บี.กริม เพาเวอร์ แต่งตั้งประธานกรรมการ - ผู้บริหารระดับสูง มีผล 17 ก.ย.68 ขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน 

บี.กริม เพาเวอร์ แต่งตั้ง “ดร. ฮาราลด์ ลิงค์” เป็นประธานกรรมการ พร้อมแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 3 ท่านเป็นผู้บริหารสูงสุดแทน ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ มีผลตั้งแต่ 17 กันยายน 2568 พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจ เติบโตอย่างยั่งยืน ก้าวสู่องค์กรชั้นนำระดับโลก

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 13/2568 เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 ได้มีมติสำคัญ โดยรับทราบการลาออกของนายปกรณ์ ทวีสิน กรรมการซึ่งดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เนื่องจากเกษียณอายุ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2568 เป็นต้นไป ทั้งนี้คณะกรรมการจะสรรหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อแต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทแทนกรรมการที่ลาออก โดยจะแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทราบในลำดับถัดไป

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการบริษัท ได้มีมติแต่งตั้ง ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ให้ดำรงตำแหน่ง “ประธานกรรมการ”  โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2568 เป็นต้นไป เพื่อนำทัพธุรกิจในภาพรวมองค์กร ซึ่งมีการเติบโตและขยายตัวต่อเนื่องในหลากหลายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตอกย้ำความเชื่อมั่นแก่พันธมิตรและนักลงทุน พร้อมกันนี้ยังได้แต่งตั้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 3 ท่าน เป็นผู้บริหารสูงสุดแทน ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ได้แก่ นายพีรเดช พัฒนจันทร์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  ธุรกิจพัฒนาพลังงานหมุนเวียน, นายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  ธุรกิจในประเทศไทย มาเลเซีย และโซลูชั่นธุรกิจอุตสาหกรรม และนางสาวศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  งานการเงินและบัญชี ซึ่งปัจจุบันยังคงดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน  โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2568 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทั้ง 3 ท่าน ถือเป็นกำลังทัพสำคัญของ บี.กริม เพาเวอร์ ในการขับเคลื่อนแต่ละกลุ่มธุรกิจ ตอกย้ำความเชื่อมั่นด้วยรางวัลและเกียรติประวัติมากมาย ดังนี้

นายพีรเดช พัฒนจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจพัฒนาพลังงานหมุนเวียน
การศึกษา: ปริญญาโทนิติศาสตร์มหาบัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้เข้าร่วมอบรมหลักสูตรผู้บริหารและวิชาชีพระดับนานาชาติจากสถาบันชั้นนำในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา
ประสบการณ์: เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านกฎหมายและการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน โดยมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจพลังงานทดแทนของบี.กริม เพาเวอร์ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการบุกเบิกโครงการพลังงานหมุนเวียนโดยภาคเอกชนของไทยในสาธารณรัฐเกาหลีที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับศักยภาพขององค์กรสู่เวทีโลก และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์   โดยที่ผ่านมา ได้ริเริ่มและนำทีมพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญ ได้แก่ (1) Phu Yen TTP Joint Stock Company – 257 MWp Solar PV project ที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ Best Power Plant Project Developer – Solar ประจำปี 2019 (2562) จาก International Finance ในสาขา Utility / Energy และ (2) Ray Power Supply Co., Ltd. - 39 MWp Solar PV project ที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ Best New Solar PV Project, Cambodia ประจำปี 2021 (2564) ในสาขา Utility / Energy โดยนิตยสาร International Finance เพื่อให้รางวัลแก่บริษัทที่ริเริ่มดำเนินงานด้วยความเชี่ยวชาญและล้ำสมัย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม

นายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจในประเทศไทย มาเลเซีย และโซลูชั่นธุรกิจอุตสาหกรรม 
การศึกษา : ปริญญาตรีและปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์จาก University of Maryland และ University of Texas, สหรัฐอเมริกา 
ประสบการณ์ : มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารธุรกิจพลังงานและการเงินในองค์กรขนาดใหญ่ ที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปีในธุรกิจพลังงาน การเงิน และอุตสาหกรรม เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในสถาบันการเงินและองค์กรพลังงานชั้นนำ มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดการความเสี่ยง การวางกลยุทธ์ทางการเงิน และการพัฒนาโซลูชันธุรกิจอุตสาหกรรม เพื่อเสริมศักยภาพและการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร โดยได้รับรางวัลต่างๆ อาทิ เช่น Best CFO จาก International Finance, Finance Asia Magazine, Asian Excellence Awards และ Best COO จาก Finance Asia Asia’s Best Companies 2025

นางสาวศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร งานการเงินและบัญชี และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (Chief Financial Officer)
การศึกษา : สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านการเงินและการบัญชีจาก University of Illinois at Urbana-Champaign สหรัฐอเมริกา 
ประสบการณ์ : มีบทบาทสำคัญในการบริหารการเงินและบัญชีขององค์กร ผลักดันการระดมทุนและโครงการด้านการเงินที่สำคัญ จนได้รับการยอมรับด้วยรางวัลผู้บริหารการเงินยอดเยี่ยมทั้งในประเทศไทยและระดับเอเชีย โดยได้รับรางวัลต่างๆ อาทิ เช่น Best CFO จาก Finance Asia Asia’s Best Companies 2025 และ Asia’s Best CFO จาก Asian Excellence Award 2025 โดย Corporate Governance Asia 

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า การแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหารดังกล่าว เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยเป้าหมายในอนาคต บริษัทตั้งเป้าขยายการลงทุนสู่กำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์จากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้ว และอยู่ระหว่างการพัฒนาภายในปี 2573 โดยมากกว่า 50% เป็นสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน ซึ่งมีเป้าหมายก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Carbon Emissions ภายในปี 2593 หรือ คศ. 2050 ด้วยแนวทางในการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี พร้อมเดินหน้าเติบโตสู่องค์กรชั้นนำระดับโลก 

บี.กริม เพาเวอร์ หนุน Sawasdee Seoul Thai Festival 2025 ผลักดัน Soft Power ไทยสู่สากล

บี.กริม เพาเวอร์ ผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก เผยความสำเร็จในการร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักของ “Sawasdee Seoul Thai Festival 2025” เทศกาลไทยที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในกรุงโซล เกาหลีใต้ โดยนำวัฒนธรรมและ Soft Power ไทยไปสร้างความประทับใจให้ชาวเกาหลีได้สัมผัสความเป็นไทยอย่างใกล้ชิด ทั้งด้านอาหาร งานคราฟต์ การท่องเที่ยว สุขภาพ และนวัตกรรม พร้อมโชว์ศักยภาพของบริษัทฯ ในฐานะเป็นหนึ่งในเอกชนไทยที่ลงทุนด้านพลังงานสะอาดในเกาหลีใต้

งาน “Sawasdee Seoul Thai Festival 2025” จัดขึ้นโดยสถานเอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงโซล ภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งจากประเทศไทยและเกาหลีใต้ ณ Cheonggyecheon Plaza ใจกลางกรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันที่ 6-7 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา โดยงานครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 10 ในธีม “Discover Thailand” ซึ่งนับได้ว่าเป็นงาน Sawasdee Seoul Thai Festival ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดมา ด้วยจำนวนบูธมากกว่า 80 บูธ ครอบคลุมทั้งบูธอาหารไทย งานคราฟต์ การท่องเที่ยว สุขภาพ และนวัตกรรม อีกทั้งยังมีเวทีแสดงนาฏศิลป์ไทย, การสาธิตมวยไทยโดยนักมวยชื่อดัง “บัวขาว บัญชาเมฆ” และไฮไลต์ ขบวนพาเหรดชุมชนไทยในเกาหลีที่ยาวกว่า 593 เมตร โดยตลอดสองวันของการจัดงานมีชาวเกาหลีและชาวต่างชาติให้ความสนใจเข้าร่วมงานหลายพันคน

นายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล กล่าวว่า Sawasdee Seoul Thai Festival 2025” เป็นเวทีอันทรงพลังที่ไม่เพียงแสดงถึงเสน่ห์ทางวัฒนธรรม ศิลปะ อาหาร และวิถีชีวิตของไทย แต่ยังตอกย้ำถึงพลังแห่งนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ที่กำลังขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางของ Global Soft Power ซึ่งความสำเร็จของงานในครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของไทยในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่มีคุณค่าและเข้าถึงใจผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกาหลีใต้ ที่มีความใกล้ชิดทางด้านวัฒนธรรมและมิตรภาพที่เหนียวแน่นกับประเทศไทยมาโดยตลอด

ด้าน นายดุสิต มนพันธุ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า หัวใจของความสัมพันธ์ไทย–เกาหลี คือมิตรภาพที่จริงใจและอบอุ่นระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ ซึ่งงาน Sawasdee Seoul Thai Festival 2025 ทำให้เห็นถึงพลังของศิลปะวัฒนธรรมที่เป็นสะพานเชื่อมโยงความเข้าใจและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันของประชาชนไทย-เกาหลีได้เป็นอย่างดี ซึ่งผมในฐานะตัวแทนของกระทรวงการต่างประเทศเชื่อว่า งานนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยยกระดับความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศให้ยั่งยืนยิ่งขึ้นในอนาคต

ภายในงาน บี.กริม เพาเวอร์ ได้ร่วมออกบูธนำเสนอรสชาติของอาหารไทยผ่านเมนูยอดนิยมอย่าง ส้มตำและคอหมูย่าง อีกทั้งยังจัดแสดงนิทรรศการถ่ายทอดเรื่องราวการลงทุนด้านพลังงานสะอาด รวมถึงกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทฯ เช่น การอนุรักษ์เสือ, การสนับสนุนดนตรีคลาสสิก และกีฬาขี่ม้า ให้ชาวเกาหลีได้ชม โดยได้รับเกียรติจาก นายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล เข้าเยี่ยมชมบูธพร้อมรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนและกิจกรรมเพื่อสังคมด้วย

ทั้งนี้ นายไพทูร ไพศาลสุขวิทยา Head of Project Development and Construction ตัวแทนผู้เข้าร่วมงาน “Sawasdee Seoul Thai Festival 2025” จาก บี.กริม เพาเวอร์ เผยว่า ที่ผ่านมา บี.กริม เพาเวอร์ มีความสนใจในตลาดพลังงานเกาหลี โดยได้ลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนในเกาหลีใต้ ภายใต้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yeonggwang Nakwol และ Yeonggwang Hanbit รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 740MW ซึ่งทำสัญญาเชื่อมต่อระบบไฟฟ้ากับ KEPCO เป็นที่เรียบร้อยแล้ว การได้สนับสนุนและมีส่วนร่วมในงาน Sawasdee Seoul Thai Festival 2025 จึงไม่เพียงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ บี.กริม เพาเวอร์ ในการขับเคลื่อนธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนในเกาหลีใต้ ยังเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงความตั้งใจของเราที่จะเป็นสะพานเชื่อมโยงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทยและเกาหลี ผ่านการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ โดย บี.กริม เพาเวอร์ เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในมิติต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกันของทั้งสองประเทศต่อไป

บี.กริม เพาเวอร์ ปิดดีลซื้อกิจการ “Apulia Green Energy” รุกคืบธุรกิจกักเก็บพลังงานในอิตาลี 

บี.กริม เพาเวอร์ ปิดดีลซื้อกิจการ “Apulia Green Energy” รุกคืบธุรกิจกักเก็บพลังงานในอิตาลี 

รายงานจาก บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 ว่า RES Company Sicilia S.r.l. บริษัทย่อยของ บี.กริม เพาเวอร์ ได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดใน Apulia Green Energy 01 S.r.l. ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของสาธารณรัฐอิตาลี จากบริษัท LT Service S.r.l. ซึ่งไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน ในมูลค่ารวมทั้งสิ้น 10,000 ยูโร เพื่อรุกธุรกิจระบบกักเก็บพลังด้วยแบตเตอรี่ในอิตาลี 

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า Apulia Green Energy 01 S.r.l. มีโครงการระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System หรือ BESS) ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา กำลังการผลิตรวม 218 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐอิตาลี  นอกจากนี้ RES Company Sicilia S.r.l. ยังได้ร่วมกับ LT Service S.r.l. จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ชื่อ Cerignola BESS S.r.l ในสาธารณรัฐอิตาลี เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ซึ่งมีกำลังการผลิต 378 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐอิตาลี โดยถือหุ้นร่วมกันในสัดส่วน 51% และ 49% ตามลำดับ ด้วยทุนจดทะเบียนจำนวน 10,000 ยูโร 

ทั้งนี้ ความคิดริเริ่มของ บี.กริม เพาเวอร์ ในด้านการกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นเพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอพลังงานหมุนเวียนและเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน โดยการเข้าซื้อหุ้น 100% ของ Apulia Green Energy 01 S.r.l.และการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ในสาธารณรัฐอิตาลี จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการกักเก็บพลังงานทั้งหมดของ บี.กริม เพาเวอร์ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 600 เมกะวัตต์ 

โดยความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าในแวดวงพลังงานหมุนเวียนของประเทศไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมสนับสนุนการใช้พลังงานที่มีเสถียรภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ “GreenLeap – Global and Green” และวิสัยทัศน์ “สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี” (Empowering the World Compassionately) ของ บี.กริม เพาเวอร์ ที่มุ่งเพิ่มฐานลูกค้าและพันธมิตรในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เพื่อมุ่งสู่ตลาดพลังงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ก้าวสู่เป้าหมายในการเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้มากกว่า 50% ในปี 2573 เพื่อก้าวสู่เป้าหมายองค์กรที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Net-Zero Carbon Emissions ภายในปี ค.ศ. 2050 (ปี พ.ศ.2593)
 

บี.กริม เพาเวอร์ คว้า 5 รางวัลความเป็นเลิศระดับเอเชีย  จากเวที “Asian Excellence Award 2025”  ตอกย้ำองค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และมีธรรมาภิบาล

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM รับรางวัลความเป็นเลิศระดับเอเชีย ประจำปี 2568 ในงานประกาศรางวัล 15th Asian Excellence Award 2025 จัดโดย Corporate Governance Asia นิตยสารด้านการเงินชั้นนำของฮ่องกงและเอเชีย ตอกย้ำองค์กรที่มีการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล และมีความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม สร้างประโยชน์และความยั่งยืนให้แก่สังคม โดยมี นางสาวศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร งานการเงินและบัญชี บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนรับรางวัล ณ โรงแรม JW Marriott Hong Kong เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 รับรางวัลความเป็นเลิศระดับเอเชีย 5 รางวัลในงานประกาศรางวัล

สำหรับรางวัลที่ได้รับจำนวน 5 รางวัล ประกอบด้วยรางวัลประเภทบุคคล 3 รางวัล ได้แก่ รางวัลซีอีโอยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย (Asia’s Best CEO) ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน), รางวัลซีเอฟโอยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย (Asia’s Best CFO) นางสาวศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร งานการเงินและบัญชี และรางวัลนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย (Best Investor Relations Officer) นางสาวณัฐชนน ชวินสิทธางกูร ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ และรางวัลประเภทองค์กร 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลความยั่งยืนแห่งเอเชีย (Sustainable Asia Award) และ รางวัลบริษัทนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยม (Best Investor Relations Company)

โดยการมอบรางวัลความเป็นเลิศแห่งเอเชีย ประจำปี 2568 (15th Asian Excellence Award) มีการพิจารณารางวัลจากข้อมูลองค์กรร่วมกับผลสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุน นักวิเคราะห์ และผู้ทรงคุณวุฒิ ทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยมอบให้กับองค์กรที่มีธรรมาภิบาล มีแนวทางการดำเนินงานสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน มีการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส และมีการดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนอย่างดีเยี่ยม ในส่วนของรางวัลประเภทบุคคลนั้น เป็นการพิจารณามอบให้แก่ผู้นำองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ มีความสามารถด้านการบริหารจัดการด้านการเงิน และมีความสามารถในการสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนดีเยี่ยมในระดับสากล
 

บี.กริม เพาเวอร์ จับมือ Druk Green Power Corporation ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาโครงการพลังน้ำ-แสงอาทิตย์ในภูฏาน

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท Druk Green Power Corporation (DGPC) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการพลังน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์ราชอาณาจักรภูฏาน พิธีลงนามจัดขึ้นที่กรุงทิมพู โดยมี ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีเชอริง โทแบย์ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติของภูฏาน กงสุลใหญ่ไทยประจำภูฏาน ผู้บริหารระดับสูงจากบี.กริม เพาเวอร์ และตัวแทนจากรัฐบาลภูฏานร่วมเป็นสักขีพยาน ข้อตกลงฉบับนี้นับเป็นการลงทุนครั้งแรกของไทยในภาคพลังงานของภูฏาน และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาค ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีระหว่างประเทศไทยและภูฏาน

ตามบันทึกข้อตกลงนี้ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันสำรวจและพัฒนาโครงการพลังน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้รับการคัดเลือก โดยจะดำเนินการผ่านบริษัทร่วมทุนพิเศษ (SPV) ที่จัดตั้งขึ้นในภูฏาน ความร่วมมือครั้งนี้จะผสานประสบการณ์ของ DGPC ในระบบพลังงานของภูฏานเข้ากับความเชี่ยวชาญทางเทคนิคและศักยภาพการลงทุนของบี.กริม เพาเวอร์ ในด้านพลังงานสะอาดทั่วภูมิภาคเอเชีย

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ กล่าวถึงโอกาสสำคัญครั้งนี้ว่า “ข้อตกลงฉบับนี้ไม่เพียงแต่เป็นก้าวสำคัญของการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนระดับนานาชาติของบี.กริม เพาเวอร์ แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงความสัมพันธ์อันมีความหมายกับราชอาณาจักรภูฏาน ซึ่งยึดมั่นในคุณค่าของความยั่งยืนและความสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาของบี.กริม “การดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี (Doing Business with Compassion)” พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมขับเคลื่อนเป้าหมายพลังงานสีเขียวของภูฏาน และร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับภูมิภาคนี้”

ด้าน Dasho Chhewang Rinzin กรรมการผู้จัดการของ DGPC กล่าวว่า “เรายินดีต้อนรับบี.กริม เพาเวอร์ ในฐานะพันธมิตรผู้ร่วมภารกิจในการพัฒนาศักยภาพพลังงานหมุนเวียนอันมั่งคั่งของภูฏาน ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมการลงทุนด้านพลังงานสะอาด และการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ”

โครงการที่ได้รับการคัดเลือกจะเข้าสู่กระบวนการประเมินด้านเทคนิคและการเงินอย่างรอบคอบ พร้อมดำเนินการตามขั้นตอนอนุมัติและกฎระเบียบของภาครัฐอย่างครบถ้วนโดยทั้งสองฝ่าย ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนถึงพันธกิจของบี.กริม เพาเวอร์ ในการขยายพอร์ตโฟลิโอพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชีย เพื่อสนับสนุนความมั่นคงด้านพลังงาน การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว

บี.กริม เพาเวอร์ ปิดขายหุ้นกู้ มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท ยอดจองซื้อกว่า 2 เท่า พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตยั่งยืน

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเอกชนชั้นนำของประเทศไทยซึ่งมุ่งเน้นการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ เสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2568 จำนวนเสนอขายรวมทั้งสิ้น 7,000 ล้านบาท 

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า BGRIM ขอขอบคุณผู้ลงทุนที่ให้การตอบรับลงทุน ทำให้สามารถระดมทุนได้ถึง 7,000 ล้านบาทซึ่งสูงกว่าขนาดเป้าหมายการออกเบื้องต้น โดยหุ้นกู้ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนทุกประเภท ทั้งนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายใหญ่ โดยมียอดจองซื้อหุ้นกู้สูงกว่าวงเงินเสนอขายกว่า 2 เท่า ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการชำระคืนหนี้สถาบันการเงินของบริษัท

โดยการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ “A-” แนวโน้ม “คงที่” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 และมีการเสนอขายจำนวน 4 รุ่น ประกอบด้วย 
• ชุดที่ 1 หุ้นกู้อายุ 3 ปี ไม่มีการชำระดอกเบี้ยระหว่างอายุหุ้นกู้ (zero coupon) จำนวน 2,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2.84% ต่อปี
• ชุดที่ 2 หุ้นกู้อายุ 4 ปี จำนวน 3,250 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3.30% ต่อปี
• ชุดที่ 3 หุ้นกู้อายุ 7 ปี จำนวน 300 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3.70% ต่อปี
• ชุดที่ 4 หุ้นกู้อายุ 10 ปี จำนวน 1,450 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3.90% ต่อปี

นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ดำเนินธุรกิจผ่านยุทธศาสตร์ GreenLeap – Global and Green มุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก และผู้นำด้านการพัฒนาพลังงานที่ยั่งยืนและปลอดภัย โดยมีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจาก 4,121 เมกะวัตต์ ณ เดือน พฤษภาคม 2568 เป็น 10,000 เมกะวัตต์ - จากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้ว และอยู่ระหว่างก่อสร้างและพัฒนา (Committed) ภายในปี 2573 ผ่านการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ การสนับสนุนจากผู้ลงทุนในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในบริษัทฯ ทั้งด้านผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์สูงและยาวนานในธุรกิจ ความเป็นผู้นำด้านการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าและไอน้ำที่มีความเป็นเลิศและมีมาตรฐานระดับโลก ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงในประเทศไทยมายาวนาน และจะเติบโตคู่กับประเทศไทยต่อไป

 

บี.กริม เพาเวอร์ ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 65 เมกะวัตต์ในฟิลิปปินส์ ตั้งเป้ากดปุ่ม COD ไตรมาสแรกปี 2570

B.Grimm Solar Power Inc. บริษัทย่อยที่บี.กริม เพาเวอร์ ถือหุ้น 100% ได้เข้าลงทุนโดยการซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน Caronsi Solar Energy Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เพื่อการพัฒนาและดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตติดตั้ง 65 เมกะวัตต์ โดย B.Grimm Solar Power Inc. ถือหุ้นในสัดส่วน 97% ของหุ้นที่ออกทั้งหมด โดยมีมูลค่าการลงทุน 200 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ (เทียบเท่ามูลค่าประมาณ 118.52 ล้านบาท) ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2570

วันที่ 26 พฤษภาคม 2568 ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด  (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวตั้งอยู่ที่เมือง Tuguegarao จังหวัด Cagayan ทางตอนเหนือของเกาะ Luzon สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยได้รับสิทธิในการจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นระยะเวลา 25 ปี (สามารถต่ออายุได้) ภายใต้สัญญา Solar Energy Operating จาก Department of Energy ของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ รวมถึงมีสิทธิการเช่าที่ดินระยะยาวเป็นเวลา 25 ปี (สามารถต่ออายุได้) โดยได้รับการอนุมัติและรับใบอนุญาตครบถ้วนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ โครงการยังได้รับการอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการ “BOI Green Lane” มาตรการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งช่วยเร่งรัดกระบวนการอนุมัติและออกใบอนุญาตต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมในการเข้าสู่ขั้นตอนก่อสร้างและดำเนินการโครงการ ซึ่งถือเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่โครงการที่ 2 ในสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ของ บี.กริม เพาเวอร์ 

โดยจากความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้นต่อเนื่องในสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ การลงทุนในครั้งนี้จึงถือเป็นการวางกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนภาคพลังงานสะอาด และขยายการลงทุนของ บี.กริม เพาเวอร์ ในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนตามแนวโน้มการใช้พลังงานที่เกิดขึ้นทั่วโลก ตลอดจนเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนของบริษัทให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของโลก ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ พร้อมผลักดันเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ระยะยาวให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคง ตามยุทธศาสตร์ GreenLeap-Global and Green ของ บี.กริม เพาเวอร์ ที่มุ่งยกระดับความร่วมมือทางธุรกิจระดับโลกกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานทดแทน และผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก 

ทั้งนี้ บี.กริม เพาเวอร์ มีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนมากกว่า 50% เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาก๊าซธรรมชาติในระยะยาวและยังเป็นการขยายความร่วมมือทางธุรกิจเพื่อสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อการต่อยอดและสร้างโอกาสทางธุรกิจ มุ่งสู่เป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้า 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573 และก้าวสู่เป้าหมายองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net-Zero Carbon Emissions ภายในปี 2593 

 

บี.กริม เพาเวอร์ กำไร Q1/68 โต 51.6% เดินหน้าขยายฐานลูกค้าอุตสาหกรรมและ COD โครงการพลังงานหมุนเวียน

บี.กริม เพาเวอร์ โชว์กำไรไตรมาส 1/68 โต 51.6% พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าอุตสาหกรรม และ COD โครงการพลังงานหมุนเวียน

วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2568 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (NNP) – ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ เพิ่มขึ้น 51.6% สู่ระดับ 749 ล้านบาท และ EBITDA 3,725 ล้านบาท เติบโต 2.6% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิ – ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ อยู่ที่ 654 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 379 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก 5 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1. การรวมผลประกอบการของ Malacha ในประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากเข้าซื้อกิจการ 100% ในเดือนพฤษภาคม 2567 2. ปริมาณไอน้ำที่ขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม (IUs) ในประเทศเพิ่มขึ้น 8.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3. ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่ดีขึ้น 4. การลดลงของราคาก๊าซธรรมชาติ และ 5. กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่เกิดขึ้นจริง 

นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ มีการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้า IUs รายใหม่ในประเทศไทย จำนวน 6.9 เมกะวัตต์ จากกลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือน กลุ่มยางรถยนต์ กลุ่มเคมีภัณฑ์ เป็นต้น รวมถึง บี.กริม แอลเอ็นจี นำเข้า LNG จำนวน 2 ลำ ในเดือนมีนาคมและเมษายน รวมประมาณ 130,000 ตัน เข้าสู่ระบบ Pool Gas เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมของ บี.กริม เพาเวอร์ ในไตรมาส 1 นี้ บี.กริม เพาเวอร์ ประสบความสำเร็จในการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน Kuchinashi ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้ง 14 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่น ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ Tohoku Electric Power Corporation เป็นระยะเวลา 16 ปี นอกจากนี้ยังขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยการจัดตั้ง บริษัท อมตะ บี.กริม รีนิวเอเบิล เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุน โดยบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ สมาร์ท โซลูชั่น จำกัด (บริษัทย่อย) ถือหุ้นในสัดส่วน 25% ขณะที่ บริษัท อมตะ ยู จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 75% เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 

ขณะที่อีกก้าวสำคัญของ บี.กริม เพาเวอร์ คือ การเดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ โดยในเดือนกุมภาพันธ์ บี.กริม เพาเวอร์ ร่วมกับ เอ็นเอส บลูสโคป ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และพัฒนาโครงการติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์บนพื้นดิน กำลังการผลิตติดตั้ง 12 เมกะวัตต์ ที่โรงงานเอ็นเอส บลูสโคป จังหวัดระยอง เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดในโรงงาน เทียบเท่ากับการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกสูงสุดประมาณ 9,000 ตันต่อปี นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคธุรกิจ บี.กริม เพาเวอร์ ได้ส่งมอบใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (RECs) ให้แก่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย เพิ่มทางเลือกด้านพลังงานสะอาดให้กับภาคการเงินและการลงทุน ร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ ตอกย้ำความสำเร็จด้วยรางวัลและประกาศเกียรติคุณ บี.กริม เพาเวอร์ ได้รับรางวัล "The Best of ESG" ในงาน Future Trends Awards 2025 จัดโดย Future Trends สื่อผู้นำเทรนด์ของประเทศไทย สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมมิติการกำกับดูแลกิจการ สังคม และสิ่งแวดล้อมโดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน และได้รับ 9 รางวัล จาก FinanceAsia นิตยสารชั้นนำด้านการเงินของฮ่องกง สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นมืออาชีพภายใต้ปรัชญาการดำเนินธุรกิจ “สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี”

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจในปีนี้ ต้องเผชิญกับความท้าทายจากนโยบายภาษีและการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้านิคมอุตสาหกรรม ลดลงประมาณ 5-10% เมื่อเทียบกับปี 2567 อย่างไรก็ตาม สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศเศรษฐกิจหลัก อาจส่งผลในเชิงบวกผ่านราคาก๊าซธรรมชาติที่อาจลดลง โดยเราคาดการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับ SPP อยู่ที่ 320-340 บาทต่อล้าน BTU ซึ่งอยู่ในช่วงเดียวกับปี 2567 ที่ราคาก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 324 บาทต่อล้าน BTU และวางแผนนำเข้า LNG ไม่เกิน 5 ลำ เพื่อนำเข้าสู่ระบบ Pool Gas 

“การดึงดูดลูกค้ารายใหม่ เช่น ศูนย์ข้อมูล (Data Centre) จะช่วยบรรเทาผลกระทบ เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าของกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีความอ่อนไหวน้อยต่อมาตรการภาษี และภาวะชะลอตัวของการค้าโลก อีกทั้งยังได้รับแรงสนับสนุนจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจดิจิทัล โดย บี.กริม เพาเวอร์ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับลูกค้าอุตสาหกรรมบางราย และจะร่วมกันพัฒนากลยุทธ์ในการตอบสนองและมาตรการบรรเทาผลกระทบอย่างเหมาะสม” ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว

สำหรับเป้าหมายในปี 2568 บี.กริม เพาเวอร์ ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ เชื่อมเข้าระบบรวม 40-50 เมกะวัตต์ รวมถึงมีโครงการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและจะ COD รวม 610.5 เมกะวัตต์ ในช่วงปีนี้ ถึงต้นปีหน้า ดังนี้ 1. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อู่ตะเภา (เฟส 1) 18 เมกะวัตต์ 2. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม KOPOS 20 เมกะวัตต์ 3. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ “อินทรี บี.กริม” 80 เมกะวัตต์ 4.  โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา “จงเช่อ รับเบอร์” ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง 35 เมกะวัตต์  5. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา “386” 27.5 เมกะวัตต์ 6. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ “ARECO” 65 เมกะวัตต์ และ 7. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง “Nakwol 1” 365 เมกะวัตต์ 
ส่วนเป้าหมายระยะยาว บี.กริม เพาเวอร์ฯ ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลกและบรรลุเป้าหมายการก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Carbon Emissions) ภายในปี 2593 และตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตเป็น 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573 
 

 

บี.กริม เพาเวอร์ ร่วมงาน IGNITE Thailand-Korea Business Forum 2025 ย้ำความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด

บี.กริม เพาเวอร์ ร่วมงาน IGNITE Thailand-Korea Business Forum 2025 ณ เกาหลีใต้ ย้ำความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด เดินหน้าแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม สู่การเติบโตที่ยั่งยืน  

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ร่วมงาน IGNITE Thailand-Korea Business Forum 2025 จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ Herald Media Group เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 22-23 เมษายน 2568 ณ โรงแรมล็อตเต้ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี พร้อมร่วมเสวนา Dinner Talk ตอกย้ำการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ และความร่วมมืออันแนบแน่นในด้านสังคม กีฬา และวัฒนธรรม ระหว่าง บี.กริม เพาเวอร์ และประเทศเกาหลีใต้ 

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีการลงทุนในประเทศเกาหลีใต้มากกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่หลากหลายในเกาหลีใต้ มุ่งเน้นการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ซึ่งมีโครงการไฮไลท์ อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง 2 แห่ง Yeonggwang Nakwol และ Yeonggwang Hanbit รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 740 เมกะวัตต์ ซึ่งมีการทำสัญญาเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้ากับ Korea Electric Power Corporation (KEPCO) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว, เข้าถือหุ้นใน Saemangeum Sebit Power เพื่อลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเกาหลี กำลังการผลิต 99 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นโครงการโรงไฟฟ้าแห่งแรกที่พัฒนาโดยกลุ่มบริษัทข้ามชาติ พร้อมกันนี้ ยังได้เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมแบบติดตั้งบนบก Gasan ที่เกาหลีใต้ กำลังผลิต 20 เมกะวัตต์ เป็นต้น 

นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ได้ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจในเกาหลีใต้ พัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในประเทศไทย โดยร่วมกับ Korea Electric Power Corporation (KEPCO) พัฒนาระบบแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน (Energy Storage System – ESS) และระบบโครงข่ายสำหรับส่งไฟฟ้าอัจฉริยะแบบครบวงจร (Smart Grid) สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่เมืองการบินสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ซึ่งถือเป็นโครงการโรงไฟฟ้าไฮบริดสำหรับงานระบบไฟฟ้าและระบบน้ำเย็นที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

ทั้งนี้นอกจากความร่วมมือด้านการลงทุนและด้านเศรษฐกิจแล้ว ตลอดเวลากว่า147 ปี บี.กริม ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ “ดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี” (Doing Business with Compassion) ได้ผนึกความร่วมมือกับเกาหลีใต้ในด้านสังคม กีฬา ชุมชน ฯลฯ  ได้แก่ การเป็นผู้สนับสนุนหลักของงานแสดงดนตรีคลาสสิกรายการ “Seoul Philharmonic Orchestra Park Concert 2023” ณ ประเทศเกาหลีใต้ นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ร่วมกับสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศเกาหลีใต้ สนับสนุนจัดการแข่งขันกีฬาขี่ม้า Princess’s Cup Korea 2024 ณ สนามขี่ม้า Dream Park Equestrian Venue เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นผ่านการแข่งขันกีฬาและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม 

โดยจากความร่วมมือระหว่าง บี.กริม เพาเวอร์ และเกาหลีใต้ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เมื่อเดือนมีนาคม 2567 คณะกรรมการโอลิมปิก และกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ของประเทศเกาหลีใต้ ได้มอบรางวัลกับ ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ในฐานะนายกสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย และประธานสหพันธ์กีฬาขี่ม้าแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาตร์ของประเทศเกาหลีใต้ในรอบ 70 ปี สำหรับผู้ที่มิได้มีสัญชาติเกาหลีใต้ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศนี้ 
สำหรับงาน IGNITE Thailand-Korea Business Forum 2025 เป็นเวทีสำคัญในการขยายโอกาสทางธุรกิจไทย-เกาหลีใต้ เชื่อมต่อโอกาส พลิกโฉมธุรกิจ ก้าวสู่ความร่วมมือระดับภูมิภาค พร้อมปาฐกถาพิเศษจากผู้นำทางธุรกิจระดับแนวหน้า การเสวนาเชิงลึก เจาะลึกเทรนด์เศรษฐกิจและการลงทุน โอกาสสร้างเครือข่ายระดับสูง กับภาครัฐและเอกชนของทั้งสองประเทศ ภายในงาน ยังมีไฮไลท์พิเศษ Business Matching สร้างโอกาสจับคู่ทางธุรกิจ กับบริษัทชั้นนำของเกาหลีใต้ที่กำลังมองหาโอกาสทางธุรกิจในประเทศไทย จากกลุ่มผู้ประกอบการจากหลากหลายอุตสาหกรรม นักลงทุน และหน่วยงานสนับสนุนธุรกิจ รวมถึงกลุ่มธุรกิจจากประเทศไทยที่ต้องการขยายเครือข่ายและเจาะตลาดเกาหลีใต้

บี.กริม เพาเวอร์ ร่วมงาน Sustainability Week Asia 2025 ครั้งที่ 4  ฉายวิสัยทัศน์ ตอกย้ำผู้นำพลังงานสะอาด ก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero 

บี.กริม เพาเวอร์ ร่วมงาน Sustainability Week Asia 2025 ครั้งที่ 4  ฉายวิสัยทัศน์ ตอกย้ำผู้นำพลังงานสะอาด ก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero 

วันที่ 17 เมษายน 2568 นายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจในประเทศไทยและโซลูชั่นธุรกิจอุตสาหกรรม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์จากัด (มหาชน) ร่วมเสวนาในงาน Sustainability Week Asia ครั้งที่ 4 จัดโดย Economist Impact ภายใต้ธีม From Idealism to Pragmatism รวบรวมผู้นำด้านความยั่งยืนจากทั่วโลกกว่า 1,000 คน ร่วมเจาะลึกถึงประเด็นสำคัญที่กำลังผลักดันการเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจ ทั้งในเรื่องของการบรรลุเป้าหมายด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) การเปลี่ยนผ่านทางพลังงานอย่างยั่งยืน การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน และการบริหารทรัพยากรอย่างเท่าเทียม เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ เมื่อวันที่ 25-26 มีนาคม 2568 ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก

นายนพเดช กรรณสูต กล่าวในเวทีเสวนาหัวข้อ "Empowering the New Digital Ecosystem with Clean Energy" ว่าจากสถานการณ์ด้านพลังงานในโลกปัจจุบัน ธุรกิจในหลายภาคส่วนทั่วโลกกลายเป็นดิจิทัลมากขึ้น ทำให้ความต้องการในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลพุ่งสูงขึ้น รวมถึงมีความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะภาคธุรกิจ “ดาต้าเซ็นเตอร์” ซึ่งเป็นศูนย์กลางของระบบคลาวด์ ปัญญาประดิษฐ์ และบริการดิจิทัลในรูปแบบ Generative AI ซึ่งเป็นธุรกิจที่ใช้ไฟฟ้าจำนวนมหาศาลและมีส่วนทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับ บี.กริม เพาเวอร์ หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนชั้นนำของประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ “สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี” (Empowering the World Compassionately) มุ่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนในอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งปัจจุบันตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พื้นที่ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ที่เติบโต 9% ต่อปี โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากสิทธิประโยชน์ทางภาษี เทคโนโลยี ตำแหน่งยุทธศาสตร์และ โครงสร้างพื้นฐานที่ดี บวกกับแรงงานที่มีทักษะ และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับสูง เหมาะในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัล โดยกลยุทธ์ของดาต้าเซ็นเตอร์เพื่อให้การใช้พลังงานเติบโตอย่างยั่งยืน ประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ ตลอดจนพื้นที่มีความปลอดภัยจากภัยพิบัติธรรมชาติ พร้อมร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นเพื่อจัดการกฎระเบียบและโครงสร้างพื้นฐาน

นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนา Green Data Centre ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก เพื่อสร้างระบบพลังงานแบบบูรณาการที่ใช้พลังงานหมุนเวียนร่วมกับเทคโนโลยีกริดอัจฉริยะและแบตเตอรี่สำรอง เพิ่มเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าและสนับสนุนนโยบายรัฐในการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคดิจิทัล พร้อมขับเคลื่อนอนาคตของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน

โดยในฐานะผู้นำด้านการผลิตไฟฟ้าเอกชน สิ่งที่เป็นหัวใจความสำเร็จของ บี.กริม เพาเวอร์ คือ การสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนส่วนรวมในทุกพื้นที่ที่เข้าไปดำเนินการ อาทิ การสนับสนุนโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ซึ่งเป็นโครงการที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงนำแนวคิดมาจากโครงการ “Haus Der Kleinen Forscher ” ประเทศเยอรมนี มาประยุกต์ใช้ในประเทศไทย เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และสนุกกับวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ระดับปฐมวัย (อายุ 3-6 ปี) นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้พนักงานมีส่วนร่วมเป็น “นักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยง” เข้าร่วมฝึกอบรมและทำกิจกรรมร่วมกับครูในโรงเรียนเครือข่าย บี.กริม ซึ่งเป็นโรงเรียนในบริเวณใกล้เคียงสถานประกอบการของ บี.กริม เพาเวอร์ กว่า 138 แห่ง โดยตลอด 147 ปี “บี.กริม” มุ่งมั่นในการทำธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนและสังคมไทย โดยเน้นไปที่ค่านิยมหลัก 4 ประการ (4Ps Core Values) คือ 1.การมีทัศนคติที่ดี (Positivity)  2.ความร่วมมือกัน (Partnership) 3.ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism) และ 4.ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Pioneering Spirit) 

นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ได้จัดงาน Exclusive Gala Dinner โดยนายนพเดชได้ร่วมเสวนากับ Molly Ferrill ช่างภาพสัตว์ป่าระดับโลก ภายใต้หัวข้อ “In Harmaony with Compassion: a Brighter Future for Business, People and Planet.” ภายในงาน Sustainability Week Asia เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2025 ณ ห้อง Crystal Hall A, ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก ซึ่งภายในงานได้มีการแสดงดนตรีคลาสสิกจากวง RBSO สะท้อนถึง จุดเริ่มต้นของ บี.กริม ที่มุ่งดำเนินธุรกิจควบคู่การลดผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม 

“การดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี ถือเป็นค่านิยมหลักมาตั้งแต่ต้น ปรัชญานี้ยังคงขับเคลื่อนการดำเนินงานของบี.กริม เพาเวอร์ ในปัจจุบัน โดยเน้นการบูรณาการแนวคิดความยั่งยืนไว้ในกลยุทธ์ พร้อมให้ความสำคัญกับผลกระทบระยะยาวมากกว่ากำไรระยะสั้น เพื่อการเติบโตทางธุรกิจควบคู่กับการสร้างประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวม ด้วยแนวปฏิบัติที่มีความรับผิดชอบและความโอบอ้อมอารี” นายนพเดช กล่าว