เอสบี ดีไซน์สแควร์ พลิกโฉมการลงทุนอสังหาฯ ด้วยบริการใหม่ล่าสุด ครั้งแรกในเมืองไทย  Easy Fur Rent ให้เช่าเฟอร์ฯคุณภาพ

เอสบี ดีไซน์สแควร์ พลิกโฉมการลงทุนอสังหาฯ ด้วยบริการใหม่ล่าสุด ครั้งแรกในเมืองไทย  Easy Fur Rent ให้เช่าเฟอร์ฯคุณภาพ จับมือพันธมิตรสำคัญบัตรเครดิตและสินเชื่อในกลุ่มกรุงศรีคอนซูมเมอร์ ตอบโจทย์ผู้เช่ารุ่นใหม่ที่ต้องการความครบจบแบบ Ready To Move

ในยุคที่สภาพเศรษฐกิจยังคงเผชิญความผันผวน ทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและเหตุการณ์ระดับโลก เช่น ภัยธรรมชาติที่คาดเดาไม่ได้อย่างแผ่นดินไหวในบางพื้นที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงการแข่งขันในตลาดปล่อยเช่าคอนโดฯ และอสังหาริมทรัพย์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การ “แต่งห้องเพื่อปล่อยเช่าแบบพร้อมอยู่” จึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเพิ่มมูลค่าและดึงดูดผู้เช่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทรนด์ผู้เช่ารุ่นใหม่ต่างมองหา “ห้องแต่งครบแบบ Ready To Move” เป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ในการตัดสินใจเช่า เอสบี ดีไซน์สแควร์ เล็งเห็นโอกาสนี้ เปิดตัวบริการใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย “Easy Fur Rent”  บริการเช่าเฟอร์ฯที่ช่วยให้เจ้าของห้องสามารถ Turn ห้องเปล่าให้ปัง ได้อย่างมีสไตล์ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้จากค่าเช่า เนื่องจากห้องที่แต่งครบพร้อมอยู่สามารถตั้งราคาค่าเช่าได้สูงกว่าโดยเฉลี่ย 10–20% เมื่อเทียบกับห้องเปล่าทั่วไป อีกทั้งยังช่วยลดระยะเวลาที่ห้องว่างจากตลาด (vacancy period) ทำให้เจ้าของห้องสามารถสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่องได้เร็วและมั่นคงกว่าเดิม แม้ในสภาวะตลาดที่เต็มไปด้วยความท้าทาย โดยจับมือพันธมิตรสำคัญอย่าง บัตรเครดิตและสินเชื่อในกลุ่มกรุงศรีคอนซูมเมอร์ มอบสิทธิผ่อน 0% นานสูงสุดถึง 24 เดือน ให้ซื้อเฟอร์นิเจอร์แต่งห้องได้โดยไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในครั้งเดียว พร้อมปล่อยเช่าเพื่อสร้างรายได้ทันที

“Easy Fur Rent ไม่ใช่แค่บริการตกแต่งห้อง แต่คือเครื่องมือเพิ่มศักยภาพการลงทุน ด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ที่สวย ฟังก์ชันครบ สามารถซื้อและผ่อนจ่ายสบายแบบ 0% นานสูงสุด 24 เดือน ที่เราออกแบบมาเพื่อให้ห้องสามารถปล่อยเช่าได้เร็วขึ้น พร้อมรองรับเทรนด์ความต้องการใหม่ของผู้เช่า ภายใต้แนวคิด เช่าเฟอร์ฯง่าย ปล่อยห้องไว สบายกระเป๋า” นายพิเดช ชวาลดิฐ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทเอสบี เฟอร์นิเจอร์กล่าว

ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของเจ้าของห้อง Easy Fur Rent ได้ออกแบบชุดเฟอร์นิเจอร์ให้เลือกตามงบประมาณ ไลฟ์สไตล์ และระดับความต้องการของแต่ละคน โดยมีราคาเริ่มต้นแบบสบายกระเป๋าผ่อนเพียงเดือนละ 1,990 บาท สำหรับผู้เริ่มต้นลงทุนที่ต้องการความคุ้มค่า จัดเต็มเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลักที่จำเป็น พร้อมแต่งห้องให้พร้อมปล่อยเช่าในงบประมาณที่ควบคุมได้ ส่วนแพ็กกลางให้ผ่อนเพียงเดือนละ 2,500 บาท เป็นทางเลือกยอดนิยมที่ช่วยยกระดับบรรยากาศของห้องให้ดูน่าอยู่และอบอุ่นมากขึ้น ด้วยเฟอร์นิเจอร์ครบชุด ดีไซน์สวย ใช้งานลงตัว ตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชันและความงาม สำหรับแพ็กใหญ่จัดเต็มผ่อนเพียงเดือนละ 3,500 บาท เหมาะกับเจ้าของห้องที่ต้องการสร้างความแตกต่างแบบเหนือระดับ ด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่พิถีพิถันทั้งในด้านดีไซน์ วัสดุ และอายุการใช้งานที่ยาวนาน เหมาะกับการปล่อยเช่าระดับพรีเมียมหรืออยู่อาศัยเองอย่างมีสไตล์

Easy Fur Rent ยังให้ความสำคัญกับความหลากหลายของสไตล์การแต่งห้อง เพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้เช่าที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นแนว Minimal เรียบเท่ดูสะอาดตา Modern ที่เน้นฟังก์ชันและความทันสมัย Contemporary ที่ผสมผสานกลิ่นอายของความหรูหราแบบร่วมสมัย ไปจนถึงแนว Natural Cozy ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้เช่ารุ่นใหม่ ทั้งหมดนี้สามารถเลือกได้ในแบบที่เหมาะกับบุคลิกของห้องและกลุ่มเป้าหมายผู้เช่าโดยเฉพาะ นอกจากแพ็กเกจที่ SB Design Square คัดสรรไว้ให้แล้ว ลูกค้ายังสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นเองได้ตามความต้องการ เพื่อให้สอดคล้องกับขนาดห้อง โทนสี หรือสไตล์เฉพาะตัวที่ต้องการนำเสนอ ทำให้แพ็กเกจ Easy Fur Rent มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ และช่วยให้การแต่งห้องเพื่อปล่อยเช่าเป็นเรื่องที่ง่าย สนุก และคุ้มค่ากว่าที่เคย

“เพราะเราเชื่อว่าทางเลือกการแต่งห้องนั้นมีหลากหลายตามงบประมาณที่ลูกค้าแต่ละท่านกำหนดไว้ เรามุ่งเน้นในการมีส่วนร่วมสร้าง ‘การลงทุนที่ชาญฉลาด’ ด้วยเฟอร์นิเจอร์คุณภาพและดีไซน์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อการเช่าโดยเฉพาะ โดยลูกค้าสามารถเลือกผ่อนชำระเฟอร์นิเจอร์รายเดือนในระยะเวลาที่กำหนด และเมื่อผ่อนครบตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ก็จะได้รับกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในเฟอร์นิเจอร์ชุดนั้นอย่างสมบูรณ์ ซึ่งถือเป็นมูลค่าเพิ่มที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่การใช้งานและผลตอบแทนระยะยาวในการลงทุน” นายพิเดช ชวาลดิฐ กล่าวเสริม

ความพิเศษของ Easy Fur Rent ไม่ได้มีเพียงแค่ความคุ้มค่า แต่ยังรวมถึงสิทธิพิเศษทางการเงินที่ทำให้การตกแต่งห้องกลายเป็นเรื่องง่าย โดย SB Design Square ได้ร่วมกับ บัตรเครดิตและสินเชื่อในกลุ่มกรุงศรีคอนซูมเมอร์ มอบข้อเสนอสุดพิเศษให้สมาชิกบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ทุกหน้าบัตร สามารถซื้อเฟอร์นิเจอร์จาก SB และผ่อนชำระ 0% ได้นานสูงสุดถึง 24 เดือน หรือเลือกผ่อนนานสูงสุด 10 เดือนกับบัตรเครดิต กรุงศรี, บัตรเครดิต เซ็นทรัลเดอะวัน และบัตรเครดิตโลตัสพร้อมรับเครดิตเงินคืนสูงสุดถึง 30,000 บาท และสามารถใช้คะแนนสะสมแลกรับเครดิตเงินคืนเพิ่มเติมได้อีก 12% (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)

นายเกลน ริชาร์ด แนกกลิส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารช่องทางการขาย กลุ่มกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ การตลาดสินเชื่อผ่อนชำระธุรกิจประกันภัย และบริหารความสัมพันธ์กับพันธมิตร กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ในฐานะตัวแทนบัตรเครดิตและบัตรผ่อนชำระในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ อันประกอบไปด้วยบัตรเครดิตกรุงศรี บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน และบัตรเครดิตโลตัส กล่าวว่า“ความร่วมมือระหว่างบัตรเครดิตและสินเชื่อ ในกลุ่มกรุงศรีคอนซูมเมอร์ กับ เอสบี ดีไซน์สแควร์ เพื่อนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่ช่วยให้ลูกค้าบัตรฯ สามารถบริหารค่าใช้จ่ายได้สมาร์ทขึ้น ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อทำให้การเลือกซื้อชุดเฟอร์นิเจอร์เป็นเรื่องง่ายและคุ้มค่ากว่าเดิม”

“นอกจากความยืดหยุ่นทางการเงินแล้ว Easy Fur Rent ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในระยะยาว ผ่านการคัดสรรเฟอร์นิเจอร์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านดีไซน์ ฟังก์ชัน และความยั่งยืน โดยในปีนี้ เอสบี ดีไซน์สแควร์เดินหน้าขับเคลื่อนแนวคิด Sustainable Living อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ทั้งในกระบวนการออกแบบ วัสดุที่เลือกใช้ และบริการหลังการขาย เพื่อให้การแต่งห้องไม่เพียงแต่สร้างมูลค่าในการลงทุน แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว อีกทั้งยังใส่ใจในเรื่อง Well-being ของผู้พักอาศัย โดยมุ่งเน้นการออกแบบที่รองรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตจริง ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ปลอดภัย และน่าอยู่ ส่งผลให้ห้องที่แต่งด้วย Easy Fur Rent ไม่เพียงเป็นห้องเช่า แต่เป็นพื้นที่ที่พร้อมรองรับชีวิตคุณภาพของผู้เช่าในยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง” นายพิเดช ชวาลดิฐ กล่าวสรุป

สัมผัสทางเลือกใหม่ของการลงทุนอสังหาฯ ที่ง่ายกว่า คุ้มกว่า และยั่งยืนกว่า กับ Easy Fur Rent ได้แล้ววันนี้ที่ SB Design Square สามารถขอคำปรึกษาหรือดูตัวอย่างแพ็กเกจตกแต่งห้องสำหรับปล่อยเช่าได้ที่ https://www.facebook.com/condosolutions.th หรือ Add Line : @condosolutions

"เจแอลแอล" คาดการณ์ลงทุนอสังหาฯไทยปี 68 เติบโตแข็งแกร่ง โดยมีภาคธุรกิจโลจิสติกส์-ที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรีเป็นตัวขับเคลื่อน

เจแอลแอล ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลก รายงานว่าตลาดการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปี 2567 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีนิคมอุตสาหกรรม โรงแรม และดาต้าเซ็นเตอร์เป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโต ความสนใจจากนักลงทุนที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องและนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้เจแอลแอลคาดการณ์ว่าแนวโน้มดังกล่าวจะดำเนินต่อไปในปี 2568 ซึ่งจะเปิดโอกาสสำคัญให้กับหลายภาคธุรกิจ

2567: ปีแห่งการเติบโตของการลงทุนเชิงกลยุทธ์

ตลาดการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปี 2567 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยสินทรัพย์บางประเภทได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นพิเศษ ปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการลงทุนคือการสนับสนุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรม ดาต้าเซ็นเตอร์ และนิคมอุตสาหกรรมมีการลงทุนที่คึกคักมากขึ้น

นายกฤช ปิ่มหทัยวุฒิ หัวหน้าแผนกตลาดทุนประจำประเทศไทย บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จํากัด (JLL) กล่าวว่า "ตลาดการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 เติบโตอย่างแข็งแกร่งในภาคธุรกิจหลัก โดยเจแอลแอลให้คำปรึกษาด้านการลงทุนรวมมูลค่า 38,000 ล้านบาท ครอบคลุมสินทรัพย์และรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย ไฮไลต์สำคัญ ได้แก่ ดีลเช่าระยะยาวที่ดินแปลงใหญ่ในย่านราชดำริ ดีลซื้อที่ดินของผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลกในนิคมอุตสาหกรรม ดีลการซื้อที่ดินย่านบางนาเพื่อพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ และดีลเช่าที่ดินระยะยาวเพื่อพัฒนาโรงแรมในทำเลศักยภาพบนถนนสุขุมวิท ดีลเหล่านี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการลงทุนระดับภูมิภาค"

ตลาดการลงทุนโรงแรมในปี 2567 มีความคึกคักอย่างมาก โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 22,000 ล้านบาท จาก 15 ดีล ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยการซื้อขายในแต่ละปีตั้งแต่ปี 2553 ถึง 10,000 ล้านบาท โดยกรุงเทพฯ ครองตำแหน่งผู้นำตลาด ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายคิดเป็นเกือบ 50% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด ตามมาด้วยภูเก็ตและเชียงใหม่ โดย นางสาวพิมพ์พะงา ยมจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการลงทุนด้านโรงแรม บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ จํากัด (JLL) กล่าวว่า "ปี 2567 ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดโรงแรม ด้วยดีลสำคัญอย่างการซื้อขายโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ สุขุมวิท ซึ่งถือเป็นดีลซื้อขายสินทรัพย์เดี่ยว (Single-Asset) ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติการณ์"

แนวโน้มปี 2568: ปีแห่งโอกาสการลงทุน

เจแอลแอลคาดการณ์ว่าตลาดการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมี 4 กลุ่มสินทรัพย์หลักเป็นตัวขับเคลื่อน ได้แก่ โลจิสติกส์และอุตสาหกรรม ดาต้าเซ็นเตอร์ โรงแรม และที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี โดย นายกฤช ปิ่มหทัยวุฒิ ให้ความเห็นว่า

"ด้วยสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน เราพบว่า นักลงทุนและผู้ผลิตจากต่างประเทศให้ความสนใจลงทุน ในประเทศไทยมากขึ้น โดย BOI มีบทบาทสำคัญในการดึงดูดกลุ่มนักลงทุนเหล่านี้ผ่านมาตรการจูงใจ ทั้งในรูปแบบสิทธิ ประโยชน์ทางภาษีและมาตรการส่งเสริมอื่น ๆ นอกจากนี้ ความต้องการดิจิทัลสเปซที่เพิ่มขึ้น ทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์เติบโต อย่างรวดเร็ว โดยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมนี้ มีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับความต้องการอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป ขณะเดียวกัน ตลาดที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรียังคงได้รับความสนใจ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับอัลตราลักชัวรีในทำเลศูนย์กลางธุรกิจ ซึ่งสามารถดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อระดับไฮเอนด์ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง หากได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ปีนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับทั้งนักลงทุนและเจ้าของสินทรัพย์ โดยกุญแจสู่ความสำเร็จคือการเข้าใจภาพรวมตลาด การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และการกำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสินทรัพย์แต่ละประเภท ทั้งนี้ เจแอลแอล มุ่งเน้นการใช้ข้อมูลเชิงลึก การวิจัยตลาด และองค์ความรู้ด้านอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้าของเรา"

สำหรับธุรกิจโรงแรมในปี 2568 ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย นางสาวพิมพ์พะงา กล่าวว่า "ตลาดการลงทุนโรงแรมยังคงมีความหลากหลาย ทั้งดีลประเภท Core/Core-Plus และ Value-Add/Opportunistic โดยในปี 2568 ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากผู้ขายสามารถใช้ประโยชน์จากผลประกอบการที่ดีขึ้นของ โรงแรม รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างคงที่ ทำให้เราคาดการณ์ว่ามูลค่าการทำธุรกรรมจะสูงกว่า 13,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศตั้งแต่ปี 2553 ประมาณ 12%"

นายไมเคิล แกลนซี่ กรรมการผู้จัดการ เจแอลแอล ประจำประเทศไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และ เวียดนาม เน้นย้ำถึงความน่าสนใจในระดับภูมิภาคว่า  "เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับความสนใจอย่างมากจากการเปลี่ยนแปลง ในภูมิรัฐศาสตร์โลก โดยประเทศไทยเป็นผู้นำในกระแสนี้และได้รับประโยชน์จากแนวโน้มดังกล่าว เราเห็นความสนใจ จากนักลงทุนต่างชาติในกลุ่มโลจิสติกส์และอุตสาหกรรม ดาต้าเซ็นเตอร์ และโรงแรม รวมถึงผู้ผลิตที่ต้องการขยาย การลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย โอกาสในการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้เป็นปัจจัยหลัก ที่ขับเคลื่อนการเติบโต พร้อมกับปัจจัยสนับสนุนในภาพรวมที่ช่วยสนับสนุนกลุ่มโลจิสติกส์และอุตสาหกรรม ดาต้าเซ็นเตอร์ และอุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยว" แนวโน้มนี้สอดคล้องกับความพยายามของรัฐบาลในหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจ รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์และการผ่อนปรน กฎระเบียบเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น

“การขยายตัวของโครงการที่เน้นความยั่งยืนและอาคารเขียวทั่วทั้งภูมิภาคนี้ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนโอกาสการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ยั่งยืนและมีวิสัยทัศน์ในตลาดที่กำลังเติบโต การพัฒนาเมืองอัจฉริยะในประเทศอย่างมาเลเซีย ไทย และเวียดนาม เป็นแนวโน้มที่น่าสนใจและดึงดูดนักลงทุนในด้านเทคโนโลยี พร้อมเปิดโอกาสในการเติบโตระยะยาว นอกจากนี้ การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ยังนำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆในธุรกิจเทคโนโยลีสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ (PropTech) และอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับอีคอมเมิร์ซ การพัฒนาเหล่านี้กำลังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของภูมิภาค พร้อมเปิดโอกาสการลงทุนที่หลากหลาย”

ประเทศไทยกับบทบาทศูนย์กลางการลงทุนระดับภูมิภาค

ประเทศไทยมีจุดแข็งทั้งในด้านแรงงานที่มีคุณภาพ แหล่งพลังงานที่อุดมสมบูรณ์ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรมที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้ประเทศมีความน่าสนใจอย่างยิ่ง นักลงทุนต่างชาติเริ่มให้ความสนใจในด้านความยั่งยืน และพลังงานทดแทนมากขึ้น ส่งผลให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศที่มุ่งเน้นในด้านเหล่านี้สามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยได้

เจแอลแอลยังคงมุ่งมั่นใช้ความเชี่ยวชาญในการช่วยลูกค้ารับมือกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยการนำข้อมูลเชิงลึกที่ทีมวิจัยของบริษัท ฯ ได้มีการรวบรวมและจัดทำบทวิเคราะห์ในหลากหลายแง่มุม ไปใช้ในการให้คำปรึกษาและพัฒนากลยุทธ์ให้แก่ลูกค้าของบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง  โดยเจแอลแอลยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางอนาคตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย

"INETREIT" กำไรไตรมาส 3/67 ทะลุ 120.85 ล้านบาท พุ่ง 59.18%

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต หรือ INETREIT ทรัสต์กองแรกและกองเดียวในประเทศไทยที่เข้าลงทุนตรงในทรัพย์สินเกี่ยวกับเมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยี Data Center พร้อมทั้งอุปกรณ์ ที่ให้บริการ Cloud อย่างมีประสิทธิภาพ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2567 โชว์กำไรสุทธิแข็งแกร่งที่ 120.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 161.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) พร้อมประกาศจ่ายปันผลในอัตรา 0.2000 บาทต่อหน่วย เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 20 พฤศจิกายนนี้

เมื่อวันที่ 7 พ.ย.67 นายสุตกานต์ แน่นหนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเน็ต รีท แมเนจเม้นท์ จํากัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 (กรกฎาคม - กันยายน) บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะยังคงมีความท้าทาย แต่บริษัทฯ ยังสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 161.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 120.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการเติบโตของรายได้ค่าเช่าจากการเพิ่มขึ้นของ racks ใน IDC 3 เฟส 2.1 ซึ่งกองทรัสต์ได้เข้าซื้อในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2567 แสดงให้เห็นถึงความต้องการใช้บริการศูนย์ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและสัญญาเช่าทรัพย์สินเดิมของกองทรัสต์ฯ ที่มีการปรับขึ้นค่าเช่าปีละ 2% ส่งผลให้ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน (มกราคม - กันยายน) ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 427.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.08% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 286.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.01% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 มีมติอนุมัติจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน (เงินปันผล) สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 ในอัตรา 0.2000 บาทต่อหน่วย กำหนดจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ ในวันที่ 4 ธันวาคม 2567 โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 2.25% จากราคาหน่วยทรัสต์ที่ 8.90 บาท ณ สิ้นวันทำการไตรมาส 3 ปี 2567 (30 กันยายน 2567)   

โดย INETREIT ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกในประเทศไทยที่ลงทุนในสินทรัพย์ด้านเทคโนโลยี Data Center ทั้งหมด โดยปัจจุบันมีสินทรัพย์รวมมากกว่า 7,300 ล้านบาท ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการใช้งานด้านดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลของ INETREIT สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ของโลก ที่กำลังมุ่งสู่ยุคดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติบโตของธุรกิจ E-commerce, FinTech, Cloud Computing, Internet of Things (IoT), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยี 5G  ล้วนเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดความต้องการใช้โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง INETREIT พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน

กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเน็ต รีท แมเนจเม้นท์ จํากัด กล่าวว่า แนวโน้มการเติบโตของ Data Center ในประเทศไทย  มีศักยภาพในการเติบโตสู่การเป็นศูนย์กลาง Data Center ในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากมีความได้เปรียบในเรื่องต้นทุนค่าไฟฟ้าที่แข่งขันได้ มีเสถียรภาพทางการเมือง และมีโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่แข็งแกร่ง ประกอบกับการเติบโตของธุรกิจดิจิทัลในประเทศ ส่งผลให้ความต้องการใช้บริการ Data Center เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ INETREIT ในฐานะผู้นำด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ นอกจากความต้องการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีปัจจัยบวกอื่นๆ ที่ส่งผลดีต่อ INETREIT อาทิ นโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจดิจิทัล การขยายตัวของธุรกิจ Data Center และ Cloud Computing รวมทั้ง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลกำไร และผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน

“INETREIT เรามุ่งมั่นที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน โดยเรามั่นใจว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ตามที่คาดการณ์ไว้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน” นายสุตกานต์กล่าว

“Whizdom Craftz Samyan” คอนโด Freehold ทำเลทองสามย่าน-พระรามสี่ ยกให้เป็นคอนโดท็อปสตาร์แห่งปีที่ต้องเป็นเจ้าของ    

“วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน” (Whizdom Craftz Samyan) คอนโดมิเนียมแบบซื้อขายสิทธิ์ขาด หรือ Freehold ภายใต้การบริหารของ MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) สร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับวงการที่อยู่อาศัยและนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์หลังเปิดตัวเพียงไม่กี่วัน ด้วยทำเลทองสุดฮอตตลอดกาลในย่านศูนย์กลางเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ ที่มีศักยภาพการเติบโตที่ชัดเจนอย่างสามย่าน - พระราม 4  

วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน มีจุดเด่นที่เหนือกว่าและครบครันกว่าในด้านทำเลซึ่งหาได้ยากในพื้นที่ใจกลางเมือง แวดล้อมไปด้วย Lifestyle Community ระดับแม่เหล็กที่อำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งสถานศึกษา โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และยังใกล้รถไฟฟ้า MRT และใกล้ย่านวอลล์สตรีทของเมืองไทยใจกลางเมืองอย่างสีลม สาทร และแหล่งรวมแฟชั่นอย่างสยามสแควร์ รวมถึงจุดปักหมุดที่กำลังดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอย่างถนนเยาวราช และถนนบรรทัดทอง เหมาะทั้งเป็นที่อยู่อาศัยและด้านการลงทุนที่การันตีผลตอบแทนระยะยาว จากข้อมูลสถิติจากราคาที่ดินในย่าน New CBD ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี มีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าสูง และหากต้องการขายต่อก็ยังเป็นทำเลที่เป็นที่ต้องการของตลาด พร้อมที่จอดรถมากถึง 86% และบริการหลังการขาย ที่มีการรับประกันถึง 30 ปี ทำให้วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน ขึ้นแท่นติดอันดับท็อปสตาร์คอนโดมิเนียมดาวเด่นแห่งปีที่น่าจับตามอง 

โครงการออกแบบอย่างใส่ใจทุกรายละเอียด ตัวอาคารสูง 55 ชั้น มีที่พักอาศัย 418 ยูนิต ออกแบบให้อยู่ในทิศที่ไม่โดนแดดโดยตรง และตั้งอยู่ห่างจากตัวถนน 45 เมตร พร้อมติดตั้งเครื่องกรองอากาศชื่อ ‘ฟ้าใส’ และบริเวณทางเข้ามีสวนป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ ช่วยกรองฝุ่น PM 2.5 และลดเสียงจากภายนอก พื้นที่ส่วนกลางจัดเต็ม 8 ชั้น และพื้นที่สีเขียวมากกว่า 2,000 ตรม. พร้อม Facilities ครบครับ อาทิ สระว่ายน้ำ hydrotherapy บนชั้น 49 เพื่อการผ่อนคลายและชมวิวเมือง หรือ Fitwell Gym และ Sky Lounge บนชั้น 51 ที่สามารถออกกำลังกาย นั่งทำงานและชมวิวยามค่ำคืน และที่ชั้นบนสุดสามารถชมวิวแม่น้ำและวิวเมืองได้ 

ส่วนของห้องพักเริ่มต้นที่ 1 ห้องนอน 31 ตร.ม. ไปจนถึงห้อง Penthouse ขนาด 222 ตร.ม. ทุกยูนิตมีผนังกั้นระหว่างห้องที่มีความหนาป้องกันเสียงได้ 72 เดซิเบล พื้นกระเบื้องไวนิลทนน้ำ ความหนา 5 มิลลิเมตร นวัตกรรมใหม่วัสดุทดแทนพื้นไม้ คุณสมบัติเด่นสามารถกันน้ำได้ 100% มีพื้นผิวสัมผัส (Texture) ที่เหมือนพื้นไม้จริงไม่ลื่น มีความปลอดภัย เป็นมิตรต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ห้องครัวออกแบบตกแต่งด้วยวัสดุมาตรฐานและผลิตภัณฑ์แบรนด์ดัง ห้องน้ำออกแบบเพื่อความปลอดภัยด้วยวัสดุกันลื่น พร้อมวางระบบซ่อมบำรุงที่ไม่ต้องรบกวนห้องด้านล่าง อุ่นใจด้วยการรับประกันหลังการขาย 30 ปี ให้การดูแลใน 4 เรื่องหลักคือ โครงสร้างอาคาร การรั่วซึมจากน้ำฝน การใช้งานประตูหน้าต่าง และการชำรุดของท่อน้ำและสายไฟ

เริ่มต้นความประทับใจกับ คุณน้ำใส–พิชญาภา นาถา ศิลปิน BNK48 และนักแสดง ที่มีความผูกพันกับสามย่านในฐานะศิษย์เก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน นอกจากจะอยู่ในย่านที่รู้สึกคุ้นเคยแล้ว ยังตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเราได้มากที่สุด ห้องนอนที่ออกแบบได้ตรงใจทั้งขนาดห้อง เพดานสูงทำให้ห้องดูโปร่ง รับแสงธรรมชาติและชมวิวด้านนอกได้ อีกสิ่งที่ตอบโจทย์ผู้หญิงของเยอะและชอบแต่งตัวคือพื้นที่ Walk-in Closet ซึ่งโครงการบิ้วท์มาให้เลย ที่สำคัญมีที่จอดรถมากถึง 86% และระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง สร้างความอุ่นใจให้ผู้หญิงอย่างเราได้ดีเลยค่ะ”

 

ทางด้าน คุณโจ้–นพ.ดิสพงศ์ ปณิฐาภรณ์ แห่ง The Demis Clinic หลังจากได้เข้าไปชมวิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน กล่าวว่า “เป็นคราฟท์คอนโดฯ ที่ใส่ใจทุกรายละเอียดเพื่อการใช้ชีวิตที่ลงตัว เป็นได้ทั้งที่พักผ่อนและสเปซทำงานในตัวจากการออกแบบห้องให้สามารถปรับเป็นพื้นที่ทำงานได้ง่าย ห้องนอนก็ดูลงตัวและขนาดกำลังพอดี พร้อมพื้นที่ส่วนกลางที่ครบครัน ทั้งห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ Co-working Space และห้องประชุมในพื้นที่ส่วนกลาง นอกจากนี้ ยังออกแบบมาเพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดการอยู่อาศัยภายใต้แนวคิด For All Well-Being ด้วยพื้นที่สีเขียวและระบบฟอกอากาศ อีกทั้งยังเดินทางไปทำงานได้สะดวกมากด้วยทำเลอยู่ติดถนนพระรามสี่และใกล้รถไฟฟ้า MRT”

ส่วนความโดดเด่นของทำเลทองที่โดนใจคนเมือง คุณภัทร–นัตธนนท์ ปิ่นโรจน์กีรติ พิธีกร และดีเจ กล่าวว่า “เรื่องของทำเลที่ตั้ง วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน เป็นทำเลที่ทุกคนมองหา เพราะตั้งอยู่ติดถนนพระรามสี่ และใกล้ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้า รวมถึงย่านสตรีตฟู้ดอย่างถนนบรรทัดทองหรือเยาวราชที่กลายเป็นย่านสุดฮอตของคนทั่วโลกไปแล้ว และยังอยู่ใกล้ย่านธุรกิจการค้าอย่างสีลม สาทร และสยาม สแควร์ที่ใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่นาที และมีพื้นที่ส่วนกลางรองรับการ Work From Home ตอบโจทย์ทั้งนักเรียน นักศึกษา วัยทำงาน นักธุรกิจ รวมทั้งนักลงทุนเลยครับ”

    

มาต่อกันที่ความครบครันของการเป็นที่อยู่อาศัย คุณโอ–ศุภเชษฐ์ เศรษฐโชติ เจ้าของช่อง Review    by O กล่าวว่า “จุดเด่นที่ชอบใน วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน คือการเป็นหนึ่งเดียวในย่านนี้ ที่รับประกัน 30 ปีครับ เพราะปัจจุบันผู้ซื้อให้ความสำคัญกับบริการหลังการขาย การที่มี Premium Care by MQDC คอยดูแลและซ่อมบำรุง เป็นเรื่องที่ทำให้อุ่นใจ มาก ทั้ง 4 เรื่อง ตั้งแต่โครงสร้างอาคาร การรั่วซึมจากน้ำฝน การใช้งานประตูหน้าต่าง และการชำรุดของท่อน้ำและสายไฟ ช่วยลดความกังวลในการอยู่อาศัยระยะยาวให้เราได้ครับ”
    

ปิดท้ายที่ความน่าสนใจด้านการลงทุน โดย คุณวิน–อิทธิศักดิ์ เย็นเพชร เจ้าของเพจ Guru Living “สำหรับวิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน เป็นคอนโดฯ ซื้อขายสิทธิ์ขาด ที่ได้รับความนิยมทั้งจากผู้ที่ต้องการซื้ออยู่เองและกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่เปิดตัว ทำเลนี้เป็น New CBD ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ไม่ว่าจะซื้อเพื่อการลงทุนหรือปล่อยเช่าทำเลนี้ก็มีอัตราการผลตอบแทนในระยะยาวค่อนข้างสูง เป็นที่ต้องการของทั้งคนไทยและต่างชาติ และมีผู้ที่อยู่อาศัยหลากหลายวัยในทุกกลุ่มอาชีพ ยิ่งช่วงใกล้เปิดเทอมยิ่งมีความต้องการที่อยู่อาศัยบนทำเลนี้เพิ่มมากขึ้น ทำเลทองในย่านนี้จึงเป็นท็อปลิสต์ที่น่าสนใจมากๆ ของนักลงทุน” 

สำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับโครงการวิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน สามารถลงทะเบียนเยี่ยมชมห้องตัวอย่างล่วงหน้า ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม และข้อเสนอสุดพิเศษ ได้ที่ https://mqdc.link/4654TO5 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.1265

#ข่าววันนี้ #คอนโด #สามย่าน #ลงทุนอสังหา #MQDC #วิสซ์ดอมคราฟท์สามย่าน

 

"บิ๊กอสังหาฯเมืองนครปฐม" ทุ่มทุนหนักปี “มังกรทอง 67” มูลค่ากว่า 4,000 ล้าน เปิดตัว 3 โครงการใหม่ ตอบโจทย์การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทุกมิติในอนาคต

บิ๊กอสังหาฯ เมืองนครปฐม “ทรัพย์คณา พร็อพเพอร์ตี้” ทุ่มลงทุนหนักปี “มังกรทอง 2567” มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท รองรับเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง พร้อมเปิดตัว 3 โครงการใหม่ Centric, U Condo และบ้านอยู่สบาย ชูจุดแข็งสร้างสังคมเมืองใหม่ใกล้กรุงเทพฯ ตอบโจทย์การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทุกมิติในอนาคต

วันที่ 9 ม.ค.2567 ที่บริเวณโครงการ โครงการ Garden Ville by Yusabai  จังหวัดนครปฐม ดร.ยุพิน รัชตวุฒิพงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท ทรัพย์คณา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด นายวิชัย สุทธิเลิศวรกุล กรรมการบริหาร พร้อมด้วยนายอภิชัย โภชกปริภัณฑ์ ที่ปรึกษาโครงการ และเจ้าหน้าที่บริหารโครงการ รวมถึงตัวแทนสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียง ได้ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวอีก 3 โครงการใหม่ของบริษัท ภายในปี 2567 นี้ ได้แก่ Centric, U Condo ใกล้ห้างเซ็นทรัลนครปฐม และบ้านอยู่สบาย ณ ศูนย์ราชการ จังหวัดนครปฐม รวมมูลค่าการลงทุนทั้งหมดกว่า 4,000 ล้านบาท

นายอภิชัย โภชกปริภัณฑ์ ที่ปรึกษาโครงการ บริษัท ทรัพย์คณา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า โครงการใหม่ในปีนี้ที่เริ่มทำการก่อสร้างเเล้วพร้อมกับเริ่มเปิดการขายคือ Centric ในพื้นที่ประมาณ 28 ไร่  มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท พื้นที่โครงการอยู่ด้านหลังห้างฯ เซ็นทรัล นครปฐม มีทั้งอาคารพาณิชย์  ประมาณ 47 แปลง  บ้านพักอาศัยแบบทาวน์โฮม 3 ชั้น ประมาณ 206 แปลง  และทาวน์โฮม 2 ชั้น อีก 39 แปลง


ส่วนโครงการที่ 2  คือโครงการ U Condo เป็นคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น ในพื้นที่ 5 ไร่  มูลค่าโครงการ 1,152 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ด้านหลังห้างฯ เซ็นทรัลนครปฐม เช่นเดียวกัน มีอาคารคอนโดฯ 4 อาคาร รวม 300 ยูนิต  จุดตรงนี้สามารถรองรับทั้งประชาชน และนักลงทุนทั่วไป เพราะราคาย่อมเยา ระดับ 1 ล้านบาทต้นๆ  สามารถลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่า หรือมาพักอาศัยเพื่อไปทำงานในพื้นที่ใกล้เคียงได้อย่างสะดวกสบาย

สำหรับโครงการที่ 3  คือ “โครงการบ้านอยู่สบาย ณ ศูนย์ราชการจังหวัดนครปฐม”  ตั้งอยู่ตรงข้ามศูนย์ราชการ พื้นที่เกือบ 200 ไร่ เริ่มดำเนินการสร้างปี 2567-2569 มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และโฮมออฟฟิศ สไตล์โมเดิร์นฟาร์มเฮ้าส์ (Modern Farmhouse) ภายในโครงการพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ด้วยพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ในบรรยากาศฟาร์มวิล คลับเฮ้าส์หรู เปิดมุมมองรับวิวสวน อีกทั้งยังมี Community Mall และคอนโด Super Luxury โดยช่วงเเรกจะพัฒนาในพื้นที่ 40 ไร่ก่อน ซึ่ง Community Mall  จะสามารถรองรับทั้งผู้สูงอายุ ผู้พิการ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีโซลาเซลล์ และเรื่องของ EV ชาร์จเจอร์ ซึ่งถือว่า โครงการที่ศูนย์ราชการแห่งนี้ เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จะพัฒนาต่อเนื่องไปอีก 4-5 ปีข้างหน้า


“เหตุผลที่บริษัทฯ เราเลือกทำเลจังหวัดนครปฐมมาตลอดกว่า 20 ปี เพราะจังหวัดนครปฐมเป็นจังหวัดที่มีอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ หรือ GDP สูงจังหวัดหนึ่งในประเทศไทย โดยอันดับ 1 คือ ระยอง และกรุงเทพมหานคร  2.ชลบุรี  3.ปราจีนบุรี  4.พระนครศรีอยุธยา 5.ฉะเชิงเทรา 6.สมุทรสาคร 7.สระบุรี  และ 8.นครปฐม อีกทั้งประชากรก็มีรายได้สูงด้วยความสามารถของตนเอง ผมจึงมั่นใจว่า เนื่องจากเราติดกับกรุงเทพฯ ปริมณฑล  ขณะที่จังหวัดนนทบุรีปัจจุบันมีการพัฒนาสูง ราคาที่ดินแพงมาก ดังนั้น โครงการของเราสามารถรองรับความเจริญได้ในอีกสองสามปีอย่างแน่นอน เราจะเป็นเจ้าเเรกที่ทำโปรดักส์ในระดับกรุงเทพฯ ที่มีคุณภาพและรูปแบบดีไซน์ที่ดีขึ้น เพื่อรองรับความเจริญของเมืองครับ“ นายอภิชัย กล่าว


ขณะที่ตัวแทนสถาบันการเงิน โดย คุณธิวารันญ์ กิ้มบุญจิ๋ว จากธนาคารออมสิน ระบุว่า ทางธนาคาร พร้อมตอบโจทย์ลูกค้าที่หลากหลาย ทั้งอาชีพอิสระ ข้าราชการ และพนักงานประจำ ที่สนใจต้องการมีที่อยู่อาศัย หรือทำการค้าขาย ซึ่งในราคาที่ทางโครงการตั้งขึ้น ทางธนาคารพร้อมที่จะช่วยดูแลอำนวยความสะดวกเเละเรื่องสินเชื่อให้กับลูกค้า จะช่วยดูแลเรื่องรายได้ให้สอดคล้องกับราคาบ้านที่ลูกค้าจะซื้อ และเดินเรื่องยื่นกู้ให้อย่างเต็มที่

ด้าน ดร.ยุพิน รัชตวุฒิพงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท ทรัพย์คณา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวเสริมว่า บริษัท ทรัพย์คณา พร็อพเพอร์ตี้ ได้ดำเนินโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ทำในพื้นที่นครปฐมมาร่วม 20 ปี จึงเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะนำที่ดินแปลงทำเลทอง มาเปิด 3 โครงการใหม่เพื่อรองลูกค้าทุกระดับ ประกอบกับความพร้อมของทีมบุคลากร ดีไซน์ และพันธมิตรงานวัสดุก่อสร้าง ทำให้ลดต้นทุนและคงคุณภาพ รวมทั้งจุดแข็งในเรื่องของการบริการหลังการขาย เราจึงเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ของพี่น้องชาวนครปฐม ทำให้ได้รับความไว้วางใจและสามารถที่จะดูแลรับรองลูกค้าได้เป็นอย่างดีตลอดในช่วงระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา และด้วยแลนด์แบงก์ที่มีนับ 10 ปี เรายังสามารถยึดพื้นที่ตรงนี้เป็นทำเลที่จะสร้างที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าทุกคน

“บริษัทฯ มั่นใจการลงทุนโครงการของเรา ด้วยทำเลทองที่มีระบบการคมนาคมที่สะดวก นำมาซึ่งความเจริญเข้ามาที่จังหวัดนครปฐม รวมทั้งห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าใหญ่ มหาวิทยาลัย ที่มีอยู่ ทั้งนี้ บริษัทฯ ของเรายังมีสินเชื่อของธนาคารทุกธนาคารที่สนับสนุนวงเงินสินเชื่อให้กับลูกค้า พร้อมจะทำโพสต์ไฟแนนซ์ และปล่อยกู้เต็ม 100 % ให้กับลูกค้าของโครงการทุกราย นับเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะนำเสนอเป็นทางเลือกทางหนึ่งของความต้องการที่อยู่อาศัยของพี่น้องชาวนครปฐม และจังหวัดใกล้เคียง ด้วยประสบการณ์ที่มีเราพร้อมจะดูแลลูกบ้านที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกของบริษัท ทรัพย์คณา พร็อพเพอร์ตี้ ของเราค่ะ” ดร.ยุพิน กล่าว



ผู้สื่อข่าวรายว่า ในวันเดียวกันนี้ โครงการ Garden Ville by Yusabai ได้มีการจัดงาน “Welcome Party to be Family“ เพื่อแสดงความยินดีกับลูกบ้านที่ได้บ้านใหม่ เฟส 1 และเฟส 2 กว่า 100 ยูนิต และจัดงานต้อนรับอย่างอบอุ่นในฐานะครอบครัวบ้านอยู่สบาย ภายในงานได้มีการสร้างความเชื่อมั่นโดยการพาชมบ้านพร้อมส่งมอบในปี 2567 นี้ เฟส 3 และ เฟส 4 อีกด้วย

"ออริจิ้น" เปิดตัวนวัตกรรมลงทุนอสังหาฯซีรีส์ใหม่ “Origin Investment Gen Flow” เปิดทางลงทุนทีละห้อง-ยกชั้น-ยกตึกทั่วประเทศ

ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เปิดตัว “Origin Investment Gen Flow” นวัตกรรมการลงทุนอสังหาฯปล่อยเช่า ตอบโจทย์การลงทุนระยะยาวทุกงบ-ทุกเซ็กเมนท์-หลากทำเลศักยภาพ ชู Origin Condo Investment คอนโดลงทุนง่าย ใกล้นิคม-แคมปัส ราคาเบาๆ เริ่ม 1.89 ล้าน Origin Resort Investment คอนโดแหล่งท่องเที่ยว ลงทุนรับทั้งค่าเช่าและส่วนเพิ่มตามซีซั่น Origin Apartment Program เปิดทางลงทุนยกชั้น ยกตึก ทำเลใกล้นิคมอุตสาหกรรม ดึง “แพสชั่น เรียลเตอร์” เติมเต็มอีโคซิสเท็ม ช่วยบริหารสินทรัพย์ อำนวยความสะดวกผู้ลงทุน ไม่ต้องหาผู้เช่าเอง พร้อมการันตีผลตอบแทนในช่วงเริ่มต้น 

นายสิริพงศ์​ศรีสว่างวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระยะยาว ถือเป็นทางเลือกการลงทุนที่มั่นคง ความผันผวนต่ำ และเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย ที่ผ่านมา เครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ในฐานะผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร จึงได้พัฒนานวัตกรรมการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ออกมาอย่างต่อเนื่องภายใต้ “Origin Investment Property Program” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุน ที่สนใจลงทุนระยะยาว แต่ไม่สะดวกหาผู้เช่าเอง โดยเปิดทางการลงทุนโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ในเขตเมือง อาทิ พร้อมพงษ์ ทองหล่อ พญาไท พร้อมบริการจัดหาผู้เช่าต่างชาติจากบริษัทข้ามชาติที่ลงทุนในประเทศไทย 

โดยล่าสุด บริษัทได้เสริมทัพนวัตกรรมการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระยะยาวอย่างต่อเนื่องภายใต้ซีรีส์ “Origin Investment Gen Flow” เปิดทางเลือกใหม่ๆ ให้แก่นักลงทุนในหลากหลายเซ็กเมนท์ หลากหลายงบประมาณ และ หลากหลายทำเลศักยภาพ ด้วยโปรแกรมการลงทุน 3 โปรแกรม ได้แก่ 1.Origin Condo Investment เปิดทางลงทุนระยะยาวได้ง่าย ไม่ต้องลงแรง ในงบประมาณที่เอื้อมถึง เริ่มต้น 1.89 ล้าน ในทำเลแหล่งงานและทำเลใกล้สถาบันการศึกษา อาทิ สายลวด, ศรีอุดม, เกษตร-ศรีราชา แคมปัส, แคมปัส บางแสน, ระยอง โดยโครงการในบางทำเลยังมีความพิเศษ เช่น ศรีอุดม เป็น Pet Lover Condo ซึ่งถือเป็นประเภทคอนโดที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และเป็นเซ็กเมนท์ผู้เช่ากลุ่มใหญ่ของตลาด 

2.Origin Resort Investment ยกระดับการลงทุนสู่ทำเลท่องเที่ยว รองรับการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยว พร้อมระบบผลตอบแทนที่ครอบคลุมทั้งค่าเช่าแบบคงที่และค่าเช่าส่วนเพิ่มตามซีซั่นการท่องเที่ยว นำร่องในทำเล กะทู้-ป่าตอง, หาดบางเทา, พัทยา ราคาเริ่มต้น 2.19 ล้านบาท นอกจากจะได้รับโอกาสทำรายได้จากค่าเช่าแล้ว ยังได้รับโอกาสของราคาทรัพย์สิน ที่อาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการเป็นเมืองท่องเที่ยว 3.Origin Apartment Investment ตอบโจทย์การลงทุนยกชั้น ยกตึก พร้อมผลตอบแทนแบบยกกำลัง ในทำเลใกล้แหล่งชุมชนและนิคมอุตสาหกรรม อาทิ บางนา-บางปะกง, เศรษฐบุตร, เตรียมน้อม, บางแค เป็นการสนับสนุนนักลงทุนที่ต้องการยกระดับเป็น SME โดยเข้าไปร่วมมือและลดความเสี่ยงของการลงทุนสำหรับผู้สนใจทำอพาร์ตเมนท์แต่ไม่เคยทำมาก่อน 

นายสิริพงศ์ กล่าวอีกว่า เพื่อเติมเต็มอีโคซิสเท็มของการลงทุนระยะยาวให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น บริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท แพสชั่น เรียลเตอร์ จำกัด ในเครือบริษัท พรีโม เซอร์วิส​ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ในการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ลงทุนทั้ง 3 โปรแกรม โดยแพสชั่น เรียลเตอร์ จะทำหน้าที่บริหารสินทรัพย์และจัดหาผู้เช่าที่สอดคล้องกับความต้องการในทำเลต่างๆ อาทิ กลุ่มผู้ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม นักศึกษา นักท่องเที่ยว ลดภาระของผู้ลงทุน ไม่ต้องหาผู้เช่าเอง พร้อมทั้งการันตีผลตอบแทนในช่วงแรกเพื่อลดความเสี่ยงให้แก่ผู้ลงทุน 

“สินทรัพย์หลายประเภท อาทิ ตลาดหุ้น กองทุนรวม เงินตราต่างประเทศ ทองคำ มีความผันผวนอย่างมากในปัจจุบัน การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระยะยาว จึงยังถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างมากในขณะนี้ และเราเชื่อว่านวัตกรรมทั้ง 3 โปรแกรมของเราที่มาพร้อมกับการดูแลครบวงจรเป็นอีโคซิสเท็ม จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนระยะยาวได้เป็นอย่างดี” นายสิริพงศ์ กล่าว 

สำหรับผู้สนใจโครงการลงทุนระยะยาวของออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.origin.co.th หรือสอบถามเพิ่มเติมโทร 1498 บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 140 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 2/2566) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton),ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 211,301 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร