Hansgrohe ประเทศไทย จับมือสมาคมมัณฑนากรไทย สร้างแรงบันดาลใจให้นักออกแบบรุ่นใหม่

Hansgrohe (ฮานส์โกรเฮอ) ประเทศไทย บริษัทในเครือ Hansgrohe SE ผู้ผลิตอุปกรณ์ห้องน้ำและห้องครัวระดับพรีเมียมถึงลักชัวรีจากเยอรมนี ร่วมกับสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย (Thailand Interior Designers’ Association - TIDA) ได้ลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธ์อย่างเป็นทางการ เพื่อยกย่องและสนับสนุนนักออกแบบรุ่นใหม่ของไทย งานลงนามในครั้งนี้ยังเป็นการประกาศการสนับสนุนของ Hansgrohe ต่อเวทีรางวัล TIDA Thesis Awards (ปี 2568–2570) ซึ่งเป็นโครงการประจำปีอันทรงเกียรติที่มอบรางวัลให้กับโครงงานวิทยานิพนธ์ยอดเยี่ยมของนิสิตและนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาด้านสถาปัตยกรรมภายในและการออกแบบทั่วประเทศมาเป็นเวลากว่าทศวรรษ

ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของ Hansgrohe ว่า การออกแบบที่ยอดเยี่ยมคือรากฐานของนวัตกรรมที่มีคุณค่า โดย Hansgrohe แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นระยะยาวในการสนับสนุนเวทีรางวัล TIDA Thesis Awards เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ความยั่งยืน และฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์ของนักออกแบบรุ่นใหม่ของไทย

คุณ Christophe Gourlan, Chief Sales Officer ของ Hansgrohe Group กล่าวว่า เรามองความร่วมมือครั้งนี้ว่าเป็นการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่การสนับสนุนเพียงครั้งเดียว ด้วยการเล็งเห็นถึงศักยภาพด้านความคิดสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่ของประเทศไทย เราตั้งใจที่จะมีส่วนช่วยพัฒนานักออกแบบรุ่นใหม่และเสริมสร้างความก้าวหน้าด้านการออกแบบของประเทศผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ การทำงานอย่างใกล้ชิดกับ TIDA จะช่วยเปิดโอกาสให้นักออกแบบรุ่นใหม่ได้ก้าวสู่เวทีโลก ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และเชื่อมต่อกับเครือข่ายวิชาชีพที่สำคัญ

“ความสำเร็จของเราไม่ได้อยู่เพียงแค่การได้รับการยกย่องเท่านั้น แต่จะถูกสะท้อนผ่านผลลัพธ์ที่ส่งต่อไปในระยะยาว ทั้งการสร้างความร่วมมือ การจุดประกายการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และการร่วมกันกำหนดอนาคตของวงการออกแบบ”

ความร่วมมือครั้งนี้ตอกย้ำบทบาทของกรุงเทพฯ ในฐานะศูนย์กลางด้านการออกแบบสำคัญของ Hansgrohe ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยโครงการด้านโรงแรม ที่อยู่อาศัย และพาณิชยกรรมที่หลากหลายทั่วภูมิภาค Hansgrohe มองว่านักออกแบบไทยมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวงการการออกแบบระดับโลก ด้วยเอกลักษณ์ที่ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างวัฒนธรรมและความทันสมัยสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่กำหนดประสบการณ์ในห้องน้ำและห้องครัวในอนาคต

ด้านสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทยมองว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะเปิดประตูสู่โอกาสให้นักออกแบบสายเลือดใหม่ของไทย โครงการ TIDA Thesis Awards ไม่เพียงสร้างพื้นที่ให้ผลงานของพวกเขามีโอกาสได้รับการยอมรับในวงการ แต่จะช่วยผลักดันให้ผลงานเหล่านี้สร้างผลกระทบที่สัมผัสได้จริง วิสัยทัศน์ระดับโลก และความมุ่งมั่นตั้งใจของแบรนด์ต่าง ๆ ที่เข้ามาร่วมสนับสนุนโครงการนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้นักออกแบบไทยกล้าตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ขึ้น และมองว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนนักออกแบบระดับโลก

การเปิดรับผลงานในโครงการ TIDA Thesis Awards จะเริ่มขึ้นทั่วประเทศในเดือนตุลาคม 2568 สำหรับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการเปิดรับผลงาน สามารถติดตามได้ที่ Facebook และเว็บไซต์ทางการของสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย

NUE Riverest และ Park Origin Chula-Samyan ตอกย้ำความเป็นผู้นำวงการอสังหาฯ-ฝีมือนักออกแบบไทยโดดเด่นบนเวทีระดับโลก

ในปี 2024 แวดวงการออกแบบสถาปัตยกรรมในประเทศไทยยังโดดเด่นเปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ และใส่ใจด้านความยั่งยืน ผสานนวัตกรรมกับสภาพแวดล้อมธรรมชาติไว้อย่างกลมกลืน จะสังเกตเห็นได้ว่า  ภูมิสถาปัตยกรรมในเมืองหลวงอันเป็นเส้นเลือดใหญ่ทางธุรกิจอย่างกรุงเทพฯ ที่เชื่อมโยงธุรกิจการลงทุนและไลฟ์สไตล์ชีวิตที่ไม่หยุดนิ่งของผู้คนไว้ในที่เดียวกัน ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และนักสถาปัตยกรรมต่างร่วมมือกันถ่ายทอดและนำเสนอผลงานออกแบบอันโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ รวมถึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสรรสร้างพื้นที่การใช้ชีวิตและประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้อยู่อาศัยและสังคมร่วมกัน

เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งเมื่อโครงการคอนโดมิเนียมสองโครงการชั้นนำอย่าง NUE Riverest (นิว ริเวอร์เรสต์) และ Park Origin Chula-Samyan (พาร์ค ออริจิ้น จุฬา สามย่าน) โดยฝีมือการออกแบบจากทีม ATOM Design (อะตอม ดีไซน์) บริษัทผู้เชี่ยวชาญการออกแบบคอนโดอันดับต้นๆ ของเมืองไทยสามารถถ่ายทอดแรงบันดาลใจและแนวคิดโครงการสู่ผลงานออกแบบสถาปัตยกรรมชั้นเลิศและมีความหมายต่อการใช้ชีวิตของผู้คน จนคว้าสองรางวัลในงานประกาศผลรางวัล Asia Pacific International Property& Hotel Awards 2024-25) มาครองได้สำเร็จ

สองพื้นที่ใช้ชีวิตตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แตกต่างอย่างยั่งยืน  

NUE Riverest ถ่ายทอดแนวคิดจากเส้นขอบฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์และได้แรงบันดาลใจจากหุบเขา สร้างความเป็นอยู่อันสมบูรณ์ระหว่างธรรมชาติและชีวิตในเมือง ภายในโครงการถูกพัฒนาและออกแบบอย่างลงตัว ลดจำนวนยูนิตต่อชั้นเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวและมอบความหรูหราในเวลาเดียวกัน ผู้อาศัยจะได้สัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น สระว่ายน้ำที่มองเห็นวิวแม่น้ำงดงาม และได้ผ่อนคลายไปกับ On ground lounges พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกบนชั้นดาดฟ้าที่น่าตื่นตาตื่นใจ

Park Origin Chula-Samyan โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์การออกแบบลอฟท์ ให้เพดานสูงถึง 4.5 เมตร ทำให้ผู้อาศัยมีความยืดหยุ่นในการเพิ่มชั้นกลางหากต้องการพื้นที่ใช้งานเพิ่มเติม บนทำเลหัวใจธุรกิจของกรุงเทพฯ ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา โครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกบนดาดฟ้าที่มอบมุมมองแบบ 360 องศาของเมืองและแม่น้ำ สิ่งอำนวยความสะดวกประกอบด้วยสระว่ายน้ำกลางแจ้ง สวนจิตรกรรมเขียวขจี เลานจ์และ co-working space ไว้ใช้ทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ โครงการยังมีระบบจอดรถอัตโนมัติเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด

Asia Pacific International Property & Hotel Awards 2024-25 เป็นเวทีที่ได้รับการยอมรับอย่างยิ่งในวงการอสังหาริมทรัพย์ รับรองความเป็นเลิศในด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบด้วยมาตรฐานสากล การได้รับรางวัลครั้งนี้ จึงเป็นเครื่องยืนยันถึงความสามารถและทุ่มเทของทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง NUE Riverest และ Park Origin Chula-Samyan ในการสร้างพื้นที่การใช้ชีวิตที่ยอดเยี่ยมและเป็นแรงผลักดันต่อผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในการร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนให้มีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหัวใจสำคัญ ตลอดจนขับเคลื่อนธุรกิจแวดวงอสังหาริมทรัพย์และสถาปัตยกรรมสู่อนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน

GIT เปิดเวทีชวนนักออกแบบ “ไทย-ต่างชาติ”ส่งผลงานประกวดออกแบบเครื่องประดับระดับโลกปีที่ 18

GIT เปิดเวทีชวนนักออกแบบ “ไทย-ต่างชาติ”ส่งผลงานประกวดออกแบบเครื่องประดับระดับโลกปีที่ 18 ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 7,000 เหรียญสหรัฐ พร้อมโล่เกียรติยศ

เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 GIT จัดการแถลงข่าวโครงการประกวดการออกแบบเครื่องประดับครั้งที่ 18 “Enchanted Hues – Unlocking the Secrets of Primary Colors Theory” เฟ้นหาศักยภาพของนักออกแบบที่มีความคิดสร้างสรรค์โดดเด่นเหนือจินตนาการ พร้อมยกทีมผู้เชี่ยวชาญร่วมตีโจทย์ยกระดับต่อยอดการออกแบบสู่สากล ณ โรงแรม เลอบัว แอท สเตททาวเวอร์ กรุงเทพฯ

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ หรือ GIT กล่าวว่าอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย ถือได้ว่าเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญ สินค้าส่งออกในอันดับที่ 2 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.59 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย โดยมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทย เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 ขยายตัวตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 57.26 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีมูลค่า 1,927.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 3,031.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ทั้งนี้ หากนำมูลค่าดังกล่าวข้างต้นหักออกด้วยการส่งออกทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูป พบว่า การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 1,822.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 14.78 ซึ่งเห็นได้ว่าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเผชิญอยู่กับภาวะวิกฤติเศรษฐกิจต่างๆ ที่เกิดขึ้น

สถาบันมีภารกิจในการพัฒนาบุคลากรในด้านต่างๆ เข้าสู่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนารูปแบบเครื่องประดับขึ้นในวงการอัญมณีและเครื่องประดับอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนให้นักออกแบบรุ่นใหม่และผู้สนใจในการออกแบบเครื่องประดับได้มีโอกาสนำเสนอผลงานตลอดจนให้มีการนำผลงานออกแบบไปผลิตชิ้นงานจริง และสร้างความตื่นตัวในเรื่องการออกแบบ สำหรับโครงการประกวดการออกแบบเครื่องประดับครั้งที่ 18 ได้กำหนดหัวข้อการประกวดภายใต้หัวข้อ “Enchanted Hues – Unlocking the Secrets of Primary Colors Theory” การออกแบบที่ต้องผสมผสานอัญมณีธรรมชาติ 3 สี ได้แก่ ทับทิม ไพลิน และบุษราคัม ผสมผสานองค์ประกอบของศิลปะ หลอมรวม ความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจ สู่การออกแบบเป็นคอลเลกชั่น High Jewelry ที่เต็มไปด้วยจินตนาการและนวัตกรรมเป็นเครื่องประดับที่มีความสวยงามและน่าหลงใหลอย่างแท้จริง

ซึ่งการประกวดครั้งนี้ เปิดโอกาสให้กลุ่มนักออกแบบมืออาชีพและรุ่นใหม่ รวมถึงประชาชนทั่วไปที่สนใจทั่วโลกได้มีเวทีในการแสดงศักยภาพแห่งความคิดสร้างสรรค์ นำไปสู่ทิศทางด้านการออกแบบฉายภาพแนวโน้มที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต (Jewelry Design Trend) โดยนักออกแบบจะต้องส่งแบบวาดไม่จำกัดเทคนิค หรือภาพเขียนจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่มีแนวคิดการออกแบบสอดคล้องกับหัวข้อการประกวด จำนวนไม่น้อยกว่า 3 ชิ้นใน 1 ชุด (คอลเลคชั่น) โดยในชุดนั้นจะต้องมีสร้อยคอเป็นเครื่องประดับหลักและเครื่องประดับอื่นๆ เช่น ต่างหู แหวน กำไล เป็นต้น

ชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 เหรียญสหรัฐ โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 3,000 เหรียญสหรัฐ รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัลมูลค่า 2,000 เหรียญสหรัฐ รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 1,000 เหรียญสหรัฐ รางวัลชมเชย เงินรางวัล 500 เหรียญสหรัฐ และรางวัล GIT Popular Design เงินรางวัล 500 พร้อมโล่เกียรติยศ โดยสถาบันจะประกาศผลการตัดสินรอบแรกจากแบบวาดในวันที่ 11 มิถุนายน นี้ โดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการออกแบบ และผู้ที่คร่ำหวอดในวงการเครื่องประดับจากทั่วโลก

และพิเศษสำหรับปีนี้ GIT ได้วางแผนในการต่อยอดเชิงพาณิชย์ให้กับผู้ที่ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวด โดยนักออกแบบสามารถเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Community Platform : GIT Jewelry Design Gallery ซึ่งเป็นช่องทางในการเชื่อมโยงระหว่างนักออกแบบและผู้ประกอบการในการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องประดับให้ก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับนักออกแบบ และ 4 ผลงานที่ได้รับคัดเลือกเป็นคะแนนสูงสุด จะได้ผลิตเป็นเครื่องประดับจริงเพื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศต่อไป

สำหรับผู้สนใจส่งผลงานเข้าประกวด สามารถส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 พฤษภาคม 2567 ผ่านทางเว็บไซต์ www.gitwjda.com หรือส่งผลงานพร้อมใบสมัครทางไปรษณีย์ หรือส่งผลงานด้วยตัวเองที่ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เลขที่ 140 อาคารไอทีเอฟ – ทาวเวอร์ ชั้น 3 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการ โทร. +66 2 634 4999 ต่อ 301-306 และ 311-313 หรือ LineOA: @gittrainingcenter และดูรายละเอียดการรับสมัครได้ที่ www.gitwjda.com

“ดีพร้อม” ปั้นนักออกแบบประดับวงการแฟชั่นไทย โชว์ผลงานสร้างสรรค์ “ใช้วัสดุรูปแบบใหม่ or Reuse & Recycle”

นายวัชรุน จุ้ยจำลอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) เป็นแนวคิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่บนพื้นฐานของการใช้องค์ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเชื่อมโยงกับทุนทางวัฒนธรรมและเทคโนโลยี นวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรม เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ ซึ่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอียุคใหม่ต้องมีความพร้อมทั้งทักษะการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักออกแบบรุ่นใหม่ต้องได้รับการพัฒนาแนวคิด และองค์ความรู้ พร้อมเรียนรู้ที่จะนำแนวคิดและแรงบันดาลใจใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ดังนั้น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว จึงเดินหน้าจัดกิจกรรมพัฒนานักออกแบบดีพร้อมรุ่นใหม่ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (The New Face Designer to DIPROM 2023) ที่มุ่งพัฒนานักออกแบบรุ่นใหม่ให้มีองค์ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และเปิดโอกาสประสบการณ์การทำงานร่วมกับเพื่อนนักออกแบบ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อันจะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าของตนและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค พร้อมก้าวเข้าสู่ความเป็นมืออาชีพที่มีศักยภาพและประสบความสำเร็จ ซึ่งจะก่อให้เกิดการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยอย่างยั่งยืน

นายวัชรุน กล่าวต่อว่า กิจกรรมพัฒนานักออกแบบดีพร้อมรุ่นใหม่ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในปีนี้ ได้คัดเลือกนักออกแบบ 27 ราย เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ทั้งด้านการออกแบบการตลาด การสร้างแบรนด์ และการสร้างแรงบันดาลใจจากกูรูในวงการแฟชั่นของประเทศไทย อาทิ คุณผักกาด ประภากาศ แบรนด์ HOOK’s คุณอู๋ วิชระวิชญ์ แบรนด์ WISHARAWISH คุณลิ้ม สมชัย แบรนด์ FLYNOW คุณโก้ ชัยชน แบรนด์ Good  Mixer และคุณจ๋อม ศิริชัย แบรนด์ THEATRE รวมถึงพี่เลี้ยงประจำโครงการอย่าง คุณไก่ บัญชา ชูดวง อาจารย์ภาควิชาแฟชั่น คุณเอก ทองประเสริฐ และคุณโย ทรงวุฒิ ทองทั่ว จากรีนิม โปรเจคต์ ที่คอยให้คำปรึกษาตลอดโครงการตั้งแต่การปรับพื้นฐานความพร้อมของนักออกแบบเข้าสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ การบ่มเพาะนักออกแบบหน้าใหม่สู่นักออกแบบมืออาชีพรุ่นใหม่ ร่วมแชร์ประสบการณ์กับนักออกแบบระดับประเทศ ตลอดจนกิจกรรม Workshop ต่าง ๆ  และการศึกษาดูงาน Designer Field Trip ณ Red Warehouse by FLYNOW

นอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการโชว์ผลงานของนักออกแบบที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ ทั้ง 27 ราย ภายใต้แนวคิด "การใช้วัสดุรูปแบบใหม่ or Reuse & Recycle" แฟชั่นที่จะต้องมาพร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อม มาจัดแสดงเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ณ True5G Pro Hub ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ พร้อมทั้งพิธีมอบโล่รางวัลแก่ผู้ชนะสุดยอดนักออกแบบหน้าใหม่ ทั้ง 3 ราย ได้แก่ คุณอารดา เพ็งจันทร์ รางวัลชนะเลิศสุดยอดนักออกแบบหน้าใหม่ คุณพณดา วงศ์ใหญ่ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 และคุณกิตตินันท์ อันนานนท์ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 และมอบวุฒิบัตรแก่นักออกแบบที่เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว จำนวน 27 ราย อีกด้วย   

ทั้งนี้ ดีพร้อม มุ่งมั่นที่ส่งเสริม พัฒนา และเพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ การสร้างเครือข่าย รวมถึงการสร้าง และพัฒนาบุคลากรนักออกแบบหน้าใหม่และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแฟชั่นให้มีโอกาสพัฒนาองค์ความรู้ และนำไปประยุกต์ต่อยอดธุรกิจด้านแฟชั่นเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยสู่ระดับสากลต่อไป