ฉลองครบ 72 ปี ธอส. ตอบแทนลูกค้าผ่อนดีต่อเนื่อง 48 เดือน รับเงินคืน 1% ของดบ.เงินกู้ที่ชำระไว้ในปี 67  

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดทำ “โครงการชำระดีมีคืน” ในโอกาสครบ 6 รอบ 72 ปี ตอบแทนลูกค้ารายย่อยที่มีระยะเวลาการผ่อนชำระกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ทำสัญญากู้เงิน โดยไม่เคยเป็นหนี้เสีย (NPL) ตั้งแต่วันกู้ และทุกบัญชีเงินกู้ภายใต้หลักประกันมีประวัติผ่อนชำระดีต่อเนื่อง 48 เดือนที่ผ่านมา (นับถึงเดือนสิงหาคม 2568) อย่างสม่ำเสมอและไม่น้อยกว่าเงินงวดที่ธนาคารกำหนดทุกเดือน จะได้รับสิทธิพิเศษเงินคืน 1% ของดอกเบี้ยเงินกู้ที่ชำระไว้ในปี 2567 โดยเงินคืนดังกล่าวจะถูกนำไปหักชำระเงินกู้อัตโนมัติในงวดเดือนกันยายน 2568 ในวัตถุประสงค์การกู้ที่ธนาคารกำหนด โครงการดังกล่าวนอกจากจะเป็นการตอบแทนลูกค้าที่ผ่อนชำระดีกับธนาคารมาอย่างยาวนานแล้ว ยังเป็นการช่วยเสริมสร้างวินัยทางการเงินผ่านการผ่อนชำระเงินงวดสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับ ธอส. ด้วย โดยคาดการณ์มีลูกค้าได้รับเงินคืนดังกล่าวมากกว่า 120,000 ราย

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank  Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALLGEN และ

CRC เปลี่ยนเกมตลาด จับ 5 อินไซต์ลูกค้ายุคใหม่ เดินหน้าปรับพอร์ต ตอบครบทุก Life stage & Lifestyle 

ในยุคที่ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น และมีความคาดหวังต่อสินค้าและบริการสูงกว่าที่เคย ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ จำเป็นต้องปรับตัว เพื่อครองใจลูกค้า และสร้างความแตกต่างท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้น โดยเซ็นทรัล รีเทล คือ หนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง ที่มีความยืดหยุ่น พร้อมปรับตัวให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ โดยมีกุญแจสำคัญอยู่ที่การรู้จัก-รู้ใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และไม่หยุดพัฒนาธุรกิจให้ตอบรับกับเทรนด์ลูกค้าที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา 

วันที่ 10 กันยายน 25687 ปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ลูกค้าถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำทุกอย่างของเซ็นทรัล รีเทล และในยุคที่พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราต้องพร้อมปรับธุรกิจให้ตอบโจทย์ลูกค้าอยู่เสมอ สอดคล้องกับกลยุทธ์ New Heights, Next Growth ภายใต้แกน Reinforce Customer Focus ที่เซ็นทรัล รีเทล มุ่งมั่นสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า โดยใช้จุดแข็งของ Ecosystem ที่เป็นค้าปลีก-ค้าส่งแบบ Multi-Category, Multi-Format และมี Portfolio ที่ครอบคลุมที่สุด รวมถึงการมี Loyalty Platform ที่แข็งแกร่งอย่าง The 1 ที่มีสมาชิกมากกว่า 22 ล้านคนในไทย ทำให้เราสามารถเข้าถึงอินไซต์เชิงลึกของลูกค้ายุคใหม่ และพัฒนาสินค้า-บริการที่ตอบโจทย์ในทุก Life stage และ Lifestyle ได้อย่างแม่นยำ

สามารถสรุปได้เป็น 5 อินไซต์สำคัญ ดังนี้
 
1. Speed First ใจร้อน เร็วไว้ก่อน ลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับความรวดเร็ว เพราะชีวิตเต็มไปด้วยกิจกรรมที่เร่งรีบ ทุกอย่างจึงต้องง่ายและทันใจ เช่น อาหารที่ต้องสดใหม่และพร้อมเสิร์ฟทันที  เซ็นทรัล รีเทล จึงได้พัฒนาสินค้าและนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อช่วยให้การช้อปปิ้งสะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น อาทิ
o ใช้ระบบติดตามออเดอร์อย่างแม่นยำด้วย AI ซึ่งช่วยลดเวลาการติดตามจาก 15 นาที เหลือเพียง 1 นาที 
o ใช้ระบบจัดการสต๊อกแบบเรียลไทม์ เพื่อให้มั่นใจว่ามีสินค้าเพียงพอ และพร้อมส่งถึงลูกค้าอย่างรวดเร็ว
o ท็อปส์ ยกระดับกลุ่มอาหารพร้อมปรุง Easy-to-Cook และอาหารพร้อมทาน Easy-to-Eat ให้หลากหลายและทันสมัยมากขึ้น รวมถึงพัฒนา AI ChefBot แชทบอทอัจฉริยะที่สามารถแนะนำสูตรอาหาร ตรวจสอบสินค้า และแจ้งโปรโมชั่นได้ภายในไม่กี่วินาที 

2. Effortless Everything ง่าย สะดวก ทุกที่ ทุกเวลา ลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย 
ไม่ว่าจะช้อปที่หน้าร้านหรือออนไลน์ ต้องเข้าถึงสินค้าและบริการได้อย่างไม่ยุ่งยาก เซ็นทรัล รีเทล จึงขยายห้างร้านในเครือและยกระดับช่องทางช้อปปิ้งอย่างต่อเนื่อง อาทิ
o ด้าน Offline: เดินหน้าขยายสาขาให้ครอบคลุมในทุกจังหวัด อาทิ
 ขยายธุรกิจในเครือ เช่น ท็อปส์, โก โฮลเซลล์, ไทวัสดุ ในเมืองหลักทั่วประเทศ 
 เร่งขยาย ออโต้วัน ศูนย์บริการและจำหน่ายอุปกรณ์รถยนต์ครบวงจร ให้ครอบคลุมทั้งศูนย์การค้าเซ็นทรัล โรบินสันไลฟ์สไตล์ โก โฮลเซลล์ ไทวัสดุ และสาขาแบบ Standalone ในทำเลศักยภาพทั่วประเทศ เพื่อตอบรับกับตลาดยานยนต์ไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง
o ด้าน Online: เสริมความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์ม Omnichannel ทั้ง Central App รวมถึงช่องทางการขายที่หลากหลาย เช่น Chat & Shop, Personal Shopper และ Click & Collect เป็นต้น

3. Constant Newness ขี้เบื่อ เปลี่ยนบ่อย ไม่ยอมตกเทรนด์ ลูกค้ากลุ่มนี้มองหาสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ เซ็นทรัล 
รีเทล จึงคัดสรรสินค้าชั้นนำ เพื่อให้ลูกค้าไม่พลาดทุกเทรนด์ฮิต อาทิ
o ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม และเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ผนึกกำลังกันจัดแคมเปญและอีเวนต์ลักชัวรีตลอดทั้งปี เพื่อสร้างความตื่นเต้น แปลกใหม่ให้กับลูกค้า รวมถึงห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ยังมีการเสริมพอร์ตสินค้า Prestige Beauty และ Luxury Home อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (CMG) ที่เดินหน้าสรรหาแบรนด์ชั้นนำใหม่ ๆ มาเสริมแกร่งพอร์ต เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้ตรงใจลูกค้าทุกเจน
o ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ เดินหน้าภายใต้แนวคิด Localisation First เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนในพื้นที่ ที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอด พร้อมปรับโฉมให้ทันสมัย และขยายโมเดลใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น Strip Mall และ Night Market

4. Made for Me ต้องสำหรับฉันเท่านั้น! ลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับความเฉพาะตัว (Personalisation) เซ็นทรัล รีเทล จึงได้นำ Big Data มาสร้างประสบการณ์ที่ใช่ที่สุดสำหรับลูกค้าแต่ละคน 
o ใช้ Data Insight เชิงลึกจาก The 1 ในการคัดสรรสินค้าให้ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น ภายใต้การดูแลความปลอดภัยของข้อมูลตามมาตรฐาน PDPA
o ใช้ระบบ AI Marketing Personalisation ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และท็อปส์ ซึ่งสามารถแนะนำสินค้าเฉพาะบุคคลแบบเรียลไทม์ ช่วยเพิ่มยอดซื้อได้มากกว่า 30 เท่า และเพิ่มอัตราการสั่งซื้อสูงถึง 70% 

5. One-Stop Shopper ครบจบในที่เดียว ลูกค้ายุคนี้ล้วนมองหาความสะดวกสบายแบบไปที่เดียวได้ครบจบทุกอย่าง เซ็นทรัล รีเทล จึงจัดเต็มทุกกลุ่มสินค้าให้เลือกช้อปครบจบในที่เดียว 
o ท็อปส์ เดลี่ เดินหน้าพัฒนา Hybrid Format ด้วยการเสริมโซนพรีเมียมอย่าง TOPS WINE CELLAR และเบเกอรี่คุณภาพ The Baker ในทำเลท่องเที่ยวที่สำคัญ พร้อมเปิดตัว TOPS DAILY x LOOKS เจาะกลุ่มลูกค้า Young & Mainstream ที่หลงใหลในด้านบิวตี้ เพื่อมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบ One-stop ที่ผสานคุณภาพ ความหลากหลาย และความสะดวกสบายอย่างลงตัว
o ขยายธุรกิจฟู้ดสู่ตลาดค้าส่ง (B2B) ที่ยังมีโอกาสเติบโต โดยรุกตลาดผ่านแบรนด์ โก โฮลเซลล์ ที่เป็น New Growth Engine และเป็น HORECA One-Stop Destination พร้อมทั้งขยาย Private Labels อาทิ A Choice, Supersave, Prosave, Yim ซึ่งสร้างยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง
o ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม เดินหน้ายกระดับสู่ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านแบบครบวงจร ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่ห้องน้ำ ห้องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า จนถึงโซลูชันบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) เพื่อรองรับเทรนด์การรีโนเวทบ้านและดีไซน์ที่เน้นด้าน Well-Being ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้เช่าอาศัย

“เซ็นทรัล รีเทล พร้อมเดินหน้าพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางของทุกการตัดสินใจ เราจะไม่เพียงแค่ก้าวทันเทรนด์ผู้บริโภค แต่จะเป็นผู้นำในการสร้างเทรนด์ใหม่ผ่านสินค้าและบริการที่ดีที่สุด ครอบคลุมทุกช่วง Life stage และ Lifestyle ตอกย้ำความเป็นผู้นำค้าปลีก-ค้าส่งยุคใหม่ ที่รู้จริง รู้ลึก และรู้ใจลูกค้า” ปิยวรรณ กล่าว

ทรูฯ ประกาศลุย 3 ภารกิจหลัก ปั้นแบรนด์ลูกค้าเชื่อใจ ยกระดับ AI เพื่อคนไทย เสริมแกร่งวัฒนธรรมมีหัวใจคือลูกค้า

ทรู คอร์ปอเรชั่น ประกาศขับเคลื่อนองค์กรด้วย 3 ภารกิจหลัก ชู “ลูกค้า” เป็นหัวใจสำคัญ  มุ่งสร้างแบรนด์ที่ลูกค้าเชื่อใจได้ พร้อมประสบการณ์ใช้งานเครือข่ายที่ต้องดีที่สุด เร่งพัฒนา  “เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อคนไทย” เน้นสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่เข้าใจและเข้าถึง ยกระดับการเชื่อมต่อสู่เมืองอัจฉริยะ เดินหน้าหลอมทีมหนึ่งเดียวด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่ทำทุกอย่างเพื่อลูกค้า พร้อมนำ ทรู คอร์ปอเรชั่น ก้าวสู่การเป็นผู้นำโทรคมนาคมและเทคโนโลยีชั้นนำระดับภูมิภาค ต่อยอดความสำเร็จหลังทรูและดีแทคผสานพลังครบรอบ 2 ปี  พลิกโฉมอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมผลประกอบการทางธุรกิจพลิกฟื้นทำกำไรอย่างยั่งยืนสู่การเติบโตคู่สังคมไทย 

วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เผยว่า ครบ 2 ปีแห่งการผสานพลังระหว่างทรูและดีแทค เราได้เห็นศักยภาพอันเข้มแข็งจากการรวมความแข็งแกร่งของทั้งสององค์กรส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน จากนี้ไปเราจะมุ่งสู่ก้าวต่อไปด้วยการประกาศ 3 ภารกิจหลัก ครอบคลุมมิติสำคัญทั้งด้านลูกค้า เทคโนโลยี และทีมงาน กล่าวคือ มุ่งสร้างแบรนด์ที่เชื่อใจได้ พัฒนานวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์เพื่อคนไทยทุกคน และหล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กรที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง การประยุกต์ใช้ AI ทั้งในงานบริการและโครงสร้างพื้นฐานจะเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้เหนือความคาดหมาย ผมเชื่อมั่นว่าภารกิจทั้งสามนี้จะเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนความสำเร็จระยะยาว และช่วยให้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ได้รับความเชื่อใจจากลูกค้าอย่างแท้จริง

มุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านสู่การเติบโต 3 ภารกิจสำคัญ

1. ลูกค้า (Customer)

แบรนด์ที่รับความเชื่อใจ (Trusted Brand): ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งมั่นสร้างแบรนด์และสร้างองค์กรเป็นที่เชื่อถือและเชื่อใจของทุกคน พร้อมก้าวสู่การเป็น Brand love โดยดำเนินการตามคำมั่นสัญญาและพันธกิจที่มีต่อลูกค้า นักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย โดยมุ่งเน้นปัจจัยสำคัญของทุกฝ่ายร่วมกัน

ประสบการณ์ลูกค้าเป็นหนึ่งเดียว (Unmatched customer experience) : ทรู คอร์ปอเรชั่น กำลังเร่งรวมระบบให้เป็นหนึ่งเดียวระหว่างลูกค้าทรูและดีแทค โดยมุ่งเน้นให้การเปลี่ยนผ่านสู่ Digital touchpoint เป็นไปอย่างไร้รอยต่อ พร้อมทั้งรวมแอปพลิเคชันทรู-ดีแทคเข้าด้วยกัน และนำ AI มาใช้กับการบริการลูกค้าเพื่อความพึงพอใจสูงสุด โดยมีแผนการดำเนินงานดังนี้

พัฒนาประสบการณ์หลากหลายช่องทาง (Omnichannel) เชื่อมโยงการใช้งานทั้งแอปพลิเคชัน ศูนย์บริการลูกค้า และร้านค้าด้วย AI (chatbots, voice bots และผู้ช่วยพนักงาน)

ปรับปรุงการเข้าถึงพนักงานที่ศูนย์บริการและลดเวลาในการให้บริการและทันสมัยขึ้น

เปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ทั้งของทรูและดีแทค ที่ใช้ AI ล้ำสมัย เพื่อเปลี่ยนธุรกรรมจากหน้าร้านสู่ดิจิทัล

รวบรวมระบบ IT หลัก (CRM, ERP, การเก็บเงิน) ให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อสนับสนุนกลยุทธ์ดิจิทัล

เครือข่ายที่เชื่อถือและรองรับอนาคต (Reliable and future-proof network) : ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งมั่นให้ลูกค้ารู้สึกได้ว่านี่คือเครือข่ายที่เชื่อใจได้ในทุกสถานการณ์ พร้อมพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) ซึ่งจะดำเนินการเสร็จสิ้นทั่วประเทศในไตรมาส 3 ของปีนี้ เพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่เหนือชั้นและเดินหน้าต่อเนื่องในการเป็นผู้นำโทรคมนาคมและเทคโนโลยีชั้นนำของไทย โดยบริษัทได้ชู "ภูเก็ตโมเดล" เป็นจังหวัดแรกที่พัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยเสร็จ 100% พร้อมเสริมทัพโซลูชันเครือข่ายสู่ประสบการณ์ใหม่เป็นที่แรก และจะดำเนินการต่อไปในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ

รักษาฐานธุรกิจโทรคมนาคม – เติบโตในกลุ่มธุรกิจดิจิทัล (Protecting core connectivity; expanding digital portfolio) : พัฒนาการให้บริการเครือข่ายต่อเนื่อง และนำเสนอผลิตภัณฑ์บริการดิจิทัลใหม่ๆ ที่เหมาะสมตรงกับลูกค้า

 2. เทคโนโลยี (Technology)

ปัญญาประดิษฐ์เพื่อไทยทุกคน (AI for all Thais) : บริษัทมุ่งเสริมสร้างความตระหนักรู้ (Awareness) แก่ภาคธุรกิจและประชาชนถึงศักยภาพอันทรงพลังของปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้งานจริงในวงกว้าง (User & Business Demand) ซึ่งความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาโซลูชัน แพลตฟอร์ม และบริการด้าน AI ภายในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

บริการดิจิทัลเพื่อบุคคลด้วยพลัง AI (AI-powered personalized digital service): ทรู คอร์ปอเรชั่น กำลังเร่งพัฒนาการนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าตรงใจ โดยสามารถคาดการณ์ตอบสนองลูกค้าได้ล่วงหน้าถึงความต้องการที่โดนใจ และนำเสนอให้ลูกค้ามากกว่าสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังและพึงพอใจ

ขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะด้วย IoT และความปลอดภัย (Supporting Smarter Cities and communities with connectivity, IoT, and security) : ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมสนับสนุนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะผ่านเทคโนโลยี IoT และระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย

3. ทีม (Team)

วัฒนธรรมที่มีหัวใจคือลูกค้า (Customer-obsessed culture) : บริษัทมุ่งสร้างวัฒนธรรมองค์กรหลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียว โดยทุกวิถีทางจะมุ่งสู่การมีหัวใจ คือ "ลูกค้า" ร่วมกัน

สร้างผู้นำขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านในองค์กร (Transformational leadership) : ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งสร้างผู้นำในองค์กรที่มีทัศนคติและศักยภาพที่เหมาะกับการขับเคลื่อนในช่วงการเปลี่ยนผ่านองค์กร และการพัฒนาทีมสร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นทีมสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

พันธมิตรเพื่อความสำเร็จร่วมกัน (Partnership for shared success) : ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งสร้างและพัฒนาความสัมพันธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืน

"ภารกิจสำคัญทั้ง 3 ด้านนี้จะเป็นรากฐานในการเติบโตอย่างยั่งยืนของ ทรู คอร์ปอเรชั่น โดยเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาทั้งสินค้า บริการ วิธีการทำงาน และวัฒนธรรมองค์กร เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง" นายซิกเว่ กล่าว

ไทยฮอนด้า เปิดตัว 2 โมเดลใหม่! รุกต้นปีเดินหน้าสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำ

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 60 พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์อันดับหนึ่งในประเทศไทย โดยส่งรถจักรยานยนต์ 2 รุ่นใหม่รุกตลาดต้นปี ในงาน ‘Thai Honda Leading The Future: Press Conference 2025’ ณ โรงแรม Centara Grand and Bangkok Convention Centre นำโดย รถจักรยานยนต์สปอร์ตพรีเมียม ‘All New Honda PCX160’ เอกลักษณ์แห่งความภูมิใจที่ชูเทคโนโลยีไปอีกระดับ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายและประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกกว่าที่เคย ตามด้วย รถจักรยานยนต์เอ.ที. ในสไตล์ High Fashion ‘Honda Giorno+ Disney Fantasia 85 Years Limited Edition’ ที่พร้อมสร้างปรากฏการณ์สุด Magical แก่เหล่าสาวกมิคกี้เมาส์ มาในลวดลายแอนิเมชันระดับตำนานอย่าง ‘Disney Fantasia’ เพื่อฉลองครบรอบ 85 ปี โดยผลิตจำนวนจำกัดเพียง 2,000 คันเท่านั้น 

มร.มิโนรุ คาโตะ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ส่วนงานรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดของฮอนด้าทั่วโลกว่า รถจักรยานยนต์ฮอนด้ามุ่งมั่นตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าทุกกลุ่มผ่านผลิตภัณฑ์ บริการที่เปี่ยมคุณภาพ และเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันเสมอมา ส่งผลให้ฮอนด้ายังคงได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในปี 2024 ที่ผ่านมา โดยเราสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์กว่า 27.6 ล้านชิ้น ให้กับลูกค้าทั่วโลก ในจำนวนนี้เป็นรถจักรยานยนต์ถึง 19.9 ล้านคัน และคาดว่ายอดขายในปีงบประมาณนี้ ซึ่งสิ้นสุดในเดือนมีนาคม จะทะลุ 20 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาอีก 1.3 ล้านคัน ทำให้ส่วนแบ่งตลาดรถจักรยานยนต์ของฮอนด้าทั่วโลกสูงถึง 40% ธุรกิจรถจักรยานยนต์ยังคงเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนความสำเร็จของธุรกิจทั้งหมดของฮอนด้า

“ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของฮอนด้าในภูมิภาคเอเชียซึ่งเป็นศูนย์กลางของธุรกิจรถจักรยานยนต์ของเรา ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและนวัตกรรมล้ำสมัย รวมถึงการบริการและช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ปีนี้ยังเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยฮอนด้าฉลองครบรอบ 60 ปี และประสบความสำเร็จในฐานะฐานการผลิตเพื่อส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของฮอนด้า โดยผลิตรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์รวมกว่า 90 ล้านชิ้น ส่งออกไปยัง 96 ประเทศทั่วโลก”

มร.ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทยว่า ปีที่ผ่านมาไทยฮอนด้าสามารถจำหน่ายรถจักรยานยนต์ได้ถึง 1.38 ล้านคัน จากตลาดรวม 1.71 ล้านคัน พร้อมครองตำแหน่งผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 36 ซึ่งเป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือและการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากผู้จำหน่ายทั่วประเทศ

“สำหรับปี 2025 แม้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังมีความเปราะบาง แต่เราคาดการณ์ว่าตลาดจะเติบโตประมาณ 101% อยู่ที่ 1.70-1.75 ล้านคัน โดยฮอนด้าตั้งเป้าจำหน่ายถึงผู้ใช้อยู่ที่ 1.36-1.40 ล้านคัน หรือเติบโต 102% เรามุ่งมั่นกระตุ้นตลาดด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ 9 รุ่นในปีนี้ พร้อมพัฒนากลยุทธ์ด้านการขายและบริการในรูปแบบดิจิทัล เพื่อสร้างโครงสร้างตลาดที่แข็งแกร่ง และเพิ่มความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า”

จากปีที่ผ่านมา ด้านตลาดในกลุ่มรถเอ.ที. มีแนวโน้มที่เติบโตขึ้น โดยมีสัดส่วนการขายอยู่ที่ 53% เราจึงผลักดันและสานต่อความสำเร็จของรถจักรยานยนต์ในกลุ่มเอ.ที. โดยในวันนี้พร้อมเปิดตัว 2 รุ่น คือ All New Honda PCX160 รถจักรยานยนต์สปอร์ตพรีเมียม มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ และ Honda Giorno+ Disney Fantasia 85 Years Limited Edition ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการคอลแลบฯ กับแอนิเมชันสุดพิเศษ Disney Fantasia เพื่อต่อยอดความสำเร็จและส่งเสริมภาพลักษณ์ของฮอนด้าในฐานะผู้นำตลาดที่ไม่หยุดพัฒนาและตอบโจทย์ทุกความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า

“ปีนี้ยังเป็นโอกาสสำคัญสำหรับฮอนด้า เนื่องจากเป็นปีที่เราฉลองครบรอบ 60 ปีของการก่อตั้งบริษัทไทยฮอนด้า ในโอกาสนี้ เราได้จัดทำโครงการมอบหมวกกันน็อค มูลค่า 60 ล้านบาทให้แก่หน่วยงานภาครัฐและสถานศึกษา เพื่อแสดงความขอบคุณต่อสังคมไทยที่ให้การสนับสนุนเราเสมอมา ฮอนด้าพร้อมเดินหน้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพ รวมถึงส่งเสริมสังคมไทยให้เติบโตไปพร้อมกับเราอย่างยั่งยืน”

สำหรับ ‘All New Honda PCX160’ ครั้งนี้มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมในคอนเซปต์ ‘BE THE MARK OF PRIDE อีกระดับของความภูมิใจ ที่ใครก็อยากเป็น’ โดดเด่นด้วยหน้าจอแสดงผล TFT ใหม่ ขนาด 5 นิ้ว แสดงผลทุกข้อมูลการขับขี่ได้ครบถ้วนชัดเจน รวมถึงการแสดงผลระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) ระบบตรวจจับและควบคุมล้อหน้า-ล้อหลังให้สัมพันธ์กัน ป้องกันรถเสียการทรงตัว สะดวก ปลอดภัยในทุกการขับขี่ พร้อมเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Honda RoadSync เทคโนโลยีอัจฉริยะจากฮอนด้าที่ควบคุมการทำงานด้วยเสียงโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน ในการรับสายโทรเข้า-โทรออก, ระบบนำทาง, แอปพลิเคชันฟังเพลง และประวัติการเดินทาง พร้อมควบคุมผ่านปุ่มคอนโทรลเลอร์ดีไซน์ใหม่ในแบบมัลติฟังก์ชันสั่งการได้หลากหลาย ถือเป็นอีกระดับของการเชื่อมต่อระหว่างคนและรถ

All New Honda PCX160 เสริมเอกลักษณ์แห่งความภูมิใจด้วยไฟหน้าดีไซน์ใหม่ ทรง Victory Shape พร้อมไฟเลี้ยว LED เพิ่มการส่องสว่าง และไฟท้ายดีไซน์สปอร์ตพรีเมียม ทั้งนี้ มาพร้อมพลังขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ eSP+ 4 วาล์ว 157 ซีซี. ให้สมรรถนะแรงต่อเนื่อง ส่งเต็มกำลัง สมูท ลื่นไหล ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยระบบเบรก ABS ล้อหน้าที่มาพร้อมจานเบรกขนาดใหญ่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อกเมื่อเบรกกะทันหัน นอกจากนั้นยังมีพื้นที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่จุได้ 30 ลิตร และกุญแจรีโมตอัจฉริยะ Honda SMART KEY & CONTROLLER ที่สั่งงานง่ายเพียงบิดสวิตช์

All New Honda PCX160 รุ่น RoadSync มีวางจำหน่ายในเฉดสีใหม่ ทั้งหมด 2 เฉดสี ได้แก่ สีน้ำเงิน Innovate Blue และ สีแดง-ดำ Matt Red ราคาแนะนำที่ 99,900 บาท รุ่น Standard มีวางจำหน่ายทั้งหมด 3 เฉดสีใหม่ ได้แก่ สีดำ Matt Gunpowder Black, สีน้ำเงิน-ดำ Victory Blue และสีเทา-ดำ Pearl Smoky Gray ราคาแนะนำที่ 96,000 บาท

นอกจากรุ่น All New Honda PCX160 รุ่น RoadSync และ Standard ไทยฮอนด้ายังได้นำเสนอ Exclusive Edition จากสำนักแต่ง H2C by Honda ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความเป็นขั้นสุดของรุ่น สะท้อนความหรูหราในคอนเซปต์ ‘MARK UP YOUR PRIDE’ พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งสุดพิเศษดีไซน์โดดเด่น มอบสมรรถนะแรงเร้าใจ ราคาแนะนำที่ 107,500 บาท 

พร้อมกันนี้ ไทยฮอนด้ายังมาพร้อมโปรโมชันพิเศษให้กับผู้ทำการจองรถ All New Honda PCX160 ตั้งแต่วันที่ 10 ถึง 31 มกราคม 68 ด้วยแพคเกจ HSP (Honda Service Premium Package) ตรวจเช็คระยะฟรีตลอดระยะเวลา 2 ปี หรือระยะทาง 18,000 กิโลเมตร กดรับสิทธิ์ผ่าน Application “My Honda Moto” ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น : https://myhonda.page.link/invite  

ตามด้วย ‘Honda Giorno+ Disney Fantasia 85 Years Limited Edition’ มาพร้อมคอนเซปต์ ‘ENCHANT THE NEW HIGH เสกทุกสไตล์ ให้กลายเป็นดาว’ โดยนำเอาแอนิเมชันระดับตำนานอย่าง ‘Disney Fantasia’ ลวดลายจอมเวทย์มิกกี้เม้าส์มาคอลแลปกับมอเตอร์ไซค์สไตล์ High Fashion อย่าง Honda Giorno+ โดยสร้างปรากฏการณ์สุด Magical พาสไตล์ไปเหนือจินตนาการด้วยเฉดสีน้ำเงินเข้มแซมแดง ผสานความลงตัวด้วยสติกเกอร์ Reach for the stars โดดเด่นท่ามกลางลวดลายดวงดาวที่เรืองแสงได้ในยามค่ำคืน เพิ่มความพิเศษด้วย 3D Emblem สีทองและโลโก้ฉลองครบรอบ 85 ปี แอนิเมชันในตำนาน พร้อมระบุ Serial Number เสริมความลิมิเต็ดให้กับเหล่าสาวก Disney อีกด้วย ที่สำคัญเสริมภาพลักษณ์ความเท่ สะดุดตาไปอีกขั้นด้วยครอบท่อไอเสียสแตนเลส และสติกเกอร์วงล้อ H2C

Honda Giorno+ Disney Fantasia 85 Years Limited Edition ผลิตและวางจำหน่ายเพียง 2,000 คันเท่านั้น ในราคาแนะนำ 73,700 บาท มาพร้อมกับพรีเมียมบอกซ์เซ็ตสำหรับแฟน Disney Fantasia ได้แก่ เสื้อแจ็คแก็ตสุดแฟชั่น ลายจอมเวทย์มิกกี้เม้าส์ รวมถึงพวงกุญแจสุดคูล The Magical Keychain เพิ่มความน่ารักเหนือจินตนาการ ไม่ซ้ำใคร

 เตรียมติดตามรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่จากไทยฮอนด้าที่กำลังจะเปิดตัวตลอดปี 2025 นี้ ไทยฮอนด้ามุ่งมั่นพร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ 

เปิดสถิติระบบป้องกันภัยไซเบอร์ “True CyberSafe “เปิดตัว 7 วัน ปกป้องลูกค้าจากการคลิกลิงก์แปลกปลอมมากถึง 10.3 ล้านครั้ง

ภายหลังจากที่ ทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าภารกิจรักษาความปลอดภัยไซเบอร์   ลงทุนพัฒนาและนำ AI ขั้นสูงมาใช้เพื่อยกระดับการปกป้องและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้บริการโลกออนไลน์  เปิดระบบป้องกันภัยไซเบอร์อัจฉริยะ "True CyberSafe"  ให้บริการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับ ลูกค้ามือถือทรูและดีแทค รวมทั้งลูกค้าเน็ตบ้านทรูออนไลน์ ทุกราย โดยจะ บล็อก หรือ แจ้งเตือน  เมื่อมีการเข้าถึงเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตราย หากลูกค้ากดเข้าไป จาก SMS หรือบราวเซอร์  และเมื่อมีการเข้าถึงเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตราย บนเว็บบราวเซอร์  โดยเริ่มให้บริการไปตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคมนั้น 

ล่าสุด ทีมงานทรู คอร์ปอเรชั่นได้เปิดเผยข้อมูลสถิติที่รวบรวมได้ระหว่างการเปิดระบบ True CyberSafe เพียง 7 วัน (ระหว่างวันที่ 3 - 9 ธันวาคม 2567) พบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้ 
 จำนวนครั้งที่ลูกค้าคลิกลิงก์แปลกปลอมทั้งหมด 10,773,877 ล้านครั้ง
 สามารถปกป้องลูกค้าจากการคลิกลิงก์แปลกปลอมได้ถึง 10.3   ล้านครั้ง
 คิดเป็น 96.28%  ที่ระบบสามารถปกป้องได้ 

อย่างไรก็ตาม ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงเคารพสิทธิ์ลูกค้า หากลูกค้ายังยืนยันจะคลิกเข้าลิงก์ที่ได้รับการแจ้งเตือนต่อไป ก็สามารถทำได้ โดยพบว่า ช่วง 7 วันดังกล่าว จำนวนครั้งที่ลูกค้ายืนยันเข้าลิงก์แปลกปลอมอยู่ที่ 400,283 คลิก ( จาก 10,773,877 ล้านคลิก )  

โดย 4 ประเภทลิงก์แปลกปลอมที่พบจากระบบ True CyberSafe ในช่วงที่ผ่านมา มีดังนี้
อันดับ 1 : มัลแวร์ – เป็นไวรัสหรือซอฟแวร์เข้ามาฝังตัวในเครื่อง เพื่อเปิดช่องทางเข้ามาควบคุมเครื่องของเรา
อันดับ 2 : ฟิชชิง – เป็นการหลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงิน เช่น รายละเอียดบัตรเครดิต หรือรหัสผ่าน
อันดับ 3: หลอกลงทุน - มีการแสดงผลกำไรที่สูงเกินควร เพื่อดึงดูดความสนใจ รวมไปถึงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล เช่น คริปโต
อันดับ 4 : สแกม – การหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ ทางออนไลน์ เช่น สแกมบัตรเครดิต, สแกมถูกรางวัล, สแกมค่าธรรมเนียมศุลกากร และโรแมนซ์สแกม
หมายเหตุ: พบว่า 1 ลิงก์ มีมากกว่า 1 ประเภทการหลอกลวง

ยิ่งไปกว่านั้น  ทรูยังเดินหน้าร่วมกับภาครัฐทุกภาคส่วน ในการตรวจสอบและเพิ่มลิงก์แปลกปลอมในฐานข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อบล๊อคการเข้าถึงเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตรายได้ อีกทั้งยังสร้างความตระหนักรู้เท่าทันกลลวงของมิจฉาชีพทางออนไลน์ เพื่อให้รู้ทันภัยไซเบอร์ ผ่านทาง ทรูปลูกปัญญา “รู้ทันโลกออนไลน์”  https://www.trueplookpanya.com/rootanlokonline

TRP กลับสู่เส้นทางเติบโต Q3/67 อวดกำไรทะยาน 49% ลูกค้าแห่ใช้บริการแน่น มั่นใจผลงาน Q4 ฟอร์มเด่นต่อเนื่อง

TRP ส่งสัญญาณฟื้นตัวไตรมาส 3/2567 กวาดกำไรสุทธิ 38.03 ล้านบาท พุ่งแตะ 49% รับอานิสงส์ ลูกค้าเข้าใช้บริการเพิ่มขึ้น แย้มทิศทางผลงานไตรมาส 4/2567 โตต่อเนื่อง พร้อมชู 3 กลยุทธ์หลัก เดินเกมรุกต่อยอดความสำเร็จ หนุนผลงานโตแกร่ง

ผศ.นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเตติก คอนเนค จำกัด (มหาชน) หรือ TRP ผู้ให้บริการด้านศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้า ภายใต้ชื่อ "ธีรพรคลินิก" เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 (กรกฎาคม-กันยายน) มีกำไรสุทธิ 38.03 ล้านบาท เติบโต 49.02% จากไตรมาสก่อน และมีรายได้จากการให้บริการ 131.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.67% จากไตรมาสก่อน โดยภาพรวมเกิดจากจำนวนหัตถการด้านการผ่าตัดที่เพิ่มขึ้นโดยที่มีความหลายหลาก ทั้งการผ่าตัดดึงหน้า การผ่าตัดตา การผ่าตัดกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง การฉีดเนื้อเยื่อไขมัน รวมถึงการพัฒนาการผ่าตัดจมูกแบบ Semi-Open และ แบบ Open Rhinoplasty ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี 

นอกจากนั้น ยังมีการให้บริการ skin & wellness ภายใต้ชื่อ “TRP Longevity” โดยมีการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ (Wellness) การดูแลด้านผิวพรรณ การดูแลด้านเส้นผม  โดยมีแพทย์ด้านผิวพรรณและการดูแลสุขภาพ คอยให้คำปรึกษา โดยหลังเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงกลางไตรมาส 2 ที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในไตรมาส 3 นี้ด้วย โดยมีการเติบโตในส่วนนี้ถึง 185% จากไตรมาส 2

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/2567 ยังคงคาดการณ์การเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2567 โดยบริษัทยังคงมุ่งสร้างการเติบโตภายใต้ 3 กลยุทธ์ ประกอบด้วย 1.การออกโปรโมชั่นให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย เดินหน้ารุก Case Review เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการ 2.การสร้าง Branding รักษาฐานลูกค้า และ 3. การเพิ่มยอดการใช้จ่ายของลูกค้าที่เข้ารับบริการทั้งการขายหัตถการอื่นๆ หรือ การขายการบริการในส่วนของ Non-Surgery รวมถึงการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรสร้างการเติบโตในระยะยาว พร้อมมองหาโอกาสใหม่ๆ เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ

“ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ที่กลับมาฟื้นตัวเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจและศักยภาพการเติบโตของบริษัทในอนาคต โดยเฉพาะการขยายตลาดเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าและรายได้ในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อหนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน”

"บ.ซูเปอร์ไอซีที" โชว์ยอดขายปี 66 โต 189 % ตั้งเป้าปีนี้เจาะกลุ่มลูกค้าสัญญาระยะยาวทั้งรัฐและเอกชน

นายณัฐชัย ประดิษฐ์วงศ์กูล CEO บริษัท ซูเปอร์ ไอซีที จำกัด เผยว่า ในฐานะผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานด้านการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ การสื่อสาร ตลอดจนอุปกรณ์ด้านงานระบบ ที่ได้รับความไว้วางใจจากทั้งภาครัฐและเอกชนหลายราย อาทิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงดีอี กระทรวงการคลัง และมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยในปี 2566 ช่วงไตรมาส 1 ของปี 2566 บริษัทฯได้ดำเนินการในสัญญากิจการค้าร่วม (Consortium) โครงการด้านการพัฒนาระบบ เทคโนโลยี Smart City มูลค่าโครงการกว่า 400 ล้านบาท  ขณะที่ไตรมาส 2 บริษัทฯยังได้ข้อตกลงกับบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ว่าด้วยการขายอุปกรณ์ และติดตั้ง พัฒนาระบบซึ่งจะมีมูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

ทั้งนี้ส่งผลประกอบการของบริษัทในปี 2566 มียอดขายและบริการเพิ่มขึ้นจากปี 65 ถึง 189% สะท้อนความเชื่อถือและไว้วางใจในมาตรฐานการวางระบบแบบครบวงจรของบริษัทที่ดูแลตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการพร้อมการดูแลหลังการใช้งานอย่างมืออาชีพ และในปี 2567 แผนงานของบริษัทฯ จะเน้นการบุกตลาด ดิจิตอลในทุกรูปแบบ และมีนโยบายเติมโตแบบยั่งยืน โดยบริษัทฯ ได้ส่งบุคลากรเดินทางเข้าไปศึกษาดูงานบริษัทฯชั้นนำในด้านธุรกิจดิจิตอลในต่างประเทศ เพื่อนำเทคโนยีมาประยุกต์ใช้กับฐานลูกค้าในประเทศไทย โดยในปีนี้วางยุทธ์ศาสตร์เจาะกลุ่มการให้บริการลูกค้าในสัญญาระยะยาว

"ออมสิน" สั่งพนง.ทุกสาขาแจงลูกค้า รัฐยังไม่ติดต่อกู้แจกเงินดิจิทัล ยันตัดสินใจบนฐานกม.

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ธนาคารออมสิน สาขาตรัง นายวัฒนการ พันท์สุนันนนท์ ลูกค้าผู้มีเงินฝากกับธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วย ไม่ว่ารัฐบาลจะกู้เงินธนาคารออมสินหรือให้ธนาคารออมสินกู้เงิน เพื่อนำไปใช้ในนโยบายดิจิทัล เพราะจะทำให้เพิ่มหนี้สาธารณะมากขึ้น เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรที่จะกระตุ้นที่ฐานรากโดยตรง ทั้งสินค้าเกษตร และการลดต้นทุนพลังงาน เพราะการกู้เงินในอนาคตมาใช้ล่วงหน้า ก่อให้เกิดหนี้สาธารณะไปจนถึงรุ่นลูกหลานไม่สิ้นสุด และห่วงสถานะของธนาคารและห่วงเงินของลูกค้าที่ฝากเอาไว้จะได้รับผลกระทบตามมา

"รัฐควรควบคุมราคาเรื่องของราคาสินค้า ควบคุมราคาพลังงานที่จะเกิดปัญหาในอนาคตข้างหน้า เช่น ราคาน้ำมันที่ยังคงผันผวน ยังคงมีผลกระทบอยู่ เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่จำเป็นแล้ว เพราะเริ่มฟื้นไปเรื่อยๆแล้ว ถ้าอยู่ในสถานการณ์ภัยพิบัติ โรคระบาด เอามากระตุ้นไม่เป็นไร แต่อยู่ในช่วงภาวะปกติอย่างปัจจุบันนี้ ไม่จำเป็นต้องนำเงินจำนวนมหาศาลมากระตุ้น จะทำให้เป็นหนี้มากขึ้น กลัวไม่สามารถหาเงินส่วนอื่นมาชดเชยธนาคารได้" นายวัฒนการ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังประชาชนติดตามข่าวสารเรื่องนโยบายแจกเงินดิจิทัล แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ปรากฏชัดว่ารัฐบาลจะเอาเงินจากไหนมาแจก และมีกระแสข่าวว่ารัฐกำลังเล็งเงินจากหลายช่องทาง 1 ในนั้น อาจจะเป็นการกู้เงินจากธนาคารออมสิน หรือให้ธนาคารออมสินกู้ให้ ทำให้ประชาชนซึ่งเป็นลูกค้าธนาคารออมสินจำนวนมากได้สอบถามเรื่องดังกล่าวกับพนักงานทุกสาขาตลอดเวลา ทำให้ทางธนาคารต้องให้เจ้าหน้าที่คอยอธิบายทำความเข้าใจกับประชาชน และปรินท์ข้อความชี้แจงลงบนกระดาษเอ 4 เพื่อให้พนักงานแต่ละสาขา คอยชี้แจงกับลูกค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อบัญชีเงินฝาก

ทั้งนี้ข้อความมีเนื้อหาระบุ "ด้วยขณะนี้ ธนาคารออมสินยังไม่ได้รับนโยบายให้ดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับมาตรการเงินดิจิทัลกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าการดำเนินงานของธนาคารออมสินอยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย และดำเนินการโดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ซึ่งไม่สร้างความเสียหายต่อลูกค้าและการดำเนินธุรกิจของธนาคาร"

"PTG" ครองใจลูกค้า ชทุบสถิติครึ่งปีแรก 66 น้ำมัน ALL TIME HIGH รายได้แตะแสนล้าน โต 19.3% โกยกำไร 400 ล.

นายพิทักษ์  รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ  บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG หรือ บริษัทฯ ) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 (สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2566)  บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและบริการ 50,802 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากรายได้ธุรกิจ Oil จำนวน 47,465 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ขณะที่รายได้ในส่วนในส่วนธุรกิจ Non-Oil จำนวน 3,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 116 ล้านบาท 

ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกปี 2566  มีรายได้รวม 101,738 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 19.3% จากปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 17.2% เป็น 95,255 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 400 ล้านบาท

“รายได้ที่เติบโต เป็นผลมาจากภาพรวมอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวสอดคล้องกับเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ที่เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 เป็นต้นมา ประกอบกับมีการเข้าใช้บริการของกลุ่มลูกค้าสมาชิกผู้ถือบัตร PT Max Card สูงขึ้นอย่างเป็นสาระสำคัญ จึงส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน ยังคงสร้างสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2/2566 และทำให้ครึ่งปีแรกมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโต 14.3% จากปีก่อน เป็น 3,008 ล้านลิตร นับเป็นสถิติครึ่งปีแรกที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์”

ส่วนของธุรกิจ Non-Oil มีรายได้เติบโต 63.1% จากปีก่อน เป็น 6,483 ล้านบาท หลัก ๆ มาจากธุรกิจก๊าซ LPG ที่มีรายได้จำนวน 3,979 ล้านบาท เติบโต 71.2% จากปีก่อน มีปัจจัยหลักมาจากปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ที่ยังคงสร้างสถิติสูงที่สุดอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับน้ำมัน ที่จำนวน 305 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 35% จากปีก่อน 

สำหรับธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย มีรายได้เพิ่มขึ้น 70.2% จากปีก่อน จากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 บริษัทฯ มีจำนวนสาขากาแฟพันธุ์ไทยอยู่ที่ 703 สาขา ประกอบกับมีการกลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่องของกลุ่มลูกค้าเดิม และกลุ่มลูกค้าสมาชิกผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus 

นายพิทักษ์  ประเมินแนวโน้มในครึ่งปีหลังว่า จากครึ่งปีแรกที่มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเป็น 3,008 ล้านลิตร เติบโต 14.3% จากปีก่อน นับเป็นสถิติครึ่งปีแรกที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ บริษัทฯ จึงปรับเป้าอัตราการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางในปี 2566 ขึ้นเป็น 10-15% จากปีก่อน เป็น 6,000 ล้านลิตร เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของบริษัทฯ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยวางเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 มีสถานีบริการน้ำมัน จำนวน  2,206 สถานีบริการ 

ส่วนธุรกิจ Non-Oil วางเป้าการเติบโตของรายได้ 75-85% จากปีก่อน โดยจะเพิ่มสถานีบริการก๊าซ LPG และร้านจำหน่ายก๊าซ LPG บรรจุถัง เป็น 574 สาขา  และยังคงมุ่งมั่นขยายร้านกาแฟพันธุ์ไทยอย่างเป็นสาระสำคัญ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เป็น 1,200 สาขา หรือเพิ่มขึ้น 135% จากสิ้นปีที่แล้ว  

ปัจจุบัน ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ มี Touchpoints อื่น ๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil จำนวน 575 สาขา ประกอบด้วย ร้านสะดวกซื้อ Max Mart 325 สาขา  ร้านกาแฟคอฟฟี เวิลด์ 24 สาขา ศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs 53 สาขา จุดพักรถ Max Camp 72 จุด ศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง Maxnitron 55 จุด และจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Elex by EGAT Max จำนวน 46 จุดชาร์จ

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม จึงผนวกความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจ สู่ความยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทฯ โดยเฉพาะความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน เชื่อมให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข”

หมดใน 3 วิ! ลูกค้าแห่จองสินเชื่อบ้านธอส. ช่วง Golden Minute มหกรรมการเงินกรุงเทพ

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองให้ได้รับ อัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษในงาน "มหกรรมการเงินกรุงเทพฯ ครั้งที่ 23 Money Expo Bangkok 2023" กับช่วง "Golden Minute" สินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ย 2 ปีแรก 2.75% ต่อปี โดยจองสิทธิ์ผ่าน Mobile Application : GHB ALL และ GHB ALL GEN ในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 เวลา 15.00 น. ผลปรากฏว่า มีลูกค้าจองสิทธิ์กันเป็นจำนวนมาก ทำให้เต็มกรอบวงเงิน 200 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 3 วินาที เท่านั้น!! ทั้งนี้ผู้ที่จองสิทธิ์สามารถ
ยื่นคำขอกู้ภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2566 และทำนิติกรรมภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2566

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage 
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคาร ได้ที่ Mobile Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th