ยังงงอยู่! "ครูลูกกอล์ฟ" แชร์โมเมนต์สุดพิเศษที่ลอนดอนกับ "ลิซ่า"

เป็นอีกโมเมนต์พิเศษสุดๆ เมื่อ "ครูลูกกอล์ฟ คณาธิป" ออกมาโพสต์คลิปและภาพกับ "ลิซ่า ลลิษา" สมาชิกวง BLACKPINK หลังเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน 

โดย "ครูลูกกอล์ฟ" เล่าว่า ตอนนี้ยังงงอยู่ว่า ทั้งหมดคือความจริงหรือฝันไป หลายวันมานี้ ใช้แต้มบุญไปเยอะแน่ ๆ

ทุกอย่างเริ่มจาก น้องต้าเหนิงบอกว่า น้องลิซ่าอยากทานอาหารที่ร้าน เพราะนางแนะนำไป นี่ก็ร้องกรี๊ดแบบ หาาาาาาาาาาาาา

สุดท้ายจองโต๊ะให้น้อง และไม่คิดว่าน้องจะมา แต่น้องมาจริง ตอนเจอครั้งแรก ความเกร็งทั้งหมดหายไป น้องเข้ามากอด และทักทายด้วยความเป็นมิตรที่สุด

ตอนทานอาหาร ตั้งใจจะไม่ยุ่งกับน้องเลย ปล่อยให้น้องได้พัก เพราะรู้ว่าจะมี concert ใหญ่ ไม่อยากกวนน้อง แต่... คุยไปมา น้องชวนให้นั่งทานข้าวด้วย นี่ก็ร้องหาาาาาาาา ในใจอีกรอบ

ระหว่างทานข้าว เม้ากันมากมาย กับน้องและพี่อลิซ อยู่ ๆ น้องบอกอยากถ่ายคลิป #Walkวนไป นี่ก็ร้องกรี๊ดในใจอีกรอบ หาาาาาาาาาาาาาา เพราะใครจะไปกล้าชวนน้องถ่ายคลิปเดินต่อหน้าผู้จัดการ และ พี่ bodyguard สักพักน้องแซวพัดคุณยายในกระเป๋านี่ แล้วสักพักน้องเอาหมึกกรุบมาให้ลองทาน นี่ก็แบบ กรี๊ดดดดดในใจ น้องให้หมึกกรุบยี่ห้อที่น้องชอบ งงงงงง ได้หมึกกรุบจากลิซ่า!

ทานข้าวจะเสร็จ น้องกับพี่อลิซ ชวนไปดู concert นี่ก็บอกว่า ไม่เป็นไรเลย จริง ๆ จะไปอยู่แล้ว เดี๋ยวจัดการตั๋วเอง เพราะรอบที่แล้วก็ซื้อตั๋ว ทางน้องก็ไม่ยอม ขอดูแล นี่ก็แบบ ร้องกรี๊ดในใจอีก ว่าหาาาาาาาาาาา

สักพักน้องถามว่า มีบาร์ไหนในลอนดอนแนะนำมั้ยนอกจากที่ Slurp นี่ก็บอกว่ามีที่นึง เลยแนะนำไป สักพักน้องและพี่อลิซชวนให้ไปด้วยกัน นี่ก็งงอีก ว่าจริงเหรออออออ

สุดท้ายก็ได้ถ่ายคลิปเดิน และจบลงด้วยการพาน้องเที่ยวกลางคืน ที่งงที่สุดคือ น้องรู้จักพี่พอลว่าเป็นคนถ่ายคลิปเดินให้นี่ คุยไปคุยมา น้องบอกชวนพี่พอลมาได้นะ เลยโทรหาพอล คราวนี้พอลงง ว่าเรื่องจริงหรือหลอก

สุดท้ายพอลได้มาเที่ยวกลางคืนกับน้อง แล้วคุยกันหลายเรื่องมาก หลักๆ คือ เรื่องผี และดูดวง 55555 งงมาก

ค่ำคืนจบลง น้องขอบคุณพี่พาเที่ยว เพราะถ้าไม่ได้เจอกัน น้องคงไม่ได้เที่ยวลอนดอนแบบนี้ และก็ลากันไป โดยคิดว่า ไม่ได้เจอน้องแล้ว

วัน concert มาถึง พี่อลิซจัดแจงบัตรให้มาเป็นแขกของน้อง แล้วทักมาบอกว่า มาเจอน้องก่อนขึ้นเวทีก่อนน้องแสดงนะ นี่ก็บอกว่า ไม่เป็นไรเลย เข้าใจว่าน้องยุ่ง แต่พี่อลิซก็จัดเวลาให้มาเจอ แล้วพอมาถึงคือ ได้รับการดูแลดุจญาติผู้ใหญ่มาก น้องส่งพี่ bodyguard มาดูแล นี่งงแบบจะร้องไห้ ในใจคือร้องหาาาาาา รอบที่ล้าน

และก็เจอกันสั้น ๆ ก่อนน้องขึ้นแสดง น้องเอาตากล้องมาถ่ายภาพให้อีก ที่ดีใจที่สุดคือได้โอกาสมอบพัดส่วนตัวที่มีคำว่า "รวยหนัด" เป็นของขวัญให้น้อง เพื่อให้น้องรู้ว่า I will always be one of your biggest FANS.

จากนั้นก็ดู concert ด้วยความทรงจำที่สวยงามที่สุด


บอกตามตรงว่า ไม่อยากเชื่อเลยว่า มันเกิดขึ้นจริง สามียังงงงงงงงงงงงงงงงงง


ไม่ว่าจะได้เจอน้องอีกหรือไม่ อยากให้น้องและทีมงานรู้ว่า ทางเราจะคอยสนับสนุนน้องเสมอไป


สุดท้ายแล้วจริง ๆ อยากจะบอกทุกคนที่ตามน้องว่า


To all Lisa’s fans around the world, I want you to know that the person you love and idolise is one of the most beautiful and humble souls I have ever met. Our paths may or may not cross again, but I am honoured that she chose to spend one evening in London with me, where we laughed so much and created unforgettable memories together.

 

 

ขอบคุณ IG-@loukgolflg

“อิ๊งค์” บุกสวนทุเรียนเมืองจันท์รับฟังตัวแทนเกษตรกร เสนอดึง ‘ลิซ่า’ ช่วยโปรโมทผลไม้ไทย นายกฯ รับแก้ปัญหาผลไม้ติดหน้าด่าน สั่งผู้ว่าฯ ตั้งทีมคุยล้ง-เกษตรกร

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 พ.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ออกเดินทางจากกองบินตำรวจ ท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ ไปยังสนามบินอำเภอท่าใหม่ (หมวดบิน 31 ฝูงบินทหารเรือ 3141) ตำบลเขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากนั้นนายกฯเดินทางต่อด้วยรถยนต์เลกซัส สีดำ ทะเบียน ขย 111 กรุงเทพมหานคร 

 

โดยจุดแรกเวลา 10.45 น. ที่สวนรักตะวัน ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่รับฟังปัญหาเรื่องต้นทุนการผลิตและผลผลิต จากเกษตรกรชาวสวนผลไม้และผู้ประกอบการรับซื้อผลไม้ในพื้นที่ภาคตะวันออก และแนวทางการให้ความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ โดยมีสส.พรรคประชาชน (ปชน.) ได้แก่ นายวรายุทธ ทองสุข สส.จันทบุรี เขต 1 นายปรัชญาวรรณ ไชยสืบ สส.จันทบุรี เขต 2 และน.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี เขต 3 ร่วมรับฟังด้วย 

 

เมื่อมาถึงนายกฯรับฟังรายงานและข้อเสนอจากตัวแทนเกษตรกร ที่ขอให้รัฐบาลสนับสนุนผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและชาวจีน ด้วยการอำนวยความสะดวกให้ราบรื่น เช่น มีแล็บตรวจทุเรียนในพื้นที่หลักที่มีการผลิต เนื่องจากขณะนี้หลายประเทศมุ่งส่งทุเรียนเข้าประเทศจีน จึงต้องให้ความช่วยเหลือในส่วนนี้ และขอให้รัฐบาลใช้ซอฟต์พาวเวอร์ที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ชาวไทย เช่น ลิซ่า โปรโมทผลไม้ไทยเพื่อรักษากลุ่มลูกค้าเดิม และจะช่วยขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่สูงกว่าเดิม เชื่อว่าจะทำให้ยอดขายผลไม้ไทยสูงกว่าเดิม จากปีละ 2 -3 แสนล้านบาทเป็น 5 แสนล้านบาทได้แน่นอน รวมถึงให้เร่งช่วยแก้ปัญหาการส่งออกล่าช้าเนื่องจากมีตู้ค้างหน้าด่าน 700-1,000 ตู้ ทำให้ล่าช้า ซึ่งจากเดิมใช้เวลา 14 วัน แม้รัฐบาลจะดำเนินการแก้ปัญหาแล้ว แต่ยังคงใช้เวลา 8-12 วัน เราอยากจะให้เร็วขึ้น นอกจากนี้ขอความช่วยเหลือเรื่องปัญหาทุเรียนอ่อนทำให้ไม่ได้น้ำหนักตามที่กำหนด โดยเรายังไม่มีกฎบังคับใช้ตรงนี้ จึงขอความชัดเจนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยออกกฎระเบียบโดยอาจจะออกเป็นระเบียบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือของผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี รวมถึงขอให้แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานภาคการเกษตรโดยให้เพิ่มอายุการทำงานแรงงานต่างด้าวและให้แรงงานต่างด้าวสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้ พร้อมขออนุมัติงบกลาง ประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินเยียวยาความเสียหาย ทั้งเสียชีวิตและสวนทุเรียนจากปัญหาช้างป่า

 

จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า วันนี้ดีใจอย่างมากที่ได้มาเจอชาวจันทบุรี วันนี้ตั้งใจจะมาพูดคุยกับชาวสวนทุกท่านว่าเจอปัญหาอะไรบ้าง และอยากรับฟังปัญหาที่ได้เจอจริงๆที่เกิดขึ้น รวมถึงรับฟังเรื่องของราคา ซึ่งเดี๋ยวจะขอไปดูรายละเอียดกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าเป็นอย่างไรบ้างในเรื่องของราคาผลไม้ต่างๆ โดยภาพรวมมีผลไม้ล้นตลาด ซึ่งรัฐบาลนำเอกชนเข้ามาช่วยซื้อ เพื่อไม่ให้ราคาลดลงเยอะและเพื่อไม่ให้สินค้าเน่าเสียได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว และความจริงแล้วเราอยากจะสนับสนุนเรื่องของการวิจัยเพิ่มเติมในเรื่องของห้องแล็บ ตนได้ไปทุกจังหวัดทั่วประเทศเน้นในเรื่องการวิจัย เพราะเราเป็นตัวท็อปในเรื่องการส่งออกปลาทะเลและกุ้งซึ่งตอนนี้ลดน้อยลง เพราะธรรมชาติเปลี่ยนไปและมีปัจจัยอื่นเข้ามา โดยเฉพาะเพื่อนบ้านมีการวิจัยที่ดี และพัฒนาโปรดักส์ให้ดีมากยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้ามาซื้อของดีคุณภาพสูงราคาถูก เรื่องนี้ตนได้สั่งการในคณะรัฐมนตรี (ครม.)เรียบร้อยในเรื่องการทำวิจัยสินค้าส่งออกของไทย ตอนนี้ต้องรอการดำเนินการ เพราะการวิจัยคือการวางรากฐานสู่อนาคต  โปรดักส์ของเราต้องพัฒนาขึ้น โลกเปลี่ยนไป ทุกอย่างเปลี่ยนไปต้องพัฒนาศึกษาต่อคือสิ่งที่ไม่ปล่อยแน่นอน

 

นายกฯ กล่าวต่อว่า ในเรื่องของคุณภาพมังคุดที่บอกว่าติดหน้าด่าน พร้อมแก้ปัญหา แต่ไม่แน่ใจว่ามีปัญหาเมื่อไหร่  เข้าใจว่าผลไม้เสียเราไม่อยากให้ติดด่าน ทำให้ต้นทุนเพิ่ม เดี๋ยวจะย้ำเรื่องนี้ และให้ใช้เวลานานในการขนส่งลดให้เหลือวันน้อยที่สุด 

 

ทั้งนี้ในวันที่ 10 ก.ค. นี้ จะมีการประกาศใช้ระเบียบ ตามที่กรมวิชาการเกษตร กำหนดมาตรการควบคุมทุเรียน ตามมาตรฐานบังคับเรื่อง หลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียน สำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุ (มกษ. 9070-2566) ซึ่งมีผลบังคับใช้กับล้งที่มีปัญหาทุเรียนอ่อน ให้มีมาตราฐานก่อนส่งออก โดยขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ตั้งทีมทำงานพูดคุยกันว่าในพื้นที่อยากได้แบบไหน พูดคุยกันในพื้นที่ว่าจะเอาอะไรบ้าง เพื่อให้ตรงกับชาวบ้าน หรือตั้งสแตนดาร์ดว่าคุณภาพนี้ได้ราคานี้เพื่อให้ชัดและมีการกำหนดราคาหลายราคาให้ชัดเจน  

 

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนเรื่องของแรงงานได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยไปดูในกฎระเบียบว่าทำอย่างไรได้บ้าง  ส่วนเรื่องของช้างป่า จะดูให้เป็นกรณีพิเศษ เดี๋ยวจะไปถามด้วยตัวเองเพราะความจริงแล้วที่พูดแบบนี้ เพราะว่ามีอันตรายถึงชีวิตคน เรื่องนี้สำคัญที่สุดโลกเราเปลี่ยนไป ถ้าเรายังมีลมหายใจ เราก็สู้ได้ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มาถึงชีวิต ฉะนั้นเดี๋ยวจะไปดูเรื่องนี้ให้อย่างจริงจังว่าทำอะไรแล้วบ้าง และต้องทำอะไรเพิ่มได้อีกบ้าง หากถ้าคิดไม่ออกอาจจะส่งคำถามมาที่ผู้ว่าฯว่ามีข้อแนะนำอะไรบ้าง ขอฝากผู้ว่าฯไว้ก่อน เพื่อเป็นช่องทางที่สามารถพูดคุยกันได้

 

จากนั้นนายกฯเยี่ยมชมจุดไลฟ์สดขายทุเรียนของกลุ่ม Young Smart Farmer ก่อนรับฟังการบริหารจัดการผลไม้ปี 2568 ดูระบบการบริหารจัดการและควบคุมการปนเปื้อนสารเคมีตกค้างในทุเรียนเพื่อการส่งออก จากนั้นนายกฯได้ปลูกต้นทุเรียนและดูรถพ่นยาในสวน (แอร์บัส) ก่อนรับมอบทุเรียนหมอนทองเป็นที่ระลึกจากสภา เกษตรกรจังหวัดจันทบุรี และเดินดูต้นทุเรียนร้อยปี พร้อมได้ทดลองตัดทุเรียนในสวนด้วย

"จ๊ะ นงผณี" ฟาดลุคแซ่บโคฟเป็น "ลิซ่า" อย่างเฟียส

"จ๊ะ นงผณี"ฟาดลุคแซ่บโคฟเป็น"ลิซ่า"อย่างเฟียส

จัดเต็มแฟชั่นขั้นสุด! สำหรับนักร้องลูกทุ่งสายแซ่บ “จ๊ะ นงผณี มหาดไทย” ที่งานนี้โคฟเวอร์ลุคสุดปังของ “ลิซ่า BLACKPINK” จากงาน Met Gala 2025 ด้วยลุคส์ชุดดำซีทรูระยิบระยับ เผยให้เห็นเรียวขาสุดเซ็กซี่ พร้อมเครื่องประดับแน่นๆ แบบเป๊ะทุกมุม

โดย สาวจ๊ะได้โพสต์ภาพลงโซเชียล พร้อมแคปชันสั้นๆว่า “ลิจ๊ะ 💚” ทำเอาชาวเน็ตแห่คอมเมนต์ไฟลุก  งานนี้ต้องยอมใจในความเป๊ะตั้งแต่ผมจรดปลายเท้า แถมอินเนอร์ตัวแม่ไม่แพ้ต้นฉบับ

​​​​​​​ ​​​​​​​

​​​​​​​

ขอขอบคุณไอจี jaja_nongpanee

ส่อง Comment สังคมออนไลน์ หลัง ดร.โสภณ โพสต์ฟาดท่าเต้น ‘ลิซ่า BLACKPINK’ จุดชนวนวิพากษ์ร้อน!

ส่อง Comment สังคมออนไลน์ หลังดร.โสภณ โพสต์ฟาดท่าเต้น ‘ลิซ่า BLACKPINK’ จุดชนวนวิพากษ์ร้อน!

จากโพสต์ของ ดร.โสภณ พรโชคชัย นักวิชาการชื่อดังด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ออกมาแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในเชิงตำหนิท่าเต้นของ ลิซ่า BLACKPINK ในการแสดงคอนเสิร์ตว่า “ไม่เหมาะสมกับสังคมไทย” กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์อย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์ ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ชื่อของ “ดร.โสภณ” และ “ลิซ่า” ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ พร้อมมีการแชร์ภาพ คลิป และคอมเมนต์นับหมื่นในทุกแพลตฟอร์ม

จุดเริ่มดราม่า: โพสต์ที่จุดไฟ

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ดร.โสภณ โพสต์ข้อความระบุว่า “ท่าเต้นของลิซ่าในคอนเสิร์ตที่กรุงเทพฯ ไม่เหมาะสมกับบริบทวัฒนธรรมไทย ดูยั่วยวนเกินไปในที่สาธารณะ” พร้อมแนบคลิปการแสดงบางช่วงของลิซ่า ซึ่งเขาใช้เป็นตัวอย่างประกอบคำวิจารณ์

โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ไปอย่างรวดเร็ว โดยมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ต่างฝ่ายต่างแสดงความเห็นอย่างเผ็ดร้อน นำไปสู่การตั้งคำถามถึงเจตนาและแนวคิดของนักวิชาการกับศิลปะสมัยใหม่

เสียงจากแฟนคลับ: “อย่าเหมารวมศิลปะกับศีลธรรม”

กลุ่มแฟนคลับของลิซ่าในประเทศไทยและต่างประเทศออกมาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว โดยใช้แฮชแท็ก #RespectLisa และ #SupportLisa ติดเทรนด์อันดับต้นๆ บน X (Twitter)

หลายคนชี้ว่าท่าเต้นของลิซ่าอยู่ในกรอบของการแสดงระดับโลก และเธอเป็นตัวแทนศิลปินไทยที่ประสบความสำเร็จในเวทีระดับสากล คอมเมนต์หนึ่งที่ได้รับความนิยมระบุว่า “ลิซ่าไม่ใช่แค่ศิลปิน K-pop แต่คือสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและความสามารถ ไม่ควรนำวัฒนธรรมที่ล้าหลังมาตัดสินการแสดงของเธอ”

ฝั่งเห็นด้วยกับดร.โสภณ: “ศิลปะต้องเคารพขนบธรรมเนียม”

ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ใช้งานโซเชียลบางส่วนที่แสดงความเห็นสนับสนุน ดร.โสภณ โดยมองว่าท่าเต้นบางท่าดู “โจ่งแจ้งเกินไป” สำหรับบริบทสังคมไทย โดยเฉพาะในคอนเสิร์ตที่มีเยาวชนเข้าชมจำนวนมาก

บางความเห็นระบุว่า:

“ศิลปะคือเสรีภาพ แต่ต้องไม่ล้ำเส้นจริยธรรมของสังคม การเป็นคนดังควรเป็นแบบอย่าง ไม่ใช่ทำอะไรก็ได้เพราะอ้างว่าศิลปะ”

เสรีภาพทางศิลปะ vs ค่านิยมไทย: ความขัดแย้งที่ยังไม่จบ

ประเด็นนี้ตอกย้ำข้อถกเถียงสำคัญเรื่อง “เสรีภาพในการแสดงออก” ในบริบทของสังคมไทยยุคใหม่ หลายคนตั้งคำถามว่า เหตุใดศิลปะที่ได้รับการยอมรับระดับโลก กลับถูกตีกรอบด้วยค่านิยมที่อาจล้าสมัย

นักวิชาการบางคนเสนอว่า ประเทศไทยต้องแยกแยะระหว่าง “รสนิยมส่วนบุคคล” กับ “มาตรฐานศีลธรรม” และเปิดพื้นที่ให้ศิลปินสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตัดสินด้วยบรรทัดฐานเดียว

ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของดร.โสภณ

หลังโพสต์ดังกล่าว กลุ่มนักศึกษา อดีตลูกศิษย์ และประชาชนทั่วไปบางส่วนได้ออกมาโพสต์ข้อความระบายความรู้สึก บางรายถึงขั้น “แอนฟอลโลว์” หรือเรียกร้องให้ถอนตัวจากเวทีวิชาการ โดยมองว่าความเห็นของเขาไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของสังคมที่เปิดกว้าง

แม้ดร.โสภณจะยืนยันในภายหลังว่า “ไม่ได้มีเจตนาโจมตีตัวบุคคล แต่ต้องการสะท้อนมุมมองต่อสังคม” แต่กระแสสังคมก็ได้เปลี่ยนภาพจำของเขาไปอย่างมีนัยยะ

บทเรียนจากดราม่าครั้งนี้

1.ศิลปินกับความรับผิดชอบทางสังคม – ศิลปินต้องตระหนักถึงผลกระทบที่ตามมา แต่ไม่ควรถูกจำกัดด้วยกรอบที่ทำลายเสรีภาพในการสร้างสรรค์

2.นักวิชาการกับความเข้าใจในโลกยุคใหม่ – การแสดงความเห็นในที่สาธารณะต้องมาพร้อมกับความเข้าใจในบริบทปัจจุบัน เพื่อไม่ให้กลายเป็นการสร้างความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น

3.โซเชียลมีเดียในฐานะเวทีวัดพลังสังคม – ปฏิกิริยาที่รวดเร็วและรุนแรงจากชาวเน็ตแสดงให้เห็นว่า เสียงของประชาชนมีอิทธิพลสูงในยุคดิจิทัล และสามารถเปลี่ยนทิศทางของประเด็นสาธารณะได้อย่างฉับพลัน

เมื่อวัฒนธรรมเมื่อวัฒนธรรม ศิลปะ และความคิดเห็นมาบรรจบกัน

กรณีของ ดร.โสภณ กับท่าเต้นของลิซ่า BLACKPINK เป็นอีกหนึ่งบทสะท้อนที่ชัดเจนถึงการปะทะกันระหว่าง “ความคิดแบบอนุรักษ์นิยม” กับ “กระแสโลกาภิวัตน์” ซึ่งไม่มีคำตอบที่ตายตัวว่าใครถูกหรือผิด

แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ สังคมไทยกำลังเดินหน้าสู่การตั้งคำถามใหม่ๆเกี่ยวกับ “อะไรคือความเหมาะสม” และ “ใครมีสิทธิ์ในการนิยามมัน” ในยุคที่ความคิดเห็นถูกเปล่งเสียงพร้อมกันนับล้านบนแพลตฟอร์มดิจิทัล

การเคารพความหลากหลายทางวัฒนธรรม ควรเป็นหัวใจหลักในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคมยุคใหม่

#โสภณพรโชคชัย #ลิซ่าBLACKPINK #ข่าววันนี้ #ลิซ่า #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ดรโสภณ #RespectLisa #ศิลปะกับสังคม #เสรีภาพในการแสดงออก #ดราม่าโซเชียล #LisaThailand #ค่านิยมไทย #โซเชียลเสียงแตก #เมื่อศิลปะชนกับศีลธรรม

 

"หมอของขวัญ" ฟาดด๊อกตวย ปมวิจารณ์ลิซ่า BLACKPINK ลั่นกลับไปสอนลูกตัวเองไม่ให้แอบขึ้นรถไฟที่ญี่ปุ่นจนถูกจับ

เดือด! "หมอของขวัญ" ฟาดด๊อกตวย ปมวิจารณ์ลิซ่า BLACKPINK ลั่นกลับไปสอนลูกตัวเองไม่ให้แอบขึ้นรถไฟที่ญี่ปุ่นจนถูกจับ

วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 เฟซบุ๊กเพจชื่อดัง “Doctorkatekate” ของแพทย์หญิงของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หมอของขวัญ” ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงจุดยืนอย่างดุเดือด หลังเกิดกระแสบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับการวิจารณ์ “ลิซ่า BLACKPINK” ศิลปินระดับโลกชาวไทย

โดยเนื้อหาในโพสต์ระบุว่า ไม่ต้องสะเอ่อะอาจเอื้อมไปสอนลิซ่าค่า ช่วยสอนลูกตัวเองไม่ให้แอบขึ้นรถไฟที่ญี่ปุ่นจนถูกจับได้ก่อนมั้ย คุณด๊อกตวย

ข้อความดังกล่าวกลายเป็นไวรัลในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกโซเชียล เนื่องจากเป็นการออกมาปกป้องลิซ่าในลักษณะที่แข็งกร้าว พร้อมพาดพิงบุคคลอื่นที่มีประวัติหรือข่าวเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ขึ้นรถไฟโดยไม่ได้รับอนุญาตในประเทศญี่ปุ่น

 

 

#ลิซ่าBLACKPINK #หมอของขวัญ #ข่าววันนี้ #ลิซ่า #ญี่ปุ่น #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

"ลิซ่า x Maroon 5 ทำเพลงใหม่ ปังไม่หยุด! กระแสโซเชียลแตก! ฟีเจอริ่งนี้พาเพลงติดเทรนด์ทั่วโลก!"

กระแสโซเชียลต่อเพลงใหม่ของลิซ่าและ Maroon 5: ฟีเจอริ่งที่เปลี่ยนโฉมวงการเพลง

         การร่วมงานระหว่าง ลิซ่า นักร้องสาวคนดังจากวง BLACKPINK และวงดนตรีสุดฮิตระดับโลก Maroon 5 ได้รับความสนใจจากแฟนเพลงทั่วโลกอย่างมาก ผลงานเพลงใหม่ของทั้งสองศิลปินที่ออกมาไม่นานนี้ ไม่เพียงแต่สร้างกระแสในวงการเพลงเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงในโซเชียลมีเดียอย่างล้นหลาม

 การร่วมงานที่น่าจับตา

            เพลงใหม่ของ ลิซ่า และ Maroon 5 ได้รับการตอบรับอย่างดีจากแฟนเพลงทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากการฟีเจอริ่งของศิลปิน K-pop อย่างลิซ่ากับวงดนตรีสากลชั้นนำอย่าง Maroon 5 ซึ่งเป็นการผสมผสานที่น่าสนใจระหว่างดนตรีแนว K-pop และ ป็อป สากล ทำให้เกิดกระแสที่พูดถึงกันในวงกว้าง ความน่าสนใจนี้เกิดจากการที่ลิซ่ามีฐานแฟนคลับที่ใหญ่ทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับ K-pop ที่ติดตามผลงานของเธอมาตลอด ขณะเดียวกัน Maroon 5 ก็มีแฟนเพลงเหนียวแน่นที่ชื่นชอบในสไตล์ดนตรีที่มีความสดใหม่และสร้างสรรค์

กระแสในโซเชียลมีเดีย

           หลังจากที่เพลงถูกปล่อยออกมา กระแสใน Twitter และ Instagram ก็เริ่มร้อนแรงมากขึ้น โดยแฟนเพลงต่างพากันแสดงความคิดเห็นถึงความลงตัวในการทำงานร่วมกันของลิซ่าและ Adam Levine นักร้องนำของ Maroon 5 ทั้งสองแสดงความสามารถทางการร้องและการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ สร้างสีสันให้กับเพลงและทำให้แฟนเพลงหลงรักมากยิ่งขึ้น

         การคุยถึงเพลงนี้ยังแพร่หลายใน TikTok ซึ่งผู้ใช้แพลตฟอร์มนี้ได้นำเพลงไปสร้างคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเต้น หรือการแสดงออกถึงความรู้สึกกับเพลง ทำให้เพลงนี้ติดเทรนด์และมีผู้ฟังมากมายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ยอดวิวและการสำเร็จทางการตลาด

        ยอดวิวบน YouTube และ Spotify สำหรับเพลงนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น ถือเป็นการแสดงถึงความสำเร็จของการร่วมงานระหว่าง ลิซ่า และ Maroon 5 โดยมีการคาดการณ์ว่าเพลงนี้จะกลายเป็นเพลงฮิตที่ทำรายได้ได้อย่างมหาศาล นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์และชื่อเสียงของทั้งสองศิลปินที่ร่วมงานกันในโปรเจ็กต์นี้

          การร่วมงานระหว่าง ลิซ่า และ Maroon 5 ถือเป็นการยกระดับวงการเพลง โดยเฉพาะในแง่ของการเชื่อมโยงศิลปินจากแนวดนตรีที่แตกต่างกัน แต่สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ลงตัวและตอบสนองต่อความชอบของแฟนเพลงหลากหลายกลุ่มได้อย่างดี ผลงานนี้เป็นการแสดงถึงพลังของการร่วมมือระหว่างศิลปินทั้งสองวงการที่ยิ่งใหญ่และทำให้กระแสในโซเชียลมีเดียยิ่งทวีความร้อนแรง

        การเข้าถึงแฟนเพลงทั่วโลกและการพูดถึงที่ล้นหลามในโซเชียลมีเดียทำให้เพลงนี้กลายเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ในวงการเพลงระดับโลกที่ต้องจับตามองต่อไป

ไม่แปลกใจ! 'ครูเงาะ' เผยเหตุ 'ลิซ่า' ดังไม่หยุดระดับโลก

เป็นอีกหนึ่งซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่ใครๆก็หลงรัก สำหรับ "ลิซ่า ลลิษา" ล่าสุดครูสอนการแสดงชื่อดัง "ครูเงาะ-รสสุคนธ์ กองเกตุ" ได้มีโอกาสพบกับ ลิซ่าและได้สอนการแสดงเพิ่มเติมให้กับลิซ่า ได้เผยความรู้สึกถึงลิซ่าผ่านเฟซบุ๊กว่า "เคยคิดอยู่เสมอว่าจะทำยังไงที่จะได้เจอลิซ่า แล้วได้พูดคำว่าขอบคุณในสิ่งที่น้องทำ ขอบคุณที่เป็นต้นแบบที่ดีให้กับเด็กรุ่นใหม่ ขอบคุณที่เป็นพลังให้กับประเทศ

แล้วบุญเก่าก็ส่งผลทันทีตอนที่ ผู้จัดการของน้องติดต่อเข้ามาเพื่อที่จะให้น้องมาเรียนการแสดงในเรื่อง White Lotus

พูดได้คำเดียวว่าพอได้เจอน้องแล้ว นอกจากคำว่าเป็นเด็กมีความสามารถแล้ว น้องมีมายด์เซ็ทของคนที่ประสบความสำเร็จอยู่ในตัวครบทุกข้อ

1. ไม่กลัวที่จะเริ่มต้นในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้

2. ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้สุดๆ ไม่ว่าตัวเองจะงานเยอะแค่ไหนก็จะหาเวลามาเรียน

3. ทำงานเพื่องาน ส่วนชื่อเสียงเป็นเพียงผล เพราะไม่ว่าบทจะมากน้อยแค่ไหน เธอก็ทุ่มเทเต็มที่

4. น้องสามารถหัวเราะได้กับทุกความผิดพลาดของตัวเอง อันนี้คือมายด์เซ็ทคนที่รู้อยู่ในใจว่า ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะฉันเรียนรู้จากมันได้ เค้าเลยไม่ซีเรียสถ้าตัวเองผิด แต่จริงจังในการเรียนรู้

5. และที่สำคัญที่สุดเป็นเด็กที่มีสัมมาคารวะ อ่อนน้อมถ่อมตน และกตัญญูเป็นที่สุด

วันนี้ครูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมน้องถึงพุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่สู่ระดับโลกอย่างในทุกวันนี้"

 

 

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก ครูเงาะ รสสุคนธ์ กองเกตุ

 

แห่เที่ยวตามรอย “ลิซ่า” ในซีรีส์ The White Lotus Season 3 ยอดจองโรงแรมพุ่ง-เม็ดเงินสะพัด

เปิดวาร์ป! “สมุยสมุย..” แห่เที่ยวตามรอย “ลิซ่า” ในซีรีส์ The White Lotus Season 3 ยอดจองโรงแรมพุ่งเม็ดเงินสะพัดในพื้นที่

วันที่ 23 ก.พ.68 นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขอชื่นชมนางสาวลลิษา มโนบาล หรือลิซ่า ร่วมแสดงในซีรีส์ “The White Lotus” ซีซั่น 3 ซึ่งเป็นซีรีส์ที่ได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้ โดยได้มีการถ่ายทำในสถานที่สวยงามของประเทศไทยทั้งในกรุงเทพมหานคร ภูเก็ต และเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี อาทิ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง หาดเชิงมน หาดริ้น เกาะพะงัน วัดภูเขาทอง Pi Samui Beach Club and Restaurant ดุสิตเทวา (Dusit Dhewa) และหมู่บ้านชาวประมง 

จากกระแสดังกล่าว ส่งผลจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งวัดจากการค้นหาที่พักในเกาะสมุยเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 และความสนใจของนักท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นเกือบ 2 ใน 3 หรือ ร้อยละ  65 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยเดือนที่ผ่าน ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็น 1 ในประเทศ 5 อันดับแรก ที่มีการค้นหาที่พักในเกาะสมุยบนแพลตฟอร์มอโกด้ามากที่สุด  โดยเฉพาะในกลุ่มท่องเที่ยวแบบลักซูรี (Luxury Tourism) ส่งผลต่อการเพิ่มยอดการจองโรงแรมและราคาห้องพักเฉลี่ย (ADR) ที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 40 ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่มีนักท่องเที่ยวให้ความน่าสนใจมากขึ้น 

สำหรับโรงแรมที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ 1) Four Seasons Resorts Koh Samui 2) Anantara Lawana Koh Samui Resort 3) Anantara Mai Khao Phuket Villas, และ 4) Anantara Bophut Koh Samui Resort   

ส่วนการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ช่วงที่ผ่านมาพบว่า ในปี 2566 มีการลงทุนสูงถึง 6,700 ล้านบาท และ ปี 2567 แม้จะมีจำนวนกองถ่ายใกล้เคียงกับปีก่อน แต่สามารถสร้างมูลค่าเงินลงทุนได้มากถึง 6,580 ล้านบาท  เกิดการจ้างงานคนไทย 29,000 คน     

“รัฐบาลพร้อมส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้ทบทวนมาตรการส่งเสริมต่าง ๆ เช่น การเพิ่มสิทธิประโยชน์ในรูปแบบของการคืนเงินสูงสุด (cash rebate) ที่อัตราร้อยละ 30 และ ไม่กำหนดเพดานคืนเงินสูงสุดต่อโครงการ เป็นต้น เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับนักลงทุนในกลุ่มดังกล่าว” นางสาวศศิกานต์ กล่าว

เปิดความหมาย "ดอกบัวสีทอง" ในมือ "ลิซ่า" ผลงานแบรนด์ไทย

ผ่านไปแล้วสำหรับการเปิดตัวนักแสดง   The White Lotus Season 3  ณ Los Angeles สหรัฐอเมริกา โดยงานนี้นอกจากนักแสดงฮอลลีวู้ดแล้ว ยังมีนักแสดงไทยชื่อดังหลายคน รวมถึง  "ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล"

ภายในงาน ลิซ่า ได้ปรากฏตัวในชุดเดรสสีเหลืองปักมุกสุดหรูจากแบรนด์เกาหลี MISS SOHEE พร้อมกับ "ดอกบัวสีทอง" ในมือ ผลงานคนไทยจากแบรนด์ SARRAN  ซึ่งสั่งทำพิเศษสำหรับ ลิซ่า

โดย เพจ  sarranofficial  ได้เผยภาพพร้อมความหมายว่า "Light of Lotus แนวคิดของการออกแบบในครั้งนี้คือการจำลองแสงแรกที่สะท้อนสู่ผิวน้ำและดอกบัวสีขาวยามเช้า ด้วยแสงอาทิตย์สีเหลืองทอง แล้วดอกบัวที่กำลังเบ่งบาน บอกเล่าสู่การเดินทางและการเริ่มต้นในทุกเช้าวันใหม่"
 

 

 

ขอบคุณ IG-@sarranofficial

 

 

“ลิซ่า”ไอดอล! “ดุสิตโพล” เผย “เด็กไทย” อยากได้ “ทุนการศึกษา” จากนายกฯ-รัฐบาลเป็นของขวัญ "วันเด็กแห่งชาติ"

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2568 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นเด็กไทยทั่วประเทศ เรื่อง “เสียงสะท้อนจากเด็กไทย ปี 2568” ระหว่างวันที่ 7-10 มกราคม 2568 กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กไทยอายุระหว่าง 6-18 ปี จำนวน 1,030 คน สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม พบว่า สิ่งที่เด็กไทยชอบหรือประทับใจที่สุดในวัยเรียน คือ การเล่นกับเพื่อน ๆ ในโรงเรียน ร้อยละ 66.21 นอกเหนือจากห้องเรียน เด็กไทยชอบเรียนรู้จากการดูคลิปหรือเรียนรู้จากมือถือ/แท็บเล็ตมากที่สุด ร้อยละ 76.99 ทักษะที่สำคัญสำหรับอนาคต คือ ทักษะการรู้จักป้องกันและรับมือกับภัยอันตรายทั้งในชีวิตจริงและออนไลน์ ร้อยละ 74.76 ทั้งนี้ เด็กไทยอยากเห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลง คือ โรงเรียนและการเรียนสนุกขึ้น ร้อยละ 61.26 ของขวัญที่อยากได้จากรัฐบาล/นายกรัฐมนตรีในวันเด็กปีนี้ คือ ทุนการศึกษา เงินช่วยเหลือ ร้อยละ 74.37 นอกจากคุณพ่อคุณแม่ คนที่เด็กไทยชื่นชมและเป็นแรงบันดาลใจ คือ ลิซ่า ลลิษา ร้อยละ 47.09 รองลงมาคือ คุณครู ร้อยละ41.26

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล กล่าวว่า จากผลโพลสะท้อนเสียงของเด็กไทยอายุ 6-18 ปี ว่า “ความสนุก” ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของช่วงวัยนี้ ทั้งการเล่นกับเพื่อนในโรงเรียนและคาดหวังให้การเรียนในห้องเรียนสนุกมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มุ่งเน้น “เรียนดี มีความสุข” หากสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้ ย่อมตอบโจทย์ผู้เรียนอย่างแท้จริง ผลโพลยังชี้ให้เห็นว่าเด็กไทยตระหนักถึงภัยมิจฉาชีพออนไลน์ การพัฒนาด้านเทคโนโลยี รวมถึงชื่นชมบุคคลศิลปินระดับโลกอย่าง “ลิซ่า ลลิษา” คุณครู นักกีฬา ไปจนถึงนักการเมืองอย่าง “พิธา” และ “แพทองธาร”