ยุโรปร้อนปรอทแตก

ส่งสัญญาณสะท้อนว่าโลกร้อนขึ้นโดยแท้ ซึ่งสอดคล้องตามการคาดการณ์ของบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพภูมิอากาศที่ออกมาส่งเสียงเพรียกเตือน จากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือภาวะโลกร้อน ที่มีต่อโลกเรา

พร้อมยกตัวอย่างกับสถานการณ์สภาพภูมิอากาศของภูมิภาคยุโรป ณ ชั่วโมงนี้ ที่เพิ่งย่างเข้าสู่ฤดูร้อน คิมหันตฤดู อย่างเป็นทางการ เมื่อไม่กี่ราตรีที่ผ่านมา คือ ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายนเป็นต้นมา ปรากฏว่า พื้นที่ในหลายประเทศของภูมิภาคยุโรป ก็ต้องเผชิญกับ “คลื่นอากาศร้อน” จนทำให้อากาศร้อนจัด

ถึงขนาดทางการในหลายประเทศ ต้องออกมาเตือนภัย พร้อมกับมีคำแนะนำประชาชนในการดูแลสุขภาพ ในช่วงที่กำลังเผชิญหน้ากับสภาพอากาศร้อนจัดเช่นนี้

โดยในบางพื้นที่ บางเมือง ก็ได้รับคำเตือนให้หลีกเลี่ยงการท่องเที่ยวไปชั่วคราวก่อน เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ ที่อาจจะล้มป่วยขึ้นได้ หากเดินทางสัญจรเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวกันเลยทีเดียว

เริ่มจากประเทศอังกฤษ เช่นในกรุงลอนดอน เมืองหลวงของประเทศ ทางการต้องออกมาเตือนประชาชนให้ระมัดระวังสุขภาพ เช่น การถูก “โรคลมแดด” ถามหา ภายหลังจากอุณหภูมิของนครหลวงของชาวเมืองผู้ดีแห่งนี้ พุ่งทะลุเกินกว่า 30 องศาเซลเซียส

คำแนะนำที่มีต่อประชาชน ก็มีทั้งให้สวมเสื้อผ้าหลวมๆ หมั่นจิบน้ำบ่อยๆ ลดกิจกรรมที่ร่างกายเคลื่อนไหวมากๆ เพราะจะทำให้เสียเหงื่อ

ทางการของหลายประเทศในยุโรป ออกคำแนะนำให้ประชาชนหมั่นจิบน้ำบ่อยๆ เพื่อคลายร้อน และไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด (Photo : AFP)

พร้อมกันนี้ ทางการดูจะเป็นห่วงต่อผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว เป็นพิเศษ ที่สุ่มเสี่ยงเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ง่ายกว่ากลุ่มคนกลุ่มอื่น จนถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องใส่เป็นพิเศษ ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัดเยี่ยงนี้

ความร้อนแรงของสภาพอากาศ ก็ถึงขนาดทำให้สนามหญ้า ตามสวนสาธารณะต่างๆ กลายสภาพจากเขียวชอุ่ม เป็นสีน้ำตาล อันเป็นผลจากอากาศที่ทั้งร้อนและแห้งแล้ง พาให้เป็นไป

ทั้งนี้ อุณหภูมิของกรุงลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษ ที่ทะลักพุ่งทะลุกว่า 30 องศาเซลเซียสข้างต้นนั้น ก็ยังเป็นอุณหภูมิที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยโดยประมาณถึง 10 องศาเซลเซียสด้วยกัน

ชาวกรุงลอนดอน ในอังกฤษ รายหนึ่ง คลายร้อนด้วยการขึ้นไปนั่งบนสะพานข้ามแหล่งน้ำตามธรรมชาติแห่งหนึ่ง (Photo : AFP)

ในการจัดการรับมือกับสภาพอากาศร้อนจัดของชาวเมืองผู้ดี หลายคนก็ต้องพึ่งร่มไม้ในสวนสาธารณะ หรือไม่ก็เป็นสระว่ายน้ำต่างๆ เพื่อให้บังเกิดความชุ่มฉ่ำสำหรับคนมีสตางค์ แต่สำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อย หรือผู้ที่ต้องการประหยัดเงิน ก็พึ่งพาแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ด้วยการไปนั่งพักใกล้แหล่งน้ำตามธรรมชาติ เช่น คลองต่างๆ เป็นอาทิ

นอกจากที่อังกฤษ ก็ยังมีประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคยุโรป ที่กำลังผจญกับสภาพอากาศร้อนจัด หลังจากที่คลื่นอากาศร้อนพัดถล่มเข้าถาโถม

ไม่ว่าจะเป็นออสเตรีย ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี โปรตุเกส เซอร์เบีย สเปน และสวิตเซอร์แลนด์ ลากยาวไปทั่วคาบสมุทรบอลข่าน รวมไปจนถึงตุรเคีย

ชาวกรุงโรม เมืองหลวงของอิตาลี ต้องอาศัยร่มไม้ริมถนนเป็นสถานที่คลายร้อน (Photo : AFP)

โดยอุณหภูมิของบรรดาประเทศเหล่านี้ ก็ทะลุพุ่งไปไม่ต่ำกว่า 32 องศาเซลเซียส จนทางการของหลายประเทศเหล่านั้น ต้องเปิดศูนย์หลบภัยร้อนกันเลยทีเดียว ซึ่งศูนย์หลบภัยร้อนที่ว่า ก็ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์ เพื่อให้ประชาชนเข้ามาหลบคลายร้อน

ทว่า ศูนย์หลบภัยร้อนเหล่านี้ ต้องบอกว่า มีอยู่อย่างจำกัด มีจำนวนไม่เพียงพอต่อประชากรที่กำลังประสบภัย

พร้อมกันนั้น ทางหน่วยงานด้านสาธารณสุข ก็มีคำเตือนเรื่องปัญหาสุขภาพของประชาบชน ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนจัดเช่นนั้น

โดยมีรายงานว่า โรงพยาบาลของหลายประเทศในยุโรปที่กำลังประสบกับภัยอากาศร้อน ต้องรับผู้ป่วยจากอาการโรคลมแดด จำนวนมากหลายเท่าตัว เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปีก่อนหน้า

กล่าวถึงบรรดาประเทศที่กำลังประสบกับภัยอากาศร้อนข้างต้นนั้น ที่นับว่า สาหัสสากรรจ์กว่าใคร ก็เห็นจะเป็นประเทศสเปน เจ้าของฉายาแดนกระทิงดุ ที่ปรากฏว่า ประชาชนได้เห็นอุณหภูมิขึ้นไปแตะที่ 40 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมืองเซบิยา ต้องถือว่า ร้อนปรอทแตกกันเลยทีเดียว เพราะอุณหภูมิพุ่งทะยานขึ้นไปอยู่ที่ 41 – 42 องศาเซลเซียส

ทั้งนี้ ภัยร้อนที่สเปนกำลังประสบนอกจากมีคำเตือนเรื่องปัญหาสุขภาพที่จะตามมาจากสภาพอากาศร้อนจัดดังกล่าวแล้ว บางเมืองของสเปน เช่น นครเซบียา ก็ถูกทางการของประเทศในยุโรป ประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว ให้หลีกเลี่ยงในช่วงระยะนี้ไปก่อน จากการที่อุณหภูมิพุ่งทะลุเกินกว่า 40 องศาเซลเซียสข้างต้น ซึ่งความร้อนระดับดังกล่าว มีความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้คนแล้ว

ทางการสเปน จัดรถพยาบาลฉุกเฉิน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการปฐมพยาบาล แก่ผู้ได้รับผลกระทบด้านสุขภาพ อันสืบเนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัด (Photo : AFP)

นอกจากเมืองเซบิยาแล้ว ปรากฏหลายเมืองในสเปน รวมไปถึงเมืองหลวงอย่างกรุงมาริด ก็ผจญกับสภาพอากาศร้อนจัดอย่างน่าสะพรึงเช่นกัน

โดยมีรายงานว่า ประชาชนชาวนครบาร์เซโลนา และชาวกรุงมาริด ต้องพึ่งพาความชุ่มฉ่ำ ตามสถานที่ที่มีน้ำพุ ส่วนผู้คนตามท้องถนน บางคนก็ถึงขั้นต้องใช้ร่มถึงสองคันกันเลยก็มี เพื่อบังแสงแดด

ชาวสเปน ในกรุงมาดริด ต้องอาศัยความชุ่มฉ่ำของน้ำในลานน้ำพุคลายร้อน (Photo : AFP)

สภาพอากาศร้อนจัด จากคลื่นอากาศร้อนที่ถาโถมดังกล่าวนั้น ก็มีคำเตือนจากทางการในหลายประเทศของภูมิภาคยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พื้นที่ยุโรปใต้ อันรวมไปถึงตุรเคียด้วยนั้น ถึงเรื่องการเกิดปรากฏการณ์ไฟป่า ซึ่งจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายหนักขึ้น จากการที่เดือดร้อนจากสภาพอากาศร้อนจัดยังไม่พอ ต้องมาผจญกับฝุ่นควันไฟ ที่กลายเป็นมลภาวะทางอากาศซ้ำเติมเข้าให้อีก

สุดสลด! หญิงชราวัย 71 วูบหน้าคว่ำลงกะบะผสมปูน เสียชีวิตคาหน้าบ้าน คาดอากาศร้อนจัดเป็นเหตุ

เกิดเหตุสุดสลด หญิงชราวัย 71 ปี กำลังยืนผสมปูนซีเมนต์ช่วยงานซ่อมบ้าน ท่ามกลางอากาศร้อนจัด เกิดเป็นลมล้มหน้าคว่ำลงในกะบะผสมปูน เสียชีวิตคาที่หน้าบ้านใน ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง


เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 พ.ค. 68 ร.ต.ท.พลวัฒน์ ทุมสิงห์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.หนองกรับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตจากการเป็นลมล้มหน้าคว่ำลงในกะบะผสมปูนซีเมนต์ ภายในบ้านหลังหนึ่งในหมู่ 3 ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จึงรุดตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู จุดบ้านค่าย


ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าบ้าน พบศพหญิงชรา อายุ 71 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ข้างกะบะผสมปูน สภาพใบหน้ามีคราบปูนซีเมนต์เปรอะเปื้อน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 นาที โดยญาติได้นำร่างผู้ตายขึ้นมาจากกะบะแล้วนำมาวางไว้บริเวณหน้าบ้าน


จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายกำลังช่วยลูกหลานซ่อมแซมบ้าน โดยมีการผสมปูนซีเมนต์เพื่อเทพื้น ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนอบอ้าว ขณะกำลังผสมปูนอยู่นั้น คาดว่าผู้ตายเกิดวูบเป็นลม ก่อนจะล้มหน้าคว่ำลงไปในกะบะผสมปูน ญาติที่อยู่ในบ้านเมื่อหันมาเห็นจึงรีบเข้าไปช่วยนำร่างขึ้นจากกะบะ พร้อมใช้น้ำล้างทำความสะอาดใบหน้า แต่ปรากฏว่าผู้ตายขาดอากาศหายใจไปแล้ว

เจ้าหน้าที่คาดว่าอากาศที่ร้อนจัดเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้หญิงวัย 71 ปีหมดสติจนเสียชีวิต 

อย่างไรก็ตาม ได้ส่งร่างผู้เสียชีวิตให้แพทย์ชันสูตรเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด ก่อนมอบศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

ทั่วไทยฝนฟ้าคะนอง ลมกรรโชกบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนภาคเหนืออากาศร้อนจัดบางจุด ใต้ฝนลดลงแต่ยังตกหนักบางพื้นที่

กรมอุตุนิยมวิทยารายงานลักษณะอากาศทั่วไป
ประจำวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ว่าพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยมีอากาศร้อนโดยทั่วไป และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ในภาคเหนือ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากมีลมใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน
สำหรับภาคใต้มีฝนลดลงแต่ยังคงมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากลมตะวันตกและลมใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ส่วนบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย


อนึ่ง ในช่วงวันที่ 9–12 พ.ค. 68 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฝนตกหนักบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆจะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด สำหรับภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น 

สภาวะอากาศที่มีผลต่อการสะสมฝุ่นละอองในระยะนี้: การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันบริเวณประเทศไทยตอนบน อยู่ในเกณฑ์น้อยถึงปานกลาง เนื่องจากบริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนตกบางพื้นที่
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย
00:00 น. วันนี้ ถึง 00:00 น. วันพรุ่งนี้
ภาคเหนือ

อากาศร้อนโดยทั่วไป และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ 
โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง 
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 23-28 องศาเซลเซียส 
อุณหภูมิสูงสุด 37-40 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 5-15 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อากาศร้อนโดยทั่วไป โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง 
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ 
ขอนแก่น มุกดาหาร นครราชสีมา และบุรีรัมย์
อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส 
อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคกลาง

อากาศร้อนโดยทั่วไป โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง 
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี 
อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส 
อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาเซลเซียส 
ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.  

ภาคตะวันออก

อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ 
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด 
อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส 
อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ 
ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส 
อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ 
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส 
อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพและปริมณฑล

อากาศร้อนโดยทั่วไป โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส 
อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส 
ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

แม่ไก่สู้ไม่ไหว! อากาศร้อนสุดไข่ไม่ออก ยันเพียงพอ ราคาไม่แพงเกินจริง

ไข่ไก่เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดีที่มีราคาย่อมเยาและเข้าถึงได้ง่ายที่สุดของคนไทยตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงของราคาจึงเป็นสิ่งที่สังคมให้ความสนใจอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่มีการปรับราคาขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้บริโภคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ถ้าเข้าใจวัฏจักรปกติของการผลิตและราคาของไข่ไก่ รวมถึงการยืนยันว่าการปรับราคาครั้งนี้มีเหตุผลรองรับอย่างสมบูรณ์ เป็นสถานการณ์ชั่วคราว และไข่ไก่ยังมีเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ ก็จะช่วยให้การบริโภคเป็นไปตามปกติและลดคำถามเรื่องราคา “ไข่ไก่ราคาแพง” ลงไปได้ 

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับวัฏจักรการผลิตและราคาไข่ไก่ ว่า มีสาเหตุมาจาก 3 ปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ คือ 

1.ผลกระทบจากสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว ที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้นต่อเนื่องตาม 
“ภาวะโลกร้อน ส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะการให้ไข่ของแม่ไก่ ทำให้แม่ไก่ออกไข่น้อยลง อีกทั้งขนาดของไข่ที่ผลิตได้มีแนวโน้มเล็กลง และสัดส่วนไข่ขนาดเล็กที่ออกสู่ตลาดมีสูงถึงกว่า 60% ซึ่งไข่เบอร์เล็กนี้มีราคาขายต่ำกว่าเบอร์กลางและใหญ่ค่อนข้างมาก ทั้งนี้ สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ระบุว่า ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนสำคัญต่อการผลักดันราคาไข่ไก่ในตลาด

2.การปลดไก่ยืนกรง (culling) ซึ่งเป็นนโยบายที่ภาครัฐนำมาใช้โดยขอความร่วมมือจากผู้เลี้ยงไก่ไข่ เพื่อรักษาสมดุลการผลิต
และเสถียรภาพราคาให้เป็นไปตามกลไกตลาด ด้วยการลดไก่อายุสูงและรักษาประสิทธิภาพการผลิต ส่งผลให้ไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดไม่ล้นเกิน ปริมาณไข่จึงยังคงสมดุลกับความต้องการในประเทศ

3.ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ข้อมูลปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าต้นทุนการเลี้ยงเพื่อจัดการกับภาวะอากาศร้อน (ค่าไฟฟ้า) เฉลี่ยที่ 3.40 
บาทต่อฟอง ตลอดจนต้นทุนวัตถุดิบอาหารแม้ที่ยังผันผวน ส่งผลให้เกษตรกรจำเป็นต้องปรับราคาขายไข่ไก่ เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สถานการณ์ผลผลิตและความต้องการในตลาด ข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่า ในเดือนเมษายนผลผลิตไข่ไก่ออกสู่ตลาดประมาณ 44.5 ล้านฟองต่อวัน ขณะที่ความต้องการบริโภคอยู่ที่ 43.3 ล้านฟองต่อวัน เห็นได้ว่าผลผลิตยังมีเพียงพอรองรับความต้องการโดยรวมได้ อย่างไรก็ตาม ช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงเปิดเทอม ซึ่งความต้องการไข่ไก่จะสูงขึ้นตามธรรมชาติของตลาด จึงเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้ราคามีการขยับตัวสูงขึ้นชั่วคราวตามกลไกตลาด

เปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ราคาไข่ไก่คละอยู่ที่ประมาณ 3.80 บาทต่อฟอง จึงเห็นได้ว่าการปรับราคาในปัจจุบันไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของตลาด แต่เป็นการสะท้อนต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมีเหตุผล เกษตรกรจำเป็นต้องดำเนินกิจการได้อย่างยั่งยืน เพื่อให้มีไข่ไก่จำหน่ายอย่างต่อเนื่องในอนาคต

จากข้อมูลดังกล่าว เห็นได้ว่าการปรับราคาไข่ไก่ในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมนี้เป็นผลจากวัฏจักรปกติของการผลิตและตลาด โดยมีปัจจัยธรรมชาติ ต้นทุนการผลิต และกลไกตลาดเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก สถานการณ์นี้เป็นเพียง “ภาวะชั่วคราว” ผู้บริโภคจึงไม่ควรวิตกกังวล เพราะไข่ไก่ยังคงมีเพียงพอสำหรับการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งช่วงนี้หน่วยงานภาครัฐทั้งกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ต้นทุนการผลิตและราคาขายเกินกว่าที่กำหนดไว้ และเพื่อให้ไข่ไก่เป็นอาหารโปรตีนคุณภาพสูงที่คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างต่อเนื่อง

โดย : ศิระ มุ่งมะโน นักวิชาการอิสระ

ศปช.เตือน 59 จังหวัด เตรียมรับพายุฤดูร้อนคาดการณ์วันนี้-1 พ.ค.68 สั่ง ปภ.เตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือทันทีหากเกิดสถานการณ์

ศปช.เตือน 59 จังหวัด เตรียมรับพายุฤดูร้อนคาดการณ์วันนี้ถึง1พ.ค. สั่ง ปภ. เตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือทันทีหากเกิดสถานการณ์

วันที่ 27 เมษายน 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. กล่าวว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิยา ได้ประกาศแจ้งเตือนพายุฤดูร้อน ฉบับที่ 7 ในช่วงวันที่ 27 เมษายน - 1 พฤษภาคม ซึ่งอาจมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก รวมทั้งอาจเกิดฟ้าผ่าได้ในบางจุด 

กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์พื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนดังกล่าว ทั้งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวม 59 จังหวัด ดังนี้
ภาคเหนือ (15 จังหวัด) ได้แก่  จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.ตาก จ.แพร่ จ.น่าน จ.พะเยา จ.เชียงราย จ.แม่ฮ่องสอน จ.อุตรดิตถ์ จ.สุโขทัย จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร จ.พิษณุโลก และ จ.เพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (17 จังหวัด) ได้แก่ จ.เลย จ.หนองบัวลำภู จ.ขอนแก่น จ.อุดรธานี จ.สกลนคร จ.นครพนม จ.ชัยภูมิ จ.กาฬสินธุ์ จ.มหาสารคาม จ.ร้อยเอ็ด จ.ยโสธร จ.อำนาจเจริญ จ.นครราชสีมา จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ จ.อุบลราชธานี

ภาคกลาง  (17 จังหวัด) ได้แก่ จ.นครสวรรค์ จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท จ.ลพบุรี จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.สุพรรณบุรี จ.กาญจนบุรี จ.ราชบุรี จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี จ.สมุทรปราการ และ กรุงเทพฯ

ภาคตะวันออก (8 จังหวัด) ได้แก่ จ.นครนายก จ.ปราจีนบุรี จ.สระแก้ว จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี จ.ระยอง จ.จันทบุรี จ.ตราด

ภาคใต้ (2 จังหวัด) ได้แก่ จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์

โดยขณะนี้ ศปช. ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ให้เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยง พร้อมเข้าเผชิญเหตุให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทันทีที่เกิดสถานการณ์ ขอให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ 59 จังหวัดดังกล่าว ติดตามสภาพอากาศ และข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

 #กรมอุตุนิยมวิทยาพายุฤดูร้อน #ข่าววันนี้ #พายุฤดูร้อน #อากาศร้อน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

 

อากาศร้อนเสี่ยงฮีตสโตรก เตือน 4 จังหวัดดัชนีความร้อนพุ่ง 52 องศา เข้าข่ายอันตรายมาก

อากาศร้อนเสี่ยงฮีตสโตรก! เตือน 4 จังหวัด ดัชนีความร้อนพุ่ง 52 องศา เข้าข่ายอันตรายมาก

วันที่ 27 เมษายน 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงสภาพภูมิอากาศที่ร้อนจัดในหลายพื้นที่ ทำให้เกิดความเสี่ยงฮีตสโตรกว่า จากข้อมูลของกรมอนามัยรายงานพบว่าปี 2562 - 2567 มีแนวโน้มผู้เสียชีวิตจากฮีตสโตรกเพิ่มขึ้น โดยมีผู้เสียชีวิตสะสม 212 ราย เฉลี่ย 27 รายต่อปี ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย 197 ราย มีอายุระหว่าง 41-60 ปี และมีปัจจัยประกอบ ได้แก่ มีโรคประจำตัว ทำกิจกรรมกลางแจ้ง และมีพฤติกรรมดื่มสุรา สำหรับปี 2568 พบอัตราป่วยด้วยโรคจากความร้อน กลุ่มฮีตสโตรก จำนวน 32 คน คิดเป็น 0.07 ต่อแสนประชากร อัตราป่วยสูงสุดที่จังหวัดตราด รองลงมาคือ สระแก้ว ปราจีนบุรี เลย นครราชสีมา แพร่ ตามลำดับ

สำหรับการคาดการณ์ดัชนีความร้อนของประเทศไทย ในช่วงวันที่ 27 เมษายน - 6 พฤษภาคม 2568 ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก และภาคใต้ จะมีค่าดัชนีความร้อนอยู่ในระดับอันตราย (สีส้ม) หรือ 42.0 - 51.9 องศา ถึงอันตรายมาก (สีแดง) หรือมากกว่าหรือเท่ากับ 52 องศา ขึ้นไป โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ปัตตานี นครศรีธรรมราช และสงขลา อยู่ในระดับอันตรายมาก

อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วดัชนีความร้อนหรือ Heat Index คือ ค่าอุณหภูมิที่คนเรารู้สึกได้ จะมีค่าสูงกว่าอุณหภูมิอากาศจริงเสมอ เนื่องจากมีปัจจัยความชื้นสัมพัทธ์ ซึ่งมีผลต่อการระบายความร้อนของร่างกาย เมื่ออากาศร้อน อุณหภูมิอากาศและความความชื้นสัมพัทธ์สูง เหงื่อที่ถูกขับออกมาจะไม่ระเหย ร่างกายจะรู้สึกร้อนมากกว่าอุณหภูมิจริง

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก และคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) คาดการณ์ว่าในปี ค.ศ. 2050 กว่า 50% ของประชากรโลก จะสัมผัสอุณหภูมิที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างน้อยปีละ 20 วัน ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากความร้อนอาจเพิ่มขึ้น 3 เท่า ในกลุ่มประเทศเขตร้อน โดยเฉพาะในประชากรกลุ่มเปราะบาง

"อยากย้ำเตือนในช่วงที่มีอากาศร้อนจัดขอให้ประชาชนหมั่นสำรวจสุขภาพ สังเกตอาการตัวเอง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ ผู้ที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรดื่มน้ำบ่อยๆ ไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ งดดื่มแอลกอฮอล์ ของมึนเมา เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เช่น ชาเขียว น้ำอัดลม หรือหากรู้สึกว่าตัวร้อนจัด ผิวหนังแดงและแห้ง หัวใจเต้นเร็วและแรง สับสน พูดจาไม่รู้เรื่อง คลื่นไส้ จะเป็นลม ต้องพยายามลดอุณหภูมิในร่างกายลง โดยนำผ้าชุบน้ำเย็น หรือน้ำแข็งประคบตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหลังคอ รักแร้ ขาหนีบ เพื่อให้อุณหภูมิร่างกายลดลงโดยเร็ว ถ้าอาการไม่ดีต้องนำรีบส่งโรงพยาบาล หรือโทร 1669 ถ้าไม่ได้รับการปฐมพยาบาลอย่างถูกต้องและทันเวลา อาจทำให้เสียชีวิตได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง" รมว.สาธารณสุขกล่าว

#อากาศร้อน #ข่าววันนี้ #ฮีตสโตรก #ดัชนีความร้อน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

อากาศร้อนแรงมาก! อุณหภูมิ 25 เม.ย.68 วัดได้ 41.6 องศาเซลเซียส อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอน

อากาศร้อนแรงมาก! อุณหภูมิ 25 เม.ย.68 วัดได้ 41.6 องศาเซลเซียส อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอน

วันที่ 26 เมษายน 2568 กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า อุณหภูมิสูงสุดบริเวณประเทศไทย เมื่อวานนี้ (25 เม.ย.68) วัดได้ 41.6 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอน

อุณหภูมิสูงสุดบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อวานนี้ (25 เม.ย. 68) วัดได้ 39.9 องศาเซลเซียส ที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

รายงานฝนสะสม 24 ชม.ที่ผ่านมา(25 เม.ย. 68) ตั้งแต่เวลา 07.00 น.ของวันที่ 25 เม.ย. 68 ถึง เวลา 07.00 น. ของวันที่ 26 เม.ย. 68 มีรายงานฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ปริมาณฝนสูงสุดวัดได้ 87.6 มม. ที่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่

ปริมาณฝนสะสมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รายงานจากสำนักการระบายน้ำ

รายงานฝนตกเล็กน้อยบางพื้นที่ ปริมาณฝนมากที่สุดวัดได้ 1.0 มม. ที่จุดวัดคลองแสนแสบ-เขตบางกะปี เขตบางกะปิ และที่จุดวัด สำนักงานเขตหลักสี่

อุณหภูมิสูงสุดบริเวณประเทศไทย 10 อันดับ ประจำวันที่ 25 เม.ย. 68

1. 41.6 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอน

2. 41.5 องศาเซลเซียส ที่ อ.เถิน จ.ลำปาง

3. 40.9 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์

4. 40.8 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมืองตาก จ.ตาก

5. 40.6 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง

6. 40.5 องศาเซลเซียส ที่ ต.ท่าพระ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น

7. 40.4 องศาเซลเซียส ที่ เขื่อภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก

8. 40.3 องศาเซลเ1ซียส ที่ อ.สว่างวีระวงศ์ จ.อุบลราชธานี

9. 40.2 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร

10. 40.2 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี

#อากาศร้อน #ข่าววันนี้ #กรมอุตุเตือนพายุฤดูร้อน #พยากรณ์อากาศ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #กรมอุตุ #พายุฤดูร้อน

 

'แม่ฮ่องสอน'อากาศร้อนแตะ 40.8 องศา ชาวบ้านแห่เล่นน้ำปายคลายร้อน พัดลม-แอร์ยอดขายพุ่ง

แม่ฮ่องสอนเจอคลื่นความร้อนรุนแรง อุณหภูมิพุ่งทะลุ 40 องศาเซลเซียส ส่งผลให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวแห่หลบร้อนเล่นน้ำบริเวณแม่น้ำปาย ขณะที่เครื่องใช้ไฟฟ้าคลายร้อนอย่างพัดลมและเครื่องปรับอากาศกลายเป็นสินค้าขายดี

เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดแม่ฮ่องสอนเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัด โดยอุณหภูมิในช่วงบ่ายวัดได้สูงถึง 40.8 องศาเซลเซียส จากผลกระทบของไฟป่าที่ลุกลามในหลายพื้นที่ ทำให้อุณหภูมิในพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ประชาชนจำนวนมากเลือกหลบร้อนตามสถานที่ร่มรื่น โดยเฉพาะบริเวณแม่น้ำปาย บ้านท่าโป่งแดง ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีการจัดตั้งซุ้มนั่งริมแม่น้ำและกลางน้ำกว่า 200 ซุ้ม พร้อมให้บริการอาหาร เครื่องดื่ม และห่วงยางเล่นน้ำ กลายเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างเป็นกอบเป็นกำ

ผู้ประกอบการในพื้นที่ยังร่วมมือกันงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการทะเลาะวิวาทและรักษาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

ขณะเดียวกัน เครื่องใช้ไฟฟ้าคลายร้อนอย่างพัดลมและแอร์คอนดิชันเนอร์มียอดขายเพิ่มสูงขึ้น แม้ราคาจะสูงและค่าไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน แต่ก็กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่หลายครัวเรือนต้องมีไว้ใช้เพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด

ทางด้านนายแพทย์ทศพล ดิษฐ์ศิริ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน ออกมาเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการเจ็บป่วยจากคลื่นความร้อน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคไต ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงแดดจัด และควรปรับเวลาทำงานให้เหมาะสม หยุดพักบ่อย ๆ รวมถึงสวมเสื้อผ้าบาง เบา เพื่อป้องกันการสะสมความร้อน

นอกจากนี้ ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำสะอาดไม่น้อยกว่า 10 แก้วต่อวัน และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยสามารถเลือกดื่มน้ำสมุนไพรไทยที่ช่วยดับกระหายและคลายร้อน เช่น น้ำมะตูม น้ำใบเตย น้ำเก๊กฮวย น้ำฝาง หรือน้ำตรีผลา ที่สามารถทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน

สำหรับผู้ที่พาบุตรหลานไปพักผ่อนตามแม่น้ำหรือแหล่งน้ำธรรมชาติ ขอให้เพิ่มความระมัดระวัง ไม่ควรปล่อยให้เด็กลงเล่นน้ำตามลำพัง และควรจัดหาอุปกรณ์ความปลอดภัยไว้ให้พร้อมทุกครั้งเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจมน้ำ

เตือนค่าดัชนีความร้อน 23 เม.ย.68 อันตราย! หลายพื้นที่ร้อนทะลุ 42°C แนะดื่มน้ำ - อยู่ในร่ม

วันที่ 23 เม.ย. เพจเฟซบุ๊ก กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความระบุว่า...

#แจ้งเตือน !! #ค่าดัชนีความร้อน (Heat Index) ประจำวันที่ 23 เมษายน 2568

ค่าดัชนีความร้อน (Heat Index) อยู่ในเกณฑ์ “อันตราย”

คำแนะนำในการปฏิบัติตัว

ประชาชนทั่วไป : ควรลดระยะเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง

กลุ่มเสี่ยง : จำกัดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง

(เวลา 11.00 - 15.00 น.) รวมทั้งสังเกตอาการตัวเอง หากมีอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์

#รู้สู้ร้อน #HeatIndex #สำนักสิ่งแวดล้อม #สำนักอนามัย #กรุงเทพมหานคร

 

อากาศร้อน-ผลผลิตลดดันราคาหมูพุ่งสูงสุดรอบ 2 ปี กรมการค้าภายในสั่งห้างตรึงราคาห้ามเอาเปรียบผู้บริโภค

อากาศร้อน-ผลผลิตลดดันราคาหมูพุ่งสูงสุดรอบ 2 ปี กรมการค้าภายในสั่งห้างตรึงราคาห้ามเอาเปรียบผู้บริโภค

วันที่ 22 เมษายน 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในติดตามสถานการณ์การผลิตและภาวะการค้าสุกรและเนื้อสุกร ทั้งระดับค้าส่งและค้าปลีกอย่างใกล้ชิด และให้แก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยกรมฯ ได้หารือร่วมกับกรมปศุสัตว์และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติเป็นประจำ พบว่าปริมาณสุกรออกสู่ตลาดลดลง โดยออกสู่ตลาดเฉลี่ยวันละประมาณ 60,000 ตัว แต่ยังคงเพียงพอต่อการบริโภคที่มีอย่างต่อเนื่อง โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ปริมาณสุกรออกสู่ตลาดลดลง มาจากสภาพอากาศร้อนจัดตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ส่งผลให้สุกรโตช้า น้ำหนักเฉลี่ยก่อนเข้าฆ่าลดลง อีกทั้งยังมีการสูญเสียในระหว่างการเลี้ยงเพิ่มขึ้น ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง

นอกจากนี้ เกษตรกรยังต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากค่าน้ำ และค่าไฟฟ้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจากความจำเป็นในการควบคุมอุณหภูมิภายในฟาร์ม เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสภาพอากาศร้อน อย่างไรก็ตาม ราคาประกาศสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติในสัปดาห์นี้ยังคงทรงตัวต่อเนื่อง อยู่ที่ 88 บาท โดยแนวโน้มราคาจะยังคงทรงตัวต่ออีกระยะหนึ่ง ก่อนจะเริ่มปรับลดลงเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนที่มีสภาพอากาศเหมาะสมต่อการเลี้ยง และเป็นไปตามรอบการผลิต

”ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมฯ ได้ประชุมร่วมกับห้างค้าส่งและค้าปลีก ให้ตรึงราคาจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ หากมีความจำเป็นต้องปรับราคาขึ้น จะต้องแจ้งให้กรมฯ ทราบล่วงหน้า เพื่อที่กรมฯจะได้เข้าหารือและเจรจากับผู้ผลิตรายใหญ่ เพื่อควบคุมต้นทุนไม่ให้กระทบผู้บริโภค นอกจากนี้กรมการค้าภายในได้มีมาตรการรองรับเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค โดยมีการจำหน่ายเนื้อสุกรราคาต่ำกว่าท้องตลาดในงานธงฟ้าราคาประหยัด ทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภูมิภาค เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน พร้อมทั้งเชื่อมโยงเนื้อสุกรแดงเข้าสู่โมบายธงฟ้า และงานธงฟ้าทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเนื้อสุกรคุณภาพในราคาย่อมเยา”

ทั้งนี้ กรมการค้าภายในยังคงติดตามสถานการณ์ราคาสุกรและเนื้อสุกรอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด หากพบว่าผู้ค้ารายใดมีพฤติกรรมจำหน่ายสินค้าในราคาสูงเกินสมควร ประชาชนสามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1569 หากพบการกระทำผิดจะมีโทษตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มีโทษปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยข้อมูลระบุว่า ราคาหมูในเดือนเมษายน 2568 ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี และมองว่าราคาเนื้อหมูที่สูงขึ้น จะกระทบต่อผู้เล่นหลัก ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการเขียงหมู ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เนื้อหมูแปรรูป จนถึงร้านอาหาร/ผู้บริโภค โดยราคาหมูหน้าฟาร์ม หมูเนื้อแดง และหมูสามชั้น ช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 มีการเปลี่ยนแปลงดังนี้

-หมูหน้าฟาร์ม ราคา 75 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 14.1% จากราคาเมื่อปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 69 บาทต่อกิโลกรัม

-หมูเนื้อแดง ราคา 147 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 15% จากราคาปี 2567 อยู่ที่ 132 บาท

-หมูสามชั้น ราคา 203 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 7.2% จากราคาปี 2567 อยู่ที่ 193 บาท

สำหรับสถานการณ์ราคาหมูที่ปรับสูงขึ้นในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 มาจาก 4 ประเด็นหลัก คือ
1.ผลผลิตหมูลดลงราว 2.2% จากอากาศร้อน โดยเฉพาะเดือนมีนาคม และเมษายน 2568

2.ราคาอาหารหมูปรับขึ้น โดยรำสดปรับเพิ่ม 2.3% และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่ม 3.1%

3.ความต้องการบริโภคพุ่ง ในเทศกาลตรุษจีนและสงกรานต์

4.เกษตรกรรายย่อยบางส่วนเลิกกิจการ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า แม้ราคาหมูในช่วงที่เหลือของปี 2568 จะปรับลดลงตามผลผลิตที่เพิ่มจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยขึ้น แต่ราคาหมูหน้าฟาร์มทั้งปี 2568 จะยังเพิ่ม 2.6% ทำให้ราคาหมูเนื้อแดงเพิ่ม 3.7% และหมูสามชั้นเพิ่ม 4.8%

#ราคาหมู #อากาศร้อน #ข่าววันนี้ #กระทรวงพาณิชย์ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์