"ยัวซ่าแบตเตอรี่" ปลุกพลังคนเมือง สตาร์ตทุกวันกับแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ที่ทนจริง

บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์- รถจักรยานยนต์คุณภาพและมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน แบตเตอรี่รถจักรยานยนต์คุณภาพสูง ที่เข้าใจไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างแท้จริง ด้วยคอนเซปต์ “สตาร์ต! ทุกวัน ไปกับเรา - Begin Your Journey with Us” ที่มีแบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์ ครอบคลุมทุกรุ่น ทุกขนาด ทุกการใช้งาน มีให้เลือกตั้งแต่ ขนาด YTZ3 ถึง YTX20L-BS รองรับรถมอเตอร์ไซค์หลากหลายประเภท ตั้งแต่ รถแม่บ้านและรถออโตเมติกที่ใช้ในชีวิตประจำวัน รถขนส่ง-เดลิเวอรี่ที่ต้องการแบตอึดทน ไปจนถึงรถบิ๊กไบค์ที่ต้องการพลังงานแน่น เสถียร ใช้งานหนักก็ไม่หวั่น ไม่ว่าจะใช้รถเพื่อทำงาน หรือขับขี่เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ยัวซ่า มีแบตเตอรี่ที่ตรงรุ่นรองรับเสมอ

ยัวซ่าแบตเตอรี่ YTZ5S เหมาะสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้งานประจำวัน ทนต่อการสั่นสะเทือนและแรงกระแทก ผลิตด้วยแผ่นกั้นใยแก้วคุณภาพสูงที่มีคุณสมบัติดูดซับน้ำกรดได้เป็นอย่างดี ใช้ส่วนประกอบจากตะกั่วบริสุทธิ์ 99.99% คุ้มค่าต่อการใช้งานที่ยาวนาน เป็นแบตเตอรี่แบบแห้ง (MF - Maintenance Free) มีความจุ (แอมป์) : 5Ah แรงดันไฟฟ้า (Voltage): 12V และขนาด (ยxกxส) : 70 x 113 x 85 มม. และแบตเตอรี่ YTZ6V เหมาะสำหรับมอเตอร์ไซค์ที่สตาร์ตบ่อย ต้องการกำลังไฟสูง มีอายุการใช้งานยาวนาน เป็นแบตเตอรี่แบบแห้ง (MF - Maintenance Free) มีความจุ (แอมป์) : 6Ah แรงดันไฟฟ้า (Voltage): 12V และขนาด (ยxกxส) : 70 x 113 x 105 มม.

นอกจากนี้ ยัวซ่าแบตเตอรี่ ยังเป็นผู้สนับสนุนทีมแข่ง HRC CASTROL ในรายการ MotoGP 2025 รายการแข่งขันที่ท้าทายที่สุดในโลกของมอเตอร์ไซค์ และได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์รถจักรยานยนต์ชั้นนำหลากหลายแบรนด์ ที่เลือกใช้ ยัวซ่า เป็นแบตเตอรี่ติดรถจากโรงงาน (OEM) อีกด้วย

‘ยัวซ่า’ เข้าใจว่าแต่ละวันของผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน จึงออกแบบแบตเตอรี่ให้พร้อมใช้งานจริง ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ ทั้งทนทานต่อการสตาร์ตบ่อยครั้ง เก็บประจุได้นานแม้จอดทิ้งไว้ รับมือได้กับความร้อนและความชื้นสูงของเมืองไทย ‘ยัวซ่า’จึงเป็นมากกว่าแบตเตอรี่ที่ขับเคลื่อนพลังงานของชีวิตประจำวัน พร้อมสตาร์ตไปกับคุณเสมอ

สนใจแบตเตอรี่ “YUASA” คุณภาพและมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น สอบถามข้อมูลสินค้าและร้านตัวแทนจำหน่าย โทร 09-9331-3337 หรือ 02-769-7300 ต่อ 7315 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8:30-17:00 น.

ฮอนด้าจัดเต็มความมันส์! ‘เจฟ ซาเตอร์’ บิด New Honda Giorno+ สะกดสายตาแฟนคลับนับพันในงาน Honda Mega Fest Present The Scooter Fest

ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่กับมหกรรมที่ไบค์เกอร์รอคอย! สำหรับงาน Honda MEGA FEST PRESENT THE SCOOTER FEST #7 FEATURING FRIENDS ที่ได้ต้อนรับเหล่าไบค์เกอร์และผู้รักสองล้อด้วยความสนุกสุดมันส์แบบจัดเต็ม โดยมียอดรวมผู้มาร่วมสนุกทั้ง 2 วันกว่า 10,000 คน ณ โกดังเสริมสุข เจริญนคร เมื่อวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา

บรรยากาศภายในงานคึกคักไปด้วยขบวนพาเหรดรถจักรยานยนต์หลายพันคัน ที่มารวมตัวกันเพื่อแสดงพลังของเหล่าไบค์เกอร์อย่างหนาแน่น ซึ่งภายในงานมีโซนกิจกรรมให้รวมสนุกมากมาย อาทิ Test Ride & Photoshoot เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานทดลองขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่นล่าสุด พร้อมรับภาพวอลเปเปอร์มือถือสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และบูธจัดแสดงรถแต่งจากสำนักชั้นนำกว่า 40 ร้านค้าใน H2C Motorbike Idea Challenge 2025 ซึ่งปีนี้มาพร้อมกับ All New Honda LEAD125 และ All New Honda SCOOPY ที่ให้เหล่าสำนักแต่งได้โชว์ไอเดียสุดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ซึ่งในงานนี้มีจัดประกวดแข่งขันมอบรางวัลให้ผู้ชนะได้รวมบินไกลถึงต่างแดนอีกด้วย

นอกจากกิจกรรมแล้วก็ยังมีโซนช็อปสนุก มาพร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้มสำหรับไบค์เกอร์ตัวจริง ทั้งบูธอุปกรณ์แต่งรถจากร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศกว่า 60 ร้าน รวมถึง Honda Collection Booth ที่ให้ผู้เข้าร่วมงานเลือกคัสตอมรถตามสไตล์ของตัวเอง พร้อมกับสัมผัสรถรุ่นใหม่ในโซน Display ที่ขนมาให้ชมกันถึงที่ ไม่ว่าจะเป็น New Honda Giorno+, All New Honda LEAD125 และ All New Honda PCX160 พร้อมด้วยรถมอเตอร์ไซค์ Honda BigBike และ CUB House ที่มอบข้อเสนอสุดพิเศษให้แก่ผู้ที่จองรถภายในงานเท่านั้น

นอกจากกิจกรรมและโซนช็อปปิ้งที่มีเยอะจุใจแล้ว ยังมีไลน์อัปศิลปินที่มาสร้างความบันเทิงให้ไบค์เกอร์และแฟนคลับตัวจริงตลอดทั้งสองวัน นำโดย ONLY MONDAY, EBOLA, ZEAL, PIXXIE, MOBYE และ NONT TANONT ที่มาปลดปล่อยพลังเสียงกันอย่างเต็มที่ และยังมีโชว์พิเศษจากพรีเซนเตอร์ ต้าห์อู๋ – พิทยา แซ่ฉั่ว และ เจษ – เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ ที่มาร่วมเติมเต็มความฟินให้กับแฟน ๆ ภายในงาน และก็มาถึงไฮไลต์พิเศษสุดของงานที่ทุกคนรอคอย นั่นก็คือการโชว์บิด New Honda Giorno+ โดย เจฟ ซาเตอร์ ที่เปิดตัวขึ้นโชว์มาสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนคลับที่รอคอยกันตลอดทั้งคืน

กระหึ่มโลก! ไทยผงาด สนามเปิดฤดูกาล-พรีซีซัน เทสต์ “โมโตจีพี” 2 ปีซ้อน

นายคาร์เมโล เอสเปเลตา ซีอีโอ บริษัท ดอร์น่า สปอร์ต กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้ประกาศว่า ไทย กรังด์ปรีซ์ จะเป็นสนามเปิดฤดูกาล 2025-2026  ซึ่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่สำคัญมาก ทั้งในด้านกีฬาและอุตสาหกรรมยานยนต์ และไทยก็มีบทบาทสำคัญ โดยเห็นได้จากจำนวนแฟนที่มาร่วมชมการแข่งขันที่บุรีรัมย์เป็นจำนวนมาก

"เราเชื่อมั่นว่าแฟนชาวไทยจะสร้างบรรยากาศสุดยอดให้กับการแข่งขันสนามเปิดฤดูกาลในปี 2025-2026 ที่จะมาถึงนี้ ซึ่งบุรีรัมย์จะกลายเป็นสนามแข่งขันที่ได้รับความนิยมทันทีที่ถูกบรรจุลงในปฏิทินการแข่งขัน ด้วยรูปแบบสนามที่เอื้อต่อการแข่งขันแบบสูสี ทำให้เกิดการแข่งขันที่เข้มข้นและน่าตื่นเต้น เราตั้งตารอที่จะกลับไปแข่งขันที่นั่นอีกครั้งในปีนี้"

สำหรับเจ้าภาพฝั่งประเทศไทย ได้มีหนังสือแถลงการณ์ โดย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)  กล่าวว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย มีความยินดีที่จะแจ้งให้แฟนๆมอเตอร์สปอร์ตและสื่อมวลชนทุกท่านทราบว่า ThaiGP หรือ PT Grand Prix of Thailand ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท ดอร์นา สปอร์ต เจ้าของสิทธิ์ในการจัดการแข่งขันรถจักรยานชิงแชมป์โลก โมโตจีพี ให้เป็นสนามเปิดการแข่งขันประจำฤดูกาล 2025 และ 2026 รวมถึงจะมี Winter Test ในสัปดาห์ก่อนหน้าการแข่งขันอีกด้วย 

ทั้งนี้ การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์มากมายในมิติต่างๆ ของการเป็นสนามเปิดฤดูกาล รวมถึงการมี Winter test ที่ประเทศไทย เพราะนี่ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะใช้อีเว้นท์กีฬาระดับโลกในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนมหาศาลตามนโยบาย Sport Tourism ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้ฤดูกาล 2025 เป็นฤดูกาลที่น่าสนใจมากนั้นก็คือ การที่มีการโยกย้ายสังกัดทีมแข่งของนักแข่งหลายราย ซึ่งจะทำให้แฟนๆ โมโตจีพีทั่วโลกต่างจับตามองการแข่งขันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เพราะจะเป็นสนามแรกที่จะได้เห็นนักแข่งชั้นนำกับรถคู่ใจภายใต้สังกัดใหม่โชว์ฟอร์มเป็นครั้งแรก หลังจากที่ต้องรอคอยถึงเกือบ 4 เดือนที่ปิดฤดูกาลไป 

อีกทั้ง บริษัท ดอร์น่าสปอร์ต ในฐานะผู้จัดการแข่งขันมีแผนจะทำการประชาสัมพันธ์การแข่งขันสนามเปิดฤดูกาลอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก ซึ่งจะทำให้สนามประเทศไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น และจะเป็นหมุดหมายที่สำคัญของแฟนๆ โมโตจีพีจากทั่วโลกที่ต้องมาเยือนสนามประเทศไทยสักครั้งในชีวิต

"ผมในฐานะตัวแทนของการกีฬาแห่งประเทศไทย ขอแสดงความขอบคุณไปยังบริษัท ดอร์นา สปอร์ต อีกครั้งและขอให้ความเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในทุกด้านที่จะเป็นสนามเปิดการแข่งขันฤดูกาล 2025 และ 2026 รวมถึงการจัด Winter test ด้วย"

ธุรกิจมอเตอร์ไซค์รุ่ง ยอดขาย 3 เดือนพุ่ง 5.6 แสนคัน รับปัจจัยประหยัดน้ำมัน-แปลงเป็นเครื่องมือทำมาหากินได้ง่าย

กรมพัฒน์ฯ เปิดยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจจำหน่ายรถจักรยานยนต์ อะไหล่ และบริการที่เกี่ยวเนื่อง 4 เดือนแรกปี 66 เพิ่มขึ้น 40% จากปีที่ผ่านมา ทุนจดทะเบียนเกือบ 200 ล้านบาท เทียบเคียงยอดขายรถจักรยานยนต์ 3 เดือนแรกปี 66 พุ่งแตะ 5.6 แสนคัน สูงกว่ายอดขายรถยนต์ถึง 4.5 เท่า ส่งผลธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งขายอะไหล่ บริการซ่อมบำรุง และธุรกิจสินเชื่อเติบโตตาม ปัจจัยหลักมาจากรถจักรยานยนต์มีความคล่องตัว หาที่จอดง่าย ประหยัดน้ำมัน ค่าบำรุงรักษาไม่สูง แปลงเป็นเครื่องมือทำมาหากินได้ง่าย ที่สำคัญได้รับความนิยมทุกพื้นที่

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ทีมวิเคราะห์ธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้จัดทำบทวิเคราะห์ธุรกิจที่น่าสนใจประจำเดือนเมษายน 2566 พบว่า ธุรกิจจำหน่ายรถจักรยานยนต์ อะไหล่ และบริการที่เกี่ยวเนื่อง มีอัตราการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดย ปี 2563 จดทะเบียนจัดตั้ง 194 ราย ทุนจดทะเบียน 330.56 ล้านบาท ปี 2564 จัดตั้ง 183 ราย (ลดลงร้อยละ 5.67) ทุน 237.35 ล้านบาท (ลดลงร้อยละ 28.20) ปี 2565 จัดตั้ง 283 ราย (เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.64) ทุน 525.67 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 121.48) ปี 2566 เดือนมกราคม - เมษายน จัดตั้ง 134 ราย (เพิ่มขึ้น 39 ราย หรือ ร้อยละ 41.06 เดือนมกราคม - เมษายน 2565 จัดตั้ง 95 ราย) ทุน 193.06 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 64.94 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 50.69 เดือนมกราคม - เมษายน 2565 ทุน 128.12 ล้านบาท)

โดยผลประกอบการธุรกิจ (รายได้รวมธุรกิจ) ปี 2562 รายได้รวม 4.35 แสนล้านบาท กำไร 3.70 หมื่นล้านบาท ปี 2563 รายได้รวม 3.98 แสนล้านบาท (ลดลง 3.69 หมื่นล้านบาท หรือ ร้อยละ 8.46) กำไร 3.51 หมื่นล้านบาท (ลดลง 1.80 พันล้านบาท หรือ ร้อยละ 4.87) และ ปี 2564 รายได้รวม 3.73 แสนล้านบาท (ลดลง 2.49 หมื่นล้านบาท หรือ ร้อยละ 6.25) กำไร 2.61 หมื่นล้านบาท (ลดลง 9.02 พันล้านบาท หรือ ร้อยละ 25.69) แม้ว่าช่วง ปี 2562 - 2564 ธุรกิจมีแนวโน้มของรายได้รวมและผลกำไรที่ลดลง แต่หากพิจารณาถึงขนาดธุรกิจ (S M และ L) จะพบว่า ผลประกอบการส่วนใหญ่มีน้ำหนักอยู่ที่ธุรกิจขนาดใหญ่ (L) โดยสินทรัพย์ของธุรกิจขนาดใหญ่ (L) มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 70 ของสินทรัพย์ธุรกิจทุกขนาด ดังนั้น เมื่อธุรกิจขนาดใหญ่มีกำไรลดลง จึงส่งผลให้กำไรของธุรกิจในภาพรวมลดลงตามไปด้วย เช่น ปี 2564 เมื่อเทียบกับปี 2563 ธุรกิจในภาพรวมมีกำไรลดลงกว่าร้อยละ 25.69 ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจขนาดใหญ่ (L) มีผลกำไรลดลงกว่า 9,600 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจขนาดเล็ก (S) ขาดทุนลดลง 55 ล้านบาท และธุรกิจขนาดกลาง (M) มีผลกำไรเพิ่มขึ้น 542 ล้านบาท

สำหรับการลงทุนในธุรกิจส่วนใหญ่เป็นคนไทย มูลค่าการลงทุน 2.16 หมื่นล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 61.91 ของการลงทุนในธุรกิจทั้งหมด และมีการลงทุนจากชาวต่างชาติ ประกอบด้วย ญี่ปุ่น มูลค่า 1.18 หมื่นล้านบาท (ร้อยละ 33.96) จีน มูลค่า 419 ล้านบาท (ร้อยละ 1.20) มาเลเซีย มูลค่า 221 ล้านบาท (ร้อยละ 0.63) และ อื่นๆ 805 ล้านบาท (ร้อยละ 2.30) ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2566) มีธุรกิจจำหน่ายรถจักรยานยนต์ อะไหล่ และบริการที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินกิจการอยู่จำนวน 3,690 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.42 ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินการอยู่ (871,041 ราย) และมีมูลค่าทุน 34,963.03 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.16 ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินการอยู่ (21.23 ล้านล้านบาท) ส่วนใหญ่ดำเนินกิจการรูปแบบบริษัทจำกัด จำนวน 2,506 ราย คิดเป็นร้อยละ 67.91 มูลค่าทุน 31,302.96 ล้านบาท โดยเป็นธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 2,125 ราย ทุน 1.01 - 5.00 ล้านบาท จำนวน 1,187 ราย และทุนมากกว่า 5 ล้านบาท จำนวน 378  ราย โดยแบ่งเป็นธุรกิจขนาดเล็ก (S) จำนวน 3,044 ราย (ร้อยละ 82.49) ขนาดกลาง (M) จำนวน 513 ราย (ร้อยละ 13.90) และ ขนาดใหญ่ (L) จำนวน 133 ราย (ร้อยละ 3.61)

ส่วนตัวเลขการจดทะเบียนจัดตั้งของธุรกิจจำหน่ายรถจักรยานยนต์ อะไหล่ และบริการที่เกี่ยวข้องที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับยอดการจำหน่ายรถจักรยานยนต์และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย) โดย 3 เดือนแรก (มกราคม - มีนาคม) ปี 2566 ประเทศไทยมียอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ จำนวน 557,843 คัน (ม.ค. 174,980 คัน ก.พ. 179,091 คัน และ มี.ค. 203,772 คัน) ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล จำนวน 122,812 คัน (ม.ค. 35,387 คัน ก.พ. 41,051 คัน และ มี.ค. 46,410 คัน) เมื่อเทียบสัดส่วนจะพบว่ายอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์มีมากกว่ายอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลถึง 435,031 คัน หรือ มากกว่าประมาณ 4.5 เท่า

ทั้งนี้ปัจจัยหลักมาจากการที่รถจักรยานยนต์มีความคล่องตัว หาที่จอดง่าย ประหยัดน้ำมัน ค่าบำรุงรักษาไม่สูง แปลงเป็นเครื่องมือทำมาหากินได้ง่าย ที่สำคัญได้รับความนิยมทุกพื้นที่ นอกจากนี้รถจักรยานยนต์มีการออกแบบหลากหลายประเภทให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น ระยะทาง สภาพจราจร การท่องเที่ยว กีฬา การแข่งขัน และอีกด้านหนึ่ง รถจักรยานยนต์ยังเป็นของเล่นสำหรับกิจกรรมอดิเรก เป็นของสะสม และมีผู้บริโภคบางกลุ่มที่ชื่นชอบตกแต่งรถให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่งผลให้ธุรกิจอื่นที่มีความเกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจอะไหล่ตกแต่งรถจักรยานยนต์ ธุรกิจบริการซ่อมบำรุง ได้รับประโยชน์ไปด้วย ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคอาจซื้อรถจักรยานยนต์ผ่านระบบสินเชื่อเช่าซื้อ จึงส่งผลให้ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เติบโตตามยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารถจักรยานยนต์จะเป็นพาหนะที่มีความสะดวกในสภาพการจราจรที่มีการติดขัด และการใช้งานในเมืองมีความสะดวกสบาย แต่รถจักรยานยนต์ก็เป็นยานพาหนะที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงที่สุด โดยข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก พบว่า ปี 2565 มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน จำนวน 17,347 คน เป็นรถจักรยานยนต์จำนวน 8,751 คน คิดเป็นร้อยละ 50.45 ดังนั้น ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องใช้ความระมัดระวังและไม่ทำพฤติกรมเสี่ยง ทั้งการขี่รถเร็ว การขี่รถย้อนศร และการไม่สวมหมวกกันน็อค เพื่อช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น” อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย