สภาผู้บริโภคแนะรัฐโยกงบ 3.4 หมื่นล้าน ดันนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

เสนอทางออกดัน “รถไฟฟ้า 20 บาท” รัฐใช้งบ 3.40 หมื่นล้าน ช่วยประชาชนเข้าถึงขนส่งเท่าเทียม

สภาผู้บริโภคแถลงการณ์ด่วน เสนอทางออกดันรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ควรใช้งบ 3.40 หมื่นล้านบาท จากโครงการทางด่วนชั้นที่ 2 นำมาใช้ขับเคลื่อนช่วยประชาชนเข้าถึงบริการรถไฟฟ้าอย่างทั่วถึง ลดต้นทุนค่าครองชีพ

การเข้าถึงขนส่งสาธารณะอย่างเท่าเทียมเป็นนโยบายที่สภาผู้บริโภคได้เร่งผลักดันมาโดยตลอด โดยเฉพาะ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดเส้นทาง เพื่อทำให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการรถไฟฟ้าอย่างสะดวก ร่วมเพิ่มคุณภาพชีวิตและร่วมลดภาระค่าใช้จ่าย แต่ล่าสุดภาครัฐบาลได้ประกาศชะลอนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทออกไปก่อน จากเดิมกำหนดไว้ในวันที่ 1 ต.ค. 2568 โดยกระทรวงคมนาคมประกาศว่าจะเลื่อนใช้ภายในวันที่ 15 พ.ย.2568 เนื่องจากต้องรอให้ร่างกฎหมาย 3 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.การขนส่งทางราง พ.ศ. …. พ.ร.บ. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. …. และ พ.ร.บ. การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. ผ่านการพิจารณาจากสภาฯ

สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภคได้ร่วมผลักดันนโยบายรถไฟฟ้ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เพื่อทำให้ภาคประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการขนส่งสาธารณะอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน จึงจัดได้ทำแถลงการณ์เสนอทางออกขับเคลื่อนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทให้เดินหน้าได้ตามแผน ด้วยการให้รัฐบาลนำงบประมาณ 34,000 ล้านบาทที่กระทรวงคมนาคมได้ตั้งไว้ในการดำเนินโครงการทางด่วนสองชั้น มาผลักดันนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท สร้างผลดีทำให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้าถึงบริการสาธารณะ

เหตุผลของการเสนอให้รัฐบาลนำงบประมาณ 34,000 ล้านบาท ปรับเปลี่ยนมาใช้เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรถไฟฟ้านั้นมีเหตุผลสำคัญๆ สองประการคือ ประการแรกคือการสร้างทางด่วนสองชั้นนั้น ไม่สามารถแก้ปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครได้จริง ทั้งนี้เนื่องจากการเพิ่มพื้นที่ทางด่วนเป็นการทำให้ผู้ที่สัญจรไปมาพึ่งพิงการใช้รถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น ประการที่สองคือ หากนำนำงบประมาณส่วนนี้มาปรับเปลี่ยนเพื่อให้บริการรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย จะสนับสนุนให้ประชาชนใช้บริการรถสาธารณะที่สะดวกรวดเร็วในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้มากขึ้น เป็นการคำนึงถึงผลประโยชน์ที่แท้จริงของผู้บริโภคและประเทศชาติโดยรวม ในขณะที่การสร้างถนนทางด่วนสองชั้นที่เกินความจำเป็นและไม่สามารถแก้ปัญหาการจราจรได้จริง

“สภาผู้บริโภคขอเสนอและเรียกร้องต่อรักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ยึดมั่นในหลักการที่ว่า ระบบขนส่งสาธารณะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภคทุกคนที่ต้องขึ้นได้จริงทุกวัน ขอให้นำงบประมาณจำนวนไม่น้อยกว่า 34,000 ล้านบาทที่กระทรวงคมนาคมได้ตั้งงไว้ในการดำเนินโครงการทางด่วนสองชั้น ปรับนำงบประมาณส่วนนี้มาใช้เพื่อให้บริการรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย สามารถเดินหน้าได้จริง ถึงแม้ยังไม่มีกฎหมายตั๋วร่วมหรือกฎหมายอื่น ๆ ตามที่ชี้แจง เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในฐานะผู้บริหารประเทศ สะท้อนว่าได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนงบประมาณบางด้านที่เกินความจำเป็นและมีประโยชน์น้อยกว่า โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่แท้จริงของผู้บริโภคและประเทศชาติโดยรวม” สารี กล่าว

ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ถือเป็นทางออกสำคัญในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ร่วมแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ก้าวสู่การใช้พลังงานสะอาด พร้อมลดค่าครองชีพเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชน และสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะให้กับประชาชนทุกคน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการที่ว่า ระบบขนส่งสาธารณะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภคทุกคน

นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีงบประมาณเหลือจำนวน 28,500 ล้านบาท (34,000 – 5,500 = 28,500 ล้านบาท) ซึ่งรัฐบาลสามารถจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้าให้บริการผู้บริโภคในต่างจังหวัดได้มากถึง 5,700 คัน หรือจำนวน 75 คันต่อจังหวัด (ประมาณราคารถเมล์ไฟฟ้า 5 ล้านบาทต่อคัน) โดยโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายยังมีประโยชน์และมีมูลค่ามากถึง 10,049.73 ล้านบาท ต่อการพัฒนาในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านเศรษฐกิจ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้มากถึง 7,360.43 ล้านบาท ด้านสังคม ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ และเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชนคิดเป็นมูลค่า 2,612.02 ล้านบาท ด้านสิ่งแวดล้อม: ลดการปล่อย CO₂ 77.28 ล้านบาท (ที่มา: กระทรวงคมนาคม)

ขณะเดียวกัน สภาผู้บริโภคและสมาชิกสภาผู้บริโภคใน 58 จังหวัด ได้เสนอและผลักดันนโยบาย “ขนส่งมวลชนทุกคนขึ้นได้ทุกวัน” เดินออกจากบ้าน 500 เมตร เจอป้ายรถสองแถว (รถเมล์) ค่าบริการขนส่งสาธารณะไม่ควรเกิน 10% ของค่าแรงขั้นต่ำของประชาชนทุกคนทั่วประเทศ และจากการทำงานของสภาผู้บริโภคมีข้อมูลที่ชัดเจนจากผลการศึกษาของอนุกรรมการผู้เชี่ยวชาญสภาผู้บริโภคชี้ชัดว่า ค่าใช้จ่ายเดินรถต่อคนต่อเที่ยวของผู้บริโภคระหว่างปี พ.ศ. 2557 – 2562 มีต้นทุนเฉลี่ยต่อคนต่อเที่ยวโดยสารระหว่าง 10.10 – 16.30 บาท ขึ้นกับจำนวนผู้โดยสารและค่าใช้จ่ายในแต่ละปี

ข้อมูลนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาของกรุงเทพมหานครที่ยืนยันว่า ค่าบริการเดินรถประมาณ 11 – 13 บาทต่อคนต่อเที่ยว รวมถึงโครงการศึกษากำหนดอัตราค่าโดยสารของกรมการขนส่งทางราง ปี 2567 ที่ระบุว่า ค่าเฉลี่ยต้นทุนงานระบบรถไฟฟ้าต่อผู้โดยสารสำหรับรถไฟฟ้ารางหนัก (Heavy Rail) จะอยู่ที่ 14.31 บาท และรถไฟฟ้ารางเบา (LRT หรือ Monorail) จะอยู่ที่ 11.67 บาทเท่านั้น ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ค่าโดยสาร 20 บาท มีความเป็นไปได้จริงและเป็นราคาที่ยุติธรรมต่อผู้บริโภค รวมถึงบริการรถไฟฟ้ายังมีรายได้เพิ่มเติมจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และรายได้จากการโฆษณาของรถไฟฟ้าที่เกิดขึ้นอีกจำนวนมาก เพียงแต่การดำเนินการที่ผ่านมาสัญญาสัมปทานที่เกิดขึ้นทั้งหลายมีมรดกบาปที่ติดค้างการดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน         

อย่างไรก็ตาม นโยบายรถไฟฟ้าอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม สภาผู้บริโภคได้เสนอนโยบายต่อภาครัฐบาลมาตั้งแต่ปี 2564 ตั้งแต่รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยนโยบายนี้จะทำให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการขนส่งสาธารณะได้อย่างเท่าเทียมและเป็นนโยบายที่มีความยั่งยืน พร้อมกันนี้สภาผู้บริโภคได้ยึดหลักการว่าค่าบริการขนส่งสาธารณะไม่ควรเกิน 10% ของค่าแรงขั้นต่ำ หรือไม่ควรเกิน 40 บาทต่อวัน

นลท.หวั่นรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายรอเก้อ เทขายลดเสี่ยง ฉุดเช้าตลาดฯปิด -2.97 จุด มูลค่า 2.4 หมื่นล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เช้าวันนี้ (26 สิงหาคม 2568) ว่า นักลงทุนจับตามองนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของรัฐบาล ซึ่งส่งผลกระทบต่อหุ้นระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่ได้เทขายออกมา และถึงแม้รัฐบาลจะพยายามประชาสัมพันธ์ถึงความชัดเจนที่จะเดินหน้านโนยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายได้แน่นอน แต่ล่าสุดได้มีการประกาศเลื่อนออกนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสายจากเดือนตุลาคม ไปเป็นกลางเดือนพฤศจิกายน 2568 

อีกทั้งยังมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองอื่นๆ รวมถึงการอ่านคำพิพากษาในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ซึ่งผลอาจออกมาได้ทั้งสองหน้า ทำให้ตลาดยังไม่มั่นใจและเลือกที่จะเทขายหุ้นกลุ่มนี้ออกมา

ทั้งนี้ส่งผลให้ตลาดฯ ปิดเช้าที่ 1,259.70 จุด ปรับลง 2.97 จุด มูลค่า 24,414.26 ล้านบาท 

 

 

“เลขาฯกฤษฎีกา” รับ ก.คมนาคม หารือใช้งบกลางฯ ชดเชย รถไฟฟ้า 20 ตลอดสาย ก่อนกฎหมายผ่านสภาฯ ปัดตอบ “อิ๊งค์” ชิงไขก๊อก

 

วันที่ 25 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกระแสข่าวกระทรวงคมนาคมทำหนังสือหารือเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรถไฟรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยจะนำงบกลางฯ มาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ระหว่างที่กฎหมายทั้ง 3  ฉบับยังไม่ผ่านสภาฯ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่ากระทรวงไม่สามารถเสนอขอรับจัดสรรงบกลางฯ มาใช้ เนื่องจากไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วนว่า ยังไม่ได้หารือ เพียงแต่เป็นการพูดคุยกันเฉย ๆ  

เมื่อถามถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม หากมีการลาออกก่อนวันที่ศาลธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย ในวันที่ 29 ส.ค.นี้ ศาลจะมีการจำหน่ายคดีหรือไม่ นายปกรณ์ ตอบเพียงว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบทางศาล ต้องไปถามศาล ซึ่งอย่ากดดันอะไรเลย เพราะเหลืออีกไม่กี่วัน

ส่อเลื่อน! “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” รมช.คมนาคม แย้ม รอกฎหมาย 3 ฉบับผ่านสภาก่อนเริ่มใช้

วันที่ 25 สิงหาคม 2568  นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าโครงการ “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ว่า กำหนดการเริ่มใช้จริงในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัด เนื่องจากต้องรอให้ ร่างกฎหมายสำคัญ 3 ฉบับ ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรก่อน

“ หากกฎหมายทั้ง 3 ฉบับไม่แล้วเสร็จก่อนวันที่ 1 ต.ค. 2568 โครงการจะต้อง เลื่อนการเริ่มใช้ และไม่สามารถทยอยเปิดใช้ทีละสายได้ แต่ต้อง เริ่มพร้อมกันทั้งระบบ รวมถึง รถไฟฟ้าสายสีม่วง และ สายสีแดง ที่มีมาตรการ 20 บาทตลอดสายอยู่แล้ว ก็จะต้องรอการบังคับใช้นโยบายใหญ่เช่นกัน”

#รถไฟฟ้า20บาทตลอดสาย #กระทรวงคมนาคม #มนพรเจริญศรี #ค่ารถไฟฟ้า #นโยบายรัฐบาล #โครงการรถไฟฟ้า #siamrath

"โฆษกคมนาคม" เผยนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ล่าสุดยอดลงทะเบียนสำเร็จทะลุแสน

"โฆษกคมนาคม" เผยนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แนะประชาชน อย่าหลงเชื่อเฟคนิวส์ ยันผู้สูงอายุรับสิทธิ์ได้ตามความเหมาะสม-คุ้มค่าต่อการเดินทาง ระบุ หากค่าบริการไม่ถึง 20 บาท ยังเสียค่าบริการตามจริง เผยล่าสุดยอดลงทะเบียนสำเร็จ ทะลุแสนคนเรียบร้อย

วันที่ 25 สิงหาคม 2568 นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคม  ตอกกลับกระแสข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ที่บิดเบือนว่า ผู้สูงอายุเกิน 60 ปี อาจ "เสียสิทธิ์" หรือ "ขาดทุน" หรือ "ไม่คุ้ม" หากลงทะเบียนใช้นโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยยืนยันว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่เป็นความจริง และเป็นการนำเสนอข้อมูลที่ไม่รอบด้าน ทั้งนี้แนะนำว่าประชาชนอย่าหลงเชื่อ "ข่าวปลอม" ที่อาจเกิดจากผู้ไม่หวังดีและผู้ที่ให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนตามวัตถุประสงค์ พร้อมย้ำว่า หากพบการปล่อยข่าวปลอม จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

"มาตรการ 20 บาทตลอดสายคือ โปรโมชั่นพิเศษ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของที่ผู้ใช้เดินทางด้วยรถไฟฟ้า เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไปหรือผู้สูงอายุก็ตาม ดังนั้นอย่าหลงเชื่อข้อมูลบิดเบือน นโยบายนี้มีโปร่งใส ไม่มีการเอาเปรียบประชาชนอย่างแน่นอน ผู้โดยสารที่นั่งสั้น ๆ และค่าโดยสารไม่ถึง 20 บาทก็ยังจ่ายตามจริง ไม่ถูกบังคับให้จ่ายแพงขึ้นแต่อย่างใด" นายกฤชนนท์ กล่าว

นายกฤชนนท์ ชี้แจงต่อว่า สำหรับผู้สูงอายุ ที่ได้รับสิทธิ์ ส่วนลดค่าเดินทาง 50% อยู่แล้วนั้น สามารถเลือกรับสิทธิ์ได้ตามความเหมาะสมของการเดินทาง โดยผู้สูงอายุที่มีความสนใจเข้าร่วมนโยบาย การคิดอัตราค่าโดยสาร หากลงทะเบียนด้วยบัตรที่กำหนด (บัตร Rabbit / บัตร EMV) ในแอปฯ "ทางรัฐ" การชำระค่าโดยสารด้วยบัตรที่นำมาลงทะเบียน ยังคงได้รับสิทธิ์ที่ลดหย่อน ซึ่งค่าโดยสารที่ลดแล้วจะชำระสูงสุดไม่เกิน 20 บาท ทั้งนี้บัตรที่นำมาลงทะเบียนต้องเป็นบัตรสำหรับผู้สูงอายุ (บัตร Rabbit สำหรับผู้สูงอายุ/ บัตร MRT EMV หรือ Mangmoom EMV สำหรับผู้สูงอายุ) จึงได้จะรับสิทธิ์ลดหย่อยพร้อมชำระค่าโดยสารไม่เกิน 20 บาท

กรณีผู้สูงอายุนำบัตร EMV ของธนาคารมาลงทะเบียน จะไม่ได้รับการลดหย่อยสำหรับผู้สูงอายุ แต่ยังคงได้รับสิทธิ์ตามมาตรการโดยชำระค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 20 บาท (เนื่องจากบัตร EMV ปกติยังไม่มีสิทธิ์ลดหย่อนในการเดินทาง)

คำแนะนำสำหรับผู้สูงอายุ หากประสงค์ลงทะเบียนรับสิทธิ์ตามมาตรการ 20 บาท ดังนั้นแนะนำให้ใช้บัตร Rabbit สำหรับผู้สูงอายุ/ บัตร MRT EMV หรือ Mangmoom EMV สำหรับผู้สูงอายุ ในการลงทะเบียนรับสิทธิ์

ทั้งนี้เมื่อเวลา 12.00 น. ของวันนี้ ( 25 สิงหาคม 2568 ) จำนวนยอดผู้ลงทะเบียนสำเร็จอยู่ที่ 100,360 คน โดยยอดจำนวนลงทะเบียนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ระบบแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” และระบบการลงทะเบียนผูกบัตรยังคงใช้งานได้เป็นปกติ แต่เนื่องด้วยจำนวนผู้ที่ต้องการเข้ารับสิทธิ์มีเข้ามาจำนวนมาก จึงทำให้การยืนยันตัวตนในบัตร EMV ของธนาคารซึ่งต้องส่งรหัส OTP มีปัญหา โดยเป็นปัญหาด้านการรองรับของระบบธนาคารนั้นๆ  แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคม และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าประสานงานกับทางธนาคาร เพื่อให้สามารถรองรับผู้ที่ต้องการรับสิทธิ์ลงทะเบียนอย่างทั่วถึงต่อไป

รัฐบาลเปิดลงทะเบียน “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ผ่านแอปฯ ทางรัฐ เริ่มเที่ยงคืนนี้ ไม่จำกัดสิทธิ

 

วันที่ 24 สิงหาคม 2568 นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงคมนาคม พร้อมเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการค่าโดยสาร “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตั้งแต่เวลา 00.01 น. วันที่ 25 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป โดยไม่จำกัดสิทธิและจำนวนผู้ลงทะเบียน ผู้ลงทะเบียนต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย มีบัตรประชาชน 13 หลัก และบัตรโดยสารที่สามารถผูกเข้ากับระบบ ซึ่งจะเริ่มใช้งานจริงได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ครอบคลุมรถไฟฟ้า 10 สายทุกเส้นทาง

ขั้นตอนการลงทะเบียนทำได้ง่าย เพียงดาวน์โหลดและติดตั้งแอปฯ “ทางรัฐ” บนสมาร์ทโฟน เลือกเมนูลงทะเบียนรถไฟฟ้า 20 บาท กรอกเลขบัตรประชาชน และผูกบัตรโดยสารที่ต้องการใช้สิทธิ โดยบัตรที่รองรับแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

1.บัตร EMV Contactless (Visa, Mastercard และบัตรแมงมุม EMV ของ MRT) สำหรับ MRT และ Airport Rail Link

2.Rabbit Card สำหรับ BTS

ทั้งนี้ การใช้สิทธิต้องแตะเข้า–ออกด้วยบัตรที่ลงทะเบียนไว้ หากใช้บัตรอื่นหรือซื้อตั๋วเที่ยวเดียว จะถูกคิดตามอัตราปกติ สำหรับการเดินทางต่อเดียวกัน กำหนดเวลา 180 นาที หากเปลี่ยนสายระหว่างสถานีภายใน 30 นาที ยังใช้สิทธิ 20 บาทได้ แต่หากเกินเวลาจะคิดค่าแรกเข้าใหม่ทันที

โครงการนี้เปิดลงทะเบียนได้อย่างต่อเนื่อง ไม่จำกัดจำนวน โดยคาดว่าหลังเริ่มใช้งานจริง จะมีผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นราว 20% จากปัจจุบันเฉลี่ยวันละ 1.7 ล้านเที่ยว ทั้งนี้ การทดสอบในสายสีแดงและสีม่วงที่เคยให้ใช้ฟรี 1 สัปดาห์ พบว่าผู้โดยสารเพิ่มขึ้นกว่า 39% สะท้อนถึงศักยภาพของมาตรการลดค่าโดยสารในการดึงดูดการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ

“รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงทะเบียนใช้สิทธิรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการเดินทาง และส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น” นางสาวศศิกานต์ กล่าว 

เปิดตัว "บัตรแมงมุม EMV" แตะจ่าย MRT ทุกสาย-สายสีแดง-แอร์พอร์ตลิงก์ รองรับนโยบาย 20 บาทตลอดสาย

เปิดตัว "บัตรแมงมุม EMV" แตะจ่าย MRT ทุกสาย-สายสีแดง-แอร์พอร์ตลิงก์ รองรับนโยบาย 20 บาทตลอดสาย

วันที่ 5 ส.ค.68 นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ นายธวัชชัย ชีวานนท์ ประธานผู้บริหารสายงาน Product & Business Solutions ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมเปิดตัว “บัตร Mangmoom EMV” บัตรเดียวที่สามารถชำระค่าโดยสาร MRT ได้ครบทุกเส้นทางด้วยระบบ EMV Contactless ทั้งสายสีม่วง สีน้ำเงิน สีชมพู และสีเหลือง รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีแดง เริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2568 เป็นต้นไป และจะสามารถแตะจ่ายแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ได้ในเดือนตุลาคม 2568

บัตร Mangmoom EMV เกิดจากความร่วมมือระหว่างธนาคารกรุงไทยและ รฟม. ในการยกระดับบัตร MRT Plus  ให้สามารถแตะจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ข้ามสายได้ ลดข้อจำกัดการเดินทาง จากเดิมต้องใช้บัตรโดยสารเฉพาะของแต่ละสาย พร้อมเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนเข้ากับบริการทางการเงินได้อย่างไร้รอยต่อ  ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนพันธกิจของ รฟม. ในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้ทันสมัย สอดคล้องกับกลยุทธ์ Mass Transit Ecosystem ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าระบบนิเวศหลักของธนาคาร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ผ่านการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งกับบริการทางการเงิน ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมส่งเสริมคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

บัตร Mangmoom EMV ใช้งานง่าย พร้อมรองรับนโยบาย 20 บาทตลอดสาย สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชันภาครัฐตามที่กำหนด ผู้สนใจสามารถสมัครบัตรได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสาร MRT สายสีม่วงทุกสถานี และสมัครด้วยตนเองได้อย่างง่ายดายผ่านบริการ “เป๋าตังเปย์” บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนหรือ KYC ใหม่ สมัครบัตรในราคาขั้นต่ำเพียง 50 บาท ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี พร้อมบริการจัดส่งบัตรถึงบ้านทั่วประเทศ

การจำหน่ายบัตรจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป สามารถบริหารจัดการบัตรผ่าน “เป๋าตังเปย์” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยบัตร Mangmoom EMV แบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามกลุ่มผู้ใช้งานเพื่อให้เหมาะสมกับสิทธิและเงื่อนไข ดังนี้

- บุคคลทั่วไป (Adult): อายุ 15 ปีขึ้นไป ชำระค่าโดยสารในอัตราปกติ
- นักเรียน/นักศึกษา (Student): อายุ 15 - 23 ปี ได้รับส่วนลดค่าโดยสาร
- ผู้สูงอายุ (Senior): อายุ 60 ปีขึ้นไป ได้รับส่วนลดค่าโดยสาร

บัตร Mangmoom EMV ไม่เพียงรองรับนโยบาย 20 บาททุกสาย แต่ยังมอบความคุ้มค่าแบบครบ จบในใบเดียว ยังสามารถใช้แทนเงินสด และรับสิทธิพิเศษมากมายเมื่อใช้ชำระค่าสินค้าและบริการในร้านค้าที่รับบัตร VISA และ Mastercard

ธนาคารกรุงไทยยังมอบสิทธิประโยชน์จากแคมเปญ “ติ๊ดได้...ไม่มีติด กับบัตร Mangmoom EMV” รับสิทธิพิเศษจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำ อาทิ GrabFood, LINE MAN, Lazada, Shopee และแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ที่เชื่อมโยงการเดินทางและการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://krungthai.com/link/mangmoom-emv

#บัตรแมงมุมEMV #MRTแตะจ่าย #รถไฟฟ้า20บาท #บัตรโดยสารใหม่ #กรุงไทย #รฟม #MassTransit #เป๋าตังเปย์ #ข่าวเศรษฐกิจ #เทคโนโลยีการเดินทาง

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 4 ส.ค.68

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 4 ส.ค.68 

-ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ห่วงใยประชาชนออกมาตรการเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ข้อพิพาทชายแดนไทย - กัมพูชา 3 มาตรการ นำโดยมาตรการพักชำระหนี้นานสูงสุด 1 ปี ผู้ที่สนใจติดต่อขอเข้าร่วมมาตรการได้ที่สาขาธนาคารได้ตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม 2568 

-นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง สัญญา 3 ช่วงผ่านฟ้า-สะพานพุทธ เริ่มเจาะอุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยา หลังงานโยธาล่าสุดคืบหน้า 59.49% เร็วกว่าแผนที่กำหนด ระบุช่วงเตาปูน-หอสมุดแห่งชาติ เปิดใช้ปี 2571 พร้อมเร่งรัดเสร็จตลอดเส้นปี 2573

-กระทรวงอุตสาหกรรมบุกจับโรงงานกระดาษจีนเถื่อน ลอบปล่อยน้ำเสียลงลำน้ำสาธารณะที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ หลังประชาชนร้องเรียนน้ำเสียผ่านไลน์แจ้งอุต โดยโรงงานแห่งนี้ลักลอบดำเนินการกิจการ เดินเครื่องจักรโดยไม่ได้ขออนุญาตเป็นเวลากว่า 2 ปี ไม่มีระบบบำบัดใดๆ แอบปล่อยน้ำเสียที่อาจจะเจือปนโลหะหนักลงลำรางสาธารณะ ซึ่งจะส่งผลเสียกับสุขภาพของประชาชน 

 

 

เริ่มเจาะอุโมงค์รถไฟฟ้าสายสีม่วง “ผ่านฟ้า–สะพานพุทธ” ลอดเจ้าพระยาแห่งที่ 2 ช่วงเตาปูน-หอสมุดแห่งชาติ เปิดใช้ปี 71

“สุริยะ” เผยโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง สัญญา 3 ช่วงผ่านฟ้า-สะพานพุทธ เริ่มเจาะอุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยา หลังงานโยธาล่าสุดคืบหน้า 59.49% เร็วกว่าแผนที่กำหนด ระบุช่วงเตาปูน-หอสมุดแห่งชาติ เปิดใช้ปี 71 พร้อมเร่งรัดเสร็จตลอดเส้นปี 73

วันที่ 4 ส.ค.68 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานพิธีเริ่มเดินเครื่องหัวเจาะอุโมงค์ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวน กาญจนาภิเษก) สัญญาที่ 3 ช่วงผ่านฟ้า-สะพานพุทธ โดยมีนายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท ประธานกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ร่วมพิธี ณ จุดก่อสร้างอุโมงค์ Launching Shaft สถานีสะพานพุทธฯ

นายสุริยะ เปิดเผยถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) สัญญาที่ 3 ช่วงผ่านฟ้า – สะพานพุทธ ว่า ภายในวันนี้ (4 สิงหาคม 2568) ได้เริ่มเดินเครื่องหัวเจาะอุโมงค์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นการเจาะอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานพระปกเกล้า ซึ่งถือเป็นอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาแห่งที่ 2 ของประเทศไทย จากปัจจุบันนี้มีความคืบหน้าด้านโยธาล่าสุด 59.49% ซึ่งเร็วกว่าแผนที่ตั้งเป้าไว้ 51.52% สำหรับขั้นตอนการขุดเจาะอุโมงค์ คาดจะแล้วเสร็จภายใน พฤษภาคม 2569 ทั้งนี้ในปี 2571 จะเปิดให้ประชาชนใช้บริการช่วงเตาปูน - หอสมุดแห่งชาติ และทยอยเร่งรัดเปิดให้บริการตลอดสายภายในปี 2573

ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 23.63 กิโลเมตร จำนวน 17 สถานี เป็นโครงสร้างทางวิ่งใต้ดิน 14.29 กิโลเมตร สถานีใต้ดิน 10 สถานี และโครงสร้างทางวิ่งยกระดับ 9.34 กิโลเมตร สถานียกระดับ 7 สถานี มีแนวเส้นทางเริ่มต้นจากสถานีเตาปูน ซึ่งเป็นสถานีร่วมกับรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) และรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน)

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ในช่วงการระหว่างดำเนินการก่อสร้างนั้น ได้เน้นย้ำให้ ขร. รฟม. และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ผู้รับจ้าง ต้องปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยในงานก่อสร้างอย่างเคร่งครัด และจัดการจราจรระหว่างการก่อสร้างให้เหมาะสม เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน ดำเนินมาตรการรับมือในช่วงฤดูฝนไม่ให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ก่อสร้าง ควบคู่กับการดำเนินงานตามมาตรการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม คุณภาพอากาศ และฝุ่นละอองในระหว่างการก่อสร้างอย่างเคร่งครัดต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและความมั่นใจแก่ประชาชนในทุกด้าน

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมพร้อมที่จะพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเพื่อพฤติกรรมการเดินทางของประชาชนในทุกด้านอย่างครบวงจร เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่องสู่ทุกภูมิภาคเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งสาธารณะ

ขณะที่ในส่วนมาตรการอัตราค่าโดยสาารถไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 20 บาท (20 บาทตลอดสาย) เตรียมเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนใช้สิทธิผ่านแอปฯ “ทางรัฐ“ ในวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป และจะเริ่มมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วง ภายหลังเริ่มนโยบายดังกล่าว คาดว่าจะมีประชาชนใช้บริการเพิ่มมากกว่า 250,000 คนต่อวัน จากเดิมที่มีการใช้บริการ ประมาณ 150,000 คนต่อวัน

#อุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยา #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ข่าววันนี้ #รถไฟฟ้าสายสีม่วง #ลอดเจ้าพระยา #รถไฟฟ้า20บาท #สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ #รฟม #คมนาคม #รถไฟฟ้าเปิดใหม่ #โครงการรถไฟฟ้า #สายสีม่วงส่วนต่อขยาย #รถไฟฟ้ากรุงเทพ

 

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 23 ก.ค.68

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 23 ก.ค.68 

-กระทรวงคมนาคม ประกาศ พร้อมเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ใช้รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ผ่านแอปทางรัฐ สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ iOS และ Android ภายใต้เงื่อนไขต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป ก่อนเริ่มใช้บริการ 1 ตุลาคม 2568 มั่นใจระบบไม่ล่ม

-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม มอบหมายให้ทีมสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ร่วมกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบุกตรวจค้นคลังสินค้าย่านบางขุนเทียน ทลายโกดังปลั๊กไฟ-สวิตช์ไฟ ลอบนำเข้า-ติด มอก.ปลอมกว่า 6 แสนชิ้น มูลค่าเกือบ 3 ล้าน ส่งขายร้านค้าทั่วประเทศ

-หอการค้าไทยเข้าพบ รมว.แรงงาน เสนอจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านแรงงาน เพื่อร่วมบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายและข้อเสนอของภาคเอกชนให้เป็นรูปธรรม แก้ปัญหาแรงงานไทยอย่างยั่งยืน