APM ยื่นไฟลิ่ง เพื่อนแท้ แคปปิตอล ออกหุ้นกู้ฯมีประกัน ดอกเบี้ย 7.50% หลักประกัน 1.5 เท่า เตรียมขยายธุรกิจให้บริการสินเชื่อ

APM ยื่นไฟลิ่ง เพื่อนแท้ แคปปิตอล ต่อ ก.ล.ต. เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2566 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย คงที่ 7.50% ต่อปี เสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ มูลค่าหุ้นกู้รวมไม่เกิน 100 ล้านบาท หลักประกันทางธุรกิจมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.5 เท่า เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ขยายธุรกิจให้บริการสินเชื่อ ขยายสาขา และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง คาดจองซื้อวันที่ 9-11 พ.ค. 2566 และคาดออกหุ้นกู้วันที่ 12 พ.ค. 2566

นายวุฒิศิลป์ จรัสบวรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพื่อนแท้ แคปปิตอล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้ดำเนินธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันทางการเงิน ดำเนินธุรกิจด้วยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลักในการให้บริการสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด และ ธุรกิจนายหน้าธุรกิจประกันวินาศภัย โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง มีสาขาการให้บริการจำนวน 21 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ 15 จังหวัดทั่วประเทศ อาทิ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมถึงพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ในนาม “เพื่อนแท้ เงินด่วน” โดยมีพอร์ตสินเชื่อประมาณ 347.12 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2565) 

ทั้งนี้ บริษัทมุ่งเน้นการให้บริการการปล่อยสินเชื่อที่มีโฉนดที่ดินหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนลูกหนี้เงินให้สินเชื่อที่มีโฉนดเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันจำนวน 97% นอกนั้นเป็นการบริหารความเสี่ยงโดยการอนุมัติสินเชื่อที่มีทะเบียนรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ หรือ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ตามลำดับ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของกลุ่มผู้บริหารในด้านการบริหารความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลโดยมีโฉนดค้ำประกันมากกว่า 20 ปี สะท้อนให้เห็นจากความสามารถในการบริหารอัตราการผิดนัดชำระของสินเชื่อ (Non-Performing Loans: NPL) ของบริษัทอยู่ในระดับ 3.62% โดยในปี 2565 ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตของยอดปล่อยสินเชื่อประมาณ 42.33% 

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM กล่าวว่าบริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้มีประกันของ บริษัท เพื่อนแท้ แคปปิตอล จำกัด ครั้งที่ 1/2566 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มีอายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 7.50% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ มูลค่าหุ้นกู้รวมไม่เกิน 100 ล้านบาท โดยจดทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจสิทธิเรียกร้องที่ผู้ออกหุ้นกู้มีอยู่กับลูกหนี้การค้า ประเภทไม่เฉพาะเจาะจงลูกหนี้แห่งสิทธิ โดยมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.5 เท่า ของมูลค่าหุ้นกู้ที่ออกและเสนอขายได้ทั้งหมด

นายสุริยา ธรรมธีระ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM กล่าวว่า บริษัทยื่นแบบแสดงรายการต่อ ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2566 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการขออนุมัติจาก ก.ล.ต. คาดว่าจะกำหนดวันจองซื้อในช่วงระหว่างวันที่ 9-11 พ.ค. 2566 และคาดว่าสามารถออกหุ้นกู้ในวันที่ 12 พ.ค. 2566 
การออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้ เป็นเงินทุนหมุนเวียนของกิจการ เพื่อขยายธุรกิจให้บริการสินเชื่อ และ ขยายสาขาการให้บริการ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง 

นายฐิติพัฒน์ ทวีสิน รองกรรมการผู้จัดการฝ่าย Corporate Finance Solutions & REIT บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ กล่าวว่า การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้เป็นการเสนอขายให้แก่ กลุ่มผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยมี ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้ ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้

 

SME D Bank ทุ่ม 5,000 ล้านคิกออฟสินเชื่อ ‘SME Speed Up’ ติดเครื่องเอสเอ็มอีรับ ศก.ฟื้น   

SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ติดเครื่องผู้ประกอบการเอสเอ็มอี คว้าโอกาสดันธุรกิจเติบโต รับอานิสงส์ท่องเที่ยวคึกคัก กำลังซื้อในประเทศขยายตัวทุ่ม 5,000 ล้านบาท คลอดสินเชื่อใหม่ “SME Speed Up” วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท ดอกเบี้ยเริ่มต้น 6% พิเศษผ่อนชำระสบายนานสูงสุด 12 ปี ช่วง 6 เดือนแรกไม่ต้องจ่ายต้น หลักประกันไม่พอใช้ บสย.ร่วมได้ เปิดรับคำขอกู้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 มี.ค.67

นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า เมื่อปีที่แล้วธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อ SMEs Re-Start ช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เติมทุนประคับประคองและพลิกฟื้นกิจการ ซึ่งประสบความสำเร็จได้ผลตอบรับอย่างดียิ่ง  และเพื่อสานต่อและต่อยอดให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับประโยชน์สูงสุดจากสถานการณ์ปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวชัดเจน ด้วยปัจจัยบวกการท่องเที่ยวคึกคัก และการบริโภคภายในประเทศขยายตัว   SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย เปิดตัวสินเชื่อ “SME Speed Up” วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท สนับสนุนเงินทุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี นำไปใช้ลงทุน ขยาย ปรับปรุง  ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ เสริมสภาพคล่อง รวมถึง เป็นทุนหมุนเวียน  ช่วยให้ธุรกิจพร้อมเดินหน้าได้เต็มกำลัง คว้าโอกาสเติบโตก้าวกระโดด 

โดยจุดเด่นสินเชื่อ “SME Speed Up” เปิดกว้างกู้ได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการผลิต ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง รวมถึง ธุรกิจการท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 6% หรือ MLR-1.25% ที่สำคัญ ผ่อนชำระนานสูงสุด 12 ปี พร้อมปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 6 เดือน ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีระยะเวลามากเพียงพอที่จะวางแผนบริหารจัดการต้นทุนและธุรกิจได้อย่างเหมาะสม และหากหลักประกันไม่พอสามารถใช้ บสย.ร่วมได้ เปิดรับคำขอกู้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 มี.ค.67 หรือจนกว่าจะหมดวงเงินโครงการ แล้วแต่อย่างหนึ่งอย่างใดจะถึงก่อน

ขณะเดียวกัน SME D Bank ยังมีบริการด้าน “การพัฒนา” ผ่านโครงการ “SME D Coach” โดยโค้ชมืออาชีพจาก SME D Bank และหน่วยงานพันธมิตร ทั้งภาครัฐและเอกชน ให้คำปรึกษาและพาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ ช่วยยกระดับธุรกิจ ลดต้นทุน และเพิ่มศักยภาพ ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคปัจจุบันและอนาคต มีแพลตฟอร์มน่าสนใจ เช่น “Your QR” สร้างนามบัตรดิจิทัลสุดทันสมัย , “AccRevo” จัดการธุรกิจ ดูแลเรื่องการเงินได้ง่ายๆ , “GB Prime PAY” ระบบชำระเงินและบริการฐานข้อมูลรอบด้าน , “B POS” ระบบจัดการร้านค้า POS วางโปรแกรมร้านอาหาร ร้านค้าปลีก ครบวงจร และ “Bookcaze” สร้างเมนูและแคตตาล็อกออนไลน์อย่างง่าย เป็นต้น 

ทั้งนี้สนใจใช้บริการสินเชื่อ “SME Speed Up”  และงานพัฒนาจาก SME D Bank สามารถแจ้งความประสงค์ได้ผ่านออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ SME D Bank (https://www.smebank.co.th/),  LINE Official Account : SME Development Bank เป็นต้น รวมถึงสาขา SME D Bank ทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

"SAM" ปูพรมภาคอีสาน นำร่อง 6 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ จัดงาน “SAM NPA Road Show 2023”

SAM บริษัทบริหารสินทรัพย์ของคนไทย เจาะตลาดภาคอีสาน นำร่อง 6 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ เดินสายจัดโรดโชว์ “SAM NPA Road Show 2023” ตลอด 4 เดือน มอบส่วนลดสูงสุด 20% พร้อมแคมเปญพิเศษจาก ธอส.

นายธรัฐพร  เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยว่า SAM ได้เตรียมทรัพย์มือสองคุณภาพดีนับ 100 รายการ จัดงาน “SAM NPA Road Show 2023” ในพื้นที่ 6 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน) ช่วงเดือน เม.ย.-ก.ค.66 โดยนำทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยว ตึกแถว ห้องชุด อพาร์ทเมนท์ โรงแรม รีสอร์ท โรงงานและที่ดินเปล่า มานำเสนอให้กับผู้ที่สนใจในราคาพิเศษ ด้วยโปรโมชันลดราคาแรง “SAM Surprise Sale ลดสูงสุด 20%” และโปรโมชันพิเศษภายในงาน ทั้ง ฟรี! ค่าโอนคนละครึ่ง สำหรับทรัพย์ มูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท และ ฟรี! โอนไม่อั้น สำหรับทรัพย์ มูลค่า 10 ล้านบาท ขึ้นไป ส่วนลูกค้าเดิม SAM ที่ซื้อทรัพย์เพิ่มยังจะได้รับ Gift Voucher มูลค่าสูงสุดอีก 100,000 บาท  

นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่ต้องการขอสินเชื่อในการซื้อบ้านจาก SAM จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษจาก  ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กับแคมเปญ “สินเชื่อบ้าน บสส. (SAM) by GHB  รวมถึงการได้รับบัตรสมนาคุณเพิ่มเติมสูงสุด 3,000 บาท จาก SAM  และโปรโมชัน “กู้ได้ให้เลย” สำหรับผู้ที่ซื้อทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยตามเงื่อนไขที่กำหนดอีกด้วย    ทั้งนี้  ผู้สนใจสามารถพบกับงาน “SAM NPA Road Show 2023     ภาคอีสาน” ได้ตามรายละเอียด ดังนี้ 

•4 -10 เมษายน 2566 เซ็นทรัล อุบล จ.อุบลราชธานี    

•11-17 พฤษภาคม 2566 โลตัส ยโสธร จ.ยโสธร

•22-28 พฤษภาคม 2566 บิ๊กซี หนองคาย จ.หนองคาย    

•7-13 มิถุนายน 2566 เดอะมอลล์โคราช จ.นครราชสีมา    

•19-25 มิถุนายน 2566 เซ็นทรัลขอนแก่น จ.ขอนแก่น    

•28 มิถุนายน - 4 กรกฎาคม 2566 เซ็นทรัลอุดร จ.อุดรธานี    

สำหรับทรัพย์เด่นที่น่าสนใจ อาทิ

1) อาคารพาณิชย์  3 ชั้น 2 คูหา เจาะทะลุถึงกัน เนื้อที่ 31.8 ตร.ว. ถ.บูรพาใน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ใกล้ตลาดเทศบาล โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ วิทยาลัยพยาบาลและสถานีตำรวจเมืองอุบลราชธานี ราคาเริ่มต้น 4.39 ล้านบาท

2) โรงแรม/รีสอร์ท เนื้อที่ 15 ไร่ 3 งาน 99.9 ตร.ว.  ถ.สายยโสธร-สุวรรณภูมิ (ทล.202) ต.สำราญ อ.เมือง จ.ยโสธร ใกล้วัดบ้านบ่อ วิทยาลัยเทคนิคยโสธร สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดยโสธร และศาลากลางจังหวัดยโสธร ราคาเริ่มต้น 12.39 ล้านบาท

3) ที่ดินเปล่า เนื้อที่ 4 ไร่ 3 งาน 15.1 ตร.ว. ถ.มิตรภาพ-บ้านสร้างพอก ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย ทรัพย์สินตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยและเกษตรกรรม ราคาเริ่มต้น 3.17 ล้านบาท

4) โรงงาน/โกดัง เนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน 4.0 ตร.ว. ถ.สายชัยภูมิ-บัวใหญ่ (ทล.202) ต.โนนสำราญ อ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา ใกล้โรงเรียนบ้านหนองขามนาดี และวัดป่าหนองขามนาดี ราคาเริ่มต้น 6.95 ล้านบาท

5) อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น เนื้อที่ 71.9 ตร.ว. ถ.มะลิวัลย์ (ทล.12) กลางเมืองขอนแก่น ใกล้มหาวิทยาลัยขอนแก่น ท่าอากาศยานขอนแก่น ราคาเริ่มต้น 7.44 ล้านบาท

6) อาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้น 3 คูหา เนื้อที่ 58 ตร.ว. ถ.เลี่ยงเมืองอุดรธานี (ทล.216) ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี ใกล้โรงพยาบาลหมอไพโรจน์ วิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ราคาเริ่มต้น 18.32 ล้านบาท

โดยผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02-686-1888 และดูรายละเอียดทรัพย์สินอื่นๆ ได้ทางเว็บไซต์ www.sam.or.th รวมทั้งช่องทางออนไลน์ที่หลากหลายและสะดวกรวดเร็ว โดยแอด ID Line @Samline ติดตาม Facebook Fanpage ทรัพย์มือสองต้อง SAM หรือ SAM NPA Channel บน YouTube เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารดีๆจาก SAM

"คุณาลัย" สยายปีกหลัง “ธ.เกียรตินาคินภัทร” หนุนสินเชื่อเกือบ 1.5 พันล้าน ลุยบิ๊กโปรเจกต์ “คุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง2”

KUN เดินหน้าลุย โครงการ “คุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง2” มูลค่า 7,300 ล้านบาท หลัง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (“KKP”) ไฟเขียว สนับสนุนสินเชื่อวงเงิน 1,466 ล้านบาท  ประกาศสยายปีกเจาะกลุ่มลูกค้าเซ็กเมนต์ (กลาง-บน) ภายใต้แนวคิด Profound Living in the Theory of Nature ที่เน้นความสมดุลทางธรรมชาติ พร้อมจ่อเปิดการขายในไตรมาส 4/2566   

นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ “KUN” ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบในเขตพื้นที่ชานเมือง เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ร่วมลงนามสัญญาสนับสนุนสินเชื่อเงินกู้กับธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (“KKP”)  เป็นวงเงินจำนวน 1,466 ล้านบาทเพื่อการพัฒนาโครงการคุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง2  (Kunalai NAVARA Rangsit-Klong 2) โซนทิศเหนือของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโครงการแรกที่บริษัทฯได้พัฒนาบนทำเล จังหวัดปทุมธานี 

สำหรับทำเลของโครงการคุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง 2 มีมูลค่าโครงการรวม 7,300 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนรังสิต-นครนายก ซึ่งจะพัฒนาโครงการในรูปแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีจำนวน 866 ยูนิต ภายใต้แนวคิด Profound Living in the Theory of Nature ที่เน้นความสมดุลทางธรรมชาติ และเพิ่มพื้นที่ทำกิจกรรมให้กับทุกครอบครัว โดยเบื้องต้นคาดว่าจะเปิด Soft Opening ได้ในไตรมาสที่ 2/2566 นี้ และจะเปิด Grand Opening อย่างเป็นทางการภายในไตรมาส 4/2566    

“การที่ KUN เจาะตลาดโซนรังสิต เนื่องจากมองว่าโซนดังกล่าวมีศักยภาพ อัตราการขยายตัวของที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ อาทิ ห้างสรรพสินค้า,โรงพยาบาล, โรงเรียน, มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ โซนรังสิต ยังเป็นโซนที่สามารถเดินทางเข้ากรุงเทพฯได้สะดวก และมองว่ายังมีดีมานด์การพัฒนาในพื้นที่หลายโครงการที่เกิดขึ้น เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต หรือ รถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-คูคต จึงทำให้โซนรังสิต เป็นโซนที่อยู่อาศัยที่น่าจับตาในอนาคต ซึ่งจากปัจจัยดังนั้น ส่งผลให้ KUN เร่งพัฒนาโครงการ “คุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง2”เพื่อเจาะไข่แดงในโซนดังกล่าว ให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้ากลุ่มที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง (เรียลดีมานด์) ในโซนกรุงเทพตอนเหนือ”

นอกจากนี้ประเมินภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งแรกว่า  จากการคาดการณ์มองว่า กำลังซื้อกลุ่มที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง (เรียลดีมานด์) เริ่มกลับมาฟื้นตัว หลังจากภาพรวมเศรษฐกิจปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งสอดรับกับดีมานด์ที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงเพิ่มสูงขึ้น หลังจากกำลังซื้อเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายหลังจากมีการเปิดประเทศ ส่งผลให้กลุ่มสถาบันการเงินกลับมาพิจารณาการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าในกลุ่มที่เคยได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 มากขึ้น อาทิ กลุ่มธุรกิจร้านอาหารและโรงแรม กลุ่มธุรกิจสายการบิน และกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งจากปัจจัยทั้งหมดดังกล่าวก็จะส่งอานิสงค์เชิงบวกต่อบริษัทฯ  

 “บริษัทอยากเห็นนโยบายการส่งเสริมภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงต้นปี 2566 ภาครัฐได้ออกมาตราการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ อาทิ การออกมาตราการลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 1 และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิมร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังคงหวังว่าภาครัฐจะมีนโยบายกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการนำมาตรการผ่อนคลายเกณฑ์การกำกับการดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อ และจะเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งนโยบายการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นนโยบายที่ทำให้ชาวต่างชาติตัดสินใจมาใช้ชีวิตในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะเพิ่มกำลังซื้อจากชาวต่างชาติที่ต้องการมาอาศัยในประเทศไทย”  

นายวิศรุต ปัญญาภิญโญผล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ (“KKP”) เปิดเผยถึงการสนับสนุนทางการเงิน ให้กับ บมจ.วิลล่า คุณาลัยว่า บริษัทวิลล่า คุณาลัย จำกัด(มหาชน) เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาอย่างยาวนาน และเป็นลูกค้าของธนาคารเกียรตินาคินภัทรมามากกว่า 15 ปี ทำให้ธนาคารได้เห็นการเติบโตของบริษัทมาตลอดว่า บริษัทมีทีมงานที่เชี่ยวชาญ สามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมายในทุกโครงการ อีกทั้ง ยังจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และถือเป็นหนึ่งในบริษัทฯ ที่มีฐานะทางการเงินมั่นคงในครั้งนี้ ธนาคารเกียรตินาคินภัทรจึงได้เข้ามาสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการพัฒนาโครงการ คุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง 2 หรือโครงการแรกของบริษัทฯ ที่มาพัฒนาในโซนจังหวัดปทุมธานี มีวงเงินอยู่ที่ 1,446 ล้านบาท นับได้ว่าเป็นวงเงินสินเชื่อพัฒนาโครงการที่สูงเป็นประวัติการณ์ของบริษัท

SME D Bank จัดเต็มพาถึงเงินทุนแถมลดดอกเบี้ยสมาชิก ส.อ.ท.นำร่อง 7 กลุ่มอุตฯเป้าหมาย ติดปีกธุรกิจโตเต็มศักยภาพ

SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย จับมือ ส.อ.ท. จัดแคมเปญพาสมาชิก ส.อ.ท. ใน 7 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย  เข้าถึงแหล่งทุนในโครงการสินเชื่อ “SME D พร้อม” วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ผ่อนสบาย 15 ปี แถมรับสิทธิพิเศษลดดอกเบี้ยสูงสุด 0.50% ช่วยต่อยอดธุรกิจเติบโตเต็มศักยภาพ ร่วมเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า  SME D Bank มีนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับ BCG และ S-Curve  ซึ่งมีส่วนสำคัญช่วยยกระดับระบบเศรษฐกิจไทยโดยรวมสู่การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน จึงร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) หรือ SMI จัดแคมเปญ “วงเงินกู้สูง ดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนสบาย” สนับสนุนสมาชิก ส.อ.ท. ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายและคุณสมบัติครบตามเงื่อนไข เข้าถึงแหล่งทุนผ่านโครงการสินเชื่อ “SME D พร้อม” วงเงินกู้ตั้งแต่ 5 ถึงสูงสุด 50 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุดถึง 15 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุดถึง 18 เดือน ที่สำคัญ ได้รับสิทธิพิเศษ ลดดอกเบี้ยสูงสุด 0.50% (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นประมาณ 4.75% ต่อปี) เพื่อมีเงินทุนต่อยอดยกระดับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง  ลงทุน ปรับปรุง ขยาย ปรับเปลี่ยนธุรกิจ   รวมถึง สามารถ Refinance จากสถาบันการเงินอื่น  ช่วยลดต้นทุนธุรกิจ นอกจากนั้น ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมแคมเปญดังกล่าว ยังได้รับการสนับสนุนด้าน “งานพัฒนา” จาก SME D Bank ผ่านโครงการ “SME D Coach” ให้บริการคำปรึกษาและแนะนำธุรกิจจากทีมโค้ชมืออาชีพ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น 

ทั้งนี้ นำร่อง 7 กลุ่มอุตสาหกรรมตามนโยบายรัฐบาลได้แก่ 1.กลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม 2.กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอะไหล่และยานยนต์ 3.กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล 4.กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน 5.กลุ่มอุตสาหกรรมยา 6.กลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ และ 7.กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม โดยความร่วมมือดังกล่าว ส.อ.ท.จะช่วยทำหน้าที่รับสมัครผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิก และมีความเหมาะสมเข้าร่วมแคมเปญ กำหนดคุณสมบัติเบื้องต้นเช่น ต้องเป็นสมาชิก ส.อ.ท.จดทะเบียนนิติบุคคล ดำเนินธุรกิจมา 3 ปีขึ้นไป ส่วนผู้ถือหุ้นเป็นบวก วงเงินกู้ตั้งแต่ 5-50 ล้านบาท และมีหลักประกันค้ำประกันเต็มวงเงิน เป็นต้น 

โดยสมาชิก ส.อ.ท.ที่ต้องการเข้าร่วมแคมเปญดังกล่าว แจ้งความประสงค์ได้ที่สถาบัน SMI สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โทร.02-345-1059, 02-345-1093  หรือ Line@smipage สอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ CALL CENTER ของ SMI โทร.1453 หรือ CALL CENTER ของ SME D Bank โทร.1357

สินเชื่อกรุงไทยเพื่อความยั่งยืน หนุนธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม วงเงินสูง ผ่อนนาน 10 ปี     

ธนาคารกรุงไทยสนับสนุนธุรกิจ SME ปรับตัวรับเทรนด์ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย “สินเชื่อกรุงไทยเพื่อความยั่งยืน (ESG)” ครอบคลุมการลงทุน ปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อลดการใช้พลังงาน ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สนับสนุนวงเงินสูงสุด 100% ของมูลค่าการลงทุน ผ่อนนาน 10 ปี  

นายวีระพงศ์ ศุภเศรษฐ์ศักดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจขนาดกลาง ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ ดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล(ESG) พร้อมสนับสนุนภาคธุรกิจ SME ปรับตัวรับโลกธุรกิจยุคใหม่ที่มุ่งใช้พลังงานสะอาด และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านสินเชื่อกรุงไทยเพื่อความยั่งยืน(ESG) โดยสนับสนุนเงินทุนสำหรับดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือปรับเปลี่ยน ปรับปรุงอุปกรณ์ และกระบวนการผลิตเพื่อลดการใช้พลังงานดังนี้

-ด้านการบริหารจัดการพลังงาน ลดการใช้ทรัพยากร เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน หรือเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิต รวมถึงนวัตกรรมจัดการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การคิดค้นกระบวนการผลิตใหม่ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

-ด้านการอนุรักษ์พลังงาน  การเปลี่ยนเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานหรือประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต 

-ด้านการดำเนินธุรกิจโดยใช้พลังงานทดแทนต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ พลังงานลม การติดตั้ง Solar Rooftop / Biogas รวมถึงโครงการที่เกี่ยวข้องกับการรองรับการขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้าหรือยานยนต์พลังงานสะอาด เช่น รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า (EV)หรือ  Green Logistic เป็นต้น

-ด้านดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ก๊าซเรือนกระจก ก๊าซพิษ รวมถึงการลดการปล่อยของเสียสู่สิ่งแวดล้อม  เช่น การบำบัดน้ำเสีย หรือการเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อลดส่วนสูญเสียในการผลิต เป็นต้น

โดยสินเชื่อกรุงไทยเพื่อความยั่งยืน (ESG) สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่เป็นนิติบุคคล มียอดขายมากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี ครอบคลุมทั้งสินเชื่อใหม่ และสินเชื่อเพิ่มเติม สนับสนุนวงเงินสูงสุด 100% ของมูลค่าการลงทุน ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี  โดยการอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของธนาคาร ผู้ประกอบการที่สนใจสมัครได้ที่ สำนักงานธุรกิจธนาคารกรุงไทย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Krungthai Contact Center โทร 02-111-1111 

นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทปลูกผักเพราะรักแม่ (โอ้กะจู๋)กล่าวว่า โอ้กะจู๋ทำธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยหันมาใช้พลังงานสะอาดในการบริหารจัดการในธุรกิจด้วยการติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ในร้านอาหาร และฟาร์มปลูกผัก พร้อมนำแนวคิด Zero Waste เข้ามาประยุกต์ใช้ควบคู่กับกระบวนการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ เพื่อบริหารจัดการของเสีย เศษขยะต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งเศษอาหารเหลือทิ้งจากร้านอาหาร เศษตัดแต่งกิ่งไม้ หรือเศษวัสดุตามชุมชน นำมาผลิตเป็นปุ๋ยหมักใช้ในการปลูกผักที่ฟาร์ม ลดขยะและตอบโจทย์การเกษตรอินทรีย์ ซึ่งจากการสนับสนุนจากธนาคารกรุงไทย ที่ผ่านมาทำให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจได้ตามความตั้งใจ เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน

ธปท.ต่ออายุมาตรการสนับสนุนสินเชื่อฟื้นฟูอีก 1 ปี ถึง 9 เม.ย.67 แต่ไม่ต่ออายุพักทรัพย์-พักหนี้

ธปท.ขยายอายุมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจต่อไปอีก 1 ปี ให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ได้รับความช่วยเหลือต่อเนื่อง เสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจ แต่ไม่ต่ออายุพักทรัพย์ พักหนี้

น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตามที่ ธปท. ได้ออกมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู และโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ ตั้งแต่เดือน เม.ย.64 และติดตามผลการดำเนินมาตรการมาอย่างต่อเนื่องนั้น แม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม ฟื้นตัวเข้าใกล้ระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วแต่ยังไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะในภาคบริการบางสาขาที่ยังมีกิจกรรมในระดับต่ำ ดังนั้น ธปท.ร่วมกับกระทรวงการคลัง โดยความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี จึงเห็นควรดำเนินการดังนี้ 1.ขยายระยะเวลามาตรการสินเชื่อฟื้นฟู รวมถึงสินเชื่อเพื่อการปรับตัว ต่อไปอีก 1 ปี จนถึงวันที่ 9 เม.ย.67 เพื่อให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 ได้รับความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง รวมถึงเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจที่ต้องการปรับตัว

2.ไม่ขยายอายุโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ เนื่องจากเห็นว่ากลุ่มผู้ประกอบการที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันกับสถาบันการเงิน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว และโรงแรม เริ่มฟื้นตัวจากการเปิดประเทศแล้ว อย่างไรก็ดี ลูกหนี้ยังสามารถเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินได้

3.โอนวงเงินคงเหลือของโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ หลังสิ้นสุดมาตรการ มารวมไว้เป็นวงเงินภายใต้มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูต่อไป ซึ่งจะทราบวงเงินคงเหลือดังกล่าวในวันที่ 9 เม.ย.66

โดย ธปท.หวังว่าการขยายเวลาให้กับมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู และสินเชื่อเพื่อการปรับตัวในครั้งนี้ จะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบให้ได้รับสภาพคล่อง และความช่วยเหลือเพิ่มเติม ตลอดจนเอื้อต่อการเพิ่มศักยภาพของธุรกิจให้สอดรับกับ new normal ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้ต่อเนื่อง

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ณ วันที่ 13 มี.ค.66 ธปท.ได้อนุมัติมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู (รวมสินเชื่อเพื่อการปรับตัว) ให้แก่ลูกหนี้แล้วจำนวน 61,073 ราย รวมทั้งสิ้น 222,324 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 90% ของวงเงินที่ตั้งไว้ ซึ่งมีการกระจายตัวดีทั้งระดับขนาด ประเภทธุรกิจ และภูมิภาค และยังมีวงเงินคงเหลือ 27,676 ล้านบาท นอกจากนี้ ได้อนุมัติสินเชื่อโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ ให้แก่ลูกหนี้ 476 ราย รวมยอดสินทรัพย์ที่ตีโอนทั้งสิ้น 72,057 ล้านบาท คิดเป็น 72% ของวงเงินที่ตั้งไว้ และยังมีวงเงินคงเหลือ 27,943 ล้านบาท โดยทั้ง 2 มาตรการจะครบกำหนด 2 ปี ในวันที่ 9 เม.ย.66 

ประมง 23 จังหวัดชายฝั่งทะเลเฮ! ธ.ก.ส.เติม 3 พันล้านเพิ่มสภาพคล่อง กู้ได้สูงสุด 5 ล้าน

ธ.ก.ส.จัดสินเชื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง ระยะที่ 2 วงเงิน 3,000 ล้านบาทให้ผู้ประกอบการประมงในพื้นที่ 23 จังหวัดชายฝั่งทะเล ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียน และค่าลงทุนในการปรับปรุงอุปกรณ์การทำประมงให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล เสริมสร้างความมั่นคงทางทรัพยากรทางทะเลและอาหารอย่างยั่งยืน โดยรัฐบาลช่วยรับภาระในการชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี และผู้กู้จ่ายดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 4 ต่อปี สำหรับผู้ที่สนใจ ยื่นความประสงค์ได้ที่สำนักงานประมงจังหวัด ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2566

นายไพศาล หงษ์ทอง ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง ระยะที่ 2 วงเงินรวม 3,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมงในการประกอบอาชีพและปรับปรุงสภาพเรือและอุปกรณ์การทำประมงให้ถูกต้องตามกฎหมายและสอดคล้องกับกฎ IUU (Illegal Unreported and Unregulated Fishing) อันนำไปสู่การรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลอย่างยั่งยืนและยกระดับการประมงไทยไปสู่ระดับสากล

สำหรับคุณสมบัติในการขอสินเชื่อต้องเป็นผู้ประกอบการประมงรายคนหรือผู้ประกอบการประมงนิติบุคคล ทั้งประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ที่มีเรือประมงขนาดต่ำกว่า 60 ตันกรอส มีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพประมงไม่น้อยกว่า 1 ปี กรณีทำการประมงพาณิชย์ ต้องมีใบอนุญาตทำประมงพาณิชย์ และหลักเกณฑ์อื่นๆตามที่ธนาคารกำหนด พื้นที่ดำเนินโครงการ 23 จังหวัด ติดชายฝั่งทะเล ได้แก่ จังหวัดตราด จันทบุรี ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล ตรัง ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง และกรุงเทพมหานคร วงเงินสูงสุดรายละไม่เกิน 5,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7 โดยรัฐบาลช่วยรับภาระในการชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี และผู้กู้จ่ายดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 4 ต่อปี กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน 7 ปี และไม่เกิน 30 กันยายน 2573 ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถยื่นความประสงค์เข้าร่วมโครงการได้ที่สำนักงานประมงจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดสินเชื่อได้ที่ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้านท่านหรือ Call Center 02-555-0555

ไม่ควรพลาด! กยศ.ร่วมงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย 4 ภูมิภาค 18-19 มี.ค.66 ที่พิษณุโลก

กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เชิญชวนผู้กู้ยืมที่เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเข้าร่วมงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย 4 ภูมิภาค “Unlock a better life” สร้างโอกาสใหม่ เพื่อชีวิตครูไทยที่ดีกว่า จัดโดยกระทรวงศึกษาธิการและพันธมิตรกลุ่มสถาบันการเงินต่างๆ พร้อมให้คำแนะนำในการวางแผนการออมการลงทุน วันที่ 18 - 19 มีนาคม 2566 นี้ ณ ห้องพิษณุโลกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ โรงแรมดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ พิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก 

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ร่วมจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย 4 ภูมิภาค “Unlock a better life” สร้างโอกาสใหม่ เพื่อชีวิตครูไทยที่ดีกว่า วันที่ 18 - 19 มีนาคม 2566 เวลา 08.30 - 16.30 น. ณ ห้องพิษณุโลกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ โรงแรมดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ พิษณุโลก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก จัดโดยกระทรวงศึกษาธิการและพันธมิตร กลุ่มสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่ภูมิภาคจังหวัดพิษณุโลก จังหวัดตาก จังหวัดสุโขทัย จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ประสบปัญหาหนี้สินได้รับการช่วยเหลือ โดยจะมีการเปิดการเจรจาแก้ไขปัญหาหนี้ร่วมกัน ตลอดจนการให้บริการอบรมความรู้ทางการเงิน โดยบูรณาการความร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กองทุนขอเชิญชวนข้าราชการครูหรือบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นผู้กู้ยืม กยศ. เข้าร่วมงาน โดยสามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาการชำระหนี้ได้ที่บูธ กยศ.


 

บสย.ผนึก 18 สถาบันการเงิน อัดฉีดสินเชื่อ พร้อมค้ำประกัน ร่วมเติมทุน SMEs ขับเคลื่อน ศก.

บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ผนึกความร่วมมือ 18 สถาบันการเงิน หนุนผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อในระบบ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme PGS ระยะที่ 10 (PGS 10) “บสย. SMEs เข้มแข็ง” วงเงิน 50,000 ล้านบาท ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พลิกฟื้น เติมทุน มั่นใจช่วย SMEs กว่า 100,000 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 200,000 ล้านบาท รักษาการจ้างงานกว่า 700,000 อัตรา
 
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme PGS ระยะที่ 10 (PGS 10) “บสย. SMEs เข้มแข็ง” การผนึกกำลังครั้งสำคัญทางการเงินและค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อผู้ประกอบการ SMEs ไทย เข้าถึงแหล่งทุนระหว่าง บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และ 18 สถาบันการเงิน พร้อมใจ เติมทุน เสริมสภาพคล่อง เพื่อธุรกิจเติบโตยั่งยืน พร้อมด้วย นายชื่นชอบ คงอุดม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงการคลัง) นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานอนุกรรมการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ สาขาสถาบันการเงิน  นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นางวิเรขา สันตะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย ผู้บริหารสถาบันการเงิน หน่วยงานพันธมิตร ร่วมงาน โดยมี นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) คณะผู้บริหารระดับสูง บสย. ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 4 กระทรวงการคลัง
 
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่า โครงการความร่วมมือครั้งนี้ได้รับความสนใจจาก 18 สถาบันการเงินเข้าร่วมโครงการ  ได้แก่ 1. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย  2. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 3. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 4. ธนาคารออมสิน 5. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 6. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 7. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 8. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 9. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 10. ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) 11. ธนาคารทหารไทย ธนชาต จำกัด (มหาชน) 12. ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) 13. ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) 14. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 15. ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) 16. ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) 17. บริษัท คาร์ด เอ็กซ์ จำกัด  18. บริษัท ไฮเวย์ จำกัด  ทั้ง 18 สถาบันการเงินจะร่วมกันผลักดันและช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อได้มากกว่า 100,000 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 200,000 ล้านบาท และ รักษาการจ้างงานกว่า 700,000 อัตรา  โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme PGS ระยะที่ 10 (PGS 10) “บสย. SMEs เข้มแข็ง” ได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติโครงการ วงเงิน 50,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ระยะเวลาโครงการ 2 ปี ถึง วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 

โดยจุดเด่นของ “บสย. SMEs เข้มแข็ง” คือ ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมค้ำประกันสินเชื่อที่พัฒนาขึ้นตอบโจทย์ SMEs 6  กลุ่ม (Segment) ได้แก่ 1) สตาร์ท อัพ (Start up) เพื่อนักศึกษาจบใหม่ อาชีพอิสระ วงเงินค้ำประกันต่อรายไม่เกิน 100,000 บาท รวมทุกสถาบันการเงิน ค่าธรรมเนียมค้ำ 3% ต่อปี ฟรี 2 ปีแรก ปีถัดไปจ่ายคนละครึ่ง ตลอดอายุการค้ำประกัน  2) สมอลล์ บิซ (Small Biz) เงินทุนหมุนเวียนเพื่อรายย่อย พ่อค้า แม่ขาย วงเงินค้ำประกันต่อรายไม่เกิน 200,000 บาท รวมทุกสถาบันการเงิน ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 1.75% ต่อปี ฟรี 2 ปีแรก  3) สมาร์ท วัน (Smart One) เสริมสภาพคล่อง ค้ำประกันต่อรายไม่เกิน 40 ล้านบาท รวมทุกสถาบันการเงิน ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 1.75% ต่อปี ฟรี 2 ปีแรก 4) สมาร์ท บิซ (Smart Biz) เพื่อ SMEs ขนาดกลางและเล็ก วงเงินค้ำประกันต่อรายไม่เกิน 40 ล้านบาท รวมทุกสถาบันการเงิน ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 1.25% ต่อปี ฟรี 3 ปีแรก 5) สมาร์ท กรีน (Smart Green) เสริมศักยภาพธุรกิจ สู่ ESG และ BCG เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม วงเงินค้ำประกันต่อรายไม่เกิน 40 ล้านบาทรวมทุกสถาบันการเงิน ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 1.5% ต่อปี ฟรี 4 ปีแรก และ 6) สมาร์ท พลัส (Smart Plus) วงเงินค้ำประกันต่อรายไม่เกิน 10 ล้านบาท อัตราค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 1% ต่อปี ฟรี 2 ปีแรก ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ SMEs สามารถลงทะเบียน บริการรับคำปรึกษา ตรวจสุขภาพทางการเงินฟรี 24 ชั่วโมง ผ่านช่องทาง Line TCG First  (@tcgfirst)
    

 

ฝ่ายสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร