จุฬาฯ ผนึก ‘บุญรอดฯ’ ปั้นผู้นำรุ่นใหม่ผ่านการเรียนรู้จากสนามจริง เสริมแกร่งศักยภาพคนรุ่นใหม่สู่ตลาดแรงงาน

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยศูนย์สื่อสารองค์กร จุฬาฯ และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี นำโดย ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “จุฬาฯ - บุญรอดฯ โครงการพัฒนาผู้นำแห่งอนาคต” ระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด นำโดย คุณภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพนิสิตผ่านประสบการณ์ฝึกงานจริงในองค์กรธุรกิจชั้นนำของประเทศ โดยได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.ธารทัศน์ โมกขมรรคกุล คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ ผศ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล หัวหน้าภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ พร้อมด้วยคุณบุญเกียรติ เมธีทัศนีย์ Group Director - Corporate Human Resource บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และคุณธิติพร ธรรมาภิมุขกุล Chief Marketing Officer บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ร่วมในพิธี ณ ห้อง 111 อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างโลกวิชาการกับโลกธุรกิจ เพื่อสร้าง "ผู้นำรุ่นใหม่" ที่มีทั้งองค์ความรู้ ทักษะการบริหาร และความเข้าใจบริบทของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ด้วยการเปิดโอกาสให้นิสิตได้รับประสบการณ์การทำงานจริงในองค์กรธุรกิจระดับแนวหน้าของประเทศ ผ่านการฝึกงาน สหกิจศึกษา และกิจกรรมวิชาการร่วมกับภาคธุรกิจ ตลอดจนการพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ ๆ เพิ่มพูนทักษะเชิงบริหาร ฝึกแก้ปัญหาภายใต้สถานการณ์จริง เรียนรู้แนวคิดการบริหารธุรกิจจากผู้เชี่ยวชาญ เสริมสร้าง Soft Skills ที่จำเป็นต่อการเป็นผู้นำในอนาคต และเตรียมความพร้อมให้กับนิสิตในการเข้าสู่ตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันสูง

“จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเชื่อมั่นว่าการพัฒนาผู้นำแห่งอนาคตไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากห้องเรียนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเกิดจากการเรียนรู้ในโลกจริง และการได้ร่วมมือกับองค์กรเอกชนอย่าง บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ซึ่งเป็นองค์กรระดับแนวหน้าของประเทศ และมีธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม จะเป็นการเปิดประตูสู่การสร้างองค์ความรู้ใหม่ให้กับนิสิตอย่างไม่หยุดนิ่ง ความร่วมมือในวันนี้จึงไม่ใช่เพียงการจับมือในเชิงวิชาการเท่านั้น แต่คือความร่วมมือเพื่อปั้นผู้นำที่มีทั้งวิสัยทัศน์ คุณธรรม และความกล้าคิด กล้าทำ เพื่อสังคมไทยในอนาคต”

คุณภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “Pain point ของประเทศไทยหรือทุกที่ ก็คือเด็กจบใหม่แล้วไม่มีงานทำ นี่คือสิ่งที่ผมมองว่าเราอยากจะมาร่วมกันแก้ไขปัญหากับทางจุฬาฯ เช่นเดียวกับ โครงการร่วมพัฒนาผู้นำแห่งอนาคตในครั้งนี้ ซึ่งการที่คุณจะเป็นผู้นำได้ก็ต้องลงมือทำ บุญรอดบริวเวอรี่เองมีหลาย ๆ สิ่งที่ให้ได้เรียนรู้ ศึกษา ทดลอง และลงมือทำ เราเปิดกว้างให้ทุกคนสามารถคิด แสดง และลงมือทำจริง ๆ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า นี่จะเป็นโอกาสสำคัญที่จุฬาฯ และบุญรอดบริวเวอรี่ จะได้มาเรียนรู้ร่วมกัน และสร้างสรรค์นวัตกรรมที่นอกเหนือไปจากความรู้ในห้องเรียน”

ด้านคุณบุญเกียรติ เมธีทัศนีย์ Group Director - Corporate Human Resource บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวว่า “เราตระหนักดีว่าความคิดริเริ่มและพลังแห่งนวัตกรรมคือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรในโลกยุคใหม่ เราเชื่อมั่นว่านิสิตคือพลังสำคัญที่จะสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ และมุมมองที่หลากหลาย ซึ่งจะสามารถต่อยอดและจุดประกายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีในอนาคต การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับจุฬาฯ ในครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะเป็นสะพานเชื่อมโยง ระหว่างภาคการศึกษาและภาคธุรกิจ เป็นการเปิดโอกาสให้นิสิตได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง พร้อมทั้งนำความรู้และความคิดสร้างสรรค์มาร่วมพัฒนาองค์กรณ์ให้ก้าวทันต่อความเปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน”

โครงการ “จุฬาฯ - บุญรอดฯ ร่วมพัฒนาผู้นำแห่งอนาคต” จะเริ่มในภาคการศึกษาหน้า โดยเปิดโอกาสให้นิสิตได้ลงมือทำจริงกับองค์กรธุรกิจชั้นนำ เรียนรู้จากผู้บริหารตัวจริง พร้อมต่อยอดองค์ความรู้และนวัตกรรม เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ตลาดแรงงาน และสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อสังคมอย่างยั่งยืน

"ลลิล พร็อพเพอร์ตี้" พัฒนาโครงการ Lalin Younger Club ส่งเสริมผู้นำรุ่นใหม่ พัฒนาองค์กรสู่อนาคต

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้าสร้างสรรค์องค์กรแห่งอนาคต เปิดตัวโครงการ Lalin Younger Club มุ่งพัฒนาศักยภาพของพนักงานรุ่นใหม่ ให้มีความพร้อมในการก้าวสู่ผู้นำเพื่อขับเคลื่อนองค์กรในยุคดิจิทัล โดยเน้นการเรียนรู้ ทักษะด้านนวัตกรรม และภาวะผู้นำ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการเติบโตในสายอาชีพอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 11 มี.ค.68 นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ 'บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี' เปิดเผยว่า Lalin Younger Club เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ในการสร้างองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และเปิดโอกาสให้พนักงานรุ่นใหม่ได้พัฒนาทักษะที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการคิดเชิงวิเคราะห์ การสื่อสาร การบริหารเวลา และการทำงานเป็นทีม ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เชื่อว่าการเสริมสร้างศักยภาพของคนรุ่นใหม่ จะช่วยให้องค์กรเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และสามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งและทันสมัยอยู่เสมอ

“Lalin Younger Club ถือเป็นจุดเริ่มต้นของผู้นำยุคใหม่ ออกแบบมาเพื่อพัฒนาทักษะของพนักงานรุ่นใหม่ในทุกมิติ โดยมุ่งเน้นไปที่ 4 ด้านหลัก ได้แก่ การพัฒนาทักษะการเรียนรู้และการเติบโต ทั้งด้าน Soft Skills และ Hard Skills เช่น ภาวะผู้นำ การแก้ปัญหา และความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ ยังมุ่งสร้างพื้นที่สำหรับนวัตกรรม โดยเปิดโอกาสให้พนักงานได้นำเสนอไอเดียและโครงการใหม่ๆ ผ่าน Lalin Innovation Idea Award ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากพนักงานในองค์กร ซึ่งการพัฒนาทั้ง 2 ด้านนี้ จะถูกดำเนินงานควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กร ด้วยการสร้างเครือข่ายระหว่างพนักงาน และส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีม และสิ่งสุดท้ายที่เราให้ความสำคัญคือ การพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพผ่าน Individual Development Plan (IDP) ซึ่งจะมุ่งส่งเสริมทักษะความเชี่ยวชาญทางอาชีพ และสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานเติบโตไปพร้อมกับองค์กร” นายชูรัชฏ์กล่าว

ทั้งนี้ การพัฒนาเพื่อความสำเร็จอย่างยั่งยืนผ่านโครงการ Lalin Younger Club นั้น ได้ออกแบบหลักสูตรอบรมที่ครอบคลุมในหลากหลายด้าน อาทิ Design Thinking, Problem Solving & Critical Thinking, Leadership for Young Talent, Effective Communication รวมถึง Agile & Adaptability เพื่อให้พนักงานมีความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจยุคใหม่ “ปัจจุบันศักยภาพของคนรุ่นใหม่กับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ถือเป็นปัจจัยหลักที่หลายองค์กรให้ความสำคัญเพราะคนรุ่นใหม่ไม่ได้เป็นเพียงแค่กำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร แต่ยังเป็นผู้ที่สามารถนำเสนอแนวคิดใหม่ๆที่ส่งผลต่อการพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน การที่พนักงานรุ่นใหม่มีความเข้าใจในเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงของตลาด และแนวโน้มด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้พวกเขาสามารถมีบทบาทสำคัญในการนำพาองค์กรไปสู่แนวทางที่สอดคล้องกับความต้องการของสังคมและโลกยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้แนวคิด    Digital-first & Data-driven, การส่งเสริม Sustainable & Smart Real Estate, และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม” นายชูรัชฏ์ กล่าวถึงบทบาทที่สำคัญของคนรุ่นใหม่ต่อองค์กร

นายชูรัชฏ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “คนรุ่นใหม่มีศักยภาพที่ไม่จำกัด และหากองค์กรสามารถสร้างระบบสนับสนุนให้พวกเขาได้เรียนรู้และเติบโตอย่างต่อเนื่อง องค์กรจะสามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืนและสามารถแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างมั่นคง โครงการ Lalin Younger Club ไม่เพียงช่วยพัฒนาองค์กร แต่ยังส่งผลดีต่อลูกค้าโดยตรง โดยพนักงานที่เข้าใจพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภครุ่นใหม่ จะสามารถออกแบบโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ในฐานะองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ เราต้องการให้โครงการนี้เป็นพื้นที่ที่ช่วยให้พนักงานของเราสามารถแสดงศักยภาพได้เต็มที่ และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพาองค์กรก้าวไปข้างหน้าในยุคดิจิทัล เราเชื่อว่าการเติบโตของพนักงานคือ การเติบโตขององค์กร และสุดท้ายแล้วจะส่งผลให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากเรา”

สำหรับโครงการ Lalin Younger Club ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ในการพัฒนาองค์กรให้พร้อมสำหรับอนาคต ด้วยแนวคิดที่เปิดกว้าง สนับสนุนการเติบโต และสร้างวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรม เพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืนของทั้งพนักงานและองค์กร

 

มูลนิธิสานอนาคตการศึกษาฯ เปิดปฏิบัติการ “โครงการผู้นำเพื่อการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืนปี 68”

มูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี โดย นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี และประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วยผู้บริหาร วิทยากรจากองค์กรเอกชนเครือข่ายมูลนิธิฯ เปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ ผู้นำเพื่อการพัฒนาการศึกษาไทยที่ยั่งยืน ประจำปี 2568 หรือ School Partner Workshop 2025 ที่จัดขึ้นต่อเนื่องเพื่อเสริมศักยภาพ School Partner ทั้งทักษะความเป็นผู้นำ การสื่อสาร และการคิดวิเคราะห์ ซึ่งช่วยให้การทำงานร่วมกับโรงเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยครั้งนี้ มีผู้นำรุ่นใหม่ หรือ School Partner ซึ่งเป็นพนักงานจิตอาสาจากองค์กรภาคเอกชน ร่วมการอบรมทั้งหมดกว่า 500 คน ซึ่งล้วนเป็นกลไกสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนการศึกษาไทย โดยจะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย ปฏิบัติงานร่วมกับผู้อำนวยการและครู นำข้อมูลจากระบบ School Management System มาคิดวิเคราะห์ ประเมินจุดอ่อนจุดแข็ง เพื่อผลักดันให้เกิดโครงการพัฒนาคุณภาพโรงเรียนตามบริบทพื้นที่ ติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย ครอบคลุมทุกด้านสอดคล้องตามยุทธศาสตร์หลักของมูลนิธิฯ 

เมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี และประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้แสดงวิสัยทัศน์ พร้อมให้ข้อคิดและสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้นำรุ่นใหม่ “ความมีเมตตาของคนๆ หนึ่ง เปลี่ยนแปลงชีวิตอีกคนหนึ่งได้ ไม่ต่างจาก School Partner ที่แม้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนักเรียน แต่จะเป็นตัวแปรช่วยให้น้องๆ เดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง สามารถช่วยเหลือตัวเองและคนอื่นต่อไปได้ เชื่อว่าทุกคนมุ่งมั่นพร้อมจะร่วมมือกัน คำว่า “Collaboration” หมายถึงพลัง และพลังของความร่วมมือ 1 + 1 ไม่ใช่แค่ 2 แต่ต้องเป็น 3 เป็น 5 และในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว School Partner โรงเรียน และระบบการศึกษาต้องรู้เท่าทันและรู้จักปรับตัวใน 3 มิติสำคัญ ได้แก่ 1. Digitization/AI ยกระดับ AI สู่ AGI เพิ่มขีดความสามารถของเทคโนโลยีที่ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยอัตราการเร่งของ AI 2. Deglobalization โลกหลายขั้วที่กำลังเกิดขึ้นในหลากหลายแห่ง และ 3. Decarbonization แก้ปัญหาโลกร้อน กำจัดคาร์บอน สร้างความยั่งยืนเป็นไปตาม SDGs 17 ข้อ”

“School Partner มีบทบาทสำคัญที่จะเข้าไปสร้างระบบนิเวศใหม่ โดยมี 5 ยุทธศาสตร์หลักนำทาง เริ่มด้วย 1. Transparency มีตัวชี้วัดที่ชัดเจนโปร่งใส สามารถวิเคราะห์จุดแข็งและจุดที่โรงเรียนต้องพัฒนา 2. Market Mechanism มีการเปรียบเทียบการแข่งขัน เกิดกลไกตลาด ทำให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมกับการศึกษา รวมถึงส่งเสริมสื่อคุณธรรมในช่วง Prime Time 3. High Quality Principals and Teachers ความสำเร็จของผู้อำนวยการคือ ความสำเร็จของการศึกษา สร้างความร่วมมือระหว่างผอ.กับชุมชน 4. Child Centric and Curriculum ตัวชี้วัดของครูที่ส่งเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริง บทบาทครูผู้สอนต้องเปลี่ยนจาก Instructor เป็น Facilitator ตลอดจนมี Learning Center เพื่อส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และ 5. Digital Infrastructure ส่งเสริมให้นักเรียนเข้าถึงเทคโนโลยี ทุกคนมีคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ School Partner ขอให้มุ่งมั่น อย่าละความตั้งใจ การมีจิตอาสา ถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของการเป็นผู้นำ” นายศุภชัย กล่าว

สัมผัสแรงบันดาลใจจากคนรุ่นใหม่ สู่การเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทย

นางสาวเบญจมาภรณ์ ฤาไชย School Partner สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ เล่าว่า ตั้งแต่ช่วงโควิด ได้ดูแลโรงเรียนในจ.สุพรรณบุรี นำเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรอัจฉริยะมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาโรงเรียน เช่น แก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง เพิ่มพื้นที่เพาะปลูก ผลผลิตและช่องทางการขายผลิตภัณฑ์จากเห็ด พร้อมบูรณาการการเรียนรู้กับนักเรียน รู้สึกตนเองเป็นคนที่มีคุณค่าที่ได้มอบโอกาสทางการศึกษาให้กับน้องๆ” ขณะที่ นายประเวช ขุนภิรมย์ School Partner บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “การได้เป็น School Partner ที่โรงเรียนในจ.หนองคาย เปิดโอกาสให้พัฒนาตัวเอง โดยได้ดำเนินโครงการที่ส่งเสริมด้านอาชีพและบูรณาการเข้ากับการเรียนการสอน เช่น การเกษตร งานหัตถกรรม และมัคคุเทศก์น้อย ผ่านความร่วมมือกับชุมชน ส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนตามความสนใจและความถนัดผ่านกระบวนการ Child-centric เพิ่มโอกาสสร้างรายได้ให้กับโรงเรียนและนักเรียน

นอกจากนี้ นายจรัญพงศ์ รินแสงปิน ยังแบ่งปันมุมมองการเป็น School Partner ธนาคารกรุงเทพ นำประสบการณ์การทำงานธนาคาร ว่า ผมดูแลโรงเรียนคอนเน็กซ์อีดีในจ.เชียงใหม่ ดำเนินโครงการที่ส่งเสริมความรู้และวางแผนทางการเงิน ปลูกฝังวินัยให้นักเรียนรู้จักเก็บออมและใช้เงินอย่างเป็นระบบ เพื่อเป็นทุนการศึกษา ต่อยอดเป้าหมายในชีวิต ดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มและสายตาที่เด็กๆ ภูมิใจตอนที่ครูจดบันทึกจำนวนเงินที่ออมได้

สำหรับการอบรมเชิงปฏิบัติการ ผู้นำเพื่อการพัฒนาการศึกษาไทยที่ยั่งยืนในปีนี้ ยังได้รับเกียรติจากวิทยากรองค์กรเครือข่ายพันธมิตร มาแบ่งปันความรู้และประสบการณ์แก่ผู้นำรุ่นใหม่ อาทิ

• บทบาทผู้นำยุคใหม่และแนวทางดำเนินงานเพื่อพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน ตามหลัก 5S  ได้แก่ 1. STUDY ศึกษา การดำเนินงานมูลนิธิฯ และข้อมูลโรงเรียน 2. STIMULATE ส่งเสริม สร้างความเข้าใจกับโรงเรียน ผลักดันการพัฒนา 3. SWOT วิเคราะห์ ปัญหาและโอกาส ในการพัฒนาโรงเรียน 4. SUGGEST เสนอแนะ แนวทางการพัฒนาโรงเรียนตามยุทธศาสตร์ และ 5. SUPPORT สนับสนุน โครงการที่เหมาะสมพร้อมช่วยติดตามการดำเนินงาน โดยดร.เนตรชนก วิภาตะศิลปิน กรรมการและเลขานุการมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี 

• บทเรียนจากผู้นำ เสริมพลังผู้นำรุ่นใหม่ สร้างความเปลี่ยนแปลงให้การศึกษาไทย ด้วยการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน โดยนายพริษฐ์ เที่ยงธรรม ประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เอ็ดดูเคชั่น อีซี่ (ไทยแลนด์) จำกัด 

• พลังการสื่อสารของผู้นำ เข้าถึง-เข้าใจ-ได้ประสิทธิผล โดย ครูน้ำฝน ภักดี ผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนบุคลิกภาพและการสื่อสาร โพรนาลิตี้ อะคาเดมี  ที่มาถ่ายทอดเทคนิคการสื่อสารพูดคุยอย่างตรงประเด็น เพื่อให้ได้ข้อมูลและสร้างความรู้สึกเชิงบวก เรียนรู้การจับประเด็นระหว่างสนทนา สามารถคิดวิเคราะห์คู่สนทนา ผ่านภาษาพูดและภาษากาย อันเป็นการสร้างความมั่นใจ เสริมสร้างบุคลิกภาพและการวางตัวอย่างเหมาะสมให้แก่ผู้นำรุ่นใหม่