รวบหญิงไทยหึงโหด ซื้อน้ำกรดบุกสาดสาวเวียดนาม อาการสาหัสตาบอดสนิท 2 ข้าง

รวบหญิงไทยหึงโหด หลังเห็นตำตาเดินควงสามีชาวสวีเดน ซื้อน้ำกรดบุกสาดสาวเวียดนาม อาการสาหัสตาบอดสนิท 2 ข้าง หลบหนีคดีนาน 9 ปี
  
วันที่ 12 พ.ย.67 พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.สั่งการให้พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป.พ.ต.ท.สวรรยา เอียดตรง สว.กก.6 บก.ป.ร่วมกันจับกุม น.ส.นิษตา (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุงที่ 182/2558 ลงวันที่ 29 มิ.ย.58 ข้อหา“พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตรตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย”  ได้บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งใน ม.2 ต.คลองแห อ. หาดใหญ่ จ.สงขลา


   
ทั้งนี้ทราบว่าเมื่อเดือน มิถุนายน 2558 นายนิษตาก่อเหตุทำร้ายผู้เสียหายโดยสาดน้ำกรดใส่หญิงสาวชาวเวียดนาม จนบาดเจ็บสาหัส ปมมาจากเรื่องหึงหวง โดยก่อนเกิดเหตุนายโรฟฯ (สัญชาติ สวีเดน) สามีของน.ส.นิษตา เดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเวียดนาม พบผู้เสียหายและมีความสนิทกันอย่างลึกซึ้ง นายโรฟจึงชวนผู้เสียหายมาเที่ยวประเทศไทย เมื่อเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 


 
ต่อมาระหว่างเกิดเหตุนายโรฟ พร้อมผู้เสียหาย และน.ส.นิษตา มาเจอกันที่หน้าโรงแรงแห่งหนึ่งในตัวเมือง จ.พัทลุง น.ส.นิษตาคิดว่าจะมาแย่งสามีของตน ก็ได้เข้ามาต่อว่าผู้เสียหาย ด้วยความรู้สึกโกรธ หึงหวงจนควบคุมสติไม่อยู่ จึงเดินไปยังร้านค้าบริเวณใกล้เคียงเพื่อซื้อน้ำส้มยาง (น้ำกรด)  แล้วนำมาสาดใส่ ร่างกายผู้เสียหายอย่างโหดเหี้ยม ผู้เสียหายดิ้นทุรนเพราะความปวดแสบอย่างทรมาน ได้รับบาดเจ็บสาหัสตาบอดสนิททั้ง 2 ข้าง เกิดบาดแผลที่แขน-ขาทั้ง 2 อาการสาหัส ส่วนตัวน.ส.นิษตาก็
รีบหลบหนีไป 


  
ภายหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลจังหวัดพัทลุงออกหมายจับน.ส.นิษตาเอาไว้ กระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบสวนจนทราบว่าปัจจุบันน.ส.นิษตาได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงเข้าจับกุมดังกล่าว สิบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงนำตัวส่งสภ.เมืองพัทลุงดำเนินคดีต่อไป

ศาลตัดสินจำคุก คนละ 25 ปี สองผัวเมียโหด สาดน้ำกรดสาว ม.6 หน้าเสียโฉม ให้ชดใช้ 2 ล้าน

ศาลนางรอง จ.บุรีรัมย์ ตัดสินจำคุกสองผัวเมียโหดสาดน้ำกรดนักเรียนหญิง ม.6 สาหัสเสียโฉม หูขาด ตาหวิดบอด เมื่อ 10 เดือนก่อนจำคุกคนละ 25 ปี ผัวมีคดีเดิมโดนเพิ่มอีก 10 ปี พร้อมให้ชดใช้เงิน 2 ล้าน แม่เผยลูกสาวต้องตกอยู่ในสภาพเหมือนตายทั้งเป็นร่วมปี ผู้ก่อเหตุไม่เคยเยียวยาแม้แต่บาทเดียว ขอบคุณศาล ตร. อัยการ ทนายความที่ช่วยเหลือจนลูกสาวได้รับความยุติธรรม แต่กังวลคู่กรณีจะไม่ชดใช้ค่าเสียหาย

วันนี้ ( 19 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายเจษฎาภรณ์ อายุ 21 ปี และ น.ส.อังคณา อายุ 25 ปี สองสามีภรรยา สวมชุดดำและไอ้โม่งปิดบังใบหน้า ถือถังบรรจุน้ำกรดบุกเข้าไปสาดใส่ น.ส.ณัฐติกานต์ หรือน้องอั้ม อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 ขณะนั่งกินข้าวอยู่กับยายและน้าชาย ภายในร้านอาหารตามสั่งในเขตเทศบาลนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 27 ส.ค.2566 ทำให้น้องอั้มโดนน้ำกรดทั้งที่ใบหน้า ดวงตา หน้าอก ไหลอาบลำตัวสภาพผิวหนังไหม้ เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย ส่วนยายและน้าชายที่นั่งกินข้าวด้วยกันก็โดนน้ำกรดกระเด็นใส่ มีรอยไหม้ตามใบหน้า ลำคอ ลำตัว แขน และขา แต่ไม่สาหัสเท่าน้องอั้ม ที่ใบหน้าเสียโฉม หูซ้ายขาด และ ตาซ้ายเกือบบอด สภาพเหมือนตายทั้งเป็นต้องรักษาตัวที่ รพ.นานกว่า 4 เดือน ส่วนมูลเหตุจูงใจคาดว่าสองสามีภรรยาแค้นที่เคยถูกแจ้งความฐานพรากผู้เยาว์ และทำให้เสียทรัพย์ ถึงแม้จะมีการไกล่เกลี่ยชดใช้ค่าเสียหายและคดีจบกันไปแล้ว

หลังก่อเหตุทั้งสองสามีถูกตำรวจจับกุมได้ ขณะหนีไปซ่อนตัวอยู่สวนมะม่วงที่ จ.อุดรธานี หลังพบพยานหลักฐานทั้งการเช่ารถยนต์ที่ใช้ประกอบเหตุ ภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่สามารถยืนยันได้ว่าทั้งสองร่วมในการก่อเหตุสาดน้ำกรดน้องอั้ม
              

คดีนี้พนักงานอัยการจังหวัดนางรอง ได้เป็นโจทย์ยื่นฟ้องต่อศาล ในข้อกล่าวหา “พยายามฆ่า” จากที่ตอนแรกพนักงานสอบสวนแจ้งเพียงข้อหา “ทำร้ายร่างกายให้ได้รับอันตรายสาหัส” แต่อัยการเห็นว่าพฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองทำด้วยการนำน้ำกรดถึง 2 ถังไปสาดใส่น้อง อาจทำให้ได้รับอันตรายแก่ชีวิต จึงให้สอบเพิ่มเติมและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม คือ “พยายามฆ่า โดยไตร่ตรอง”

ล่าสุด นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ได้ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีดังกล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2567 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนางรอง ได้พิพากษาตัดสินลงโทษสองสามีภรรยา ที่เป็นจำเลยในคดีนี้ ในอัตราโทษสูงสุดคือ ประหารชีวิต เพราะกระทำผิดฐานพยายามฆ่า และไตร่ตรอง แต่ความผิดยังไม่สำเร็จ จึงเหลือจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพจึงตัดสินลดโทษเหลือจำคุกคนละ 25 ปี แต่ผู้เป็นสามีเคยมีคำพิพากษาก่อนหน้านี้เรื่องคดีพรากผู้เยาว์ด้วย จึงเพิ่มโทษสามีอีก 10 ปี รวมเป็น 35 ปี ส่วนคดีแพ่งก็ให้ชดใช้เงินอีก 2,006,000 บาท

ในฐานะทนายความที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือน้อง ขอชื่นชมและขอบคุณกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ชั้นตำรวจที่ติดตามจับกุมได้เร็ว ทีแรกพนักงานสอบสวนอาจจะกล่าวหาพียงทำร้ายร่างกายให้ได้รับอันตรายสาหัส แต่อัยการเห็นว่าการกระทำและผลที่ได้รับมันเกินกว่านั้นกระทั่งมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเป็นพยายามฆ่า ซึ่งได้ต่อสู้ในชั้นศาลมาร่วมปี ถือว่าวันนี้น้องได้รับความยุติธรรม

แต่ยังกังวลว่าหากจำเลยไม่ยอมชดใช้เงินค่าเสียหาย 2,006,000 บาทตามคำพิพากษา ก็จะได้แค่กระดาษหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาทางจำเลยทั้งสองไม่เคยเยียวยาผู้เสียหายแม้แต่บาทเดียว และไม่เคยเอาเงินมาวางศาลเพื่อทุเลาผลที่กระทำผิดเลย ต้องทำการสืบทรัพย์ว่าทั้งคู่จะมีทรัพย์สินเป็นของตัวเองที่จะทำการยึดมาชดใช้ให้ผู้เสียหายได้หรือไม่ แต่มองว่าตามหลักความเป็นมนุษย์ด้วยกันก็น่าจะเยียวยาบ้าง

ด้าน น.ส.จิราวรรณ แม่น้องอั้ม บอกว่า พอใจในคำตัดสินของศาลที่ท่านเมตตาให้ความยุติธรรมกับน้อง แต่แม่ยังกังวลว่าผู้กระทำผิดทั้งคู่จะไม่จ่ายเงินเยียวยาให้ตามคำพิพากษาศาล เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยเยียวยาเลยแม้แต่บาทเดียว ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุน้องก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น แม้ว่าปัจจุบันสภาพจิตใจ และร่างกายจะเริ่มดีขึ้นบ้างช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ยังไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ

ทุกวันนี้ยังต้องไปหาหมอตามนัดทั้งที่ รพ.บุรีรัมย์ เพื่อทำการรักษาโดยเฉพาะดวงตาที่มองไม่ชัด ใบหูที่ขาดและรูหูปิดได้ยินไม่ชัด ทั้งต้องเดินทางไปคลินิกศัลยกรรม “ธีรพรคลินิก” ที่กรุงเทพฯ เป็นระยะ เพื่อประเมินสภาพใบหน้าและรักษาผังผืด เพราะทางคลินิก โดยคุณหมอ ชลธิศ จะทำศัลยกรรมให้กับน้องฟรี

“ขอบคุณทุกคนทั้ง ตำรวจ อัยการ ทนายความ และศาลที่ให้ความเป็นธรรม และขอบคุณคุณหมอที่ดูแลรักษาน้องเป็นอย่างดี หวังว่าคู่กรณีจะเห็นใจและนึกถึงความเป็นเพื่อนมนุษย์ดูแลเยียวยาน้องบ้าง” แม่น้องอั้ม กล่าว

บุกสาดน้ำกรดสาว 18 กลางร้านอาหารตามสั่ง เจ็บ2 สาหัส 1

 

สองหนุ่มขับรถเก๋งมาจอด หน้าร้านอาหารตามสั่ง ในตัวอำเภอนางรอง บุรีรัมย์ หนึ่งในนั้นลงจากรถพร้อมหิ้วถัง ซึ่งในนั้นเป็นน้ำกรด สาดใส่น้องอั้ม สาววัย 18 ปี เจ็บสาหัส ยายกับน้าโดนด้วย คาดแฟนใหม่ของแฟนเก่าตามมาล้างแค้น

 

วันที่ 27 ส.ค.66 เมื่อเวลา 14.00 น.พ.ต.ท.จิรโรจน์ มงคลธนสุพัฒน์สารวัตร(สอบสวน)สภ.นางรอง อ. นางรอง จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีชายฉกรรจ์เอาน้ำกรดไปสาดใส่ผู้หญิงในร้านอาหารตามสั่ง ภายในเขตเทศบาลเมืองนางรองห่างจาก สภ.นางรอง ประมาณ 500 เมตร จึงประสานหน่วยกู้ภัยสยามรวมใจปู่อินทร์ร่วมตรวจสอบ

 

ที่เกิดเหตุเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง พบมีผู้บาดเจ็บจากการถูกน้ำกรดสาดจำนวน 3 คน ทราบชื่อคือนางตา (สงวนขื่อนามสกุล)​ อายุ 63 ปี เจ้าของร้านอาหารตามสั่ง ได้รับบาดเจ็บถูกน้ำกรดกัดผิวหนังบริเวณแขน

 

นายวิวัฒน์ (สงวนนามสกุล)​ อายุ 40 ปี (สาวประเภท 2)ถูกน้ำกรดสาดแต่รับบาดเจ็บบริเวณลำคอ และน.ส.ณัฐติกานต์ หรืออั้ม (สงวนนามสกุล)​ อายุ 18 ปี อยู่ ถ. สัขกาจประชานุสรณ์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ถูกน้ำกรดสาดบริเวณใบหน้าและลำตัว ได้รับบาดเจ็บสาหัส กู้ภัยเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลนางรอง ก่อนถูกนำตัวส่งไปโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์

 

สอบถามนางตา ยายของน้องอั้ม เล่าว่าที่บ้านเปิดเป็นร้านขายอาหารตามสั่งช่วงนั้นไม่มีลูกค้ากำลังนั่งคุยเล่นกัน 3 คน มีตนเอง น้าของน้องอั้มและน้องอั้ม ได้มีรถเก๋งโตโยต้าสีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับมาจอดหน้าร้านภายในรถมีชาย 2 คน โดยคนนั่งคู่คนขับ อายุประมาณ40 ปีเปิดประตูรถแล้วเดินลงมาในมือขวาถือถังพลาสติกผสมปูนมาด้วย

 

ตอนแรกยังงงว่านั่นคือถังอะไร ชายคนดังกล่าวไม่พูดแม้แต่คำเดียวจากนั้นได้ง้างถังผสมปูนสาดใส่ใบบริเวณหน้าและลำตัวของน้องอั้ม อย่างจังจากนั้นได้วิ่งขึ้นรถแล้วขับหลบหนีไปต่อหน้า

 

ก่อนจะได้ยินเสียงน้องอั้ม ร้องขอความช่วยเหลือด้วยความเจ็บปวดตนเองจึงรีบโทรแจ้งหน่วยกู้ภัยให้มาช่วยเหลือดังกล่าว ส่วนสาเหตุไม่ทราบแน่ชัด

ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนใหม่ของอดีตแฟนน้องอั้ม ที่เลิกรากันไปแล้วเพราะอาจจะมีความแค้น ที่ก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนใหม่ของแฟนน้องอั้มเคยแจ้งความดำเนินคดีกันเรื่องทำให้โทรศัพท์เสียหาย จนกระทั่งหญิงคนนั้นยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ซึ่งอาจจะเป็นมูลเหตุนี้ก็ได้

ทั้งนี้ทางด้านคดีตำรวจกำลังเร่งติดตามคนร้าย เบื้องต้นจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีขาวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน