เจ้าสระ สู่เจ้าหนังสือ “เงือกเนย” เปิดใจ รักการอ่าน! ชวนคนไทย “มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 30”ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

“เงือกเนย” พุ่งแรงนอกสระ! ร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้คนรักการอ่าน ชวนสัมผัสประสบการณ์ใหม่  อ่านเพลิน ฟังเพราะ ช้อปเพียบ! ในมหกรรมหนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 30 ในธีม “Melody of Books” ที่ผสานโลกแห่งตัวอักษร และเสียงดนตรี เข้าไว้ด้วยกัน อย่างลงตัว พบกองทัพหนังสือมากมายกว่า 2 ล้านเล่ม และหนังสือปกใหม่ให้เลือกช้อปอย่างจุใจ ระหว่างวันที่ 9–19 ตุลาคมนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

วันที่ 23 กันยายน 2568 สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เตรียมจัดงาน “มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 30” อย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้ธีม “Melody of Books – อ่านหรือยัง ฟังหรือเปล่า” ระหว่างวันที่ 9–19 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00–21.00 น. ณ ฮอลล์ 5–7 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นายณัฐกร วุฒิชัยพรกุล นายกสมาคมฯ กล่าวว่า การจัดงานในปีนี้นับเป็นการยกระดับวงการหนังสือไทยครั้งสำคัญ โดยผสานโลกของการอ่านเข้ากับเสียงดนตรี เปิดมิติใหม่ของการเสพเนื้อหา ทั้งในรูปแบบเล่ม พอดแคสต์ ออดิโอบุ๊ก และสื่อสร้างสรรค์ร่วมสมัย

“เรามุ่งหวังให้งานในปีนี้เข้าถึงกลุ่มผู้อ่านได้หลากหลายมากขึ้น โดยยังคงคุณค่าการอ่านเป็นแกนกลาง ผสมผสานกับกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เข้าถึงง่าย สนุก และส่งเสริมความคิด พร้อมเปิดโอกาสให้วงการหนังสือไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในมิติของวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ”

ภายในงานพบกับบูธจำหน่ายหนังสือกว่า 900 บูธ จาก 400 สำนักพิมพ์ชั้นนำ รวมกว่า 2 ล้านเล่ม พร้อมเปิดตัวหนังสือใหม่กว่า 2,000 ปก และกิจกรรมพิเศษกว่า 100 รายการ อาทิ:
 • View ’til Touch: นิทรรศการ “อ่านที่ฟังได้ – เพลงที่อ่านออก” ผ่านเทคโนโลยีอินเทอร์แอคทีฟ
 • Listening Pods: มุมฟังหนังสือเสียงและพอดแคสต์
 • Author’s Salon: เวทีพูดคุยกับนักเขียนและผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณกรรม
 • Read for The Blind: นิทรรศการและกิจกรรมส่งเสริมการเข้าถึงหนังสือเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตา
 • การแสดงเจ้าขุนทองและผองเพื่อน: หุ่นมือผสานดนตรีสดและนิทาน
 • Little Read Universe: นิทรรศการส่งเสริมทัศนคติเชิงบวกสำหรับเด็ก
 • Book Symposium: เวทีวิชาการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้
 • นิทรรศการรางวัลชมนาด 2568: วรรณกรรมสตรีจากทั่วอาเซียน
 • PUBAT Contest: การประกวดระดับประเทศ 3 รายการ ได้แก่
 • การเล่านิทาน
 • การแต่งเพลงส่งเสริมการอ่าน
 • การแข่งขันโต้วาทีระดับมัธยมศึกษา
 • นิทรรศการ 100 ABCD และ Key Visual: พลังงานการออกแบบปกหนังสือไทย
 • Pick A Note: กิจกรรมสอยดาวตัวโน้ต ร่วมบริจาคเพื่อส่งเสริมการอ่าน พร้อมลุ้นของรางวัล

อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานคือการปรากฏตัวของ “เงือกเนย” กมลชนก ขวัญเมือง นักว่ายน้ำทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ เจ้าของ 2 เหรียญทองในปี 2021 และ 2023 ที่มาร่วมแบ่งปันมุมมองคนรักการอ่าน พร้อมแนะนำหนังสือเล่มโปรด

“ปกติเป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว โดยเฉพาะแนวประวัติศาสตร์ทั่วไปค่ะ แต่เล่มที่ชอบที่สุดคือ ‘แพะรับบาป’ ของนักเขียนชื่อ ‘ฟาโรห์’ ซึ่งเป็นแนวสืบสวนสอบสวนที่อ่านสนุก ชวนติดตาม และเข้าใจง่าย เหมาะกับทุกเพศทุกวัยเลยค่ะ”

“รู้สึกดีใจมากที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของงานหนังสือปีนี้ เพราะนอกจากจะได้เจอหนังสือเล่มใหม่ๆ ที่หายากแล้ว ยังได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับคนที่รักการอ่านเหมือนกัน อยากเชิญชวนทุกคนให้มาร่วมงานกันเยอะๆ ค่ะ หนังสือบางเล่มเราอาจหาอ่านออนไลน์ไม่ได้ แต่ที่นี่มีให้เลือกครบ และได้สัมผัสหนังสือเล่มจริงอีกด้วย”

เตรียมปักหมุดรอได้ในงาน“มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 30” ระหว่างวันที่ 9–19 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

 

10 วัน จัดเต็ม ร่วมดูแลโลกไปด้วยกัน ที่งาน SX2025

เพราะทุกการกระทำ มีพลังที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้โลกใบนี้ ถึงเวลาเปลี่ยนจากความตั้งใจ ให้กลายเป็นการลงมือทำจริง Sustainability Expo 2025 (SX2025) มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ปี 6 ชวนคุณมาปรับตัว และร่วมมือสู่ทางรอดในวิกฤตโลกรวน เตรียมพร้อมรับมือกับ ภัยพิบัติ และความเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายอย่างสุดขั้วที่ทั่วโลกกำลังเผชิญจากการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และสภาพภูมิอากาศของโลก พบกับ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมิติต่างๆ ทั้งด้านสุขภาพ อาหาร และที่อยู่อาศัย รวมถึงเวิร์กชอปที่ส่งเสริมการเรียนรู้ และวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนกว่า 750 ท่านจากทั่วโลก เต็มอิ่มตลอด 10 วัน กับ 10 กิจกรรม ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน – 5 ตุลาคม 2568  เวลา 10.00 - 20.00  น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

- รวมงานสัมมนา และเครือข่ายธุรกิจเพื่อความยั่งยืน (B2B) เจาะลึกแนวทางธุรกิจยั่งยืนที่จะสร้างความเชื่อมโยง และความร่วมมือทุกภาคส่วนตั้งแต่ในประเทศไปจนถึงระดับโลก เพื่อค้นหาคำตอบแห่งการอยู่รอดในยุคโลกรวน

- กินเพื่อรักษ์โลก SX FOOD FESTIVAL สัมผัสโลกแห่งอาหารไปกับเชฟและร้านอาหารชื่อดัง ตะลุยมื้ออร่อยพร้อมเสิร์ฟที่ดีต่อสุขภาพและโลก

- สนุกคิด สนุกทดลอง SX KIDS ZONE พื้นที่แห่งการเรียนรู้และจิตนการ เสริมสร้างทักษะ                การปรับตัวเพื่ออยู่รอด และจิตสำนึกรักษ์โลก

- ชอปกระจาย SX MARKETPLACE รวมสินค้าและนวัตกรรมรักษ์โลกสำหรับชีวิตประจำวัน สายกรีน สายอาร์ต และสายคราฟต์ โดยธุรกิจยั่งยืนจากชุมชน และองค์กรชั้นนำ

- ลงมือทำ SX IDEALAB เรียนรู้ ลงมือทำจริง เวิร์คชอปแลกเปลี่ยนไอเดียสร้างสรรค์ไปด้วยกัน

- สนุกกับกิจกรรมสะสมคะแนน SX SHAPER POINT ผ่านแอพพลิเคชั่น SX เพื่อรับของที่ระลึกรักษ์โลก

- เปิดโอกาสพลัง YOUTH เยาวชน ENACTUS WORLD CUP 2025 จากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก เวทีแห่งอนาคตคนรุ่นใหม่หัวใจรักษ์โลก ประลองไอเดีย โชว์พลังแห่งการสร้างสรรค์ ที่ร่วมสร้างสมดุลที่ดีให้โลก

- เรียนรู้ค้นพบวิธีปรับตัวเพื่ออยู่รอดของตัวเองในสังคม และโลกอย่างยั่งยืน ผ่าน 5 โซน นิทรรศการหลักภายในงาน SEP INSPIRATION, BETTER ME, BETTER LIVING, BETTER COMMUNITY และ BETTER WORLD

- ถอดรหัสคนทำจริง SX TALK STAGE เวทีที่แบ่งปันประสบการณ์และส่งต่อแรงบันดาลใจที่ทำได้จริงจากองค์กรต้นแบบและนักลงมือทำจากหลากหลายาวงการ

- นิทรรศการ Immersive Multimedia เปิดโลกนิทรรศการมัลติมีเดีย กระตุกต่อมความคิดของการมองโลกในมุมมองใหม่ ปรับตัวให้พร้อมรับมือทุกสถานการณ์

งานเดียวที่ได้อัพเดทเทรนด์ด้านความยั่งยืนทุกมิติ เพื่อก้าวตามให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พบกับคำตอบของการปรับตัวอย่างชาญฉลาดที่เริ่มต้น และลงมือทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวคุณ เพราะการปรับตัวไม่ใช่แค่การอยู่รอด แต่คือการสร้างทางรอดที่มีความสมดุลบนโลกใบนี้ได้ยั่งยืนอย่างแท้จริง งาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน - วันที่ 5 ตุลาคม 2568  เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)

ครั้งแรกของศูนย์ประชุมไทย!  ศูนย์ฯ สิริกิติ์ เปิดตัวแดชบอร์ดคำนวณคาร์บอนแบบเรียลไทม์ ยกระดับมาตรฐานไมซ์ไทยสู่ความยั่งยืน

ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ร่วมฉลองวันสิ่งแวดล้อมโลก เปิดตัว “Real-Time Carbon Footprint Tracking Dashboard” นำร่องใช้แดชบอร์ดคำนวณคาร์บอนแบบเรียลไทม์ในงานไมซ์ ซึ่งเป็นครั้งแรกของศูนย์ประชุมในประเทศไทย ในงาน Asia Sustainable Energy Week 2025 และ International Engineering Expo 2025 ที่จะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ หวังเป็นต้นแบบสู่การจัดงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมไมซ์ไทยให้ทัดเทียมระดับสากล

การนำ Real-Time Carbon Footprint Tracking Dashboard  จากบริษัท อัลโต้เทค โกลบอล จำกัด มาใช้นี้  อยู่ภายใต้โครงการ Winnovation ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือทีเส็บ ที่ส่งเสริมการใช้นวัตกรรมในอุตสาหกรรมไมซ์ไทย โดยเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถวัด และแสดงผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint) โดยใช้ข้อมูลจริงจากแหล่งต่าง ๆ เช่น การใช้พลังงาน การบริโภคอาหาร บรรจุภัณฑ์ และการเดินทางของผู้เข้าร่วมงาน เพื่อให้ผู้จัดงาน และผู้เข้าร่วมงานสามารถรับรู้ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากกิจกรรมในงานได้อย่างโปร่งใส และทันที พร้อมนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้วางแผนลด หรือชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การจัดงานแบบ Carbon Neutral อย่างแท้จริง

สุรพล อุทินทุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืนที่มุ่งมั่นพัฒนาในทุกมิติ จากจุดเริ่มต้นที่เราได้ดำเนินการจัดทำระบบมาตรฐาน ISO 14064-1 และCarbon Footprint for Organization (CFO) ซึ่งล้วนเป็นมาตรฐานสำหรับการวัดปริมาณ และการรายงานปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร เราจึงต่อยอดสู่การจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของอิเวนต์ (Carbon Footprint of Event-CFE) อย่างเป็นระบบ การเปิดตัว Real-Time Carbon Footprint Tracking Dashboard ในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานสู่การจัดงานอิเวนต์ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนโดยเรามุ่งหวังให้งาน Asia Sustainable Energy Week 2025 และ International Engineering Expo 2025 เป็นต้นแบบสำหรับงานอื่นๆที่ต้องการยกระดับมาตรฐานด้านความยั่งยืน ซึ่งจะเป็นการช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ไทย”

ตัวอย่างการแสดงผล Real-Time Carbon Footprint Tracking Dashboard  

หมายเหตุ: ตัวเลขในภาพเป็นเพียงการสมมุติเพื่อใช้ประกอบการประชาสัมพันธ์เท่านั้น

จารุวรรณ สุวรรณศาสน์  ผู้ทรงคุณวุฒิ (Chief Information Officer: CIO) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือทีเส็บ กล่าวว่า “มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และ บริษัทอัลโต้เทค โกลบอล ได้จับคู่ธุรกิจผ่านโครงการ MICE Winnovation ของทีเส็บ ถือเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ไทยในเรื่องผลประกอบการด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราได้มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่คือ  Real-Time Carbon Footprint Tracking Dashboard ของบริษัทอัลโต้เทค โกลบอล มาใช้ติดตามวัดผลการดำเนินงานของศูนย์ฯ สิริกิติ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในเรื่องความยั่งยืนที่วัดผลได้จริง สอดรับกับยุทธศาสตร์ของทีเส็บ ที่มุ่งผลักดันเรื่องเทคโนโลยี และความยั่งยืนเพื่อทำให้อุตสาหกรรมไมซ์ไทยมีจุดขายและจุดแข็งในประเด็นสากล ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมไมซ์ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศต่อไป”

สรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน Asia Sustainable Energy Week 2025 กล่าวว่า “ขอขอบคุณศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และทีเส็บ สำหรับการสนับสนุน และความร่วมมือที่ทำให้โครงการ  Real-Time Carbon Footprint Tracking Dashboard เกิดขึ้นจริงในงานของเรา การได้เห็นข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของงานแบบเรียลไทม์ ช่วยให้เราเข้าใจ และเห็นคุณค่าของการจัดงานอย่างยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาส ในการพัฒนาแนวทางการลด และชดเชยคาร์บอนได้อย่างมีระบบ ซึ่งสอดคล้องอย่างยิ่งกับธีมงานของเราในปีนี้  “Empowering Digital Transformation in Sustainable Energy Towards Net Zero  ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่ยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล สู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” นี่คือก้าวสำคัญสู่การจัดงาน ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง และเราหวังว่าแนวคิดนี้จะขยายไปสู่งานอื่นๆในอนาคต”

         
“ศูนย์ฯ สิริกิติ์ ยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้อุตสาหกรรมไมซ์ก้าวสู่การจัดงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยมีการวางแผนที่จะนำ Real-Time Carbon Footprint Tracking Dashboard มาเป็นหนึ่งในบริการพิเศษในโครงการ Loyalty Program ที่ผู้เป็นสมาชิกสามารถใช้คะแนนที่สะสมแลกใช้บริการนี้ได้ ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยส่งเสริมให้เกิดการจัดงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และยกระดับมาตรฐานไมซ์ไทยสู่ความยั่งยืนในที่สุด” สุรพล กล่าวทิ้งท้าย              
     

หวยงวดนี้ 2 พ.ค.68 ออกรางวัลที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เลื่อนหลบวันแรงงาน

หวยงวดนี้ 2 พ.ค.68 ออกรางวัลที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เลื่อนหลบวันแรงงาน

วันที่ 29 เมษายน 2568 พันโทหนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการออกรางวัลงวดวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 นี้ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะเดินทางไปออกรางวัลนอกสถานที่ ณ ฮอลล์ 3-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในสถานที่จัดงาน “MOF JOURNEY 150 ปี เส้นทางการคลังไทย” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบสถาปนา 150 ปี กระทรวงการคลัง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกระทรวงการคลัง ซึ่งมีภารกิจหลักสำคัญในการนำส่งรายได้เข้ารัฐ เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและดูแลสังคม มาอย่างต่อเนื่องยาวนานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
 
โดยการออกรางวัลนอกสถานที่ในครั้งนี้ เป็นโอกาสพิเศษนอกเหนือจากที่สำนักงานฯ ออกรางวัลสัญจร ปีละ 4 ครั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เห็นขั้นตอนและวิธีการตลอดจนอุปกรณ์ที่ใช้ในการออกรางวัลด้วยตนเอง จะได้ไม่หลงเชื่อข่าวลือเรื่องเลขเด็ดจากกลุ่มมิจฉาชีพที่ทำการหลอกลวงต้มตุ๋น ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ และการส่งจดหมายแอบอ้างว่าสามารถให้ตัวเลขที่จะออกรางวัลได้  
 
สำหรับการออกรางวัลครั้งนี้ นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ให้เกียรติเป็นประธานกรรมการออกรางวัล พร้อมด้วยข้าราชการระดับสูง ผู้แทนจากภาคประชาชนและหน่วยงานรัฐ รวมถึงผู้แทนสื่อมวลชนร่วมเป็นคณะกรรมการออกรางวัล นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง ร่วมทำหน้าที่หมุนวงล้อสลับกับพนักงานหมุนวงล้อของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย
 
ทั้งนี้ประชาชนที่สนใจสามารถเข้าชมการออกรางวัลได้ด้วยตนเองโดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมนำบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรที่ทางราชการออกให้แสดงในวันดังกล่าว โดยเปิดให้เข้าพื้นที่ได้ตั้งแต่เวลา 12.00 น. นอกจากนี้ยังสามารถรับชมการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ ทีวี ตั้งแต่เวลา 13.50 น. เป็นต้นไป สถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี ตั้งแต่เวลา 14.00 น. รวมถึงช่องทาง LINE TODAY, เว็บไซต์สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล www.glo.or.th,  แอปพลิเคชันของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล “GLO Lottery official” และรับฟังการถ่ายทอดเสียงทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ตั้งแต่เวลา 14.30 น. เป็นต้นไป

#สำนักงานสลาก #ข่าววันนี้ #ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ #หวยงวดนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #หวยงวดนี้

 

“ศูนย์ฯ สิริกิติ์” ได้รับการรับรอง 3 มาตรฐาน ยืนยันศักยภาพสถานที่จัดงานมาตรฐานสากล เน้นความยั่งยืน

ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ รับมอบ 3 ตราสัญลักษณ์ “มาตรฐานสถานที่จัดงานอาเซียน” หรือ ASEAN MICE Venue Standards (AMVS), “มาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย” หรือ Thailand MICE Venue Standards (TMVS) และ “มาตรฐานการบริหารการจัดงานอย่างยั่งยืนประเทศไทย” หรือ Thailand Sustainable Event Management Standard (TSEMS) ประจำปี 2567 ในงาน “MICE Standards Day 2025” จัดโดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุม และนิทรรศการ (สสปน.) การันตีสถานที่จัดงานมาตรฐานสากล ที่ไม่เพียงแต่พร้อมด้วยศักยภาพในการรองรับการจัดงานทุกรูปแบบ ทุกสเกลทั้งระดับชาติ และนานาชาติ แต่ยังรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อความยั่งยืน

ASEAN MICE Venue Standards หรือ AMVS เป็นมาตรฐานสถานที่จัดงานไมซ์ของอาเซียน มีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพ และความน่าเชื่อถือของสถานที่จัดงานไมซ์ ในภูมิภาคอาเซียนให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

Thailand MICE Venue Standards หรือ TMVS เป็นมาตรฐานระดับประเทศ เพื่อใช้รับรองสถานที่จัดงานประเทศไทย ซึ่งได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมไมซ์ในระดับอาเซียน

ทั้ง AMVS และ TMVS  มีการประเมินโดยใช้เกณฑ์ตัวชี้วัด 4 ด้าน  ได้แก่  1. ด้านกายภาพ ตั้งแต่สถานที่ รวมถึงองค์ประกอบโดยรวมของห้องประชุม 2. ด้านเทคโนโลยี อาทิ ระบบเสียง และระบบสื่อสาร 3. ด้านบริการ และ 4. ด้านการจัดการอย่างยั่งยืน ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม           ความปลอดภัย และความรับผิดชอบต่อสังคม

Thailand Sustainable Event Management Standard หรือ TSEMS เป็นมาตรฐานที่รับรององค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และสังคมไปพร้อมๆกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

โดยการได้รับตราสัญลักษณ์ดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยัน และสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศถึงคุณภาพ และศักยภาพของศูนย์ฯ สิริกิติ์ ในการเป็นสถานที่จัดงานที่มีความเหมาะสมตามมาตรฐานการจัดงานในระดับสากล และให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

"ลีซอ" ชวนร่วมสัมผัสเสน่ห์งาน "สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และนานาชาติ" ใหญ่สุดในอาเซียน! ธีม "ย ยักษ์ อ่านใหญ่" เริ่ม 27 มี.ค. - 7 เม.ย. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

สมการรอคอย กับ "งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53" และ "สัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23" ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ในธีม "ย ยักษ์ อ่านใหญ่" งานหนังสือครั้งใหม่ ใหญ่กว่าเดิม พบกับ 7 โซนหนังสือดีที่น่าอ่าน ทั้งไทย และต่างประเทศ ให้เลือกช้อปจุใจมากมายกว่า 2 ล้านเล่ม กับ 1,200 บูธ จาก 400 สำนักพิมพ์ พร้อมขยายพื้นที่เพิ่มเป็น 20,000 ตร.ม. จัดเต็มนิทรรศการ – กิจกรรมกว่า 100 อีเว้นท์ ด้าน "ลีซอ" ธีรเทพ วิโนทัย อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย มาเผยหนังสือเล่มโปรดของตัวเอง พร้อมกับเชิญชวนทุกท่านร่วมงานในครั้งนี้ เพราะหนังสือมีความสำคัญ และเต็มไปด้วยเสน่ห์มากมาย

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ณ Meeting Room 110 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้มีการจัดงานแถลงข่าวงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 โดยมี นายสุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เป็นประธานในงาน ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม "ย ยักษ์ อ่านใหญ่" ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 7 เมษายน 2568 ตั้งแต่เวลา เวลา 10.00-21.00 น. ณ ฮอลล์ 5-8 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นายสุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยว่า งานปีนี้มีความพิเศษสุดคือ การขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 3 ฮอลล์ เพิ่มเป็น 4 ฮอลล์ ทำให้มีพื้นที่การจัดงานจากเดิม 15,000 ตร.ม. เพิ่มขึ้นเป็น 20,000 ตร.ม. เพื่อรองรับนักอ่านที่มาร่วมงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี รวมทั้งผู้ประกอบการสำนักพิมพ์ และบริษัทต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศที่ต้องการเข้าร่วมงานที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการสุดว้าว และกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจอีกมากมายเตรียมจัดเต็มมาเอาใจเหล่านักอ่าน รวมถึงพิเศษสุด! ในปีนี้เอาใจสายคาเฟ่ “PUBAT Cafe” ครั้งแรกกับบูธจำหน่ายเครื่องดื่มกาแฟ จากร้านดัง ROWIE’S x PUBAT café มาพร้อมเมนูพิเศษ Exclusive เฉพาะภายในงานนี้เท่านั้น  ซึ่งภายในงานปีนี้ยังมีพื้นที่พิเศษ โดยบริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด  มาเนรมิตพื้นที่ให้นั่งอ่านหนังสือแบบชิล ชิล หลังจากเดินช้อปจนจุใจ และยังมีบริการนวดแผนไทย โดยการสนับสนุนจากกรมการแพทย์แผนไทย รวมทั้งยังมีไปรษณีย์ไทย มาเปิดให้บริการจัดส่งสินค้าให้ในราคาพิเศษอีกด้วย 

ภายในงานแบ่งออกเป็น 7 โซน ประกอบด้วย 1. โซนหนังสือนิยายและวรรณกรรม 2.โซนหนังสือการ์ตูนและวัยรุ่น (Book Wonderland)  3.หนังสือเด็กและการศึกษา 4. หนังสือทั่วไป  5. หนังสือเก่า 6.โซนหนังสือต่างประเทศ และ 7. โซน Non – Book รวมหนังสือมากกว่า 2 ล้านเล่ม จาก 400 สำนักพิมพ์และร้านหนังสือชั้นนำรวม 1,200 บูธ พร้อมพื้นที่พิเศษ PUBAT Creative Zone 

นายสุวิช กล่าวอีกว่า อีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลท์คือ Bangkok Rights Fair 2025 งานจับคู่ธุรกิจเพื่อการซื้อขายลิขสิทธิ์หนังสือนานาชาติ ซึ่งจัดเป็นครั้งที่ 2 โดยการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) และกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ระหว่างวันที่ 28-29 มีนาคม 2568 ณ ห้อง MR208 ชั้น 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีสำนักพิมพ์และตัวแทนลิขสิทธิ์เข้าร่วมกว่า 115 บริษัท จาก 14 ประเทศและเขตแดน อาทิ สหราชอาณาจักร จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลี ไต้หวัน พม่า ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย ภายในงานตั้งเป้าหมายที่จะเจรจาการค้า (Business Matching) มากกว่า 200 คู่ คาดว่าจะมีมูลค่าการซื้อขายลิขสิทธิ์เกิดขึ้นกว่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 68.5 ล้านบาท 

ด้าน "ลีซอ" ธีรเทพ วิโนทัย อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย เปิดเผยว่า ส่วนตัวก็ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับการทำธุรกิจ เพราะต้องการที่ศึกษาจากคำแนะนำวิธีการทำธุรกิจต่างๆ โดยชอบอ่านหนังสือชื่อว่า “มั่งคั่งทั้งชีวิต Money Mastery” ของ พี่พอล-ภัทรพล ศิลปาจารย์ ซึ่งได้สอนเรื่องการเก็บออมเงินในการใช้ชีวิตที่มีประโยชน์ต่อตัวเอง และทุกๆ คน สำหรับหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่ชื่นชอบมากคือ หนังสือ "โชคดีที่มึงได้อ่าน" ของ "น้าเน็ก" เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา เพราะส่วนตัวชื่นชมน้าเน็กอยู่แล้ว ที่นำเรื่องราวมาถ่ายทอดผ่านการเขียนหนังสือ เพื่อให้ข้อคิดสอนคนได้เข้าใจง่าย และมีภาษาสละสลวย จนทำให้ตนเองรู้สึกทึ่ง และชอบหนังสือเล่มนี้มาก

"ลีซอ" กล่าวเชิญชวนทุกคนมางานสัปดาห์หนังสือครั้งนี้ว่า แม้ว่าปัจจุบันโซเชียลมีเดียจะเข้าถึงได้ง่าย แต่การอ่านหนังสือยังคงมีความสำคัญ และยังคงเสน่ห์ด้วยภาษาของการเขียนหนังสือที่สามารถเปิดโลกของเราได้ ขณะเดียวกันการอ่านหนังสือยังช่วยสร้างสมาธิให้กับเรา ดังนั้นหนังสือจึงเป็นสิ่งที่มีให้ประโยชน์กับผู้อ่านทุกๆ คนได้ จึงอยากเชิญชวนทุกๆ คนให้มาร่วมงานงานสัปดาห์หนังสือครั้งนี้กันเยอะๆ ซึ่งเราจะได้เจอกับหนังสือมากมาย และจะทำให้เราเปิดโลกได้มากยิ่งขึ้น

ห้ามพลาด! งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 7 เมษายน 2568 ตั้งแต่เวลา เวลา 10.00-21.00 น. ณ ฮอลล์ 5-8 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 1.3 ล้านคน มียอดขายกว่า 420 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5-10% 

กุมภานี้หัวใจพองโต! สนุกครบรสกับอิเวนต์หลากสไตล์ที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์                       

ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชวนคุณมาสร้างความทรงจำสุดพิเศษกับ 4 งานอิเวนต์ที่จะทำให้เดือนกุมภาพันธ์นี้ เป็นช่วงเวลาแห่งการค้นพบประสบการณ์ใหม่ ๆ แบบครบรสในทุกความรัก

Thailand Baby & Kids Best Buy 2025 (6-9 กุมภาพันธ์ 2568)
เริ่มต้นเดือนกับคนรักลูกรักครอบครัว กับงานมหกรรมสินค้าแม่และเด็กที่ใหญ่ที่สุดแห่งปี รวมสินค้าคุณภาพจากแบรนด์ชั้นนำ พร้อมโปรโมชันพิเศษ ของเล่นเสริมพัฒนาการเวิร์กชอปให้ความรู้สำหรับคุณพ่อคุณแม่ และกิจกรรมสำหรับครอบครัว 

Study in India Expo 2025 (8-9 กุมภาพันธ์ 2568)                  
สำหรับคนรักเรียน งานแนะแนวศึกษาต่ออินเดีย ที่เปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครองได้พูดคุยโดยตรงกับตัวแทนมหาวิทยาลัยชั้นนำ รวบรวมข้อมูลหลักสูตรอินเตอร์ ทุนการศึกษา และโอกาสทางอาชีพ พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในอินเดีย 

FTI EXPO 2025 (12-15 กุมภาพันธ์ 2568)
ใครรักเทคโนโลยี ห้ามพลาดนวัตกรรม และโซลูชันอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย งานแสดงเทคโนโลยีที่รวบรวมเทรนด์อุตสาหกรรม พร้อมโอกาสสำคัญในการขยายพันธมิตรทางธุรกิจ และเทคโนโลยีที่พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต   

Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 71 (22-26 กุมภาพันธ์ 2568)
ปิดท้ายเดือนสำหรับคนรักสวยรักงาม ด้วยมหกรรมอัญมณี และเครื่องประดับระดับนานาชาติที่รวมสุดยอดผลงานจากแบรนด์ไทย และต่างประเทศกว่า 1,100 บริษัท กว่า 2,600 บูท และห้ามพลาดไฮไลท์สำคัญในการที่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา ได้พระราชทานพระอนุญาตให้นำผลงานทรงออกแบบเครื่องประดับ และสร้างสรรค์โดยช่างฝีมือชั้นสูงของไทย ภายใต้คอลเล็กชัน “Amour Éternel Haute Joaillerie” มาจัดแสดงนิทรรศการพิเศษในงานนี้

นอกจากนั้นที่โซนรีเทลของศูนย์ฯ สิริกิติ์ ยังมีร้านอาหาร ของหวาน และเครื่องดื่มมากมาย สำหรับคนรักการกิน มีร้านสปา ร้านกีฬา สำหรับคนรักการออกกำลังกาย มีร้านหนังสือสำหรับคนรักการอ่าน และที่สำคัญมีมุมถ่ายรูปสวยๆให้มาเช็กอินสำหรับคนรักการทำคอนเทนต์ลงโซเชียล มาเติมแรงบันดาลใจตลอดเดือนแห่งความรักนี้ที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์กันเถอะ! 
 

จับมือร่วมเปลี่ยนโลก "Sustainability Expo 2023" 29 ก.ย. – 8 ต.ค. 66 นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 จากการผสานความร่วมมือจาก 5 องค์กรธุรกิจชั้นนำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับสากล ได้แก่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC, บริษัท เอสซีจี จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

"พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก" (Sufficiency for Sustainability) คือหัวใจหลักของการจัดงาน Sustainability Expo 2023 จากการน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จะสืบสาน รักษา และ ต่อยอด เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy – SEP) ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางในการจัดงานด้านความยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ผนวกกับหลักเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของชาติ (UNSDGs) มาสู่การปฏิบัติจริงให้เกิดเป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือ โดยมีเป้าหมายแห่งการปฏิบัติและเปลี่ยนแปลงร่วมกัน ภายใต้แนวคิด "Good Balance, Better World สมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่า"

การผนึกกำลังกันพัฒนาแพลตฟอร์มสู่มหกรรมด้านความยั่งยืนระดับภูมิภาค ภายใต้ชื่อ SX 2023 เป็นแพลตฟอร์มที่นำเสนอโมเดลธุรกิจที่เรียกว่า B2C2B (Business-to-Consumer-to-Business) ซึ่งยึดผู้บริโภคเป็นแกนกลางในการดำเนินการเพื่อความยั่งยืน โดยเชื่อมโยงระหว่างองค์กรธุรกิจกับผู้บริโภค และผู้บริโภคจะเชื่อมโยงกลับสู่ภาคธุรกิจ

ภายในงาน SX2023 ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายด้าน ความรู้ โครงการต่าง ๆ แนวคิดที่น่าสนใจ รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อช่วยให้องค์กรและประชาชนทั่วไปได้ร่วมกันสร้างความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ตลอดจนกิจกรรม เวิร์คช็อปที่ส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน การบรรยายและให้ความรู้โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญกว่า 300 รายทั่วโลก เครือข่ายธุรกิจยั่งยืนจากบริษัท และองค์กรชั้นนำของไทยและต่างประเทศกว่า 500 แห่ง

รายละเอียดโซนต่างๆ ในงาน SX2022 แบ่งเป็น 8 โซนหลักและ 2 โซนพิเศษ ได้แก่

1. โซน SEP หัวใจของความยั่งยืน ตามหาความหมายที่แท้จริงของ SEP (SX Prologue)

เปิดมิติคู่ขนาน ระหว่างโลกไร้สมดุล กับ โลกแห่งสมดุลที่ดี ในรูปแบบ Immersive multi media ที่ผสานความร่วมมือ นำเสนอผลงาน Collaboration จาก ศิลปิน BAB ศิลปิน BAB 2018 สนิทัศน์ ประดิษฐ์ทัศนีย์ (บีน) ผู้ใกล้ชิดและเข้าใจธรรมชาติ ผนวกกลุ่มสร้างแสงและเสียงร่วมสมัย ร่วมกับภาพมหัศจรรย์บนพื้นโลก จาก NAT GEO นิทรรศการที่จะนำทางไปค้นหาคำตอบที่แท้จริงของการสร้างสมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีขึ้น นั่นก็คือ SEP ที่ถ่ายทอดผ่านแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งถือเป็นหัวใจของงาน สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญความเกี่ยวเนื่องระหว่างองค์ประกอบและนโยบายต่าง ๆ ด้านความยั่งยืน ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ เพื่อให้ผู้เข้าชมงานสามารถนำไปปรับใช้และสร้างความยั่งยืนในประเทศไทย ข้อมูลและกิจกรรมในโซนนี้จะเป็นการกระตุ้นความคิด พร้อม ๆ กับสร้างแรงบันดาลใจ ชวนให้บุคคลและองค์กรต่าง ๆ ได้ร่วมกันหาทางออกที่จะสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยองค์รวมทั่วโลก อันจะนำมาซึ่งความสมดุลในการใช้ชีวิตของบุคคล การดำเนินงานขององค์กร และของโลก

 

2. โซน Better Me

โซน Better Me เน้นย้ำให้ตระหนักรู้ว่าทุกสิ่งที่จะดีขึ้นได้..เริ่มที่ตัวเรา ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ และการปรับมุมคิดในการใช้ชีวิตต่างวัยที่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข โดยมีโซน Good Health & Well Being indoor Park ภายใต้กรอบคิดว่า “เราทุกคนสามารถกอบกู้โลกได้” พร้อมทั้งอัพเดทเทรนด์สุขภาพ และสุดยอดนวัตกรรมทางการแพทย์ในรูปแบบของ Application และ AI ที่ดีต่อเรา ดีต่อโลกในหลากหลายมิติที่สายรักสุขภาพไม่ควรพลาด พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม สู่แนวทางการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้จริง ใน 3 มิติ ได้แก่

1. สุขภาพกายเราดี สุขภาพโลกของเราดี (Healthy Life Healthy Earth) – พบกับนวัตกรรมการผลิตอาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืนและรักษาโลก เช็คความแข็งแรงของกายใจ.. ด้วยกิจกรรมที่จัดเต็มให้คนทุกเพศ ทุกวัยได้ท้าทายทั้งความสามารถและการสำรวจตนเอง โดยเฉพาะโรคที่ฮิตติดเทรนด์คนทำงาน ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างไม่รู้ตัวอย่างโรคซึมเศร้า และออฟฟิศซินโดรม รวมถึงเทคโนโลยีการคัดกรองมะเร็งด้วยหุ่นยนต์ดินสอ

2. สังคมสูงวัย อยู่อย่างไรให้เป็นสุข (Aging Society) – การวางแผนก่อนเกษียณ รวมทั้งการใช้ชีวิตอย่างมีสุขร่วมกันในสังคมต่างวัย พบกับกิจกรรมจำลองสถาณการณ์การเป็นผู้สูงอายุเพื่อเข้าใจและรู้จักการดูแลผู้สูงวัยอย่างถูกวิธี

3. การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life Long Learning) – นำเสนอโครงการและแนวคิดที่น่าสนใจที่ส่งเสริมการพัฒนาเยาวชน คนรุ่นใหม่ ตลอดจนการส่งเสริมแนวคิดด้านธุรกิจเพื่อสังคมสำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่ ที่มีต้นแบบเพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้นำไปปรับใช้ในแผนของตนเอง

3. โซน Better Living

โซน Better Living นำเสนอกิจกรรมและโครงการที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือขององค์กรชั้นนำขนาดใหญ่ที่ดำเนินการเพื่อส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม และสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และการยกระดับคุณภาพชีวิตที่เกิดจากการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการนำแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปใช้ตลอดกระบวนการผลิต ห่วงโซ่มูลค่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์หรือ Net Zero ผ่านการนำเสนอ ในแง่มุมที่น่าสนใจและใกล้ตัว ในรูปแบบ Sustainable Living 24/7 Lifestyle ภายใต้ 4 แกนหลัก ได้แก่

1. การดูแลน้ำ (Water Stewardship) – แนวทางในการดูแลบริหารจัดการน้ำ อันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเติบโตด้านเศรษฐกิจ

2. การลดคาร์บอน (Decarbonization) – หลากหลายมิติที่จะช่วยลดคาร์บอนพลังงานทางเลือกจากธรรมชาติที่หลากหลาย

3. ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) – สะท้อนผลลัพธ์ของความยั่งยืนผ่านความหลากหลายทางชีวภาพที่เกิดขึ้นจากนโยบายความยั่งยืนของหลายหน่วยงาน องค์กรชั้นนำ

4. การจัดการของเสีย (Waste Management) – ขยะทุกชิ้นมีที่ไป พบนวัตกรรมการบริหารจัดการขยะ ที่สามารถเพิ่มมูลค่า และแปรเปลี่ยนให้เป็นประโยชน์ ในมิติต่าง ๆ รวมถึงมุมจัดแสดงเพื่อการเรียนรู้เรื่องการจัดการและวงจรที่ควรจะเป็นของบรรจุภัณฑ์ เคล็ดลับการใช้ชีวิตแบบ ECO-Living สะท้อนมุมมองในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเราเพื่อสิ่งแวดล้อม

 

4. โซน Better Community

โซน Better Community เล่าเรื่องราวของสังคมที่รวมทุกคนไว้เป็นส่วนหนึ่ง ในการช่วยเหลือกันและกัน เพื่อสร้างความเท่าเทียม การเชื่อมโยงคน เชื่อมโยงเครือข่ายที่ทำหน้าที่สร้าง “ความปกติสุข” ในสังคมที่มีความหลากหลาย ผ่านมุมมองด้านต่างๆ อาทิ ที่อยู่อาศัยเพื่อคนด้อยโอกาส พื้นที่สีเขียวในเมืองที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อความเป็นอยู่ของทั้งคน การปรับเมืองเพื่อการใช้ชีวิตของคนและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ การแก้ปัญหาคนไร้สัญชาติ การเปิดตลาดงานเพื่อตอบความต้องการที่แท้จริงของแต่ละบุคคล รวมถึงการนำเสนอแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตของแต่ละคน โดยเฉพาะความรับผิดชอบต่อสังคม ที่จะต้องมีการรวมตัวกัน การสืบสาน รักษา ต่อยอด มรดกทางวัฒนธรรม ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงต้นแบบของการพัฒนาชุมชนให้เกิดความยั่งยืน ทั้งชุมชน เมือง และภูมิภาค

5. โซน Better World

โซน Better World พบกับ SX Landmark และ Arts Exhibition ซึ่งรวบรวมงานศิลป์สะท้อนมุมมองความยั่งยืนในหลากหลายรูปแบบ อาทิ Nat Geo สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย และผลงานนานาชาติ 10 ประเทศ ASEAN ที่ยังไม่เคยจัดแสดงที่ใด จากโครงการ ASEAN SX PHOTO CONTEST และโครงการ Trash to Treasure เปลี่ยนขยะเป็นงานศิลป์ทรงคุณค่า พร้อมทั้งกิจกรรมต่าง ๆ ที่สามารถมาร่วมแชร์ช่วงเวลาดีดีร่วมกัน

 

6. โซน Food Festival

เทศกาลอาหารเพื่อโลกจากเชฟชื่อดัง พบกับธีม Thai Street Food Museum ที่จำลองจุด landmark ชื่อดังร่วมสมัยในกรุงเทพฯ เมืองเก่าภูเก็ต และหัวเมืองสำคัญของไทยมาไว้ในหนึ่งเดียว พร้อมเสิร์ฟอาหารเลิศรสที่ดีต่อคุณ ดีต่อไทย ดีต่อโลก กับแนว Zero-Waste Cooking เรียนรู้การจัดการขยะอาหารเพื่อความยั่งยืนแบบเต็มรูปแบบ

 

7. โซน SX Marketplace

โซน SX Marketplace รวบรวมร้านค้าจากดีไซเนอร์รักษ์โลก สินค้านวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม ต้นไม้สวย Garden and Farm สินค้าตกแต่งบ้านและสินค้าชุมชนกว่า 200 ร้านค้า ช็อปสินค้างานคราฟโดนใจเพื่อชุมชนและสังคม เรียนรู้เกี่ยวกับกิจกรรมผึ้งชันโรง ผึ้งจิ๋วคุณประโยชน์แจ๋ว และเวทีแชร์มุมมองทางธุรกิจการค้าขาย พลาดไม่ได้กับมุมพักผ่อนพร้อมจิบกาแฟจากร้าน HARVKIND คาเฟ่ในโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์แนวคิดยั่งยืน

 

8. โซน SX Kids Zone

SX Kids Zone ได้เปิดพื้นที่แห่งการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ผสมผสาน ทั้ง Digital Experience และ Environmental พบกับสวนสนุกนอกห้องเรียน ที่สามารถสร้างจินตนาการ และเสริมทักษะให้แก่เด็ก ๆ ได้ กับกิจกรรมไฮไลท์มากมาย

Chess Kid Club เสริมทักษะและวิธีคิด กับ กิจกรรมหมากรุก

ไขความลับแมลงตัวจิ๋ว (Bug Wonder)

ศึกษาธรรมชาติรอบตัว (Magic of Nature)

การเดินทางของอาหาร (Fight Food Waste)

ผู้พิทักษ์ขยะ (Recycle Station/เก็บ กลับ รีไซเคิล)

โซนพิเศษ rePartmentStore

จุดเรียนรู้การแยกขยะ และจุดดรอปพอยท์ มาแลกเปลี่ยนของนอกสายตา..ที่อาจมีค่ากับคนอื่นอีกมาก มัดรวมของของคุณ ที่อยากมาแบ่งปัน แล้วมาส่งต่อเปลี่ยนโลกได้ ที่ชั้น G, LG และ อาคารพิพิธภัณฑ์สวนป่าเบญจกิติ (โรงงานผลิตยาสูบ 5) สวนเบญจกิติ ภายใต้แนวคิด รวมให้ รวมแบ่งปัน ซึ่งของเหล่านั้นสามารถ Reduce Re-Use และ Recycle เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีและสังคมไร้ขยะที่ยั่งยืน

โซนพิศษ Park & Nature walk activities

ส่งท้าย เสาร์ อาทิตย์ สุดท้ายของงานกับกิจกรรมฮีลใจ ฮีลกาย ในสวนป่า กับกิจกรรมที่เชื่อมต่อจากลานกิจกรรม SX Kids Zone ที่หลังจากที่เด็ก ๆ และผู้ปกครอง ได้เรียนรู้เรื่องความยั่งยืน จากแหล่งธรรมชาติและแมลงแล้ว ก็สามารถมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ในสวนป่าพื้นที่ขนาดใหญ่ นอกจากจะสานต่อจินตนาการแล้ว ยังช่วยฟื้นฟูจิตใจพ่อแม่ ผู้ปกครอง ให้ทำกิจกรรมไปพร้อม ๆ กัน