สิงห์ เอสเตท เปิดโครงการ “S’RIN พรานนก-กาญจนา” บ้านเดี่ยวพรีเมียมลักชูรี กลิ่นอาย Mediterranean Revival

สิงห์ เอสเตท เปิดตัวโครงการ “S’RIN พรานนก-กาญจนา” บ้านเดี่ยวระดับพรีเมียมลักชูรี กลิ่นอาย Mediterranean Revival ตอกย้ำความแข็งแกร่งพอร์ตอสังหาฯ แนวราบ มูลค่าโครงการกว่า 4,300 ล้านบาท

วันที่ 22 สิงหาคม 2568 นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” กล่าวว่า สิงห์ เอสเตท มีกลยุทธ์ชัดเจนในการขยายพอร์ตธุรกิจให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ระดับลักชูรี ภายใต้จุดยืน Mastering the Luxury ตอกย้ำความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อคุณภาพการพัฒนาโครงการ ด้วยแนวคิด Craft to Last ที่พิถีพิถันและใส่ใจในทุกรายละเอียด พร้อมส่งมอบคุณค่า ประสบการณ์ และความสุขที่ยั่งยืนให้ทุกคนในครอบครัว โดยแบรนด์ S’RIN เปิดตัวครั้งแรกในปี 2566 ภายใต้ชื่อโครงการ S’RIN ราชพฤกษ์-สาย 1 ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม

“สำหรับโครงการ S’RIN พรานนก-กาญจนา มีมูลค่าโครงการรวมกว่า 4,300 ล้านบาท เป็นโครงการที่พักอาศัย บนทำเลศักยภาพโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก ถนนพรานนก – พุทธมณฑลสาย 4 ในราคาเริ่มต้น 45 - 80 ล้านบาท นับเป็นการต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ S’RIN ที่สะท้อนถึงการสร้างคุณค่าแห่งการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ จากสิงห์ เอสเตท” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ด้าน นายสิริเกียรติ วาทะพุกกณะ รองผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาด การพัฒนาธุรกิจ พักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” กล่าวว่า S’RIN พรานนก-กาญจนา เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สิงห์ เอสเตท ตั้งใจสร้างสรรค์บ้านภายใต้แนวคิด Infinite Living - บ้านเพื่อทุกการเติบโตไม่มีที่สิ้นสุด ผสานความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยคอนเซปต์ดีไซน์ Mediterranean Revival ถ่ายทอดเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยระดับพรีเมียมลักชูรี ตอบโจทย์ครอบครัวขนาดใหญ่ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครันครอบคลุมทุกมิติการใช้ชีวิตของทุกกลุ่มเจเนอเรชันและสะท้อนกลิ่นอายเฉพาะของการออกแบบสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนในทุกตารางนิ้วของโครงการ

S’RIN พรานนก-กาญจนา บนที่ดินขนาดใหญ่ พื้นที่ขนาดเฉลี่ยต่อหลัง 160 ตร.วา ซึ่งทุกยูนิตออกแบบให้มีพื้นที่หลังบ้านลึกถึง 3 เมตร รองรับการติดตั้งสระว่ายน้ำได้ในทุกหลัง พื้นที่ใช้สอย 440 - 630 ตร.ม. จำนวน 81 ยูนิต โดดเด่นด้วยการออกแบบพื้นที่กลางแจ้งขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับห้องอาหารในลักษณะ Outside-In รายล้อมด้วยสวนสีเขียว ให้กลายเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนและการใช้ชีวิต เสริมด้วยคาแรคเตอร์ของดีไซน์เมดิเตอร์เรเนียน ผ่านการออกแบบ Water Feature อย่างน้ำพุและสระว่ายน้ำ ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถปรับดีไซน์ได้ตามความต้องการ และความงดงามในการใช้เส้นโค้งในงานออกแบบตัวบ้านและคลับเฮาส์สไตล์ Groin vault ที่ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา ช่องแสงขนาดใหญ่เปิดรับธรรมชาติ เชื่อมภายในและภายนอกอย่างลงตัว ผสานความสวยงามของวัสดุ Rustic และโทนสี Earth Tone ให้ความเรียบและอบอุ่นใกล้ชิดธรรมชาติ มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำระบบเกลือ แยกโซนผู้ใหญ่และเด็ก, Residence Lounge, Co-Kitchen, S-Gym,  สวนส่วนกลาง และสนามเด็กเล่น รวมถึงนวัตกรรมเพื่อสุขภาพที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย เช่น Active Air Flow System ระบบหมุนเวียนอากาศที่ช่วยลดความร้อนภายในบ้าน การวางตำแหน่งของหน้าต่างเพื่อรับลมเข้า-ออก และระบบกรองน้ำเพื่อปรับคุณภาพน้ำประปาก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน เป็นต้น

สิงห์ เอสเตท ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำอย่าง SCG, Solar D และ Quattro Design ร่วมเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยในโครงการ S’RIN พรานนก-กาญจนา ติดตั้งหลังคาโมเดิร์น Excella จาก SCG ที่ผลิตจากเซรามิคแท้วัสดุคุณภาพที่ดีที่สุด ผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถันทุกขั้นตอน คงความสมบูรณ์แบบได้ในระยะยาว มีดีไซน์ร่วมสมัย เส้นสายคมชัดที่ผสานความโมเดิร์นและคลาสสิกได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังติดตั้ง Solar Rooftop ขนาด 5kW คุณภาพดีนำเข้าจาก Solar D ให้กับบ้านทุกหลัง ตอบโจทย์ครอบครัวรุ่นใหม่ที่ใส่ใจในพลังงานสะอาด    รวมถึงพันธมิตรด้านการตกแต่งภายในอย่าง Quattro Design ผู้นำด้านเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านระดับพรีเมียม ซึ่งได้เลือกสรรเฟอร์นิเจอร์จาก Eichholtz แบรนด์ลักชูรีสัญชาติเนเธอร์แลนด์ที่โดดเด่นด้านดีไซน์อันประณีต และวัสดุคุณภาพ นำเข้ามาตกแต่งในบ้านตัวอย่าง ภายใต้คอนเซปต์ที่แตกต่างกัน โดยบ้านทุกหลังนำเสนอความงดงามทั้งการมองเห็นและการสัมผัสอย่างแท้จริง

การต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ S’RIN สู่โครงการ S’RIN พรานนก-กาญจนา บ้านเดี่ยวระดับพรีเมียมลักชูรีสไตล์ Mediterranean Revival ราคาเริ่มต้น 45 - 80 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าจับตามอง และนับเป็นความมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าแห่งการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ ผสานกับกลยุทธ์การพัฒนาโครงการด้วยวิสัยทัศน์อันเฉียบคมของสิงห์ เอสเตท ที่พิถีพิถันในทุกรายละเอียด ตอบสนองทุกการใช้ชีวิตของลูกค้ากลุ่มลักชูรีอย่างแท้จริง

ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อนัดหมายเยี่ยมชมโครงการ โทร. 1221 หรือ https://residential.singhaestate.co.th/th/house/detached-house/srin/prannok

"สิงห์ เอสเตท" เผย 3 หลักคิดในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยที่เข้าใจหัวใจทุกกลุ่มเจเนอเรชัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Craft to Last’

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ (SET: S) ผู้พัฒนาและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติ ครอบคลุม 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ที่อยู่อาศัย โรงแรม อาคารสำนักงาน และนิคมอุตสาหกรรม เผย 3 หลักการพัฒนาโครงการที่พักอาศัย ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Craft to Last’ การออกแบบที่พิถีพิถันและใส่ใจเพื่อรองรับการอยู่อาศัยเป็นครอบครัวใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยความหลากหลายของช่วงวัย เช่น วัยเด็ก, วัยรุ่น, วัยทำงาน, ผู้สูงอายุ เติมเต็มช่องว่างระหว่างวัยและเพิ่มพูนความรักในครอบครัวให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ กล่าวว่า “จากข้อมูลของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่ากลุ่มตัวอย่างอายุ 15 – 65 ปีสูงถึง 70.8% ต้องการอยู่อาศัยในบ้านที่ประกอบด้วยสมาชิกหลายวัย ซึ่งเรามองเห็นแนวโน้มการเพิ่มสูงขึ้นของครอบครัว ในลักษณะนี้ สิงห์ เอสเตทจึงตั้งใจพัฒนาโครงการด้วยคอนเซ็ปต์ ‘Craft to Last’ การออกแบบที่พิถีพิถันและใส่ใจให้บ้านทุกหลังส่งต่อการอยู่อาศัยแบบ ‘Multi-generation Family Living’ ที่จะเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาบ้านในอนาคต เพราะเราเชื่อว่า บ้านที่ดีคือบ้านที่เติบโตไปพร้อมกับครอบครัว ยั่งยืนอยู่อาศัยได้ยาวจากรุ่นสู่รุ่น และเป็นพื้นที่เชื่อมให้คนในแต่ละวัยเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ทุกคนในบ้านได้มีความสุขและสุขภาพดีในระยะยาว”

สิงห์ เอสเตทได้นำคอนเซ็ปต์ ‘Craft to Last’ มาพัฒนาหลากหลายโครงการให้สอดรับกับการอยู่อาศัยแบบ ‘Multi-generation Family Living’ ไม่ว่าจะเป็นบ้านในโครงการ สริน ราชพฤกษ์-สาย 1, สริน พรานนก-กาญจนาภิเษก, ฌอน วงแหวน-จตุโชติ และ ฌอน ปัญญาอินทรา โดยแบ่งเป็น 3 แกนหลักสำคัญในการพัฒนาโครงการด้วยความประณีตและใส่ใจในทุกกระบวนการดำเนินงาน ได้แก่

1) Universal Design for All Generations - ออกแบบเพื่อคนทุกวัย

บ้านที่ออกแบบด้วยแนวคิด Universal Design เป็นการออกแบบพื้นที่ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดเล็ก ๆ คำนึงถึงการใช้ชีวิตร่วมกันของคนทุกวัยอย่างปลอดภัยและไร้ข้อจำกัด ทั้งยังจัดสรรให้มีทั้งพื้นที่สำหรับการทำกิจกรรมร่วมกัน และพื้นที่ส่วนตัวของแต่ละคนด้วยแน่นอนว่า ความปลอดภัยในบ้านเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกตั้งแต่การออกแบบ โดยสิงห์ เอสเตทได้ออกแบบให้พื้นที่ทางเดินกว้างขวาง ช่วยให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างสะดวก, การออกแบบพื้นที่โดยไม่มีขั้นบันได ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว ไม่เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ, ห้องน้ำที่ติดตั้งราวจับที่แข็งแรงและอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่เพียงช่วยเหลือผู้สูงอายุ แต่ยังให้ความปลอดภัยแก่ทุกคนในบ้าน รวมถึงเด็กและผู้ใหญ่ที่อาจต้องการจุดยึดเมื่อลื่นหรือเกิดเหตุไม่คาดคิด

นอกจากนี้การออกแบบในแต่ละรายละเอียดล้วนต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้ชีวิตในบ้านหลังเดิมได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องปรับเปลี่ยนที่อยู่อาศัยเมื่อมีอายุมากขึ้น

2) Good Environment, Green Spaces - สภาพแวดล้อมดี มีพื้นที่สีเขียว

เพราะสุขภาพกายและใจคือรากฐานสำคัญของชีวิต บ้านที่ดีจึงควรตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่น ล้อมรอบด้วยพื้นที่สีเขียวที่เพียงพอสำหรับการออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ เดินเล่นเบา ๆ หรือนั่งพักผ่อนด้วยกันในสวน พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน อย่างสระว่ายน้ำสำหรับออกกำลังกายแบบไม่กระทบข้อ คลับเฮาส์ที่เปิดพื้นที่สำหรับกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว และพื้นที่พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ทำให้ผู้อยู่อาศัยทุกวัยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพ

3) Prime Location Near Facilities - ทำเลศักยภาพ ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ ทำเลที่ตั้งของบ้านซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะการอยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ห้างสรรพสินค้า, โรงเรียน และโรงพยาบาลชั้นนำ รวมไปถึงการเดินทางที่สะดวกสบาย ใกล้รถไฟฟ้า และจุดขึ้น-ลงทางด่วน ตอบโจทย์ครอบคลุมทั้งการใช้ชีวิตและความสะดวกสบายของทุกวัยในครอบครัวบ้านสำหรับการอยู่อาศัยแบบ ‘Multi-generation Family Living’ ไม่ใช่เพียงสถานที่อยู่อาศัย แต่จะต้องออกแบบให้เหมาะสม สิงห์ เอสเตทจึงไม่ได้พัฒนาบ้านเพียงแค่เรื่องรูปแบบหรือขนาดพื้นที่ แต่เป็นการสร้างพื้นที่แห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบายและความอบอุ่นใจในทุกๆวัน

“สิงห์ เอสเตท” เปิดตัว “S Life” ลักชูรีคอมมูนิตี้พร้อมแอปพลิเคชันโฉมใหม่ มอบประสบการณ์เอ็กซ์คลูซีฟ

บมจ. สิงห์ เอสเตท (SET: S) ผู้พัฒนาและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติ ครอบคลุม 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ที่อยู่อาศัย โรงแรม อาคารสำนักงาน และนิคมอุตสาหกรรม ประกาศเปิดตัว ลักชูรีคอมมูนิตี้ “S Life” พร้อมแอปพลิเคชันโฉมใหม่ ที่ได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของครอบครัว สิงห์ เอสเตท มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟสู่คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ร่วมสัมผัส “S Life” แอปพลิเคชันโฉมใหม่อย่างเป็นทางการได้แล้ววันนี้!

วันที่ 22 เมษายน 2568 ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร การพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S กล่าวว่า “S Life เปิดตัวแอปพลิเคชันโฉมใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของที่พักอาศัยของครอบครัว สิงห์ เอสเตท อย่างแท้จริง ด้วยปณิธาน "Empowering Growth, Enriching Life" ที่มุ่งเน้นการดูแลเหนือระดับ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่คัดสรรมาเพื่อลูกบ้านโดยเฉพาะ แอปพลิเคชัน S Life โฉมใหม่ มาพร้อมอินเทอร์เฟซสุดล้ำสมัย ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายมากขึ้น และตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังเสริมด้วย
ฟีเจอร์สุดพรีเมียมจาก S KLAS ที่ช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายยิ่งขึ้นเพียงปลายนิ้วสัมผัส ลูกบ้านสามารถเข้าถึง บริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และสิทธิพิเศษมากมายที่ช่วยเติมเต็มไลฟ์สไตล์ได้ในทุกมิติ”

เอกสิทธิ์พิเศษเฉพาะเติมเต็ม “LIFE” ทั้ง 4 มิติหลัก ได้แก่

L – Luxurious Living: ยกระดับประสบการณ์การอยู่อาศัยระดั​บลักชูรี ด้วยสิทธิพิเศษเฉพาะลูกบ้านจากโรงแรมภายในเครือสิงห์ เอสเตท เช่น โรงแรมทราย หรือโรงแรมสันติบุรี ที่ผสมผสานความหรูหราและการบริการระดับพรีเมียมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ มาเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ลูกบ้าน เพื่อให้ครอบครัวสิงห์ เอสเตท ทุกท่านสามารถใช้สิทธิประโยชน์พิเศษจากบริษัทในเครือฯได้ตลอดทั้งปี

I – Incomparable Privileges: เติมเต็มไลฟ์สไตล์ความสุขให้กับครอบครัว สิงห์ เอสเตท ด้วยสิทธิประโยชน์ที่ออกแบบมาเพื่อไลฟ์สไตล์พริวิเลจของลูกบ้าน สิงห์ เอสเตท อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเอ็กซ์คลูซีฟเวิร์กช้อปและเทรนนิ่งสุดพิเศษ หรือจัดแคมเปญร่วมกับแบรนด์พันธมิตรชั้นนำคุณภาพที่ช่วยให้ทุกมิติ การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น ตั้งแต่สุขภาพ การพัฒนาตนเอง และช้อปปิ้งไลฟ์สไตล์ไปจนถึงประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหน

F – Fulfilling Connections: เชื่อมโยงทุกความสัมพันธ์ ในลักชูรีคอมมูนิตี้แบบ S Life โฉมใหม่นี้ ไม่เพียงจะเป็นแพลตฟอร์มด้านการอยู่อาศัย แต่ยังเป็น One Stop Service for Community ที่เชื่อมโยงครอบครัว สิงห์ เอสเตท เข้าไว้ด้วยกัน ผ่านฟีเจอร์ใหม่ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตในคอมมูนิตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้

นอกจากนี้ อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยเติมเต็มแนวคิด Fulfilling Connections คือ การรวมบริการดูแลลูกบ้านแบบมืออาชีพ ด้วยความใส่ใจผ่านบริการ S KLAS ที่ให้การดูแลพื้นที่ส่วนกลางอย่างเหนือระดับ และรองรับบริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการ Concierge ดูแลทุกความต้องการแบบ Tailor-Made Service เพื่อช่วยให้ลูกบ้านมั่นใจได้ว่าทุกการอยู่อาศัยจะเป็นไปอย่างมีคุณภาพ และไว้วางใจได้อย่างแท้จริง

E – Exclusive Experiences: สร้างความทรงจำอันล้ำค่าผ่านกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ครั้งใหม่ที่หาไม่ได้จากที่ไหนผ่านกิจกรรมพิเศษ เช่น การจัดร่วมกับบริษัทในเครืออย่าง บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ในการสร้างสรรค์ซิกเนเจอร์อีเวนท์ เช่น การพาลูกบ้านร่วมสัมผัสความยิ่งใหญ่ของเทศกาลบอลลูนนานาชาติที่ดีที่สุดในอาเซียน “Singha Park Chiangrai International Balloon Fiesta 2025” ที่ผ่านมา พร้อมดื่มด่ำไปกับธรรมชาติแบบพาโนรามา 360 องศาบนบอลลูนยักษ์ และติดตามกิจกรรมร่วมสัมผัสความเอ็กซ์คลูซีฟตลอดปีได้จากทาง S Life แอปพลิเคชัน

S Life โลกแห่งเอกสิทธิ์ที่แตกต่าง เพื่อครอบครัว สิงห์ เอสเตท ให้ทุกวันของคุณเป็นมากกว่าการอยู่อาศัย แต่เป็นการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและคุณค่า ตอกย้ำภาพลักษณ์ The Exclusive Experience ผ่านเอกสิทธิ์ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เพื่อมุ่งยกระดับประสบการณ์การอยู่อาศัยระดับลักชูรี และเติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้กับลูกบ้าน หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของ S Life คือ ฟีเจอร์คอมมูนิตี้ไลฟ์สไตล์ที่รวบรวมกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้อยู่อาศัยภายในโครงการอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเวิร์กช้อปสุดพิเศษ หรือพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และประสบการณ์ผ่าน S BLOG ซึ่งนำเสนอคอนเทนต์ที่หลากหลายและอัปเดตโปรโมชั่นที่ตรงใจลูกบ้าน

“เป้าหมายของ S Life คือการสร้าง คอมมูนิตี้ที่สมบูรณ์แบบ ที่ไม่เพียงมอบคุณภาพชีวิตที่ดีและความสุขที่ยั่งยืนให้กับลูกบ้าน แต่ยังเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวและสังคม ให้ลูกบ้านรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ ครอบครัวสิงห์ เอสเตท" ณัฐวุฒิ กล่าวเสริม

สามารถดาวน์โหลด S Life แอปพลิเคชันโฉมใหม่ได้แล้วทั้งในระบบปฏิบัติการ iOS และ Android | คลิกที่ http://bit.ly/4gYgW4D หรือติดตามความพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ "S Life" ที่ Line : @SinghaEstate เพียงล็อกอินด้วยข้อมูลเดิมของตนเอง แล้วเตรียมสัมผัสประสบการณ์การอยู่อาศัยระดับ Luxurious Experience พิเศษเพื่อคุณ  เพื่อทุกไลฟ์สไตล์ กับแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาเพื่อลูกบ้านของสิงห์ เอสเตท โดยเฉพาะ

อาคารสำนักงานของกลุ่มสิงห์ เอสเตท ได้รับการยืนยันมาตรฐานความปลอดภัยครบทุกอาคารหลังแผ่นดินไหว

อาคารสำนักงานของกลุ่มสิงห์ เอสเตท ได้รับการยืนยันมาตรฐานความปลอดภัยครบทุกอาคารหลังแผ่นดินไหว

วันที่ 4 เมษายน 2568 บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (SET:S) โดยนางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ขอแจ้งผลการตรวจสอบอาคารสำนักงานของกลุ่มสิงห์ เอสเตท ทั้งหมด 4 อาคาร ได้แก่ อาคาร S-OASIS, S-METRO, SUNTOWERS และ SINGHA COMPLEX พร้อมกำหนดการเข้าพื้นที่ หลังจากที่ได้ดำเนินการสำรวจตรวจสอบโครงสร้างและระบบต่าง ๆ โดยทีมวิศวกรและผู้ออกแบบของสิงห์ เอสเตท ร่วมกับทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรม (กว.)

ทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า โครงสร้างหลักของทุกอาคารสำนักงานของกลุ่มสิงห์ เอสเตท ยังคงแข็งแรง ปลอดภัยตามมาตรฐาน ไม่พบความเสียหายที่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างหลักของอาคาร และสามารถใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งการตรวจสอบได้แบ่งออกเป็น 6 ประเภท ดังนี้

1.โครงสร้าง: ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด โดยการสำรวจหลักจะเน้นไปที่จุดที่เป็น เสา, คาน, พื้น และ Shear Wall ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของทุกอาคาร ซึ่งยังมั่นคงแข็งแรง ใช้งานได้อย่างปลอดภัย

2.สถาปัตยกรรม: ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานตกแต่ง เช่น ฝ้า, พื้น, ผนัง และกระเบื้อง พบรอยแตกร้าวอยู่บ้าง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของอาคาร

3.ระบบไฟฟ้าและสุขาภิบาล: ใช้งานได้ปกติ

4.ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ: ใช้งานได้ปกติ

5.ระบบป้องกันอัคคีภัยและ Fire Safety: ใช้งานได้ปกติ

6.ระบบลิฟต์โดยสารและบันไดเลื่อน: บางส่วนสามารถใช้งานได้ปกติ และบางส่วนอยู่ระหว่างการตรวจเช็คความปลอดภัย

โดยมีกำหนดการเข้าพื้นที่อาคาร S-OASIS, S-METRO, SUNTOWERS และ SINGHA COMPLEX ดังนี้

พื้นที่ร้านค้า และพื้นที่จอดรถ: เปิดให้บริการตามปกติ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

พื้นที่สำนักงาน: เปิดให้เข้าพื้นที่ ตั้งแต่วันอังคารที่ 8 เมษายน 2568 เป็นต้นไป โดยระหว่างนี้แต่ละอาคารจะมีการปรับปรุงพื้นที่บางส่วนชั่วคราว และแจ้งแผนปรับปรุงพื้นที่แบบต่อเนื่องให้ทราบในลำดับถัดไป โดยผู้เช่าสามารถเข้าสำรวจพื้นที่และทรัพย์สินของผู้เช่า ตลอดจนให้ผู้รับเหมาเข้าปรับปรุงพื้นที่ของผู้เช่าได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

#สิงห์เอสเตท #ข่าววันนี้ #แผ่นดินไหว #ตึกสตง #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

ตรวจสอบความปลอดภัยโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบของ สิงห์ เอสเตท ภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (SET:S) โดย นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แถลงความคืบหน้าการดำเนินการด้านการตรวจสอบความปลอดภัยโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบของกลุ่มสิงห์ เอสเตท ภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยของโครงสร้างอาคารที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบในเบื้องต้นอย่างรอบคอบในทุกโครงการ โดยมีมาตรการดังต่อไปนี้

ทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ: บริษัทฯ ได้จัดส่งทีมวิศวกรโครงสร้างที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรม (กว.) ผู้มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เข้าประเมินความแข็งแรง และความปลอดภัยของโครงสร้างอาคารทุกโครงการ

เทคโนโลยีทันสมัย: บริษัทฯ จัดเตรียมทีมโดรน เพื่อสำรวจรอบอาคาร ร่วมกับเทคโนโลยี AI ในการตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างแม่นยำ ช่วยให้สามารถตรวจพบจุดเสี่ยง และดำเนินการแก้ไขได้อย่างเหมาะสม

การตรวจสอบเชิงลึก: ทีมวิศวกรได้ทำการตรวจสอบเชิงลึกอย่างรอบคอบในทุกส่วนของอาคาร ทั้งโครงสร้างหลัก โครงสร้างรอง ระบบสาธารณูปโภค และองค์ประกอบอื่นๆที่อาจได้รับผลกระทบ

การตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญภายนอก: นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เชิญที่ปรึกษาภายนอก ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ และการตรวจสอบอาคารที่พักอาศัยในระดับสากล เข้าร่วมการตรวจสอบและประเมินความมั่นคงแข็งแรงของโครงการที่ได้รับการพัฒนาโดยกลุ่มสิงห์ เอสเตท

ผลการตรวจสอบในขณะนี้ ยังไม่พบความเสียหายที่มีผลกระทบต่อโครงสร้างหลักของอาคารในทุกโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบ ของกลุ่มสิงห์ เอสเตท อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงดำเนินการตรวจสอบเชิงลึกเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกโครงการมีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในระยะยาว บริษัทฯ จะติดตามและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง จัดทำรายงานการตรวจสอบที่อยู่อาศัยของสิงห์ เอสเตท ทุกโครงการ พร้อมจัดตั้งศูนย์รับแจ้งและให้คำปรึกษาด้านความปลอดภัยของอาคาร ที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

กลุ่มบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ขอยืนยันว่าความปลอดภัยและความมั่นใจของผู้อยู่อาศัยคือสิ่งสำคัญสูงสุด บริษัทฯ พร้อมดูแลลูกค้าอย่างเต็มความสามารถ โดยไม่ละเลยมาตรฐานความปลอดภัยในทุกขั้นตอน

 

 

"สิงห์ เอสเตท" ร่วมกับธนาคารกรุงไทย เดินหน้าโครงการสินเชื่อสีเขียว พัฒนาสำนักงาน S-OASIS มุ่งเน้นรักษาสิ่งแวดล้อม

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ บริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนได้รับการอนุมัติสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) เป็นครั้งแรกจากธนาคารกรุงไทย ด้วยวงเงิน 1,900 ล้านบาทโดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อนำไปลงทุนในอาคารสำนักงาน S-OASIS ที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ความสำเร็จนี้เน้นย้ำถึงพันธกิจของสิงห์ เอสเตท ในการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เพื่อสร้างคุณค่าและผลประโยชน์แก่ธุรกิจ ผู้เช่า และชุมชนโดยรอบ อาคารสำนักงาน S-OASIS เป็นอาคารที่ออกแบบภายใต้แนวคิดอาคารอัจฉริยะโดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการออกแบบควบคู่กับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน การันตีด้วยมาตรฐาน LEED Gold โดยสินเชื่อสีเขียวครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงการมุ่งเน้นการสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรและความยั่งยืนของสิงห์ เอสเตท สู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2030 และมีแผนที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2050

เมื่อวันที่ 20 มี.ค.68 คุณชัยรัตน์  ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน  บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงโครงการเงินกู้สีเขียวครั้งนี้ โดยเธอเน้นย้ำ “บริษัทดำเนินธุรกิจอย่างสมดุลภายใต้วิสัยทัศน์ "Entrusted and Value Enricher" ที่มุ่งสร้างคุณค่าและการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมควบคู่กับธุรกิจ ผ่านโครงการเพื่อความยั่งยืนหลากหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น โครงการ ‘ปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว’ ที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย ปลูกต้นไม้แล้ว 6,200 ต้น หรือ 20%, ธุรกิจโรงแรมและอาคารสำนักงานใช้พลังงานสีเขียวด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในไทยและมัลดีฟส์, การลงนาม MOU กับรัฐบาลมัลดีฟส์เพื่อสนับสนุนพื้นที่อนุรักษ์ CROSSROADS Maldives ภายใต้โครงการ OECMs ครอบคลุมพื้นที่ 1.75 ล้านตารางเมตร หรือ 17.05%, โครงการ SOS ปล่อยฉลามกบลงสู่ทะเลอันดามัน และจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ทางทะเลที่โรงแรมทราย พีพี ไอส์แลนด์  วิลเลจและ CROSSROADS Maldives เพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศทางทะเล นอกจากนี้ยังร่วมกับธนาคารกรุงไทยในสัญญาข้อตกลงอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยเชื่อมโยงคาร์บอนเครดิต และปัจจุบันได้ต่อยอดเป็นเงินกู้สีเขียว เพื่อนำเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนเพิ่มเติมในอาคาร S-OASIS เพื่อพัฒนาอาคาร S-OASIS ที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานของอาคารให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น (Green Process Policy) โดยเน้นลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน”

โดยแผนการดำเนินงานที่ สิงห์ เอสเตท วางไว้จะมุ่งเน้นการลงทุนในอาคาร S-OASIS ในหลายด้าน อาทิ

1.การติดตั้งหลอด LED Motion แบบหรี่แสง ที่สามารถหรี่แสงลงในกรณีที่ไม่มีการเข้าใช้งานพื้นที่ แต่ยังคงมีแสงสว่างให้บริการพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานไฟฟ้าและลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

2.การติดตั้งระบบกรองน้ำดื่ม (Drinking Water) กรองสิ่งปนเปื้อนที่เจือปนในน้ำ เพื่อสุขอนามัยที่ดีแก่ผู้เช่าภายในอาคาร ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำดื่มและสนับสนุนในการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถใช้ซ้ำได้หรือ Reuseable Products

3.การติดตั้ง ระบบ AI Optimization เพื่อปรับปรุงอาคารให้เป็นระบบอัจฉริยะ โดยการใช้ระบบ AI ในการนำข้อมูลมาวิเคราะห์การควบคุมการใช้พลังงาน  และบริหารงานด้านระบบสาธารณูปโภคอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

4.การติดตั้งโคมไฟ Solar Cell ส่งเสริมพลังงานสะอาด

5.การติดตั้งนวัตกรรมระบบ Air Chiller ที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อจ่ายน้ำเย็นให้กับ Air Server 24 ชั่วโมง เพื่อมุ่งเน้นการใช้พลังงานให้น้อยที่สุด

6.การพัฒนาออฟฟิศแบบพร้อมใช้งาน JUMP&SYNC Green ที่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามความต้องการของผู้เช่าและเลือกใช้วัสดุ Low Carbon ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ยัง Low VOC ให้ปลอดภัยต่อผู้ใช้งานอีกด้วย

โดย สิงห์ เอสเตท มุ่งมั่นพัฒนาโครงการอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างคุณค่าและการเติบโตอย่างยั่งยืน ร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สังคม สิ่งแวดล้อม และชุมชน การอนุมัติเงินกู้สีเขียวจากธนาคารกรุงไทยเพื่อพัฒนาอาคารสำนักงาน S-OASIS เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานอาคารให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีที่เน้นการอนุรักษ์พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตอบรับเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Emission ของสิงห์ เอสเตท สอดคล้องกับแนวทางการลงทุนตามกรอบ ESG ที่สิงห์ เอสเตทให้ความสำคัญ โดยการสร้างอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไม่เพียงเพิ่มคุณค่าให้โครงการ แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้เช่ามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตอบโจทย์ความต้องการของผู้เช่าที่ใส่ใจความยั่งยืน

นายสุรธันว์ คงทน ประธานผู้บริหาร Wholesale Banking ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) พร้อมนำเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) มาปรับใช้ ทั้งในมิติการเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจ และการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม ล่าสุด ธนาคารมีความยินดีที่ได้เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรที่ดำเนินธุรกิจที่ยึดหลักความยั่งยืน ผ่านการเป็นธนาคารที่ได้สนับสนุนสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) ให้แก่สิงห์ เอสเตทในครั้งนี้ โดยธนาคารได้กำหนดตัวชี้วัดด้านความยั่งยืน (Key Performance Indicator) ภายใต้แนวทางการสนับสนุนสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Lending Guideline) เพื่อให้สิงห์ เอสเตท ใช้สำหรับการพัฒนาอาคารสำนักงาน S-OASIS ตามแผนการดำเนินงานสู่การเป็นอาคารเทคโนโลยีอัจฉริยะและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างคุณค่าแก่ธุรกิจ ผู้เช่าอาคาร ชุมชน และสังคมโดยรอบ โดยธนาคารเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของสิงห์ เอสเตท ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศ และมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นพันธกิจด้าน ESG ของทั้ง 2 องค์กร ในการร่วมผลักดันเป้าหมาย การดำเนินงานด้านความยั่งยืน ตอกย้ำการดำเนินงานของธนาคารที่ขับเคลื่อนสู่องค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ตอบโจทย์เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ของประเทศ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจของประเทศ ตามวิสัยทัศน์ "กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน" ทั้งนี้ ธนาคารเดินหน้าสู่การเป็นพันธมิตรที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและให้ความสำคัญกับหลักการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (ESG) ตอกย้ำสู่การเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ข้อ 13 เรื่องการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

"สิงห์ เอสเตท" เปิดรายได้ปี 67 แตะ 15,095 ล้านบาท เพิ่ม 3% โตต่อเนื่องสามปีซ้อน

"สิงห์ เอสเตท" รายงานผลการดำเนินงานจากการขายและให้บริการของปี 2567จำนวน 15,095 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากผลประกอบการของธุรกิจโรงแรม หนุนด้วยธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน สะท้อนการบริหารรายได้อย่างมีสมดุลระหว่างธุรกิจรายได้ประจำ (Recurring Income) และธุรกิจการขายอสังหาริมทรัพย์ (Non-Recurring Income)

เมื่อวันที่ 4 มี.ค.68 บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ (SET:S) ประกาศผลประกอบการประจำปี 2567 มีรายได้ จากธุรกิจหลักรวมทั้งสิ้น 15,095 ล้านบาท เตรียมเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 เพื่ออนุมัติจ่ายปันผลสำหรับผลดำเนินงานประจำปี 2567 จำนวน 0.01 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 14 มีนาคม 2568 เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผล สำหรับรายได้ที่เติบโตขึ้นนี้ประกอบด้วยรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 3,485 ล้านบาท มีสัดส่วนยอดโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างโครงการแนวราบและโครงการห้องชุด อยู่ที่ประมาณร้อยละ 50:50 ขับเคลื่อนจากโครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ (SIRANINN RESIDENCES Pattanakarn), สริน ราชพฤกษ์-สาย 1(S’RIN Ratchapruek-Sai 1) และโครงการ ดิ เอ็กซ์โทร พญาไท-รางน้ำ (THE EXTRO Phayathai-Rangnam) และรายได้จากธุรกิจให้บริการจำนวน 11,568 ล้านบาท โดยเป็นรายได้หลักจากกลุ่มธุรกิจโรงแรม ที่มาพร้อมปัจจัยบวกจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวและกลยุทธ์การดำเนินงานที่เหมาะสม ทั้งนี้สามารถแบ่งรายละเอียดและแผนการดำเนินงานแบ่งตามประเภทธุรกิจดังนี้

ธุรกิจที่พักอาศัย: ในรอบปีที่ผ่านมาตลาดที่พักอาศัยเผชิญความท้าทายจากปัจจัยกดดันต่างๆ จากสภาวะเศรษฐกิจ ทำให้กำลังซื้อชะลอตัวลง เป็นผลให้รายได้รวมจากธุรกิจที่พักอาศัยชะลอตัว จากปีก่อน อย่างไรก็ตามในปี 2567 บริษัทยังเห็นการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการหลักยังดำเนินไปตามแผน อาทิ โครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ (SIRANINN RESIDENCES Pattanakarn) และโครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 (THE ESSE SUKHUMVIT 36) ที่ใกล้ปิดโครงการ (Sold out) ในต้นปี 2568 ในขณะที่โครงการที่เปิดตัวปลายปี 2566 ได้แก่ โครงการสริน ราชพฤกษ์-สาย 1 (S’RIN Ratchapruek-Sai 1) และโครงการ ดิ เอ็กซ์โทร พญาไท-รางน้ำ (THE EXTRO Phayathai-Rangnam) หนุนด้วยโครงการจากแบรนด์ใหม่ที่เริ่มเปิดตัวระหว่างปี อาทิ โครงการฌอน (SHAWN) ปัญญาอินทรา และโครงการฌอน (SHAWN) วงแหวนจตุโชติ ได้รับผลตอบรับที่น่าพอใจ

สำหรับปี 2568 บริษัทฯ เชื่อว่าโครงการที่เปิดตัวใหม่โดยมีรูปแบบของผลิตภัณฑ์แบบใหม่ที่มีแนวคิดที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์เดิมอย่าง โครงการสมิทธ์ รามอินทรา (SMYTH’S Ramintra), โครงการสมิทธ์ เกษตร-นวมินทร์ (SMYTH’S Kaset-Nawamin) และโครงการสริน พรานนก-กาญจนา (S’RIN Prannok-Kanchana) เป็นโครงการในระดับราคาตลาดลักชูรีที่กลุ่มสิงห์ เอสเตท มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว จะเข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขายและการโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2568 ได้ 

ธุรกิจโรงแรม: รายได้ของธุรกิจโรงแรมเติบโตขึ้น 7% จากปีก่อน สร้างระดับรายได้สูงสุดในประวัติการณ์ใหม่ติดต่อกันเป็นปีที่สอง แม้ว่าในระหว่างปีจะปิดปรับปรุงโรงแรมทราย ลากูน่า ภูเก็ต ไปเป็นระยะเวลาหกเดือน โดยแล้วเสร็จทั้งสิ้นปลายเดือนพฤศจิกายน 2567 ทั้งนี้ผลการดำเนินงานโดยรวมในปี 2567 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของทั้งพอร์ตฟอลิโอ 68% ใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน มาอยู่ที่ระดับราคา 4,336 บาท  โดยมีการขับเคลื่อนจากโรงแรมในประเทศไทย มัลดีฟส์ ฟิจิ และมอริเชียส ซึ่งความต้องการเข้าพักเติบโตอย่างต่อเนื่องตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ผนวกกับกลยุทธ์ของบริษัทฯ ทั้งจากการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์และการปรับแผนการตลาด นอกจากนี้ด้วยการบริหารต้นทุน และค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน

สำหรับปี 2568 ทางบริษัทฯ มองว่าธุรกิจโรงแรมยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างรายได้ โดยเฉพาะจากโรงแรมที่เป็นกำลังหลัก เช่น กลุ่มโรงแรมในประเทศไทย ฟิจิ และมัลดีฟส์ มีห้องพักพร้อมขายเต็ม 100% สามารถรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่

ธุรกิจอาคารสำนักงาน: ถึงแม้ว่าธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่ายังอยู่ในช่วงที่เผชิญความท้าทายทั้งจากอุปทานในตลาดปัจจุบันและรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป ในปี 2567 บริษัทฯ มีการปรับกลยุทธ์ที่ยังสามารถรักษาอัตราการเช่าของอาคารที่เปิดมานานแล้วเฉลี่ยที่ 81% นอกจากนี้ด้านอาคารเปิดใหม่ S-OASIS อัตราการเช่าทยอยเพิ่มขึ้นตามจำนวนของผู้เช่าใหม่

สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นที่จะรักษาอัตราการเช่าเฉลี่ยให้อยู่ในระดับ 80% รวมถึงคาดการว่าอาคารเปิดใหม่ S-OASIS ภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 จะมีอัตราการเช่าที่ 50% และทำให้ธุรกิจรายได้ประจำเติบโตดีขึ้น

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภค: ปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ได้ถูกพัฒนาและก่อสร้างแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยในปี 2567 ทางบริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จากการขายที่ดินจำนวน 56 ไร่ และค่าสาธารณูปโภคที่ทยอยเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการใช้งานที่มากขึ้น นอกจากผลประกอบการจากการดำเนินงานหลัก บริษัทฯ ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมอีกประมาณ 180 ล้านบาท ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ช่วยเข้ามาเสริมให้กำไรจากการดำเนินงานที่เป็นรายได้ประจำของบริษัทฯ มีความสม่ำเสมอยิ่งขึ้น

สำหรับปี 2568 กลุ่มสิงห์ เอสเตท ยังมองว่าประเทศไทยยังมีเสน่ห์ต่อนักลงทุนต่างประเทศ ประกอบกับแนวโน้มจากการย้ายฐานการผลิต ดังนั้นจึงวางเป้าหมายการขายที่ดินไว้ที่จำนวน 200 ไร่ โดยบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการนำเสนอพื้นที่ให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ลูกค้าที่ให้ความสนใจ เป็นทั้งธุรกิจอาหารและธุรกิจด้านเทคโนโลยี นับเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงมาก ซึ่งจะทำให้รายได้จากการขายที่ดินและสร้างผลตอบแทนระยะยาวแก่บริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ

ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานในภาพรวมของสิงห์ เอสเตท ในปี 2567 ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ถึงแม้สภาวะตลาดมีผลต่อการชะลอตัวของบางธุรกิจ แต่เพราะกลุยทธ์การลงทุนของเราที่มีการกระจายความเสี่ยงได้อย่างหลากหลายกิจการ ทำให้เราสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีรายได้อย่างสม่ำเสมอ และมั่นใจว่าในปี 2568 บริษัทฯ จะขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง จากการมุ่งเน้นพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาด สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่นักลงทุน และการเข้าลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากผลการดำเนินงานในรอบปี 2567 คณะกรรมการบริษัทฯ เห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น อนุมัติจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น 0.01 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้น XD ในวันที่ 14 มีนาคม 2568”

นอกจากการมุ่งสร้างผลตอบแทน สิงห์ เอสเตท ยังมุ่งสร้างธุรกิจแบบยั่งยืน โดยในปี 2567 บริษัทฯ สามารถเลื่อนชั้นอันดับเรตติ้งสู่ระดับ AA จากการประเมินผลหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating ซึ่งบริษัทฯ ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ตอกย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดสร้างความหลากหลายที่สมดุลเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

“ตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา ปัจจัยหนึ่งที่เรายึดถือมาโดยตลอดคือกระบวนการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน หรือการสร้างความเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมและผู้ที่มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ซึ่งผลจากการปฏิบัติดังกล่าว ก็ทยอยแสดงผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง ผ่านการได้รับรางวัลและความเชื่อมั่นที่ได้รับเสมอมา ดังนั้นสำหรับการก้าวเข้าสู่ปีที่ 11 เราจะเดินหน้าด้วยความมุ่งมั่นพร้อมรับมือกับทุกความท้าทาย และยังคงดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ เต็มศักยภาพตามกรอบการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน” คุณฐิติมา กล่าว

 


 

"สิงห์ เอสเตท" มอบความสุขส่งท้ายปีกับ "Season of Smile" จาก S Life ของขวัญสุดพิเศษเติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้ลูกบ้าน

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (SET: S) ผู้นำด้านการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชูรี จับมือบริษัทในเครือและพาร์ทเนอร์ชั้นนำ ร่วมฉลองเทศกาลแห่งความสุขผ่านแคมเปญ "Season of Smile" จาก S Life มอบเอกสิทธิ์พิเศษที่คัดสรรเฉพาะสำหรับลูกบ้านสิงห์ เอสเตท ตอบโจทย์ทุกมิติไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น ท่องเที่ยว, กีฬา, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านรับปีใหม่ สร้างประสบการณ์อันล้ำค่าและประทับใจในทุกช่วงเวลาไปด้วยกัน โดยสามารถรับสิทธิ์ได้ที่ S Life Application ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้  Apple Store: bit.ly/46DAJTk, Google Play: bit.ly/4fBRWR6 

สัมผัสประสบการณ์การพักผ่อน “ระดับลักชูรี่” แสนพิเศษท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามทั้งในไทย และมัลดีฟส์  

เติมเต็มวันพักผ่อนของคุณด้วยสิทธิพิเศษ จากรีสอร์ตชั้นนำในเครือสิงห์ เอสเตท ในไทย ได้แก่ Santiburi Koh Samui, SAii Koh Samui, SAii Phi Phi Island Village, SAii Laguna Phuket  มอบส่วนลดห้องพักสูงสุด 30%  และส่วนลดสูงสุดสำหรับสปา 25% พร้อมค็อกเทลเมื่อเข้าพัก 3 คืนขึ้นไป

ค้นพบการพักผ่อนในฝันบนเกาะส่วนตัวที่ CROSSROADS Maldives จุดหมายปลายทางระดับโลกที่รวมความสมบูรณ์แบบของการพักผ่อนและความบันเทิงครบวงจร กับข้อเสนอพิเศษจาก 3 รีสอร์ตชั้นนำในเครือ สิงห์ เอสเตท ได้แก่ SAii Lagoon Maldives, Hard Rock Hotel Maldives, และ SO/ Maldives เพลิดเพลินกับส่วนลดห้องพักสุดพิเศษ พร้อมการบริการและสิทธิพิเศษอื่นๆ อาทิ ส่วนลดสปา 15%, กิจกรรมทางน้ำหลากหลาย และความสนุกสนานกับคาราโอเกะ ตอบโจทย์วันพักผ่อนของคุณอย่างสมบูรณ์แบบ

INDULGE IN UNMATCHED SIGNATURE GOLF EXPERIENCE สัมผัสประสบการณ์การออกรอบสุดพิเศษ ณ สนามกอล์ฟ Santiburi Samui Country Club สนาม 18 หลุมระดับมาสเตอร์ ท่ามกลางธรรมชาติและวิวทะเลงดงาม พร้อมการพักผ่อนสุดหรูที่ Santiburi Koh Samui รีสอร์ต 5 ดาว กับห้องพักไทยร่วมสมัย บริการระดับพรีเมียม และสปาทรีตเมนต์ที่ช่วยผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ

แพ็กเกจเอ็กซ์คลูซีฟ (เมื่อจองห้องพัก 3 คืนขึ้นไป)

บริการรถกอล์ฟส่วนตัวพร้อมแคดดี้มืออาชีพ

บริการทำความสะอาดรองเท้าและอุปกรณ์กอล์ฟทุกวัน

บริการรถรับส่งระหว่างสนามกอล์ฟและรีสอร์ต

บริการรถรับส่ง (ไป-กลับ) สนามบินนานาชาติสมุย

ส่วนลด 25% สำหรับอาหาร-เครื่องดื่ม และสปาทรีตเมนต์

เติมสีสันให้ทุกวัน ด้วยรสชาติและความประทับใจในทุกมื้ออาหาร

R-HAAN ร้านอาหาร Thai Fine Dining ระดับมิชลิน 2 ดาว มอบส่วนลด 15% สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มกราคม 2568 สัมผัสความหรูหราและประณีตของอาหารไทย พร้อมถ่ายทอดความงดงามของวัฒนธรรมไทยผ่านรสชาติที่สร้างสรรค์โดย เชฟชุมพล

ตอบโจทย์การใช้ชีวิต เพื่อทุกความสุขในบ้านอย่างลงตัว

OLIVIA LIVING ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์ลักชัวรี และ One stop design solution ที่ให้บริการออกแบบตกแต่งภายในครบวงจร มอบส่วนลดสูงสุด 45% สำหรับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ให้คุณเลือกสรรของขวัญสุดพิเศษ หรือเติมแต่งบ้านให้สวยงามลงตัวรับปีใหม่อย่างมีสไตล์

Samsung รับสิทธิพิเศษ 3 ต่อ รับส่วนลดรวมสูงสุด 50%* สำหรับช้อปเครื่องใช้ไฟฟ้า สมาร์ทโฟน และ Gadget อัจฉริยะ รายละเอียดเพิ่มเติมที่

https://www.samsung.com/th/tnc/samsung-singha-estate  หรือ Samsung Call Center 1282

สัมผัสความสุขในช่วงเทศกาลสุดพิเศษไปด้วยกันกับสิทธิประโยชน์เหนือระดับจากแคมเปญ “S Life” ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษจากพันธมิตรชั้นนำ เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกบ้าน พร้อมคำมั่นที่จะมอบเอกสิทธิ์ ข้อมูลเพิ่มเติม: https://bit.ly/3B9AEvn หรือทาง Singha Estate Contact Center 1221 / Line @SinghaEstate https://lin.ee/P9UPXRG 

"สิงห์ เอสเตท" เตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่ 2 ชุด อายุ 2-3 ปี ชูดอกเบี้ย 4.50-5.10% ต่อปี มั่นใจจุดยืนการเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาฯ ตลาด Luxury Segment 

"สิงห์ เอสเตท" ยื่น filing เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ต่อประชาชนเป็นการทั่วไป จำนวน 2 ชุด อายุ 2 ปี และ 3 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 4.50-4.70% และ 4.90-5.10% ต่อปี โดยคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 7-9 ม.ค.68 พร้อมอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้อยู่ที่ “BBB” ซึ่งเป็นกลุ่ม “ระดับลงทุน” (Investment Grade) ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือองค์กรอยู่ที่ “BBB+” แนวโน้ม “Negative” โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 21 พ.ย.67

หลังจากประสบความสำเร็จจากการเสนอขายหุ้นกู้ในปี 2566 และเมื่อช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าการเสนอขายหุ้นกู้ทั้ง 2 ครั้งรวมมูลค่าเสนอขายทั้งสิ้น 2,700  ล้านบาท บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” เตรียมพร้อมที่จะเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ต่อประชาชนเป็นการทั่วไป โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลตราสารหนี้ (filing) เพื่อเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยหุ้นกู้ดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 หุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย [4.50 – 4.70]% ต่อปี และ ชุดที่ 2 หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย [4.90 -5.10]% ต่อปี สำหรับหุ้นกู้ดังกล่าวจะชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท โดยคาดว่าจะเสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไประหว่างวันที่ [7 – 9] มกราคม 2568  ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งสถาบันการเงิน 4 แห่ง เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย

สำหรับหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ที่ระดับ “BBB” ซึ่งเป็นกลุ่ม “ระดับลงทุน” (Investment grade) ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือองค์กรอยู่ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้ม “Negative” โดยทริสเรทติ้ง ระบุว่า อันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าวสะท้อนถึงคุณภาพที่ดีของสินทรัพย์โรงแรมของบริษัทฯ ตลอดจนแบรนด์ที่อยู่อาศัยที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีและรายได้ประจำจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ของบริษัทฯ 

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าหุ้นกู้ที่จะเสนอขายในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีอีกครั้งจากผู้ลงทุนที่เชื่อมั่นในแบรนด์ “สิงห์ เอสเตท” ถึงแม้ในสภาวะที่ตลาดหุ้นกู้ไทยโดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่น แต่ด้วยภาพรวมการดำเนินงานของสิงห์ เอสเตทในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผน พิสูจน์ได้จากผลประกอบการงวดเก้าเดือนแรก ของปี 2567 ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้จากการประกอบธุรกิจหลักรวมทั้งสิ้น 11,431 ล้าน คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 13% เมื่อเทียบกับสิ้นงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถในการขยายธุรกิจของสิงห์ เอสเตท ในสภาวะที่ตลาดกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีความท้าทายในหลายๆ ด้าน อีกทั้งมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งโครงการบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียม

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมั่นใจว่าแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ จะประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาความต้องการของลูกค้าในตลาดบ้าน เซกเมนต์ลักชูรีซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯ ยังคงมีการขยายความต้องการอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการบ้านระดับ Luxury Segment และ Premium Luxury Segment ของบริษัทฯ ประกอบกับกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มลูกค้าที่ยังมีกำลังซื้อสูง ดังนั้นแผนการเดินหน้าพัฒนาโครงการเพื่อรองรับกับลูกค้ากลุ่มนี้ โดยอาศัยกลยุทธ์การมุ่งพัฒนาโครงการคุณภาพชั้นนำในทำเลที่มีศักยภาพ พร้อมด้วยแนวทางการพัฒนาโครงการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์แก่ผู้อยู่อาศัย ซึ่งจะนำพา สิงห์ เอสเตท ก้าวขึ้นเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน อีกทั้ง ภายในปลายปีนี้จนถึงช่วงต้นปีหน้า สิงห์ เอสเตท เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ครอบคลุม Luxury Segment  ไปถึง Super Luxury Segment  รวม 4 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโดร่วมทุน 1 โครงการ ตั้งอยู่บนทำเลพระราม 3 และโครงการบ้านเดี่ยว 3 โครงการ ภายใต้แบรนด์ สมิทธ์ (SMYTH’S) บน 2 ทำเลสำคัญ ได้แก่ รามอินทรา และ เกษตร-นวมินทร์ และ S’RIN Prannok-Kanchana (สริน พรานนก-กาญจนา) บนถนนพรานนก-ตัดใหม่ มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,800 ล้านบาท ตอกย้ำการเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าระดับไฮเอนด์ของบริษัทฯ

สำหรับผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจโรงแรม ภายใต้การบริหารงานของ ‘เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท’ (SHR) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นอย่างชัดเจนในรอบเก้าเดือนที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากการปรับปรุงโรงแรม อาทิ โรงแรมทราย ลากูน่า ภูเก็ต โรงแรมทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ และโรงแรม Outrigger ในฟิจิ เพื่อเพิ่มอัตราค่าห้องพักเฉลี่ย (ADR) อย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับกระแสการขยายตัวของธุรกิจการท่องเที่ยวในหลายประเทศทั่วโลก โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 7,746 ล้านบาท และสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ผลกำไรจากการดำเนินงานหลัก เติบโตขึ้นกว่า 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเติบโตขึ้นประมาณ 51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งของ SHR พร้อมรับแรงสนับสนุนจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยและในหลาย ๆ ประเทศที่ลงทุน

โดยในส่วนของธุรกิจอาคารสำนักงาน ในปีนี้บริษัทฯ ได้รับการรับรองจาก 3 มาตรฐานไอเอสโอ (ISO) ระดับสากล ครบทั้ง 4 โครงการ ได้แก่ S-OASIS, S-METRO, SUNTOWERS, และ SINGHA COMPLEX รวมถึงการคว้ารางวัล Global Business Outlook Award 2024 สาขา Most Innovative New Office Building Development จากโครงการ S-OASISนับเป็นการตอกย้ำความสำเร็จในฐานะผู้นำด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าและอาคารสำนักงาน ที่มุ้งเน้นการพัฒนาสินทรัพย์ให้มีมาตรฐานที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตและคุณภาพการทำงานของผู้ใช้อาคารตามนโยบายและทิศทางของบริษัทที่คำนึงถึงระบบการบริหารจัดการด้านคุณภาพ ด้านสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย เป็นสิ่งสำคัญ โดยปัจจัยดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมให้อาคารสำนักงานในพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ มีจุดเด่นที่สามารถดึงดูดอัตราการเช่าและเพิ่มโอกาสในการขายพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ในสภาวะการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น

ส่วนด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ก็ยังมีแนวโน้มดีอย่างต่อเนื่องเช่นกัน การขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง ซึ่งมีจุดแข็งด้านความพร้อมของระบบทรัพยากรไฟฟ้าและน้ำ พร้อมข้อได้เปรียบด้านต้นทุนสาธารณูปโภคที่ต่ำกว่าพื้นที่เศรษฐกิจอื่น จะเป็นจุดดึงดูดดีมานด์ของนักลงทุนที่สำคัญ และช่วยให้เราขยายฐานลูกค้าเป้าหมายของเราได้อย่างในอนาคต โดยในปีนี้บริษัทฯ รับรู้รายได้จากการโอนที่แก่นักลงทุนแล้วทั้งสิ้นจำนวน 56 ไร่ และส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมทั้ง 3 แห่งในนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง ที่เปิดดำเนินการตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กว่า 100 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี  

“สิงห์ เอสเตท มุ่งมั่นขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้วิสัยทัศน์ “Entrusted And Value Enricher” สร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และสร้างความสมดุลในการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงแนวคิดหลักในการทำธุรกิจที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความซื่อตรงและรับผิดชอบต่อสังคม ควบคู่ไปกับแผนการบริหารจัดการนโยบายทางการเงินของบริษัทฯ ซึ่งเราเชื่อว่าทั้งหมดนี้จะทำให้ผู้ลงทุนมั่นใจและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ อย่างแน่นอน” นางฐิติมากล่าว

"สิงห์ เอสเตท" จับมือ "ซัมซุง" ส่งแคมเปญ 'S Life' เอกสิทธิ์พิเศษเพื่อลูกบ้าน เติมเต็มทุกความสุขมอบสิทธิพิเศษ 3 ต่อ พร้อมรับส่วนลดรวมสูงสุด 50%

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (SET: S) ผู้นำด้านการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชูรี ตอกย้ำความสำเร็จตลอด 10 ปี เดินหน้ามอบสิทธิพิเศษให้ลูกบ้านผ่านภายใต้แคมเปญ “S Life” เติมเต็มความสุขให้ลูกบ้านสิงห์ เอสเตท จับมือ ซัมซุง ผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก มอบข้อเสนอสุดพิเศษในการเป็นเจ้าของนวัตกรรมล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยี AI ที่ทรงพลังตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ลบทุกข้อจำกัด ช่วยเติมเต็มประสบการณ์ความประทับใจให้กับกลุ่มลูกค้าคนสำคัญได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยสิทธิพิเศษส่วนลดรวมสูงสุด 50%* ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2567

สิงห์ เอสเตท ส่งต่อความสุขใส่ใจในทุกรายละเอียด ด้วยการมอบเอกสิทธิ์สุดพิเศษให้ลูกบ้านสิงห์ เอสเตท เติมเต็มไลฟ์สไตล์ล้ำสมัยด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพจากซัมซุง ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า สมาร์ทโฟน และ Gadget อัจฉริยะ จัดเต็มโปรโมชัน สุดเอ็กซ์คลูซีฟถึง 3 ต่อ รับส่วนลดรวมสูงสุด 50%* โดยช้อปผ่าน 2 ช่องทาง เว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่แอปพลิเคชัน "S Life" Apple Store: bit.ly/46DAJTk Google Play: bit.ly/4fBRWR6 จำนวนจำกัด 500 สิทธิ์* ตลอดรายการ จำกัด 1 สิทธิ์ต่อ 1 โค้ด ต่อ 1 คำสั่งซื้อ*

ต่อที่ 1 : รับโค้ดส่วนลดพิเศษ 15%* on top จากราคาที่ลดแล้ว เมื่อซื้อสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าซัมซุงรุ่นที่ร่วมรายการ และส่วนลดพิเศษ 15%* จากราคาปกติ เมื่อซื้อสินค้าซัมซุงกลุ่มสมาร์ทโฟนรุ่นที่ร่วมรายการ ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ Samsung.com

ต่อที่ 2 : เก่าแลกใหม่ แลกรับส่วนลดสูงสุด 15,000 บาท* เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ โดยลดจากราคาโปรโมชันของสินค้าที่ร่วมรายการ หลังหักส่วนลด (ถ้ามี)

ต่อที่ 3 : รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 8,000 บาท* เมื่อซื้อครั้งแรกผ่าน 2 ช่องทาง บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน

ลูกค้าใหม่เมื่อซื้อสินค้าครั้งแรก ที่ร่วมรายการผ่านทาง https://www.samsung.com/th/ รับส่วนลดสูงสุด 7,000 บาท* ใส่โค้ด NEWMEM

ลูกค้าใหม่เมื่อซื้อสินค้าครั้งแรก ที่ร่วมรายการผ่านทางแอปพลิเคชัน Samsung Shop app รับส่วนลดสูงสุด 8,000 บาท* ใส่โค้ด NEWMEM

สัมผัสความสุขแห่งการใช้ชีวิตจากสิงห์ เอสเตท กับแคมเปญ “S Life เติมเต็มความสุขให้ลูกบ้านสิงห์ เอสเตท”ด้วยโปรโมชันพิเศษจากซัมซุงถึง 3 ต่อ รับส่วนลดรวมสูงสุด 50%* รับสิทธิ์ผ่านแอป "S Life" ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2567 ช้อปสินค้าได้ที่ https://www.samsung.com/th หรือตรวจสอบรายการสินค้าร่วมโปรโมชันที่ รายละเอียดโปรโมชัน https://www.samsung.com/th/tnc/samsung-singha-estate และในแอปพลิเคชัน “S Life” ข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/3UgGuRW

*เงื่อนไขเป็นไปตามข้อกำหนด โปรดศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม https://www.samsung.com/th/tnc/samsung-singha-estate