กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พัฒนาบุคลากรในอุตฯเครื่องสำอางและความงามไทยครบทุกมิติ ตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทยครบทุกมิติ เพื่อยกระดับทั้งในด้านความเชี่ยวชาญ การออกแบบ การสร้างแบรนด์ ตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบวุฒิบัตรและโล่รางวัล กิจกรรมการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมี นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม อ.ดร.ปรารถนา คงสำราญ ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ นางสาวนันท์ บุญยฉัตร ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ (DIPROM) ผู้ประกอบการ และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน ณ ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้าเอ็มสเฟียร์ กรุงเทพฯ

นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามของไทยถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจภายในประเทศและการส่งออก โดยในปี 2566 ไทยมีมูลค่าการค้าเครื่องสำอางในตลาดโลกประมาณ 1.3 แสนล้านบาท (หรือ 3.79 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ: คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.45 จากปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับการเติบโตของมูลค่าการค้าเครื่องสำอางของโลก ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว รองลงมาคือ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม สบู่ ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและฟัน ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย และน้ำหอม ตามลำดับ ซึ่งล้วนแต่มีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้เพื่อยกระดับคุณภาพ ประสิทธิภาพ และสร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค (ที่มา : รายงานการศึกษายกระดับเครื่องสำอางไทยให้ตรงใจตลาดใหม่ สำนักงานนโยบายและยุทศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์) อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการผลิตสินค้า คือ “บุคลากร” ที่มีความรู้ ความสามารถ และเข้าใจในทิศทางของตลาดโลก การดำเนินกิจกรรมครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความพร้อมของบุคลากรไทย
ให้สามารถพัฒนาและยกระดับทั้งในด้านความเชี่ยวชาญ การออกแบบ การสร้างแบรนด์ และการตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

         

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ดำเนินการตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในการสนับสนุนพลังสร้างสรรค์ หรือ Soft Power ของประเทศไทย ผ่านการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยด้วย 6 กลไกที่สำคัญ คือ

1. การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก 2. การใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ 3. การเข้าถึงแหล่งเงินทุน 4. การเชื่อมกับสิทธิประโยชน์ 5. การเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตร และ 6. การผลักดันธุรกิจสู่สากล ซึ่งกิจกรรมนี้ได้เชื่อมโยง 3 กลไก ได้แก่

-การวิเคราะห์เชิงลึก โดยผู้เชี่ยวชาญช่วยวิเคราะห์ปัญหาและแนะแนวทางแก้ไข

-การใช้ความคิดสร้างสรรค์ มาเชื่อมโยงให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน

-การเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตร ที่ดำเนินการผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน และพัฒนาไปสู่การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในอนาคต

นางดวงดาว กล่าวต่อว่า กิจกรรมการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทย เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้บุคลากรในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทยได้พัฒนาความรู้ ความสามารถ เสริมสร้างความพร้อมในการสร้างแบรนด์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่อย่างสร้างสรรค์ ช่วยส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทยให้มีความรู้ในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ การตลาด และสามารถดึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยมาพัฒนาแบรนด์ให้โดดเด่น ทั้งนี้ คาดว่ากิจกรรมนี้ จะก่อให้เกิดรากฐานที่มั่นคงในการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามในประเทศไทยให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

ดีพร้อม เดินหน้าปั้น Hero Brand อุตสาหกรรมเครื่องสำอางฯ หนุนพลัง Soft Power แฟชั่นไทย

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) เดินหน้าสร้าง Hero Brand สาขาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางฯ หนุนผลักดัน Soft Power แฟชั่นไทย ผ่าน “กิจกรรมการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทย” ด้วยการพัฒนาทักษะในการสร้างภาพลักษณ์ ให้คำปรึกษาเชิงลึก ยกระดับภูมิปัญญาสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ตอบโจทย์ความต้องการตลาด พร้อมปั้น Hero Brand สู่แบรนด์ระดับสากล ที่ทันสมัย แตกต่าง และมีคุณค่า ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 62 ล้านบาท

นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ  ทั้งในด้านมูลค่าการส่งออก การจ้างงาน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับสาขาอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงาม ที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย โดยในปี 2567 ธุรกิจเครื่องสำอาง มีมูลค่าตลาดรวมถึง 2.81 แสนล้านบาท เนื่องจากกระแสความนิยมในการใส่ใจสุขภาพและความงาม และตลาดอีคอมเมิร์ซได้เข้ามา มีบทบาทในการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเครื่องสำอางฯ ยังคงประสบกับปัญหาในการสร้างภาพลักษณ์ให้โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ไม่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเท่าที่ควร การพัฒนาผลิตภัณฑ์และควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานสากล รวมถึงสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบัน ดังนั้นผู้ประกอบการจำเป็นต้องพัฒนาและยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางฯ ในมิติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการบ่มเพาะและพัฒนาผู้ประกอบการเชิงรุกให้มีศักยภาพในการแข่งขันบนฐานเศรษฐกิจยุคดิจิทัล รวมถึงให้เท่าทันกับบริบทความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและทิศทางของเศรษฐกิจโลก

โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการยกระดับศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทย ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้”ด้วยกลยุทธ์ 4 ให้ 1 ปฏิรูป ของนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่มุ่งส่งเสริม พัฒนา และยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการในทุก ๆ ด้าน อย่างตรงจุดผ่าน “กิจกรรมการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทย” โดยการพัฒนาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องสำอางฯให้มีองค์ความรู้ในการสร้างภาพลักษณ์ ยกระดับภูมิปัญญาสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ผ่านการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่มีรากฐานมาจากทุนทางวัฒนธรรมของไทยให้มีความเป็นสากล ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแฟชั่นในปัจจุบัน พร้อมสร้างต้นแบบ Hero Brand เพื่อยกระดับแบรนด์เครื่องสำอางไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดโลกมากขึ้น รวมถึงขยายโอกาสทางการตลาดและสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องสำอางฯ ในมิติต่าง ๆ ให้สามารถเติบโตก้าวสู่ตลาดสากลได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ซึ่งสอดรับกับนโยบายปฏิรูปอุตสาหกรรมให้มีความทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่กับการปรับตัวให้เข้ากับวิถีใหม่ของโลก ของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

นางดวงดาว กล่าวต่อว่า กิจกรรมดังกล่าว จะมุ่งเน้นการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์ สาขาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทยสู่ Fashion Hero Brand ในระดับสากล โดยผู้ประกอบการเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางฯ จำนวน 25 กิจการ ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นในการสร้างภาพลักษณ์ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ซึ่งจะเริ่มจากการให้ผู้ประกอบการมองเห็น ‘คุณค่าในตัวเอง’ การให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก อาทิ ด้านการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์ การจัดทำแผนการตลาดและแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริหารจัดการสื่อการตลาดออนไลน์ การส่งเสริมและสร้างภาพลักษณ์ รวมถึงการออกแบบและผลิตคลิปวิดีโอโปรโมตเพื่อเผยแพร่ผ่านสื่อ Social Media การศึกษาดูงานโรงงานต้นแบบในสาขาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางฯ แบรนด์ไทยที่ประสบความสำเร็จ เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการยกระดับศักยภาพธุรกิจของตนเอง ตลอดจนการทดสอบตลาดเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างความโดดเด่น ความเป็นอัตลักษณ์ให้กับแบรนด์ของตนเอง และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน พร้อมเติบโตและก้าวสู่การเป็นแบรนด์สินค้าที่เป็นที่รู้จักในระดับสากล

“กิจกรรมนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเวทีสำหรับการพัฒนาแบรนด์เท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ปลุกพลังความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการไทย กล้าถ่ายทอดอัตลักษณ์ของตนเองอย่างเต็มที่ และความงามของไทยไม่ใช่เพียงภายนอกหากแต่เป็นพลังภายในที่หยั่งรากจากวัฒนธรรม ภูมิปัญญา และศรัทธาในความเป็นไทย นี่คือจุดแข็งที่ไม่มีใครเลียนแบบได้และเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาแบรนด์ในยุค Soft Power สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญการขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์การพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ไทย (Soft Power) โดย ดีพร้อม เชื่อมั่นว่าผู้ประกอบการจะมีสมรรถนะและพัฒนาขีดความสามารถด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด และเกิดการสร้าง Hero Brand ในสาขาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทย อันจะนำไปสู่การสร้างแบรนด์ไทยไปไกลในเวทีโลกด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัย แตกต่าง มีคุณค่า และตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 62 ล้านบาท” นางดวงดาว กล่าวทิ้งท้าย