"สุริยะ" จี้ กทพ.หาทางลดค่าทางด่วน ลดภาระปชช. ภายใน 2 ด.

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกทะวงคมนาคม เผยว่า ได้สั่งการให้ทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)ไปพิจารณาหาหนทางลดค่าผ่านทางโครงการทางด่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกทพ. เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนกลับมาเสนอภายใน 2 เดือน ซึ่งเป็นการสั่งการในที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อน และติดตามผลการดำเนินโครงการสำคัญตามนโยนบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ครั้งที่1/2567 มีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม

ทั้งนี้ที่ผ่านมาโครงการทางด่วนต่างๆของกทพ.ที่เปิดใช้แล้วแต่ละโครงการ ที่แม้จะมีเส้นทางที่กำหนดให้ต่อเนื่องกัน แต่จะแยกเป็นคนละสัญญา ทำให้ค่าผ่านทางที่ประชาชนต้องจ่ายในแต่ละโครงการไม่มีส่วนลดให้ ซึ่งเป็นภาระแก่ประชาชนผู้ใช้เส้นทาง

"อย่างบ้านผมต้องเสียค่าผ่านทางจากต้นสายจนจบถึง 160 บาท ซึ่งบางเส้นทางวิ่งผ่านสั้นๆ แต่ต้องจ่ายค่าผ่านทางสูงเกินไป จึงได้ให้กทพ.ไปคิดหาทางลดค่าผ่านทาง เบื้องต้นภาครัฐไปเจรจากับบริษัทผู้รับสัมปทานเพื่อลดค่าผ่านทาง โดยภาครัฐจะขยายระยะเวลาของสัมปทานชดเชยให้ เพื่อที่ภาคเอกชนและภาครัฐไม่ต้องชดเชยเป็นตัวเงินเลย"

สำหรับโครงการทางด่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกทพ.ที่เปิดให้บริการแล้วมีทั้งสิ้น 8 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการทางพิเศษเฉลิมมหานคร(ระบบทางด่วนขั้นที่1) ระยะทาง 27.1 กม. ,2.โครงการทางพิเศษศรีรัช(ระบบทางด่วนขั้นที่2)ระยะทาง38.4กม. ,3.โครงการทางพิเศษบูรพาวิถี(ทางด่วนสายรามอินทรา-อาจณรงค์,ทางด่วนสายรามอินทรา-วงแหวนรอบนอก)ระยะทาง 28.2 กม.

4.โครงการทางพิเศษบูรพาวิถี(ทางด่วนบางนา-ชลบุรี)55กม. ,5.โครงการทางพิเศษอุดรรัถยา(ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด)32กม. ,6.โครงการทางพิเศษสาย S1(ระบบทางด่วนขั้นที่3สายใต้S1หรือทางด่วนอาจณรงค์-บางนา) 4.1 กม. ,7.โครงการทางพิเศษกาญจนาภิเษก(ทางด่วนสายบางพลี-สุขสวัสดิ์) 34 กม. และ8.โครงการทางพิเศษประจิมรัถยา(ทางด่วนสายหมอชิต-วงแหวน) 16.7 กม.

#ลดค่าทางด่วน #ค่าผ่านทาง #ประชาชน #ข่าววันนี้ #ทางด่วน #สยามรัฐวันนี้

 

กรมโยธาฯ ใช้มาตรการเข้ม สั่งยกเลิกสัญญาอีกรายที่ภูเก็ต หลังพบทำงานล่าช้าสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน

กรมโยธาฯ ใช้มาตรการเข้ม สั่งยกเลิกสัญญาอีกรายที่ภูเก็ต หลังพบทำงานล่าช้าสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน

         เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2567 นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง สั่งการให้ นายสักรินทร์ อินทรสถิตย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนและพัฒนาตามผังเมือง นายปราโมทย์ พรหมทอง วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันน้ำท่วม สำนักสนับสนุนและพัฒนาตามผังเมือง ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต นำคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร  ติดตามโครงการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนป่าตอง อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต ที่ล่าช้ากว่าแผนงาน ส่งผลกระทบต่อประชาชน

          อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการดังกล่าว กรมฯ ได้ใช้มาตรการเด็ดขาด โดยได้ยกเลิกสัญญากับผู้รับจ้างรายเดิม แล้ว ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 และอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างรายใหม่ จากวงเงินค่าก่อสร้าง คงเหลือ 48.64 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันโครงการมีความก้าวหน้า 81.20% แล้ว ดังนั้น ได้วางแผนจะลงนามสัญญาผู้รับจ้างรายใหม่ ภายในเดือน พค. 2567 และจะเร่งดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2567

          ส่วนโครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำและปรับปรุงคลองปากบาง (ส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จ) กรมฯ ได้แก้ปัญหา sheetpile ป้องกันดินพังขวางทางไหลของน้ำที่อาจจะเกิดปัญหากับประชาชน โดยจะดำเนินการตัด sheetpile ลดระดับ เพื่อให้น้ำไหลสะดวกไม่ให้เป็นปัญหากับชุมชน พร้อม เร่งจัดหาผู้รับจ้างรายใหม่มาทำงานให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2567 เช่นกัน

          ทั้งนี้ กรมโยธาฯ มุ่งมั่นแก้ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนป่าตอง อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต  เร่งรัดงานก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน และทำให้โครงการสามารถป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ซูเปอร์โพล”ชี้ “แจกเงินดิจิทัลฯ” ความต้องการของ “ปชช.” มากที่สุด

“ซูเปอร์โพล”ร่วม”ก.ต.ช.ผู้แทนภาคปชช.”สำรวจความต้องการปชช.พบกระตุ้นศก.แจกเงินดิจิทัลฯมาเป็นอันดับแรก ตามด้วยแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และมิจฉาชีพออนไลน์ ด้าน”นพดล”แนะวิธีรับมือโจรไซเบอร์

เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2567 ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา กรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ผู้ทรงคุณวุฒิผู้แทนภาคประชาชน และผู้ก่อตั้งสำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง ความต้องการของประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 1,382 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 25 – 30 มีนาคม พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงความต้องการของประชาชน พบ 5 อันดับแรก ได้แก่ ประชาชนต้องการให้เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ แจกเงินดิจิทัล แก้ไขปัญหาปากท้อง เสริมสภาพคล่องธุรกิจ ร้อยละ 67.4 ประชาชนต้องการให้เร่งแก้ไขปัญหา แก๊งคอลเซนเตอร์ มิจฉาชีพออนไลน์ โจรไซเบอร์ ร้อยละ 63.9 แก้ไขปัญหาหนี้ ทั้งในและนอกระบบ ร้อยละ 61.8 แก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนทุกมิติ เช่น ยาเสพติด ยกพวกตีกัน ค้าประเวณี ละเลยคุณธรรมจริยธรรม ร้อยละ 60.7 และแก้ไขปัญหายาเสพติด ร้อยละ 60.5

ที่น่าสนใจคือเมื่อสอบถามถึงการสนับสนุนของประชาชนต่อกลุ่มการเมืองฝ่ายการเมือง พบว่า ร้อยละ 30.8 สนับสนุน กลุ่มการเมืองขั้วรัฐบาล อนุรักษ์นิยม ในขณะที่ ร้อยละ 23.0 สนับสนุน กลุ่มการเมืองฝ่ายค้าน กลุ่มเสรีนิยม ที่น่าพิจารณาคือ มากที่สุดหรือร้อยละ 46.2 ระบุว่า กลาง ๆ ไม่ยึดติด ใครทำดีมีประโยชน์ ไม่ฝืนความรู้สึก สนับสนุนฝ่ายนั้น เมื่อแบ่งออกตาม เพศ พบความแตกต่าง คือ ในกลุ่มผู้สนับสนุน กลุ่มการเมืองขั้วรัฐบาล อนุรักษ์นิยม ชายมีอยู่ร้อยละ 33.2 หญิงร้อยละ 28.7 ในกลุ่มผู้สนับสนุน กลุ่มการเมืองฝ่ายค้าน กลุ่มเสรีนิยม ชายมีอยู่ร้อยละ 26.0 หญิง ร้อยละ 20.6 ที่น่าพิจารณาคือ ในกลุ่มกลาง ๆ ไม่ยึดติด ใครทำดีมีประโยชน์ ไม่ฝืนความรู้สึก สนับสนุนฝ่ายนั้น ชายมีอยู่ร้อยละ 40.8 ซึ่งน้อยกว่าหญิงที่มีอยู่ร้อยละ 50.7

เมื่อแบ่งออกตามช่วงอายุ พบความแตกต่างที่น่าพิจารณาเช่นกัน คือ ในกลุ่มผู้สนับสนุน กลุ่มการเมืองฝ่ายค้าน กลุ่มเสรีนิยม คนอายุต่ำกว่า 20 ปี มีอยู่ร้อยละ 44.4 ซึ่งมากกว่าทุกกลุ่มช่วงอายุ แต่ในกลุ่มสนับสนุน กลุ่มการเมืองขั้วรัฐบาล อนุรักษ์นิยม พบว่ากระจายกันออกไปในหลายกลุ่มช่วงอายุ เช่น ต่ำกว่า 20 ปีมีอยู่ร้อยละ 36.1 อายุระหว่าง 20-29 ปีมีอยู่ร้อยละ 32.1 อายุระหว่าง 30 – 39 ปี มีอยู่ร้อยละ 35.6 อายุระหว่าง 40 – 49 ปี มีอยู่ร้อยละ 25.7 อายุระหว่าง 50 – 59 ปีมีอยู่ร้อยละ 27.4 และอายุ 60 ปีขึ้นไปมีอยู่ร้อยละ 35.3 ที่น่าสนใจคือ ประชาชนหมู่มากในหลายช่วงอายุยังอยู่ในกลุ่ม กลาง ๆ ไม่ยึดติด ใครทำดีมีประโยชน์ ไม่ฝืนความรู้สึก สนับสนุนฝ่ายนั้น ที่พบมากที่สุดในกลุ่มอายุ 40 - 49 ปี คือ ร้อยละ 54.1 และกลุ่มอายุ 50 – 59 ปี มีอยู่ร้อยละ 53.6

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า ความต้องการของประชาชนยังเหมือนเดิมคือต้องการให้เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ แจกเงินดิจิทัล แก้ไขปัญหาปากท้อง เสริมสภาพคล่องธุรกิจ และที่มาใหม่แตกต่างไปจากนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคือ แก้ไขปัญหา แก๊งคอลเซนเตอร์ มิจฉาชีพออนไลน์ โจรไซเบอร์ ดูดเงินของประชาชน เพราะที่ผ่านมาประชาชนรับรู้ว่ารัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาในสามเรื่องได้แก่ ยาเสพติด กับ หนี้นอกระบบ และการแจกเงินดิจิทัล แต่เรื่องสำคัญที่เป็นความต้องการของประชาชนอันดับสองในการสำรวจครั้งนี้คือ แก๊งคอลเซนเตอร์ มิจฉาชีพออนไลน์ โจรไซเบอร์ ดูดเงินของประชาชน เกลื่อนเมืองประชาชนเดือดร้อนไปทั่ว และหนี้ในระบบก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐน่าจะนำมาพิจารณาปรับปรุงยกระดับความต้องการของประชาชนที่ต้องเร่งตอบสนองให้ตรงจุด

ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า เรื่องความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ต่อประชาชนแต่ละคนและต่อธุรกิจออนไลน์ รวมถึงความมั่นคงของชาติยังอยู่ในขั้นวิกฤตที่ต้องเร่งแก้ไขโดยเสนอให้ มีการกำหนดกรอบเวลาเมื่อเกิดเหตุร้ายทางออนไลน์ขึ้น รวดเร็วฉับไวต่อการแก้ไขปัญหาแบบเรียลไทม์ กระจายครอบคลุมถึงตัวเจ้าหน้าที่รัฐผู้รับผิดชอบในแต่ละหน้างาน มีกรอบเวลาชัดเจน มีช่องทางสื่อสารอัพเดตให้ประชาชนทราบถึงขั้นตอนในการแก้ไขปัญหามิจฉาชีพออนไลน์ โจรไซเบอร์ โดยเสนอให้มีการประยุกต์ใช้การยกระดับข้อตกลงบริการดูแลประชาชนร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ (Service Level Agreement, SLA) ให้ประชาชนเกิดความอบอุ่นใจ ความรู้สึกปลอดภัยและรู้ได้แบบเรียลไทม์ว่าปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่เกิดขึ้นกำลังอยู่ในขั้นตอนใด ถ้าหากทำได้เช่นนี้ ฐานการสนับสนุนของประชาชนน่าจะเพิ่มขึ้นในการสนับสนุนรัฐบาลและการทำงานของนายกรัฐมนตรีและการแบ่งขั้วแบ่งข้างน่าจะลดลงเหลือเพียงขั้วเดียวคือ ความต้องการของประชาชน

รับสงกรานต์ “ปลัด มท.” เน้นย้ำผู้ว่าฯ ทั่วปท.เข้มข้นทุกมิติ สร้างความปลอดภัยในสวัสดิภาพของพี่น้องประชาชน

รับสงกรานต์ “ปลัด มท.” เน้นย้ำผู้ว่าฯ ทั่วปท.เข้มข้นทุกมิติ สร้างความปลอดภัยในสวัสดิภาพของพี่น้องประชาชน เน้นย้ำ แจ้งเหตุทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

วันนี้ (24 มี.ค. 67) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นวันหยุดต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าจะมีประชาชนเดินทางเพื่อกลับภูมิลำเนา ท่องเที่ยว หรือทำบุญ ด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถสาธารณะเป็นจำนวนมาก และเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทางของพี่น้องประชาชน ลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ระหว่างวันที่ 11 - 17 เมษายน 2567 ตนจึงได้มีหนังสือสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด ใช้กลไกศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด/อำเภอ และศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันขับเคลื่อนแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล และช่วงวันหยุด พ.ศ. 2567 และแนวทางของกระทรวงคมนาคม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตนได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. 2565 - 2570 อย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อบรรลุเป้าหมายลดอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 12 คน ต่อแสนประชากร ภายในปี 2570 และบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ “ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลดลง” เกิดการสัญจรทางถนนที่ปลอดภัย นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนทุกคน โดยใช้กลไกตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน พ.ศ. 2554 บูรณาการทุกหน่วยงานในพื้นที่ขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบูรณาการร่วมกับตำรวจ และฝ่ายปกครอง บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด จริงจัง และต่อเนื่อง อาทิ พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อว่า ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกรอบแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 อย่างเข้มข้น โดยเน้นมาตรการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการเชิงรุกในพื้นที่ เพื่อสร้างความปลอดภัยในการสัญจรให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ให้ความสำคัญในการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางช่วงก่อนและหลังเทศกาล เพื่อให้การเดินทางถึงจุดหมายได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย เน้นย้ำทุกจังหวัดจัดทำป้ายรณรงค์ประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความตระหนัก จิตสำนึกในการขับขี่ที่ปลอดภัย เน้นพฤติกรรมเสี่ยง “ดื่มไม่ขับ” ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ด้วย

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนและอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ตนจึงสั่งการไปยังจังหวัดให้ใช้กลไกศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด/อำเภอ ทั้งหน่วยวิชาการ หน่วยให้คำปรึกษา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนบุคลากรสแตนบายมอนิเตอร์ติดตามความปลอดภัยทางถนนตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งให้ส่วนราชการในระดับพื้นที่ร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งมูลนิธิ สมาคมต่าง ๆ จัดตั้งด่านอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ทั้งบนเส้นทางหลักและเส้นทางรองทั่วประเทศ นอกจากนี้ ได้กำชับฝ่ายปกครองใช้กลไกท้องที่ คือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้ง “ด่านชุมชน” เฝ้าระวัง ตรวจตรา ป้องปราม และตักเตือนบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน เน้นลดพฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นสาเหตุหลักการเกิดอุบัติเหตุทางถนน คือ ดื่มแล้วขับ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และใช้กลไกครอบครัว ควบคู่กับการดำเนินมาตรการเชิงรุกในรูปแบบการเคาะประตูบ้าน เพื่อเป็นกำลังเสริมสนับสนุนหน่วยงานหลักในพื้นที่

“ขอให้พี่น้องประชาชนปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ที่ภาครัฐร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ที่ในแต่ละพื้นที่อาจมีความเข้มงวดกวดขัน ทำให้พี่น้องประชาชนยุ่งยากลำบากบ้าง แต่ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด และความสุขของพี่น้องประชาชนทุกคน อย่างไรก็ดี ขอให้ประชาชนขับรถด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท เมาไม่ขับ เอื้ออาทรต่อผู้ใช้ทางร่วมกัน หากง่วงหรือเหนื่อยก็ขอหยุดพัก และหากพี่น้องประชาชนพบเห็นสิ่งใดที่เป็นอันตราย หรือต้องการขอความช่วยเหลือ สามารถโทรสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ จิตอาสา และอาสาสมัคร เข้าให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย

รบ.ย้ำเตือนประชาชนอย่าหลงกล ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ เผยมูลค่าความเสียหาย เดือน ก.พ.67 กว่า 2 พันล้านบาท

​“คารม” รองโฆษกรัฐบาล ย้ำเตือนประชาชนอย่าหลงกล ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ เผยมูลค่าความเสียหาย เดือน ก.พ. 67 กว่าสองพันล้านบาท หากถูกหลอก แนะแจ้งความออนไลน์ ผ่าน www.thaipoliceonline.com

วันนี้ (9 มีนาคม 2567) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ผลการแจ้งความออนไลน์ ผ่าน https://www.thaipoliceonline.com ตั้งแต่ 1 – 29 กุมภาพันธ์ 2567 รวม 21,506 เรื่อง มูลค่าความเสียหายรวม 2,493,842,459 บาท เฉลี่ย 85,944,568 บาทต่อวัน ผลการอายัดบัญชี จำนวน 26,621 บัญชี ยอดขออายัด จำนวน 1,592,427,042 บาท ยอดอายัดได้ จำนวน 585,162,740 บาท

สำหรับประเภทคดีออนไลน์ที่มีการแจ้งความมากที่สุด 5 อันดับแรก ดังนี้ 1. หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ (ไม่เป็นขบวนการ) มูลค่าความเสียหาย 198,614,971 บาท 2. หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 326,172,595 บาท  3.หลอกให้กู้เงิน มูลค่าความเสียหาย 106,624,305 บาท      4.หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 1,151,441,270 บาท และ 5. Call center มูลค่าความเสียหาย 233,274,414 บาท

“ขอประชาชนอย่าหลงกล ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ หากถูกหลอก สามารถแจ้งความออนไลน์ที่ https://www.thaipoliceonline.com หรือสอบถามที่เบอร์ 1441 หรือ 081-866-3000”นายคารม ย้ำ

"Thailand Green and Smart Mining Forum 2024" ปักหมุดผปก.เหมืองแร่ไทย-ภาคปชช.เกื้อกูล-ยั่งยืน

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะรองประธานกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ เป็นประธานเปิดกิจกรรม “Thailand Green and Smart Mining Forum 2024” โดยมีนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมเป็นสักขีพยานในการประกาศเจตนารมณ์ของผู้ประกอบการเหมืองแร่ ที่จะดำเนินกิจการอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีธรรมาภิบาล ให้สาธารณชนได้รับทราบโดยทั่วกัน

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า กิจกรรม “Thailand Green and Smart Mining Forum 2024” เป็นกิจกรรมสำคัญของคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติที่จะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อให้การประกอบกิจการเหมืองแร่เป็น “เหมืองแร่ของประชาชน” ลดความขัดแย้งในการพัฒนาแร่ เกื้อกูลประโยชน์ร่วมกันระหว่างสถานประกอบการและชุมชน โดยกิจกรรมวันนี้ ได้นำมาตรการทางสังคมเชิงสร้างสรรค์ ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่และมาตรการทางกฎหมาย อาทิ เวทีให้ผู้ประกอบการเหมืองแร่ได้ร่วมแสดงความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบและหลักธรรมาภิบาลเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การมอบรางวัล Thailand Green and Smart Mining Awards ให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ประกอบการที่มีธรรมาภิบาลและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการร่วมกันประกาศและลงนามในเจตนารมณ์ การเป็นเหมืองแร่ที่มีธรรมาภิบาลและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของผู้ประกอบการเหมืองแร่ 

ทั้งนี้รัฐบาลมีนโยบายผลักดันให้มีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแร่ เพื่อสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญ ได้แก่ การเกษตร เทคโนโลยีชั้นสูง และพลังงานหมุนเวียน การผลักดันให้สถานประกอบการเหมืองแร่มีการดำเนินการที่เป็นมาตรฐานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมการทำเหมืองสมัยใหม่มาใช้ในการทำเหมือง ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และเป็นไปตามกรอบแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ฉบับที่ 2 โดยกิจกรรมที่จัดในวันนี้เป็นการจัดกิจกรรมแบบ Net Zero คือ มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ด้วย

นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กล่าวถึงรายละเอียดของกิจกรรม “Thailand Green and Smart Mining Forum 2024” ประกอบไปด้วย

• การปาฐกถาหัวข้อ “การบริหารจัดการแร่อย่างยั่งยืนภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ฉบับที่ 2” โดย นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

• การมอบรางวัลผู้ชนะการประกวดออกแบบตราสัญลักษณ์กิจกรรม Thailand Green and Smart Mining และรางวัล “Thailand Green & Smart Mining Awards 2023” ให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ประกอบการที่มีธรรมาภิบาลและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จำนวน 6 รางวัล ได้แก่

1. ประเภทกิจการเหมืองแร่ จำนวน 5 รางวัล ได้แก่ 

(1) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (แก่งคอย) จำกัด 

(2) บริษัท ปูนซีเมนต์เอเชีย จำกัด (มหาชน) 

(3) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ทุ่งสง) จำกัด 

(4) บริษัท ตรัง ยูซี จำกัด 

(5) บริษัท ศิลาสานนท์ จำกัด 

2. ประเภทกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับแร่ จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ 

(1) บริษัท ตรัง ยูซี จำกัด 

• พิธีการประกาศเจตนารมณ์และลงนามการเป็นเหมืองแร่มีธรรมาภิบาลและ

เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของกิจการเหมืองแร่ไทย ครั้งที่ 3 ของผู้ประกอบการเหมืองแร่ จำนวน 10 ราย

• การจัดนิทรรศการของผู้ประกอบการเหมืองแร่ที่ได้รับรางวัล และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวม 7 ราย

• การนำเสนอแนวทางการประกอบกิจการของผู้ที่ได้รับรางวัล Thailand Green & Smart Mining Awards 2023 การบรรยาย เรื่อง “Net zero emissions” จากผู้แทนองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และการเสวนา เรื่อง “การประกอบกิจการเหมืองแร่ไทย มุ่งสู่เศรษฐกิจสีเขียวและสังคมคาร์บอนต่ำ” โดย ผู้ประกอบการเหมืองแร่

ปชช.แห่ใช้บริการรถบขส.กลับบ้านฉลองปีใหม่ คาดมีผสด.กว่า 7 หมื่นเดินทาง มั่นใจรองรับเพียงพอ

นางสาวระพิพรรณ วรรณพินทุ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารการเดินรถ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า วันนี้ (28 ธันวาคม 2566) บขส. คาดการณ์ว่า จะมีผู้ใช้บริการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 หนาแน่นที่สุด โดยคาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางประมาณ 70,000 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส., รถร่วม, รถตู้) เฉลี่ยวันละ 4,000 เที่ยว โดย บขส. พร้อมจัดรถโดยสารไม่ประจำทางมาวิ่งเสริมตลอดทั้งวัน ในวันที่ 28-29 ธันวาคม 2566 เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชน ทั้งนี้สามารถติดต่อซื้อตั๋ว (รถเสริม) ได้ที่ ช่องจำหน่ายตั๋วของ บขส. หรือหากประสงค์จองตั๋วโดยสารล่วงหน้า สามารถจองผ่านช่องทางต่าง ๆ อาทิ Application : E-ticket  , Website บขส. : https://tcl99web.transport.co.th , ตัวแทนจำหน่ายตั๋ว และช่องจำหน่ายตั๋วของ บขส. ทั่วประเทศ ได้เช่นเดียวกัน

สำหรับข้อมูลการเดินรถเมื่อวานนี้ (27 ธันวาคม 2566) มีผู้โดยสารเดินทางเที่ยวไป จำนวน 55,402 คน เที่ยวกลับ จำนวน 46,311 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน 101,713 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส., รถร่วม, รถตู้) เที่ยวไป จำนวน 3,602 เที่ยว เที่ยวกลับ จำนวน 3,314 เที่ยว รวมทั้งสิ้น จำนวน 6,916 เที่ยว

ทั้งนี้ ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้ บขส. เตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกปลอดภัยให้กับประชาชน และได้กำชับให้ บขส. ดำเนินการตามมาตรการคุมเข้มด้านความปลอดภัย เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุของรถโดยสารสาธารณะ บขส. พร้อมเข้มงวดมาตรการความปลอดภัย และได้กำชับให้ รถร่วมฯ ดำเนินการตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เช่น ตรวจสภาพความพร้อมรถโดยสารก่อนออกเดินทาง, พนักงานขับรถต้องมีใบรับรองแพทย์, จัดพนักงานขับ 2 คน ในเส้นทางสายยาว และขอความร่วมมือผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทาง

รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวด้วยว่า ได้สั่งการไปยังนายสถานีเดินรถ บขส. ทุกแห่งทั่วประเทศ ให้ดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนตลอดเทศกาลปีใหม่อย่างเต็มที่ เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับบริการที่มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย รวมทั้งได้บูรณาการความร่วมมือหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ กรมการขนส่งทางบก ตรวจความพร้อมรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถก่อนเดินทางทุกคันทุกคน ตาม Checklist และจุด Checking Point , การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ จัดการเดินทางเชื่อมต่อรถไฟ รถทัวร์ รถเมล์ , และประสานกองบังคับการตำรวจจราจร , สน.บางซื่อ, สน.ตลิ่งชัน และ สน.ทองหล่อ สนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจร บริเวณโดยรอบสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ ทั้ง 5 แห่ง เป็นต้น

“ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ที่จะถึงนี้ ขอให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมาขึ้นรถโดยสาร ที่สถานีขนส่งฯ ก่อนเวลารถออกอย่างน้อย  1 ชั่วโมง และขอให้ซื้อตั๋วที่ช่องจำหน่ายตั๋วเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ รวมทั้งขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการรถร่วมฯ ติดป้ายแสดงราคาค่าโดยสารที่หน้าช่องขายตั๋วให้ชัดเจน ทั้งนี้หากพบปัญหา ในการเดินทางให้แจ้งได้ที่จุดบริเวณประชาสัมพันธ์ ชั้น 1 และชั้น 3 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) และที่จุดประชาสัมพันธ์ ณ สถานีขนส่งฯ ทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บขส. Call Center 1490 ตลอด 24 ชั่วโมง”

 

 

"นายกฯ" ให้คำมั่น "รัฐบาล" ทำงานเต็มที่ ไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ยกระดับชีวิตประชาชนเป็นของขวัญคนไทย

 

เมื่อเวลา 16.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่น ที่เร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง) วันที่ 17 ธ.ค. ที่โรงแรมโอกุระ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการมอบของขวัญให้ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ในฐานะนายกรัฐมนตรีถูกมองว่าเป็นนักการเมือง ส่วนนักการเมืองบางทีก็ลืมไปว่าเป็นนักการเมือง เพราะมัวแต่เล่นการเมืองหรือไม่ ตนเชื่อว่าตอนนี้เวลานี้เราไม่ได้มาเล่นการเมือง แต่รู้ว่าเรามาทำการเมืองเพื่ออะไร และมาอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร เรามาเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน ซึ่งสิ่งที่เราอยู่ก็ถือว่าต้องทำให้ประชาชนอยู่แล้ว

ฉะนั้นหากถามว่าของขวัญคืออะไร คือคณะรัฐมนตรีทุกคน ทีมงานทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ก่อนยืนยันว่าเราจะพยายามทำเต็มที่เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ประชาชนให้ดีกว่าที่ผ่านมา ถือเป็นคำมั่นก็แล้วกัน ก็คอยดูแล้วกัน พร้อมย้ำว่าจะทำเต็มที่ เพราะบางอย่างก็ถูกใจ และบางอย่างยังไม่เป็นที่เพียงพอ ก็เข้าใจได้ถึงความรู้สึก เพราะตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่หลายด้าน อะไรที่ทำได้ก็จะทำก่อน อะไรใช้เวลาก็จะทำไป หลายเรื่องต้องเก็บข้อมูลเพื่อมาดำเนินการเพื่อความพร้อม

 

ครั้งแรกในไทย! CIB จับมือ เอกชน จัด "วิ่งเฉลิมพระเกียรติ CIB Run เคียงข้างประชาชน"

เมื่อวันที่ 17 พ.ย.66 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, น.ส.อารยา ภู่พานิช รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานกิจกรรมเพื่อสังคม ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), น.ส.ตุลยา อธิพันธุ์อำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดการลู่ปั่น วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด และนายกิบเกียรติ แสงวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไตรลีก (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันแถลงข่าวการจัดกิจกรรม "วิ่งเฉลิมพระเกียรติ CIB RUN เคียงข้างประชาชน" ที่กองบังคับการปราบปราม 

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นการจัดงานวิ่งครั้งแรกของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ซึ่งได้รับการอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ให้ใช้สนามลู่ปั่นจักรยานเจริญสุขมงคลจิต หรือ สนามฟ้า เป็นสถานที่จัดการแข่งขัน

ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะส่งเสริมให้ข้าราชการตำรวจมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี จึงได้มีแนวคิดที่จะเชิญชวนประชาชนจากทุกภาคส่วน ทุกเพศทุกวัย ให้มาร่วมกิจกรรมเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นการแสดงพลังบวกในการร่วมกันจัดกิจกรรมในวันมหามงคล เนื่องในวโรกาสวันที่ 5 ธ.ค.2566 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ด้วยการรวมใจวิ่งเฉลิมพระเกียรติ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นที่รู้จักอย่างทั่วถึง 

สำหรับระยะทางวิ่งมีให้เลือกตั้งแต่ Family Run ระยะ 1.5 กม., กิจกรรมวิ่งระยะ 4.5 กม., กิจกรรมวิ่งระยะ 10 กม. และกิจกรรมวิ่งระยะ 23 กม. และในทุก ๆ ระยะ จะมีเสื้อวิ่ง CIB Run 2023 พร้อมกับเหรียญรางวัลหนุมาน Run สุดพิเศษ ที่ออกแบบมาเฉพาะกิจกรรมในครั้งนี้เท่านั้น

ส่วนของนักวิ่งที่เข้าเส้นชัย 100 ลำดับแรก วิ่งระยะ 23 กม. จะได้รับหมวก CIB RUN 2023 คอลเล็คชั่นพิเศษ มอบให้เป็นของที่ระลึกอีกด้วย บอกได้เลยว่า สนามปั่นจักรยานเจริญสุขมงคลจิต สุวรรณภูมิ เป็นสนามในฝันของนักวิ่งหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นนักวิ่งสายแข็ง สายชิล สายทำคอนเทนต์ สายวิ่งพ่อแม่ลูก ที่จะพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่า 10,000 คน งานนี้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายตลอดทั้งงาน พร้อมเปิดลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.66 ที่เว็บไซต์ www.cibrun.com

"ทางหน่วยงานตั้งใจเป็นเจ้าภาพจัดงาน "วิ่งเฉลิมพระเกียรติ CIB Run เคียงข้างประชาชน" ในครั้งนี้ร่วมกับสนามปั่นจักรยานเจริญสุขมงคลจิต ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน นับว่าเป็นการแสดงพลังบวกในการร่วมมือกันกับหน่วยงานภาคเอกชนและประชาชนแสดงความจงรักภักดี รวมทั้งสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, ภาคเอกชน และประชาชน อย่างยั่งยืนอีกด้วย ซึ่งตลอดระยะเวลาการทำงาน ผมตั้งใจพัฒนาองค์กรและพัฒนาบุคลากรมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องของสมรรถภาพร่างกายที่แข็งแรงและจิตใจที่เข้มแข็ง เพราะผมเชื่อว่าหากร่างกายและจิตใจของเหล่ากำลังพลของตำรวจสอบสวนกลาง มีความพร้อม เรามั่นใจได้ว่าจะมีประสิทธิภาพในการทำงานอย่าง มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชนได้อย่างแท้จริง"

อย่างไรก็ตามการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ทางตำรวจสอบสวนกลาง ต้องขอขอบคุณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งนอกจากจะอนุญาตให้ใช้สถานที่ในการจัดกิจกรรมแล้ว ยังได้ให้การสนับสนุนในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่สนามลู่ปั่นและพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยาน อาทิ การจัดพื้นที่จอดรถรองรับนักวิ่งที่เข้าร่วมกิจกรรม รวมถึงสนับสนุนรถ shuttle bus คอยให้บริการรับ-ส่งนักวิ่งจากจุดจอดรถมาที่สนามลู่ปั่น รวมทั้งได้สนับสนุนกำลังพลดูแลความเรียบร้อยเรื่องการจราจรและการรักษาความปลอดภัย และจัดให้มีน้ำดื่มให้บริการแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมด้วย นอกจากนี้ภายในงานก็ยังจะมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ และกิจกรรมสันทนาการอื่น ๆ อีกมากมาย ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อเป็นการส่งเสริมการจัดกิจกรรมกีฬาเชิงท่องเที่ยวในช่วงสิ้นปี.

ธ.ก.ส.ฉลองปีที่ 58 เปิดขายสลากถุงทองวันแรก กระแสตอบรับพุ่ง ทำยอดรับฝากแล้วกว่า 1.1 หมื่นล.

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากการที่ ธ.ก.ส. เปิดรับฝาก “สลาก ธ.ก.ส. ชุดถุงทอง” ในโอกาสครบรอบวันสถาปนาธนาคารก้าวสู่ปีที่ 58 โดยเปิดรับฝากในวันนี้เป็นวันแรก หน่วยละ 2,000 บาท จำนวน 50 ล้านหน่วย แบ่งเป็น 5 หมวด ได้แก่ GA, GB, GC, GD และ GE หมวดละ 10 ล้านหน่วย วงเงินรับฝาก 100,000 ล้านบาท ผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile และ เคาน์เตอร์ ธ.ก.ส. ทุกสาขา ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากเกษตรกรลูกค้าและประชาชนทั่วไป ทำให้มียอดรับฝากผ่านทางแอปพลิเคชัน BAAC Mobile แล้วจำนวน 2,650 ล้านบาท และยอดรับฝากผ่านทางเคาน์เตอร์ธนาคาร จำนวน 8,350 ล้านบาท

"ธ.ก.ส. ขอขอบคุณลูกค้าและผู้มีอุปการคุณทุกท่าน ที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนผลิตภัณฑ์เงินฝากของธนาคาร ซึ่งธนาคารจะนำเงินดังกล่าวไปสนับสนุนเกษตรกรในการลงทุนและการผลิตในภาคการเกษตร เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงทางด้านอาหารให้กับประเทศต่อไป"

นายฉัตรชัย กล่าวว่า สลาก ธ.ก.ส. ชุดถุงทอง มีอายุการรับฝาก 2 ปี เมื่อฝากครบกำหนด จะได้รับเงินต้นคืน พร้อมดอกเบี้ยหน่วยละ 35 บาท คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.875 ต่อปี โดยรางวัลที่ 1 มีมูลค่าสูงถึง 60 ล้านบาท และยังมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลอื่น ๆ ทุกเดือน คิดเป็นเงินรางวัลสูงสุด 77,650,000 บาทต่อเดือน รวมรางวัลต่องวดทั้งสิ้น 105,670 รางวัล จับรางวัล 24 ครั้ง ทุกวันที่ 16 ของเดือน ยกเว้นเดือนมกราคม ออกรางวัลในวันที่ 17 มกราคม โดยดอกเบี้ยและเงินรางวัลในการฝากสลากออมทรัพย์ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาและสามารถนำไปใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ของ ธ.ก.ส. ได้อีกด้วย 

ทั้งนี้ สลาก ธ.ก.ส. ชุดถุงทอง ออกรางวัลครั้งแรกวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ สำหรับผู้ฝากสลากที่ทำการฝากภายในวันที่ 15 ของเดือน จะได้รับสิทธิ์ตรวจรางวัลในเดือนนั้น ๆ ซึ่งธนาคารจะโอนเงินรางวัลเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่เป็นบัญชีคู่โอนของลูกค้าทันทีในวันถัดไปหลังจากวันออกรางวัลในแต่ละงวด สามารถตรวจผลการออกรางวัลได้ผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile และบริการ BAAC Connect การแจ้งเตือนผ่าน LINE Official : BAAC Family เมื่อมีเงินเข้า - ออกบัญชีเงินฝากและการถูกรางวัลสลาก รวมถึงกรณีสลากใกล้ครบอายุรับฝากอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสลากออมทรัพย์ได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือที่ Call Center 02 555 0555