ธอส. รอบ 72 ปี ตอบแทนสังคมสู่ความยั่งยืน ส่งมอบบ้านให้ผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุ และผู้พิการ

ธอส.เดินหน้าตอบแทนสังคมสู่ความยั่งยืน ส่งมอบบ้านภายใต้โครงการสร้างและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ปี 2568 ตลอด 15 ปี รวมแล้วกว่า 5,120 หลัง โดยปี 2568 ธอส. สามารถสร้างและซ่อมแซมบ้านรวม 258 หลัง และวันนี้ (8 กันยายน 2568) ได้ส่งมอบบ้านสร้างใหม่และบ้านซ่อมแซมจำนวน 11 หลัง ในจังหวัดปทุมธานี และจังหวัดนนทบุรี สะท้อนการเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (CSR) 

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. เดินหน้าตอบแทนสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง สนับสนุนความเข้มแข็งของชุมชนให้สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างยั่งยืน พร้อมส่งมอบบ้านให้แก่ประชาชน ภายใต้ “โครงการสร้างและซ่อมแซมที่อยู่อาศัย เพื่อผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุ และผู้พิการ” โดยในปี 2568 ธอส. ได้ดำเนินการสร้างและซ่อมแซมบ้าน จำนวน 258 หลัง แบ่งเป็น สร้างบ้านใหม่จำนวน 29 หลัง และซ่อมแซมบ้านจำนวน 229 หลัง ในวันนี้ ธอส. 
ได้จัดพิธีส่งมอบบ้านตามโครงการดังกล่าว  โดยได้รับเกียรติจากนางสาวปิยวรรณ ล่ามกิจจา กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง และนายธะเรศ โปษยานนท์ กรรมการธนาคาร เป็นผู้ส่งมอบบ้านสร้างใหม่จำนวน 1 หลัง 
และบ้านซ่อมแซม จำนวน 5 หลัง ในพื้นที่ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี และบ้านซ่อมแซม 
จำนวน 5 หลัง ในพื้นที่ตำบลบางศรีเมือง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี  ทั้งนี้ ธอส. ได้รับความร่วมมือจากเทศบาลตำบลลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี และเทศบาลเมือง บางศรีเมือง จังหวัดนนทบุรี ในการคัดเลือกประชาชนกลุ่มเป้าหมายเพื่อเข้าร่วมโครงการฯ 

สำหรับโครงการสร้างและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2553 เพื่อสร้างบ้านใหม่ หรือปรับปรุงบ้านให้เกิดความปลอดภัยในชีวิต ส่งเสริมให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิต และสุขอนามัยที่ดี โดยตลอดการดำเนินงานที่ผ่านมาได้สนับสนุนการสร้างและซ่อมแซมบ้านมาแล้วกว่า 5,120 หลัง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของ ธอส. ด้านที่อยู่อาศัย ที่ให้ความสำคัญและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการดำเนินภารกิจหลักในการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางให้สามารถมีบ้านเป็นของตนเอง ตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยพิธีส่งมอบบ้าน จัดขึ้น ณ เทศบาลตำบลลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี และเทศบาลเมืองบางศรีเมือง จังหวัดนนทบุรี 

ธอส. ฉลองครบ 72 ปี จัดสินเชื่อบ้านดบ.ต่ำเริ่มต้น 0.72% ต่อปี กู้ 1 ล้าน ผ่อนเริ่มต้น 2,700 บาท/เดือน

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตอบแทนลูกค้าในโอกาสครบ 6 รอบ 72 ปี จัดแคมเปญด้วยการมอบโปรโมชันสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษนานถึง 6 ปี กรอบวงเงินรวม 27,000 ล้านบาท กับ “สินเชื่อบ้าน 72 ปี ธอส.” 

ครอบคลุมทุกวัตถุประสงค์การกู้ กรณีทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA) อัตราดอกเบี้ย 6 เดือนแรกเพียง 0.72% ต่อปี, เดือนที่ 7 – 24 เท่ากับ 2.72% ต่อปี, ปีที่ 3 – 6 เท่ากับ MRR-2.525% ต่อปี (3.72% ต่อปี) เฉลี่ย 3 ปีแรก 2.72% ต่อปี ปีที่ 7 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี และกรณีซื้ออุปกรณ์ฯ / ชำระหนี้ฯ เท่ากับ MRR (ดอกเบี้ย MRR ธอส. เท่ากับ 6.245% ต่อปี) ผ่อนชำระนานสูงสุด 40 ปี กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 2,700 บาท/เดือน เท่านั้น!

ผู้ที่สนใจสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2568 อนุมัติและทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 

ผู้กู้หลักจะได้รับคะแนนสะสม GHB Reward & Privilege จำนวน 100 พอยท์ต่อสิทธิ์ เพื่อนำไปแลก E – Voucher จากร้านค้าที่ร่วมรายการ (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage 

ธอส.ปรับลดดบ.เงินกู้ลูกค้ารายย่อย MRR 0.25% ต่อปี ลดภาระที่อยู่อาศัย-กระตุ้นภาคอสังหาฯ เริ่ม 15 ส.ค.68

ธอส. ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อย MRR 0.25% ต่อปี ช่วยลดภาระด้านที่อยู่อาศัยและกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ มีผลตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป

วันที่ 14 สิงหาคม 2578 นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.75% ต่อปี เป็น 1.50% ต่อปี เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ธอส. พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดภาระด้านที่อยู่อาศัยให้ลูกค้าและขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ จึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% ต่อปี จากปัจจุบัน 6.495% ต่อปี เป็น 6.245% ต่อปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป ส่งผลให้ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ยังคงอยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินของรัฐอื่น

“การที่ ธอส. ปรับลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี เนื่องจากต้องการช่วยลดภาระหนี้ให้กับลูกค้ารายย่อยที่เป็นฐานลูกค้าหลักของธนาคาร จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระเงินงวดของลูกค้าลดลงและทำให้มีเงินเพียงพอสำหรับการดำรงชีพต่อไปได้ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) อยู่ที่ 6.100% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) อยู่ที่ 6.000% ต่อปี ถือว่าอยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับตลาด” นายกมลภพ กล่าว

ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ได้ให้ความสำคัญในการดูแลลูกค้าทุกกลุ่มมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง รวมไปถึงลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นผ่านการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง นอกจากนี้ ธอส. ยังช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ให้ยังคงรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป 

ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th

"สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเม้นท์" เปิดตัว "HOME HERO" ผู้เชี่ยวชาญเรื่องบ้าน ดัน SMART WORLD สู่ One stop service Application

SMART- สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเม้นท์ 29 ปีผู้นำด้านการจัดการที่อยู่อาศัยอันดับหนึ่งของประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ Behind the Smile, in All Living Aspects เบื้องหลังของรอยยิ้ม ในทุกมิติของการอยู่อาศัย กับที่สุดของความไว้วางใจดูแลคุณภาพชีวิตคนไทยกว่า 500 โครงการทั่วประเทศ

นายวินัย กระเป๋าทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SMART) กล่าวว่า ปัจจุบันเราดูแลลูกบ้านครอบคลุมกว่า 264,000 ครัวเรือน หรือประชาชนกว่า 620,000 คน ครองแชมป์ผู้นำด้านการบริหารจัดการที่อยู่อาศัยอันดับ 1 ของประเทศไทย และครั้งนี้นับว่าเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่ สมาร์ท พลิกเกมการบริหารให้เข้ากับยุคสมัยที่มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยการคิดค้น คัดสรรเทคโนโลยีให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง ความสำเร็จครั้งนี้คือบทพิสูจน์ของวิสัยทัศน์ การบริหารจัดการ และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องที่สมาร์ทได้วางรากฐานและขับเคลื่อนธุรกิจมาโดยตลอด ทั้งนี้ SMART ยังคงยึดมั่นที่จะมุ่งเน้นการสร้างมาตรฐานของการบริหารที่อยู่อาศัย เพื่อสร้างให้เกิดความ “แตกต่าง” และ “เหนือกว่า” ทั้งในด้านความปลอดภัย การบริการ และคุณภาพชีวิตของลูกบ้านในทุกๆ มิติของการอยู่อาศัย เรายกระดับ SMART WORLD Digital Platform สู่การเป็นที่หนึ่งของบริการ One stop service Application พร้อมควบคู่กับการพัฒนาบริการด้านที่อยู่อาศัยให้ครบวงจรด้วยบริการ HOME HERO ผู้เชี่ยวชาญเรื่องบ้าน อัศวินผู้ดูแลบ้านยุคใหม่ที่เข้าใจทุกความต้องการอย่างแท้จริง ตอบสนองทุกมิติเรื่องบ้าน พร้อมให้บริการด้านการดูแลรักษา ซ่อมแซม และบริการที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของการอยู่อาศัย โดยเริ่มตั้งแต่บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย บริการระหว่างการอยู่อาศัยและบริการพลิกโฉมที่อยู่อาศัยสำหรับลูกบ้านที่ต้องการปรับปรุงโครงสร้าง   

บริการสำหรับผู้เริ่มต้นการอยู่อาศัย (New Housing) ได้แก่ บริการออกแบบตกแต่งภายในให้สวยงามตรงตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย และบริการติดตั้งระบบอุปกรณ์ภายในบ้าน อาทิ ติดตั้งแอร์ ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น

บริการดูแลบำรุงรักษาและปรับปรุงที่พักอาศัยระหว่างการอยู่อาศัย (Existing Housing) ได้แก่ บริการงานซ่อมแซมและการปรับปรุง ดูแลและแก้ไขงานที่ชำรุดภายในบ้านให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่ากับราคา และเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับพื้นที่อยู่อาศัย

บริการพลิกโฉมที่พักอาศัย (Old Housing) ได้แก่ บริการปรับปรุงโครงสร้างของอาคาร บ้าน และระบบต่างๆ ที่เสื่อมสภาพให้ทันสมัย พร้อมกับบริการต่อเติมส่วนต่างๆ ของบ้านให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้อยู่อาศัย

บริการ HOME HERO มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นเสมือนเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ เลือกสรรสิ่งที่ดี และมีมาตรฐานแทนผู้อยู่อาศัย โดยการดำเนินการทั้งหมดเราใช้ทีมงานมืออาชีพในทุกขั้นตอน เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมั่นใจได้ว่าบ้านของคุณจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดในทุกช่วงเวลาของการอยู่อาศัย พร้อมมอบความสะดวกสบายง่ายๆ บน SMART WORLD Application ศูนย์รวมบริการ One Stop Service ด้านที่อยู่อาศัย พร้อมเสิร์ฟทุกประสบการณ์อย่างครบวงจร ตอบโจทย์ทุกมิติด้วยการดูแลที่มีมาตรฐานและคุณภาพในระดับสูงสุด

ลูกบ้านที่ได้รับการบริหารจัดการโดย สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเม้นท์ สามารถดาวน์โหลด SMART WORLD Application ได้ที่ https://afsd0.app.link หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. SMART Call Center. 02-079-7777 และ Website: www.smartservice.co.th

เบดร็อค อนาไลติกส์ เปิดบ้านโชว์เทคโนฯขั้นสูง ขับเคลื่อนอนาคตอสังหาฯให้ธอส.

บริษัท เบดร็อค อนาไลติกส์ จำกัด หรือ เบดร็อค อนาไลติกส์ (Bedrock Analytics) ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการข้อมูล ที่ให้บริการแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ และข้อมูลเชิงพื้นที่ (Location Intelligence) ร่วมกับ ไรส์ (RISE) สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กรระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดบ้านต้อนรับคณะผู้บริหารและบุคลากรจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในกิจกรรม Open House ภายใต้โครงการ “GHB IDEALAB by RISE” เพื่อแสดงศักยภาพของเทคโนโลยี Location Intelligence เทคโนโลยี Digital Twin เทคโนโลยีสามมิติ(3D) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน

กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้น ณ บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด บริเวณ We Do Space อาคารวานิช เพลส อารีย์ วันที่ 26 มิถุนายน 2568 โดยภายในงานได้มีการเสวนาภายใต้หัวข้อ “AI in Action: The Future of Real Estate is Here”  สะท้อนบทบาทและ ความเชื่อมโยงของเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในยุคดิจิทัลในหลากหลายมิติ

คุณสมพัสตร์ สุวพิศ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เบดร็อค อนาไลติกส์ จำกัด กล่าวว่า “ในยุคที่ข้อมูลคือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจและการพัฒนาภาคอสังหาริมทรัพย์ เทคโนโลยีจึงไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือ แต่เป็นแกนหลักในการช่วยตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

“เบดร็อค อนาไลติกส์ เชื่อมั่นว่าการเข้าใจและเข้าถึง ‘ข้อมูลเชิงพื้นที่’ (Location Intelligence) คือ กุญแจสำคัญสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เราจึงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมที่ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนกลายเป็นเรื่องง่ายดาย แม่นยำ และสามารถนำไปใช้ได้จริง”

เบดร็อค อนาไลติกส์ ยังได้สาธิตถึงศักยภาพของเทคโนโลยีในการยกระดับการทำงานในภาคอสังหาริมทรัพย์ได้โดยตรง ควบคู่ไปกับการสร้างเมืองอัจฉริยะที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน อาทิ
● การวิเคราะห์สินเชื่อและการประเมินความเสี่ยง (Credit Analysis & Risk Assessment): โดย AI เข้ามามีบทบาทวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เช่น ข้อมูลประชากรศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐาน และราคาที่ดินย้อนหลัง เพื่อประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกันและคาดการณ์ความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs)
●การประเมินศักยภาพโครงการอสังหาริมทรัพย์ (Project Feasibility): สร้างแบบจำลองเสมือนจริง (Digital Twin) ของโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบด้านต่าง ๆ ทั้งการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ การแสดงทิศทางลมและแสงแดด และทัศนียภาพโดยรอบ ช่วยให้ธนาคารประเมินความเป็นไปได้และความคุ้มค่าของโครงการที่ยื่นขอสินเชื่อได้อย่างรอบด้าน
●การวางแผนกลยุทธ์และการขยายตลาด (Strategic Planning & Market Expansion): วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกทางพื้นที่ (Location Intelligence) เพื่อค้นหาพื้นที่ที่มีศักยภาพและความต้องการที่อยู่อาศัยสูงแต่ยังขาดโอกาส ในการเข้าถึงสินเชื่อ (Underserved Area) ช่วยระบุพื้นที่ที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน หรือพื้นที่ที่มี ความต้องการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นพิเศษ เพื่อวางแผนการขยายสาขาหรือหน่วยบริการเคลื่อนที่ได้ อย่างตรงจุด
●การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน (Sustainable Urban Development): เทคโนโลยีของเบดร็อค อนาไลติกส์ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนเพื่อวางแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่สอดคล้องกับผังเมืองและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs)

“เบดร็อค อนาไลติกส์ ตระหนักดีว่าธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้ดำเนินงานในการสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราเองก็มีความปรารถนาที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสานต่อภารกิจอันทรงคุณค่านี้ เพื่อร่วมสนับสนุนให้คนไทยมีบ้านได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”

“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เทคโนโลยีจากเบดร็อค อนาไลติกส์ จะช่วยจุดประกายแนวคิดใหม่ๆ และตอกย้ำให้เห็นว่า เทคโนโลยี Location Intelligence เทคโนโลยี Digital Twin เทคโนโลยีสามมิติ (3D) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่คือเครื่องมือสำคัญที่จะเข้ามาพลิกโฉมวงการอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาเมืองให้ก้าวสู่ยุคใหม่อย่างยั่งยืน” คุณสมพัสตร์ กล่าว
 

โค้งสุดท้ายโปรฯงาน Welfare Marketing Beyond 2025 ลูกค้าสนใจจองสิทธิ์ผ่าน Line GHB Buddy ถึง 14 มิ.ย. 68

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ย้ำความสำเร็จงาน “มหกรรมทางการเงินออนไลน์ : Welfare Marketing Beyond 2025” สะท้อนประสิทธิภาพการให้บริการด้านออนไลน์ของธนาคาร หลังได้รับกระแสตอบรับมีผู้สนใจเข้าร่วมงานผ่าน Live Streaming ช่องทาง Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และจองสิทธิ์โปรโมชันพิเศษเป็นจำนวนมาก ทั้งสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยพิเศษ อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 เดือนแรก 1.50% ต่อปี, สินเชื่อซ่อม - แต่ง ดอกเบี้ยเริ่มต้น 1% ต่อปี และเงินฝากดอกเบี้ยสูง 1.75% ต่อปี สามารถจองสิทธิ์โปรโมชันงาน Welfare Marketing Beyond 2025 วันที่ 14 มิถุนายน 2568 ผ่าน Line GHB Buddy 

วันที่ 13 มิถุนายน 2568 นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากกลยุทธ์ในการส่งเสริมให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้สะดวกมากขึ้น ธอส. จึงจัดงาน “มหกรรมทางการเงินออนไลน์ : Welfare Marketing Beyond 2025” ในรูปแบบ Live Streaming ผ่านช่องทาง Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา โดยการจัดงานเพียง 1 ชั่วโมง ได้รับกระแสตอบรับ มีผู้สนใจเข้าชมกว่า 6 ,400 ราย และมียอดจองสิทธิ์โปรโมชันพิเศษภายในงานเป็นจำนวนมาก สะท้อนประสิทธิภาพการให้บริการด้านออนไลน์ของธนาคาร โดยลูกค้าที่สนใจสามารถจองสิทธิ์โปรโมชันพิเศษงานมหกรรมทางการเงินออนไลน์ :  Welfare Marketing Beyond 2025 ได้ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ประกอบด้วย

(1) สินเชื่อบ้าน Welfare Marketing Beyond 2025 : ครอบคลุมทุกวัตถุประสงค์การกู้ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ คงที่ 5 เดือนแรกเพียง 1.50% ต่อปี สำหรับลูกค้าที่มีความประสงค์ที่จะทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA / MLTA) และทำนิติกรรมภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 พิเศษ ! สำหรับลูกค้าที่มีวงเงินนิติกรรมสูงสุด 7 ลำดับแรก 
รับฟรี!! พัดลมทาวเวอร์ 1 รางวัลต่อ 1 ท่าน

(2) สินเชื่อซ่อม – แต่ง และสินเชื่อซ่อม – แต่ง Plus : สำหรับลูกค้าปัจจุบันของธนาคารที่ต้องการเพิ่มเพื่อปรับปรุง ต่อเติม หรือซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย อาทิ รีโนเวทบ้านใหม่ เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ หรือติดตั้ง Solar Roof ให้กู้เพิ่มรวมวงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาทต่อราย โดยวงเงิน 100,000 บาทแรก อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 - 3 เท่ากับ 1% ต่อปี และวงเงิน 200,000 บาทถัดมา อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกคงที่ 1.99% ต่อปี และปีที่ 4 - 5 เท่ากับ 3.50% ต่อปี ยื่นกู้ง่ายๆ โดยไม่ต้องจดทะเบียนการจำนองเพิ่มที่สำนักงานที่ดิน พิเศษ! สำหรับผู้จองสิทธิ์ วงเงินทำนิติกรรม 300,000 บาท และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 รับฟรี!! กระเป๋าลดโลกร้อน 1 ท่าน ต่อ 1 ใบ

(3) เงินฝากออมทรัพย์ GHB Welfare Savings :  อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.75% ต่อปี พร้อมรับดอกเบี้ยรายเดือน เปิดบัญชีเงินฝากได้ถึง 30 มิถุนายน 2568  และฝากเงินตั้งแต่ 100,000 บาท แต่ไม่ถึง 500,000 บาท ต่อรายการ รับฟรีกระบอกน้ำ ธอส. 1 ท่าน ต่อ 1 ใบ และฝากเงินตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป ต่อรายการ รับฟรี ร่มพับ 3 ตอน 
1 ท่าน ต่อ 1 คัน


 
ผู้ที่สนใจโปรโมชันพิเศษงานมหกรรมทางการเงินออนไลน์ :  Welfare Marketing Beyond 2025 สามารถจองสิทธิ์ได้ผ่าน Line GHB Buddy สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ G H Bank Call Center  โทร. 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ  www.ghbank.co.th

ธอส.จัดสินเชื่อบ้าน ดบ.เริ่มต้น 1.50% ต่อปี ผ่อนชำระเดือนละ 3,400 บาท งานวันสถาปนา ก.คลัง 1-3 พ.ค.68 ศูนย์ประชุมสิริกิติ์

ธอส. จัดสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.50% ต่อปี ผ่อนชำระเพียงเดือนละ 3,400 บาท ร่วมงานวันสถาปนากระทรวงการคลัง ครบรอบ 150 ปี วันที่ 1 – 3 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดทำโปรโมชันสินเชื่อร่วมงานวันสถาปนากระทรวงการคลัง ครบรอบ 150 ปี 
อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อสนับสนุนคนไทยให้มีบ้านเป็นของตนเองเพิ่มขึ้น โดยให้กู้ทุกวัตถุประสงค์การกู้ (กู้ใหม่ และกู้เพิ่ม) ที่มีความประสงค์ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA/MLTA) รับอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษคงที่นาน 5 เดือนแรกเพียง 1.50% ต่อปี, เดือนที่ 6 - 24 เท่ากับ 2.65% ต่อปี, ปีที่ 3 เท่ากับ 3.75% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก เท่ากับ 2.85%, ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี, กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี และชำระหนี้ ฯ/ซื้ออุปกรณ์ เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบันเท่ากับ 6.545% ต่อปี) ระยะเวลาการกู้นานสูงสุด 40 ปี กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเงินงวดเริ่มต้นเพียงเดือนละ 3,400 บาทเท่านั้น

ผู้ที่สนใจสามารถจองสิทธิ์ภายในงาน และยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 อนุมัติและทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 กันยายน 2568 พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่มีวงเงินนิติกรรมสูงสุด 5 อันดับแรก รับฟรี เครื่องฟอกอากาศ อันดับละ 1 เครื่อง (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) 

สำหรับงานวันสถาปนากระทรวงการคลัง ครบรอบ 150 ปี มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 3 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th

"ลลิล พร็อพเพอร์ตี้" ประกาศแผนธุรกิจปี 67 เปิดโครงการใหม่ 8-12 โครงการ ตั้งเป้ายอดขาย 6,550 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ 5,250 ล้านบาท

ลลิลฯ ประกาศแผนธุรกิจปี 2567  เดินหน้าขยายธุรกิจ สู่การเป็น National Property Company มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน  โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องอีก 8 – 12 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7,000 – 8,000 ล้านบาท  เพื่อทดแทนโครงการเดิมที่ใกล้จบ ตลอดจนขยายไปยังทำเลที่มีศักยภาพใหม่ๆ   พร้อมตั้งเป้ายอดขายและยอดรับรู้รายได้เติบโตจากปีก่อนหน้า  โดยตั้งยอดขายที่ 6,550 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 5,250 ล้านบาท  งบการจัดซื้อที่ดิน 1,500 ล้านบาท

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) (Mr.Chaiyan Chakarakul, Chairman of Executive Board, Lalin Property Plc.) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากว่า 30 ปี กล่าวถึงภาพรวมของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ที่ผ่านมาว่า โลกยังคงต้องเผชิญความเสี่ยงที่ต่อเนื่องมาจากปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์  ประเด็นขัดแย้งที่ก่อเกิดขึ้นเป็นระยะในหลายภูมิภาค   การพยายามควบคุมเงินเฟ้อ โดยการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ยุโรป  โดยเฉพาะเฟดมีการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องจนมาอยู่ที่ระดับ 5.25% - 5.50% ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบกว่า 20 ปี  ส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงต่อเนื่องจากปี 2565

โดยในส่วนของเศรษฐกิจไทย ซึ่งเศรษฐกิจมีการพึ่งพิงต่างประเทศอย่างมาก ทั้งจากการส่งออก การท่องเที่ยว รวมถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)  ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ ยุโรป ตลอดจนประเทศจีน ส่งผลให้การส่งออกของไทยทั้งปีน่าจะหดตัวที่ราว 1.5% ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว แม้จะสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องจากปี 2565 แต่ก็เป็นการขยายตัวได้ต่ำกว่าเป้าหมาย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ยังไม่กลับมา ในส่วนของการบริโภคและการลงทุนภาครัฐ ก็หดตัวลงจากจัดตั้งรัฐบาล และการจัดทำงบประมาณที่ล่าช้า ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ขยายตัวได้ต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้มาก

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2567 นี้ คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ราว 2.5-3.5% อย่างไรก็ตามยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนสูง ทั้งปัจจัยจากต่างประเทศและในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในหลายประเทศสำคัญทั่วโลก มาตรการกระตุ้นและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ขณะที่ภายในประเทศ ภาระหนี้สาธารณะ และภาระหนี้ครัวเรือนที่ค่อนข้างสูงยังคงเป็นความท้าทายสำหรับในปี 2567 อย่างไรก็ดีมองว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 ยังคงมีปัจจัยบวก  ไม่ว่าจะเป็นการที่อัตราดอกเบี้ยเริ่มนิ่ง และมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงได้ในช่วงครึ่งหลังของปีจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย การต่ออายุมาตรการภาครัฐ ลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าธรรมเนียมจำนอง สำหรับที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ไปถึงสิ้นปี 2567 การส่งออก และการท่องเที่ยวที่ น่าจะดีขึ้น รวมถึงการเข้ามาลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น  จะช่วยให้เกิดการจ้างงาน และเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ยังคงเชื่อมั่นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะตลาด Real Demand ยังคงไปได้ โดยบริษัทจะเน้นการดำเนินธุรกิจ และการขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน  ในตลาดที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ และเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยในปี 2567 นี้บริษัทวางงบในการซื้อที่ดินไว้ที่ 1,500 ล้านบาท  โดยมีแผนเปิดโครงการเพิ่มเติมที่ 8 – 12 โครงการ มูลค่ารวม 7,000 – 8,000 ล้านบาท  และตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 6,550 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 5,250 ล้านบาท  

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) (Mr. Churat Chakarakul, Managing Director, Lalin Plc.) กล่าวว่า ในปีนี้ ลลิลฯ ยังคงเน้นย้ำแนวคิดในการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการดำเนินธุรกิจตามหลักบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG) นอกจากนี้ยังคำนึงถึงปัจจัยการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงานไฟฟ้าและน้ำ การลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการให้ลูกค้าได้รับคุณภาพวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ และสังคมที่ดี ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของทางบริษัท    

สำหรับแผนการตลาดในปี 2567 ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าโดยยึดหลัก Customer Centric ผ่านกลยุทธ์ทั้ง Lifestyle Marketing และ Experience Marketing เสริมประสิทธิภาพด้วยการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ โดยการทำ Brand collaboration เพื่อเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ อีกทั้งสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกกลุ่มเป้าหมายด้วย นอกจากนี้ ยังเน้นการทำการตลาดผ่านช่องทาง Digital ในช่องทางใหม่ให้หลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ทั้งยังส่งเสริมให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นด้วย การนำ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์หา Customer Insights ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งสู่การเป็นองค์กรพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่บริหารงานภายใต้แนวคิด Agile Principles โดยใช้กลยุทธ์ด้านดิจิทัลเป็นเครื่องมือสำคัญในการเปลี่ยนแปลง (Digital transformation) นอกจากนี้ บริษัทฯให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มที่เป็น Real Demand โดยให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งในส่วนของ Design Innovation และ Smart & Flexible Function ของตัวบ้าน และยังคงนำรูปแบบความงดงามของสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสที่เรียบหรู มาออกแบบบ้านสไตล์ฝรั่งเศสแบบ French Colonial Style ซึ่งเป็นจุดเด่นสำคัญของบริษัทฯที่เป็นรายแรกในการนำมาพัฒนาออกแบบบ้านในสไตล์ดังกล่าว บนทำเลศักยภาพ ในราคาที่คุ้มค่า และจับต้องได้ เพื่อให้สินค้าและบริการสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อยู่เสมอ

ทั้งนี้ในส่วนของสถานะทางการเงิน บริษัทดำรงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) เพียง 0.76 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 1.45 เท่าค่อนข้างมาก โดยบริษัทมีการใช้แหล่งเงินทุนที่หลากหลาย และการบริหารความเสี่ยงทางการเงินอย่างรัดกุมมาโดยตลอด จึงได้รับความเชื่อมั่นจากสถาบันการเงิน ทั้งธนาคารพาณิชย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆ จึงไม่ประสบปัญหาในเรื่องของแหล่งเงินทุน โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการออกขายหุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.80%  ซึ่งได้รับการตอบรับจากสถาบันเข้าลงทุนเต็มจำนวนที่ 500 ล้านบาท

รีบเลย! “ธอส.” จัดโปรส่งท้ายปีดอกเบี้ย 0% คนอยากมีบ้าน ยื่นกู้-ทำนิติกรรมภายใน 29 ธ.ค 66

“คารม” เผย ธอส. จัดโปรส่งท้ายปี ดอกเบี้ย 0% 3 เดือนแรก ผ่อนเริ่มต้น 3,300 บาท ยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายใน 29 ธ.ค 66

วันนี้ (11 พ.ย 2566) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐที่มีพันธกิจทำให้คนไทยมีบ้าน เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและครอบครัวได้ง่ายขึ้น เตรียมกรอบวงเงิน 45,000 ล้านบาท จัดทำ 3 ผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้าน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก ส่งท้ายปี 2566 โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. สินเชื่อบ้าน Happy ;D กรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อซื้อบ้าน และห้องชุด (คอนโดมิเนียม) จากโครงการจัดสรรที่เข้าร่วมโครงการกับธนาคาร อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1-3 เท่ากับ 0% ต่อปี เดือนที่ 4-12 เท่ากับ 2.50% ต่อปี ปีที่ 2 เท่ากับ 2.98% ต่อปี ปีที่ 3 เท่ากับ 3.55% ต่อปี เฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก เท่ากับ 2.80% ต่อปี กรณีกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 40 ปี ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียงเดือนละ 3,300 บาท

2. สินเชื่อ Mild Home กรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม และไถ่ถอนจากสถาบันการเงินอื่น (รีไฟแนนซ์) อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1-3 เท่ากับ 0.70% ต่อปี เดือนที่ 4-24 เท่ากับ 2.98% ต่อปี ปีที่ 3 เท่ากับ 3.55% ต่อปี เฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก เท่ากับ 2.98% ต่อปี กรณีกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 40 ปี ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียงเดือนละ 3,600 บาท ระยะเวลานานถึง 2 ปี

3. สินเชื่อบ้าน Happy Welfare กรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ทำงานในหน่วยงานที่มีสวัสดิการกับธนาคารและต้องการกู้เพื่อซื้อบ้าน ห้องชุด (คอนโดมิเนียม) ไถ่ถอนจากสถาบันการเงินอื่น (รีไฟแนนซ์) หรือชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยพร้อมกับรีไฟแนนซ์ อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1-6 เท่ากับ 0.70% ต่อปี เดือนที่ 7-12 เท่ากับ 2.75% ต่อปี ปีที่ 2 เท่ากับ 2.98% ต่อปี และปีที่ 3 เท่ากับ 3.55% ต่อปี เฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก เท่ากับ 2.75%  ต่อปี กรณีกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 40 ปี ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,500 บาทต่อเดือน

 ”ในภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ธอส. พร้อมช่วยเหลือให้ลูกค้าประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองง่ายขึ้น ผ่านการจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ อัตราดอกเบี้ยคงที่นานถึง 3 ปี เพื่อให้ลูกค้ามีภาระในการผ่อนชำระต่อเดือนอยู่ในระดับต่ำ และมีเงินเหลือเพียงพอต่อการดำรงชีพในแต่ละเดือน ซึ่งจะส่งผลทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ส่งผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจตามไปด้วย สำหรับผู้ที่สนใจสามารถยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 29 ธันวาคม 2566 ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ“นายคารม กล่าว

RICHY อัดโปรแรง “ฟรีซราคา ฟรีซไม่ต้องผ่อน” บ้าน-คอนโดพร้อมอยู่ ต้อนรับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง

บมจ.ริชี่ เพลซ 2002 (RICHY) ส่งโปรแรงรับหน้าฝน “ฟรีซราคา ฟรีซไม่ต้องผ่อน” ทั้งบ้านและคอนโดพร้อมอยู่ กู้ง่ายได้เต็ม 100 พร้อมรับส่วนลดราคาพิเศษ แถมผ่อนให้สูงสุด 24 เดือน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลงทะเบียนรับสิทธิ์พิเศษอีกมากมายได้แล้ววันนี้

นางสาวพิชญา ตันโสด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน)(RICHY) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดแคมเปญใหญ่ต้อนรับเดือนกรกฎาคม 2566 “ฟรีซราคา ฟรีซไม่ต้องผ่อน” ทั้งบ้านและคอนโดพร้อมอยู่ กู้ง่ายได้เต็ม 100* แถมผ่อนให้สูงสุด 24 เดือน* สำหรับโครงการ RICHTON สวนหลวง-พัฒนาการ อยู่ฟรี 2 ปี พร้อมรับส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท ไม่ต้องผ่อนเลย 1 ปี เริ่มผ่อนล้านละ 6,000 บาท*(เริ่ม 3.99 ล้านบาท) และโครงการ The Rich พระราม 9-ศรีนครินทร์ ติดสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ใกล้ Airport link หัวหมาก รับฟรีค่าโอนฯ และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดย Loft 1 bed 1 ขนาด 25.27-28.33 ตร.ม. เริ่มต้น 3.99 ล้านบาท และ Loft 2 bed ขนาด 29.43 - 45.04 ตร.ม. เริ่มต้น 5.6 ล้านบาท

สำหรับโครงการ RICHTON สวนหลวง – พัฒนาการ ทาวน์โฮมโครงการใหม่สไตล์อังกฤษติดถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตัดพัฒนาการเส้นหลักที่มุ่งหน้าเข้าตัวเมือง ใกล้สถานี สวนหลวง ร.9 รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท

ส่วนโครงการ The Rich พระราม 9 – ศรีนครินทร์ คอนโดมิเนียม 2 สไตล์มีให้เลือกทั้งแบบ Loft และ Mono 1-2 ห้องนอน สูง 32 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนศรีนครินทร์ ใกล้รถไฟฟ้า 3 สายและทางด่วน เชื่อมต่อใจกลางเมืองสะดวกทุกเส้นทาง พร้อม Community Mall ภายในโครงการที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ท่านที่สนใจสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.richy.co.th ทั้งนี้เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด