เริ่มจ่ายแล้ว! เงินชดเชยตัดอ้อยสด 69 บาท/ตัน ช่วยลด PM2.5 เกษตรกรรับแล้วกว่า 3,800 ล้าน

ชาวไร่ตัดอ้อยสด เฮ! “เอกนัฏ” Kick off โอนเงินช่วยเหลือตัดอ้อยสด 100% ตอกย้ำความร่วมมือชาวไร่และโรงงานน้ำตาล ลดเผาอ้อยต่ำสุดในประวัติศาสตร์

วันที่ 31 ก.ค.68 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 มีมติเห็นชอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปี 2567/68 โดยใช้แหล่งเงินทุนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำรองจ่ายไปก่อนนั้น ซึ่งวันนี้พี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสด 100% จะทยอยได้รับเงินชดเชยในอัตรา 69 บาทต่อตันอ้อย โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะจ่ายเงินให้กับเกษตรกรผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐของรัฐบาล

โดยมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปี 2567/68 มีชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือ 126,418 ราย ปริมาณอ้อยสดคุณภาพดี 67.95 ล้านตัน คิดเป็นเงิน 4,688 ล้านบาท ซึ่งชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ได้รับการช่วยเหลือจะต้องสมัครและยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ สแกนบัตรประชาชน ณ สถานที่รับจดทะเบียนชาวไร่อ้อยของสำนักงานคณะกรรมอ้อยและน้าตาลทราย และเป็นสมาชิก I - Industry กระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งนี้ เงินที่โอนเข้าบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในวันนี้ (31 กรกฎาคม 2568) เป็นวันแรก มีเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้รับเงิน 77,044 ราย ปริมาณอ้อยสดคุณภาพดี 55 ล้านตัน เป็นเงิน 3,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60.94% ของเกษตรกรที่มีสิทธิ์ได้รับเงิน

“ผมขอบคุณเกษตรกรชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลที่ร่วมมือกันลดการเผาอ้อยได้ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 14.86% สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมขอขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนสำคัญในการลดเผาอ้อย รัฐบาลตั้งใจที่จะสนับสนุนและดูแลชาวไร่อ้อยที่ทำดี ให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ร่วมกับ DGA และ ธ.ก.ส. จะเร่งตรวจสอบข้อมูลชาวไร่อ้อยที่ดำเนินการตามเงื่อนไขข้างต้นให้ครบถ้วน คาดว่าจะสามารถโอนเงินงวดต่อไปได้ในสัปดาห์ถัดไป”  รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ กล่าวปิดท้าย

#อ้อยสด #ลดเผาอ้อย #เงินช่วยเหลือเกษตรกร #กระทรวงอุตสาหกรรม #PM25 #เกษตรกรไทย #ธกส #อุตสาหกรรมน้ำตาล #ข่าวเกษตร #เงินเยียวยา

 

“ฝุ่นลด-งดรับอ้อยเผา” สอน.หวังทุบสถิติรับอ้อยสด 90% สูงสุดในประวัติศาสตร์ คุมฝุ่น PM 2.5 ถาวร

“ฝุ่นลด-งดรับอ้อยเผา” สอน.หวังทุบสถิติรับอ้อยสด 90% สูงสุดในประวัติศาสตร์ คุมฝุ่น PM 2.5 ถาวร

เมื่อวันที่ 13 ม.ค.68 นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (ลอน.) เปิดเผยสถิติการรับอ้อยเผารายวันของโรงงานน้ำตาล 58 แห่งทั่วประเทศ ณ วันที่ 11 มกราคม 2568 พบว่า โรงงานน้ำตาลส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการรับอ้อยเผาน้อยกว่า 10% จำนวน 22 แห่ง โรงงานน้ำตาลรับอ้อยเผาเกิน 10-25% จำนวน 32 แห่ง และยังมีโรงงานน้ำตาลที่ไม่ให้ความร่วมมือ ที่ยังคงรับอ้อยเผาเกิน 25% จำนวน 4 แห่ง เฉลี่ยการรับอ้อยเผารายวันทั่วประเทศ คิดเป็น 14.89% ของปริมาณการรับอ้อยเข้าหีบทั้งหมด

โดยภาพรวมเฉลี่ยโรงงานน้ำตาลรับอ้อยเผาสะสมตั้งแต่เปิดหีบอ้อยจนถึงปัจจุบันคิดเป็น 19.57% ซึ่งสะท้อนเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า มาตรการที่กระทรวงอุตสาหกรรมจับมือร่วมกับโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศงดรับอ้อยเผาเข้าหีบในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2568 จวบจนถึงวันเด็กแห่งชาตินี้ มีประสิทธิผลและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน โดยตัวเลขสถิติรับอ้อยเผาเข้าหีบในปัจจุบันที่ลดต่ำลงกว่า 20% ส่งผลให้ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (Air Quality Index หรือ AQI) ในหลายพื้นที่ดีขึ้นตามลำดับ

นายใบน้อยกล่าวอีกว่า แม้ว่าปริมาณการรับอ้อยเผาเข้าหีบจะลดลงทำให้คุณภาพอากาศดีขึ้น แต่ยังพบว่ามีโรงงานน้ำตาลใน จ.อุดรธานี และพื้นที่ใกล้เคียงที่ไม่ให้ความร่วมมือ และยังคงมีการรับอ้อยเผาเข้าหีบสูงเกิน 25% มาตั้งแต่วันเปิดหีบ ทำให้คุณภาพอากาศโดยรวมยังไม่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สอน. จึงย้ำมายังผู้บริหารและเจ้าของโรงงานน้ำตาลใน จ.อุดรธานีและพื้นที่ใกล้เคียง ให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 อย่างจริงจัง เพื่อคืนอากาศบริสุทธิ์ให้ประชาชนให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันและทำกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างปลอดภัย ตลอดจนให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย กระตุ้นธุรกิจการท่องเที่ยวและการบริการ รวมถึงภาคการผลิตภายในประเทศให้เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดชะงักจากสภาวะฝุ่นพิษเกินเกณฑ์มาตรฐาน

ทั้งนี้จากข้อมูลของ สอน.พบว่า ถ้าโรงงานน้ำตาลรับอ้อยสดเข้าหีบได้กว่า 90% หรือสามารถลดการรับอ้อยเผาเฉลี่ยทั่วประเทศให้ไม่เกิน 10% ของปริมาณการรับอ้อยเข้าหีบทั้งหมดตลอดฤดูการผลิต 2567/68 จะทำให้สามารถลดการเผาอ้อยจากฤดูกาลผลิตที่แล้วลงได้กว่า 22 ล้านตัน หรือเทียบเท่าลดการเผาป่ากว่า 2.2 ล้านไร่ นอกจากนี้ ยังลดการปลดปล่อย PM2.5 ได้อีกกว่า 5,500 ตัน เมื่อเทียบปีก่อน ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพอากาศทั่วประเทศดีขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นในฤดูการผลิตปี 2567/68 หากโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศให้ความร่วมมือในการรักษาระดับการรับอ้อยเผาเข้าหีบให้ไม่เกิน 10% ซึ่งเทียบเท่ากับการเผาไร่อ้อยไม่เกิน 10,000 ไร่ต่อวัน จะส่งผลให้ค่า AQI ของอากาศในภาคกลางภาคตะวันออกภาคตะวันออกเฉียงเหนือและกรุงเทพมหานคร อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ไม่ส่งกระทบกับสุขภาพคนไทย ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ในช่วงฤดูหีบอ้อย 4 เดือน คือ ตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงมีนาคมของทุกปีได้อย่างแท้จริง และจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี อากาศบริสุทธิ์อย่างที่ควรจะเป็น

“พวกเรา อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลจะร่วมกัน คืน “ฟ้าใส ไร้ฝุ่น PM 2.5” ตลอดจนสร้างภาพลักษณ์ ยกระดับศักยภาพการผลิตสู่การเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายตลอดห่วงโซ่อุปทานให้สอดรับกับกติกาสากล ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก สู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ได้อย่างยั่งยืน” นายใบน้อยกล่าวทิ้งท้าย

#ข่าววันนี้ #ฝุ่นลด #งดรับอ้อยเผา #อ้อยสด #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

 

 

ก.อุตฯ กำชับโรงงานให้รับเฉพาะอ้อยสดคุณภาพดี เข้าหีบหลังปีใหม่ถึงวันเด็กหวังร่วมมือส่งความสุข คืน “ฟ้าใส ไร้ฝุ่น PM2.5”

ก.อุตฯ กำชับโรงงานให้รับ “เฉพาะอ้อยสดคุณภาพดี” เข้าหีบหลังปีใหม่ถึงวันเด็กหวังร่วมมือส่งความสุข คืน “ฟ้าใส ไร้ฝุ่น PM2.5” ให้อนาคตของชาติ

เมื่อวันที่ 2 ม.ค.68 นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า ตามที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการให้โรงงานน้ำตาลทั่วประเทศหยุดรับอ้อยเข้าหีบ 7 วัน ช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2568 ซึ่งโรงงานน้ำตาลได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีส่งผลต่อการลดความหนาแน่นของการจราจรบนท้องถนน ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน และทำให้อากาศสะอาดขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ล่าสุดได้รับรายงานว่าเมื่อช่วงวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้มีการลักลอบเผาอ้อยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ซึ่งสอดคล้องกับความหนาแน่นของฝุ่น PM2.5 ที่เริ่มกลับขึ้นมาสูงอีกครั้ง สันนิษฐานว่า การลักลอบเผาที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เพื่อเตรียมการส่งเข้าหีบอ้อยในวันที่ 3 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นวันที่โรงงานน้ำตาลเริ่มกลับมาผลิตน้ำตาลทรายอีกครั้ง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบทางลบต่อสุขภาพและการประกอบอาชีพของประชาชนในวงกว้าง เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีแก่ระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทย 

เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวเพิ่มเติทว่า การเผาไร่อ้อยนอกจากจะเป็นการกระทำผิดและฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว ยังเป็นการเอารัดเอาเปรียบภาคธุรกิจอื่น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งสร้างภาระให้กับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ เนื่องจากการเผาไร่อ้อยก่อนเก็บเกี่ยวเป็นการเผาอ้อยยืนต้นที่มีความสูงราว 3-4 เมตรเพื่อเอาใบออก ซึ่งอ้อยที่ถูกลักลอบเผา 10 ล้านตันเทียบเท่าได้กับการเผาป่า 1 ล้านไร่ ทำให้ก่อมลพิษฝุ่น PM2.5 ในปริมาณสูงมาก สามารถคงค้างอยู่ในบรรยากาศเป็นระยะเวลายาวนานและแผ่ขยายได้ตามทิศทางลม จึงปกคลุมหนาแน่นทั่วพื้นที่ในบริเวณที่มีประชนชนอาศัยอยู่ทั้งในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือนของทุกปี ซึ่งเป็นปัญหาซ้ำซากที่ทวีความรุนแรงและส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพประชาชนผู้หายใจอากาศที่มีฝุ่น PM2.5 ที่เกิดจากการลักลอบเผาอ้อยเหล่านี้ จึงต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายช่วยกันสอดส่อง จัดการและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเพื่อให้ประชาชนไม่ต้องรับผลกระทบจากเรื่องนี้

“เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทย ประกอบกับใกล้ถึงวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2568 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จึงทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังโรงงานน้ำตาลทั้ง 58 แห่ง ให้รับเฉพาะอ้อยสดเข้าหีบ โดยชะลอ ระงับ ยับยั้ง และยุติเผาไร่อ้อย พร้อมทั้งยุติการรับอ้อยเผาไฟเข้าหีบ ระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2568 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 12 มกราคม 2568 เวลา 23.59 น. เพื่อเป็นของขวัญวันเด็ดให้กับเยาวชนไทยทั้งประเทศ โดยการคืน “ฟ้าใส ไร้ฝุ่นPM2.5” ให้แก่เยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ” นายใบน้อยฯ กล่าวทิ้งท้าย

#ข่าววันนี้ #โรงงาน #อ้อยสด #วันเด็ก #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

ชาวไร่อ้อยเฮ! “รมว.อุตฯ” เคาะให้ราคาชดเชยตัดอ้อยสด 120 บาท/ตัน เข้า ครม.

ชาวไร่อ้อยเฮ! “รมว.พิมพ์ภัทรา” เคาะให้ราคาชดเชยตัดอ้อยสด 120 บาท/ตัน เข้า ครม.พร้อมดึงชาวไร่อ้อยร่วมแก้ปัญหาอ้อยสดฤดูกาลถัดไป 

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากที่ตัวแทนสมาคมเกษตรกรชาวไร่อ้อย 37 แห่ง เข้าพบเพื่อขอรับทราบถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ปีการผลิต 2565/2566 ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้เสนอบรรจุวาระการพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป

ทั้งนี้ในส่วนของการพิจารณาราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2565/2566 ซึ่งเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้ร้องขอให้เร่งการประกาศราคาเพื่อให้โรงงานเบิกจ่ายได้อย่างรวดเร็ว โดยคณะกรรมการบริหาร (กบ.) ครั้งที่ 9/2566 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2565/2566และอยู่ระหว่างการเสนอต่อคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ในลำดับต่อไป ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหาร (กบ.) ได้กำหนดการประชุมครั้งต่อไป โดยมีวาระพิจารณาเพื่อกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2566/2567 
ในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้

สำหรับข้อเรียกร้องเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมการตัดอ้อยสดฤดูการผลิตปี 2566/2567 ในส่วนนี้ต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐโดยกระทรวงอุตสาหกรรม และพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อย เพื่อการหาแนวทางที่เหมาะสมร่วมกัน ให้การเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวอ้อยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่กระทบกับต้นทุนราคาอ้อย ทั้งยังจะช่วยให้ชาวไร่อ้อยมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น โดยในช่วงท้ายของการหารือผู้แทนชาวไร่อ้อยได้กล่าวขอบคุณกระทรวงอุตสาหกรรม ที่สนับสนุนและรับฟังปัญหาของชาวไร่อ้อย พร้อมสนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างสองฝ่ายเพื่อให้สามารถบรรลุความต้องการ
 
#ชาวไร่อ้อย #น้ำตาล #อ้อยสด #อุตสาหกรรม