เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด ALLWELL รุ่น GlucoAll-1B นวัตกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพที่สะดวกและแม่นยำ

วันที่ 4 กันยายน 2568 GlucoAll-1B เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด จากแบรนด์ ALLWELL ที่ได้รับการออกแบบมาให้สามารถตรวจวัดผลได้อย่างแม่นยำและสะดวกต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามระดับน้ำตาลอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยเบาหวานหรือบุคคลทั่วไปที่ใส่ใจสุขภาพ ทั้งยังเป็นเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 15197:2013 และ EN ISO 15197:2015 พร้อมผ่านการทดสอบประสิทธิภาพโดยผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์การแพทย์ จึงมั่นใจได้ว่า จะได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและเชื่อถือได้ โดยมาพร้อมคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องง่ายขึ้น

- เชื่อมต่อกับแอปสุขภาพ Allwell Health เพื่อบันทึกผล เรียกดูประวัติย้อนหลัง พร้อมประเมินผลสุขภาพอย่างสะดวกและแม่นยำ ให้เห็นแนวโน้มสุขภาพในรูปแบบกราฟ

- สามารถตั้งค่าโหมดการวัดก่อนหรือหลังรับประทานอาหาร ช่วยให้ติดตามระดับน้ำตาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- เทคโนโลยีวิเคราะห์อัจฉริยะ ให้ผลตรวจที่แม่นยำภายใน 6 วินาที

- แจ้งเตือนความเสี่ยง Ketone ในเลือดสูง ลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน

- ประมวลค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลในเลือด ใน 7, 14, 21, 28, 60 และ 90 วัน พร้อมบันทึกค่าให้อัตโนมัติ 400 ค่า 

- มีปุ่ม Strip Ejector สามารถปลดแผ่นตรวจได้ โดยมือไม่สัมผัสกับเลือด

- ใช้งานง่าย เพียง 3 ขั้นตอน พร้อมหน้าจอแสดงผลที่คมชัด เเจ้งเตือนเมื่อค่าน้ำตาลผิดปกติ

เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด GlucoAll-1B จำหน่ายโดย ALLWELL แบรนด์เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์เพื่อสุขภาพที่ได้รับการยอมรับจากโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ ด้วยประสบการณ์กว่า 26 ปี ที่ได้มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงผ่านการตรวจสอบมาตรฐานอย่างเข้มงวด เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่ปลอดภัย แม่นยำ และเชื่อถือได้ การันตีด้วยการรับรองมาตรฐานระดับสากลและรางวัลการันตีมากมาย พร้อมบริการหลังการขายที่ดูแลใส่ใจในทุกขั้นตอน จึงทำให้ ALLWELL ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วประเทศมากมาย

ให้การดูแลสุขภาพของคุณง่ายขึ้น ด้วย GlucoAll-1B เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดจากแบรนด์ ALLWELL พร้อมวางจำหน่ายในร้านขายยา และช่องทางออนไลน์ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ Line OA: @allwell (https://lin.ee/alnRcxb) หรือเว็บไซต์ allwellhealthcare

หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ DKSH คว้ารางวัล Healthcare Asia Medtech Awards 2025

บริษัท DKSH (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับรางวัล Healthcare Asia Medtech Award 2025 สาขา "Hospital Partnership of the Year – Thailand" จากนวัตกรรมบริการดูแลสุขภาพผู้ป่วยที่บ้านแบบครบวงจร หรือ โฮมเพ้าส์ (Home Pulse) ซึ่งช่วยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ DKSH ในการส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย

หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บริษัท DKSH (ประเทศไทย) จำกัด พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ด้านโซลูชันการดูแลสุขภาพและผู้นำด้านการขยายตลาด สำหรับบริษัทผู้ผลิตเวชภัณฑ์ยา บริษัทผู้ผลิตยาจำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ (OTC) ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และเครื่องมือแพทย์ ได้รับรางวัล Healthcare Asia Medtech Awards 2025 สาขา “Hospital Partnership of the Year – Thailand” ซึ่งมีพิธีมอบรางวัล ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย รางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นสิ่งยืนยันถึงความสำเร็จของ “Home Pulse” นวัตกรรมด้านบริการสุขภาพที่มุ่งเน้นการดูแลผู้ป่วยถึงบ้าน ช่วยยกระดับการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในประเทศไทย 

โดยการได้รับรางวัลดังกล่าวสะท้อนถึงองค์ความรู้ ความชำนาญและเชี่ยวชาญในระบบการดูแลสุขภาพในประเทศไทยของ DKSH และเป็นผลจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาบริการโดยให้ความสำคัญกับผู้ป่วยเป็นหลัก มีการศึกษาความต้องการของผู้ป่วย และออกแบบบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการเดินทางไปโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น นอกจากบริการดังกล่าว DKSH ยังคงเดินหน้าพัฒนาการให้บริการสุขภาพต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ในวงกว้างแก่ชุมชนทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง อีกด้วย

Healthcare Asia Medtech Awards ถือเป็นหนึ่งในรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการเทคโนโลยีการแพทย์และการดูแลสุขภาพของเอเชีย ซึ่งยกย่องโครงการ องค์กร และผู้นำที่มีความโดดเด่นในด้านนวัตกรรมการดูแลสุขภาพและการพัฒนาระบบดูแลสุขภาพที่ยั่งยืน ทั้งยังมุ่งเน้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการพัฒนาการดูแลผู้ป่วยที่พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เติบโต

นวัตกรรมบริการดูแลสุขภาพที่บ้านแบบครบวงจร
"Home Pulse" เป็นบริการดูแลสุขภาพที่บ้านแบบครบวงจรของ DKSH ที่พลิกโฉมการให้บริการทางการแพทย์ที่บ้านในประเทศไทยด้วยการให้บริการที่มีคุณภาพได้มาตรฐานเทียบเท่าโรงพยาบาลเช่น การเก็บตัวอย่างเลือด การให้คำปรึกษาทางการแพทย์แบบออนไลน์ (Teleconsultation) การตรวจวินิจฉัย และการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังถึงบ้านของผู้ป่วยโดยตรง ด้วยความร่วมมือกับโรงพยาบาลชั้นนำและสถาบันการแพทย์ใประเทศไทย “Home Pulse” ช่วยลดความจำเป็นในการเดินทางไปโรงพยาบาล โดยมอบประสบการณ์ที่สะดวกสบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกาย หรือการเคลื่อนไหว หรือผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงความแออัดหรือการรอคิวนานในโรงพยาบาล นับตั้งแต่เริ่มดำเนินงาน “Home Pulse” ช่วยลดอัตราการกลับเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลได้ถึง 30% ปัจจุบันได้ขยายการให้บริการครอบคลุมในพื้นที่กรุงเทพฯ ปทุมธานี อยุธยา นครปฐม และนนทบุรี พร้อมมีแผนที่จะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศในอนาคตอันใกล้นี้

นายแพทริค แกรนเด รองประธานฝ่ายบริหาร หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บริษัท DKSH (ประเทศไทย) จำกัด และหัวหน้าฝ่าย Commercial Outsourcing ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก DKSH กล่าวว่า “'Home Pulse' ได้กำหนดนิยามใหม่ในการส่งมอบบริการถึงบ้านของผู้ป่วย ด้วยมาตรฐานที่เทียบเท่ากับโรงพยาบาล DKSHรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ โดยความสำเร็จของ Home Pulse ในครั้งนี้เกิดจากความมุ่งมั่นของ DKSH ในการพัฒนาแนวทางการสนับสนุนบริการทางการแพทย์ที่ให้ความสำคัญกับผู้ป่วยเป็นหลัก และการสร้างระบบนิเวศสุขภาพที่ยั่งยืน  และจะเป็นแรงบันดาลใจให้เรายังคงเดินหน้าขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพในเอเชีย ตามพันธกิจในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนของเรา" 

นอกจากรางวัลสาขา "Hospital Partnership of the Year – Thailand" แล้ว DKSH ยังได้รับรางวัลสาขา "ESG Program of the Year – Asia" จากโครงการ "Patient Purpose Day" ซึ่งเป็นโครงการในระดับภูมิภาคเอเชียที่มุ่งเน้นการพัฒนาแนวทางการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสังคม เกี่ยวกับ DKSH  
วัตถุประสงค์ของ DKSH คือการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ตลอดระยะเวลาเกือบ 160 ปี DKSH ได้ส่งเสริมการเติบโตของบริษัทต่างๆ ในเอเชียและทั่วโลก ผ่านหน่วยธุรกิจหลักทั้ง 4 ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ สินค้าอุปโภคบริโภค วัสดุขั้นสูง และเทคโนโลยี ในฐานะผู้ให้บริการขยายตลาดชั้นนำ DKSH ให้บริการด้านการจัดหา ข้อมูลเชิงลึกของตลาด การตลาดและการขาย อีคอมเมิร์ซ การจัดจำหน่ายและโลจิสติกส์ รวมถึงบริการหลังการขาย DKSH เป็นผู้เข้าร่วมโครงการ United Nations Global Compact และปฏิบัติตามแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ DKSH จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สวิส (SIX Swiss Exchange) และดำเนินธุรกิจใน 36 ประเทศด้วยบุคลากรกว่า 28,060 คน สร้างยอดขายสุทธิ 11.1 พันล้านฟรังก์สวิสในปี 2567 หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของ DKSH จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยา สินค้าเพื่อสุขภาพผู้บริโภค และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ ด้วยทีมงานกว่า 7,940 คน หน่วยธุรกิจได้สร้างยอดขายสุทธิ 5.7 พันล้านฟรังก์สวิสในปี 2567 

สร้างประวัติศาสตร์! เต้นเพื่อสุขภาพแนวใหม่ “MuayThai FIT Dance Live by CCC ” พบปรากฎการณ์ต้นแบบ ครั้งใหญ่สุดของประเทศ

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดเต็มงานเทศกาลเต้นเพื่อสุขภาพแนวใหม่ "Muaythai Fit Dance Live" ผ่านแพลตฟอร์ม CCC ผู้เข้าร่วมเต้นกว่า 500 ชีวิต ประสบความสำเร็จล้นหลาม สร้างปรากฏการณ์ Challenge ต้นแบบครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ ณ ใจกลางสยามสแควร์ 

วันที่ 4 พฤษภาคม 2568 ณ ลานกิจกรรม BLOCK I สยามสแควร์ ได้มีพิธีเปิดงานเทศกาลเต้นเพื่อสุขภาพแนวใหม่ "MuayThai FIT Dance Live by CCC" อีเวนต์ใหญ่ระดับชาติครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ตอบรับกระแสโลก ปลุกคนไทยแสดงพลังทั่วประเทศ ด้วยท่าเต้นออกกำลังกายแนวใหม่ล่าสุด Muaythai Fit Dance ต้นแบบครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยมี น.ส.วนิดา พันธ์สะอาด รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและผู้เข้าร่วมงานคับคั่งกว่า 500 คน เมื่อวันที่ิ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ภายในงานได้มีการสัมภาษณ์พูดคุยกับผู้ร่วมงานเกี่ยวกับความพร้อมความฟิตที่จะร่วมกิจกรรมครั้งนี้กับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง นำโดย มิกกี้ นนท์, ครอบครัวกาย ฮารุ ที่ได้มาพูดคุยแรงบันดาลใจ ไลฟ์สไตล์ และความสำคัญในการออกกำลังกาย โดยผู้เข้าร่วมงานทุกคนได้ร่วมกันยืดกล้ามเนื้อร่างกาย ก่อนเข้าสู่การเต้น Muaythai Fit Dance ร่วมกันอย่างคึกคักด้วยท่ามวยไทยเน้นออกหมัด และสเต็ปการโยกลำตัว จากนั้นได้ทำการคูลดาวน์ ก่อนร่วมฉลองประวัติศาสตร์การเบิร์นแคลอรี่ร่วมกัน และถ่ายภาพที่ระลึกร่วมกัน ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่สมกับเป็นอีเวนต์ใหญ่ระดับชาติครั้งแรกในประวัติศาสตร์

น.ส.วนิดา พันธ์สะอาด รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีภารกิจในการส่งเสริมให้ประชาชนออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอ เป้าหมายเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี คุณภาพชีวิตที่ดี บุคลากรที่เข้มแข็งมีความพร้อมในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ จึงได้ริเริ่มพัฒนาแพลตฟอร์ม Calories Credit Challenge หรือ CCC ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมโยง บูรณาการ และกระตุ้นให้คนไทยทุกเพศทุกวัย หันมาออกกำลังกายและเล่นกีฬาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เป็นแพลตฟอร์มเก็บรวบรวมข้อมูลและสถิติการออกกำลังกาย และการเล่นกีฬาของประชาชน

ทั้งนี้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลจาก Smartwatch แอพพลิเคชั่นต่างๆ มาไว้ในที่เดียว เพื่อนำข้อมูลมากำหนดนโยบายด้านการกีฬาและด้านส่งเสริมสุขภาพของประเทศ รวมทั้งประชาชน บริษัท หน่วยงานสามารถสร้าง Challenge ในการแข่งขันเพื่อกระตุ้นให้กลุ่มเพื่อน บุคลากรในหน่วยงานหันมาสนใจออกกำลังกายร่วมกัน และสามารถนำคะแนนที่สะสมมาแลกรับของรางวัล หรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่งในระยะที่ผ่านมามีการสร้าง Challenge กว่า 10,000 Challenge ทั้งจากภาครัฐ เอกชนและภาคประชาสังคม และมีการสนับสนุนของรางวัลให้แก่ประชาชนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจำนวนมาก 

กิจกรรม MuayThai FIT Dance เป็นหนึ่งในแคมเปญที่เชิญชวนให้ประชาชนทั่วประเทศ เข้าร่วม Challenge ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม-13 เมษายน 2568 มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 1,733 คน โดยทุกท่านเป็น 1 ใน 500 คน ที่ออกกำลังกายครบตามกติกา มารวมกัน ณ ใจกลางสยามสแควร์ในวันนี้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั้งประเทศหันมาออกกำลังกาย ผ่านท่าเต้น MuayThai FIT Dance ซึ่งเป็นการนำศิลปะแม่ไม้มวยไทยมาประยุกต์เข้ากับท่าเต้นสมัยใหม่ ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างกระแสความนิยมในการออกกำลังกายแล้ว ยังเป็นการส่งเสริม Soft Power ของประเทศไทย

"ขอขอบคุณทีมงานทุกภาคส่วน ทั้งจากทั้งหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชนและประชาสังคม รวมทั้งประชาชนทุกภาคส่วน ที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการผลักดันให้แคมเปญนี้เกิดขึ้นจริง และขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยทุกท่าน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ ในการส่งผลการออกกำลังกายผ่านแพลตฟอร์ม CCC และร่วมสนุกไปกับแคมเปญ MuayThai FIT Dance ไม่เพียงแต่จะสร้างสุขภาพที่ดีให้กับตัวท่านเองเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นหันมาใส่ใจสุขภาพและก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน" น.ส.วนิดา พันธ์สะอาด กล่าว

สำหรับ MuayThai FIT Dance Live by CCC เป็นงานเทศกาลเต้นเพื่อสุขภาพแนวใหม่ ผ่านแอพพลิเคชั่น CCC ซึ่งได้นำท่าทางของแม่ไม้มวยไทย ศิลปะการต่อสู้มรดกชาติไทยมาประยุกต์เป็นท่าเต้นที่มีรูปแบบเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของกีฬามวยไทย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นประชาชนผู้สนใจออกกำลังกายอายุ 20-40 ปี และองค์กรและหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการ รวมทั้งประชาชนทั่วไป องค์กรและหน่วยงานอื่นๆ ที่สนใจเข้าร่วม สำหรับในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม พร้อมกับสร้างปรากฏการณ์ Challenge ต้นแบบครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ

“โฮปฟูล” ชวนดูแลสุขภาพช่วงสงกรานต์ เสริมพลังให้เต็มที่กับทุกกิจกรรมแห่งความสุข

เทศกาลสงกรานต์ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่คนไทยทั่วประเทศรอคอย ทั้งการเดินทางกลับบ้าน การพบปะญาติมิตร และกิจกรรมเฉลิมฉลองในบรรยากาศชุ่มฉ่ำ ท่ามกลางความคึกคักและอุณหภูมิที่สูงขึ้น “การดูแลสุขภาพ” กลับกลายเป็นสิ่งที่หลายคนอาจเผลอมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา หรือผลกระทบจากแสงแดดและความร้อน

วันที่ 10 เมษายน 2568 จากรายงานของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์กว่า 68% ของประชาชนมีแนวโน้มพักผ่อนไม่เพียงพอ ขณะที่ มากกว่า 50% มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่เกินความจำเป็น ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะอ่อนเพลีย ภูมิคุ้มกันลดลง และปัญหาด้านระบบย่อยอาหารโดยไม่รู้ตัว และเพื่อให้คนไทยได้ใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขได้อย่างเต็มที่และมีความสุข บริษัท โฮปฟูล จำกัด (Hopeful)  ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ แนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสูตรเฉพาะ ที่ช่วยดูแลร่างกายแบบองค์รวม เสริมภูมิคุ้มกัน ฟื้นฟูร่างกายจากภายใน ที่จะทำให้ทุกช่วงเวลาของการเฉลิมฉลองเต็มไปด้วยสุขภาพที่ดีและความสบายใจตลอดทั้งวัน

คุณอรรคพล หยกยิ่งยง ประธานกรรมการ บริษัท โฮปฟูล จำกัด (Hopeful)  กล่าวว่า โฮปฟูลเชื่อว่าสุขภาพที่ดีคือรากฐานของความสุขในทุกเทศกาล เราจึงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ด้านโภชนาการ แต่ยังคำนึงถึงคุณภาพต่อการบริโภคในทุกช่วงวัยอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่ร่างกายต้องรับมือกับกิจกรรมที่หลากหลายและพักผ่อนน้อยกว่าปกติ ซึ่งผลิตภัณฑ์จากโฮปฟูล ถูกพัฒนาขึ้นด้วยสารสกัดจากธรรมชาติที่ผ่านการวิจัยรับรองในระดับสากล ผสานกับกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน GMP/HACCP เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพสูงสุดในทุกเม็ด ทุกสูตรออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เน้นการดูแลสุขภาพจากภายใน โดยปัจจุบันโฮปฟูล จำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านตัวแทนทั่วประเทศ ผ่านช่องทางออนไลน์ที่สะดวกสบาย ได้แก่ Facebook, Line Official Account (@Hopeful), TikTok Shop, Shopee และ Lazada

“สุขภาพไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ควรถูกละเลยแม้ในช่วงเทศกาล โฮปฟูลมุ่งมั่นที่จะอยู่เคียงข้างทุกคน สนับสนุนให้การดูแลสุขภาพกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน” คุณอรรคพล กล่าว

TSE ตั้งเป้าปี 68 รุกขยายธุรกิจไฟฟ้า-สุขภาพ-ความงาม

TSE ตั้งเป้าปี68 รุกขยายธุรกิจไฟฟ้า-สุขภาพ-ความงาม

นางสาวชนากานต์ เยี่ยมวิญญะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี พร้อมด้วย นางสาววีณัชฐย นีรภาพิธุกานต์ เจ้าหน้าที่นักลงทุนสัมพันธ์อาวุโส บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE ร่วมนำเสนอข้อมูลสรุปผลการดำเนินงานประจำปี 2567 ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เปิดเผยว่า ภาพรวมของผลการดำเนินงวดปี 2567 มีรายได้รวม 1,228 ล้านบาท เป็นรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 1,102 ล้านบาท และ Normalized EBITDA อยู่ที่ 724 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงานตามปกติอยู่ที่ 152 ล้านบาท ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2568 ยังคงตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ที่ได้วางเป้าหมายไว้ ทั้งในเรื่องการขยายการลงทุนในธุรกิจหลักกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนต่างๆ ที่ได้รับการคัดเลือกและการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ แตกไลน์สู่ธุรกิจด้านสุขภาพ และความงามตามเมกะเทรนด์ของโลก 

BDI จับมือ สปสช.เขต 9 ลุย 4 จ. เชื่อมระบบ Health Link ยกระดับสุขภาพแบบไร้รอยต่อ ตั้งเป้าหมื่นแห่งทั่วปท. ภายในปี 68

สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI ร่วมกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 9 นครราชสีมา ลงพื้นที่หน่วยบริการสุขภาพโฮมคลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ และอรพินท์คลินิกทันตกรรม อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามผลการดำเนินงานโครงการระบบดิจิทัลและเทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ (Health Information Exchange: Health Link) และเยี่ยมชมการสาธิตการใช้ระบบ Health Link โดยมี นพ.ธนกฤต จินตวร ผู้บริหารกิจการพิเศษ BDI ภก.สายชล พิมพ์เกาะ รักษาการผู้อำนวยการ สปสช. เขต 9 นครราชสีมา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมแถลงความร่วมมือขยายการเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยนวัตกรรม ในพื้นที่ สปสช. เขต 9 ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช

นพ.ธนกฤต จินตวร ผู้บริหารกิจการพิเศษ BDI กล่าวว่า Health Link เป็นโครงการสำคัญที่ช่วยยกระดับบริการสาธารณสุขโดยเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพระหว่างสถานพยาบาลทั่วประเทศ ทำให้แพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลประวัติการรักษาของผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว ลดภาระการตรวจซ้ำซ้อน และช่วยให้การรักษามีความต่อเนื่องแม้เปลี่ยนสถานพยาบาล พร้อมมีระบบการเชื่อมโยงข้อมูลด้วยกลไกการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น โดยยืนยันตัวตนของประชาชน และแพทย์ การเข้ารหัสข้อมูลและระหว่างจัดส่งข้อมูล รวมถึงมีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบัน Health Link มีสถานพยาบาลทั้งภาครัฐนอกกระทรวงสาธารณสุขและเอกชนภายใต้การขึ้นทะเบียนกับ สปสช. เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1,500 แห่งในพื้นที่ กทม. พร้อมตั้งเป้าขยายให้ครอบคลุมหน่วยบริการกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2568 ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนได้รับบริการทางการแพทย์อย่างทั่วถึงและสะดวกขึ้นกว่าเดิม

“ปัจจุบันจังหวัดนครราชสีมา ได้ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลแล้ว ได้แก่ โรงพยาบาลค่ายสุรนารี สังกัดกองทัพบก กระทรวงกลาโหม ร้านยา 6 แห่ง พร้อมตั้งเป้าขยายการเชื่อมต่อระบบ Health Link ในพื้นที่ ให้ครอบคลุม 7 หน่วยนวัตกรรม (คลินิกเวชกรรม ทันตกรรม กายภาพ ร้านยา เทคนิคการแพทย์ แพทย์แผนไทย พยาบาลและการผดุงครรภ์) ที่ขึ้นทะเบียนในระบบ สปสช. ซึ่งมีมากกว่า 300 แห่ง เพื่อรองรับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ช่วยให้ชาวโคราชเข้าสู่ระบบสาธารณสุขได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่ระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ ทำให้บุคลากรทางการแพทย์เข้าถึงข้อมูล โดยต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ป่วยเท่านั้น ข้อมูลดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ทำให้แพทย์สามารถดูประวัติการรักษาข้ามสถานพยาบาลนอกสังกัด ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยในการตรวจวินิจฉัยซ้ำซ้อน และสามารถได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ทันท่วงที” นพ.ธนกฤต กล่าวเพิ่มเติม

ภก.สายชล พิมพ์เกาะ รักษาการผู้อำนวยการ สปสช. เขต 9 นครราชสีมา กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง สปสช. และ BDI ในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับการบริการทางการแพทย์ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวกยิ่งขึ้น ผ่านการใช้งานแพลตฟอร์ม Health Link เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพแบบไร้รอยต่อ โดยในอนาคตจะขยายการเชื่อมต่อระบบ Health Link ไปยังสถานพยาบาลระดับปฐมภูมิ ที่มีมากกว่า 900 แห่ง ในพื้นที่ สปสช. เขต 9 ประกอบด้วย 4 จังหวัด คือ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ เชื่อว่า จะช่วยลดภาระของโรงพยาบาลหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การรักษาและการส่งตัวผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลเป็นไปอย่างราบรื่น สอดรับตามนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่อีกด้วย

สำหรับโครงการ Health Link คือ แพลตฟอร์มเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพระหว่างสถานพยาบาลทั่วประเทศ ช่วยให้แพทย์ สามารถดูประวัติการรักษาได้ทันที สะดวก ง่าย ปลอดภัย พร้อมมีระบบการเชื่อมโยงข้อมูลด้วยกลไกการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น โดยยืนยันตัวตนของประชาชน และแพทย์ การเข้ารหัสข้อมูลและระหว่างจัดส่งข้อมูล รวมถึงมีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจสามารถสมัคร Health Link ฟรีผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือ “ThaID” ศึกษารายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่: https://healthlink.go.th/

TSE ปักธงผลงานปี 68 เดินหน้ารับรู้รายได้ BIC เต็มปี รุกขยายโรงไฟฟ้า-สุขภาพ-ความงาม หนุนอนาคตเติบโตมั่นคง

TSE สัญญาณดี แนวโน้มผลงานปี68 เติบโตต่อเนื่อง พร้อมรับรู้รายได้จาก BIC เต็มปี ฟากแม่ทัพหญิง “ดร.แคทลีน มาลีนนท์” ระบุความพร้อมการเงินแข็งแกร่ง เตรียมเดินหน้าขยายลงทุนโรงไฟฟ้า ธุรกิจสุขภาพ ความงาม ตามเมกะเทรนด์ของโลก หนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

เมื่อวันที่ 20 มี.ค.68 ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (TSE) เปิดเผยว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,288 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ที่ได้วางเป้าหมายไว้ ทั้งในเรื่องการขยายการลงทุนในธุรกิจหลักกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนต่างๆที่ได้รับการคัดเลือกและการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ แตกไลน์สู่ธุรกิจด้านสุขภาพและความงามตามเมกะเทรนด์ของโลก โดยเฉพาะการเข้าซื้อหุ้นสามัญ บริษัท บางกอก อินเฟอร์ทิลิตี้ เซ็นเตอร์ จำกัด (BIC) ซึ่งประกอบกิจการสถานพยาบาล ทางด้านเวชกรรมสาขาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา การรักษาผู้มีบุตรยาก (คลินิก บางกอก ไอวีเอฟ เซ็นเตอร์) ช่วยเพิ่มรายได้และการขยายสู่ธุรกิจด้านสุขภาพให้กับกลุ่มบริษัทฯ

ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทฯ มีเงินทุนที่แข็งแกร่งพร้อมเดินหน้าสร้างโอกาสในการลงทุนโครงการต่างๆ ทางธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป หลังจากเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ดำเนินการชำระคืนหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2566 มูลค่า 1,200 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยครบเต็มจำนวนตามกำหนดเรียบร้อยแล้ว และล่าสุดเตรียมขายหุ้น บริษัท ไทย โซล่าร์ รีนิวเอเบิล จำกัด หรือ TSR ซึ่งเป็นบริษัทร่วมค้า (JV) TSE ถือหุ้นในสัดส่วน 60% หรือ จำนวน 35 ล้านหุ้น รวมมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาท ซึ่งหากรวมหนี้สินสุทธิของกิจการ จำนวน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 จะคิดเป็นมูลค่ากิจการ (Enterprise Value) กว่า 2,000 ล้านบาท ให้กับ บริษัท เลวันตา รีนิวเอเบิลส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Levanta โดยคาดว่าจะดำเนินการซื้อขายเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 2/2568

“ปีนี้ TSE พร้อมเดินหน้าธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ร่วมกับแตกไลน์ธุรกิจด้านสุขภาพเพื่อสร้าง New S-Curve ตามเทรนด์ที่กำลังมาแรง การเข้าซื้อหุ้น BIC ที่เสร็จสิ้นในปลายปีก่อนจะทำให้รับรู้รายได้ในปี2568 เต็มปี นอกจากนี้ ด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง บริษัทฯพร้อมลงทุนต่อยอดธุรกิจ ตามแผนการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนใหม่ๆ ร่วมกับการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มอัตรากำไรในธุรกิจให้เพิ่มสูงขึ้น สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในปีนี้และปีต่อๆไปเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ หนุนธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต” ดร.แคทลีน กล่าว

สำหรับภาพรวมของผลการดำเนินงวดปี 2567 (สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2567) บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,228 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 1,102 ล้านบาท และมี Normalized EBITDA อยู่ที่ 724 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงานตามปกติอยู่ที่ 152 ล้านบาท อีกทั้งเมื่อวันที่12 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา บริษัท บางสวรรค์ กรีน จำกัด กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ได้ตกลงแก้ไขเพิ่มเติมสัญญารับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากผู้ผลิตเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานจากผู้ผลิตไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายกับการไฟฟ้า จากเดิม 4.6 MW. เป็น 5.2 MW. โดยปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดส่วนเพิ่ม 0.6 MW ระยะเวลาสัญญา 2 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 69

โดยปัจจุบัน TSE มีโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมด 62 โครงการ มีกำลังการผลิตเสนอขายรวม 382.86 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการที่ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 34 โครงการ และโครงการที่ยังไม่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ หรือที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกกว่า 28 โครงการ

 

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร เปิดตัว KKP Lifecare Saving บัญชีเงินฝากพร้อมประกันโรคร้ายแรง ตอบโจทย์การเงินและความอุ่นใจด้านสุขภาพ

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) จับมือบริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ "KKP Lifecare Saving" บัญชีเงินฝากที่มาพร้อมประกันโรคร้ายแรง ตอบโจทย์คนที่ต้องการทั้งผลตอบแทนทางการเงินและความอุ่นใจด้านสุขภาพในบัญชีเดียว ด้วยจุดเด่นที่ให้ความคุ้มครอง 40 โรคร้ายแรง ทุนประกันภัยสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษจากธนาคารเกียรตินาคินภัทร รับดอกเบี้ยเงินฝากสูงถึง 0.75% ต่อปี (วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 – 31 พฤษภาคม 2568)

เมื่อวันที่ 20 มี.ค.68 นายกัมพล จันทวิบูลย์  กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า “ปัจจุบันอัตราการป่วยด้วยโรคร้ายแรงของคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความเครียดและมลภาวะที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงได้ร่วมมือกับเจนเนอราลี่ ประกันชีวิต พัฒนาผลิตภัณฑ์ KKP Lifecare Saving ขึ้นมาเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการด้านการเงินและลดภาระทางการเงินในกรณีที่เกิดโรคร้ายแรง”

บัญชีเงินฝากพร้อมประกันโรคร้ายแรง KKP Lifecare Saving ได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการทั้งการออมเงินและการคุ้มครองสุขภาพ โดยการผสานข้อดีของบัญชีเงินฝากและแผนประกันสุขภาพเข้าด้วยกัน ด้วยจุดเด่น ดังนี้

- คุ้มครองการเสียชีวิตทุกกรณี ตลอด 24 ชั่วโมง จำนวนเงินเอาประกันภัย 50,000 บาท
- คุ้มครอง 40 โรคร้ายแรง ครอบคลุมโรคที่พบบ่อย เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะไตวายเรื้อรัง วงเงินคุ้มครองสูงสุดถึง 1,000,000 บาท
- รับดอกเบี้ยเงินฝากสูงถึง 0.75% ต่อปี (ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 – 31 พฤษภาคม 2568 )
- ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยรายปีเพิ่มเติม เพียงรักษายอดเงินฝากขั้นต่ำ 50,000 บาท
- วงเงินเอาประกันภัยสูงถึง 125% ของยอดเงินฝากเฉลี่ย 2 เดือน ก่อนเดือนที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรคร้ายแรง
- สะสมดอกเบี้ยเงินฝากทุกวัน ช่วยให้เงินเติบโตโดยไม่ปล่อยเงินให้อยู่เฉยๆ

“KKP Lifecare Saving เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเงินและต้องการเพิ่มหลักประกันด้านสุขภาพ โดยเฉพาะในยุคที่ค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การมีบัญชีเงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยดี พร้อมกับการคุ้มครองโรคร้ายแรง จะช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจขึ้น ปลอดภัย และไร้กังวล ทั้งในวันนี้และอนาคต” นายกัมพลกล่าว

นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าวว่า “เจนเนอราลี่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยตามความต้องการและสามารถเข้าถึงได้ง่าย โดย KKP Lifecare Saving เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าธนาคารเกียรตินาคินภัทรที่ให้ความสำคัญในการวางแผนทางการเงินอย่างครอบคลุม ทั้งการออมทรัพย์และการป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพ  ธนาคารเกียตินาคินภัทรถือได้ว่าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญของเจนเนอราลี่ เราจึงมุ่งมั่นที่จะเสริมความแข็งแกร่งด้วยการนำเสนอประกันภัยที่ตอบโจทย์ ผ่านการคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม โดดเด่น และให้ประโยชน์ที่คุ้มค่าสำหรับลูกค้า ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ” นายอาร์ชกล่าวว

 

กลุ่มโรงพยาบาลในเครือเกษมราษฎร์ ชวนดูแลสุขภาพทั้งครอบครัว ไข้เลือดออก ยิ่งไม่รู้ ยิ่งต้องป้องกัน

กลุ่มโรงพยาบาลในเครือเกษมราษฎร์ จัดงาน “ไข้เลือดออก ยิ่งไม่รู้ ยิ่งต้องป้องกัน” สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก ณ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ ซึ่งยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญของประเทศไทย โดยเชิญนายแพทย์ฐากูร วิริยะชัย แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกุมารแพทย์โรคติดเชื้อในเด็ก ให้ความรู้เกี่ยวกับอาการไข้เลือดออกในเด็ก วิธีป้องกัน และการดูแลให้ทั้งครอบครัวปลอดภัยจากไข้เลือดออก และคุณเอมี่ กลิ่นประทุมมาเล่าเหตุการณ์การติดเชื้อไข้เลือดออกของตนเอง และการดูแลตัวเองและครอบครัวเมื่ออยู่ในสถานที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้เลือดออก

นายแพทย์ฐากูร วิริยะชัย แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกุมารแพทย์โรคติดเชื้อในเด็กกล่าวว่า “ไข้เลือดออก เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี 4 สายพันธุ์ มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ยุงลายกัดคนที่เป็นโรคไข้เลือดออกก่อนแล้วจึงไปกัดคนที่อยู่ใกล้เคียงก็จะเป็นการแพร่เชื้อให้คนอื่นๆ ต่อไป ดังนั้น เราจึงไม่มีทางรู้เลยว่ายุงที่กัดเราเป็นพาหะไข้เลือดออกหรือไม่ ทั้งผู้ใหญ่หรือเด็กสามารถติดเชื้อไข้เลือดออกได้ทั้งหมด ซึ่งอาการแสดงของโรคไข้เลือดออกในเด็ก มีตั้งแต่ ไม่มีอาการผิดปกติ ไปจนถึงมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน ผู้ติดเชื้อไข้เลือดออกหากไข้สูงนานตั้งแต่ 3-7 วัน จะอยู่ในระยะวิกฤติ อาจเกิดภาวะช็อก หมดสติ หัวใจหยุดเต้น และอาจเสียชีวิตได้ อีกทั้ง เชื้อไวรัสเดงกีทั้ง 4 สายพันธุ์ และคนเราสามารถติดเชื้อไวรัสเดงกีได้มากกว่า 1 ครั้ง กรณีติดเชื้อครั้งที่ 2  อาจมีอาการรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ผู้ปกครองจึงต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันไม่ใช่แค่ป้องกันแค่ลูกหรือเด็กเล็ก แต่ต้องดูแลและป้องกันทั้งครอบครัว ไม่เพียงแค่ระวังยุงกัด ควรจะเก็บบ้านไม่ให้มีซอกมืด ดูแลบริเวณบ้านไม่ให้มีน้ำขัง รวมไปถึงการป้องกันอย่างการเสริมภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีน ซึ่งสามารถช่วยลดความรุนแรงและการนอนโรงพยาบาลได้”

คุณเอมี่ กลิ่นประทุม กล่าวว่า “เมื่อก่อนคิดว่าไข้เลือดออกไม่ใช่โรคที่ใครๆก็เป็นได้ง่ายๆ พอเห็นข่าวเกี่ยวกับคนดังในวงการบันเทิงเป็นไข้เลือดออกกันเยอะมากและหลายคนมีอาการรุนแรง อีกทั้งยังเห็นข่าวจากทีวีและในโซเชียลที่มีการรายงานอัตราการติดเชื้อไข้เลือดออกในประเทศไทย รวมทั้ง อัตราการเสียชีวิตจำนวนไม่น้อย ยิ่งพอเจอกับตัวเองยิ่งรู้เลยว่า ไข้เลือดออกไม่ใช่เรื่องไกลตัวค่ะ ตอนที่ติดเชื้อมี่ต้องนอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน และไม่ได้เป็นแค่รอบเดียวนะคะ มี่เป็นไข้เลือดออกทั้งหมด 3 รอบ ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าโดนยุงกัดตอนไหน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ในที่ร่ม หรือในห้องแอร์ ทำให้รู้สึกเลยว่ายุงมีอยู่ทุกที่และเป็นเรื่องใกล้ตัว ของทุกคนจริงๆ ใครๆก็เสี่ยงเป็นไข้เลือดออกได้ ดังนั้น ยิ่งเราไม่รู้ เรายิ่งต้องป้องกันตัวเราเอง และทุกคนในครอบครัวค่ะ การฉีดวัคซีน เป็นการสร้างเกราะป้องกันเพิ่มขึ้นอีกขั้นที่สามารถทำควบคู่กันไปกับการที่เราดูแลสภาพแวดล้อม ไม่เอาตัวเองไปอยู่ในที่ๆ เสี่ยง แต่ในเมื่อเราหลีกเลี่ยงไม่ให้ยุงกัดเราไม่ได้ การเสริมภูมิคุ้มกันตัวเองอย่างการฉีดวัคซีนจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกของการป้องกัน”

สำหรับประชาชนที่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนไข้เลือดออก สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางการติดต่อของโรงพยาบาล ดังนี้ โรงพยาบาล เกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์,โรงพยาบาล เกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล อรัญประเทศ,โรงพยาบาล เกษมราษฎร์ บางแค,โรงพยาบาล เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์,โรงพยาบาล เกษมราษฎร์ ประชาชื่น,โรงพยาบาล เกษมราษฎร์ รามคำแหง,โรงพยาบาล เกษมราษฎร์ ฉะเชิงเทรา,โรงพยาบาล เกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี,โรงพยาบาล เกษมราษฎร์ ปทุมธานี,โรงพยาบาล การุญเวช อยุธยา

 

VAANAA บางแสน ยกระดับดูแลสุขภาพเชิงลึก-ศูนย์การเก็บเซลล์ไขมัน เพื่อฝากเก็บสเต็มเซลล์

บ.วาณา ลองจีวิตี้ (บางแสน)  ประกาศเปิดตัว คลินิก VAANAA บางแสน อย่างเป็นทางการ ศูนย์สุขภาพระดับไฮเอนด์ที่มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพเชิงลึกและการชะลอวัย ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ล้ำสมัย รวมถึงศูนย์การเก็บเซลล์ไขมันเพื่อการฝากเก็บสเต็มเซลล์  พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาและวางแผนดูแลสุขภาพแบบองค์รวม VAANAA บางแสน ตั้งอยู่บน พื้นที่กว่า 4 ไร่ มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า 2,024 ตารางเมตร รองรับการขยายตัวของ Eastern Economic Corridor (EEC) ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกที่กำลังก้าวสู่ศูนย์กลางด้านสุขภาพและ Medical Tourism

นายแพทย์พรพิทักษ์ ตั้งจิตนบ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วาณา ลองจีวิตี้ (บางแสน) จำกัด กล่าวว่า “VAANAA บางแสน เป็นสถาบันการรักษาและดูแลสุขภาพของคนไข้ ให้สมดุลทั้งภายใน และภายนอกด้วยแนวทาง Individualized ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากที่สุด เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่จะสร้างศูนย์ดูแลสุขภาพที่ไม่เพียงแค่รักษาอาการป่วย แต่เน้นการป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพจากภายในสู่ภายนอก เรานำแนวทางเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) และเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Regenerative Medicine) มาใช้ เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีสุขภาพที่ดีและมีอายุยืนยาวขึ้น” คลินิก VAANAA บางแสน พร้อมให้บริการด้าน Longevity & Regenerative Medicine โดยใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยและการตรวจสุขภาพเชิงลึก ด้วยว่าร่างกายและรูปแบบการใช้ชีวิตของคนเราทุกคนคือความพิเศษ มีความแตกต่างเฉพาะตัว ดังนั้นการดูแลของ VAANAA บางแสน จึงมีการออกแบบให้สอดคล้องกับ สุขภาพของแต่คน เหมือนการเติมเต็ม "จิ๊กชอว์" ของชีวิตที่ขาดหายไปให้สมบูรณ์

ด้าน นายพรพล ตั้งจิตนบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วาณา ลองจีวิตี้ (บางแสน) จำกัด กล่าวว่า “VAANAA บางแสน ไม่ใช่แค่คลินิกสุขภาพทั่วไป แต่เราตั้งเป้าให้เป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพครบวงจรสำหรับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพอย่างลึกซึ้งและเป็นระบบ เรามีบริการตรวจสุขภาพเชิงลึก การวิเคราะห์ระดับเซลล์ การบำบัดฟื้นฟูเฉพาะบุคคล รวมถึงศูนย์การเก็บเซลล์ไขมันเพื่อการฝากเก็บสเต็มเซลล์ เรายังมุ่งเน้นฐานลูกค้าที่มีพฤติกรรมการเลือกบริโภคสินค้าหรือบริการและมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างจากลูกค้ากลุ่มอื่นๆ โดยลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเหล่านี้มักจะมองเห็น ความสำคัญของการใช้จ่ายไปกับการสร้างสุขภาพที่ดีให้กับตนเอง รวมทั้งยังมองหาทางเลือกที่ใช้นวัตกรรมอัน ก้าวหน้าใหม่ ๆ ในการสร้างชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพแข็งแรงให้กับตนเอง รวมไปถึงอยากให้ตนแลดูอ่อนวัยและมีบุคลิกรูปลักษณ์ที่ดูดีอยู่เสมอ เพื่อช่วยให้ผู้รับบริการสามารถดูแลตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีสุขภาพแข็งแรงในระยะยาว”

สำหรับจุดเด่นของ VAANAA บางแสน ได้แก่

Wellness & Longevity Center – ตรวจสุขภาพเชิงลึกแบบองค์รวม

Advanced Regenerative Medicine – ฟื้นฟูร่างกายด้วยเทคโนโลยีเวชศาสตร์ฟื้นฟู

Personalized Anti-Aging Program – ออกแบบโปรแกรมดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล

Exclusive & Private Healthcare Experience – การดูแลสุขภาพแบบส่วนตัวในบรรยากาศสุดหรู

Cell Harvesting Center - ศูนย์การเก็บเซลล์ไขมันและเซลล์รากผมเพื่อการฝากเก็บสเต็มเซลล์

VAANAA บางแสน ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เป็น ศูนย์กลาง Eastern Economic Corridor (EEC) ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกที่มีการเติบโตสูง รองรับอุตสาหกรรมสุขภาพและ Medical Tourism ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

“เราเชื่อว่าการดูแลสุขภาพคือการลงทุนที่ดีที่สุด และ VAANAA บางแสน จะเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ต้องการการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมและมีคุณภาพสูงสุด” เปิดให้บริการแล้ววันนี้ สัมผัสประสบการณ์ Wellness & Longevity ที่ดีที่สุด ได้ที่ VAANAA บางแสน