ตร.เปิดเผยภาพวงจรปิด "2นักข่าว" สนับสนุนพ่นสีวัดพระเเก้ว ด้าน "ศาลอาญา" ให้ประกันตัวโดยไม่มีเงื่อนไขอื่น

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง ยื่นคำร้องฝากขัง นายณัฐพล เมฆโสภณ ผู้สื่อข่าวประชาไท และนายณัฐพล พันธ์พงส์สานนท์ นักข่าวและช่างภาพอิสระ ถูกจับกุมตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 22 พ.ค. 2566 โดนตำรวจจาก สน.พระราชวัง  ในคดีตาม พรบ.โบราณสถาน

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมายื่นฝากขัง ซึ่งทั้งสองให้การปฏิเสธ ศาลก็อ่านข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนถึงพฤติการณ์สนับสนุนวางแผนและช่วยเหลือผู้ต้องหา ซึ่งตอนนี้ตกเป็นจำเลยคดีพ่นสีในรั้วของวัดพระแก้ว ผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธและขอคัดค้านการฝากขัง ซึ่งตนทำคำร้องคัดค้านไป โดยเหตุผลว่าตำรวจได้ขอฝากขังโดยอ้างว่าจะต้องสอบสวนพนักงานสอบสวนทั้ง 5 ปากและ จะมีพยานเพิ่มเติม ศาลก็เลยเห็นว่าสมควรรับฝากขังไว้ ให้ยกคำร้องคัดค้านการฝากขัง

เหตุผลที่ศาลยกคำร้องคือ ศาลเชื่อว่ามีเหตุผลที่รับฝากขังไว้ เนื่องจากพนักงานสอบสวนยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้นแต่ว่าศาลก็ไต่สวนคือทางผู้ต้องหาทั้งสองคนพยายามที่จะทำคำร้องไปชี้แจงว่าพนักงานสอบสวนไม่มีเหตุผลที่จะสอบสวนเพิ่มเติมแล้ว เพราะตัวผู้พ่นสีที่อ้างว่าผู้ต้องหาไปสนับสนุน ถูกฟ้องสอบสวนเสร็จเป็นคดีในศาลอาญา เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปสอบสวนเพิ่มเติม และหมายจับออกไปตั้งแต่ 22 พ.ค.66 แล้วทำไมพึ่งมาจับ ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง แต่ศาลเห็นว่าคำคัดค้านของผู้สื่อข่าวทั้งสองคนไม่มีเหตุผลเพียงพอยกคำร้อง งดการไต่สวนทั้งหมด ทำให้วันนี้ไม่มีการนำพยานไต่สวน  ตอนนี้อยู่ในระหว่างยื่นประกัน น่าจะรายละ5 หมื่นบาท ก็คงประกันตัวได้แล้วแต่ ซึ่งเงินประกันมีสำนักข่าวประชาไทช่วยออกสำหรับนักข่าวในสังกัดส่วนอีกคนใช้เงินญาติเเละเงินกองทุน

ด้านตำรวจเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิด ลำดับให้เห็นถึงการกระทำที่นำไปสู่การออกหมายจับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า มีเบื้องหลังในเรื่องของพยานหลักฐาน ก่อนตัดสินใจเข้าจับกุมดำเนินคดี นายณัฐพล เมฆโสภณ ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวประชาไท และนายณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ ช่างภาพอิสระ ตามหมายจับคดีอาญาลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหายจากการขีดเขียนข้อความ พ่นข้อความคัดค้าน มาตรา 112 ที่กำแพงวัดพระแก้ว

หลักฐานของตำรวจเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเห็นว่า นายณัฐพลได้ร่วมประชุมวางแผนกับกลุ่มผู้ก่อเหตุพ่นสีบริเวณกำแพงวัดพระแก้ว ตั้งแต่ก่อนก่อเหตุ 1 วัน

หลักฐานกล้องวงจรปิดพบว่า ช่วงเย็นถึงค่ำก่อนเกิดเหตุ พ่นสี นายณัฐพลพร้อมกับพวก ซึ่งมีบางคนร่วมกันก่อเหตุพ่นสีที่บริเวณกำแพงวัดพระแก้ว ได้ไปหารือเพื่อวางแผนและสำรวจสถานที่ก่อน ที่บริเวณหน้าศาลฎีกา สนามหลวง

จากนั้นวันเกิดเหตุ คนกลุ่มเดิมก็ไปรวมตัวกัน 16:00 น. กระทั่ง 17:40 น. ถึง 18 .00 น ทุกคนเข้าประจำจุด และทำหน้าที่ของตัวเอง 

ระหว่างที่นายศุทธวีร์ ผู้ต้องหาพ่นสี ดำเนินการก่อเหตุ นายณัฐพล ผู้สื่อข่าวประชาไท เช่นเดียวกับ นายณัฐพล ที่เป็นช่างภาพอิสระ ทำหน้าที่ถ่ายภาพ ส่วนผู้ร่วมกลุ่มอีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิง ทำหน้าที่ไลฟ์สด อีกคนเป็นชายทำหน้าที่ถ่ายวิดีโอ ส่วนเพื่อนร่วมกลุ่มที่ทำหน้าที่อีกคนหนึ่งทำหน้าที่ถ่ายภาพนิ่ง และสุดท้ายคือ ตะวัน เป็นคนกระจายคลิปและภาพต่างๆ ลงสื่อโซเชียล

ภาพจากวงจรปิดพบว่า นายณัฐพลเข้าที่เกิดเหตุก่อนที่จะมีการก่อเหตุ และก็มีพฤติกรรมถ่ายภาพ  มีนายศุทธวีร์ เตรียมดำเนินการและกำลังดำเนินการ เพราะปกติ ถ้าไม่ทราบแผนมาก่อน ก็จะไม่สามารถนำอุปกรณ์มาถือรอถ่ายภาพขณะเกิดเหตุได้

นอกจากนี้ ยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดในเรื่องของการนัดพบปะกันของคนกลุ่มนี้ล่วงหน้าด้วย

ต่อมา เวลา 15:50 น. ศูนย์ทนายความเพื่อ สิทธิมนุษยชนรายงานว่าศาลอาญาให้ประกันตัวทั้งคู่โดยวางเงินคนละ 35,000 บาท โดยไม่มีเงื่อนไขอื่น หลังศาลอนุมัติฝากขังในตอนแรก โดยทั้งคู่ได้รับการปล่อยตัวจากศาลอาญาในช่วงเย็นวันนี้

"นายกฯ" ยันไม่กลั่นแกล้งปม "นักข่าวโดนจับ" ย้ำรัฐบาลแฟร์ให้เสรีภาพสื่อ แต่ถ้าทำผิดเป็นเรื่องมั่นคง-ตร.

วันที่ 13 ก.พ.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวประชาไท ถูกตำรวจชุดนอกเครื่องแบบแสดงหมายจับ ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหายจากการขีดเขียนข้อความ จากการทำข่าวดังกล่าว ว่า รัฐบาลนี้ให้ความแฟร์กับเรื่องสิทธิเสรีภาพสื่อพอสมควร สื่อก็เห็นจากที่อยู่กับตนมา 5-6 เดือน มีอะไรตนก็ตอบตลอดเวลาและให้เกียรติซึ่งกันและกันตลอดเวลา ตนเชื่อว่ารัฐบาลนี้และรัฐมนตรีทุกท่านให้ความสำคัญและให้เกียรติซึ่งกันและกันมาโดยตลอด

ส่วนเรื่องนักข่าวคนนี้จะไปทำอะไรผิดหรือไม่นั้น ก็ถือเป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องไปดูแลให้เหมาะสม และแน่นอนถ้าจะให้ตนสั่งการ ก็สั่งการไม่มีการกลั่นแกล้งแน่นอน ทุกอย่างว่าไปตามตัวบทกฎหมายยืนยัน ตนเชื่อว่าการกระทำของรัฐบาลนี้และรัฐมนตรีทุกท่านเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าเราให้สิทธิและเสรีภาพสื่อ

 

#จับนักข่าว #นักข่าวโดนจับ

 

"ทนายสิทธิ" เตรียมเสนอยื่นค้านฝากขังคดี 2 ผู้สื่อข่าว โดนข้อหาสนับสนุนทำลายโบราณสถาน 

ทนายสิทธิเตรียมเสนอยื่นค้านฝากขังคดี 2 ผู้สื่อข่าวไปทำข่าวเเต่โดนข้อหาสนับสนุนทำลายโบราณสถาน ทนายด่างชี้ เป็นการหยามเกียรติสื่อมวลชนไทย รัฐบาลควรรับผิดชอบ 

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วย น.ส.คุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์ ทนายความจากศูนย์เพื่อสิทธิมนุษยชนเดินทาง มายังศาลอาญา ในคดีที่มีการยื่นคำร้องฝากขัง นายณัฐพล เมฆโสภณ ผู้สื่อข่าวประชาไท และนายณัฐพล พันธ์พงส์สานนท์ นักข่าวและช่างภาพอิสระ ถูกจับกุมตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 22 พ.ค. 2566 โดนตำรวจจาก สน.พระราชวัง  ในคดีตาม พรบ.โบราณสถาน

โดย น.ส. คุ้มเกล้า กล่าวว่า หมายจับออกโดยศาลอาญาเมื่อวันที่ 22 พ.ค.66 เป็นการออกหมายจับหลังจากเหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 มี.ค.66 จากกรณีที่มีนักกิจกรรมได้พ่นสีข้อความเชิงสัญลักษณ์บนกำแพงวัดพระเเก้ว ซึ่งคดีมีการฟ้องเเล้วอยู่ระหว่างสืบพยานในศาล เเต่กลับมีการออกหมายจับนักข่าว 2 คน จากสำนักข่าวประชาไท เเละสำนักข่าวออนไลน์เเห่งหนึ่ง ทั้งที่เวลาผ่านไปกว่า 1 ปี โดยข้อหาที่โดนเเจ้งเป็นผู้สนับสนุนทำลายโบราณสถาน ตาม พรบ.โบราณสถานมีโทษจำคุกไม่เกิน7 ปี ปรับไม่เกิน 7 เเสนบาท ซึ่งในการลงโทษฐานสนับสนุนจะไม่สูงเท่าตัวการ โดยผู้สนับสนุนจะมีโทษ3 ใน4 ของโทษเต็มซึ่งถือว่ายังเป็นโทษที่สูง ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยให้การว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนเเละช่างภาพเพื่อนำเสนอข้อเท็จจริง เพื่อที่จะนำพิจารณาในชั้นสอบสวนไปถึงพนักงานอัยการต่อไป เมื่อวานนี้ทางทนายความได้ขอยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในชั้นสอบสวน ซึ่งมองว่าจากข้อหาความผิดในคดีเเละไม่มีพฤติการณ์หลบหนี โดยการออกหมายจับไม่ใช่ออกเพราะจะหลบหนี เเต่เป็นการออกหมายจับเพราะฐานความผิดโทษเกิน3ปี ซึ่งพนักงานสอบสวนมีเหตุที่จะให้ประกันในชั้นสอบสวนได้ เเต่กลับไม่ให้ประกันเเละนำตัวมายื่นฝากขัง ซึ่งการฝากขังควรต้องมีเหตุจึงฝากขังได้ เเต่คดีนี้ผ่านมา1 ปีการสืบสวนสอบสวนควรต้องเเล้วเสร็จไปเเล้ว ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะมีการยื่นคัดค้านการฝากขังซึ่งเเม้อาจจะใช้ระยะเวลานานบ้างในวันนี้ เเต่ผู้ต้องหาประสงค์ให้ยื่นเพราะไม่เห็นด้วยกับการดำเนินคดีฝากขังจากการทำหน้าที่นักข่าวในครั้งนี้ เเต่ทางทนายก็จะถามความยินยอมว่าจะขอให้ทนายคัดค้านการฝากขังหรือยื่นประกันตัวเลย 

เมื่อถามถึงเหตุที่พนักงานสอบสวนไม่ให้ประกันตัว น.ส. คุ้มเกล้า กล่าวว่า พนักงานสอบสวนระบุว่า มีหมายจับเเละคดีมีอัตราโทษจำคุกเกิน3ปีจึงให้เป็นอำนาจศาลพิจารณาซึ่งการดำเนินคดีครั้งนี้พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนกลับมองว่า ผู้สื่อข่าวไปทำข่าวเป็นผู้สนับสนุน สื่อมวลชนเองควรต้องตั้งคำถามกับพนักงานสอบสวนด้วย เเละคดีนี้ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไม่ถูกต้องตามกฎหมายเพราะเหตุเกิดในพื้นที่ สน.พระราชวังสถานที่คุมตัวควรเป็นที่นั่นเพราะมันเกี่ยวกับสิทธิผู้ต้องหา เช่นญาติทราบก็สามารถติดตามได้ เเต่นี่ถูกเเยกออกไปเป็น 2 สน.คือ สน.ฉลองกรุง อีกที่ก็ไม่ทราบว่าใช่อำนาจอะไรในการเเยกการคุมตัวทั้งที่ สน.ฉลองกรุง ไม่มีอำนาจสอบสวนด้วยทั้งที่เรื่องนี้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน

ตนคิดว่า วงการวิชาชีพสื่อควรตั้งคำถามกับพนักงานสอบสวนในพื้นที่ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติถึงแนวปฏิบัติในการดำเนินคดี กับผู้สื่อข่าวเพราะในปัจจุบันมีทั้งผู้สื่อข่าวที่มีสังกัดและผู้สื่อข่าวอิสระ ว่าการยืนยันพฤติการณ์การทำข่าวจะเป็นอย่างไรต่อไปมันจะกลายเป็นภาระ ของตัวบุคคลนั้นในการต่อสู้คดีอาญา

นายกฤษฎางค์ กล่าวว่าคดีนี้เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่รัฐบาลและกระบวนการยุติธรรมจะต้องรับผิดชอบเต็มที่ จริงอยู่ที่มีหมายจับแต่หมายจับออกจากครบหนึ่งปีแล้วจนคดีที่นักกิจกรรมไปพ่นสีจะมีการสืบพยาน คดีฐานความผิดก็ไม่ได้รุนแรง ใช้เวลาสืบกว่า6-7เดือนแล้วค่อยออกหมายจับเเล้วก็ไม่ไปจับ เรื่องนี้สื่อมวลชนควรเรียกร้องไปยังรัฐบาล เพราะตำรวจก็อยู่ภายใต้รัฐบาลว่าทำไมทำเเบบนี้ ยังจำกันได้หรือไม่ว่าอนุสาวรีย์ปราบกบฏหลักสี่ มันหายไป7-8ปีแล้วแต่ตำรวจยังไม่ไปตามจับสักที ทั้งที่หลักฐานข้อมูลก็มีจำนวนมาก ถ้ายังทำแบบนี้คุณก็จะเห็นว่าเป็นการดำเนินกระบวนการยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน คดีนี้โทษเจ็ดปีก็จริงแต่ไม่มีอัตตราโทษขั้นต่ำ ศาลจะลงโทษเเค่ปรับก็ได้ และนักข่าวไม่ใช่โจรผู้ร้าย ทีโจรผู้ร้ายกลับให้ประกัน คดีฆ่ากันที่ชลบุรีตนไม่ได้ว่าเขาผิดเเต่ให้ประกันตัวไป8 เเสนบาท เเต่ทำไมนักข่าวกลับไม่ให้เขาประกันตัว เป็นคำถามที่ตนอยากให้ผู้สื่อข่าวทุกคนรักษาสิทธิ์ของตัวเอง รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าสิทธิของสื่อมวลชนมีเสรีภาพในการทำข่าว เพราะหาก สื่อมวลชนไม่มีเสรีภาพจมอยู่ในความหวาดกลัวประชาชนก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องหยามเกียรติสื่อมวลชนไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน เดินทางมาศาลอาญาเพื่อให้กำลังใจด้วย 

 

#นักข่าวโดนจับ #ทนายสิทธิ #ตะวัน

 


 

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยขอรวบรวมข้อมูลทุกฝ่ายรอบด้านก่อนมีท่าทีกรณีนักข่าวโดนจับ 

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยขอรวบรวมข้อมูลทุกฝ่ายรอบด้านก่อนมีท่าทีกรณีนักข่าวโดนจับ 

นายจีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง เลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่ผู้สื่อข่าวเว็บไซต์ประชาไท และช่างภาพอิสระ ถูกตำรวจนอกเครื่องแบบแสดงหมายจับเข้าจับกุม ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหายจากการขีดเขียนข้อความ จากการไปทำข่าวของนักกิจกรรมเมื่อมีนาคมปี 2566 นั้น สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย รับทราบสถานการณ์ รับฟังความคิดเห็นและเข้าใจถึงข้อกังวลของเพื่อนร่วมวิชาชีพ และได้ติดตามสถานการณ์เพื่อรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่ายอย่างรอบด้าน เพื่อมีท่าทีในเรื่องดังกล่าวต่อไป 

 

 

#นักข่าวโดนจับ #สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย #ประชาไท