โอกาส "ผู้ประกอบการไทย" ในเขตเศรษฐกิจพิเศษของสปป.ลาว

 

สปป.ลาว เป็นหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านที่ผู้ประกอบการไทยสามารถพิจารณาเข้าไปลงทุนในการผลิตสินค้าและให้บริการได้ โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะมีรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน เป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยยกระดับการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ในระยะข้างหน้า

Krungthai COMPASS ประเมินเขตเศรษฐกิจพิเศษของลาวที่มีศักยภาพในแต่ละด้าน ได้แก่ 1) เขตสะหวัน-เซโน และไชยเชษฐา มีศักยภาพด้านอุตสาหกรรมผลิต เป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในธุรกิจบริการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ซ่อมเครื่องจักร วางระบบดิจิทัล อีกทั้งประเมินว่า หากผู้ประกอบการไทยลงทุนในธุรกิจฉีดขึ้นรูปพลาสติก ในเขตสะหวัน-เซโน จะสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ราว 11% จากต้นทุนแรงงานและพลังงานที่ลดลงราว 52% และ 32% ตามลำดับ 2) เขตธาตุหลวง มีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยว เป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและรีสอร์ต 3) เขตบ่อเต็นและ ดงโพสี มีศักยภาพด้าน Trade & Logistic เป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในธุรกิจกลุ่มโลจิสติกส์และธุรกิจขนส่ง การเงิน และธนาคาร การท่องเที่ยว และโรงแรม

 

สำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจจะเข้าไปลงทุนในลาวควรศึกษากระบวนการในการเข้าไปลงทุนตามประเภทธุรกิจที่ต้องการเข้าไปลงทุน อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยท้าทายสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุน ได้แก่ ความไม่แน่นอนของกฎหมายและระเบียบของลาว ค่าเงินกีบที่มีทิศทางอ่อนค่า และแรงงานที่มีทักษะรองรับกิจการที่จะลงทุน ซึ่งนักลงทุนไทยต้องติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมสำหรับความท้าทายเหล่านี้

"พันธุ์ไทย" ขยายตลาดสปป.ลาว ผุด "ปันคาเฟ่" สาขาใหม่ ดันยอดขายโต 2 เท่า ตั้งเป้าเปิดอีก 4 สาขาปีนี้

สปป.ลาว – บ.กาแฟพันธุ์ไทย ผนึกกำลังกับ บ.มัลติเพล็กซ์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ผู้ได้รับสิทธิ์บริหารร้านกาแฟแบรนด์ “ปันคาเฟ่” ภายใต้การบริหารของ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด เดินหน้าขยาย 2 สาขาใหม่ในสะหวันนะเขต และบ้านฮ่องแก ด้วยกลยุทธ์สร้างพื้นที่ Community Hub ในคอนเซปป์ Café & Restaurant หลังยอดขายสาขาแรกที่สถานีรถไฟความเร็วสูงเวียงจันทน์ เติบโตขึ้น 2 เท่า ตั้งเป้าขยายอีก 4 สาขา ภายในปี 2568 นี้

วันที่ 6 สิงหาคม 2568 คุณจุไรวรรณ หยวน ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า คนรุ่นใหม่ในลาวเริ่มนิยมดื่มกาแฟ เครื่องดื่มที่มีแบรนด์ และให้ความสำคัญกับบรรยากาศร้านและคุณภาพอาหารมากขึ้น กลุ่มเป้าหมายที่เติบโตมากคือวัยทำงาน มีรายได้ปานกลางขึ้นไป รวมถึงนักท่องเที่ยวและนักลงทุนที่เข้ามาทำธุรกิจทั้งชาวจีน ชาวเกาหลี และแม้คนลาวส่วนใหญ่ยังนิยมทำอาหารที่บ้าน แต่เทรนด์ทานอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และเขตเศรษฐกิจ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ในขณะที่แบรนด์ไทยเองก็มีจุดแข็งด้านภาพลักษณ์และบริการในตลาดลาวเช่นกัน ทั้งนี้ ปันคาเฟ่ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณภาพ ความเอาใจใส่ และหัวใจของการบริการที่เป็นมิตร จนได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สาขาแรกที่เปิดให้บริการภายในสถานีรถไฟความเร็วสูงเวียงจันทน์ และสาขาสองที่สะหวันเขต ต่อเนื่องถึงสาขาล่าสุดในวันนี้ สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของกาแฟพันธุ์ไทย ที่ต้องการส่งมอบคุณภาพและประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภคในทุกภูมิภาค ไม่เพียงแต่ในประเทศไทย แต่ยังขยายความสุขสู่ประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย

คุณอิงคลดา ไชเจริญทรัพย์ กรรมการ บริษัท มัลติเพล็กซ์ จำกัด ผู้ได้รับสิทธิ์บริหารแบรนด์ ปันคาเฟ่ ใน สปป.ลาว กล่าวว่า การเปิดสาขาใหม่ที่บ้านฮ่องแกไม่ใช่แค่การขยายธุรกิจ แต่เป็นการบุกเบิกตลาดด้วยความใส่ใจและเข้าใจความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ โดยสถานีรถไฟความเร็วสูงเวียงจันทน์ รองรับกลุ่มคนทำงาน กลุ่มนักท่องเที่ยว ที่ต้องการความสะดวกสบายกับอาหารและเครื่องดื่มที่อร่อยและเข้าถึงง่าย หรือสาขา 2 ที่สะหวันนะเขต ตั้งอยู่ใกล้ริมแม่น้ำโขง ใจกลางแหล่งชุมชน และสถานที่ราชการ เช่น ธนาคารการค้าต่างประเทศ และสาขาล่าสุด บ้านฮ่องแก ที่มาพร้อมคอนเซปป์ Café & Restaurant เสิร์ฟความอร่อยด้วยเมนูที่หลากหลายตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ด้วยกลยุทธ์หลักคือการสร้าง Community Hub เปิดพื้นที่ให้ลูกค้าได้แบ่งปันทั้งความสุขและความอร่อย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ด้วยห้องประชุมส่วนตัว พร้อมปลั๊กชาร์จไฟ และบริการ WiFi ฟรี ด้วยบรรยากาศทันสมัยและเมนูหลากหลาย บนทำเลศักยภาพใจกลางถนนกำแพงเมือง ใกล้ศูนย์การค้า และสถานที่ราชการมากมาย เราตั้งเป้าหมายขยาย ปันคาเฟ่ ให้ครอบคลุมในหลากหลายเมือง ภายในปีนี้มีแพลนจะเปิดให้บริการอีก 4 สาขา โดยสาขาต่อไปจะปักหมุดที่บ้านหนองบอน นครเวียงจันทน์ บนทำเลที่มีลูกค้าหน่วยงานราชการ และโรงเรียนนานาชาติ ในรูปแบบ Stand Alone พร้อมมีระบบครัวกลาง ช่วยควบคุมคุณภาพอาหารให้ได้มาตรฐาน เพิ่มความคล่องตัวในการขยายสาขาได้ดีขึ้น เพื่อแบ่งปันคุณภาพและรสชาติที่ดี ส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับผู้บริโภคใน สปป.ลาว ได้มากขึ้น

ปันคาเฟ่ สาขาบ้านฮ่องแก ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง พร้อมให้บริการความอร่อยทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 –20.00 น. ด้วยเมนูหลากหลายครอบคลุมทั้งเครื่องดื่มซิกเนเจอร์จากพันธุ์ไทย อาหารเช้าที่สามารถทานได้ทั้งวัน อย่างไข่กระทะ เบเกอรี แซนวิช อาหารทานเล่น เมนูยำต่างๆ อาหารจานหลักอย่างเมนูข้าว สปาเกตตี้ และเมนูที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น อย่างเส้นข้าวเปียก ก็พร้อมเสิร์ฟเร็วๆ นี้ รวมไปถึงสินค้าพรีเมียม เช่น แก้วทัมเบลอร์ กระเป๋าหลากสไตล์ ที่เหมาะสำหรับซื้อเป็นของฝากได้ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกของลูกค้าและนักท่องเที่ยว ทางร้านจัดได้ทำสื่อประชาสัมพันธ์หลายภาษา ทั้งภาษาลาว ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน ภายในร้านตกแต่งโทนอบอุ่น ทันสมัย สามารถรองรับลูกค้าได้มากกว่า 40 ที่นั่ง ทั้งโซนในร่มและกลางแจ้ง รวมถึงมีห้องประชุมขนาด 8 ที่นั่ง สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีที่จอดรถสะดวกสบาย พร้อมบริการฟรี Wi-Fi และในอนาคต ปันคาเฟ่ ยังวางแผนขยายบริการจัดอาหารว่างหรือสแน็คบ๊อกซ์สำหรับหน่วยงานราชการและลูกค้าที่จัดงานเลี้ยงหรือประชุม รวมถึงบริการออกบูธนอกสถานที่อีกด้วย

ไม่ใช่กระสุนไทย! “ทบ.”แจงลูกกระสุนตกในเขต สปป.ลาวบริเวณสามเหลี่ยมมรกต

ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองทัพภาคที่ 1 โพสต์เฟสบุ๊ก ระบุว่า

ทบ. ชี้แจงกรณีลูกกระสุนตกในเขต สปป.ลาว บริเวณสามเหลี่ยมมรกต ยืนยันตรวจสอบแล้วไม่ใช่กระสุนของฝ่ายไทย

26 ก.ค. 68 ตามที่ปรากฏรายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 09.40 น. ได้มีลูกกระสุนปืนใหญ่จำนวน 10 นัด ตกในเขตพื้นที่ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว     (สปป.ลาว) บริเวณสามเหลี่ยมมรกต ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างไทย – ลาว – กัมพูชา โดยไม่มีการยืนยันชัดเจนว่ากระสุนดังกล่าวเป็นของฝ่ายใดและเบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายต่อชีวิตหรือทรัพย์สินจากเหตุการณ์ดังกล่าว

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมาชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงและ        การประสานกับหน่วยงานความมั่นคงของ สปป.ลาว ยืนยันว่า ไม่ใช่กระสุนจากฝั่งทหารไทยอย่างแน่นอน โดยกองทัพไทยมีความมั่นใจในขีดความสามารถในการควบคุมการใช้อาวุธได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสม ได้สัดส่วน และอยู่ในกรอบกติกาสากลอย่างเคร่งครัด

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา มักพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลโจมตีเป้าหมายพลเรือนจำนวนมากตลอด 2 วันที่ผ่านมา โดยมีลักษณะเป็นไปโดยเจตนา และจงใจที่จะใช้   อาวุธดังกล่าวต่อเป้าหมายอื่นที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น การใช้อาวุธต่อโบราณสถาน เพื่อมุ่งหวัง    ให้สังคมโลกเข้าใจผิดต่อฝ่ายไทยอย่างมีนัยสำคัญ

กองทัพบกขอยืนยันว่าฝ่ายไทยมีมาตรการควบคุมการใช้อาวุธอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในพื้นที่ประชิดชายแดน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนหรือพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหาร ทั้งนี้ กองทัพบกจะยังคงประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่าย สปป.ลาว เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศต่อไป

ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก โดยทีมโฆษกกองทัพบก, 26 กรกฎาคม 2568

#RTA #กองทัพบก

“พายุวิภา”เข้า“ลาว”พ่นพิษลมกรรโชกแรง-ก่อฝนตกหนักทั้งวัน-หวั่นน้ำท่วมฉับพลัน

ไต้ฝุ่นวิภา อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและดีเปรสชันตามลำดับ ได้พัดเข้าสู่ลาวแล้ว ส่งผลลมกรรโชกแรง ทำฝนตกหนักหลายพื้นที่ หวั่นพ่นพิษน้ำท่วมสูงฉับพลันตามมา

เมื่อวันที่ 23 ก.ค.68 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นวิภา จากทะเลจีนใต้ ซึ่งอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนขณะเข้าพัดถล่มเวียดนาม ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน พร้อมทั้งพัดกระหน่ำเข้าสู่ประเทศลาวแล้ว เมื่อวันพุธนี้ 

รายงานข่าวแจ้งว่า พายุวิภาพัดเข้าสู่ลาว ด้วยความเร็วลมสูงสุด 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้เกิดลมกรรโชกแรง และทำให้เกิดฝนตกหนักตลอดทั้งวันในหลายพื้นที่ รวมถึงแขวงหลวงพระบาง และกรุงเวียงจันทน์ เมืองหลวงของประเทศ สร้างความวิตกกังวลว่า จะทำให้เกิดน้ำท่วมสูงฉับพลันและดินโคลนถล่มตามมา

พร้อมกันนี้ รายงานข่าวเผยว่า พายุวิภาได้เคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของลาว พร้อมลดระดับความเร็วลมเหลือ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะอ่อนกำลังตามลำดับกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำต่อไป

"จักรภพ" ร่วมไว้อาลัย "คำไต สีพันดอน" อดีตประธานประเทศลาว

 

วันที่ 7 มีนาคม 2568 นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังสถานเอกอัครราชทูตลาวประจำประเทศไทย เพื่อร่วมลงนามแสดงความไว้อาลัยต่อการถึงแก่อสัญกรรมของ พลเอก คำไต สีพันดอน อดีตประธานประเทศลาว ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัย 101 ปี โดยนายจักรภพระบุว่า เป็นวัยที่ถือเป็นอายุมงคล

นายจักรภพกล่าวว่า พล.อ.คำไต เป็นประธานประเทศลาวคนที่ 4 ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2535–2549 ก่อนจะลงจากตำแหน่ง โดยผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้าคือ ท่านประธานหนูฮัก พูมสะหวัน ซึ่งเป็นผู้นำเปิดสะพานมิตรภาพไทย–ลาวแห่งที่ 1 ในช่วงที่ พล.อ.คำไต อยู่ในตำแหน่ง

ทั้งนี้ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า ในช่วงเวลาที่ พล.อ.คำไต ดำรงตำแหน่ง เป็นยุคที่ประเทศลาวเริ่มเปลี่ยนผ่านจากระบอบคอมมิวนิสต์แบบเข้มข้น สู่แนวทางเปิดประเทศ ยอมรับกลไกทางเศรษฐกิจแบบทุนนิยม พร้อมกับการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและประชาคมระหว่างประเทศ โดยยังคงยึดอุดมการณ์ดั้งเดิมบางส่วนไว้ โดยอาจกล่าวได้ว่า ท่านต้องเปลี่ยนประเทศถึง 180 องศา จาก 360 องศา

นอกจากนี้ นายสอนไซ สีพันดอน ซึ่งเป็นบุตรชายของ พล.อ.คำไต ก็ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของลาว ก็ ยิ่งตอกย้ำถึงบทบาทและอิทธิพลของ พล.อ.คำไต ที่ยังมีอยู่ในเชิงโครงสร้างทางอำนาจของประเทศ ซึ่งนายจักรภพระบุว่า สถานการณ์ในลาวอาจเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต แต่ยังไม่สามารถประเมินทิศทางได้แน่ชัด

“นี่คือการเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศลาว แต่จะส่งผลบวกหรือลบต่อประเทศไทย ขึ้นอยู่กับนโยบายและวิธีการดำเนินการของเราด้วย” นายจักรภพ กล่าว

นอกจากนี้ นายจักรภพ ยังชี้ให้เห็นถึงบริบทระดับโลก โดยเฉพาะการที่สหรัฐอเมริกาประกาศสงครามการค้า ส่งผลให้หลายประเทศต้องวิ่งเข้าไปเจรจาเพื่อความอยู่รอด โดยกล่าวว่า ปัญหาปากท้องไม่ได้ผูกติดกับเจ้าพ่อทุนนิยมเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับเพื่อนบ้านใกล้ชิดของเรา เพราะสินค้าและบริการ โดยเฉพาะปัจจัย 4 และปัจจัยที่ 5 อย่างโทรคมนาคม มีสายโซ่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านมากกว่าประเทศที่ห่างไกล

“ขณะนี้เกิดปรากฏการณ์ใบไม้ร่วงทีละใบของผู้นำ ขณะเดียวกันโลกก็เปลี่ยนไปอย่างไม่มีแผนที่ที่แน่ชัด ใบไม้ร่วงเพียงหนึ่งใบ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้” นายจักรภพ กล่าว

“นายกฯอิ๊งค์” พร้อมให้การต้อนรับ “นายกฯ สปป.ลาว” ครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว

“นายกฯ แพทองธาร" พร้อมให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ร่วมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว

วันนี้ (วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568) เวลา 14.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีกำหนดการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit) ในวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ตามคำเชิญของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นับเป็นการตอบแทนการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567

โดยนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว มีกำหนดการสำคัญที่ทำเนียบรัฐบาล ได้แก่ พิธีการต้อนรับอย่างเป็นทางการ การหารือเต็มคณะกับนายกรัฐมนตรี การร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามและการแลกเปลี่ยนความตกลง การเปิดตัวตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย-สปป. ลาว ครบ 75 ปี การแถลงข่าวร่วม และนายกรัฐมนตรีจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว และภริยา

นายจิรายุ กล่าวว่า ในปี 2568 ไทยกับ สปป. ลาวจะฉลองครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดย นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว จะได้ร่วมหารือทวิภาคีเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างครอบคลุมในทุกมิติให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ครอบคลุมความร่วมมือในสาขาที่หลากหลายทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเชื่อมโยงและการแลกเปลี่ยนในระดับประชาชน โดยจะเน้นความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาที่เป็นความท้าทายร่วมกัน

“จิงโจ้” เตือนพลเมืองที่เที่ยวลาวเลี่ยงดื่มเหล้ายี่ห้อดัง

ทางการออสเตรเลีย แจ้งเตือนพลเมืองที่เที่ยวลาว หลีกเลี่ยงดื่มสุรายี่ห้อยอดฮิต ที่มักใช้มิกซ์ผสมเสิร์ฟให้นักเที่ยว

เมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศของออสเตรเลีย ออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์นี้ เพื่อแจ้งเตือนพลเมืองที่เดินทางท่องเที่ยวประเทศสปป.ลาว ให้หลีกเลี่ยงการดื่มสุรายี่ห้อไทเกอร์ ซึ่งประกอบด้วย “ไทเกอร์ วอดกา” และ “ไทเกอร์วิสกี้” เนื่องจากมีความกังวลเป็นอย่างยิ่ง ว่าจะผลในความเสี่ยงด้านสุขภาพ

โดยคำเตือนข้างต้น มีขึ้นภายหลังจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย และล้มป่วยอีก 12 ราย เมื่อเร็วๆนี้

รายงานข่าวแจ้งว่า สุรายี่ห้อ “ไทเกอร์” ทั้ง “ไทเกอร์ วอดก้า” และ “ไทเกอร์ วิสกี้” เป็นที่นิยมของร้านเหล้าในสปป.ลาว ใช้ผสม หรือมิกซ์ เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดต่างๆ เพื่อเสิร์ฟให้ลูกค้านักเที่ยว

‘MASTER’ บินลัดฟ้าสู่ สปป.ลาว จัดงานเสวนาด้านสุขภาพความงามครั้งยิ่งใหญ่

‘MASTER’ บินลัดฟ้าสู่ สปป.ลาว จัดงานเสวนาด้านสุขภาพความงามครั้งยิ่งใหญ่ ตอกย้ำสู่การเป็น Regional Company นำทัพโดย คุณดาว - ลภัสรดา เลิศภานุโรจ CEO MASTER พร้อมด้วยหมอโบว์ - แพทย์หญิงธนภร วงศ์บางโพ ร่วมเสวนาในหัวข้อ  ‘MASTER of Beauty’ ประเด็นความงามที่สุดของยุค ร่วมกับ อ้ายใหญ่ ดีไซเนอร์ชื่อดัง และ ปาเป้า Miss Universe Lao 2023 คนดังจากฝั่งสปป.ลาว ที่ไว้วางใจฝีมือแพทย์และความปลอดภัยมาตรฐานโรงพยาบาล

เมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ผู้นำอันดับต้นของอุตสาหกรรมด้านความงามในไทยและเอเชียในฐานะ Regional Company เปิดเผยว่า บริษัทจัดงานเสวนา Masterpiece Roadshow เป็นปีแรก ณ นครหลวงเวียงจันทร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อให้ลูกค้า สปป.ลาว ตระหนักถึงความปลอดภัยของการศัลยกรรมความงาม ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของบริษัท  โดยลาวเป็น Top 5 ของกลุ่มลูกค้าต่างประเทศของโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช และมีชื่อเสียงอย่างมากในสปป.ลาวมายาวนาน อีกทั้งมีแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างสูงต่อเนื่อง ด้วยมาตรฐานและความปลอดภัยของศัลยกรรมความงามที่ได้รับการไว้วางใจจากชาวลาว โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชจึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นที่ชาวลาวเลือกใช้บริการ

โดย รพ.มาสเตอร์พีชเล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว และมีความมุ่งมั่นยกระดับศักยภาพของโรงพยาบาล ทั้งด้านการนำเทคโนโลยีศัลยกรรมความงามและพัฒนาเทคนิคทางการแพทย์ เพื่อเสริมศักยภาพผู้นำอุตสาหกรรมความงามให้เกิดมุมมองความท้าทาย ผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์อันจะนำไปสู่ประโยชน์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ จึงเป็นที่มาของการจัดเสวนาในหัวข้อ  “MASTER of Beauty” ที่สุดของความงามต้องมาสเตอร์พีช เน้นย้ำความสำคัญของการเริ่มต้นทำศัลยกรรมจมูกด้วยเทคนิค Open Rhinoplasty หรือเสริมจมูกแบบเปิด ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้งแพทย์ชำนาญการ สถานพยาบาลที่ปลอดภัย มาตรฐานโรงพยาบาล เครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย และการปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ก่อนและหลังการผ่าตัด ทุกปัจจัยล้วนมีผลต่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี

ด้านหมอโบว์-แพทย์หญิงธนภร วงศ์บางโพ แพทย์ชำนาญการศัลยกรรมจมูก ด้วยเทคนิค Open Rhinoplasty หรือเสริมจมูกแบบเปิด โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนแพทย์ของโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ในการขึ้นเสวนาให้ความรู้เกี่ยวกับการทำจมูกแบบ Open ในครั้งนี้ ศัลยกรรมความงามมีความเป็นศิลปะ ถือเป็นความท้าทายและเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถและได้สร้างสรรค์ผลงานของแพทย์เอง ระหว่างการทำจมูกแบบ Open ต่างกันอย่างไรกับจมูก Closed รวมถึงวิธีการดูแลก่อนและหลังจากทำจมูก เป็นต้น

นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ กล่าวอีกว่า การจัดงานครั้งนี้โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชมีความตั้งใจและสร้างโอกาสเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างโรงพยาบาลกับชาว สปป.ลาว รวมถึงดารา อินฟลูเอนเซอร์ พาร์ตเนอร์ และสื่อมวลชนสำนักข่าวต่างๆ ถือเป็นความอบอุ่น เป็นบ้านพี่เมืองน้อง ไทย-ลาวอย่างแท้จริง ซึ่งคนดังจาก สปป.ลาว อาทิ หมีพูห์ มิสยูนิเวิร์สลาว  2024,  หลิง หลิง มิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีนลาว 2014 และนักแสดงชื่อดังในไทย, อ้ายใหญ่ ดีไซเนอร์แบรนด์ Men Folder บุคคลดังข้างต้นล้วนเคยมทำศัลยกรรมความงามที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช และอินฟลูเอนเซอร์ อีกหลายท่านตบเท้ามาร่วมงาน ทางโรงพยาบาลมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความเชื่อใจจากชาวลาวมาอย่างยาวนาน และหวังว่าตลาดลาวจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต

ในงานนี้นอกจากกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับศัลยกรรมจมูกแบบโอเพนกับคุณหมอโบว์แล้ว ยังมีโชว์ร้องเพลงสุดพิเศษจากศิลปินชื่อดังจากวงอิสานนครศิลป์ คุณแต้มสีและคุณอาย ณ ห้างสรรพสินค้า Parkson สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) 

 

รวบ “8 ผู้ต้องสงสัยชาวญวน” เอี่ยว “สุราเถื่อนมรณะ” คร่าชีวิต “นักท่องเที่ยวในลาว”

ตำรวจลาวจับชาวญวน 8 ราย ต้องสงสัยเอี่ยวสุราเถื่อนที่ปลิดชีพนักท่องเที่ยวต่างชาติในลาว 6 ราย และทำให้ล้มป่วยอีกนับสิบราย

เมื่อวันที่ 26 พ.ย.67 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองวังเวียง จับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวน 8 ราย ในข้อกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสุราเถื่อนที่คร่าชีวิตนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พำนักอยู่ในนานาแบกแพกเกอร์โฮสเทล หลังจากที่ดื่มสุราเถื่อนดังกล่าวเข้าไป

โดยผู้ต้องสงสัยทั้ง 8 ราย ทั้งหมดเป็นชาวเวียดนาม และเป็นพนักงานของโฮสเทลดังกล่าว อายุระหว่าง 23 – 44 ปี

สำหรับ โศกนาฏกรรมสุราเถื่อนในลาวครั้งนี้ คร่าชีวิตนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ดื่มสุราดังกล่าวเข้าไป โดยเป็นชาวอเมริกัน 1 ราย ชาวเดนมาร์ก 2 ราย ชาวออสเตรเลีย และชาวอังกฤษ 1 ราย ส่วนผู้ที่ต้องล้มป่วยเพราะดื่มสุราเถื่อนในลาว มีจำนวน 12 ราย ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า ทั้งสุราเถื่อนและเบียร์เถื่อน ใช้เมทิลแอลกอฮอล์เป็นวัตถุดิบในการทำ

การไฟฟ้าไทย-สปป.ลาว ชื่นมื่นแข่งกีฬามิตรภาพ 

เมื่อวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ณ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา นายเสน่ห์ ตรีขันธ์ รองผู้ว่าการปฏิบัติการระบบส่ง (รวส.) ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการ และ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าจำกัด (มหาชน) นางสาวพนา สุภาวกุล รองผู้ว่าการบริหาร (รวห.) พร้อมผู้บริหารของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นักกีฬา และผู้ปฏิบัติงาน ร่วมให้การต้อนรับ คณะรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (ฟฟล.) นำโดย ท่าน ปอ. (ปริญญาเอก) บุญแท่น จันทร์สะไหม รองผู้อำนวยการใหญ่รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว ท่านดาวเวียง สุนันทะลาด รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทผลิตไฟฟ้าลาว มหาชน (EDL-GEN) ฟฟล. พร้อม ผู้บริหาร ผู้ประสานงาน และ นักกีฬาในสังกัด ฟฟล. ที่เดินทางมาร่วมแข่งขันกีฬามิตรภาพ กฟผ.-ฟฟล. ประจำปี 2567 โดยมี นายสหชาติ พิลาออน ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อปอ.) กฟผ.พร้อมผู้ปฏิบัติงานในสังกัดเป็นผู้รับผิดชอบการจัดแข่งขันกีฬา และอำนวยความสะดวก

สำหรับการแข่งขันกีฬามิตรภาพระหว่างชาวการไฟฟ้าไทยและ สปป.ลาว นั้นจัดขึ้นทุกปีโดยหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขัน ณ ประเทศของเจ้าภาพซึ่งปีนี้ กฟผ. เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันในประเทศไทย ที่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาโดยการแข่งขันแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ ฟุตบอล แบดมินตัน เปตอง และกอล์ฟ ผลการแข่งขันนั้นเป็นไปอย่างสนุกสนาน กันเอง กีฬากอล์ฟ กฟผ. ชนะ ฟฟล., กีฬาแบดมินตัน กฟผ. ชนะ ฟฟล., กีฬา เปตอง ฟฟล. ชนะ กฟผ. และกีฬาฟุตบอล เสมอ 

การแข่งขันกีฬามิตรภาพ 2 ชาตินี้ ได้จัดการแข่งขันขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2518 เพื่อวัตถุประสงค์ให้เกิดความรักความสามัคคีระหว่างผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานทั้ง 2 การไฟฟ้า เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนทักษะในด้านกีฬา และได้พัฒนาฝีมือ ส่งเสริมสุขภาพอนามัยให้แข็งแรงที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน รวมถึงสิ่งสำคัญที่สุดทำให้เกิดความร่วมมือในด้านระบบการส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าที่มีต่อกันมายาวนานตั้งแต่ปีพ.ศ. 2511 จนถึงปัจจุบัน และการจัดในปีนี้ก็ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์อีกครั้ง