การบินไทยคว้ารางวัล “Hall of Fame” สาขา Best South-East Asian Airline ตอกย้ำผู้นำสายการบินเอเชียตอ.ฉต.

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยนายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย นายกิตติพงษ์ สารสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ เข้ารับรางวัล Hall of Fame สาขา Best South-East Asian Airline ในงาน TTG Travel Awards 2025 ครั้งที่ 34 จัดขึ้น ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

TTG Travel Awards ถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและสายการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มอบให้แก่บุคคลและองค์กรที่มีผลงานโดดเด่น โดยผู้ชนะรางวัลมาจากการโหวตของผู้อ่านนิตยสาร TTG Travel Trade Publishing และเครือข่ายสื่อในหลายประเทศ อาทิ TTG Asia, TTG China, TTG India, TTG MICE, TTG-BT MICE China และ TTG Asia Luxury 

การบินไทยคว้ารางวัล Hall of Fame – Best South-East Asian Airline จากงาน TTG Travel Awards 2025 ต่อเนื่องกว่า 10 ปี สะท้อนความไว้วางใจจากผู้โดยสารและพันธมิตรทั่วโลก และยังคงมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานบริการ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุดสำหรับผู้โดยสารทุกท่าน

 

AOT ลงนาม MOU ร่วมมือ 3 สายการบิน เคลื่อนย้ายอากาศยานขัดข้อง ยกระดับความปลอดภัยผดส.

AOT ลงนาม MOU ร่วมมือ 3 สายการบิน เคลื่อนย้ายอากาศยานขัดข้อง ยกระดับความปลอดภัยผู้โดยสาร

วันที่ 25 สิงหาคม 2568 นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการเคลื่อนย้ายอากาศยานที่ขัดข้องระหว่างท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ AOT กับ บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด บริษัท ไทย ไลอ้อน เมนทารี จํากัด และ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ จํากัด เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่างผู้ดำเนินการเดินอากาศ และผู้ดำเนินการสนามบินในด้านการให้บริการโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ รองรับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะนำไปสู่ปฏิบัติการตามแผนฉุกเฉิน ที่ได้รับการรับรองจากรัฐเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และการช่วยเหลือกู้ภัยต่อผู้ประสบเหตุอย่างทันท่วงที ตลอดจนยกระดับขีดความสามารถการขนส่งทางอากาศที่ปลอดภัยตามมาตรฐานของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) และองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)

สำหรับผู้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ประกอบด้วย นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง นายมนต์ชัย ตะโหนด ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต นาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ นายกฤษฎา พุกะทรัพย์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานหาดใหญ่ นาวาอากาศตรี สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เป็นผู้ร่วมลงนามกับนายวุฒิภูมิ จุฬางกูร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด นายอัศวิน ยังกีรติวร  บริษัท ไทย ไลอ้อน เมนทารี จํากัด นางภัทรา บุศราวงศ์ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ จํากัด

ทั้งนี้การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมทางอากาศของไทยให้พร้อมสำหรับการเติบโตทางธุรกิจซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ AOT ที่พร้อมจะเป็นผู้ดำเนินการและจัดการท่าอากาศยานที่ดีระดับโลกโดยมุ่งเน้นการบริการ ความปลอดภัย และการสร้างรายได้อย่างสมดุล

"สุริยะ" ยืนยันมีที่นั่งเหลือพาคนไทยกลับปท. ทุกสายการบินสนับสนุนเต็มอัตรา

"สุริยะ" ยืนยันมีที่นั่งเหลือ พร้อมพาคนไทยกลับประเทศ หลังทุกสายการบินสนับสนุนเต็มอัตรา สั่งทุกหน่วยงานเข้าดูแลประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตนขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง จากเหตุการณ์ความไม่สงบในบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งก่อให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมพร้อมให้การสนับสนุนและจะดูแลพี่น้องประชาชนอย่างสุดความสามารถ พร้อมทั้งสั่งการทุกหน่วยงานจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง จนกว่าสถานการณ์จะสงบ 

ทั้งนี้จากที่เมื่อวานทุกสายการบิน มีที่นั่งเต็มทั้งหมดในเที่ยวบิน กัมพูชา-ไทย จึงได้หารือกับ 7 สายการบินพาณิชย์สัญชาติไทย ซึ่งประกอบด้วย การบินไทย ไทยแอร์เอเชีย บางกอกแอร์เวย์ส ไทยเวียตเจ็ท ไทยไลอ้อนแอร์ ไทยแอร์เอเชียร์เอ็กซ์ และ นกแอร์ รวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  ถึงมาตรการ การนำคนไทยในกัมพูชากลับประเทศ โดยทุกฝ่ายพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ พร้อมเพิ่มจำนวนที่นั่งให้เพียงพอต่อการรองรับคนไทยกลับประเทศทั้งหมด ซึ่งตนขอขอบคุณทุกสายการบินเป็นอย่างมาก ที่พร้อมสนับสนุน โดยทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ยืนยันว่าเที่ยวบินเส้นทางทั้งจากเสียมเรียบและพนมเปญ กลับมายังกรุงเทพยังมีที่นั่งเหลือจากปรับเพิ่มที่นั่งในช่วงสองถึงสามวันข้างหน้านี้ 

พร้อมกันนี้หากคนไทยสนใจที่จะเดินทางกลับไทย สามารถประสานไปยังสายการบินไทย สายการบินไทยแอร์เอเชีย สายการบินกรุงเทพ และสายการบินไทยเวียตเจตได้ทันที นอกจากนั้นสามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ โทรศัพท์ฉุกเฉิน: (+855) 77 888 114 ได้ทันที ซึ่งทุกฝ่ายพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

ด้านวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย – กัมพูชา ว่า ในขณะนี้ยังคงเตรียมพร้อมการให้บริการจราจรทางอากาศ และการบริหารห้วงอากาศ โดยคำนึงถึงลำดับความสำคัญเร่งด่วน (Priority) ของภารกิจด้านความมั่นคงเป็นสำคัญ  พร้อมจัดเสริมอัตรากำลังเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติงาน ให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา พร้อมกับเตรียมการอย่างเต็มที่ ในการให้บริการจราจรทางอากาศ  สำหรับเที่ยวบินอพยพคนไทย ทั้งเที่ยวบินของสายการบิน ตามตารางการบินปกติ และเที่ยวบินเสริมพิเศษ ตามประกาศสถานทูตไทย ให้คนไทยอพยพออกจากประเทศกัมพูชาทันที

"สุริยะ" ผนึกทุกสายการบินสัญชาติไทย เพิ่มที่นั่งรับคนไทยกลับประเทศ สั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อม 24 ชม.

“สุริยะ” ผนึกกำลังทุกสายการบินสัญชาติไทย เพิ่มที่นั่งรองรับคนไทยกลับประเทศ พร้อมสั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อม24ชั่วโมง - ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ภายในวันนี้ (24 กรกฎาคม 2568) ได้มอบหมายให้ นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคมและโฆษกกระทรวงคมนาคม และพลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) พร้อมด้วยสายการบินพาณิชย์สัญชาติไทย ทั้ง 7 สายการบิน เข้าประชุมหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ ถึงแผนการรองรับการเดินทางของคนไทยในกัมพูชา ที่ประสงค์เดินทางกลับประเทศไทย ผลจากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

ทั้งนี้ทุกสายการบินสัญชาติไทย ทั้ง 7 สายการบิน พร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ โดยขณะนี้ มี 4 สายการบิน ที่ทำการบินในเส้นทาง กรุงเทพ-กัมพูชา อยู่แล้ว ได้แก่ การบินไทย ให้บริการ 16 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จำนวน 180 ที่นั่งต่อเที่ยวบิน, ไทยแอร์เอเชีย 28 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จำนวน 180 ที่นั่ง ต่อเที่ยวบิน, บางกอกแอร์เวย์ส 40 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จำนวน 180 ที่นั่ง และ 70 ที่นั่ง ต่อเที่ยวบิน
และไทยเวียตเจ็ท 16 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จำนวน 180 ที่นั่ง ต่อเที่ยวบินและอีก 3 สายการบิน ได้แก่ ไทยไลอ้อนแอร์ ไทยแอร์เอเชียร์เอ็กซ์ และ นกแอร์ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อรองรับการเดินทางมายังประเทศไทย 

สำหรับแนวทางในการสนับสนุนนั้น ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 จะดำเนินการเพิ่มจำนวนที่นั่งให้เพียงพอต่อความต้องการของคนไทยในกัมพูชาที่ต้องการเดินทางกลับประเทศไทย  ในส่วนของมาตรการฉุกเฉินนั้นทุกฝ่ายได้จัดเตรียมแผนรองรับไว้เรียบร้อยแล้วด้วยเช่นกัน 
ทั้งนี้ หากคนไทยในกัมพูชา ประสงค์กลับประเทศสามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ โทรศัพท์ฉุกเฉิน: (+855) 77 888 114

สุริยะ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ได้สั่งการทุกหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแล ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมการอำนวยความสะดวกและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยต้องคำนึงถึงความสะดวกและความปลอดภัยของประชาชนชาวไทยเป็นอันดับแรก 

"สุริยะ" เผย "สุวรรณภูมิ" ขึ้นแท่นเบอร์ 1 "สนามบินที่มีสายการบินให้บริการมากที่สุดในโลก" 

"สุริยะ"  เผย"สุวรรณภูมิ" ขึ้นแท่นเบอร์ 1 "สนามบินที่มีสายการบินให้บริการมากที่สุดในโลก" พร้อมเร่งอัพศักยภาพอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย สั่งการ ทอท. รุกพัฒนาทั้งระบบทุกสนามบิน เดินหน้าติด 1 ใน 20 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก

วันที่่ 21 กรกฎาคม 2568 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ล่าสุด ผลสำรวจโดย Brilliant Maps "ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ”  ได้อันดับ 1 ของสนามบินที่มีสายการบินให้บริการมากที่สุดในโลก โดยมีจำนวน 113 สายการบิน อันดับ 2 ท่าอากาศยานปารีส ชาร์ล เดอโกลล์ ปารีส จำนวน 105 สายการบิน อันดับ 3 ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ จำนวน 97 สายการบิน อันดับ 4 ท่าอากาศยานนานาชาติอิสตันบูล จำนวน 93 สายการบิน อันดับ 5 ท่าอากาศยานโรม ลีโอนาร์โด ดาวินชี-ฟิอุมมิชิโน จำนวน 92 สายการบิน อันดับ 6 ท่าอากาศยานมิลาโน มัลเปนซา จำนวน 86 สายการบิน อันดับ 7 ท่าอากาศยานนานาชาติเซี่ยงไฮ้ ผู่ตง จำนวน 83 สายการบิน อันดับ 8 ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ จำนวน 83 สายการบิน อันดับ 9 ท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี จำนวน 82 สายการบิน และ อันดับ 10 ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ต จำนวน 80 สายการบิน

พร้อมกันนี้กระทรวงคมนาคมและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเร่งผลักดันและพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย ให้มีมีประสิทธิภาพและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว สร้างรายได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งรวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร โดยเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) โดยในช่วงที่ผ่านมานั้น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ติดอันดับ 39  ของสนามบินได้ประกาศสนามบินที่ดีที่สุดในโลก จากเดิมที่อยู่อันดับ 58 พร้อมกับตั้งเป้าให้ติดอันดับ 1 ใน 20 ของโลกภายในระยะ 5 ปี 

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นในช่วงระยะสั้นตั้งเป้าให้ ทสภ. มีความสามารถในการรองรับผู้โดยสารที่ 120 ล้านคนต่อปี พร้อมทั้งจะขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันออก เพื่อให้รองรับผู้โดยสารได้มากยิ่งขึ้น ประกอบกับ เร่งก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ทางทิศใต้ ใกล้ถนนบางนา-ตราด อีกด้วย นอกจากนั้นแล้ว ได้สั่งการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ให้เข้าบริหารจัดการอย่างเร่งด่วนในกรณีการเคลื่อนย้ายผู้โดยสารและสัมภาระในจุดที่เป็นคอขวด เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการใช้บริการ พร้อมกับนำเทคโนโลยีและระบบดิจิทัล เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการสนามบินอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมกับปรับทัศนียภาพโดยรวมเพื่อให้ผู้โดยสารสามารถใช้เวลาอยู่ที่สนามบินได้อย่างมีความสุขตลอดการใช้บริการ 

นายสุริยะ กล่าวว่า ได้สั่งการ ให้ ทอท. ดำเนินการโครงการพัฒนาท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง โดยมุ่งเน้นการรองรับผู้โดยสารได้ตามปริมาณการเติบโตของผู้โดยสาร โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้เร่งรัดก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ให้แล้วเสร็จในปี 2573 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถจากปัจจุบัน 60ล้านคนต่อปี เป็น 80 ล้านคนต่อปี ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาแผนแม่บทท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ ควบคู่กับการดำเนินโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้านทิศใต้ ประกอบด้วย อาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ (South Terminal) และทางวิ่งเส้นที่ 4 (4th Runway)  รวมถึงท่าอากาศยานดอนเมืองที่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างอาคารผู้โดยสารอาคาร 3 ได้ภายในปี 2569 และเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารอาคาร 3 เพื่อรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศในปี 2573 และการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารอาคาร 1 เพื่อรองรับผู้โดยสารภายในประเทศในปี 2575 พร้อมกับการดำเนินการปรับปรุงท่าอากาศยานเชียงใหม่ให้แล้วเสร็จในปี 2576 เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 20 ล้านคนต่อปี และการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยานภูเก็ตเป็น 18 ล้านคนต่อปี ที่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2573 รวมทั้ง แผนจะพัฒนา ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เพื่อรองรับผู้โดยสารจาก 3 ล้านคนต่อปี เป็น 6 ล้านคนต่อปี ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2576

"มนพร" หนุนวิทยุการบินฯ เพิ่มศักยภาพบริการสื่อสารข้อมูลสายการบิน รองรับการบินภูมิภาค

วิทยุการบินฯ หารือพันธมิตร ขยายบริการสื่อสารข้อมูลสายการบินในเอเชียแปซิฟิก เร่งขับเคลื่อนการเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาค

วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 นางมนพร  เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากการที่ได้มอบนโยบายให้บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ยกระดับการให้บริการและร่วมมือกับพันธมิตรนานาชาติ ทั้งในด้านเทคโนโลยี ระบบอุปกรณ์และบุคคลากร ให้พร้อมรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินนั้น ได้รับรายงานจาก บวท. ว่า ได้หารือร่วมกับ Collins Aerospace สหรัฐอเมริกา และ Aviation Data Communication Corporation (ADCC) สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อขยายการให้บริการสื่อสารข้อมูลสายการบิน ให้ครอบคลุมทุกเส้นทางบินและสนามบินที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างไร้รอยต่อ

นายสุรชัย หนูพรหม รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บวท. กล่าวว่า บวท.และพันธมิตร ได้แก่ Collins Aerospace (ภายใต้การดำเนินงานของ Raytheon Technologies) สหรัฐอเมริกา และ Aviation Data Communication Corporation (ADCC) สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ดำเนินการร่วมกันในการให้บริการข่ายสื่อสารข้อมูลสายการบิน (Airlines Operational Communications: AOC) ผ่านเครือข่าย Data Link ครอบคลุมพื้นที่ 15 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อาทิ ประเทศไทย สิงคโปร์ อินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์  ภายใต้ชื่อ ‘GLOBALink/Asia-Pacific’ ซึ่งเป็นรูปแบบการสื่อสารข้อมูลแบบยืดหยุ่นที่สามารถปรับแต่งและออกแบบให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของแต่ละสายการบินได้ การส่งและรับข้อมูลของเครื่องบินแบบ real time ช่วยให้สายการบินสามารถบริหารจัดการได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดระยะเวลาในการเปลี่ยนหรือหมุนเวียนเครื่องบิน สามารถดำเนินการด้านการซ่อมบำรุงได้ดียิ่งขึ้น ฃ

ทั้งนี้ บวท. ได้จัดการประชุม 3-Way GLOBALink/Asia-Pacific Partners Meeting  ร่วมกับ Collins Aerospace และ ADCC หารือแนวทางความร่วมมือและกลยุทธ์การขยายการให้บริการให้ครอบคลุมทุกเส้นทางบิน และทุกสนามบินในเอเชียแปซิฟิก พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยี เช่น A-VHF (Advanced VHF), HCATM Hyper Connected ATM) และ ATN/IPS (Aeronautical Telecommunication Network over Internet Protocol Suite) เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับปริมาณการใช้งานข้อมูลของอากาศยานยุคใหม่ และการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินภูมิภาคในอนาคต

“ทวี- มนพร” ร่วมเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์อีซี่แอร์ไลน์ เส้นทาง หาดใหญ่–เบตง ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

 

“ทวี- มนพร” ร่วมเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์อีซี่แอร์ไลน์ เส้นทาง หาดใหญ่–เบตง  เสริมเที่ยวบินขนาดเล็ก 10 ที่นั่ง เชื่อมต่อการเดินทางเมืองหลักสู่เมืองรอง ส่งเสริมการท่องเที่ยว หนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น

 

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 นายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ส.ส.เขต 2 นครพนม พรรคเพื่อไทย รวมถึง นายอำนาจ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง และตัวแทน ภาครัฐเอกชน ประชาชน   ร่วมเดินทางเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบินอีซี่แอร์ไลน์ (Ezy Airlines) เส้นทาง “หาดใหญ่ - เบตง”  ภายใต้มาตรการส่งเสริม “New Route - New Airline” ของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เป็นการเพิ่มเที่ยวบินของ สายการบินขนาดเล็ก 10 ที่นั่ง บินตรงจาก สนามบินหาดใหญ่ จ.สงขลา กับ สนามบินเบตง จ.ยะลา เดิมมีปัญหาไม่คุ้มทุน ในการเปิดสายการบินระหว่าง ดอนเมือง กับ สนามบินเบตง เพราะเป็นสนามบินขนาดเล็ก ทำให้ยกเลิกสายการบิน ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม เล็งเห็นความสำคัญ ในการเพิ่มเที่ยวบินขนาดเล็ก รองรับความต้องการ ของประชาชน นักท่องเที่ยว จึงร่วมกับสายการบินเอกชน เพิ่มเที่ยวบิน ในพื้นที่ จังหวัดสำคัญทั่วประเทศ เชื่อมต่อการเดินทางเมืองหลักสู่เมืองรอง ส่งเสริมการท่องเที่ยว หนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น

นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ส.ส.เขต 2 นครพนม พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า  สำหรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์อีซี่แอร์ไลน์ เส้นทาง “หาดใหญ่ - เบตง” เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของหลายภาคส่วนที่ช่วยกันขับเคลื่อนและผลักดัน จะช่วยเปิดประตูใหม่สู่เบตง ทำให้สามารถเข้าถึงได้สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางทางอากาศ แทนการใช้รถยนต์ที่ใช้เวลากว่า 5-6 ชั่วโมง และต้องผ่านเส้นทางคดเคี้ยว การเดินทางที่ง่ายขึ้นนี้ ส่วนเที่ยวบินดังกล่าวใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 45 นาที มั่นใจจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ส่งเสริมการท่องเที่ยวในอำเภอเบตงและพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งหมดนี้เป็นการดำเนินการตามนโยบายเชื่อมโยงเมืองหลักสู่เมืองรองอย่างเป็นรูปธรรม และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเจริญเติบโตในภูมิภาคอย่างยั่งยืน

แสดงให้เห็นว่า มาตรการ New Route - New Airline สร้างแรงจูงใจที่ดีให้กับสายการบิน สอดคล้องกับนโยบาย “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” ของกระทรวงคมนาคมที่มุ่งเน้นการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมในการเชื่อมต่อการเดินทาง และสร้างโอกาสการเดินทางให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้มากที่สุด สำหรับการเชื่อมต่อการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ท่าอากาศยานเบตงได้ประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ และจัดให้มีการให้บริการรถรับจ้างเชื่อมต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ให้เพียงพอในทุกเที่ยวบิน

ถล่มอิหร่านพ่นพิษ! เครื่องบินโดยสารเลี่ยงน่านฟ้าตอ.กลาง-เตือนสายการบินสหรัฐฯเสี่ยงถูกโจมตีเอาคืน

พิษมะกันโจมตีอิหร่านพ่นใส่ บรรดาเครื่องบินโดยสารพากันเลี่ยงน่านฟ้าตะวันออกกลาง เตือนสายการบินสหรัฐฯ เสี่ยงถูกถล่มสางแค้น

เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.68 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สายการบินต่างๆ ส่วนใหญ่พากันหลีกเลี่ยงบินเข้าน่านฟ้าของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง หลังสหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีทางอากาศต่ออิหร่าน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

รายงานข่าวแจ้งว่า บรรดาสายการบินต่างๆ ได้ใช้เส้นทางการบินอื่นๆ เช่น บินอ้อมขึ้นเหนือผ่านทะเลแคสเปียน แทนที่การบินเข้าน่านฟ้าในหลายประเทศของภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้แก่ อิหร่าน อิรัก ซีเรีย และอิสราเอล เพื่อความปลอดภัย

พร้อมกันนี้ ทาง “เซฟ แอร์ สเปซ” ผู้ให้บริการด้านฐานข้อมูลด้านความเสี่ยงภัยทางน่านฟ้าที่สืบเนื่องจากความขัดแย้ง ได้เปิดเผยคำแจ้งเตือนว่า จากการที่สหรัฐฯ โจมตีอิหร่านข้างต้น ก็ทำให้บรรดาสายการบินต่างๆ ของสหรัฐฯ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง มีความเสี่ยงภัยมากขึ้น โดยอาจจะถูกอิหร่านโจมตีเพื่อเป็นการตอบโต้เอาคืน

"บางกอกแอร์เวย์ส" คว้าแชมป์ 9 สมัย สายการบินระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในโลก

บางกอกแอร์เวย์ส คว้าแชมป์ 9 สมัย สายการบินระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในโลก และสายการบินระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในเอเชีย จากการประกาศผล Skytrax World Airline Awards ประจำปี 2025

วันที่ 18 มิถุนายน 2568 บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยอีกครั้ง ด้วยการคว้ารางวัลสองรางวัลอันทรงเกียรติยศระดับโลก สายการบินระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Regional Airline) และ สายการบินระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในเอเชีย (Best Regional Airline in Asia) จากการประกาศผล Skytrax World Airline Awards ประจำปี 2025 ซึ่งนับเป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน โดยพิธีมอบรางวัลจัดขึ้น ณ งาน ปารีส แอร์โชว์ ท่าอากาศยานปารีส-เลอ บูร์เฌต์ ประเทศฝรั่งเศส

รางวัลนี้เปรียบเสมือนรางวัลออสการ์ของอุตสาหกรรมการบิน ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก จากการสำรวจ ความพึงพอใจผู้โดยสารที่มีต่อแต่ละสายการบิน ที่ได้ใช้บริการ ปี 2568 ในการประเมินจากทั่วโลกกว่า  325 สายการบิน

การได้รับรางวัล Skytrax World Airline Awards สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบางกอกแอร์เวย์สในการส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ ผ่านการบริการในแบบฉบับบูทีคแอร์ไลน์อันเป็นเอกลักษณ์ บริการห้องรับรองผู้โดยสารทุกระดับชั้นโดยสาร เมนูอาหารบนเครื่องและในเลานจ์ที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถัน รวมถึงเส้นทางบินที่เชื่อมโยงเมืองวัฒนธรรมและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในภูมิภาค

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า รางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความตั้งใจและความทุ่มเทของผู้บริหารและพนักงานทุกคน ผมขอขอบคุณผู้โดยสารทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ เลือกใช้บริการของเราอย่างต่อเนื่อง และโหวตให้เราเป็น สายการบินระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Regional Airline) และ สายการบินระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในเอเชีย (Best Regional Airline in Asia) ประจำปีนี้ เราจะยังคงรักษาคำมั่นสัญญาในการพัฒนาความเป็นเลิศด้านบริการ ควบคู่ไปกับการเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ต่อไป

"เวียตเจ็ท" เดินหน้าขยายฝูงบิน สั่งซื้อแอร์บัส A330neo 20 ลำ รองรับแผนบินระยะยาว

เวียตเจ็ท สายการบินเอกชนรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ลงนามสั่งซื้อเครื่องบินลำตัวกว้าง แอร์บัส A330-900 จำนวน 20 ลำ เตรียมรองรับแผนขยายเครือข่ายเส้นทางบินระหว่างประเทศตลอดทศวรรษหน้า

พิธีลงนามข้อตกลงจัดขึ้นที่กรุงฮานอย โดยมีนางเหงียน ถิ เฟือง เถา ประธานเวียตเจ็ท และนายวูเตอร์ ฟาน เวิร์ช ประธานบริหารฝ่ายต่างประเทศของแอร์บัส ร่วมลงนามในสัญญาคำสั่งซื้อดังกล่าว พร้อมทั้งได้รับเกียรติจากประธานาธิบดีเลือง เกวงแห่งเวียดนาม และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ซึ่งร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีนี้ในโอกาสการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการของผู้นำฝรั่งเศส การสั่งซื้อครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อรองรับการเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางที่มีความต้องการสูงทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และปูทางสู่การให้บริการเที่ยวบินระยะไกลไปยังทวีปยุโรปในอนาคต

นางเหงียน ถิ เฟือง เถา ประธานเวียตเจ็ท กล่าวว่า “เครื่องบินแอร์บัสรุ่นใหม่นี้จะช่วยยกระดับศักยภาพการเติบโตของเวียตเจ็ท รวมถึงประสิทธิภาพการบิน การประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น พร้อมสนับสนุนการขยายเครือข่ายเส้นทางบินทั้งในภูมิภาคและระดับโลกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสะท้อนความมุ่งมั่นของเราในการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีกับประเทศฝรั่งเศส เวียตเจ็ทยังคงเดินหน้ายกระดับการเชื่อมต่อทางอากาศอย่างครอบคลุมและยั่งยืน มอบประสบการณ์การเดินทางที่ปลอดภัย สะดวกสบาย และราคาที่เข้าถึงได้แก่ผู้โดยสารหลายล้านคนในเวียดนามและทั่วโลก”

“เวียตเจ็ทเป็นหนึ่งในสายการบินที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกซึ่งโดดเด่นด้วยการให้บริการที่อบอุ่นในแบบฉบับของเวียดนามควบคู่กับค่าโดยสารที่เข้าถึงได้ เรารู้สึกยินดีและภาคภูมิใจที่เวียตเจ็ทเลือกเครื่องบิน A330neo ซึ่งเป็นเครื่องบินลำตัวกว้างรุ่นล่าสุด เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตในอนาคต และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เดินหน้าสานต่อความร่วมมืออันแข็งแกร่งนี้ต่อไป เพื่อส่งเสริมการขยายเครือข่ายเส้นทางบินของเวียตเจ็ทสู่ตลาดโลก” นายวูเตอร์ ฟาน เวิร์ช ประธานบริหารฝ่ายต่างประเทศ แอร์บัส กล่าว

สัญญาฉบับใหม่กับแอร์บัสในครั้งนี้ ส่งผลให้ยอดสั่งซื้อเครื่องบิน A330neo ของเวียตเจ็ทเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า รวมเป็น 40 ลำ ขณะเดียวกัน สายการบินฯ ยังมีคำสั่งซื้อเครื่องบินทางเดินเดียวตระกูล A320neo อีกจำนวน 96 ลำ ปัจจุบัน เวียตเจ็ทให้บริการด้วยฝูงบินของแอร์บัสทั้งหมด 115 ลำ ประกอบด้วยเครื่องบินตระกูล A320 จำนวน 108 ลำ และเครื่องบินลำตัวกว้าง A330-300 อีก 7 ลำ

เครื่องบินแอร์บัส A330-900 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Rolls-Royce Trent 7000 รุ่นล่าสุด รองรับการบินระยะไกลโดยไม่ต้องแวะพักได้ถึง 7,200 ไมล์ทะเล หรือประมาณ 13,300 กิโลเมตร มาพร้อมห้องโดยสาร Airspace รุ่นใหม่ที่ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพ ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การเดินทางยุคใหม่อย่างแท้จริง ทั้งในด้านความสะดวกสบาย บรรยากาศที่ผ่อนคลาย และดีไซน์ที่ล้ำสมัย โดยมีจุดเด่น อาทิ พื้นที่ส่วนตัวที่กว้างขวางยิ่งขึ้น ช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะขนาดใหญ่ ระบบไฟส่องสว่างที่ทันสมัย รวมถึงระบบความบันเทิงและการเชื่อมต่อบนเครื่องบินที่ครบครัน

ข้อมูล ณ สิ้นเดือนเมษายน 2568 ระบุว่า เครื่องบินตระกูล A330 มียอดสั่งซื้อยืนยันแล้วมากกว่า 1,800 ลำ จากผู้ให้บริการมากกว่า 130 รายทั่วโลก โดยแอร์บัส A330neo ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดในตระกูลนี้ ได้รับการออกแบบให้สามารถรองรับการใช้งานเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) ได้สูงถึง 50% และตั้งเป้าที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการใช้ SAF ให้ได้ถึง 100% ภายในปี 2573 ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของแอร์บัสในการพัฒนาเครื่องบินทุกรุ่นให้สามารถรองรับการใช้ SAF ได้ในอนาคต

ปัจจุบัน เวียตเจ็ทให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศสู่จุดหมายปลายทางสำคัญ อาทิ ออสเตรเลีย อินเดีย และคาซัคสถาน โดยใช้เครื่องบินลำตัวกว้างรุ่น A330 ซึ่งช่วยยกระดับความสะดวกสบายและมอบตัวเลือกการเดินทางที่หลากหลายยิ่งขึ้นให้แก่ผู้โดยสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชั้นธุรกิจที่มาพร้อมเมนูอาหารสดใหม่และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เสิร์ฟโดยลูกเรือมืออาชีพที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มและความใส่ใจ ทั้งนี้ ฝูงบิน A330 จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการขยายเครือข่ายเส้นทางบินของเวียตเจ็ทสู่จุดหมายปลายทางที่ไกลขึ้น เพื่อรองรับความต้องการด้านการเดินทางที่หลากหลายของผู้โดยสารทั้งในประเทศและต่างประเทศ