ธปท.ดัน "คุณสู้ เราช่วย" เฟส 2 ขยายเวลาช่วยลูกหนี้รายย่อย–SMEs เพิ่มมาตรการใหม่ ช่วยฟื้นตัว-ปิดหนี้เร็วขึ้น

ธปท.ดัน "คุณสู้ เราช่วย" เฟส 2 ขยายเวลาช่วยลูกหนี้รายย่อย–SMEs เพิ่มมาตรการใหม่ ช่วยฟื้นตัว-ปิดหนี้เร็วขึ้น

วันที่ 1 ก.ค.68 ตามที่กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน (Non-Banks) บางแห่ง ออกมาตรการชั่วคราวเพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและลูกหนี้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เฉพาะกลุ่ม ภายใต้โครงการ "คุณสู้ เราช่วย" (โครงการฯ) นั้น

ตั้งแต่เริ่มเปิดโครงการฯ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 จนถึงล่าสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 มีลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ลงทะเบียนทั้งสิ้น 1.4 ล้านราย ครอบคลุม 1.9 ล้านบัญชี และจากการสำรวจข้อมูลการคัดกรองคุณสมบัติลูกหนี้ของสถาบันการเงิน ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2568 พบว่าลูกหนี้ที่ลงทะเบียนมีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการฯ ได้ มีจำนวน 6.3 แสนราย (คิดเป็นร้อยละ 32 ของลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งหมด 1.9 ล้านราย) เป็นยอดหนี้ 4.6 แสนล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 52 ของยอดหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งหมด 8.9 แสนล้านบาท) ทั้งนี้ สถาบันการเงินจะต้องเร่งติดต่อลูกหนี้เพื่อดำเนินการทำข้อตกลงในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เพื่อให้การช่วยเหลือลูกหนี้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดต่อไป

อย่างไรก็ตาม ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่มีปัญหาในการชำระหนี้ และพบว่าลูกหนี้ยังให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง แต่บางส่วนไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้เนื่องจากมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด กระทรวงการคลัง สศช. ธปท. ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ Non-bank ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ จึงเห็นควรขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ระยะที่ 1 (จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568) และให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม ภายใต้โครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ระยะที่ 2 ที่ยังคงยึดหลักการสำคัญเช่นเดียวกับโครงการฯ ระยะที่ 1 ได้แก่ การช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางที่มีโอกาสรอดให้สามารถฟื้นตัวกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ เมื่อรายได้ฟื้นตัวในระยะข้างหน้า หรือให้สามารถปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น โดยออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เฉพาะกลุ่มเป็นการชั่วคราว และมีแนวทางป้องกันมิให้ลูกหนี้เสียวินัยในการชำระหนี้ (moral hazard) ควบคู่ไปด้วย จึงยังคงการพิจารณาคุณสมบัติของลูกหนี้ไว้ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 เช่นเดียวกับโครงการฯ ระยะที่ 1

โครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ระยะที่ 2 ได้ปรับปรุงเงื่อนไขของมาตรการเดิม และมีมาตรการใหม่เพิ่มเติม เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางได้ครอบคลุมมากขึ้น สำหรับลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และผู้ประกอบธุรกิจ Non-bank ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ ดังนี้

มาตรการที่ 1 "จ่ายตรง คงทรัพย์" ขยายคุณสมบัติลูกหนี้ที่เข้ามาตรการให้ครอบคลุมถึง 1) ลูกหนี้ที่มีวันค้างชำระเกิน 365 วัน และ 2) ลูกหนี้ที่เคยมีประวัติค้างชำระน้อยกว่าที่กำหนดในระยะที่ 1 คือ เคยค้างชำระ 1 - 30 วัน และเคยปรับโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่วงเงินไม่สูงมาก ให้สามารถรักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทั้งบ้าน รถ และสถานประกอบการไว้ได้

มาตรการที่ 2 "จ่าย ปิด จบ" ขยายเพดานภาระหนี้ของลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่เป็นหนี้เสีย (สถานะ NPL) เพื่อให้ความช่วยเหลือเพิ่มขึ้น โดย 1) สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน (unsecured loan)  เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต ขยายเพดานภาระหนี้คงค้างเป็นไม่เกิน 10,000 บาทต่อบัญชี และ 2) สินเชื่อที่มีหลักประกัน (secured loan) ซึ่งได้มีการบังคับหลักประกันแล้ว และมีวงเงินสินเชื่อไม่เกินกว่าที่กำหนด (วงเงินสินเชื่อบ้าน หรือ สินเชื่อ SMEs ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อบัญชี สินเชื่อรถยนต์ไม่เกิน 800,000 บาทต่อบัญชี สินเชื่อรถจักรยานยนต์ไม่เกิน 50,000 บาทต่อบัญชี) ขยายเพดานภาระหนี้คงค้างเป็นไม่เกิน 30,000 บาทต่อบัญชี เพื่อให้ลูกหนี้เหล่านี้สามารถเปลี่ยนสถานะการเป็นหนี้ จาก "หนี้เสีย" เป็น "ปิดจบหนี้" และเริ่มต้นใหม่ได้เร็วขึ้น

มาตรการที่ 3 "จ่าย ตัด ต้น" ซึ่งเป็นมาตรการใหม่สำหรับหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน (unsecured loan) ที่มียอดหนี้คงค้างไม่เกิน 50,000 บาทต่อบัญชี และเป็นหนี้เสีย (สถานะ NPL) โดยการปรับโครงสร้างหนี้ให้มีเงื่อนไขการผ่อนชำระคืนเป็นงวด (term loan) และผ่อนชำระร้อยละ 2 ของเงินต้นคงค้าง เป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งค่างวดที่ชำระจะนำไปตัดเงินต้นทั้งจำนวน สำหรับดอกเบี้ยจะพักแขวนไว้ และจะได้รับยกเว้นดอกเบี้ยในระหว่างมาตรการหากลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดได้ ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้กับลูกหนี้ทั้งในปัจจุบันและระยะต่อไปได้

ลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมมาตรการภายใต้โครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 สามารถศึกษารายละเอียดและสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่ https://www.bot.or.th/khunsoo ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2568 หรือติดต่อสาขาของสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการฯ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call center ของสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการฯ หรือ BOT contact center ของ ธปท. โทร. 1213

#คุณสู้เราช่าย #แบงก์ชาติ #ธนาคาร #ลูกหนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

“โครงการคุณสู้ เราช่วย” เตรียมขยายเวลา-ปรับเกณฑ์ให้ลูกหนี้ค้างชำระ 1 วันเข้าร่วมได้

“โครงการคุณสู้ เราช่วย” เตรียมขยายเวลา-ปรับเกณฑ์ให้ลูกหนี้ค้างชำระ 1 วันเข้าร่วมได้

วันที่ 23 มิถุนายน 2568 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า มีแนวโน้มที่รัฐบาลจะพิจารณาขยายเวลาลงทะเบียน "โครงการคุณสู้ เราช่วย" ออกไปจากปัจจุบันที่โครงการจะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย.68 ส่วนจะขยายออกไปถึงเมื่อไรนั้น จะมีการชี้แจงในรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย และ SMEs ที่ยังต้องการความช่วยเหลือในการจัดการภาระหนี้สินในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวได้เต็มที่ นอกจากนี้ จะมีการปรับเกณฑ์และขยายเกณฑ์ของ "โครงการคุณสู้ เราช่วย" เพื่อให้ครอบคลุมความช่วยเหลือได้มากขึ้น โดยขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังเร่งสรุปรายละเอียดความเหมาะสมในมิติต่าง ๆ หลังจากนั้น จะนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ในเบื้องต้นจะมีการขยายเกณฑ์คุณสมบัติลูกหนี้ของมาตรการ "จ่ายตรง คงทรัพย์" จากเดิมที่ต้องค้างชำระเกิน 30 วันขึ้นไป โดยจะปรับเป็นลูกหนี้ที่เคยมีประวัติค้างชำระ 1 วันขึ้นไป และเคยปรับโครงสร้างหนี้ ให้สามารถเข้าร่วมมาตรการได้ เพื่อเป็นการขยายโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมมาตรการได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน จะมีการปรับเงื่อนไขมาตรการ "จ่าย ปิด จบ" จากเดิมที่ภาระหนี้เสียต้องไม่เกิน 5,000 บาท โดยจะปรับเป็น หนี้เสียแบบไม่มีหลักประกัน ภาระหนี้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อบัญชี และหนี้เสียแบบมีหลักประกัน ภาระหนี้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อบัญชี สามารถเข้าร่วมมาตรการนี้ได้

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ธปท. ได้เคยขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วม "โครงการคุณสู้ เราช่วย" ไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.68 จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 เม.ย.68 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด และมีความไม่แน่นอนสูง โดยยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่ต้องเผชิญกับปัญหาในการชำระหนี้ และพบว่าลูกหนี้ยังคงให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง

#เผ่าภูมิโรจนสกุล #คุณสู้เราช่วย #ลูกหนี้ #ข่าววันนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

"ออมสิน" ช่วยคนไทยเข้าถึงสินเชื่อสถาบันการเงินสำเร็จ คาดสิ้นปีทะลุ 1 ล้านราย เดินหน้าช่วยลูกหนี้กว่า 920,000 บัญชี

ออมสิน เผยผลสำเร็จช่วยคนไทยเข้าถึงสินเชื่อสถาบันการเงิน คาดถึงสิ้นปีตัวเลขทะลุ 1 ล้านราย พร้อมเดินหน้าช่วยลูกหนี้กว่า 920,000 บัญชี ขับเคลื่อนภารกิจช่วยเหลือสังคมตามข้อสั่งการรัฐบาล 

วันที่ 12 มิถุนายน 2568 นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยตัวเลขความก้าวหน้าบทบาทธนาคารเพื่อสังคม ในการสร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินในระบบสถาบันการเงินแก่คนไทยกลุ่ม Unserved – Underserved ที่ยังมีการพึ่งพาแหล่งเงินนอกระบบด้วยมีข้อจำกัดด้านประวัติการเงินส่วนบุคคล และการให้สินเชื่อช่วยเหลือด้านสภาพคล่องแก่กลุ่มเปราะบาง โดยคาดว่าภายในปี 2568 ธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ได้กว่า 1 ล้านรายตามเป้าหมาย รวมถึงความสำเร็จด้านการแก้หนี้ที่คาดว่าจะมีลูกหนี้ได้รับความช่วยเหลือผ่านมาตรการต่าง ๆ ที่ธนาคารริเริ่มดำเนินการ และที่เป็นมาตรการตามนโยบายรัฐบาล รวมแล้วเป็นจำนวนกว่า 920,000 บัญชีลูกหนี้  

สำหรับนวัตกรรมการเงินเพื่อสังคมของธนาคาร ที่ช่วยสร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินในระบบสถาบันการเงิน ประกอบด้วย 1) สินเชื่อสร้างเครดิตสร้างโอกาส สำหรับผู้ไม่มีประวัติเครดิตการเงิน อนุมัติแล้ว 150,000 ราย 2) สินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ อนุมัติแล้ว 240,000 ราย 3) สินเชื่อต้อนรับเปิดเทอม อนุมัติแล้ว 110,000 ราย รวมถึงการให้สินเชื่อแก่ลูกค้ารายย่อย/ฐานราก ได้แก่ สินเชื่อธนาคารประชาชน สินเชื่อฉุกเฉินเพื่อผู้ประสบภัยพิบัติ อนุมัติแล้ว 120,000 ราย รวมจำนวนผู้ได้รับสินเชื่อแล้วทั้งสิ้น 620,000 ราย (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2568) ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางได้ตามเป้าหมาย 1 ล้านราย ภายในปี 2568 นี้ 
ด้านภารกิจการแก้หนี้ช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ ผ่านหลากหลายโครงการ อาทิ โครงการคุณสู้ เราช่วย ซึ่งธนาคารเป็นผู้มีบทบาทหลักในการขับเคลื่อนตามนโยบายกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งเป้าช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย/SMEs ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางของสถาบันการเงินของรัฐ และลูกหนี้กลุ่ม Non-Bank โดยสามารถช่วยเหลือลูกหนี้แล้วกว่า 190,000 ราย จำนวน 300,000 บัญชีลูกหนี้ คิดเป็น 33% ของผู้ลงทะเบียนที่เป็นลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันทั้งระบบ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568)

นี้ยังมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ธนาคารดำเนินการต่อเนื่อง อาทิ การลดเงินงวด-ขยายระยะเวลาผ่อนชำระของลูกหนี้สถานะปกติ / การลดเงินงวด-ลดดอกเบี้ย-ขยายระยะเวลาผ่อนชำระของลูกหนี้สถานะ NPLs / การบรรเทาภาระหนี้แก่ผู้ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหว รวมช่วยเหลือบรรเทาภาระลูกหนี้แล้ว จำนวนกว่า 119,000 บัญชี ทั้งนี้ ธนาคารอยู่ระหว่างเตรียมการช่วยเหลือเพิ่มเติม โดยทำโครงการแก้หนี้ NPLs วงเงินต่ำกว่า 1 แสนบาท ประกอบด้วยการยกหนี้ให้ลูกหนี้สินเชื่อสู้ภัยโควิด และการปิดบัญชีตัดหนี้สูญ (Write Off) รวมจำนวนกว่า 500,000 บัญชี ภายในเดือนกรกฎาคม 2568 นี้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาและลดภาระหนี้แก่ลูกหนี้รวมทุกมาตรการได้กว่า 920,000 บัญชี 

ทั้งนี้ ธนาคารออมสินพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ตามข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อสร้างผลลัพธ์ขยายผลการสร้าง Social Impact ในวงกว้างและหลากหลายมิติทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม

*************************

เริ่มวันนี้! มาตรการ DC3 ช่วยลูกหนี้ ธอส. ผ่อนบ้านแค่ 1,000 บาทต่อเดือน เช็กขั้นตอนลงทะเบียนที่นี่

เริ่มวันนี้! มาตรการ DC3 ช่วยลูกหนี้ ธอส. ผ่อนบ้านแค่ 1,000 บาทต่อเดือน เช็กขั้นตอนลงทะเบียนที่นี่

วันที่ 4 มิถุนายน 2568 รัฐบาลโดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กระทรวงการคลัง เตรียมกรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC3) สำหรับลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปีให้กลับมามีความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวดได้ตามปกติ เพื่อรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเงินงวด นานสูงสุด 1 ปี โดยมีรายละเอียด ดังนี้

เดือนที่ 1 – 6 : คิดอัตราดอกเบี้ย 6 เดือนแรก 0% ต่อปี โดยผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาทต่อเดือน

เดือนที่ 7 - 9 : ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 1.90 % +100 บาท

เดือนที่ 10 -12 : ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 3.90 % +100 บาท กรณีลูกค้าชำระเกินที่ธนาคารกำหนดให้นำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี)

สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ และสนใจเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือ (DC3) สามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการผ่าน Application : GHB ALL BFRIEND และสาขาทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน – 31 ธันวาคม 2568 โดยแสดงหลักฐานการได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพ / ธุรกิจ / การค้า หรือจากสภาวะทางเศรษฐกิจ เพื่อประกอบการพิจารณา

นางสาวศศิกานต์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ธอส. มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ กลุ่มลูกค้า NPL อีกจำนวน 4 มาตรการ และยังดำเนินการตามนโยบายกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการเปิดขยายเวลาการเข้าร่วม “โครงการคุณสู้ เราช่วย” ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เพื่อช่วยลูกหนี้ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 5 ล้านบาท ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ค้างชำระหรือค้างชำระไม่เกิน 30 วัน แต่เคยมีประวัติการค้างชำระเกิน 30 วันก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 และได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ให้ได้รับความช่วยเหลือต่อเนื่อง และยังจัดทำมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา

“ทุกมาตรการที่ดำเนินการในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ลดภาระของประชาชน และเสริมสร้างความมั่นคงให้กับครัวเรือนไทย ทั้งนี้ ผู้สนใจโครงการนี้ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ โทร.0-2645-9000 หรือที่เฟซบุ๊กเพจธนาคารอาคารสงเคราะห์”

#ธอส #กลุ่มเปราะบาง #ลูกหนี้ #ข่าววันนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #คุณสู้เราช่วย

 

รัฐบาลออกมาตรการ “DC3” ช่วยลูกหนี้ ธอส.ผ่อนแค่ 1,000 บาทต่อเดือน นาน 6 เดือน เริ่ม 4 มิ.ย.68

รัฐบาลออกมาตรการ “DC3” ช่วยลูกหนี้ ธอส.ผ่อนแค่ 1,000 บาทต่อเดือน นาน 6 เดือน เริ่ม 4 มิ.ย.68

วันที่ 3 มิถุนายน 2568 นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กระทรวงการคลัง เตรียมกรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC3) สำหรับลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปีให้กลับมามีความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวดได้ตามปกติ เพื่อรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเงินงวด นานสูงสุด 1 ปี โดยมีรายละเอียด ดังนี้

เดือนที่ 1 – 6 : คิดอัตราดอกเบี้ย 6 เดือนแรก 0% ต่อปี โดยผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาทต่อเดือน

เดือนที่ 7 - 9 : ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 1.90 % +100 บาท

เดือนที่ 10 -12 : ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 3.90 % +100 บาท กรณีลูกค้าชำระเกินที่ธนาคารกำหนดให้นำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี)

สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ และสนใจเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือ (DC3) สามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการผ่าน Application : GHB ALL BFRIEND และสาขาทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน – 31 ธันวาคม 2568 โดยแสดงหลักฐานการได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพ / ธุรกิจ / การค้า หรือจากสภาวะทางเศรษฐกิจ เพื่อประกอบการพิจารณา

นางสาวศศิกานต์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ธอส. มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ กลุ่มลูกค้า NPL อีกจำนวน 4 มาตรการ และยังดำเนินการตามนโยบายกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการเปิดขยายเวลาการเข้าร่วม “โครงการคุณสู้ เราช่วย” ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เพื่อช่วยลูกหนี้ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 5 ล้านบาท ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ค้างชำระหรือค้างชำระไม่เกิน 30 วัน แต่เคยมีประวัติการค้างชำระเกิน 30 วันก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 และได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ให้ได้รับความช่วยเหลือต่อเนื่อง และยังจัดทำมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา

“ทุกมาตรการที่ดำเนินการในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ลดภาระของประชาชน และเสริมสร้างความมั่นคงให้กับครัวเรือนไทย ทั้งนี้ ผู้สนใจโครงการนี้ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ โทร.0-2645-9000 หรือที่เฟซบุ๊กเพจธนาคารอาคารสงเคราะห์”

#ธอส #กลุ่มเปราะบาง #ลูกหนี้ #ข่าววันนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #คุณสู้เราช่วย

 

ศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับแก๊งค์บังคับลูกหนี้ให้กลืนลูกปืน ลูกน้อง สจ.ดัง 3 คนในกว่า 10 คน

ศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับแกงค์บังคับลูกหนี้ให้กลืนลูกปืน ลูกน้อง สจ.ดัง ถึง 3 คน ในกว่า 10 คน

วันนี้ 27 พฤษภาคม 2568 ศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับลูกน้อง สจ.ดัง จังหวัดสงขลาแล้ว ซึ่งเป็นทีมทวงหนี้โหดบังคับลูกหนี้นายณัฐวุฒิ หรือ คราม อายุ 29 ปี ผู้เสียหายที่ติดหนี้พนันฟุตบอลออนไลน์ จำนวน 50,000 บาท แล้วไม่มีเงินจ่าย ถูกบังคับให้กินลูกปืน แถมหลอกว่าจะลดหนี้ให้ หลังกลืนลูกปืนเข้าไป หนี้ก็ไม่ลดแถมถูกรุมทำร้ายร่างกายอีก ต่อมาผู้เสียหายได้ไปร้องขอความเป็นธรรมจาก พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9 จนกระทั่ง พ.ต.อ.ศักดาฯ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ รอง ผบก.สส.ภ.9 และ พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ./หัวหน้าชุด ชปส.ภ.9 นำผู้เสียหายไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ได้รับแจ้งความเรียบร้อย จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน ไปขอให้ศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับนายสืบเศรษฐ นิลรัตน์ และ นายจักรพงษ์ เทพชุม และนายรพีพงศ์ หรือ อันร้อยแปด 

ซึ่งต่อมาศาลจังหวัดสงขลา ได้ออกหมายจับที่ จ.333/2568 ออกหมายจับนายสืบเศรษฐ ข้อหา ร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือ ทรัพย์สิน ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธ หรือ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป,เป็นซ่องโจร

 และศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับที่ จ.335/2568 ออกหมายจับนายจักรพงษ์ ศาลจังหวัดสงขลายังออกหมายจับที่ จ.334/2568 ออกหมายจับนายรพีพงศ์ ทั้ง 2 หมาย ข้อหาเดียวกับ นายสืบเศรษฐ หมายจับทั้ง 3 ฉบับ ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2568

และนายสืบเศรษฐ ยังมีหมายจับศาลจังหวัดสงขลาอีกคดี โดยศาลจังหวัดสงขลาได้ออกหมายจับนายสืบเศรษฐ หมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ จ.336/2568 ในข้อหา ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ ลงวันที่ 26 พ.ค.68  ทาง ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ จะได้เร่งทำเรื่องขออายัดตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ส่วนทางตำรวจชุดสืบตำรวจภูธร ภ.9 , ชุดสืบจังหวัดสงขลา และ ชุดสืบ สภ.หาดใหญ่ จะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามแกงค์บังคับให้กินลูกปืนที่เหลืออีก 10 กว่าคนมาดำเนินคดีด้วย

นอกจากนี้ยังเคยมีข่าวว่า สจ.คนดัง เคยไปทำร้ายร่างกาย ตำรวจ สภ.นาทวี ได้รับบาดเจ็บ ชื่อ จ่า เอี้ยง เมื่อประมาณปีเศษ แต่เรื่องก็เงียบหายไป มีรายงานข่าวว่า มีการเจรจาให้จบเรื่องไปแล้ว จึงไม่ตกเป็นคดี

ซึ่งตำรวจ ตชด.ที่ คูหาเลือกตั้ง ถูกทำร้ายร่างกายไม่ใช่เหยื่อเป็นตำรวจรายแรกที่ถูกกลุ่มนี้กระทำอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง

 

รีบเลย! ธอส.หั่นดอกเบี้ย-ลดเงินงวดสูงสุด 1 ปี ช่วยลูกค้ากลุ่ม SM เริ่มลงทะเบียน 4 มิ.ย.68

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ขานรับนโยบายนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมกรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC3) เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ให้กลับมามีความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวดได้ตามปกติ เพื่อรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเงินงวด นานสูงสุด 1 ปี ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการผ่าน Application : GHB ALL BFRIEND และสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน – 31 ธันวาคม 2568 

วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากการที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายให้สถาบันการเงินของรัฐ ช่วยเหลือภาคธุรกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2568 และมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้มีความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวด เพื่อรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป ดังนั้น ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” จึงขานรับนโยบายดังกล่าว โดยการช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ให้กับลูกค้าธนาคาร จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC3) สำหรับลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปีให้กลับมามีความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวดได้ตามปกติ เพื่อรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 

เดือนที่ 1 – 6   : คิดอัตราดอกเบี้ย 6 เดือนแรก 0% ต่อปี โดยผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาทต่อเดือน
เดือนที่ 7 - 9  : ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 1.90 % +100 บาท 
เดือนที่ 10 -12  : ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 3.90 % +100 บาท 
กรณีลูกค้าชำระเกินที่ธนาคารกำหนดให้นำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี) 

“การจัดทำมาตรการ DC3 ของ ธอส. ในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยลูกค้ารักษาบ้านของตนเองแล้ว ยังเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยให้ปรับตัวลดลงได้ด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวควบคู่ไปกับการจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรองรับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ ฯ ซึ่ง ธอส. ได้จัดทำสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำรองรับการปล่อยสินเชื่อใหม่ให้ได้ไม่น้อยกว่า 240,000 ล้านบาทในปีนี้” นายกมลภพ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ธอส. มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ กลุ่มลูกค้า NPL อีกจำนวน 4 มาตรการ นอกจากนี้ ธอส. ยังดำเนินการตามนโยบายกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการเปิดขยายเวลาการเข้าร่วม “โครงการคุณสู้ เราช่วย” ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เพื่อช่วยลูกหนี้ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 5 ล้านบาท ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ค้างชำระหรือค้างชำระไม่เกิน 30 วัน แต่เคยมีประวัติการค้างชำระเกิน 30 วัน ก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน  2567 และได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ให้ได้รับความช่วยเหลือต่อเนื่อง และยังจัดทำมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมาด้วย

โดยลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC3) สามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการผ่าน Application : GHB ALL BFRIEND และสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน – 31 ธันวาคม 2568 โดยแสดงหลักฐานการได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพ / ธุรกิจ / การค้า หรือจากสภาวะทางเศรษฐกิจ เพื่อประกอบการพิจารณา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th 

#ธอส #ลูกหนี้ #คนไทยมีบ้าน #ข่าววันนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ลดดอกเบี้ย

 

“คุณสู้เราช่วย” ร่วมโครงการยังทัน รัฐบาลขยายเวลาช่วยเหลือลูกหนี้"ลงทะเบียน"ได้ถึงสิ้นเดือนมิ.ย.นี้

“คุณสู้เราช่วย” ร่วมโครงการยังทัน รัฐบาลขยายเวลาช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย - SMEs ต่อเนื่องลงทะเบียนได้ถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้

 วันนี้ (2 พฤษภาคม 2568) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และผู้ประกอบธุรกิจ Non-bank ได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2567
 
ล่าสุด ณ วันที่ 24 เมษายน 2568 มีผู้ลงทะเบียนแล้วรวม 1.6 ล้านบัญชี จากลูกหนี้ 1.3 ล้านราย โดยจากการตรวจสอบคุณสมบัติเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2568 พบว่ามีผู้ผ่านเกณฑ์จำนวน 530,000 ราย หรือร้อยละ 27 ของกลุ่มลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติรวม 1.9 ล้านราย คิดเป็นยอดหนี้รวม 385,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 43 ของยอดหนี้ที่เข้าเกณฑ์ทั้งหมด 890,000 ล้านบาท
 
ทั้งนี้ จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวน ส่งผลให้ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากยังประสบปัญหาการชำระหนี้ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับการช่วยเหลือ รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ธปท. และสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง จึงเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาลงทะเบียนโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2568 ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เวลา 23.59 น.
 
“รัฐบาลยืนยันความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการ SMEs ที่ยังเผชิญปัญหาทางการเงิน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เวลา 23.59 น. ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ https://www.bot.or.th/khunsoo หรือที่สาขาสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ BOT Contact Center โทร 1213” นางสาวศศิกานต์กล่าว

"ประธานณัฏฐ์" ปิดหนี้ให้ลูกหนี้ที่เสียชีวิต 60 ราย เพื่อไม่ให้ถูกฟ้องบังคับแก่ทายาท 

"ดร.ณัฏฐ์  ธีรณัฐสุภานนท์" ประธานมูลนิธิธรรมาภิบาลและต่อต้านทุจริตฯ เดินหน้าซื้อหนี้นาโนไฟแนนซ์ จาก บ.เอกนิติอินเตอร์ลอว์ ที่ประมูลซื้อหนี้จาก บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล ซึ่งในจำนวนลูกหนี้มีลูกหนี้ตามสัญญาสินเชื่อรายย่อย สำหรับผู้ประกอบอาชีพต่างๆ มีลูกหนี้ตามสัญญาจำนวนหนึ่งได้เสียชีวิตแล้ว  

วันที่ 11 เมษายน 2568 ดร.ณัฏฐ์  ธีรณัฐสุภานนท์ ประธานมูลนิธิธรรมาภิบาลและต่อต้านทุจริต นายกสภาสมาคมธรรมาภิบาล เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีลูกหนี้ตามสัญญาสินเชื่อรายย่อยสำหรับผู้ประกอบอาชีพต่าง ๆจำนวนทั้งสิ้น 60 ราย ที่เสียชีวิตแล้ว ตามกฎหมายเจ้าหนี้ที่ได้รับโอนสิทธิสามารถฟ้องบังคับไล่เบี้ยเอากับผู้เป็นทายาทได้ ซึ่งมูลนิธิธรรมาภิบาลและต่อต้านทุจริต สภาสมาคมธรรมาภิบาล อยากร่วมทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ให้แก่ผู้เสียชีวิตในเบื้องต้นจำนวน 60 ราย จึงได้ดำเนินการซื้อยอดหนี้จาก บริษัท เอกนิติอินเตอร์ลอว์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ได้รับการประมูลโอนสิทธิของหนี้จากบริษัท เมืองไทยแคปปิตอล จำกัด (มหาชน)

ประธานมูลนิธิธรรมาภิบาลและต่อต้านทุจริตฯ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตถือว่าเป็นผู้ได้ทำนิติกรรมเกิดขึ้นในฐานะลูกหนี้ตามสัญญาสินเชื่อรายย่อยสำหรับผู้ประกอบอาชีพต่าง ๆ บางครั้งทายาทไม่ได้รับทราบ หรือ ผู้เสียชีวิตบางรายเป็นผู้นำและเสาร์หลักของครอบครัวเมื่อขาดหัวหน้าครอบครัวไปชีวิตก็ย่อมจะลำบากพอสมควรอยู่แล้ว มูลนิธิธรรมาภิบาลและต่อต้านทุจริต สภาสมาคมธรรมาภิบาล จึงอยากใช้โอกาสนี้ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ลูกหนี้ที่เสียชีวิตทั้ง 60 ราย ถือเป็นการตัดกรรมที่ผู้เสียชีวิตยังมีอยู่ในโลกนี้ เพื่อให้ผู้เสียชีวิตได้เดินทางไปสู่โลกใหม่ที่ไม่มีบ่วงใดๆ ติดค้างอันเป็นภาระในโลกนี้อีก จึงใคร่ขอขอบพระคุณ บริษัท เอกนิติอินเตอร์ ลอว์ จำกัด ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์ในการขายหนี้สำหรับลูกหนี้ที่เสียชีวิตในราคามิตรภาพ ถือว่าได้สร้างบุญสร้างกุศลร่วมกัน และในโอกาสต่อไปก็จะปิดหนี้ให้ลูกหนี้ที่เสียชีวิต เพื่อไม่ให้ถูกฟ้องบังคับแก่ทายาทอีกต่อไป

“ธปท.”สั่งแบงก์-นอนแบงก์ เร่งช่วยลูกหนี้ประสบภัย “แผ่นดินไหว”

เมื่อวันที่ 29 มี.ค.68 นายสมชาย เลิศลาภวศิน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนในวงกว้าง  

ธปท. จึงขอความร่วมมือสถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยที่มิใช่สถาบันการเงิน ในการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวดังกล่าวตามความเหมาะสมโดยเร่งด่วน โดยมีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้

1. สินเชื่อบัตรเครดิต สามารถพิจารณาปรับลดอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำสำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบให้ต่ำกว่าอัตราที่ ธปท. กำหนดได้ เป็นระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่พื้นที่นั้น ๆ ถูกประกาศเป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย

2. สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับและสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล สามารถพิจารณาเงื่อนไขวงเงินชั่วคราวกรณีฉุกเฉินให้เกินกว่าอัตราที่ ธปท. กำหนดได้ เพื่อให้ลูกหนี้มีแหล่งเงินทุนฉุกเฉินเพียงพอสำหรับการฟื้นฟูความเสียหายอันเนื่องมาจากปัญหาสาธารณภัย โดยให้อนุมัติวงเงินดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไม่เกิน 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่พื้นที่นั้น ๆ ถูกประกาศเป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย

3. สินเชื่อทุกประเภท สามารถพิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนและสภาพคล่องแก่ลูกหนี้เพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหรือเพื่อให้สามารถประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจต่อได้ รวมถึงการปรับเงื่อนไข เช่น ลดหรือยกเว้นดอกเบี้ยค่าธรรมเนียม ผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ หรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยให้อนุมัติวงเงินดังกล่าวโดยเร็ว ไม่เกิน 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่พื้นที่นั้น ๆ ถูกประกาศเป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย 

ทั้งนี้ ระหว่างการให้ความช่วยเหลือ ธปท. จะผ่อนปรนหลักเกณฑ์การจัดชั้นลูกหนี้ ให้คงการจัดชั้นเดิมเช่นเดียวกับก่อนประสบสาธารณภัยด้วย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจะได้รับความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมและทันท่วงที ธปท. ขอส่งกำลังใจให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวผ่านพ้นความยากลำบากนี้ไปได้