DRT วางกลยุทธ์ครึ่งปีหลังรุกขยายตลาดส่งออก ชี้มาตรการรัฐลดหย่อนภาษีติดตั้ง Solar Rooftop บ้านพักอาศัยช่วยหนุนดีมานด์

“บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT” เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลังลุยขยายตลาดส่งออกในอาเซียนอย่างต่อเนื่องหลังสร้างการเติบโตได้ดีในครึ่งปีแรก เตรียมนำเสนอสินค้ากลุ่มอิฐมวลเบาและระบบพื้น SPC Solutions สู่ตลาดประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมเร่งขยายฐานตลาดลูกค้าในประเทศใหม่ มองความต้องการติดตั้ง Solar Rooftop สำหรับบ้านพักอาศัยมีแนวโน้มขยายตัว หลัง ครม.อนุมัติมาตรการลดหย่อนภาษีสูงสุด 2 แสนบาท นำเสนอระบบหลังคาโซลาร์ครบวงจร “Diamond Solar Cell Roof Tile Solution” ตอบโจทย์ลูกค้า ชูจุดแข็งสินค้าและบริการพร้อมโซลูชันหลากหลาย ผลักดันผลการดำเนินงานเอาชนะความท้าทายและสร้างผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น

นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา บริการติดตั้งโครงหลังคาสำเร็จรูปและกระเบื้องหลังคา, พื้น บันได และผนังพร้อมบริการติดตั้ง 'SPC Solutions' แบบครบวงจร ภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลังของบริษัทฯ จะรุกขยายการส่งออกสินค้าอย่างต่อเนื่อง หลังจากสร้างการเติบโตได้ดีในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยจะมุ่งเพิ่มยอดขายในภูมิภาคอาเซียนซึ่งเป็นตลาดหลักที่มีศักยภาพและเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี อาทิ สปป.ลาว, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, บรูไน, เมียนมา ฯลฯ ซึ่งนอกจากสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์และกระเบื้องหลังคาที่มียอดขายอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา วางแผนนำเสนอสินค้ากลุ่มอิฐมวลเบาและสินค้าใหม่กลุ่มแผ่นพื้น SPC ที่มีจุดเด่นด้านดีไซน์ที่สวยงาม ติดตั้งรวดเร็ว และแข็งแรงทนทาน เพื่อขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาว

ทั้งนี้ มองว่าสถานการณ์ด่านชายแดนน่าจะคลี่คลายได้ภายในระยะเวลาไม่นาน และดีมานด์ในตลาดวัสดุก่อสร้างและตกแต่งน่าจะกลับมาอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันจึงได้เตรียมความพร้อมด้านสินค้าและระบบโลจิสติกส์ รวมถึงติดต่อสื่อสารกับร้านค้าผู้แทนจำหน่ายเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งวางแผนการปรับเปลี่ยนเส้นทางโลจิสติกส์ไว้ล่วงหน้าเพื่อให้สามารถขนส่งสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันจะมุ่งขยายตลาดใหม่ภายในประเทศ อาทิ งานราชการ, โรงเรียน, โรงพยาบาล, วัด, รีสอร์ท ฯลฯ การเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ การขยายตลาดไปยังจังหวัดหัวเมืองรองให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น การทำกิจกรรมร่วมกับร้านค้าช่วงและกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง รวมถึงการทำตลาดเชิงรุกเพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เตรียมความพร้อมด้านสินค้าและบริการผ่าน “Diamond Solar Cell Roof Tile Solution” นวัตกรรมกระเบื้องหลังคาดีไซน์พิเศษพร้อมอุปกรณ์ตัวยึดติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ (Diamond Solar Mounting Roof Tile) และกระเบื้องร้อยสายไฟโซลาร์เซลล์ (Diamond Solar Wiring Roof Tile) รองรับทั้งการติดตั้งหลังคาใหม่และงานปรับปรุงซ่อมแซม ช่วยแก้ปัญหารั่วซึม ติดตั้งรวดเร็ว ปัจจุบันสามารถให้บริการทั่วทุกภาคและติดต่อผ่านร้านค้าผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการติดตั้ง Solar Rooftop สำหรับบ้านอยู่อาศัยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังจากเมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการส่งเสริมการติดตั้ง Solar Rooftop บ้านอยู่อาศัย สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีสูงสุด 200,000 บาท ล่าสุดได้ผ่านการพิจารณาอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว

“จากความพร้อมด้านสินค้าและบริการ รวมถึงการนำเสนอโซลูชันที่หลากหลาย ทั้งงานระบบหลังคา พื้น และผนัง ประกอบกับแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ เชื่อว่าบริษัทฯ สามารถเอาชนะความท้าทายและผลักดันยอดขายรวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นในครึ่งปีหลัง และเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น” นายสาธิต กล่าว

สังคมสวยงาม!! รัฐบาลหนุนจ้างงานคนพิการ ลดหย่อนภาษีได้ 2-3 เท่า

“สังคมสวยงาม” รัฐบาลมุ่งส่งเสริมผลักดันให้คนพิการมีงานทำ หนุนนายจ้าง สถานประกอบจ้างงานคนพิการ นำมาลดหย่อนภาษีได้ 2-3 เท่า

วันที่ 15 พ.ค.68 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เดินหน้าผลักดันการมีงานทำของคนพิการ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมั่นคงในการดำรงชีวิตอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติต่อคนพิการ ตามกฎหมายมาตรา 33 , 34 และ 35 โดยกำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐ รับคนพิการเข้าทำงาน ในอัตรา 100 : 1 (คนปกติ 100 คน ต่อคนพิการ 1 คน) เศษเกิน 50 คน ต้องจ้างเพิ่มอีก 1 คน เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาศักยภาพคนพิการ และการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ

นายอนุกูล กล่าวว่า สำหรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีของนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการที่รับคนพิการที่มีบัตรประจําตัวคนพิการเข้าทํางาน มีสิทธินําค่าใช้จ่ายที่จ้างคนพิการเข้าทํางาน มาเป็นรายจ่ายในการคํานวณกําไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นจํานวน 2 เท่าของรายจ่ายที่ได้จ่ายไป กรณีการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นจํานวน 3 เท่าของรายจ่ายที่ได้จ่ายไป เมื่อจ้างคนพิการเข้าทํางานเกินกว่าร้อยละ 60 ของลูกจ้างในสถานประกอบการนั้น โดยมีระยะเวลาจ้างเกินกว่าหนึ่ง 180 วัน ในปีภาษี หรือรอบระยะเวลาบัญชีที่มีเงินได้

“หากนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการ ไม่มีการรับคนพิการที่มีบัตรประจําตัวคนพิการเข้าทํางาน และไม่ส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ แต่มีการให้สัมปทาน จัดสถานที่จําหน่ายสินค้าหรือบริการ จัดจ้างเหมาช่วงงาน หรือจ้างเหมาบริการ ให้ฝึกงาน หรือจัดให้มีอุปกรณ์ หรือสิ่งอํานวยความสะดวก ล่ามภาษามือ หรือให้ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ โดยค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายไปจริงซึ่งเกี่ยวข้องกับกิจการของตนเอง นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการนั้น มีสิทธินําค่าใช้จ่ายนั้นมาลงเป็นรายจ่ายในการคํานวณกําไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ แต่รายจ่ายดังกล่าวจะต้องไม่เกินจํานวนเงินที่ต้องจ่ายเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ” นายอนุกูล กล่าว

คลังแจงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีหนุนลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน-เพิ่มเสถียรภาพตลาดทุนไทย 

คลังแจงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน (ESG) และเพิ่มเสถียรภาพตลาดทุนไทย 
 
เมื่อวันที่ 11 มี.ค.68 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ร่างกฎกระทรวงฯ) ตามมาตรการการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน (ESG) และเพิ่มเสถียรภาพตลาดทุนไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพและยกระดับการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และการบริหารเงินลงทุนของผู้ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long-Term Equity Fund: LTF) ตลอดจนส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environment, Social and Governance: ESG) โดยมาตรการดังกล่าว มีสาระสำคัญ สรุปได้ ดังนี้  

1.จัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF เป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX  
ให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จัดตั้งกองทุนขึ้นมาใหม่ โดยยื่นขออนุมัติจัดตั้งกองทุน Thai ESGX ที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินที่ออกโดยผู้ออกหรือกิจการในประเทศไทยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) และจะต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๕ ของ NAV ทั้งนี้ บลจ. จะเปิดให้ผู้ลงทุนสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของ LTF ทั้งหมดที่ถืออยู่ในทุก บลจ. เป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX รวมทั้งเปิดขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไป 

2.มาตรการภาษีเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดทุนไทยและส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทยตามร่างกฎกระทรวงฯ ประกอบด้วย 
2.1 การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX  
2.1.1 สิทธิประโยชน์ทางภาษี  
1) เงินที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในอัตราไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท โดยจะต้องซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ภายในระยะเวลา 2 เดือน ตั้งวันที่ 1 พฤษภาคม – วันที่ 30 มิถุนายน 2568 
2) เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับจากการขายหน่วยลงทุนตามข้อ 1) ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา   
2.1.2 เงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี  
ผู้ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX  
ไม่น้อยกว่า 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน 
2.2 การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนในกองทุน LTF  
และได้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนดังกล่าวเป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX 
2.2.1 สิทธิประโยชน์ทางภาษี  
1) มูลค่าของหน่วยลงทุนทั้งหมดที่ผู้มีเงินได้ถือในกองทุน LTF และได้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนดังกล่าวเป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ไม่เกิน 500,000 บาท โดยปีภาษี 2568 ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท และปีภาษี 2569 – 2572 ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะส่วนที่เกิน 300,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคลลธรรมดาเป็นจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปีภาษี กล่าวคือ ไม่เกินปีละ 50,000 บาท 
2) เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนตามข้อ 1) ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 
2.2.2 เงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี  

โดยผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุน LTF จะต้องแสดงความประสงค์สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งหมดในกองทุน LTF ทั้งจำนวนเป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ภายใน 2 เดือนนับแต่วันที่กองทุน Thai ESGX เปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนครั้งแรก แต่ไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2568 โดยจะต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ไม่น้อยกว่า 5 ปีนับตั้งแต่วันที่สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ทั้งนี้การคำนวณเงินได้ที่ได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ใช้จำนวนหน่วยลงทุน ณ วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ และมูลค่าหน่วยลงทุนให้ถือราคา ณ วันที่แจ้งความประสงค์ 

สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป ในปี 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกองทุน Thai ESGX เป็นวงเงินเพิ่มเติมจากวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปัจจุบันสำหรับกองทุน Thai ESG และสำหรับในปี 2569 เป็นต้นไป วงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกองทุน Thai ESGX จะรวมอยู่ในวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเดียวกับวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปัจจุบันสำหรับกองทุน Thai ESG  
 

โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า ร่างกฎกระทรวงฯ จะช่วยเพิ่มการลงทุนในกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล และเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนสำหรับนักลงทุน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญสนับสนุนไม่ให้เงินลงทุนไหลออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อันจะเป็นการเพิ่มเสถียรภาพของตลาดทุนไทยและสร้างบรรยากาศที่ดีในการลงทุน  

#ตลาดทุน #ข่าววันนี้ #หุ้น #ลดหย่อนภาษี #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

ครม.อนุมัติตั้งกองทุน Thai ESG EXTRA ลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 แสนบาท

ครม.อนุมัติตั้งกองทุน Thai ESG EXTRA ลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 แสนบาท

เมื่อวันที่ 11 มี.ค.68 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดตั้งกองทุน Thai ESG EXTRA ขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะให้สิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 แสนบาท ทั้งนี้ แบ่งเป็น กลุ่มนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) 1.8 แสนล้านบาท หากย้ายมาอยู่ในกองทุน Thai ESG EXTRA ปีภาษี 2568 จะได้รับสิทธิประโยชน์ได้ไม่เกิน 3 แสนบาท ส่วนอีก 2 แสนบาทที่เหลือ จะให้ลดหย่อนภาษีปีละ 5 หมื่นบาท ในปีที่ 2-5 และกลุ่มนักลงทุนรายใหม่ หากเข้ามาลงทุนใน Thai ESG EXTRA จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อยภาษี 3 แสนบาท โดยจะเปิดให้มีการลงทุน 2 เดือน คือ ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2568 ทั้งนี้ จะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน

โดยนักลงทุนที่ถือ LTF อยู่ สามารถเลือกได้ว่าจะย้ายกองทุนมาที่ Thai ESG EXTRA หรือไม่ หากย้ายกองมาก็จะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่กล่าวมาข้างต้น แต่จะต้องย้ายวงเงินการลงทุนมาทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน จะมีการเรียกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มาหารือถึงการสร้างความยั่งยืนของ ESG และให้บริษัทขนาดใหญ่เข้ามาช่วยกันปรับตัว และกลุ่มบริษัท SET 50-100 ก็จะลงไปดูรายละเอียดว่าควรปรับอย่างไรให้ธุรกิจเดินหน้าสู่ ESG เป็นหนึ่งในมาตรการรัฐจะดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ จะสร้างความเชื่อมั่น ด้วยการออกกฎหมาย พ.ร.ก. ให้อำนาจ ก.ล.ต. มีอำนาจสอบสวนคดีอาญา เพื่อดูแลเรื่องเร่งด่วน และดูแลนักลงทุนรายย่อย คาดว่าจะได้ข้อสรุปไม่เกิน 2 สัปดาห์ เพื่อเสนอ ครม.อนุมัติต่อไป

สำหรับปัจจุบันสถานการณ์ในตลาดหุ้นทั่วโลกถือว่ามีความผันผวนมากจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีการปรับขึ้นภาษีกับคู่ค้า ล่าสุดในสหรัฐฯ ตลาดหุ้นลดลงมาก ทั้งดัชนีแนสแด็ก และดาวน์โจนส์ ส่วนดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงโดยหุ้นไทยเคยลงมาอยู่ในระดับต่ำประมาณ 1,200 จุด ตอนนั้นเราทำกองทุนวายุกภักษ์ก็สามารถดึงดัชนีขึ้นไปได้ที่ประมาณ 1,400 จุด ก่อนจะปรับลดลงมาที่ระดับ 1,200 จุด และได้รับผลกระทบจากข่าวสารภายนอก ทั้งนี้รัฐบาลมีแนวคิดว่าในกองทุน ESG มีการเลือกหุ้นที่ดีมีอนาคต การเติบโตที่ยั่งยืน และมีการลงทุนในเทคโนโลยี ถือว่ามีโอกาสเติบโตในอนาคต เมื่อมีความชัดเจนเรื่องนโยบายนี้เชื่อว่าจะสามารถชะลอแรงขายของดัชนีหุ้นลงได้

#ThaiESGEXTRA #ลดหย่อนภาษี #ข่าววันนี้ #หุ้น #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #SET

 

FINAL CALL! โค้งสุดท้าย "EASY E-RECEIPT 2.0" เอ็ม ดิสทริค ชวนช้อปลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท

เอ็ม ดิสทริค ขอเตือนทุกคนกับ โค้งสุดท้ายของช้อปลดหย่อนภาษี “EASY E-RECEIPT 2.0” ให้คุณได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท พร้อมรับโปรโมชันสุดพิเศษมากมาย เมื่อซื้อสินค้าแบรนด์ดังและรับประทานอาหารจากร้านอาหารชั้นนำ ที่ร่วมรายการ ภายในศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ และเอ็มสเฟียร์ ตั้งแต่วันนี้ - 28 กุมภาพันธ์ 2568

FINAL CALL โค้งสุดท้ายแล้ว สำหรับโครงการ “EASY E-RECEIPT 2.0” โอกาสทองสำหรับนักช้อป
ทุกคนให้สามารถรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาท เมื่อใช้จ่ายภายในศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ และเอ็มสเฟียร์ สามารถขอรับใบเสร็จดิจิทัลที่รองรับระบบ E-RECEIPT ได้อย่างง่ายดายจากร้านค้าที่ร่วมรายการ ไม่ว่าจะเป็น ลักซัวรีแบรนด์ดังระดับโลก ร้านค้าไลฟ์สไตล์ชั้นนำ ร้านอาหารชื่อดัง และ
คาเฟ่ฮอตฮิตมากมาย ที่มาพร้อมโปรโมชันสุดพิเศษ ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ทั้งนักช้อปและนักชิม  

อย่ารอช้า! โอกาสลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 30,000 บาท กำลังจะหมดลง รีบมาใช้สิทธิ์ในโครงการ “EASY E-RECEIPT 2.0” ที่ เอ็ม ดิสทริค ตั้งแต่วันนี้ - 28 กุมภาพันธ์ 2568 เท่านั้น เพราะถ้าพลาดครั้งนี้ต้องรออีกทีปีหน้าเลยนะทุกคน 

 ตลท.ชวนคนไทยร่วมมหกรรมช้อปลดหย่อนภาษีนาทีสุดท้าย Easy E-Receipt 2.0 กับสินค้าจาก 11 วิสาหกิจเพื่อสังคม 26-28 ก.พ.นี้

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชวนร่วมงาน มหกรรมช้อปลดหย่อนภาษีนาทีสุดท้าย Easy E-Receipt 2.0 กับสินค้าวิสาหกิจเพื่อสังคม  สนับสนุนสินค้าและบริการจากวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise: SE) ในเครือข่าย SET Social Impact เพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท ระหว่างวันที่ 26-28 ก.พ. 2568 เวลา 10.30-14.00น. ณ ชั้น 1 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ

งานนี้ได้ทั้งลดหย่อนภาษีและร่วมสนับสนุนการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน พบสินค้าและบริการจาก 11วิสาหกิจเพื่อสังคมภายในงาน พร้อมโปรโมชั่นมากมาย ได้แก่

-คูปองเงินสดอาหารและบริการจัดเลี้ยงราคาพิเศษ บริษัท ตั้งต้นดี เพื่อสังคม จำกัด ซื้อคูปองแทนเงินสด 50 บาท จำนวน 25 ใบ มูลค่า 1,250 บาท จ่ายเพียง 1,000 บาท เครดิตแทนเงินสดบริการจัดเลี้ยง มูลค่า 10,000 บาท จ่ายเพียง 8,000 บาท

-สินค้าออร์แกนิก บริษัท เซฟ ไลฟ์ โปรดักส์ จำกัด (ไร่รื่นรมย์) ซื้อผงธัญพืช 2 ชิ้น แถม 1 ชิ้น และ น้ำจิงจูฉ่ายและน้ำผลไม้รวม ราคาพิเศษ

-ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ สารสกัดจากธรรมชาติจาก บริษัท เด็กพิเศษ วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด (Avautis)  ซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท รับฟรี สบู่เอวาร์ทิส 1 ก้อน

-สินค้าผลงานจากจินตนาการและงานศิลปะจากเด็กออทิสติก บริษัท ออทิสติกไทย วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ซื้อเสื้อยืดลาย Signature แถมฟรี หมวกซาฟารีลายคู่ หรือ ซื้อสินค้า Artstory Gang ที่ร่วมรายการ รับฟรี แก้ว Glass cold cup

-สินค้าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการและผู้สูงอายุ บริษัท สยาม เอเบิ้ล อินโนเวชั่น (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด สินค้าราคาพิเศษ และซื้อปลั๊กจมูกกรองอากาศ 2 กล่องแถม 1 แผง

-สินค้าขนม และเครื่องแต่งกาย บริษัท บ้านคนพิเศษ วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด  ลด 15% เมื่อซื้อสินค้าครบ 300 บาท

-สินค้าแฟชั่น สินค้าท้องถิ่น อาหารและเครื่องดื่ม บริษัท เลิร์นดู วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด  คอร์ส workshop จาก 1,200 บาท เหลือ 1,000 บาท และส่วนลดสินค้าสูงสุด 10% ตามเงื่อนไข

-สินค้าเบเกอรี กระเป๋าและเครื่องประดับ บริษัท ธัณยมัย วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ซื้อสินค้าครบ 500 บาทแถมกระเป๋าผ้ารักษ์โลก

-ผลิตภัณฑ์สมุนไพร มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร สินค้าลด 15% ภายในงาน

-ผลิตภัณฑ์ศิลปะและงานฝีมือชุมชน บริษัท เดอะ แกลเลอรี พัฒนา จำกัด รับส่วนลด 5% เมื่อกดติดตามหรือแอดไลน์ The Gallery

-สินค้าอาหารและ สุขภาพและการท่องเที่ยว เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจพอเพียง บริษัท ธรรมธุรกิจ วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ซื้อครบ 500 บาท แถมฟรี ถั่วคั่วทราย

ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อสินค้าและสอบถามเกี่ยวกับการออก E-Receipt ได้โดยตรงกับ SE แต่ละรายที่เข้าร่วมมาตรการ


 

ช้อปดีมีคืนนี้ใครเล็งทีวีแอลจี โปรฯ Perfect Matching จับคู่ทีวี-ซาวด์บาร์ในราคาสุดคุ้ม-ลดหย่อนภาษีสูงสุด 3 หมื่นบาท

แอลจี ผู้นำนวัตกรรมโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ จัดโปรโมชัน ‘Perfect Matching’ ขานรับมาตรการช้อปดีมีคืน ให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ลดหย่อนภาษีสุดคุ้ม พร้อมอัพเกรดโซลูชันความบันเทิงภายในบ้านอย่างเหนือระดับ ด้วยข้อเสนอพิเศษให้คุณจับคู่ทีวีและซาวด์บาร์คุณภาพยอดเยี่ยมในราคาสุดพิเศษ สัมผัสประสบการณ์ภาพและเสียงที่สมบูรณ์แบบด้วยทีวีแอลจีที่ให้ภาพคมชัดระดับพรีเมียม ผสานการทำงานอย่างลงตัวกับซาวด์บาร์ที่มอบเสียงอันทรงพลัง ดื่มด่ำกับความบันเทิงได้อย่างเต็มอรรถรสราวกับยกโรงภาพยนตร์มาไว้ในห้องนั่งเล่นส่วนตัว พร้อมรับข้อเสนอสุดคุ้มถึงสองต่อ ทั้งส่วนลดทีวีสูงสุด 40,000 บาท และส่วนลดซาวด์บาร์สูงสุด 13,000 บาท เมื่อซื้อแบบจับคู่ และรับสิทธิลดหย่อนภาษีจากรัฐบาลในแคมเปญ ‘ช้อปดีมีคืน’ หรือ ‘Easy E-Receipt 2.0’ ตั้งแต่วันนี้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ PowerMall, PowerBuy และ HomePro ทุกสาขา 

รายละเอียดโปรโมชันสำหรับทีวี LG OLED รุ่นที่ร่วมรายการ ดังนี้
• ทีวี OLED evo 4K ซีรีส์ C4 ขนาด 77 นิ้ว ราคา 159,990 บาท จากราคาเต็ม 199,990 บาท 
• ทีวี OLED evo 4K ซีรีส์ C4 ขนาด 65 นิ้ว ราคา 110,990 บาท จากราคาเต็ม 139,990 บาท 
• พิเศษ! สำหรับผู้ที่ซื้อทีวี OLED evo 4K ซีรีส์ C4 ทั้งขนาด 77 และ 65 นิ้ว รับส่วนลด 13,000 บาท เมื่อแลกซื้อซาวด์บาร์รุ่น SC9S จากราคาเต็ม 32,990 บาท

รายละเอียดโปรโมชันสำหรับทีวีรุ่นอื่นๆ ที่ร่วมรายการ ดังนี้
• ทีวี QNED 4K ซีรีส์ QNED89TSA ขนาด 98 นิ้ว ราคา 139,990 บาท จากราคาเต็ม 149,900 บาท
• ทีวี NanoCell 4K ซีรีส์ NANO81TSA ขนาด 75 นิ้ว ราคา 29,990 บาท จากราคาเต็ม 44,990 บาท
• ทีวี UHD 4K ซีรีส์ UT8050PSB ขนาด 86 นิ้ว ราคา 49,990 บาท จากราคาเต็ม 64,990 บาท
• สำหรับผู้ที่ซื้อทีวี QNED, NanoCell และ UHD รุ่นที่ร่วมรายการ รับส่วนลดเพิ่ม 2,000 บาท เมื่อแลกซื้อซาวด์บาร์รุ่น S70TY, S40T และ S60TR

ใครที่กำลังมองหาตัวเลือกความบันเทิงคุณภาพเยี่ยม บอกเลยว่าห้ามพลาดโปรโมชัน ‘Perfect Matching’ สุดคุ้มจากแอลจีในช่วงช้อปดีมีคืนนี้ ดูรายละเอียดสินค้าและโปรโมชันเพิ่มเติมได้ที่ https://www.lg.com/th/tv-soundbars และสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมจากแอลจีได้ที่เว็บไซต์ lg.com เฟซบุ๊กแฟนเพจ LG Global และอินสตาแกรม lg_thailand

"กรุงศรี คอนซูมเมอร์" ชวนช้อปสุดคุ้ม พร้อมรับสิทธิลดหย่อนภาษีกับโครงการ Easy E-Receipt

"กรุงศรี คอนซูมเมอร์" ชวนช้อปสุดคุ้ม พร้อมรับสิทธิลดหย่อนภาษีกับโครงการ Easy E-Receipt

บัตรเครดิตในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ชวนช้อปสุดฟิน รับสิทธิลดหย่อนภาษีตามมาตรการ Easy-E Receipt 2.0 พร้อมรับสิทธิพิเศษสุดคุ้ม (เงื่อนไขในการลดหย่อนภาษีเป็นไปตามที่สรรพากรกำหนด) บัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ มอบเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 5,600 บาท เพียงใช้จ่ายตามแคมเปญ “Easy E-Receipt” รับเครดิตเงินคืนเพิ่มรวมสูงสุด 600 บาท และรับเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 5,000 บาท เมื่อใช้จ่ายตามแคมเปญ “รูดช้อป คืนเงินแทบทุกหมวดในชีวิต” (ลงทะเบียนทั้ง 2 รายการ) (16 ม.ค.68-28 ก.พ.68), บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน ชวนช้อปคุ้มที่ห้างเซ็นทรัลหรือโรบินสันสาขาที่ร่วมรายการ 5,000 บาทขึ้นไป รับคูปองและเครดิตเงินคืนสุดคุ้ม พิเศษ รับเพิ่มบัตรของขวัญมูลค่า 100 บาท (จำกัดตามเงื่อนไข) (16 ม.ค.68-28 ก.พ.68), บัตรเครดิต กรุงศรี รับเครดิตเงินคืนเพิ่ม 350 บาท เมื่อสะสมยอดใช้จ่ายในหมวดกิน, ซูเปอร์มาร์เก็ต, สินค้าแฟชั่น และห้างชั้นนำครบ 30,000 บาทขึ้นไป (1 ก.พ.68-28 ก.พ.68) พร้อมสิทธิพิเศษ เช่น รับคืนรวมสูงสุด 15% ตามหมวดที่ร่วมรายการ, บัตรเครดิตโลตัส มอบเครดิตเงินคืนสูงสุด 5,000 บาทตลอดรายการ เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรในแคมเปญช้อปคุ้มตัวแม่กับร้านค้าที่ร่วมรายการ (1 ม.ค. 68 - 30 เม.ย. 68) หรือรับความคุ้มคืนสูงสุด 3,300 บาทตลอดรายการ เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรตามเงื่อนไขที่โลตัสทุกสาขา (1 ธ.ค.67-28 ก.พ.68) (ระยะเวลาและเงื่อนไขของแต่ละโปรโมชันขึ้นอยู่กับร้านค้าและประเภทของบัตรที่ร่วมรายการ) ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี


 

“จระเข้” ขานรับมาตรการ “EASY E-Receipt ลดหย่อนภาษี” ชวนคนรักบ้านช้อปสินค้าจระเข้ รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท

บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ขานรับนโยบายรัฐในโครงการ “Easy E-Receipt” ชวนคนรักบ้านทั่วประเทศร่วมลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาท เพียงเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จระเข้ที่ “จระเข้ช็อป” (Jorakay Shop) ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ JORAKAY ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อไม่พลาดความคุ้มค่าสุดพิเศษครั้งนี้

เมื่อวันที่ 17 ม.ค.68 นายวรพจน์ ตั้งมนัสวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์จากจระเข้ทุกกลุ่มนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความสวยงาม ความทนทาน และความปลอดภัย พร้อมใส่ใจสุขภาพของผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม เรามุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกไลฟ์สไตล์และทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มผลิตภัณฑ์กาวซีเมนต์และกาวยาแนว นวัตกรรมการปูกระเบื้อง กลุ่มนวัตกรรมเคมีก่อสร้าง เช่น กันซึม ปกป้องปัญหาการรั่วซึมทุกจุดใช้งาน ตั้งแต่ชั้นฐานราก พื้นผนัง ห้องน้ำ ดาดฟ้า ตลอดจนหลังคา และ กลุ่มสีจระเข้ SEE JORAKAY สีปลอดภัย สีธรรมชาติ นำเสนอสินค้าสีทาภายในและภายนอกอาคารรายแรกและรายเดียวในไทยที่ผสานวัสดุจากธรรมชาติอย่าง Limestone หรือหินปูนธรรมชาติ กับเทคโนโลยีกราฟีนที่มีความแข็งแกร่งและช่วยกระจายความร้อน และสีปลอดภัย สีแมตต์ สบายตา อย่าง SEE Jorakay GrafClean Premium และสีปลอดภัย สีเช็ดล้างได้ อย่าง SEE Jorakay Easy Clean เป็นต้น รวมผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของจระเข้ที่เข้าร่วมในโครงการ “Easy E-Receipt” พร้อมจบทุกเรื่องงานก่อสร้างครอบคลุมการใช้งานก่อสร้างครบวงจรตั้งแต่ฐานรากไปจนถึงหลังคา”

โดย จระเข้ พร้อมสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการ Easy E-Receipt เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถลดหย่อนภาษีได้ง่ายขึ้นในช่วงต้นปี ลูกค้าสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของจระเข้ได้อย่างคุ้มค่าในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย พร้อมบริการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์สะดวกสบายผ่านเว็บไซต์ JORAKAY โดยตรง นอกจากนี้ เรายังเตรียมข้อเสนอพิเศษ เช่น ส่วนลดและของสมนาคุณ เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าให้กับลูกค้ากลุ่มคนรักบ้านและผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างบ้านหรือรีโนเวทปรับปรุงบ้านและอาคารต้อนรับปีใหม่ ผลิตภัณฑ์ของเราคือทางเลือกที่ครบครันสำหรับทุกความต้องการ”

สำหรับโครงการ “Easy E-Receipt” ลูกค้าสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30,000 บาท ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร พร้อมรับดีลสุดคุ้มและของสมนาคุณพิเศษ เริ่มตั้งแต่ 16 ม.ค.-28 ก.พ.68 ช้อปเลยที่ “จระเข้ช็อป” (Jorakay Shop) ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ https://jorakay.co.th/ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line JORAKAY Family: https://lin.ee/WdPMtDe และ Facebook: Jorakay Corporation หรือ Contact Center โทร. 02-720-1112

#jorakaycorporation #JORAKAY #jorakayexpert #จระเข้ #InnovationforYourFamilyHappiness#ช้อปลดหย่อนภาษี #ลดหย่อนภาษี #EasyE-Receipt#ช้อปดีมีคืน

"สรรพากร" ชวนผู้ประกอบการ ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์-ใบรับอิเล็กทรอนิกส์

กรมสรรพากรขอเชิญผู้ประกอบการ ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยสมัครใช้งานระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt หรือระบบ e-Tax Invoice by Time Stamp อันจะช่วยให้การจัดการเอกสารภาษีง่ายขึ้น สะดวก ปลอดภัย และประหยัดค่าใช้จ่าย มุ่งสู่อนาคตที่ไร้กระดาษและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น

เมื่อวันที่ 17 ม.ค.68 นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้พัฒนาระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt และระบบ e-Tax Invoice by Time Stamp เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลที่ธุรกิจต้องการความรวดเร็ว และความสะดวกในการดำเนินงาน ระบบดังกล่าวออกแบบมา เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถจัดการเอกสารใบกำกับภาษีและใบรับเงินในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเข้าถึงข้อมูลภาษีได้ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับผู้ประกอบการที่ใช้ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt หรือระบบ e-Tax Invoice by Time Stamp แล้วจะได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการภาษี Easy E-Receipt 2.0 ที่ช่วยส่งเสริมยอดขายและเพิ่มรายได้ นอกจากนี้ กรมสรรพากร มีนโยบายที่จะให้สิทธิประโยชน์กับผู้ประกอบการที่ใช้ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt หรือระบบ e-Tax Invoice by Time Stamp จากการออกมาตรการทางภาษีต่างๆในอนาคต

โดยระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt และระบบ e-Tax Invoice by Time Stamp มีคุณสมบัติและความเหมาะสมกับผู้ประกอบการที่แตกต่างกันเพื่อตอบสนองกับความต้องการที่หลากหลายของธุรกิจดังนี้ 1.ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ระบบนี้เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่มีปริมาณใบกำกับภาษีและใบรับเงินจำนวนมาก หรือธุรกิจที่มีโครงสร้างการดำเนินงานที่ซับซ้อน บริษัทขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มีการทำธุรกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้การจัดการเอกสารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดขั้นตอนการใช้เอกสารกระดาษ และประหยัดเวลาในการจัดส่งข้อมูลไปยังกรมสรรพากร 2.ระบบ e-Tax Invoice by Time Stamp ระบบนี้ออกแบบมาสำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กหรือธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น และมีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท ซึ่งอาจยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่ซับซ้อน มีปริมาณการออกใบกำกับภาษีไม่มาก แต่ต้องการความสะดวก ในการจัดทำเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์

ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการที่ใช้ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt และระบบ e-Tax Invoice by Time Stamp ได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th หรือที่ https://etax.rd.go.th/ETAXSEARCH/normal_person.html หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมติดต่อสอบถามได้ที่ศูนย์สารนิเทศสรรพากร RD Intelligence Center โทรศัพท์หมายเลข 1161 หรือติดต่อที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งทั่วประเทศ 

#สรรพากร #ลดหย่อนภาษี #ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ #ข่าววันนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์