ทีทีบี ร่วมกับ ศุภาลัย เปิดระบบ D.E.A.L. แพลตฟอร์มสินเชื่อดิจิทัลครบวงจร จัดโปร ดบ.คงที่ 3 ปีแรก 2.75% ต่อปี

นายอธิศ วงศ์ศศิธร (ขวา) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าผลิตภัณฑ์สินเชื่อมีหลักประกัน ทีเอ็มบีธนชาต และ นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ร่วมเปิดตัว ระบบ D.E.A.L. (Digital Easy Application for Loan) ที่ศุภาลัยพัฒนาขึ้น เพี่อยกระดับกระบวนการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร ซึ่งถือว่าเป็นแพลตฟอร์มสินเชื่อดิจิทัลที่ครบ จบในที่เดียว ตั้งแต่การประเมินความพร้อม เปรียบเทียบข้อเสนอ และเงื่อนไขสินเชื่อที่ตอบโจทย์ความสามารถในการผ่อนชำระ พร้อมติดตามผลอนุมัติ ช่วยให้กระบวนการยื่นกู้ขอสินเชื่อบ้านและคอนโดมิเนียมของลูกค้าศุภาลัยเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมั่นใจได้ในทุกขั้นตอน พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษ สำหรับลูกค้าศุภาลัยที่กู้สินเชื่อบ้านกับทีทีบี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก 2.75% ต่อปี สามารถเลือกผ่อนชำระได้นานสูงสุด 35 ปี พร้อมช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายกับ สิทธิ์ฟรี! ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยตลอดอายุสัญญา

ทีทีบี ยังคงเดินหน้ามอบบริการและประสบการณ์ที่ดีที่ช่วยให้คนไทยเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อมีบ้านเป็นของตัวเอง พร้อมหนุนให้กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว และยังคงเดินหน้าพัฒนาโซลูชันการเงินด้านที่อยู่อาศัยอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้าน ทั้งวันนี้และอนาคต

สนใจดูรายละเอียดโครงการของศุภาลัยได้ที่ www.supalai.com หรือติดต่อเจ้าหน้าที่สินเชื่อบ้านทีทีบีประจำโครงการ หรือกรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/personal/loans/home-loan/home-loan

กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว : อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 4.75% - 4.95% ต่อปี • สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR-1.680% ต่อปี • อัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 15 ส.ค. 2568 = 7.305% ต่อปี • อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ • เงื่อนไขการสมัครและอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกําหนด • รายละเอียดการคำนวณเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์ www.ttbbank.com

CPAC ร่วมกับ SUPALAI ขึ้นแท่น No.1 ผู้นำนวัตกรรมก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมด้วยคอนกรีตกำลังอัดสูง CPAC แข็งแรง-ทนทาน ลดคาร์บอนสูงสุด                                           

CPAC จับมือพันธมิตรธุรกิจ SUPALAI ผสานแนวคิดขับเคลื่อนการก่อสร้างยุคใหม่ เลือก “CPAC High Strength Concrete” นวัตกรรมคอนกรีตกำลังอัดสูง ช่วยเติมเต็มประสิทธิภาพการทำงาน ตอบโจทย์ความต้องการด้านความแข็งแรง ทนทาน ลดวัสดุเหลือทิ้ง เข้ามาใช้ในโครงการคอนโดมิเนียมของศุภาลัย รวมกว่า 18 โครงการ ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้าง แต่ยังยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้อยู่อาศัยครอบคลุมทุกมิติ และสร้างการมีส่วนร่วมรักษ์โลกควบคู่ไปด้วย สะท้อนการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนที่คำนึงถึงความยั่งยืน อีกทั้งสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) ได้ถึง 8,035,3219 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือคิดเป็นการปลูกต้นไม้ 845,812 ต้น นับเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืนทั้งในมิติของสังคมและสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันที่ 13 ม.ค.68 นายสุรชัย นิ่มละออ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมก่อสร้างนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งที่จะทำอย่างไรให้ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานนั้นกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด เพื่อช่วยทั้งสังคมและโลก CPAC จึงไม่หยุดที่จะพัฒนาสินค้า Green Product ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ และตอกย้ำแนวคิดการก่อสร้างสีเขียว Green Construction ด้วยเป้าหมายที่จะยกระดับมาตรฐานงานก่อสร้างของประเทศให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการก่อสร้างเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน

“CPAC High Strength Concrete หรือ คอนกรีตกำลังอัดสูงซีแพค ได้รับการพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างและลดปริมาณการใช้วัสดุในการก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติการรับแรงอัดสูงทำให้โครงสร้างมีความแข็งแรง ทนทาน ในขณะเดียวกันยังช่วยลดการใช้คอนกรีต           ในปริมาณที่น้อยลง ส่งผลโดยตรงในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) จากกระบวนการผลิตคอนกรีต โดยบริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมมือกับ SUPALAI ในการผลักดันเลือกใช้คอนกรีตที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งการใช้ ‘CPAC High Strength Concrete’ ไม่เพียงช่วยลดการปล่อย
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพการก่อสร้าง สอดคล้องกับเป้าหมายในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนของทั้ง 2 บริษัท"

นายกิตติพงษ์ ศิริลักษณ์ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืนด้วยการสร้างนวัตกรรมที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้แนวคิด Real Life Living ที่เดินหน้าสร้างสรรค์พื้นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ทุกมิติของการใช้ชีวิต นอกจากนี้บริษัทฯ ยังร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำ ริเริ่มสร้างสรรค์นวัตกรรมในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย โดยมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ร่วมกัน เพื่อศึกษาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพสูง และสามารถนำไปใช้ต่อยอดในอุตสาหกรรมการก่อสร้างได้จริง

ทั้งนี้ล่าสุด SUPALAI ผนึกกำลัง CPAC ในธุรกิจซิเมนต์ เครือซิเมนต์ไทย หรือ SCG ต่อการให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงเลือกใช้ CPAC High Strength Concrete หรือ คอนกรีตกำลังอัดสูง CPAC ในการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 18 โครงการ อาทิ ศุภาลัย ไอคอน สาทร, ศุภาลัย ปาร์ค เอกมัย พัฒนาการ, ศุภาลัย เซนส์ ศรีนครินทร์, ศุภาลัย บลูเวล หัวหิน,ศุภาลัย ปาร์ค สถานีแยกไฟฉาย และศุภาลัย เวอเรนด้า สุขุมวิท 117 นอกจากคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและทนทานให้กับโครงสร้างแล้ว นวัตกรรมที่ทั้ง 2 บริษัทร่วมกันพัฒนาขึ้นนี้ยังช่วยลดการใช้คอนกรีตในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งมีส่วนสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 8,035,3219 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือคิดเป็นการปลูกต้นไม้ 845,812 ต้น ลดผลกระทบต่อสภาพอากาศโดยรวม ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าโครงการคอนโดมิเนียมทั้ง 18 โครงการของบริษัทฯ ไม่เพียงแต่เป็นโครงการคุณภาพสูงที่ได้รับการออกแบบเพื่อความปลอดภัยและคุณภาพที่ยั่งยืน แต่ยังใส่ใจต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยในทุกมิติ อีกทั้งยังมีส่วนร่วมในการรักษาสมดุลของธรรมชาติ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมส่งต่อโลกและสังคมที่น่าอยู่ให้คนรุ่นต่อไปอย่างแท้จริง

สำหรับ CPAC High Strength Concrete (คอนกรีตกำลังอัดสูงซีแพค) ถูกวิจัยและพัฒนาขึ้นให้มีความแข็งแกร่ง สามารถรับน้ำหนักงานโครงสร้างขนาดใหญ่ได้ เนื้อคอนกรีตมีความเรียบเนียนสม่ำเสมอ ด้วยประสิทธิภาพของคอนกรีตทำให้ลูกค้าได้ประโยชน์จากการใช้งานแบ่งออกเป็น 2 ด้าน ได้แก่

1.Speed เนื่องจากการพัฒนากำลังอัดของคอนกรีตช่วงต้นที่รวดเร็ว จึงช่วยทำให้งานก่อสร้างเสร็จไวยิ่งขึ้น

2.Environment การใช้ปูนสูตรไฮบริดสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(Co2) ที่จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

“ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง CPAC และ SUPALAI ในการเดินหน้าอย่างชัดเจนเพื่อขับเคลื่อนวงการอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรมด้วยนวัตกรรมสีเขียวพร้อมมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero” นายสุรชัย กล่าว

หมายเหตุ : SUPALAI เป็นผู้มียอดใช้คอนกรีตกำลังอัดสูงซีเเพคเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย ตั้งเเต่ ปี 2019-2024

#CPAC #CPACHighStrengthConcrete #Netzero #SUPALAI #ศุภาลัย #คอนกรีตอัดกำลังสูง #Lowcarbon

ศุภาลัยผนึกทีโอเอ ปั้นนวัตกรรมที่อยู่อาศัยสีเขียว ผุดโปรเจกต์ยักษ์ ‘ฝ้ายิปซัม & สีรักษ์โลก’ เดินหน้าสู่องค์กร Zero Waste อย่างยั่งยืน

บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำเป้าหมายเพื่อความยั่งยืนขององค์กร ตามแนวคิด ESG มุ่งเน้นศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่อยู่อาศัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม จับมือพันธมิตรธุรกิจผู้นำนวัตกรรมสีและวัสดุก่อสร้าง บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ผุดโปรเจกต์ยักษ์ “ฝ้ายิปซัม รักษ์โลก” นำร่อง 2 โครงการคอนโดมิเนียม และเลือกใช้ “สีรักษ์โลก รุ่น Expert” สำหรับบ้านและคอนโดมิเนียมของศุภาลัย โดยทั้งปี 2566 ที่ผ่านมา ช่วยโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 332,179 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าชดเชยการปลูกต้นสักได้ถึง 19,313 ต้น ตั้งเป้าปี 67 เดินหน้าเพิ่ม 23 โครงการใหม่ ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อพิชิตการเป็นองค์กร Zero Waste

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้มีความยั่งยืน ตามแนวคิด ESG โดยมีส่วนร่วมใส่ใจดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่บริษัทเน้นย้ำมาโดยตลอดระยะเวลา 35 ปี โดยมีการตั้งเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40% ภายในปี 2573 จาก BAU (Business As Usual) พร้อมตระหนักถึงการคิดค้น หาวิธีการและนวัตกรรมที่จะมาช่วยชดเชยปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆที่เกิดจากกิจกรรมของธุรกิจอสังหาฯ

โดยหนึ่งในเรื่องที่ศุภาลัยเน้นย้ำและผลักดันมาตลอดคือ การคัดสรรวัสดุก่อสร้างจากพันธมิตรธุรกิจ ที่เน้นประหยัดพลังงาน  ลดความร้อน  ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการใช้น้ำ รวมถึงการบริหารจัดการขยะและวัสดุเหลือใช้ในงานก่อสร้าง (Waste Management) ให้เหลือน้อยที่สุดหรือเป็นศูนย์  ซึ่งสามารถนำเศษวัสดุก่อสร้างมาต่อยอดให้เกิดมูลค่าและประโยชน์สูงสุด โดยบริษัทฯ ได้มีการหารือ พูดคุยและร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจวัสดุก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยกันคิดค้นนวัตกรรมและพัฒนากระบวนการก่อสร้าง พร้อมการวางแผนจัดการที่ดีทั้งในโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมของศุภาลัย ปัจจุบันมีหลากหลายนวัตกรรม ที่ถูกพัฒนาต่อยอดจนเป็นโปรดักส์ใหม่ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานระดับสากล ถูกนำมาใช้ภายในโครงการที่อยู่อาศัยของศุภาลัย พร้อมการันตีคุณภาพการก่อสร้าง  สร้างความเชื่อมั่น  และส่งต่อแนวความคิดด้านสิ่งแวดล้อม สร้างการเรียนรู้ให้กับลูกบ้านศุภาลัยทุกคนได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน การอยู่อาศัยแบบรักษ์โลก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  พร้อมร่วมแบ่งปันนวัตกรรมที่ร่วมสร้างสรรค์กับพันธมิตรธุรกิจส่งต่อสู่สาธารณะ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนพันธกิจ Zero Waste ระดับประเทศ

นายกิตติพงษ์ ศิริลักษณ์ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ศุภาลัยมุ่งมั่นให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนในทุกมิติ พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม โดยหนึ่งในวิธีการ คือการพูดคุยอย่างจริงใจกับพันธมิตรธุรกิจ เสนอความคิดเห็นและความต้องการ  หาแนวร่วมเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่อยู่อาศัยสีเขียวร่วมกัน โดยการคิดค้น-ออกแบบวัสดุ และผลักดันแนวคิด Waste Management ในกระบวนการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะพันธมิตรที่สำคัญอย่างทีโอเอ ที่มีจุดมุ่งหมายร่วมกันจนทำให้เกิดโปรเจกต์ยักษ์ “ฝ้ายิปซัม รักษ์โลก” นำร่อง 2 โครงการคอนโดมิเนียม โดยการนำเศษฝ้าที่เหลือใช้จากงานก่อสร้างหน้างาน นำมาผ่านกระบวนการใหม่ที่ได้คุณภาพมาตรฐานดีเหมือนเดิม  และยังช่วยลดวัสดุเหลือใช้  นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งนวัตกรรม “สีรักษ์โลก รุ่น Expert” ที่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกจากการลดการใช้สีรองพื้น สำหรับโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมของศุภาลัย โดยทั้งสองนวัตกรรมดังกล่าว สามารถช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 332,179 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ชดเชยการปลูกต้นสักได้ถึง 19,313 ต้น ภายใน 1 ปี ลดการใช้น้ำได้ถึง 98,347 ลิตรต่อปี ตลอดจนยังมีการตั้งเป้าหมายใช้นวัตกรรมฝ้ายิปซัม รักษ์โลก อีก 23 โครงการใหม่ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม ภายในปี 2567  

ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการร่วมกันพัฒนานวัตกรรมสีรองพื้นและสีทับหน้ารูปแบบใหม่ Direct to Metal  ช่วยลดระยะเวลาในการทำงานสีรวมได้กว่า 10 ชั่วโมง จากรอบการทาและรอบรอสีแห้งที่ลดลง เมื่อเทียบกับสีรูปแบบเดิมโดยยังคงประสิทธิภาพสีเท่าเดิม นอกจากนี้ยังมีการพัฒนานวัตกรรมในการก่อสร้างที่ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจอีกมากมาย ร่วมกันสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยรักษ์โลก เพื่อรองรับการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคมตลอดไป

ด้าน นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับ ทีโอเอ ในฐานะผู้นำตลาดและภาคอุตสาหกรรมผู้ผลิตสีในประเทศไทยและอาเซียน โดยตลอดระยะเวลา 60 ปี เรามุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญในเรื่องสุขอนามัยของผู้บริโภคและใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง เราจึงเป็นผู้ผลิตสีรายแรกในประเทศไทย ที่ยกเลิกการใช้สารโลหะหนัก ปรอท ตะกั่ว ในสีทาอาคารได้สำเร็จ ตั้งแต่ปี 2520 รวมทั้งการไม่หยุดพัฒนา สร้างสรรค์นวัตกรรมสีที่ปลอดภัย ใส่ใจต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  พร้อมตั้งเป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่มุ่งพัฒนาสู่การเป็นองค์กรยั่งยืน (SDGs) ตามแนวทาง ESG ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล จึงได้ประกาศนโยบาย Green Mission เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2593 ตามโรดแมปอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้หนึ่งพันธกิจหลักที่เราทำอย่างต่อเนื่องคือ การร่วมมือกับพันธมิตรภาคธุรกิจที่มีแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อโลกอย่างยั่งยืน หรือ Green Partner ในการสร้างสรรค์ พัฒนานวัตกรรมสีเขียวที่ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการคิดค้นโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์คู่ค้าและผู้บริโภค ที่จะช่วยลดผลกระทบทางลบให้กับโลก ใส่ใจต่อสุขภาพของผู้ใช้งาน และยกระดับที่อยู่อาศัย เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับทุกคน (Better Health & Wellness)

ล่าสุดเราจึงได้จับมือกับพันธมิตรองค์กรสีเขียวอย่าง “ศุภาลัย” ที่มีนโยบายสู่การเป็นองค์กร Zero Waste เช่นเดียวกับเราที่ให้ความสำคัญเรื่องการบริหารจัดการของเสียให้เป็นศูนย์  เพื่อช่วยโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก  ผลักดันจนเกิดเป็นบิ๊กโปรเจกต์  “ฝ้ายิปซัม รักษ์โลก” ที่มีแนวคิดมาจากการพยายามลดเศษวัสดุฝ้าเหลือใช้ที่จะกลายเป็นของเสียในโครงการก่อสร้างต่างๆ แล้วนำมาผ่านกระบวนการรีไซเคิล เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ให้ได้มากที่สุด โดยได้เริ่มนำร่องไปแล้วกับ 2 โครงการคอนโดมิเนียม ‘ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ และซิตี้โฮม สนามบินน้ำ - รัตนาธิเบศร์’  ที่สามารถนำเศษวัสดุฝ้าจากหน้างานมาเข้ากระบวนการใหม่ได้ถึง 13.26% ทำให้ช่วยลดของเสียได้กว่า 10% และช่วยโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 2.50 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อตารางเมตร

นอกจากนี้ ศุภาลัยยังได้ใช้นวัตกรรม “สีรักษ์โลก รุ่น Expert” ซึ่งเป็นนวัตกรรมสีทับหน้ารวมรองพื้นไว้ในกระป๋องเดียว สามารถทาง่ายเพียง 2 เที่ยว ไม่ต้องทารองพื้น ช่วยประหยัดเวลา ลดขั้นตอนการทำงานให้กับผู้ใช้งาน ที่สำคัญยังช่วยประหยัดการใช้น้ำได้อย่างมาก อาทิ การทาสี รุ่น Expert ในพื้นที่บ้านเดี่ยว 150 ตร.ม. ที่มีพื้นที่ฝ้า 450 ตร.ม. จะช่วยประหยัดน้ำได้ถึง 78.70 ลิตรต่อหลัง และหากเทียบกับสีระบบเดิมที่ศุภาลัยใช้ จะช่วยลดการใช้น้ำได้ถึง 98,347 ลิตรต่อปี อีกทั้งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ทาสีรองพื้นได้ถึง 2,297 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

นี่จึงถือเป็นอีกหนึ่งพันธกิจของสองพันธมิตรผู้นำนวัตกรรมสีเขียวที่มีเป้าหมายเดียวกัน ในการคิดและลงมือทำร่วมกัน เพื่อช่วยโลกลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) อย่างยั่งยืน ศุภาลัย สร้างดี สร้างที่อยู่อาศัยสีเขียว ร่วมกับ TOA สู่การเป็นผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยชั้นนำ ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน พร้อมส่งมอบ “ที่อยู่อาศัยรักษ์โลก” ที่ได้คุณภาพมาตรฐานระดับสากลให้กับลูกบ้านศุภาลัยทั่วประเทศ สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.supalai.com หรือ Facebook : Supalai
 

#ศุภาลัย #ทีโอเอ #ข่าววันนี้ #สีรักษ์โลก

           


 

เอสซีจี ผนึก ศุภาลัย ร่วมฟื้นฟูทะเลไทย ผ่านโครงการ “รักษ์ทะเล” เปลี่ยนเศษคอนกรีตเหลือใช้มาสร้างบ้านปะการังด้วยนวัตกรรมจาก CPAC 3D Printing Solution 

“เอสซีจี” โดย บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด จับมือพันธมิตรธุรกิจ บมจ.ศุภาลัย ร่วมสนับสนุนคืนความอุดมสมบูรณ์แก่ท้องทะเลไทย ผ่านโครงการ “รักษ์ทะเล” ด้วยการนำเศษคอนกรีตเหลือใช้จากไซต์งานก่อสร้างผ่านกระบวนการย่อยและคัดแยก เพื่อนำมาเป็นส่วนผสมผลิตปูนซีเมนต์ และนำมาขึ้นรูปเป็น “บ้านปะการัง” ด้วยเทคโนโลยี CPAC 3D PrintingSolution เพื่อเตรียมไปวางใต้ท้องทะเลในพื้นที่เกาะล้าน จังหวัดชลบุรี ตอกย้ำความร่วมมือ และเป็นต้นแบบสร้างความมีส่วนร่วม และความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันจะนำไปสู่การฟื้นฟูท้องทะเลอย่างยั่งยืน 

นายณรงค์ศักดิ์ ตันติธนกิจ ผู้อำนวยการกิจการ ซีแพคภาคตะวันออก บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด  กล่าวว่า จากนโยบายของ “เอสซีจี ในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน คำนึงถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อม ดูแลสังคม และมีบรรษัทภิบาล ตามแนวทาง ESG 4 Plus ได้แก่ 1. มุ่ง Net Zero 2. Go Green 3. Lean เหลื่อมล้ำ 4. ย้ำร่วมมือ  และมีความเป็นธรรม โปร่งใสทุกการดำเนินการ โดยที่ผ่านมาโครงการ “รักษ์ทะเล” เป็นโครงการที่เอสซีจี มุ่งมั่นในการยกระดับพัฒนานวัตกรรมมาปรับใช้ นอกจากมาตรฐานการอยู่อาศัย ได้ต่อยอดการใช้นวัตกรรมจาก CPAC 3D Printing Solution มาใช้ในการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรของประเทศ อันเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ ให้ความเคารพต่อธรรมชาติและทุกชีวิตในท้องทะเลด้วยบ้านปะการัง ซึ่งนวัตกรรมบ้านปะการังนี้ เหมาะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปะการังและสัตว์น้ำ ผลิตจากปูนซีเมนต์รักษ์โลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ที่ช่วยในการฟื้นฟูทรัพยากรท้องทะเลไทยได้อย่างยั่งยืน  

โครงการ “รักษ์ทะเล” นับเป็นโครงการความร่วมมือที่มุ่งฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์กลับสู่ท้องทะเลไทย สร้างความมีส่วนร่วมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคสังคม และชุมชนคนรุ่นใหม่ โดยความร่วมมือในครั้งนี้จากทาง ศุภาลัย ที่ได้ร่วมสนับสนุนในโครงการ “รักษ์ทะเล” นับเป็นต้นแบบการสร้างความมีส่วนร่วมจากพันธมิตรทางธุรกิจ ในการร่วมสนับสนุนเป็นพลังขับเคลื่อนให้เกิดความร่วมมือกันในอนาคตและสามารถขยายผลอย่างเป็นรูปธรรมได้จริง อันจะก่อให้เกิดความยั่งยืนถึงคนรุ่นต่อๆ ไป 

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ศุภาลัยดำเนินการธุรกิจควบคู่กับยึดหลักธรรมาภิบาล ทั้งในด้านคุณธรรม ความโปร่งใส การมีส่วนร่วมและรับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งการคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ โดยในปีนี้ (2566) นอกจากบริษัทฯจะตั้งมั่นสร้างสรรค์โครงการที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วประเทศแล้ว ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้าง ‘บ้าน’ ให้กับปะการัง เพื่อคืนความสมบูรณ์และสมดุลของระบบนิเวศแนวปะการังและสัตว์น้ำใต้ท้องทะเลไทย จึงได้เข้าร่วมสนับสนุนโครงการ “รักษ์ทะเล” ซึ่งดำเนินการโดยมูลนิธิ Earth Agenda ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และพันธมิตรธุรกิจอย่าง SCG โดย CPAC Green Solution จากการนำเทคโนโลยี CPAC 3D Printing Solution มาขึ้นรูปเป็นวัสดุฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการัง เพื่อเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปะการังและสัตว์น้ำ โดย “ศุภาลัย” ได้นำเศษคอนกรีตรีไซเคิลในกระบวนการก่อสร้าง ซึ่งเกิดจากนำลูกปูนที่ใช้ในการทดสอบกำลังอัดคอนกรีต มาเป็นส่วนผสมทดแทนหินปูน ทำให้วัสดุฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการังที่ผลิตโดยเทคโนโลยี CPAC 3D Printing Solution นั้น มีรูปทรงที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติ แข็งแรง ทนทาน และทำมาจากปูนซีเมนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล ทำให้สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน 

ศ.สพ.ญ.ดร.นันทริกา ชันซื่อ ประธานมูลนิธิ Earth Agenda กล่าวว่า มูลนิธิมุ่งมั่นที่จะสร้างความตระหนักรู้ เพื่อฟื้นฟูการอนุรักษ์ธรรมชาติ พร้อมสร้างความมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน ตลอดจนเครือข่ายชุมชนในพื้นที่ เครือข่ายนักดำน้ำ และผู้มีจิตอนุรักษ์ ตลอดจนการพัฒนารูปแบบใหม่ๆ ในการช่วยชีวิตสัตว์ทะเลเช่น โครงการหญ้าทะเล โครงการจัดทำขาเต่าเทียม และโครงการล่าสุดกับโครงการ “รักษ์ทะเล” มูลนิธิเป็นตัวกลางในการเปิดขอรับการสนับสนุนระดมทุน เพื่อผลิตและจัดวางบ้านปะการัง “บ้านปะการัง” ด้วยเทคโนโลยี CPAC 3D PrintingSolution นับเป็นนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนโลกนี้ให้เป็นโลกที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโลกใต้ทะเล ซึ่งเป็นระบบนิเวศหลักและเป็นแหล่งกำเนิดของหลากหลายชีวิต สำหรับผู้ที่สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับโครงการ “รักษ์ทะเล” รวมพลังฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลด้วยบ้านปะการัง เพื่อให้ท้องทะเลไทยกลับมาสวยงามดังเดิม สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  www.lovethesea.net