สนง.ขนส่งน่าน นำร่อง “ส่งเสริมเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางที่ปลอดภัยใส่ใจผู้เดินทาง”

สำนักงานขนส่งจังหวัดน่าน ร่วมกับจังหวัดน่าน เปิดตัวโครงการนำร่อง “ส่งเสริมการเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางที่ปลอดภัยใส่ใจผู้เดินทาง” เพื่อยกระดับระบบขนส่งสาธารณะให้มีมาตรฐาน ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อผู้ใช้บริการ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ และสนับสนุนให้ประชาชนกลับมานิยมใช้บริการรถโดยสารมากขึ้น พร้อมจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์บนตัวรถโดยสารในรูปแบบ ลวดลายอัตลักษณ์ของจังหวัดน่าน เพื่อสื่อสารความปลอดภัยและสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่น

นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เปิดเผยว่า จังหวัดน่านมีปริมาณยานพาหนะเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งจากประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว ส่งผลต่อปัญหาการจราจรและอุบัติเหตุทางถนน โครงการนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับคุณภาพการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยว เพิ่มทางเลือกในการใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่ปลอดภัย สะดวกสบาย โดยดำเนินการปรับปรุงเส้นทางเดินรถหมวด 1 และหมวด 4 ที่เน้นรับส่งในแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ได้แก่ วัดภูมินทร์ วัดพระธาตุช้างค้ำ พิพิธพันธ์สถานแห่งชาติน่าน วัดมิ่งเมือง วัดศรีพันต้น วัดกู่คำ และวัดสวนตาล

นอกจากการปรับปรุงบริการเดินรถแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมเปิดตัวเพื่อประชาสัมพันธ์และรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวหันมาใช้บริการรถโดยสารประจำทางมากขึ้น โดยมุ่งหวังให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดปัญหาการจราจร ลดการใช้รถส่วนบุคคล และลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนถนน โดยเฉพาะในเส้นทางที่ลาดชันหรือไม่คุ้นเคย ซึ่งนักท่องเที่ยวจำนวนมากอาจขับขี่ด้วยตนเองอย่างไม่ปลอดภัย

นางสาวรัชนี ศรีชัยตัน ขนส่งจังหวัดน่าน กล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) โดยมีการตรวจสภาพความพร้อมของรถ คนขับมีความชำนาญเส้นทาง และการออกแบบลวดลายบนรถที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น เพื่อสร้างทั้งความปลอดภัย ความมั่นใจ และความประทับใจแก่ผู้ใช้บริการ รวมทั้งช่วยรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการเดินทางอย่างปลอดภัย เพิ่มทางเลือกการเดินทางที่มีคุณภาพ รองรับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น วัดภูมินทร์ วัดพระธาตุช้างค้ำ วัดมิ่งเมือง และสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในจังหวัด สำนักงานขนส่งจังหวัดน่าน เชื่อมั่นว่า โครงการนี้จะช่วยลดความแออัดของการจราจร ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติของจังหวัดน่านให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ขณะเดียวกันยังเป็นสื่อรณรงค์ปลูกฝังจิตสำนึกด้านความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้าง “ถนนปลอดภัย ผู้ขับขี่มีวินัย และสังคมไทยปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางถนน” ลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนนและลดอัตราการเสียชีวิตได้อย่างยั่งยืน

 

สัมผัสเสน่ห์เมือง “น่าน” โอบกอดธรรมชาติเขียวขจี เรียนรู้วิถีชีวิตจุดประกายความคิดสร้างแรงบันดาลใจ

การท่องเที่ยวช่วงหน้าฝน มีเสน่ห์เฉพาะตัว นอกจากจะได้สัมผัสธรรมชาติที่เขียวขจีและชุ่มฉ่ำแล้ว ธรรมชาติยังสร้างแรงบันดาลใจและเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมให้ชีวิตมีความสุขและสมดุลมากขึ้น ทั้งการลดความเครียดและความวิตกกังวล ทำให้จิตใจสงบ เพิ่มสมาธิและมีความคิดสร้างสรรค์ ช่วยปรับสมดุลอารมณ์ ธรรมชาติจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นผ่านกลไกที่หลากหลาย

 ฤดูฝนปีนี้ ขอนำทุกท่านไปสัมผัสธรรมชาติที่ "น่าน" หลังสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ได้ผ่านพ้นไป น่านเริ่มกลับมาสดใส รอให้ทุกคนได้กลับมาสัมผัสความสวยงามในเสน่ห์ของผู้คน ธรรมชาติ วิถีชีวิต ทั้งน่านเหนือ น่านกลาง และน่านใต้ อีกครั้ง

เมื่อพร้อมแล้วเราไปกันเลย จุดแรกจะพาไปที่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นขุมทรัพย์แห่งธรรมชาติของภาคเหนือ ครอบคลุมผืนป่าภูเขาสูงที่อุดมไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และหนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือ ต้นชมพูภูคา พรรณไม้หายากระดับโลกที่พบเฉพาะที่นี่เท่านั้น และจะผลิดอกสีชมพูอ่อนสะพรั่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักอนุรักษ์จากทั่วประเทศ ภายในอุทยานยังมีกิจกรรมให้สัมผัสธรรมชาติอีกมากมาย ทั้งจุดชมวิวเหนือทะเลหมอก เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ น้ำตกภูฟ้า และถ้ำผาแดง ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์และทิวทัศน์อันเงียบสงบ

ห้ามพลาดกับโฮมสเตย์ในชุมชน ที่มีไกด์ท้องถิ่นนำชมธรรมชาติแบบใกล้ชิด และอย่าลืมซื้อผลิตภัณฑ์พื้นถิ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวกลับบ้านกันด้วย ซึ่งไม่เพียงช่วยสร้างรายได้หมุนเวียนและความยั่งยืนให้กับคนในพื้นที่ แต่ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในพื้นที่อีกด้วย  

 

จากนั้นไปสัมผัสกับที่พักที่แสนจะอบอุ่นและโรแมนติกที่ Cocoa Valley Resort  ตั้งอยู่ในอำเภอปัว จังหวัดน่าน  ท่ามกลางธรรมชาติเขียวชอุ่มและอากาศบริสุทธิ์ของเมืองเหนือ ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงที่พักเพื่อการพักผ่อน แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางเพื่อการเรียนรู้และเปิดประสบการณ์ใหม่ ผ่านกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ “โกโก้ไทยแท้ 100%” ที่ปลูกและแปรรูปด้วยมือคนในชุมชน ภายใต้แบรนด์ Cocoa Valley ซึ่งก่อตั้งขึ้นจากความตั้งใจจริงในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิด “ท่องเที่ยว เรียนรู้ และลิ้มรสโกโก้” ที่นี่ยังได้ผสานศาสตร์แห่งการเกษตรอินทรีย์ วิถีชุมชน และการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน

 

 

Cocoa Valley Resort จึงไม่ใช่แค่ที่พักธรรมดา แต่คือโมเดลของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ผสมผสานความรู้ ความอร่อย และความยั่งยืน ไว้อย่างลงตัว เป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจที่ทั้งคนรักธรรมชาติ ที่นี่ยังได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย สาขาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดังนั้น นักเดินทางสายกรีน และผู้แสวงหาความรู้ไม่ควรพลาด

 

 

             เดินทางกันไปต่อที่ หมู่บ้านดอยสกาด ตั้งอยู่ท่ามกลางสายหมอก ในอำเภอปัว จังหวัดน่าน หมู่บ้านเล็กๆ ที่พร้อมให้ทุกคนเรียนรู้วิถีชีวิตชาวไทยภูเขาเผ่าลั๊วะ และชิมมะแขว่นและใบเมี่ยง ในบรรยากาศเงียบสงบ และรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ขุนเขา และสายหมอก ทำให้อากาศที่นี่เย็นสบายตลอดทั้งปี ตอนกลางคืนสามารถนอนดูดาวที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้าแบบชิล ๆ  เมื่อตื่นมาในตอนเช้าก็ดริปกาแฟหอม ๆ สดจากไร่ หรือจะเลือกจิบชาอุ่น ๆ ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย กับการพักผ่อนแบบสโลว์ไลฟ์  

 

ดอยซิลเวอร์มิวเซียม

 

ตื่นตาตื่นใจกับเครื่องเงินที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามแหล่งผลิตที่ ดอยซิลเวอร์มิวเซียม พิพิธภัณฑ์ขนาดกะทัดรัดที่ตั้งอยู่หน้าโรงงานของดอยซิลเวอร์ อำเภอปัว จังหวัดน่าน อีกหนึ่งของความมีเสน่ห์ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมโดยไม่ลังเล พร้อมจัดแสดงประวัติความเป็นมาของเครื่องเงินชาวเขาเผ่าเย้า (เมี่ยน) และโชว์เครื่องประดับ ข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์การทำเครื่องเงินที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ โรงงาน และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องเงินได้ที่นี่

 

คุณพิมพร รุ่งรชตะวาณิช เจ้าของดอยซิลเวอร์ เล่าว่า “เดิมทีนั้น ชนเผ่าเย้าใช้เครื่องเงินเกือบทุกคน เก็บเงินแทนเงินสด เครื่องเงินจึงผูกพันกับชีวิตชนเผ่าเย้าตั้งแต่เกิดจนตาย บ้านไหนมีลูกชายก็ต้องเตรียมกำไลเงินไว้เป็นกำไลหมั้นในวันแต่งงาน เจ้าสาวจะสวมชุดผ้าคลุมประดับเงินแบบอลังการ ถ้าลูกสะใภ้ท้อง แม่สามีก็จะปักผ้าแล้วเอาเครื่องเงินของตระกูลมาปักบนผ้าเป๊อะหลัง พอเด็กเกิดมา ของขวัญชิ้นแรกก็คือผ้าผืนนี้กับหมวกที่ประดับเงินเช่นกัน เวลาเสียชีวิต ชุดเก่งที่มักจะมีเครื่องเงินอยู่แล้วก็จะติดตัวไปโลกหน้าด้วย ส่วนบ้านไหนมีอันจะกินหน่อยก็จะทำตะปูเงินตอกไว้ในโลงศพ พอเก็บถ้าลูกชายคนไหนเก็บได้ คุณพ่อคุณแม่ต้องการให้เป็นสิริมงคล ถ้าหาไม่เจอแปลว่าท่านบังตาไว้ไม่ให้เห็น ลูกจะต้องทำพิธีขอขมา ชนเผ่าเย้าจะให้ความสำคัญมากเรื่องความกตัญญู และเชื่อว่าเงินคือโลหะศักดิ์สิทธิ์ ใช้รักษาโรคด้วย

ดอยภูคา

 

 ส่วนสายปฎิบัติต้องไม่พลาดการเข้าพักที่ วัดภูเก็ต อำเภอปัว จังหวัดน่าน โดยระเบียงด้านหน้าโบสถ์จะเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม ให้ความรู้สึกสงบ ปลอดภัย ผ่านภาพทุ่งนามุมกว้าง 180 องศา เสมือนพรมเขียวสดในช่วงฤดูฝน และทุ่งสีทองในช่วงใกล้ฤดูเก็บเกี่ยว มีฉากหลังเป็นทิวเขาของอุทยานแห่งชาติดอยภูคา และวิหารไทยลื้อของวัดบ้านเฮี้ย  

 

บรรยากาศรอบวัดภูเก็ต

 

 

 

วัดภูเก็ต สร้างอยู่บนเนินเขา ทางวัดจึงได้มีการสร้างเทมเปิล สเตย์ (temple stay) เป็นลักษณะของโรงแรมธรรมะ ขนาด 4 ชั้น มี 8 ห้องนอน บริเวณเชิงเขาด้านล่างของโบสถ์ทำให้บริเวณลานโบสถ์กลายเป็นดาดฟ้าของโรงแรม ชั้นที่ 4 จะจัดเป็นห้องพักในลักษณะเดียวกับโรงแรม ผู้ที่เข้ามาพักจะได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมร่วมกับทางวัด รวมทั้งจะได้ศึกษาแนวปฏิบัติของพระและเณรภายในวัด ได้ทำบุญ ตักบาตร โดยไม่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทุกคนที่เข้าพักที่นี่จะสร้างกุศลให้กับชีวิต ในการถือศีล 5  แบบไม่เคอะเขิน

 

หมู่บ้านสะปัน

 

จากนั้นจะพาไป หมู่บ้านสะปัน อยู่ในเขตตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ ตั้งขึ้นมากว่าหลายร้อยปี โดยเจ้าพ่อพญาตึ๋น ยุคแรกเป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ต่อมามีประชากรเพิ่มจึงมีการขยายเขตและจัดตั้งเป็นหมู่บ้านย่อยหลายแห่ง เช่น บ้านห้วยโทน บ้านห้วยหมี บ้านนาปู บ้านฐาน บ้านห้วยข่า บ้านนาโป่ง เป็นต้น ชื่อ “สะปัน” มาจาก ลำน้ำปัน ซึ่งไหลผ่านหมู่บ้าน ต่อมาเมื่อเกิดการรวมกับลำธารอื่นจึงเรียกว่า “สบปัน” และกลายเป็น “สะปัน” ในที่สุด

 

หมู่บ้านสะปัน

 

ภายในหมู่บ้านมีน้ำตกสะปัน โดยมีอุทยานแห่งชาติขุนน่านเป็นผู้ดูแล ตัวน้ำตกสะปันเป็นน้ำตกขนาดกลางที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีอยู่ด้วยกัน 3 ชั้นใหญ่ๆ แต่ละชั้นมีความสูงไม่มาก ประมาณ 3-6 เมตร ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สภาพป่าไม้บริเวณน้ำตก มีความร่มรื่นร่มเย็น สมบูรณ์สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถมาชมน้ำตกโดยจอดรถบริเวณทางขึ้น จากนั้นจะต้องเดินขึ้นใช้เวลาประมาณ 20 นาทีถึงจะถึงน้ำตกชั้นสุดท้าย ซึ่งเป็นชั้นที่น้ำตกจะไหลลงมาด้วยกันสองสาย ก้อนหินบริเวณน้ำตกเต็มไปด้วยมอสและตะไคร่น้ำ ซึ่งจะมีความลื่นควรใช้ความระมัดระวังในการเดินและปีนป่ายเป็นพิเศษ ใครที่ไม่อยากเดินทางไกล ก็จะมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น ๆ แค่ 800 เมตร ไว้รองรับด้วย  

 

ถนนโค้งเลข 3

 

แวะถ่ายรูปก่อนกลับบ้านที่ ถนนโค้งเลข 3 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของถนนหมายเลข 1081 เส้นทาง อำเภอสันติสุข-บ่อเกลือ ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 60 กิโลเมตร มีลักษณะเฉพาะที่คล้ายเลข 3 เมื่อมองจากมุมสูง หรือถ่ายจากมุมที่เหมาะสม มีความยาวประมาณ 300 เมตร ลัดเลาะผ่านธรรมชาติ และเป็นแลนด์มาร์กยอดนิยมของจังหวัดน่านที่หลายคนต้องมาถ่ายรูปคู่กับถนนโค้งเลข 3 นี้  เวลาที่เหมาะสมและอากาศเย็นสบาย จะเป็นช่วงเช้าเวลา 06.30-09.00 น. และเย็น 16.00-18.00 น.    

 

 เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับการท่องเที่ยวเมืองน่านในช่วงฤดูฝน เชื่อว่าหลายคนท่องเที่ยวน่านมาแล้ว เพราะหลงใหลในเสน่ห์เมืองน่านและธรรมชาติที่ยังคงมีความสมบูรณ์ ส่วนใครที่ยังไม่เคยไปน่าน ก็แนะนำให้ไปน่านสักครั้งแล้วจะหลงรักเมืองน่านเหมือนหลาย ๆ คน แต่ก่อนที่จะเดินทางท่องเที่ยวอย่าลืมเช็คความพร้อมของร่างกาย สภาพอากาศ เส้นทาง ถนน และพาหนะ เพื่อความอุ่นใจในการเดินทางท่องเที่ยว  

               

สัมผัสเสน่ห์เมือง “น่าน” โอบกอดธรรมชาติเขียวขจี เรียนรู้วิถีชีวิตจุดประกายความคิดสร้างแรงบันดาลใจ

การท่องเที่ยวช่วงหน้าฝน มีเสน่ห์เฉพาะตัว นอกจากจะได้สัมผัสธรรมชาติที่เขียวขจีและชุ่มฉ่ำแล้ว ธรรมชาติยังสร้างแรงบันดาลใจและเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมให้ชีวิตมีความสุขและสมดุลมากขึ้น ทั้งการลดความเครียดและความวิตกกังวล ทำให้จิตใจสงบ เพิ่มสมาธิและมีความคิดสร้างสรรค์ ช่วยปรับสมดุลอารมณ์ ธรรมชาติจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นผ่านกลไกที่หลากหลาย

 ฤดูฝนปีนี้ ขอนำทุกท่านไปสัมผัสธรรมชาติที่ "น่าน" หลังสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ได้ผ่านพ้นไป น่านเริ่มกลับมาสดใส รอให้ทุกคนได้กลับมาสัมผัสความสวยงามในเสน่ห์ของผู้คน ธรรมชาติ วิถีชีวิต ทั้งน่านเหนือ น่านกลาง และน่านใต้ อีกครั้ง

เมื่อพร้อมแล้วเราไปกันเลย จุดแรกจะพาไปที่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นขุมทรัพย์แห่งธรรมชาติของภาคเหนือ ครอบคลุมผืนป่าภูเขาสูงที่อุดมไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และหนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือ ต้นชมพูภูคา พรรณไม้หายากระดับโลกที่พบเฉพาะที่นี่เท่านั้น และจะผลิดอกสีชมพูอ่อนสะพรั่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักอนุรักษ์จากทั่วประเทศ ภายในอุทยานยังมีกิจกรรมให้สัมผัสธรรมชาติอีกมากมาย ทั้งจุดชมวิวเหนือทะเลหมอก เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ น้ำตกภูฟ้า และถ้ำผาแดง ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์และทิวทัศน์อันเงียบสงบ

ห้ามพลาดกับโฮมสเตย์ในชุมชน ที่มีไกด์ท้องถิ่นนำชมธรรมชาติแบบใกล้ชิด และอย่าลืมซื้อผลิตภัณฑ์พื้นถิ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวกลับบ้านกันด้วย ซึ่งไม่เพียงช่วยสร้างรายได้หมุนเวียนและความยั่งยืนให้กับคนในพื้นที่ แต่ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในพื้นที่อีกด้วย  

จากนั้นไปสัมผัสกับที่พักที่แสนจะอบอุ่นและโรแมนติกที่ Cocoa Valley Resort  ตั้งอยู่ในอำเภอปัว จังหวัดน่าน  ท่ามกลางธรรมชาติเขียวชอุ่มและอากาศบริสุทธิ์ของเมืองเหนือ ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงที่พักเพื่อการพักผ่อน แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางเพื่อการเรียนรู้และเปิดประสบการณ์ใหม่ ผ่านกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ “โกโก้ไทยแท้ 100%” ที่ปลูกและแปรรูปด้วยมือคนในชุมชน ภายใต้แบรนด์ Cocoa Valley ซึ่งก่อตั้งขึ้นจากความตั้งใจจริงในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิด “ท่องเที่ยว เรียนรู้ และลิ้มรสโกโก้” ที่นี่ยังได้ผสานศาสตร์แห่งการเกษตรอินทรีย์ วิถีชุมชน และการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน

Cocoa Valley Resort จึงไม่ใช่แค่ที่พักธรรมดา แต่คือโมเดลของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ผสมผสานความรู้ ความอร่อย และความยั่งยืน ไว้อย่างลงตัว เป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจที่ทั้งคนรักธรรมชาติ ที่นี่ยังได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย สาขาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดังนั้น นักเดินทางสายกรีน และผู้แสวงหาความรู้ไม่ควรพลาด

             เดินทางกันไปต่อที่ หมู่บ้านดอยสกาด ตั้งอยู่ท่ามกลางสายหมอก ในอำเภอปัว จังหวัดน่าน หมู่บ้านเล็กๆ ที่พร้อมให้ทุกคนเรียนรู้วิถีชีวิตชาวไทยภูเขาเผ่าลั๊วะ และชิมมะแขว่นและใบเมี่ยง ในบรรยากาศเงียบสงบ และรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ขุนเขา และสายหมอก ทำให้อากาศที่นี่เย็นสบายตลอดทั้งปี ตอนกลางคืนสามารถนอนดูดาวที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้าแบบชิล ๆ  เมื่อตื่นมาในตอนเช้าก็ดริปกาแฟหอม ๆ สดจากไร่ หรือจะเลือกจิบชาอุ่น ๆ ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย กับการพักผ่อนแบบสโลว์ไลฟ์  

ดอยซิลเวอร์มิวเซียม

ตื่นตาตื่นใจกับเครื่องเงินที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามแหล่งผลิตที่ ดอยซิลเวอร์มิวเซียม พิพิธภัณฑ์ขนาดกะทัดรัดที่ตั้งอยู่หน้าโรงงานของดอยซิลเวอร์ อำเภอปัว จังหวัดน่าน อีกหนึ่งของความมีเสน่ห์ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมโดยไม่ลังเล พร้อมจัดแสดงประวัติความเป็นมาของเครื่องเงินชาวเขาเผ่าเย้า (เมี่ยน) และโชว์เครื่องประดับ ข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์การทำเครื่องเงินที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ โรงงาน และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องเงินได้ที่นี่

คุณพิมพร รุ่งรชตะวาณิช เจ้าของดอยซิลเวอร์ เล่าว่า “เดิมทีนั้น ชนเผ่าเย้าใช้เครื่องเงินเกือบทุกคน เก็บเงินแทนเงินสด เครื่องเงินจึงผูกพันกับชีวิตชนเผ่าเย้าตั้งแต่เกิดจนตาย บ้านไหนมีลูกชายก็ต้องเตรียมกำไลเงินไว้เป็นกำไลหมั้นในวันแต่งงาน เจ้าสาวจะสวมชุดผ้าคลุมประดับเงินแบบอลังการ ถ้าลูกสะใภ้ท้อง แม่สามีก็จะปักผ้าแล้วเอาเครื่องเงินของตระกูลมาปักบนผ้าเป๊อะหลัง พอเด็กเกิดมา ของขวัญชิ้นแรกก็คือผ้าผืนนี้กับหมวกที่ประดับเงินเช่นกัน เวลาเสียชีวิต ชุดเก่งที่มักจะมีเครื่องเงินอยู่แล้วก็จะติดตัวไปโลกหน้าด้วย ส่วนบ้านไหนมีอันจะกินหน่อยก็จะทำตะปูเงินตอกไว้ในโลงศพ พอเก็บถ้าลูกชายคนไหนเก็บได้ คุณพ่อคุณแม่ต้องการให้เป็นสิริมงคล ถ้าหาไม่เจอแปลว่าท่านบังตาไว้ไม่ให้เห็น ลูกจะต้องทำพิธีขอขมา ชนเผ่าเย้าจะให้ความสำคัญมากเรื่องความกตัญญู และเชื่อว่าเงินคือโลหะศักดิ์สิทธิ์ ใช้รักษาโรคด้วย

ดอยภูคา

 ส่วนสายปฎิบัติต้องไม่พลาดการเข้าพักที่ วัดภูเก็ต อำเภอปัว จังหวัดน่าน โดยระเบียงด้านหน้าโบสถ์จะเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม ให้ความรู้สึกสงบ ปลอดภัย ผ่านภาพทุ่งนามุมกว้าง 180 องศา เสมือนพรมเขียวสดในช่วงฤดูฝน และทุ่งสีทองในช่วงใกล้ฤดูเก็บเกี่ยว มีฉากหลังเป็นทิวเขาของอุทยานแห่งชาติดอยภูคา และวิหารไทยลื้อของวัดบ้านเฮี้ย  

วัดภูเก็ต

วัดภูเก็ต สร้างอยู่บนเนินเขา ทางวัดจึงได้มีการสร้างเทมเปิล สเตย์ (temple stay) เป็นลักษณะของโรงแรมธรรมะ ขนาด 4 ชั้น มี 8 ห้องนอน บริเวณเชิงเขาด้านล่างของโบสถ์ทำให้บริเวณลานโบสถ์กลายเป็นดาดฟ้าของโรงแรม ชั้นที่ 4 จะจัดเป็นห้องพักในลักษณะเดียวกับโรงแรม ผู้ที่เข้ามาพักจะได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมร่วมกับทางวัด รวมทั้งจะได้ศึกษาแนวปฏิบัติของพระและเณรภายในวัด ได้ทำบุญ ตักบาตร โดยไม่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทุกคนที่เข้าพักที่นี่จะสร้างกุศลให้กับชีวิต ในการถือศีล 5  แบบไม่เคอะเขิน

หมู่บ้านสะปัน

จากนั้นจะพาไป หมู่บ้านสะปัน อยู่ในเขตตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ ตั้งขึ้นมากว่าหลายร้อยปี โดยเจ้าพ่อพญาตึ๋น ยุคแรกเป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ต่อมามีประชากรเพิ่มจึงมีการขยายเขตและจัดตั้งเป็นหมู่บ้านย่อยหลายแห่ง เช่น บ้านห้วยโทน บ้านห้วยหมี บ้านนาปู บ้านฐาน บ้านห้วยข่า บ้านนาโป่ง เป็นต้น ชื่อ “สะปัน” มาจาก ลำน้ำปัน ซึ่งไหลผ่านหมู่บ้าน ต่อมาเมื่อเกิดการรวมกับลำธารอื่นจึงเรียกว่า “สบปัน” และกลายเป็น “สะปัน” ในที่สุด

หมู่บ้านสะปัน

ภายในหมู่บ้านมีน้ำตกสะปัน โดยมีอุทยานแห่งชาติขุนน่านเป็นผู้ดูแล ตัวน้ำตกสะปันเป็นน้ำตกขนาดกลางที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีอยู่ด้วยกัน 3 ชั้นใหญ่ๆ แต่ละชั้นมีความสูงไม่มาก ประมาณ 3-6 เมตร ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สภาพป่าไม้บริเวณน้ำตก มีความร่มรื่นร่มเย็น สมบูรณ์สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถมาชมน้ำตกโดยจอดรถบริเวณทางขึ้น จากนั้นจะต้องเดินขึ้นใช้เวลาประมาณ 20 นาทีถึงจะถึงน้ำตกชั้นสุดท้าย ซึ่งเป็นชั้นที่น้ำตกจะไหลลงมาด้วยกันสองสาย ก้อนหินบริเวณน้ำตกเต็มไปด้วยมอสและตะไคร่น้ำ ซึ่งจะมีความลื่นควรใช้ความระมัดระวังในการเดินและปีนป่ายเป็นพิเศษ ใครที่ไม่อยากเดินทางไกล ก็จะมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น ๆ แค่ 800 เมตร ไว้รองรับด้วย  

ถนนโค้งเลข 3

แวะถ่ายรูปก่อนกลับบ้านที่ ถนนโค้งเลข 3 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของถนนหมายเลข 1081 เส้นทาง อำเภอสันติสุข-บ่อเกลือ ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 60 กิโลเมตร มีลักษณะเฉพาะที่คล้ายเลข 3 เมื่อมองจากมุมสูง หรือถ่ายจากมุมที่เหมาะสม มีความยาวประมาณ 300 เมตร ลัดเลาะผ่านธรรมชาติ และเป็นแลนด์มาร์กยอดนิยมของจังหวัดน่านที่หลายคนต้องมาถ่ายรูปคู่กับถนนโค้งเลข 3 นี้  เวลาที่เหมาะสมและอากาศเย็นสบาย จะเป็นช่วงเช้าเวลา 06.30-09.00 น. และเย็น 16.00-18.00 น.    

 เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับการท่องเที่ยวเมืองน่านในช่วงฤดูฝน เชื่อว่าหลายคนท่องเที่ยวน่านมาแล้ว เพราะหลงใหลในเสน่ห์เมืองน่านและธรรมชาติที่ยังคงมีความสมบูรณ์ ส่วนใครที่ยังไม่เคยไปน่าน ก็แนะนำให้ไปน่านสักครั้งแล้วจะหลงรักเมืองน่านเหมือนหลาย ๆ คน แต่ก่อนที่จะเดินทางท่องเที่ยวอย่าลืมเช็คความพร้อมของร่างกาย สภาพอากาศ เส้นทาง ถนน และพาหนะ เพื่อความอุ่นใจในการเดินทางท่องเที่ยว  

               

"ประเสริฐ" สั่งเกาะติดสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำยม-น่าน ให้คลี่คลายสถานการณ์น้ำท่วมขังทุกพื้นที่โดยเร็ว

"ประเสริฐ" สั่งเกาะติดสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำยม-น่าน ให้คลี่คลายสถานการณ์น้ำท่วมขังทุกพื้นที่โดยเร็ว

วันที่ 13 ส.ค.68 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำยม - น่าน อย่างใกล้ชิด สำหรับพื้นที่ลุ่มน้ำยม ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นจากมวลน้ำที่ไหลบ่ามาจากภาคเหนือตอนบนและทุ่งบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำ Y17 หน้าที่ว่าการอำเภอสามง่าม ระดับน้ำอยู่ที่ +36.74 เมตร (จากระดับน้ำทะเลปานกลาง) ส่งผลให้มวลน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณตำบลสามง่าม อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร มีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมประมาณ 20 ครัวเรือน ระดับน้ำท่วมสูงเฉลี่ย 1 เมตร ขณะนี้ จังหวัดพิจิตรได้ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิจิตร ได้ติดตั้งเครื่องสูบส่งน้ำแรงดันสูง เพื่อเร่งสูบระบายน้ำออกจากจุดท่วมขัง ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 2-3 วัน  อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวไม่ส่งผลกระบทต่อพื้นที่เกษตรกรรม เนื่องจากเกษตรกรในพื้นที่ได้ดำเนินการเก็บเกี่ยวผลผลิตเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ สำนักงานเกษตรจังหวัด และกรมชลประทานจะลงพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อไป

ทั้งนี้ในส่วนของลุ่มน้ำน่าน จากสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมขังพื้นที่การเกษตร ซึ่งเป็นไร่ข้าวโพดที่อยู่ริมตลิ่งบริเวณอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอตรอน และอำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ในวันนี้ได้ทราบว่า ผลจากการปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำผ่านเขื่อนนเรศวรทำให้ระดับน้ำด้านเหนือเขื่อนนเรศวรลดลงอีก 20 ซม. และขณะนี้สถานการณ์กลับสู่สภาพปกติแล้ว อย่างไรก็ตาม จุดที่เกิดน้ำท่วมขังที่สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าเพื่อสูบส่งน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกข้าวจำนวน 2 สถานียังคงไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากระดับน้ำยังสูง ในการนี้ สทนช และจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ประสานขอความร่วมมือจากกรมทรัพยากรน้ำสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยเหลือทดแทนไปพลางก่อนจนกว่าระดับน้ำในแม่น้ำน่านจะลดลงสู่สภาพที่สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าสามารถใช้งานได้ ทั้งนี้ เป็นความห่วงใยจากรัฐบาลที่จะดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ื และเตรียมการรองรับปริมาณฝนที่จะตกหนักในหลายพื้นที่ในรอบถัดไป ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงวันที่ 15-17 สิงหาคมนี้

 

ระทึก! เจอระเบิดปืน ค. กลางเมืองน่าน ขณะใช้แม็คโครเก็บขยะน้ำท่วม

ระทึก! รถแม็คโครเก็บขยะน้ำท่วมพบลูกระเบิดปืน ค. กลางเมืองน่าน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 1 ส.ค.68 เกิดเหตุระทึกกลางเมืองน่าน เมื่อเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองน่านนำรถแม็คโครเข้าดำเนินการเก็บขยะและเศษซากวัสดุที่หลงเหลือจากน้ำท่วม ในพื้นที่ระหว่างซอยโรงกลึงอำนวยพร – บ้านนายนรินทร์ เหล่าอารยะ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน ระหว่างปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่พบวัตถุต้องสงสัยลักษณะคล้ายลูกระเบิดปืน ค. (คละขนาด) ปะปนอยู่กับขยะและเศษวัสดุ ซึ่งยังอยู่ในสภาพที่อาจใช้งานได้ สร้างความตกใจและตื่นตระหนกแก่เจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่อย่างมาก จึงรีบแจ้งศูนย์วิทยุ 191 ให้เข้าตรวจสอบโดยด่วน

พ.ต.อ.ชาญณรงค์ รัชตประทาน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองน่าน พร้อมด้วยชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) จังหวัดน่าน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ได้ลงพื้นที่พร้อมกั้นแนวเขตเพื่อความปลอดภัย ป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้บริเวณดังกล่าว

ขณะนี้หน่วย EOD กำลังดำเนินการตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิดตามขั้นตอนมาตรฐาน โดยคาดว่าจะมีการนำไปทำลายอย่างปลอดภัยต่อไป

เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์สำคัญถึงความเสี่ยงที่แฝงมากับซากขยะหลังน้ำลด ประชาชนจึงควรเพิ่มความระมัดระวัง หากพบวัตถุต้องสงสัยหรือสิ่งผิดปกติ ควรแจ้งเจ้าหน้าที่โดยทันที เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

“รมช.มหาดไทย” เผย ภาพรวมสถานการณ์น้ำภาคเหนือ ยังต้องระวัง เตรียมพร่องน้ำเขื่อนสิริกิติ์ รอรับน้ำใหม่

 

วันที่ 29 ก.ค.2568 เมื่อเวลา 09.52น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีเหตุการณ์อุทกภัยพื้นที่ภาคเหนือ ว่าเช้าวันเดียวกันนี้ (29 ก.ค.) มีการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัด น่าน เชียงราย อุตรดิตถ์ สุโขทัย และแพร่ เพื่อสรุปสถานการณ์ โดย จ.เชียงราย รายงานว่าปริมาณน้ำกกที่จะเข้าสู่ตัวเมือง อาจจะมีน้ำสูงแต่ไม่ส่งผลกระทบในวงกว้าง

ขณะที่ อ.เวียงสา จ.น่าน เป็นอีกจุดหนึ่งที่แม้น้ำจะลดลงไปแล้วแต่มีฝนตกหนักเข้ามาในพื้นที่ จึงอาจได้รับผลกระทบอยู่ ในส่วนของ จ.สุโขทัย ที่มีน้ำเข้ามาในเขตเมืองและพื้นที่การเกษตร มีสาเหตุมาจากการชำรุดของพนังกั้นน้ำ ที่จะสามารถซ่อมแซมได้หลังจากน้ำผ่านพ้นไปแล้ว จึงขอให้ประชาชนทุกพื้นที่รอฟังการแจ้งเตือนจากทางรัฐบาล ในส่วนของความช่วยเหลือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้นำอาหารและน้ำดื่มไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบอุทกภัย

และเมื่อวันที่28 ก.ค.  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม ได้ลงพื้นที่ จ.น่าน เห็นขยะกองอยู่หน้าบ้านมีดินโคลนปะปนอยู่ด้วย ปัญหาตอนนี้คือน้ำประปาไม่เพียงพอแม้จะผลิตได้เท่าเดิมแต่เนื่องจากความต้องการน้ำมาก จึงประสานให้จังหวัดและอบต. ที่ไม่ได้รับผลกระทบรวมถึงปภ. ส่งน้ำเข้ามาให้ประชาชนได้นำไปทำความสะอาดบ้านเรือนก่อนดินโคลนจะแห้ง พ้องน้ำเขื่อนสิริกิติ์รอรับน้ำใหม่ 

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า ในส่วนของเขื่อนสิริกิติ์ เราได้เตรียมการพร่องน้ำเพื่อเตรียมรอรับน้ำใหม่ แต่จะไม่ให้กระทบกับพื้นที่ท้ายเขื่อน และการจัดการในปีนี้เราถือได้ว่าประชาชนมีความพร้อมในการอพยพไปอยู่ที่ปลอดภัยความสูญเสียจึงน้อย จากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ไปสำรวจความเสียหายเสียและเร่งเยียวยาต่อไป

 

"อุ๊งอิ๊ง" ลงพื้นที่น่าน ให้กำลังใจชาวบ้านหลังน้ำลด โดนตะโกนถาม “เป็นนายกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ สบายใจหรือไม่?”

น่าน "อุ๊งอิ๊ง" ลงพื้นที่น่าน ให้กำลังใจชาวบ้านหลังน้ำลด ตรวจความเสียหายวัดภูมินทร์  เกิดเหตุชุลมุนชาวบ้านต้องการพูดคุยกับด้วย แต่ถูกเจ้าหน้าที่กัน โวยวาย

สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดน่าน  ยังคงเฝ้าระวัง เนื่องจากยังมีฝนตกหนักในพื้นที่ทางตอนเหนือของจังหวัดน่าน และน้ำในแม่น้ำสาขาก็มีระดับเพิ่มขื้น  โดยน้ำได้เริ่มล้นทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่บ้านติดริมแม่น่าน  และเข้าท่วมพื้นที่บ้านแสงดาว ต.ฝายแก้ว ส่งผลให้รถยนต์เล็กไม่สามารถข้ามได้  

ขณะที่ วันนี้  28 ก.ค.2568  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยใหญ่ พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายโบราณสถานวัดภูมินทร์ อ.เมืองน่าน  โดยมีนายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมรองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน ทั้ง 3 เขต ร่วมให้การต้อนรับและรายงานความเสียหายในพื้นที่

โดยจุดที่วัดภูมินทร์ ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน นายกรัฐมนตรีได้มอบถุงยังชีพให้กับตัวแทนชาวบ้านบ้านภูมินทร์-ท่าลี่ และตรวจเยี่ยมความเสียหายของอุโบสถ ซึ่งมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสำคัญ "ปู่ม่านย่าม่าน" หรือ “กระซิบรักบรรลือโลก” จากการสำรวจพบว่า ฐานวิหารมีรอยร้าวจากความชื้นสะสมเนื่องจากน้ำท่วมขังบางส่วน ทำให้วัสดุบางจุดเกิดการบวมและแตกร่อน แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างหลักหรือจิตรกรรมโดยตรง

น.ส.แพทองธาร กล่าวระหว่างให้กำลังใจชาวบ้านว่า วันนี้มาในนามของคณะรัฐมนตรีเพื่อส่งความห่วงใยและกำลังใจให้พี่น้องชาวน่าน หลังน้ำลดเรารู้ว่าทุกคนยังลำบาก ต้องเร่งฟื้นฟูบ้านเรือนและดูแลซึ่งกันและกัน รัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งพี่น้อง และพร้อมสนับสนุนทุกด้านอย่างเต็มที่

ด้าน นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า แม้น้ำไม่ท่วมเข้าในอุโบสถโดยตรง แต่พบความเสียหายบางส่วน เช่น รอยร้าวฐานบัว และปูนแตกร่อน ซึ่งไม่กระทบโครงสร้างหลัก โดยกรมจะเร่งดำเนินการอนุรักษ์ เช่น การเสริมความแข็งแรงและฟื้นฟูพื้นผิวผนัง รวมถึงตรวจสอบภาพจิตรกรรมโดยนักอนุรักษ์และนักวิทยาศาสตร์หลังพื้นที่แห้งสนิท”

นอกจากนี้ยังห่วงใยถึง วัดหนองบัว อ.ท่าวังผา ที่ภาพจิตรกรรมถูกน้ำซึมถึง ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝีมือของจิตรกรคนเดียวกับผู้วาดภาพที่วัดภูมินทร์ โดยกระทรวงวัฒนธรรมสั่งกำชับให้ดูแลเป็นพิเศษ เพราะถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและ “ซอฟต์พาวเวอร์” สำคัญของจังหวัด

โดยขณะออกเดินทางไปยังอำเภอเวียงสาเพื่อมอบถุงยังชีพ จำนวน 1000 ถุง ให้แก่ประชาชนในพื้นที่อำเภอเวียงสา มีเหตุการณ์เล็กน้อย เมื่อแม่ค้าขายลอตเตอรี่พยายามเข้าไปพูดคุยสอบถามความในใจกับนายกรัฐมนตรี แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกันตัวไว้ ทำให้เกิดความไม่พอใจเล็กน้อย จึงโวยวาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครองจะเข้ากันตัวออกไป  โดยหญิงรายดังกล่าวเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ต้องการเพียงสอบถามว่า “คุณเป็นนายกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ คุณสบายใจหรือไม่?” ก่อนเพื่อนเข้าห้ามและพาตัวออกจากพื้นที่ และได้เดินทางไปที่หอประชุมวิทยาลัยการอาชีพเวียงสา ตำบลนาเหลือง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เพื่อมอบถุงยังชีพ จำนวน 1,000 ถุง ให้แก่ประชาชนในพื้นที่อำเภอเวียงสา ซึ่งได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2568 พร้อมเยี่ยมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉิน และช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต
 

วัดพระธรรมกาย จัดครัวสนามส่งด่วนอาหารปรุงสุกบรรเทาทุกข์คณะสงฆ์น่าน และผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ปทุมธานี วัดพระธรรมกายจัดครัวสนามส่งด่วนอาหารปรุงสุกบรรเทาทุกข์คณะสงฆ์น่านและผู้ประสบภัยน้ำท่วม

วันที่ 27 กรกฎาคม 2568 พระมหานพพร ปุญฺญชโย ป.ธ.9 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า เมื่อสถานการณ์น้ำท่วมยังคงส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของคณะสงฆ์และชาวบ้านในหลายพื้นที่ของจังหวัดน่าน วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี ได้จัดตั้งครัวสนาม ส่งอาหารปรุงสุกและถุงยังชีพบรรเทาทุกข์ถึงพื้นที่ พร้อมประสานภาครัฐและเครือข่ายกัลยาณมิตรเพื่อช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

 วัดพระธรรมกาย มูลนิธิธรรมกาย และศูนย์ส่งเสริมศีลธรรมจังหวัดน่าน โดยกัลฯ อภิสมย์ พรฝีปากเพราะ ผู้แทนคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้รับการประสานข้อมูลจากผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดน่าน จัดครัวสนามประกอบอาหารและน้ำปานะเพื่อดูแลคณะสงฆ์ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดน่าน
 

ทั้งนี้ ได้รับการอนุเคราะห์เรือยนต์ท้องแบนจากกองทัพบกและหน่วยกู้ภัยสว่างสระแก้ว เพื่อนำภัตตาหารถวายแด่พระสังฆาธิการและพระภิกษุสามเณรที่จำพรรษา ณ วัดพญาภู วัดมิ่งเมือง วัดพระธาตุช้างค้ำ และวัดกู่คำ รวมกว่า 60 รูป พร้อมกันนี้ ยังได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแก่ชุมชนซึ่งอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมสูงเป็นเวลานาน ไม่สามารถใช้เส้นทางสัญจรตามปกติได้

ในการนี้ พระครูปลัดรัตนวีรวัฒน์ (รังสฤษดิ์ อิทฺธิจินฺตโก) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้สั่งการให้ฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของวัดพระธรรมกายจัดส่งถุงยังชีพลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย โดยจะนำส่งผ่านเครือข่ายกัลยาณมิตรศูนย์ส่งเสริมศีลธรรมจังหวัดน่านในวันนี้

ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ ด้วยการตักบาตรอาหารแห้งที่วัดพระธรรมกาย หรือส่งเครื่องอุปโภคบริโภคผ่านระบบขนส่งมายังศาลามหาทานบารมี (อาหารแห้งช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม) วัดพระธรรมกาย (อาคารครัว 71 ปี) เลขที่ 23/2 หมู่ 7 ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120 หรือร่วมบุญผ่านบัญชี ธนาคารกรุงไทย เลขที่ 152-1-20208-7 ชื่อบัญชี: วัดพระธรรมกาย หรือผ่านเว็บไซต์: https://donate.dkcmain.org

โรงพยาบาลน่านเสียหายหนัก! น้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตรนานกว่า 40 ชั่วโมง ยังไม่สามารถเปิดให้บริการตามปกติได้

น่าน สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดน่านเริ่มคลี่คลายลงบ้างแล้ว แต่โรงพยาบาลน่านยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนัก ล่าสุดพบความเสียหายรุนแรงในหลายจุด โดยเฉพาะอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉินที่ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตรติดต่อกันนานกว่า 40 ชั่วโมง ส่งผลให้อุปกรณ์ทางการแพทย์ เตียงผู้ป่วย เก้าอี้ และโซฟาลอยไปตามกระแสน้ำ ก่อนจะไปติดอยู่บริเวณช่องประตูและมุมต่าง ๆ ของอาคาร

วันที่ 26 ก.ค.68 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปภายในอาคารเพื่อเริ่มทำความสะอาดและประเมินความเสียหายเบื้องต้นได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการตามปกติได้ เนื่องจากต้องรอการสำรวจโครงสร้างอาคารและอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างละเอียดอีกครั้งหลังระดับน้ำลดลงจนปลอดภัย

ทีมแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายของโรงพยาบาลน่าน ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่อย่างเต็มกำลังเพื่อดูแลผู้ป่วยที่ยังคงต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ท่ามกลางความยากลำบากก็ตาม

ขณะเดียวกัน ด้วยสถานการณ์น้ำท่วมที่รุนแรง ศพผู้เสียชีวิต 5 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการในโรงพยาบาลน่าน ได้รับการเคลื่อนย้ายไปฝากไว้ที่วัดสถารส เป็นการชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย

สำหรับความเสียหายทั้งหมดของโรงพยาบาลน่านในขณะนี้ ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าได้อย่างชัดเจน ต้องรอให้น้ำลดลงและเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบโครงสร้างและอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดอีกครั้ง

"รมว.อรรถกร" ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมน่าน เร่งเข้าช่วยเหลือและฟื้นฟูสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

"รมว.อรรถกร" ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมน่าน สั่งปูพรมสำรวจความเสียหายพื้นที่เกษตร พร้อมเร่งเข้าช่วยเหลือและฟื้นฟูสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

วันนี้ 25 ก.ค.2568 เวลา 15.00 น.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  และหน่วยงานสังกัดเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่จังหวัดน่าน ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดน่าน จากอิทธิพลของพายุวิภา ที่ส่งผลให้ฝนตกหนักและมีปริมาณน้ำหลากเข้าท่วมพื้นที่พักอาศัย และพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายหลายจุด โดยมี นางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วย ดร.เชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม  พร้อมด้วยส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมต้อนและให้ข้อมูล พร้อมประชุมหารือแนวทางการบริหารจัดการน้ำ เพื่อเร่งแก้ไขสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติ และกำหนดแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน 

นายอรรถกร กล่าวว่า จากการรายงานคาดการณ์พื้นที่ทางการเกษตรที่ได้รับผลกระทบ พบว่า พื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบทั้งหมด 11 อำเภอ เนื้อที่รวม 56,749.22 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าว 39,602.15 ไร่ พืชไร่/พืชผัก 8,455.04 ไร่ ไม้ผล/ไม้ยืนต้น 8,654.26 ไร่ และอื่น ๆ 37.77 ไร่ จึงได้กำชับทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปูพรมสำรวจความเสียหายทางการเกษตรเพิ่มเติม เน้นการเข้าถึงเกษตรกร และวางแผนช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ปัจจุบันกระทรวงเกษตรฯ ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งสนับสนุนถุงยังชีพ, รถบรรทุก 6 ล้อ และรถบรรทุกน้ำจุ 6,000 ลิตร เข้าช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบในเบื้องต้น อีกทั้งได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำในหลายพื้นที่เพื่อเร่งระบายน้ำในพื้นที่

จากนั้น นายอรรถกร ได้เดินทางตรวจเยี่ยมสถานการณ์และพบปะให้กำลังใจพี่น้องเกษตรกรผู้ประสบภัยในพื้นที่อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน อีกทั้งมอบถุงยังชีพกว่า 1,000 ชุด พร้อมสนับสนุนหญ้าอาหารสัตว์ และสารชีวภัณฑ์สำหรับการฟื้นฟูสภาพพื้นที่หลังน้ำลด นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ปฏิบัติงานเชิงรุก โดยประสานงานร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายในท้องถิ่น เพื่อแก้ไขปัญหาเบื้องต้นอย่างทั่วถึง และรวดเร็ว บนพื้นฐานความปลอดภัยของทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และเกษตรกรผู้ประสบภัย