กระทรวงอุตฯ บุกจับโรงงานกระดาษจีนเถื่อน สมุทรปราการ ลอบปล่อยน้ำเสียลงลำน้ำสาธารณะ

กระทรวงอุตฯ บุกจับโรงงานกระดาษจีนเถื่อน สมุทรปราการ ลอบปล่อยน้ำเสียลงลำน้ำสาธารณะ ร้องเรียนน้ำเสียผ่านไลน์ “แจ้งอุต”

วันที่ 4 ส.ค.68 นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ได้มีประชาชนแจ้งเบาะแสผ่านแพลตฟอร์ม “แจ้งอุต“ ที่ทาง นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จัดตั้งขึ้นเพื่อให้ประชาชนทั่วไปร้องเรียนเรื่องปัญหาอุตสาหกรรม ว่าพบมีการปล่อยน้ำเสียลงในลำน้ำสาธารณะ ที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ 

โดยหลังได้รับเรื่องร้องเรียน ทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมกับเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลบางเสาธง ซึ่งเป็นผู้ดูแลพื้นที่ดังกล่าวเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน พบว่าแหล่งปล่อยน้ำเสียมาจาก โรงงาน บริษัท หัวผู่ เปเปอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งอยู่ที่ ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ มีกรรมการบริษัท ชื่อ นายฉวน หลี่ ประกอบกิจการผลิตกระดาษลูกฟูก โดยไม่ได้ขออนุญาต ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 จากการตรวจสอบพบของเสียในพื้นที่จริง จึงได้เก็บตัวอย่างของเสียที่เกิดจากการประกอบกิจการ ส่งไปตรวจวิเคราะห์ เพื่อประกอบการพิจารณาตามกฎหมาย และได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรบางเสาธง เพื่อดำเนินคดีกับบริษัทแล้ว จำนวนรวม 2 ข้อหา ดังนี้

1) ตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2) ประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

"โรงงานแห่งนี้มีการลักลอบดำเนินการกิจการ เดินเครื่องจักรโดยไม่ได้ขออนุญาต เป็นเวลากว่า 2 ปี และไม่มีระบบบำบัดใด ๆ แอบปล่อยน้ำเสียที่อาจจะเจือปนโลหะหนักลงลำรางสาธารณะ ซึ่งจะส่งผลเสียกับสุขภาพของประชาชน จึงให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีทั้งจำและปรับตามที่กฎหมายกำหนดโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ ต้องขอบคุณประชาชนที่ช่วยแจ้งเบาะแสสำคัญผ่านทางแจ้งอุต อีกครั้ง ในกรณีนี้ใช้กระบวนการเพียงแค่ 5 วันเท่านั้น ตั้งแต่ขั้นตอนเข้าตรวจสอบ การแจ้งจับ และปิดโรงงาน ทำให้ผู้เดือดร้อนได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว" นายพงศ์พล กล่าว

ทั้งนี้ หากประชาชนมีเบาะแสเกี่ยวกับโรงงานเถื่อน โรงงานปล่อยมลพิษ หรือได้รับความเดือดร้อนจากการประกอบกิจการ สามารถแจ้งเหตุมาได้ที่ไลน์ ”แจ้งอุต“ ผ่านระบบTraffy Fondue ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นช่องทางที่รวดเร็วที่สุดเชื่อมโยงกับชุดปฏิบัติการสุดซอย ที่ผ่านมามีผู้ร้องเรียนผ่านแจ้งอุต ที่พึ่งเปิดตัวช่วงเดือน ก.พ. 2568 จำนวนทั้งสิ้น 1,341 เรื่อง มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วเกือบ 5 เท่า แสดงถึงความตื่นตัวของประชาชนในการมีส่วนร่วมแก้ปัญหาเรื่องทุนเทา อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ ที่ไม่มีความรับผิดชอบร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นอย่างดี

#โรงงานเถื่อน #ปล่อยน้ำเสีย #สมุทรปราการ #แจ้งอุต #กระทรวงอุตสาหกรรม #TraffyFondue #ทุนเทา #อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ #สิ่งแวดล้อม #ข่าวอุตสาหกรรม

กลุ่มเด็กแว้นชนกันเอง ดับ 2 เจ็บ 3 ส่วนเพื่อนร่วมกลุ่มที่เหลือพากันหนี ทิ้งเพื่อนกลางถนน

นอนเกลื่อนถนน กลุ่มเด็กแว้นชนกันเอง ดับ 2 เจ็บ 3 ส่วนเพื่อนร่วมกลุ่มที่เหลือพากันหนีทิ้งเพื่อนกลางถนน

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 2 สิงหาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกันหลายคัน มีผู้บาดเจ็บหลายราย บนถนนเทพรัตน(บางนา-ตราด) ขาเข้าช่องทางด้านใน หรือเลนด่วน หลักกิโลเมตรที่ 11  ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงระดมรถกู้ชีพและอาสาสมัครกู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ

คลิปวีดีโอที่ชาวบ้านบันทึกภาพเอาไว้ในขณะที่เกิดเหตุจะเห็นว่าคนขับรถจักรยานยนต์นอนกระจัดกระจายเต็มพื้นถนน จนทำให้รถที่ขับผ่านทางต้องจอดปิดถนนกันชั่วคราว โดยมีกลุ่มเพื่อนของผู้บาดเจ็บต่างพากันมาดูอาการของผู้บาดเจ็บ ขณะที่เสียงท่อรถจักรยานยนต์ของกลุ่มเด็กแว้นยังดังกระหึ่มลั่นถนน

หลังเกิดเหตุไม่นาน เจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางถึงที่เกิดเหตุ พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นวัยรุ่นชาย จำนวน 3 ราย ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ชีพให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง และ พบผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย ทราบชื่อ นาย ภูบดินทร์ อายุ 21 ปี กับ นาย ชัยวัฒน์ อายุ 20 ปี โดยในที่เกิดเหตุยังพบรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำเสียหาย จำนวน 5 คัน

จากการสอบถามชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พบเห็นกลุ่มรถจักรยานยนต์รวมกลุ่มกันเป็นร้อยคันพากันแข่งขันกันมาตั้งแต่ช่วง กม.13 จนมาถึงที่เกิดเหตุพบว่ามีรถจักรยานยนต์หนึ่งใน 5 คันที่เกิดอุบัติเหตุเสียหลักไปชนแบริเออร์เกาะกลางถนนแล้วหมุนขวางกลุ่มรถของเพื่อนที่ขับแข่งกันมาจนทำให้เฉี่ยวชนกันหลายคันและมีคนขับนอนกระจายเกลื่อนพื้นถนน ดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพ และลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมประสานฝ่ายสืบสวนเร่งขยายผลเพื่อนร่วมแก๊งทั้งหมดมาสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย อย่างไรก็ตามจะได้ตรวจสอบกล้อวงจรปิด เพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง ส่วนร่างผู้เสียชีวิตมอบให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวชอีกครั้ง

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นพนักงานที่ดีและพลังของแผ่นดิน

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นพนักงานที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 73 พรรษา

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) จัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นพนักงานที่ดีและพลังของแผ่นดิน ประจำปี 2568 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 73 พรรษา โดยมี นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นประธานในพิธีฯ กล่าวคำถวายพระพรชัยมงคลและถวายสัตย์ปฏิญาณฯ พร้อมด้วย ผู้บริหาร พนักงาน ทสภ. เข้าร่วมพิธีฯ อย่างพร้อมเพรียง เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้เป็นศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทยทั้งยังปฏิญาณตนน้อมนำพระราชปณิธานและพระบรมราโชวาทต่างๆ มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติตน และปฏิบัติหน้าที่ตามรอยพระยุคลบาท แสดงถึงความมุ่งมั่นแน่วแน่ที่จะเป็นพนักงานที่ดีและพลังของแผ่นดินมีคุณธรรมอันจะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป ณ ด้านหน้าอาคารสำนักงาน ทสภ.

รวบแล้ว แม่ใจยักษ์จับลูกสาวแรกเกิดยัดกระเป๋าทิ้งข้างทาง รับคลอดเองตัดสายสะดือเอง

รวบแล้ว แม่ใจยักษ์จับลูกสาวแรกเกิดยัดกระเป๋าทิ้งข้างทาง รับคลอดเองตัดสายสะดือเอง เหตุที่ทำเพราะ ท้องโดยที่บ้านไม่มีใครรู้ ส่วนสามีก็เลิกไปตั้งแต่ท้องเดือนแรก คิดว่าเดี๋ยวก็มีคนเจอแล้วเอาไปเลี้ยง อ้างอารมณ์ชั่ววูบ แต่ตอนนี้สำนึกผิดแล้ว

            ภาพจากกล้องวงจรปิดของศูนย์รักษาความปลอดภัย CCTV  ของอบต.บางเสาธง จับภาพได้ในขณะที่ นางสาว พลอย อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดศรีสะเกษ นำลูกสาวแรกเกิดที่เพิ่งคลอดออกมาไม่นาน ใส่ไว้ในกระเป๋าเป้สะพายหลังสีดำ นำมาวางในตะกร้าหน้ารถจักรยานยนต์ ก่อนจะขับออกมาจากห้องเช่าในชุมชนหมู่บ้านไทยประกัน ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง  จังหวัดสมุทรปราการ ช่วง เวลา 20.12  น. ของวันที่ 16 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา จากนั้นกล้องอีกหลายมุมจับภาพตามเส้นทางที่นางสาวพลอยคนนี้เธอขับรถผ่าน จนกระเข้าซอยสุเหล่าบางกะสีแล้วนำลูกสาวของเธอเองที่ยัดอยู่ในกระเป๋าไปวางไว้ขอบฟุตบาทของสะพานข้ามคลองบางกะสี ซึ่งห่างจากห้องเช่าเธอประมาณ 2  กิโลเมตร ต่อมามีคุณตาท่านหนึ่งเดินไปเห็นกระเป๋าและอุ้มเด็กเข้ามาที่หน้าบ้านพักก่อนจะรีบแจ้งตำรวจและกู้ชีพกู้ภัยเข้าช่วยเหลือเด็กส่งโรงพยาบาล เหตุการณ์ที่มีการไปพบเด็กเกิดขึ้นช่วงบ่ายของวันที่ 17 ก.ค. 68

            หลังเกิดเหตุ ทางด้าน พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ สั่งการให้ พ.ต.อ.ไพโรจน์  เพ็ชรพลอย ผู้กำกับการสภ.บางพลี ตั้งทีมไล่ล่าตัวแม่ใจยักษ์รายนี้ โดยมี พ.ต.ท.ภาวัต รัตนาภรณ์ รองผกก.สส.สภ.บางพลี เป็นหัวหน้าที พร้อมระดมทีมสืบสวนฝีมือดี อย่าง พ.ต.ต.สันติราษฎร์ เงินมั่น สว.สส.สภ.บางพลี นำกำลังฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ไปไล่กล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ พร้อมแบ่งทีมไล่ล่าตัวมารดาของเด็ก กระทั่งพบเส้นทางการก่อเหตุจนติดตามไปพบว่ารถจักรยานยนต์ที่ปรากฏตามภาพวงจรปิดถูกซุกซ่อนไว้หลังตึกห้องเช่า ฝ่ายสืบสวนจึงเฝ้าจับตากระทั่งพบตัวนางสาวพลอย จึงเข้าควบคุมตัวและเชิญตัวมาสอบปากคำที่ สภ.บางพลี โดยมีทางด้าน ผู้กำกับเข้าสอบปากคำด้วยตัวเอง

            นางสาวพลอย เปิดใจรับสารภาพว่า ยอมรับว่า เอาลูกในไส้ไปวางทิ้งตรงนั้นจริง แต่คาดหวังว่าจะมีคนมาเจอและเอาเด็กไปเลี้ยง สาเหตุที่ทำเพราะว่า ตัวเองตั้งครรภ์โดยที่ ที่บ้านไม่มีใครรู้ ส่วนฝ่ายชายเลิกรากันไปตั้งแต่ท้องได้เดือนแรกๆ ฝ่ายชายก็ทิ้งตนไปมีหญิงอื่น ตอนนั้นกินยาคุมฉุกเฉินแล้ว ป้องกันแล้วแต่พลาด จากนั้นอุ้มท้องลูกมาตลอด 9 เดือน และคลอดลูกเองไม่ได้ไป โรงพยาบาล คลอดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา พร้อมตัดสายสะดือลูกเอง ตอนที่ขี่รถหอบลูกมาทิ้ง มันคิดอะไรไม่ออก เป็นอารมณ์ชั่ววูบ ก็มองหน้าลูก สงสารและบอกกับลูกว่าแม่ขอโทษ แต่แม่เอาหนูไว้ด้วยไม่ได้ จึงตัดสินใจเอาเด็กมาวางตรงนั้น เพื่อให้มีคนมาเจอเร็ว ๆ เพราะตรงจุดนั้นมักมีรถบรรทุกจอดนอน จากนั้นก็วนกลับมาดู แต่อยู่อีกฝั่งถนน เห็นว่าลูกนอนตรงนั้น แต่ไม่คิดเอากลับไปด้วยเพราะตัดสินใจแล้วล่าสุดบอกกับนักข่าวเราว่า อยากเอาลูกกลับไปเลี้ยงเพราะสำนึกผิด

            ขณะที่น้าสาวของนางสาวพลอย บอกกับนักข่าวเราว่า ตนเองช็อกมากหลังจากที่ทราบเรื่อง ซึ่งตอนแรกทางบ้านที่ต่างจังหวัดเห็นภาพข่าว ได้โทรศัพท์มาหาตนเองให้ไปถามหลานสาวว่าใช่หรือไม่ เนื่องจากคุ้นทั้งรถและคน ตนเองจึงโทรศัพท์กลับมาหาหลานสาว ตอนแรกก็ไม่ยอมรับ แต่พอเค้นถามความจริงจึงยอมรับว่าเป็นคนที่เอาเหลนไปทิ้งจริง ตอนนั้นตกใจมากไม่คิดว่าจะมาเจอเรื่องแบบนี้กับทางครอบครัว ก่อนหน้านี้ตนเองก็สังเกตเห็นว่าหลานท้องโต ก็เคยถามว่าตั้งครรภ์หรือไม่ เจ้าตัวก็บอกว่าไม่แต่เป็นเพราะความอ้วน จนเรื่องแดงขึ้นมา หลังเกิดเรื่องแล้ว ทางครอบครัวอยากรับเด็กกลับไปเลี้ยงดูแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่ ส่วนแม่เด็กก็คงปล่อยให้เป็นไปตามขบวนการของกฎหมาย

            ด้าน พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี บอกว่า หลังจากเกิดเหตุผู้บังคับการได้กำชับเร่งรัดคดีในการติดตามตัว จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนไปหาเบาะแสจนกระทั่งติดตามจับกุมตัวได้ ส่วนสาเหตุที่แม่เด็กก่อเหตุเช่นนี้ จากการสอบปากคำเบื้องต้นอ้างว่าไม่มีความพร้อมในการตั้งครรภ์และดูแลเด็ก เบื้องต้นแจ้งข้อหาความผิดฐานทอดทิ้งเด็ก" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 306 ซึ่งระบุว่า "ผู้ใดทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกินเก้าปีไว้ ณ ที่ใด เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" ส่วนจะเข้าข่ายพยามฆ่าด้วยหรือไม่นั้น จากการสอบปากคำและตรวจสอบจุดที่วางทิ้งนั้นตามเจตนาของมารดาในทางกฎหมายยังไม่เข้าข่าย 

หนุ่มเขียนป้ายปิดท้ายรถ วอนล่าตัวมือปริศนาบุกสาดน้ำกรดใส่ จยย.จนเสียหาย

หนุ่มเจ้าของรถ เขียนป้ายปิดท้ายรถ วอนล่าตัวมือปริศนาบุกสาดน้ำกรดใส่รถจักรยานยนต์จนเสียหาย

เมื่อช่วงสาย วันที่ 17 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน แหล่งข่าวแจ้งมาว่าพบเห็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันหนึ่งนำกระดาษมาเขียนข้อความระบุวอนตำรวจตามล่าตัวคนก่อเหตุใช้สีสเปรย์และน้ำมันกรดสาดใส่รถจักรยานยนต์จนได้รับความเสียหาย เหตุเกิดภายในเอื้ออาทรเทพารักษ์ 3 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบและพูดคุยกับทางเจ้าของรถจักรยานยนต์คันนี้ ซึ่งจอดอยู่ในช่องทางจอดรถจักยานยนต์ของตึกที่ 1 ภายในเอื้ออาทร ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า รถคันดังกล่าว ถูกมือดีนำทั้งสีสเปรย์และน้ำกรดมาสาดใส่จนได้รับความเสียหายเกือบทั้งคัน

โดยภาพวงจรปิดช่วงกลางดึกที่ผ่านมาจับภาพชายวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนขับขี่เข้ามาจากปากทางถนนบางพลีตำหรุ ก่อนจะมาจอดหัวมุมของตึก และเดินไปก่อเหตุที่รถของผู้เสียหายก่อนจะขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไป ซึ่งภาพดังกล่าวทางด้านผู้เสียหายได้นำไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี แล้วแต่คดีไม่คืบหน้า จนล่าสุดถูกกลับมาก่อเหตุซ้ำอีกครั้ง

นาย ทรงกลด ทนทอง อายุ 26 ปี หนุ่มช่างกลโรงงาน  ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ตนเองไม่เคยมีปัญหาหรือมีเรื่องมีราวอะไรกับใครมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการมองหน้า การขับรถ หรือแม้แต่เรื่องชู้สาว ยืนยันว่าไม่มี ส่วนรถก็รถเดิมๆไม่ได้แต่งซิ่งหรือท่อรถเสียงดังจนสร้างความรำคาญให้ใคร ปกติแล้ว จะใช้ชีวิตประจำวันคือเช้าไปทำงานเย็นก็กลับมาห้องปกติ ตนเองถูกก่อเหตุมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ครั้งนั้นถูกคนร้ายรายนี้บุกมากรีดเบาะจนเสียหายและต้องเสียเงินซ่อมไปหมื่นกว่าบาท ซึ่งครั้งแรกไปแจ้งความไว้แล้ว และนำรถไปซ่อมเอง ซึ่งตนเองเข้าใจว่าอาจเป็นการลงมือผิดคันผิดคน ก็ยังไม่ได้ติดใจอะไร

กระทั่งล่าสุดช่วงดึกที่ผ่านมาคนร้ายคนเดิมวนกลับมาสาดน้ำกรดและพ่นสีใส่จนเสียหายทั้งคัน ซึ่งครั้งนี้ประเมินความเสียหายไม่ต่ำกว่าสามหมื่นบาท จึงอยากวอนให้ตำรวจตามล่าตัวมาดำเนินคดีและตนเองอยากจะถามว่ามาทำรถตนเองทำไม มีปัญหาอะไรกับตนเอง ซึ่งที่ผ่านมาคดีแรกก็เงียบมาครั้งนี้เสียหายหนักและหวั่นว่าเรื่องจะเงียบอีก จึงตัดสินใจเขียนป้ายประชดเพื่อให้คนผ่านไปผ่านมาสะดุดตาและช่วยตามหาตัวผู้ก่อเหตุมารับผิดชอบความเสียหาย ซึ่งตนเองยินดีให้รางวัลนำจับ 500 บาท

 

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบตามแผนฉุกเฉิน ประจำปีงบประมาณ 2568

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทำการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบตามแผนฉุกเฉินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประจำปีงบประมาณ 2568 (SEMEX - 25)

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 กรกฎาคม 2568 นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) และ นายธีรัชย์ อัตนวานิช กรรมการ AOT ร่วมเป็นประธานเปิดการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบตามแผนฉุกเฉิน ทสภ. ประจำปีงบประมาณ 2568 (SEMEX - 25) ณ ห้องจัดเลี้ยง 1 ชั้น 5 อาคารสำนักงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

นายกิตติพงศ์ เปิดเผยว่า การฝึกซ้อมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อซักซ้อมแนวทางปฏิบัติและการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินขณะให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน รวมถึงการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นการช่วยเหลือชีวิตของผู้โดยสารเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งเป็นการทดสอบความสมบูรณ์ของแผนฉุกเฉินท่าอากาศยาน และสร้างความมั่นใจในมาตรฐาน ความปลอดภัยของสนามบินต่อผู้มาใช้บริการทุกคน ทั้งนี้ ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือ ในการฝึกซ้อม ส่งผลให้การฝึกซ้อมฯ ครั้งนี้ บรรลุตามวัตถุประสงค์ และสะท้อนถึงความพร้อมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ   ในการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้มาใช้บริการ

นายกิตติพงศ์ กล่าวต่อไปว่า การฝึกซ้อมแผนฉุกเฉิน ทสภ. ได้จำลองสถานการณ์อุบัติเหตุขณะให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน โดยมีรถ Tractor พุ่งชนหัวจ่ายน้ำมัน (Hydrant Pit) ก่อนลื่นไถลเฉี่ยวชนกับอากาศยาน ระหว่างให้บริการเที่ยวบิน SM025 ของสายการบิน Semex Airways ณ หลุมจอด S126 ส่งผลให้น้ำมันรั่วไหลและมีเพลิงไหม้อากาศยานที่จอดอยู่ ขณะที่นักบิน ลูกเรือ และผู้โดยสารอยู่ภายในอากาศยาน จึงจำเป็นต้องอพยพและควบคุมสถานการณ์โดยเร่งด่วนเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม โดยการฝึกซ้อมมุ่งเน้นกระบวนการแจ้งเหตุฉุกเฉิน การอพยพและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย การควบคุมสั่งการ การสื่อสารระหว่างหน่วยงาน ตลอดจนการบูรณาการและประสานขั้นตอนการปฏิบัติระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย รวมทั้งมาตรฐานขององค์การ การบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) การฝึกซ้อมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสิ้น 12 หน่วยงาน ซึ่งทุกหน่วยงานมีบทบาทสำคัญในสถานการณ์ดังกล่าว อาทิ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ กองบังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 2 สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยเชื้อเพลิงการบิน จำกัด เป็นต้น

ทสภ. ยังคงมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและการบริหารจัดการภาวะฉุกเฉินอย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดการฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วนเป็นประจำทุกปี เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการจากทั่วโลกทุกการเดินทางจะได้รับความปลอดภัยสูงสุด

ชาวบ้านพบเด็กทารกแรกเกิด ถูกจับยัดกระเป๋าวางทิ้งข้างถนน โร่แจ้งกู้ภัยช่วยเด็กรอด

ชาวบ้านพบเด็กทารกแรกเกิด ถูกจับยัดกระเป๋าวางทิ้งข้างถนน โร่แจ้งกู้ภัยช่วยเด็กรอด

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 กรกฎาคม 2568 ศูนย์กู้ชีพปราการ ได้รับแจ้งจากสายด่วน 1669 ว่า มีผู้ไปพบเด็กทารกยังไม่ทราบเพศถูกใส่ไว้ในกระเป๋าเป้สะพายหลัง ถูกวางทิ้งอยู่ข้างทาง ริมถนนสุเหร่าบางกะสีมุ่งหน้าหมู่บ้านไทยประกัน ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กู้ชีพนฤบดินทร์ และ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางตรวจสอบ

ชาวบ้านในละแวกนั้นได้นำกระเป๋าและเด็กมาพักรอที่หน้าบ้านพักเพื่อให้เจ้าหน้าที่ โดยทีมกู้ชีพและกู้ภัยจึงตรวจสอบพบว่าเป็นเด็กทารกแรกเกิด เพศหญิง ถูกตัดสายสะดือแล้ว และแข็งแรงดี เจ้าหน้าที่จึงช่วยเหลือและนำตัวเด็กส่งโรงพยาบาลรามาจักรีนฤบดินทร์ เพื่อตรวจร่างกายและอนุบาลเด็กไว้ชั่วคราวในระหว่างประสานผู้เกี่ยวข้องเข้ามารับตัวเด็ก

ด้าน ลุงศักดิ์ชินบุตร คนที่ไปเจอกระเป๋าเป้ใส่เด็ก บอกว่า ลุงจะไปเดินหาเก็บขวดเอาไว้ขาย พอเดินไปตรงหน้ารถบรรทุกที่จอดอยู่บนสาพนข้ามคลองสี่ศอก ก็หันไปเห็นมีกระเป๋าสีดำวางไว้ที่พื้นถนนช่วงหน้ารถบรรทุก จึงเดินเข้าไปดูพบว่ากระเป๋าเปิดแง้มไว้นิดหน่อย พอเข้าไปดูใกล้ๆก็ต้องตกใจเพราะเห็นหัวเด็กน้อยในกระเป๋าจึงตะโกนเรียกคนแถวนั้นให้มาดูแลพาไปพักหน้าบ้านจากนั้นรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ

ด้าน นาย สุวิชศิษยฎ์ จุลทรรศน์ อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู จุดราชาเทวะ 21 บอกว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งเหตุจึงรีบเดินทางมาตรวจสอบ ซึ่งพอมาถึงก็พบว่าคุณลุงอุ้มเด็กมาพักรอในบ้านแล้ว จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทารกเพศหญิงที่เพิ่งคลอดออกมาได้ไม่นาน และถูกตัดสายสะดือแล้ว เจ้าหน้าที่จึงช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล ยืนยันเด็กแข็งแรงดี

ขณะที่ พ.ต.ต.สันติราษฎร์ เงินมั่น สว.สส.สภ.บางพลี นำกำลังฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ไปไล่กล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ พร้อมแบ่งทีมติดตามตัวมารดาของเด็กหรือบุคคลที่นำเด็กรายนี้มาวางทิ้งไว้ พร้อมกับตรวจสอบตามโรงพยาบาลที่มีประวัติการทำคลอดเด็ก เพื่อนำตัวมารดาของเด็กรายนี้มาดำเนินการคดีตามกฎหมายต่อไป

สมุทรปราการ สาวสุดอั้นคลอดลูกสาวในรถหน้าปั๊มน้ำมัน ระหว่างทางไปโรงพยาบาล

สมุทรปราการ สาวสุดอั้นคลอดลูกสาวในรถหน้าปั๊มน้ำมัน ระหว่างทางไปโรงพยาบาล

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ศูนย์วิทยุกู้ชีพปราการ ได้รับแจ้งหญิงสาวคลอดลูกในรถยนต์ บริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท. ริมถนนศรีนครินทร์ กม.17 ใกล้เคียงทางขึ้นทางด่วนกาญจนาภิเษก ตำบลบางเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสาน กู้ชีพโรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล สมุทรปราการ พร้อม เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และ เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยสมุทรปราการ เดินทางไปช่วยเหลือ

บริเวณริมถนนหน้าปั๊มน้ำมัน เจ้าหน้าที่ พบ รถยนต์ ยี่ห้อ เซฟโรเลส  สีดำ หมายทะเบียน วจ 7925 กรุงเทพมหานคร ตามที่รับแจ้ง บริเวณเบาะคนนั่งด้านหลัง พบ หญิงสาว ที่ปวดท้องและคลอดลูกออกมากะทันหัน ทีมกู้ชีพจึงช่วยทำคลอดสำเร็จ ท่ามกลางสายตาผู้คนที่มาร่วมให้กำลังใจบริเวณดังกล่าว ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเคลื่อนย้าย หญิงสาวและลูกสาว นำส่งโรงพยาบาลสมุทรปราการ เบื้องต้นคุณแม่และลูกสาวปลอดภัยดีทั้งคู่

จาการสอบถาม ทราบว่า สาวคนดังกล่าวตั้งครรภ์ใกล้ครบกำหนดคลอด และกำลังเดินทางไปโรงพยาบาลสมุทรปราการ แต่เกิดอาการเจ็บท้องคลอดกะทันหันจนคลอดลูกออกมาดังกล่าว โดยคนในรถได้ขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านบริเวณนั้น ก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึงและช่วยทำคลอดอย่างปลอดภัยได้สำเร็จ ท่ามกลางสายตาผู้คนที่มาร่วมให้กำลังใจบริเวณดังกล่าว

จากการสอบถาม นายนฤเบศ แสนกล้า เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง ที่เข้าไปช่วยเหลือ ให้ข้อมูลว่า ตนเองหลังจากรับแจ้งจากศูนย์สั่งการจึงได้มาตรวจสอบ โดยที่มาถึงเด็กนั้นก็ได้คลอดออกมาแล้ว เป็นทารกเพศหญิง แข็งแรงดี เบื้องต้นก็ได้เคลื่อนย้ายทั้งแม่และเด็กส่งโรงพยาบาลสมุทรปราการดำเนินการต่อไป

เพื่อนบ้านช็อกเจอน้ำเหลืองศพไหลนองหน้าห้องเบอร์ 14 ในวันที่ 14

เพื่อนบ้านช็อกเจอน้ำเหลืองศพไหลนองหน้าห้องเบอร์ 14 ในวันที่ 14

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 14 กรกฎาคม 2568 ร.ต.ท.อภิสิทธ์ ต้นสาลี รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางพลี ได้รับแจ้งว่ามีผู้พบเห็นคราบน้ำเหลืองไหลนองออกมาจากห้องพัก ส่งกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากห้องดังกล่าว เหตุเกิดที่ ห้องเช่าแห่งหนึ่ง หมู่ 1 ตำบลยางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจ แพทย์นิติเวชสถาบันรามาจักรกรีนฤบดินทร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุ เป็นห้องเช่า สูง 2 ชั้น ที่ชั้น 2 พบคราบเลือดปนน้ำเหลืองไหลออกมาจากภายในห้อง 14 และมีกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากห้องดังกล่าว ประตูห้องถูกล็อกจากด้านใน ไม่สามารถเปิดได้ ทางเจ้าของห้องเช่าจึงทำการเปิดบานเกร็ดส่องเข้าไปดูภายในห้อง ก็พบร่างชายนอนเสียชีวิตมาแล้วหลายวันอยู่กลางห้อง ทางเจ้าหน้าที่จึงให้ทางเจ้าของห้องเช่าเปิดล็อกประตูจากด้านใน เพื่อเข้าไปทำการตรวจสอบภายในห้อง จนทราบว่าผู้เสียชีวิตชื่อ นาย ธีระชัย อายุ 53 ปี ชาวจังหวัดสกลนคร คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 วัน เจ้าหน้าที่จึงร่วมกันชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด จึงบันทึกภาพและมอบร่างผู้เสียชีวิตให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งชันสูตรที่นิติเวชสถาบันรามาจักกรีนฤบดินทร์ อย่างละเอียดหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกครั้ง

จากการสอบถาม นางสาว ธนาภรณ์ อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกับผู้ตายและมีห้องพักอยู่ชั้นล่างตรงกับห้องพักของผู้ตาย บอกว่า ตนเองได้ยินเสียงดังตุบคล้ายกับอะไรกระแทกพื้น สองครั้ง ระหว่างตีหนึ่งถึงตีสามของช่วงเข้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ตนเองยังตะโกนด่ากลับไปว่าทำอะไรคนจะหลับจะนอน ซึ่งตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายอะไรกับแก จนกรทั่งเลิกงานกลับมาวันนี้ถึงทราบข่าวว่าแกเสียชีวิตแล้ว ยอมรับว่าตกใจ เพราะโดยปกติแล้วแกจะเป็นคนนิสัยดี คนในละแวกนี้รู้จักรแกกันหมดและมักชอบลงมานั่งดื่มสุราเป็นประจำ

ขณะที่  นายเวนิด อายุ 52 ปี เพื่อนของผู้ตายบอกว่า ผู้ตายติดสุราและดื่มสุราเป็นประจำ มาช่วงหลังแกมีโรคประจำตัว ล่าสุดท้องบวมเข่าบวมมากตนเองยังบีบนวดให้แกอยู่เลย ไม่คิดว่าจะมากลายเป็นศพ

ส่วน นายณัฐพล อายุ 27 ปี บุตรชายของผู้เสียชีวิต บอกว่า หลังจากที่แม่กับพ่อเลิกรากันไปก็แยกกันอยู่ โดยพ่อจะพักอยู่ที่ห้องนี้คนเดียว ส่วนตนเองก็จะเทียวไปเทียวมาคอยมาดูมาเยี่ยมแกเป็นประจำ ล่าสุดมาหาพ่อช่วงค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็พบยังแข็งแรงดีพูดคุยกันปกติ แต่ก่อนหน้านี้ช่วงกลางวันทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่าคุณพ่อไปหาหมอ ซึ่งคุณพ่อมีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับสุราที่คุณพ่อดื่มมาตั้งแต่วัยหนุ่ม ซึ่งตอนนั้นตนเองฟังไม่ค่อยเข้าใจเพราะทำงานอยู่ในโรงงานจนกรทั่งเลิกงานจึงรีบมาหาพ่อที่ห้องแล้วกับไปบ้านพักช่วงสี่ทุ่ม กระทั่งมาทราบข่าวร้ายวันนี้

หนุ่มวัย 42 เครียดทะเลาะกับเมีย ใช้ปืนยิงตัวเองดับคาห้องนอน

หนุ่มวัย 42 เครียดทะเลาะกับเมีย ใช้ปืนยิงตัวเองดับคาห้องนอน

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 22 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีผู้ยิงตัวเองเสียชีวิต ภายในบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 2 ซอยอยู่สุข 12 ตำบลบางเมือง อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แพทย์เวร เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยสมุทรปราการ และ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านลักษณะทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น ภายในห้องนอนชั้นบน พบร่าง นายศุภกิตติ์ อายุ 42 ปี นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนที่นอน สภาพขึ้นอืด คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วัน มีบาดแผลถูกยิงที่บริเวณกระหม่อม โดยในที่เกิดเหตุยังพบ ปืนลูกโม้ ภายในโม้ยังมีกระสุนและปลอกคาอยู่

จากการสอบถาม คุณปุ๋ย อายุ 37 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนไม่ได้เอะใจว่าเขาจะทำแบบนี้ ก่อนหน้านี้ตนทะเลาะกับเขา ได้ครึ่งเดือนแล้ว แล้วก็มีการแยกกันนอน ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ทะเลาะกันก็ทะเลาะกันเรื่องกับข้าว ตนเอะใจว่าทำไมเขาถึงไม่ออกจากห้อง จึงปีนเสาไฟฟ้าขึ้นไปดูก็เลยเจอ ปกติเวลาทะเลาะกันเขาจะไม่เป็นแบบนี้ ทะเลาะกันแค่แปบเดียว ก็กลับมาคุยกัน ปืนที่เขาใช้ ก็เป็นปืนของเขาเอง ปกติเขาก็ไปทำงานทุกวัน แต่ตนเอะใจเมื่อวันศุกร์ ตอนกลับมาเห็นรถเขาจอดอยู่ พวกตนอยู่กัน 3 คน เมื่อวันศุกร์ ลูกก็ไปเคาะประตู จะให้พ่อไปส่งแต่พ่อไม่ตอบ เพราะปกติเขาจะเป็นคนไปรับไปส่งลูก ครั้งสุดท้ายตนทะเลาะกับเขา เมื่อวันพฤหัสบดีประมาณ 21.00 น กว่า แล้วเขาก็เข้าห้องไป โดยหลังจากที่เขาขึ้นห้องไปได้สักพักตนก็ได้ยินเสียงดังมาจากในห้อง ตอนนั้นตนคิดว่าเขาขว้างกระป๋อง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพ และลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะมอบร่างผู้เสียชีวิตให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวชต่อไป