"พงศ์กวิน” สั่งเร่งช่วยผู้ประกันตน-ลูกจ้างได้รับผลกระทบน้ำท่วมภาคเหนือ เยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต-จ่ายสิทธิประโยชน์เต็มที่

"พงศ์กวิน" สั่งเร่งช่วยผู้ประกันตน-ลูกจ้างได้รับผลกระทบน้ำท่วมภาคเหนือ เยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต-จ่ายสิทธิประโยชน์เต็มที่

วันที่ 29 ก.ค.68 จากเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความห่วงใยพี่น้องประชาชน ต่อสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน 5 เสือ บูรณาการความช่วยเหลือ เร่งระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมบูรณาการให้ความช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนสถานประกอบการ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วนแล้ว พร้อมกำชับให้ นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ให้การช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของผู้ประกันตน ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว และเร่งดำเนินการเยียวยา โดยจ่ายสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่โดยเร็วที่สุด
                   
นางมารศรี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของสำนักงานประกันสังคม ซึ่งมีภารกิจในการช่วยเหลือ หากเกิดกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือบาดเจ็บ ผู้ประกันตนมีสิทธิเข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่ง ภายใน 72 ชั่วโมง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย และจำเป็นต้องได้รับการบำบัดทดแทนไต และรับยา Erythropoietin เป็นประจำในสถานพยาบาลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติ สำนักงานประกันสังคมได้ออกประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่องหลักเกณฑ์และอัตราค่าบริการทางการแพทย์กรณีบำบัดทดแทนไต และการให้ยา Erythropoietin  กรณีผู้ประกันตนที่เป็นโรคไตวายระยะสุดท้ายในช่วงเวลาที่มีเหตุอันเกิดจากภัยพิบัติ ตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ดังนี้  

1.ผู้มีสิทธิที่เจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย สามารถยื่นเรื่องเกิน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่มีสิทธิ 

2. ผู้ประกันตนที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ที่ใช้เวลาไม่ถึง 4 ชั่วโมงต่อครั้งและน้อยกว่าหรือมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ตามความจำเป็นสามารถยื่นเบิกค่าบริการทางการแพทย์ได้

3. อัตราค่าบริการทางการแพทย์กรณีฟอกเลือดด้วยเครื่องฟอกไตเทียม เกินอัตราที่กำหนดเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 2,000 บาทต่อครั้ง (เฉพาะรายที่มีหลักฐานแสดงถึงเหตุผลความจำเป็น)

4. กรณีผู้ประกันตนเข้ารับบริการทางการแพทย์หลังการปลูกถ่ายไต สามารถเข้ารับการรักษาได้ทั้งสถานพยาบาลที่ทำข้อตกลงกับสำนักงานประกันสังคม หรือสถานพยาบาลอื่นที่ผู้ประกันตนสะดวกเข้ารับบริการ

นางมารศรี กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ตนได้กำชับให้ประกันสังคมจังหวัดทั่วประเทศ ดูแลพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสถานการณ์น้ำท่วม และเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพให้ผู้ประกันตนและเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมที่ประสบภัย พร้อมเข้าดูแลสิทธิประโยชน์แก่ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน และรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นจากผลกระทบด้านอุกทกภัย เพื่อเร่งเยียวยาตามภารกิจของกระทรวงแรงงาน ในการช่วยเหลือฟื้นฟูสถานการณ์น้ำท่วม ให้พี่น้องผู้ประกันตน ได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติอย่างเร็วที่สุด

#น้ำท่วม2568 #กระทรวงแรงงาน #ประกันสังคม #ผู้ประกันตน #ช่วยเหลือผู้ประสบภัย #ฟอกไต #สิทธิประโยชน์ประกันสังคม #แรงงานไทย #ข่าวแรงงาน #ข่าวน้ำท่วม #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ข่าววันนี้

ข่าวดี! ผู้ประกันตน “สปส.” ปรับสิทธิ์ทันตกรรม จ่ายค่าผ่าฟันคุดสูงสุด 2,500 บาท เริ่มใช้งานเดือนหน้า

ข่าวดี! ผู้ประกันตน “สปส.” ปรับสิทธิ์ทันตกรรม จ่ายค่าผ่าฟันคุดสูงสุด 2,500 บาท เริ่มใช้งานเดือนหน้า

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 ที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล ประธานกรรมการคณะกรรมการการแพทย์ กองทุนประกันสังคม ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะกรรมการการแพทย์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นชอบให้มีการปรับสิทธิประโยชน์ทันตกรรมเพิ่มเติม โดยแยกสิทธิ์การผ่าฟันคุดออกจากสิทธิ์ทันตกรรมที่มีวงเงินปีละ 900 บาท และกำหนดอัตราการจ่ายค่าผ่าฟันคุดใหม่ โดยแบ่งเป็น 2 กรณี ตามอัตราจ่ายของกรมบัญชีกลาง ดังนี้:

กรณีผ่าฟันคุดแบบง่าย: อัตราการจ่ายอยู่ที่ 1,500 บาท

กรณีผ่าฟันคุดแบบยาก (มีการกรอกระดูก): อัตราการจ่ายอยู่ที่ 2,500 บาท

นอกจากนี้ นพ.สุรเดชยังกล่าวว่า จะมีการปรับเพิ่มค่าตรวจสุขภาพช่องปากให้กับสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ โดยสถานพยาบาลต้องจัดทำข้อมูลสุขภาพช่องปากของผู้ประกันตนและส่งให้กับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วนและเป็นประโยชน์ในระยะยาวให้กับทุกฝ่าย

สำหรับสิทธิ์ทันตกรรมที่มีวงเงิน 900 บาทต่อปี หากผู้ประกันตนต้องการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่านี้ และเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลรัฐ สปส.จะตามจ่ายค่ารักษาตามเรทของโรงพยาบาลรัฐ โดยไม่กำหนดเพดาน แต่หากเป็นสถานพยาบาลเอกชน สปส.จะจ่ายในอัตรา 900 บาท ส่วนที่เกินจากนี้ผู้ประกันตนจะต้องจ่ายเอง

นพ.สุรเดชกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาคิวการรักษาของโรงพยาบาลรัฐเพื่อให้ผู้ประกันตนสามารถเข้าถึงการรักษาได้สะดวก โดยคาดว่าจะเริ่มใช้สิทธิ์ดังกล่าวได้ในเดือนหน้า หลังจากการอนุมัติจากบอร์ดการแพทย์และกระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย

#ประกันสังคม #ทันตกรรม #ผ่าฟันคุด #สิทธิ์ประโยชน์ #ตรวจสุขภาพช่องปาก #สปส #การแพทย์ #สิทธิ์ทันตกรรม #โรงพยาบาลรัฐ #สิทธิ์การรักษา

เตือน! นายจ้างไม่ขึ้นทะเบียน-ไม่นำส่งเงินสมทบประกันสังคม มีโทษทั้งจำทั้งปรับ-ลูกจ้างเสียสิทธิประโยชน์

เตือน! นายจ้างไม่ขึ้นทะเบียน-ไม่นำส่งเงินสมทบประกันสังคม มีโทษทั้งจำทั้งปรับ เสี่ยงลูกจ้างเสียสิทธิครบทุกกรณี

วันที่ 10 ก.ค.68  เฟซบุ๊กสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน โพสต์ระบุว่า

นายจ้างต้องระวัง ไม่ทำสิ่งนี้ตามกำหนด มีโทษ!

เมื่อนายจ้างเจตนา..

ไม่ขึ้นทะเบียนนายจ้าง-ลูกจ้าง ภายใน 30 วันหลังรับเข้าทำงาน

ไม่แจ้งสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปหลังลูกจ้างลาออกจากงาน

ไม่นำส่งเงินสมทบภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป หรือตามวันที่กระทรวงกำหนด

มีโทษทางอาญา คือ การเปรียบเทียบปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ !!

การไม่ขึ้นทะเบียนนายจ้าง-ลูกจ้าง หรือการไม่ชำระเงินสมทบภายในเวลาที่กำหนด นอกจากจะมีโทษทางอาญาแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อลูกจ้าง ทำให้ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับในกรณีต่างๆดังนี้อีกด้วย

-กรณีเจ็บป่วย

-กรณีคลอดบุตร

-กรณีทุพพลภาพ

-กรณีเสียชีวิต

-กรณีสงเคราะห์บุตร

-กรณีชราภาพ

-กรณีว่างงาน

ดังนั้นแล้ว นายจ้างห้ามลืมเด็ดขาดเลย

ลงทะเบียนนายจ้าง-ลูกจ้าง และนำส่งเงินสมทบได้ ที่สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ หรือผ่านระบบ e-Service บนเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th

“ประกันสังคม คุ้มครองทุกวัย ใส่ใจทุกคน”

สอบถามข้อมูลประกันสังคมได้ที่ www.sso.go.th หรือโทรสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

#ประกันสังคม #สิทธิแรงงาน #นายจ้างต้องรู้ #สิทธิผู้ประกันตน #ไม่ขึ้นทะเบียนมีโทษ #กฎหมายแรงงาน #เงินสมทบประกันสังคม #สปส #SSO #ข่าวแรงงาน #สยามรัฐ #สยามรัะฐออนไลน์

ข่าวดีจ้า! ประกันสังคมเพิ่มเงินว่างงานเป็น 60% มีผลแล้ว ลูกจ้างถูกเลิกจ้างรับเงินสูงสุด 180 วัน

ข่าวดีจ้า! ประกันสังคมเพิ่มเงินว่างงานเป็น 60% มีผลแล้ว ลูกจ้างถูกเลิกจ้างรับเงินสูงสุด 180 วัน

นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึง กฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่ปรับเพิ่มให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ถูกเลิกจ้าง จะได้รับเงินทดแทนกรณีว่างงานในอัตราร้อยละ 60 ของค่าจ้างรายวัน และได้รับครั้งละไม่เกิน 180 วัน จากเดิมได้รับในอัตราร้อยละ 50 เพื่อให้ผู้ประกันตนที่ว่างงานจากการถูกเลิกจ้างได้รับประโยชน์ทดแทนเพียงพอต่อการดำรงชีวิตจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยการกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน นอกจากจะให้การดูแลลูกจ้างที่สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกรณีถูกเลิกจ้างแล้ว ยังครอบคลุมถึงการว่างงานจากกรณีลาออก หรือสิ้นสุดสัญญาจ้างอีกด้วย โดยผู้ประกันตนที่ลาออกจากงานหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง จะได้รับเงินทดแทนในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างรายวัน และได้รับครั้งละไม่เกิน 90 วันต่อปีปฏิทิน ซึ่งการรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานของผู้ประกันตนมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข คือ จะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือนภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนการว่างงาน โดยมีระยะเวลาการว่างงานตั้งแต่ 8 วันขึ้นไป พร้อมทั้งต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานผ่านเว็บไซต์ของกรมการจัดหางาน https://unemploy.doe.go.th และรายงานตัวผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

“สำนักงานประกันสังคมมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตนอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ด้าน ด้วยการให้ความสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ประกันตน และมองถึงประโยชน์ของผู้ประกันตนเป็นสำคัญ” เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวในตอนท้าย

#ประกันสังคม #เงินว่างงาน #ข่าววันนี้ #ผู้ประกันตน #กระทรวงแรงงาน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

ประกันสังคมเพิ่มเงินว่างงานเป็น 60% เริ่ม 28 มิ.ย.68 ลูกจ้างถูกเลิกจ้างรับสูงสุด 180 วัน

ประกันสังคมเพิ่มเงินว่างงานเป็น 60% เริ่ม 28 มิ.ย. 68 ลูกจ้างถูกเลิกจ้างรับสูงสุด 180 วัน

วันที่ 30 มิถุนายน 2568 นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึง กฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่ปรับเพิ่มให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ถูกเลิกจ้าง จะได้รับเงินทดแทนกรณีว่างงานในอัตราร้อยละ 60 ของค่าจ้างรายวัน และได้รับครั้งละไม่เกิน 180 วัน จากเดิมได้รับในอัตราร้อยละ 50 เพื่อให้ผู้ประกันตนที่ว่างงานจากการถูกเลิกจ้างได้รับประโยชน์ทดแทนเพียงพอต่อการดำรงชีวิตจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยการกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน นอกจากจะให้การดูแลลูกจ้างที่สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกรณีถูกเลิกจ้างแล้ว ยังครอบคลุมถึงการว่างงานจากกรณีลาออก หรือสิ้นสุดสัญญาจ้างอีกด้วย โดยผู้ประกันตนที่ลาออกจากงานหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง จะได้รับเงินทดแทนในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างรายวัน และได้รับครั้งละไม่เกิน 90 วันต่อปีปฏิทิน ซึ่งการรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานของผู้ประกันตนมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข คือ จะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือนภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนการว่างงาน โดยมีระยะเวลาการว่างงานตั้งแต่ 8 วันขึ้นไป พร้อมทั้งต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานผ่านเว็บไซต์ของกรมการจัดหางาน https://unemploy.doe.go.th และรายงานตัวผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

“สำนักงานประกันสังคมมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตนอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ด้าน ด้วยการให้ความสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ประกันตน และมองถึงประโยชน์ของผู้ประกันตนเป็นสำคัญ” เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวในตอนท้าย

#ประกันสังคม #เงินว่างงาน #ข่าววันนี้ #ผู้ประกันตน #กระทรวงแรงงาน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 27 มิถุนายน 2568

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 27 มิถุนายน 2568 

-นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเผยว่า ที่ประชุมได้เร่งผลักดันมาตรการส่งเสริม SME เชื่อมั่นว่าจะสร้างมูลค่าให้กับ SME ให้พร้อมรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจได้อย่างเข้มแข็ง ผ่าน 3 มาตรการหลัก สร้างรายได้ ขยายโอกาส เสริมแกร่งธุรกิจไทย

-นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเผยว่า ขณะนี้ทีมเจรจาพร้อมเกินทางไปสหรัฐสัปดาห์หน้า หลังจากได้กำหนดวันเข้าพบและเจรจาเรื่องภาษีกับรัฐบาลสหรัฐแล้ว โดยไม่สามารถระบุได้ว่าหารือกับใคร แต่มีเป้าหมายเจรจากับสหรัฐ 2-3 คน ส่วนประชุมกี่วันนั้นไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

-นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยถึงการดูแลผู้ประกันตนที่อยู่ในระบบประกันสังคมว่า ยอดรวมของผู้ประกันตนที่มาขอรับสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคม 7 กรณี ณ จุดจ่ายเงินทุกช่องทางทั่วประเทศ เดือนพฤษภาคม 2568 มีจำนวน 6 ล้านกว่าราย ประกันสังคมจ่ายประโยชน์ทดแทนไปแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาทอันดับ 1 คือ กรณีเจ็บป่วย อันดับ 2 กรณีบำนาญชราภาพ อันดับ 3 กรณีบำเหน็จชราภาพ

 

สปส.เผย 6 ล้านผู้ประกันตนใช้สิทธิประโยชน์เดือนพฤษภาคม จ่ายเงินทดแทนกว่าหมื่นล้านบาท

สปส.เผยเดือนพฤษภา 68 ผู้ประกันตนมาใช้สิทธิประโยชน์ทั้ง 7 กรณี 6 ล้านกว่าราย ประกันสังคมจ่ายประโยชน์ทดแทนไปแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท

วันที่ 27 มิถุนายน 2568 นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยถึงการดูแลผู้ประกันตนที่อยู่ในระบบประกันสังคม ที่ผ่านมาว่า ยอดรวมของผู้ประกันตนที่มาขอรับสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคม 7 กรณี ณ จุดจ่ายเงินทุกช่องทางทั่วประเทศ ในเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ดังนี้

อันดับ 1 คือ กรณีเจ็บป่วย มีผู้ประกันตนมารับสิทธิประโยชน์สูงที่สุด จำนวน 4,071,206 ราย และสำนักงานประกันสังคมจ่ายสิทธิประโยชน์ทดแทน จำนวน 3,165,663,756.68 บาท 

อันดับ 2 คือ กรณีบำนาญชราภาพ มีผู้มารับสิทธิประโยชน์ จำนวน 870,264 ราย จ่ายประโยชน์ทดแทน จำนวน 2,756,684,344.10 บาท 

อันดับ 3 คือ กรณีบำเหน็จชราภาพ มีผู้มารับสิทธิประโยชน์ จำนวน 32,643 ราย จ่ายประโยชน์ทดแทน จำนวน 1,587,235,707.39 บาท

อันดับ 4 คือ กรณีสงเคราะห์บุตร มีผู้มารับสิทธิประโยชน์ จำนวน 1,197,044 ราย จ่ายประโยชน์ทดแทน จำนวน 1,252,324,100 บาท 

อันดับ 5 คือ กรณีว่างงาน มีผู้มารับสิทธิประโยชน์ จำนวน 245,549 ราย จ่ายประโยชน์ทดแทน จำนวน 895,888,544.90 บาท 

อันดับ 6 คือ กรณีคลอดบุตร มีผู้มารับสิทธิประโยชน์ จำนวน 16,742 ราย จ่ายประโยชน์ทดแทน จำนวน 463,674,131.50 บาท 

อันดับ 7 กรณีตาย มีผู้มารับสิทธิประโยชน์ จำนวน 2,816 ราย จ่ายประโยชน์ทดแทน จำนวน 252,459,066.85 บาท 

อันดับ 8 กรณีทุพพลภาพ มีผู้มารับสิทธิประโยชน์ จำนวน 22,268 ราย จ่ายประโยชน์ทดแทน จำนวน 105,206,552.32 บาท 

โดยในเดือนพฤษภาคม 2568 มีผู้ประกันตนมาใช้สิทธิรวม จำนวน 6,458,532 ราย สำนักงานประกันสังคมจ่ายประโยชน์ทดแทนให้กับผู้ประกันตนไปแล้วทั้งสิ้น 10,479,136,203.74 บาท

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อไปว่า จากข้อมูลสถิติการใช้สิทธิดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการดูแลคุ้มครองผู้ประกันตนทุกช่วงวัย ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมมุ่งมั่นพัฒนาและปรับปรุงสิทธิประโยชน์ เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์สูงสุด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง/จังหวัด/สาขา/ ที่ท่านสะดวก หรือโทร.1506 กด 1 (ตลอด 24 ชั่วโมง) หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th

#ประกันสังคม #ผู้ประกันตน #ข่าววันนี้ #กองทุนประกันสังคม #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

                           

“พิพัฒน์” ตั้งสอบวินัยดีลซื้ออาคาร Skyy9 รับลูก “อนุทิน” ชี้ต้องโปร่งใส-ปกป้องสิทธิผู้ประกันตน

“พิพัฒน์” ตั้งสอบวินัยดีลซื้ออาคาร Skyy9 รับลูก “อนุทิน” ชี้ต้องโปร่งใส-ปกป้องสิทธิผู้ประกันตน

วันที่ 13 มิถุนายน 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แถลงจุดยืนต่อกรณีการลงทุนในกองทรัสต์ที่เกี่ยวข้องกับอาคาร Skyy9 ว่า กระทรวงแรงงานจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามขั้นตอนอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม โดยยืนยันว่าจะไม่มีการเพิกเฉยหรือละเลยต่อข้อร้องเรียนที่ได้รับจากรองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งเป็นผู้ส่งเรื่องเข้ามาให้ดำเนินการอย่างเป็นทางการ แม้กรณีนี้จะเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดก่อน แต่ในฐานะรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ผมมีหน้าที่ต้องตรวจสอบและรับผิดชอบ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกันตนทุกคน

นายพิพัฒน์ ระบุว่า ขณะนี้กระทรวงอยู่ระหว่างการจัดตั้ง คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดใหม่ เพื่อดำเนินการสอบวินัยอย่างเป็นระบบ โดยจะ ขอความร่วมมือจากกระทรวงอื่น ในการส่งบุคคลภายนอกที่มีคุณสมบัติเหมาะสม มารับตำแหน่งประธานกรรมการ เพื่อให้การสอบสวนมีความเป็นกลางและตรวจสอบได้

โดย 7 จุดยืนสำคัญของ รมว.แรงงานต่อกรณีนี้ ได้แก่
1.ตั้งกรรมการสอบชุดใหม่ – เนื่องจากกรณีนี้มีความเกี่ยวข้องกับผู้บริหารระดับสูงในอดีต การสอบสวนจำเป็นต้องมีกรรมการระดับสูงจากภายนอก เพื่อความเป็นธรรม
2.ยืนยันความโปร่งใส ไม่แทรกแซง – รัฐมนตรีฯ ยืนยันว่า จะไม่มีการแทรกแซงหรือปกป้องใคร ทุกขั้นตอนต้องชัดเจน ตรวจสอบได้
3.ตั้งคำถามถึงการประเมินราคา – มีข้อสงสัยว่าเหตุใดการซื้ออาคาร Skyy9 จึงอิงเพียงการประเมินฝั่งเดียวโดยไม่มีการเปรียบเทียบราคาจากหลายแหล่ง
4.เร่งดำเนินการ ไม่ให้ล่าช้าโดยไม่จำเป็น – อยู่ระหว่างการสรรหาประธานกรรมการสอบที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญอันดับแรก
5.ไม่ใช่เกมการเมือง แต่เป็นเรื่องความถูกต้อง – เน้นว่านี่คือภารกิจทางราชการ ไม่ใช่การเมือง แม้จะอยู่ในช่วงที่มีแรงกระเพื่อมทางการเมือง
6.ผู้เกี่ยวข้องยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ – ยึดหลักนิติธรรม ทุกคนยังถือว่าไม่มีความผิดจนกว่าจะมีผลสอบที่ชัดเจน
7.พร้อมตอบคำถามสื่ออย่างตรงไปตรงมา – ตั้งแต่ประเด็นการหาประธานกรรมการ การเรียกผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง ไปจนถึงประเด็นความคุ้มค่าของการซื้ออาคาร

“นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก และไม่ใช่แค่เรื่องในอดีต หากแต่เกี่ยวพันถึงความเชื่อมั่นของผู้ประกันตนต่อระบบประกันสังคมโดยรวม ซึ่งผมจะดำเนินการให้เกิดความชัดเจนและยุติธรรมมากที่สุด” นายพิพัฒน์ กล่าวย้ำ

#Skyy9 #ข่าววันนี้ #สอบวินัย #ผู้ประกันตน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #อนุทิน

 

 

ประกันสังคมเตือน! อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพโทรหลอกให้แอดไลน์รับเงินชราภาพ เสี่ยงถูกขโมยข้อมูล-สูญเงิน

ประกันสังคมเตือน! อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพโทรหลอกให้แอดไลน์รับเงินชราภาพ เสี่ยงถูกขโมยข้อมูล-สูญเงิน

วันที่ 10 มิถุนายน 2568 นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ขอเรียนประชาสัมพันธ์ถึงภัยจากแก๊งมิจฉาชีพที่แฝงตัวบนสื่อออนไลน์ ซึ่งกำลังระบาดหนักในขณะนี้ โดยในปัจจุบันยังคงมีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานประกันสังคมโทรศัพท์แจ้งให้ผู้ประกันตนแอดไลน์เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพเป็นเงินบำเหน็จชราภาพ โดยให้ส่งเอกสารเพื่อหลอกให้ผู้ประกันตนกดลิงก์เข้าไปเพื่อกรอกข้อมูลส่วนตัว และนำไปสวมรอยทำธุรกรรมจนสูญเสียทรัพย์สิน หรืออาจถูกนำไปก่ออาชญากรรมอื่นๆ ได้ ซึ่งจะทำให้เกิด   ความเดือดร้อนยุ่งยากภายหลัง จึงขอแจ้งเตือนผู้ประกันตนหรือประชาชนทุกคน ไม่ควรหลงเชื่อข้อมูลที่ได้รับจากโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว ควรติดต่อสอบถามสำนักงานประกันสังคมโดยตรง อีกทั้งผู้ประกันตนไม่ควรให้ข้อมูลทางการเงินข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลการทำธุรกรรมออนไลน์ รหัส OTP ที่ได้รับผ่าน SMS และที่สำคัญอย่าหลงโอนเงินตามคำบอกของมิจฉาชีพโดยเด็ดขาด
 
โดยสำนักงานประกันสังคม ไม่มีนโยบายให้ผู้ประกันตนติดต่อเจ้าหน้าที่และจัดส่งเอกสารเพื่อขอรับสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์แต่อย่างใด และอย่าหลงเชื่อกลลวงของมิจฉาชีพ อย่างไรก็ตามผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 สามารถยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพได้ด้วยตนเอง ผ่านระบบ e – Self Service ทางโทรศัพท์มือถือหรือผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th ได้ทุกวัน

ทั้งนี้หากผู้ประกันตนพบเห็นเว็บไซต์ปลอม เพจปลอมหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ที่แอบอ้างชื่อสำนักงานประกันสังคมโปรดแจ้งมายังสำนักงานประกันสังคม หรือหากท่านเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงของมิจฉาชีพดังกล่าว สามารถแจ้งความกับตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายได้ทันที และหากผู้ประกันตนประสงค์จะรับทราบข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานประกันสังคม สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.sso.go.th หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ

#ประกันสังคม #ข่าววันนี้ #มิจฉาชีพ #ผู้ประกันตน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

แรงงานไทยเสียชีวิตในอิสราเอล “พิพัฒน์” เร่งเยียวยาครอบครัวรับสิทธิชดเชย    

แรงงานไทยเสียชีวิตในอิสราเอล “พิพัฒน์” เร่งเยียวยาครอบครัวรับสิทธิชดเชย    

จากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล ได้รับรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 1 ราย ที่ถูกจับตัวเป็นตัวประกันเมื่อเดือนตุลาคม 2566  นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความห่วงใยและแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต พร้อมกำชับให้ นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ให้การช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของผู้ประกันตน ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว และเร่งดำเนินการเยียวยา โดยจ่ายสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่โดยเร็วที่สุด 

นางมารศรี เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลพบว่า แรงงานไทยที่เสียชีวิต คือ นายณัฐพงษ์ ปินตา อายุ 36 ปี เป็นแรงงานชาวไทย พบประวัติเคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 จึงได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมจังหวัดแพร่ ดำเนินการแจ้งสิทธิแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต และเร่งพิจารณาจ่ายประโยชน์ทดแทนแก่ทายาทผู้มีสิทธิโดยเร็วต่อไป จากการตรวจสอบพบว่าสิทธิประโยชน์ที่ทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับ ดังนี้  

1)ทายาทยื่นขอรับเงินสิทธิประโยชน์ ได้แก่ ค่าทำศพ ประมาณ 79,000 บาท / ค่าใช้จ่ายในการฝังศพ เท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 1,300 USD /เงินช่วยเหลือการเป็นหม้าย (หากมีภรรยา) ประมาณ 57,000 บาท / เงินชดเชยรายเดือนและรายปีอื่น ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสถาบันประกันภัยอิสราเอล จากสถาบันประกันภัยอิสราเอล 

2) กรณีเสียชีวิต ครอบครัวหรือทายาทได้รับเงินสงเคราะห์เหมาจ่าย 40,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดการงานศพในต่างประเทศเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 40,000 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสาร/หลักฐานจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ  กรมการจัดหางาน

3) ผู้เสียชีวิตเคยเป็นผู้ประกันตนมาก่อน มีสิทธิได้รับเงินชราภาพ 64,202.18 บาท ไม่รวมดอกผลจากกองทุนประกันสังคม

4) ค่าจ้างค้างจ่าย เงินปิซูอิม ซึ่งในส่วนนี้ฝ่ายแรงงานฯ ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ อยู่ระหว่างการติดตาม

ทั้งนี้ ในวันที่ 9 มิถุนายน 2568 สำนักงานประกันสังคมจังหวัดแพร่พร้อมหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงแรงงาน ได้ลงพื้นที่เพื่อเข้าเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวแรงงานไทยที่เสียชีวิต พร้อมแจ้งข้อมูลและประสานอำนวยความสะดวกเพื่อให้ความช่วยเหลือทายาทให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย 

“สำนักงานประกันสังคม ขอแสดงความเสียใจและขอส่งกำลังใจให้ครอบครัวแรงงานไทยที่เสียชีวิต ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมได้ดำเนินการเพื่อให้ทายาทได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวโดยเร็วที่สุด” เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวในตอนท้าย

#ประกันสังคม #ผู้ประกันตน #ข่าววันนี้ #แรงงานไทย #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์