ภายใต้การสนับสนุน “อดีตสหภาพโซเวียตรัสเซีย” และ “จีนแผ่นดินใหญ่” ยกพลจากทางฝั่งเกาหลีเหนือ ข้ามพรมแดนเข้าไปรุกราน “เกาหลีใต้”

กองกำลังสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ที่นำโดยสหรัฐฯ เดินทัพเข้าสู่เกาหลีใต้ เพื่อขับไล่กองทัพเกาหลีเหนือที่เข้ามารุกรานในสงครามเกาหลี (Photo : AFP)

ส่งผลให้ “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ” หรือ “ยูเอ็นเอสซี” มีมติให้จัดตั้งกองทัพในลักษณะคล้าย “กองทัพเฉพาะกิจ” แบบ “กองกำลังนานาชาติ” พร้อมกับส่งเข้าไปในเกาหลีใต้ เพื่อขับไล่กองทัพของเกาหลีเหนือ ซึ่งทางยูเอ็นเอสซี กำหนดให้เป็นผู้รุกราน ถอยทัพออกไปจากดินแดนของเกาหลีใต้

เกาหลีใต้ขึ้นป้ายแสดงการต้อนรับกองกำลังสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ที่เข้าไปขับไล่กองทัพเกาหลีเหนือผู้รุกรานในสงครามเกาหลี (Photo : AFP)

ทั้งนี้ มีรายงานว่า มีกองกำลังจาก 21 ประเทศ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยเราด้วยนั้น เข้าร่วมทัพในการขับไล่เกาหลีเหนือ และกองกำลังผสมชาติที่สนับสนุนเกาหลีเหนือ โดยสถานการณ์การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ถึงขั้นที่บรรดากำลังพลทั้งหลาย ต้อง “ติดดาบปลายปืน” พร้อมสู้สัประยุทธ์กันในแบบตะลุมบอนระหว่างกันเลยทีเดียว อันเป็นสู้รบกันอย่างองอาจกล้าหาญที่สุดของเหล่าทหารราบ ซึ่งกำลังพลของกองทัพไทยเราได้ร่วมปะทะศึกในรูปแบบตะลุมบอนกันดังกล่าวด้วย จนได้รับการกล่าวชื่นชมยกย่อง พร้อมกับรางวัลเกียรติยศเป็นประการต่างๆ ตามที่กล่าวแล้วข้างต้น

ทหารเกาหลีเหนือจำนวนหนึ่ง ออกจากที่ซ่อน พร้อมยอมจำนนต่อทหารกองกำลังสหประชาชาติ หลังจากถูกล้อม (Photo : AFP)

กระทั่ง กองทัพกลุ่มโลกเสรีประชาธิปไตย สามารถขับไล่กองทัพเกาหลีเหนือ และกองกำลังของชาติพันธมิตรของขั้วค่ายโลกคอมมิวนิสต์ ที่จากเดิมเคยมายึดได้ถึงกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ จนถอยร่นไปเรื่อยๆ และพ้นเขตแดนเกาหลีใต้ หรือที่เรียกว่า เส้นขนานที่ 38 องศาเหนือ อันเป็นพื้นที่ใกล้กับจุดเริ่มต้นสงครามได้ในที่สุด

ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายกำหนดให้พื้นที่บริเวณเส้นขนานดังกล่าว เป็น “เขตปลอดทหาร” หรือ “ดีเอ็มแซต” เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) หรืออีกกว่า 3 ปีถัดมา พร้อมกับการยุติการสู้รบ

พื้นที่มุมหนึ่งของหมู่บ้านปันมุมจอม ซึ่งเคยใช้เป็นสถานพยาบาลทหารที่ได้รับบาดเจ็บของทั้งสองฝ่าย ก่อนในเวลาต่อมา หมู่บ้านแห่งนี้ถูกกำหนดให้เป็นเขตปลอดทหารระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้มาถึงปัจจุบัน (Photo : AFP)

ทว่า แม้การสู้รบจะยุติลงไป แต่ทั้งสองเกาหลี ยังคงอยู่ใน “ภาวะสงคราม” ที่ “เกาหลีเหนือ” กับ “เกาหลีใต้” ยังคงเผชิญหน้ามาจนถึงปัจจุบันนี้ นับเป็นระยะขวบปีก็เป็นที่ 75 ย่างเข้าสู่ปี 76

โดยตลอด 75 ปี ทั้งเกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ ก็กระทบกระทั่งและยั่วยุระหว่างกัน อยู่เป็นระยะๆ ในช่วงที่ผ่านมา ให้ชาวโลกต้องอกสั่นขวัญแขวนว่า สถานการณ์อาจจะลุกลามบานปลายกลายเป็นการสู้รบ เกิดเป็นเสียงปืนแตก เสียงระเบิดกัมปนาทของแต่ละฝ่ายขึ้นมาสักวัน โดยสถานการณ์ของสงครามการสู้รบ มิใช่สร้างความเดือดร้อนสั่นสะท้านแต่ในเฉพาะคาบสมุทรเกาหลีเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบโลกเราโดยส่วนรวมให้เกิดความสั่นสะเทือนอีกต่างหากด้วย

ประชาชนชาวเกาหลีของทั้งสองฟากฝั่ง ต่างหนีภัยสงครามการสู้รบที่เกิดขึ้น (Photo : AFP)

สานฝันเยาวชน! TESA จัดบอล 7 คน U12 เฟ้นแข้งเจ๋งลุยเกาหลีใต้

TESA แพลตฟอร์มในการพัฒนานักกีฬารุ่นเยาว์ให้ก้าวสู่การเป็นนักกีฬาชั้นนำ จัดศึกลูกหนัง 7 คน “ยูไนเต็ด ฟุตบอล ชาลเลนจ์ คัพ 2025” รุ่น U12 รวม 5 สนาม เฟ้นนักเตะเข้าสู่ระบบ FA Thailand Talent ID พร้อมได้สิทธิ์ไปเข้าแคมป์ฝึกซ้อมที่เกาหลีใต้

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.68 ณ สนาม ซูเปอร์สตาร์ อารีน่า ลาดพร้าว 80 ได้มีพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอล 7 คน รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี รายการ “ยูไนเต็ด ฟุตบอล ชาลเลนจ์ คัพ 2025” สนามแรก โดยมี “บิ๊กฮั่น” มิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ TESA แพลตฟอร์มในการพัฒนานักกีฬารุ่นเยาว์ให้ก้าวสู่การเป็นนักกีฬาชั้นนำ ทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ พร้อมด้วย คุณอนัญญา โตแสงชัย ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายหลักสูตรและกิจกรรม TESA ร่วมเป็นประธาน นอกจากนั้น ยังมี ลี ซึงวอน นักเตะเกาหลีใต้ จาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และ ศิวกรณ์ เตียตระกูล นักเตะจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และอดีตทีมชาติไทย มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์

สำหรับการแข่งขันฟุตบอล 7 คน รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี “ยูไนเต็ด ฟุตบอล ชาลเลนจ์ คัพ 2025” ในสนามแรกนี้ มีทีมเยาวชนเข้าร่วมทั้งหมด 16 ทีม จากโรงเรียนนานาชาติ, EP ของโรงเรียนไทย รวมถึง อะคาเดมี่ชั้นนำที่รวมเด็กนานาชาติ เด็ก EP และเด็กหลักสูตรไทย ทั่วกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งการแข่งขันรายการนี้จะมีการสเก๊าท์นักเตะคุณภาพเข้าสู่ระบบ FA Thailand Talent ID (เฟ้นหาดาวรุ่งเพื่อก้าวสู่ทีมชาติไทย U17) ด้วย

ทั้งนี้ ในสนามแรก จะมีการมอบรางวัล MVP เป็น Korea Intensive Football Camps ณ Son Football Academy, FC Seoul และ Incheon United FC พร้อมประสบการณ์สุดพิเศษที่ไม่ซ้ำใคร และจะมีการแข่งขันอีก 4 สนามทั่วประเทศ เพื่อคัดเอาทีมแชมป์และรองแชมป์ทั้งหมด 5 สนามมาชิงชัยรอบสุดท้ายที่กรุงเทพฯ ช่วงต้นปี 2569