"ไทย" วอนทั่วโลก จับตากัมพูชา หลังวางทุ่นระเบิดใส่ทหารไทยไม่หยุด

"ไทย" วอนทั่วโลก จับตากัมพูชา หลังวางทุ่นระเบิดใส่ทหารไทยไม่หยุด! ขณะที่ กต. เตรียมนำคณะทูตลงพื้นที่อุบลฯและศรีสะเกษ เสาร์นี้ ด้านกองทัพพร้อมนำคณะผู้สังเกตการณ์ทางทหารลงพื้นที่จันทร์18 ส.ค.นี้ ชี้กัมพูชาต้องหยุดละเมิดสิทธิมนุษยชนและอธิปไตยไทยทันที

วันนี้ (14 สิงหาคม 2568) เวลา  11.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า รัฐบาลไทย ขอชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาคมโลก เพื่อให้ กัมพูชาให้ยุติพฤติกรรม ลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล   ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ อนุสัญญาออตตาวา จริยธรรมและหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานอย่างร้ายแรง

ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมนำคณะทูตโดยเฉพาะผู้แทนจากสถานทูตประเทศที่เป็นภาคีของ Ottawa Convention ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดศรีสะเกษ ในวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2568 โดยคณะจะเดินทาง ไปยังจังหวัดอุบลราชธานี และเดินทางต่อไปยังผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุป  และการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 2 ในพื้นที่ภูมะเขือ ก่อนเดินทางไปตรวจพื้นที่ความเสียหายพลเรือน ที่บ้านหนองเม็ก ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์  โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา พร้อมรับฟังบรรยายสรุปจากผู้แทน

นอกจากนี้ ในส่วนของกองทัพไทย ได้วางกำหนดการในการนำคณะผู้สังเกตการณ์ทางทหารชั่วคราว (Interim Observer Team : IOT) ลงพื้นที่ ระหว่าง 18-20 สิงหาคม 2568 ด้วย 

นายจิรายุ ย้ำว่า รัฐบาลไทยยึดมั่นในการรักษากฎหมายระหว่างประเทศ เคารพในหลักมนุษยธรรม และพร้อมเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อสายตาประชาคมโลก เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขสถานการณ์อย่างสันติและเป็นธรรม ทั้งนี้ รัฐบาลจะดำเนินการทุกช่องทางเพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยอย่างเต็มกำลัง

"ปลอดประสพ" ประกาศรับซื้อทุ่นระเบิดเขมร ลูกละหมื่น จุดกระแสกิจกรรมรักชาติ

วันที่ 14 ส.ค.68  ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี ระบุว่า...

ประกาศรับซื้อทุ่นระเบิดเขมร

เพื่อแสดงความรักชาติและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ผมขอเชิญชวนร่วมกิจกรรม ดังนี้

1. รับซื้อทุ่นระเบิดบุคคลแบบ PMN 2 จากทหารเขมร (ขอให้ นำส่งที่ด่านชายแดนได้ทุกแห่ง) ในราคาลูกละ 10,000 บาท

2. ติดธงชาติไทย หรือ สติกเกอร์ธงชาติไทยที่รถยนต์ของท่าน

3. ติดpin ธงชาติไทยที่ปกเสื้อกันทุกคน (ตอนนี้หายากมาก) ร้านไหนทำได้ผมขอเหมา 1,000 อันทันทีครับ

4. ประกวดแต่งเพลงรักชาติที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย/เขมร ผมจะให้รางวัล 10,000 บาท

5. ถ้ารางวัลที่ผมเสนอมันน้อยไป ก็ขอเชิญชวนเพื่อนนักเรียนเก่าของผม เริ่มแต่โรงเรียนมาแตร์เดอี กรุงเทพคริสเตียน เตรียมอุดมศึกษา และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มาร่วมลงขันด้วย ก็จะเป็นความอบอุ่นอย่างยิ่ง

ที่เขียนมานี่ ไม่ใช่เขียนเล่นนะครับ ทำจริงๆ

บุรีรัมย์ TMAC-EOD เร่งเก็บกู้ระเบิดชายแดน เผยอยากได้ชุด Hook and Line ช่วยกู้

หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ร่วมกับชุด EOD ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เร่งสำรวจเพื่อพิสูจน์ทราบ เก็บกู้และทำลายระเบิดในพื้นที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา  ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชา ขณะที่ชุดเก็บกู้ฯ เผยอยากได้ชุดอุปกรณ์เกี่ยวลากวัตถุต้องสงสัยระยะไกล (Hook and Line) เพื่อนำมาใช้เก็บกู้ เนื่องจากส่วนใหญ่ฝังลึกอยู่ในดิน จึงยากต่อการเก็บกู้ ส่วนที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อการใช้ปฎิบัติหน้าที่ 

 เมื่อวันที่ 13 ส.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ยังคงปฎิบัติหน้าที่ร่วมกับ หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD)กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ (EOD กก.สืบสวน ภ.จว.บุรีรัมย์) 

ออกทำการสำรวจเพื่อพิสูจน์ทราบ เก็บกู้ และทำลายสรรพาวุธระเบิด ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชา ที่ถูกยิงตกลงมาในพื้นที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ที่ยังคงพบว่าในพื้นที่ตำบลที่มีกระสุนตกของ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชา ทั้งจากการยิงปืนใหญ่ และจรวด BM-21 รวมแล้วมากกว่า 200 ลูก ตกอยู่ในพื้นที่ชุมชน บ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตร ทั้งที่ระเบิดแล้วและที่ยังไม่ระเบิด ซึ่งได้ตรวจพื้นที่ระเบิดไปแล้วจำนวน 124 จุด มีการทำลายไปแล้ว 1 ลูก และรอการเก็บกู้นำไปทำลายอีก 7 ลูก 

เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ฯ จึงได้ทำการเก็บเศษชิ้นส่วนของวัตถุระเบิด พร้อมมาร์กจุดเสี่ยง เพื่อให้สามารถเก็บกู้และทำลายได้อย่างปลอดภัย เพื่อสร้างความสบายใจให้ประชาชนในพื้นที่ โดยเมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ (12ส.ค.68) เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ฯ ได้ทำการสำรวจ พิสูจน์ทราบ เก็บกู้ และทำลายสรรพาวุธระเบิด รวมจำนวน 18 จุด เป็นพื้นที่กระสุนปืนใหญ่ 6 จุด และจรวด BM-21 อีก 12 จุด 

นอกจากนี้ ยังได้ทำการเก็บกู้กระสุนปืนใหญ่และจรวด BM-21 ที่พบว่าฝังอยู่ในชั้นใต้ผืนดินลึกลงไปไม่ต่ำกว่า 1-7 เมตร ซึ่งยากต่อการเก็บกู้ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ฯ จึงได้ทำการเก็บกู้ โดยการเคลื่อนย้ายวัตถุระเบิดระยะไกล ด้วยชุดอุปกรณ์เกี่ยวลากวัตถุต้องสงสัย (Hook and Line) คือการใช้เชือกและตะขอเกี่ยวสำหรับใช้ เคลื่อนย้ายวัตถุต้องสงสัยออกจากสถานที่ ที่ไม่สามารถทำการเก็บกู้ได้สะดวก โดยสามารถทำงานจากระยะไกล เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ ซึ่งการเก็บกู้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี

อย่างไรก็ตาม พบว่าเจ้าหน้าที่ หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด EOD กก.สืบสวน ภ.จว.บุรีรัมย์ ยังขาดแคลนและมีความต้องการ ชุดอุปกรณ์เกี่ยวลากวัตถุต้องสงสัยระยะไกล (Hook and Line) เพื่อนำมาใช้ในการเก็บกู้ เนื่องจากที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อการใช้ปฎิบัติหน้าที่ เนื่องจากกระสุนปืนใหญ่และจรวด BM21 ที่ตกลงมาในพื้นที่นั้น ได้ตกลงไปฝังลึกอยู่ในชั้นผิวดินมากกว่า 1-7 เมตร ทำให้ยากต่อการเก็บกู้นำมาทำลาย จำเป็นต้องขุดดินลึกลงไป แล้วใช้ชุดอุปกรณ์เกี่ยวลากวัตถุต้องสงสัยระยะไกล (Hook and Line) ซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายวัตถุต้องสงสัยในระยะไกล แล้วทำการเกี่ยวลากขึ้นมา ซึ่งเป็นวิธีที่จะเกิดความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ฯ ผู้ปฎิบัติงาน.

“มาริษ” จี้ UN-ญี่ปุ่น สอบกัมพูชาละเมิดออตตาวา ร่วมมือ มาเลย์-สิงคโปร์ กดดันเก็บกู้

"มาริษ" สายตรงถึงเลขาธิการ UN - รมว.กต.ญี่ปุ่น ขอให้กลไกออตตาวาสอบสวนกัมพูชาละเมิดอนุสัญญา พร้อมขอมาเลเซีย-สิงคโปร์กดดันกัมพูชาร่วมเก็บกู้ เมิน กต.กัมพูชาฟ้อง UNSC อีกรอบ ชี้หลักฐานไม่มี

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการดำเนินการภายหลัง กำลังพลกองร้อยทหารพรานที่ 2610 รวม 7 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องจุบตะโมก จังหวัดสุรินทร์ ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล เมื่อวานนี้ (12 ส.ค.) ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตใจของฝ่ายกัมพูชา และขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และละเมิดพันธกรณีตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศว่า เมื่อวานนี้ (12 ส.ค.) ตนได้โทรศัพท์หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นจะเป็นประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ในเดือน ธ.ค. นี้ เพื่อขอให้ใช้กลไกในกรอบอนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) เพื่อไต่สวนการกระทำของกัมพูชา ซึ่งฝ่ายเลขาธิการของอนุสัญญาออตตาวา ได้มีหนังสือตอบกลับมาด้วยแล้ว และในวันศุกร์นี้ (15 ส.ค.) จะมีการพูดคุยกับประเทศผู้บริจาคในกรอบอนุสัญญาอิตตาวา เพื่อให้เห็นการดำเนินการของกัมพูชา โดยเฉพาะในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย -กัมพูชา (General Border Committee) หรือ GBC ไทย-กัมพูชา ซึ่งไทยเสนอเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แต่กัมพูชากลับปฏิเสธ พร้อมยังได้โทรศัพท์พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อขอให้
ใช้กลไกอาเซียนกดดันให้กัมพูชาร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด

นายมาริษ ยังย้ำว่า ในห้วงการเดินทางเยือนนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตนเอง ได้พบเลขาธิการสหประชาชาติ หรือเลขาธิการ UN และรัฐมนตรีของญี่ปุ่นแล้ว และได้ประท้วงท่าทีความไม่จริงใจของกัมพูชาต่อทั้ง 2 บุคคล และในโอกาสต่าง ๆ เสมอมา

ส่วนกรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ได้ส่งจดหมายร้องเรียน ต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC และเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) เมื่อ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา กล่าวหาฝ่ายไทยละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศ ข้อตกลงทวิภาคี และเงื่อนไขของการหยุดยิงที่ตกลงกันไว้อย่างต่อเนื่องนั้น นายมาริษ ยืนยันว่า ที่ผ่านมา
ฝ่ายกัมพูชาไม่มีหลักฐานใดที่แน่ชัด แต่ฝ่ายไทยมีข้อมูลชัดเจน เกี่ยวกับการยั่วยุของกัมพูชา และการวางทุ่นระเบิด และที่สุด UNSC ก็ไม่ได้มีการประชุมเรื่องนี้อีกครั้งแต่อย่างใด

 

"เสธ.ต๊อด" โต้ "มาลี" อ้างทุ่นระเบิดของเก่า ยันมีหลักฐาน PMN-2 เพิ่งลอบติดตั้ง 

จากกรณี พล.ท. มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงปฏิเสธเหตุการณ์ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิด เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 บริเวณปราสาทตาเมือนธม ซึ่งส่งผลให้กำลังพลฝ่ายไทยได้รับบาดเจ็บสาหัส

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ฝ่ายไทยยืนยันอย่างชัดเจนว่า กัมพูชายังคงมีทุ่นระเบิดอยู่ในครอบครองจำนวนมาก และได้ลักลอบนำมาวางในพื้นที่ต่าง ๆ ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อมุ่งทำร้ายฝ่ายไทย 

ทั้งที่กัมพูชาเป็นภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และได้ให้สัตยาบันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 แต่กลับนำมาใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบอย่างละเอียดของฝ่ายไทย พบว่าทุ่นระเบิดที่ใช้ในเหตุครั้งนี้เป็นชนิด PMN-2 ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่พบในหลายพื้นที่ที่กัมพูชาลักลอบติดตั้งเพื่อทำร้ายกำลังพลไทยมาโดยตลอด

ข้ออ้างของกัมพูชาว่า พื้นที่ดังกล่าวยังคงมีวัตถุระเบิดตกค้างจากสงครามในอดีต เป็นเพียงการปฏิเสธที่ขาดน้ำหนัก เนื่องจากหลักฐานเชิงประจักษ์ในทุกจุดเกิดเหตุชี้ชัดว่า พื้นที่โดยรอบบริเวณที่เกิดการเหยียบทุ่นระเบิดจะพบการวางทุ่นระเบิด PMN-2 อีก 3–5 ลูก ในสภาพที่เพิ่งถูกติดตั้งใหม่อย่างชัดเจน ทั้งที่หากเป็นทุ่นเก่าจากสงครามในอดีต จะเป็นชนิดอื่น ไม่ใช่ทุ่นระเบิดแบบ PMN-2

ฝ่ายไทย จึงขอเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสาธารณะ ทั้งที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน เพื่อความเป็นธรรมต่อผู้รับฟังข่าวสาร และเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ตามมติคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) กัมพูชา–ไทย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ข้อ 9 ซึ่งกำหนดให้งดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอม

นอกจากนี้ ขอให้กัมพูชาปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยุติการใช้อาวุธทุ่นระเบิดสังหารบุคคลต่อฝ่ายไทย ซึ่งไม่เพียงเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง แต่ยังเป็นการฝ่าฝืนอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ กองทัพบกยืนยัน ที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และกติกาสากล”

พบ PMN-2 อีก 5 ลูก "ช่องจุ๊บตาโมก" ทบ.ชี้ กัมพูชาจงใจสร้างภัยคุกคาม

วันที่ 12 ส.ค.68  พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ บาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย ว่า  เหตุเกิดในจุดแนว วางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมร จะอยู่ฝั่งขวาของ ตัวปราสาท และ ห่างจากตัวปราสาท 1 กิโลเมตร เรียกว่า  ช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางกับระเบิด ช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป 

ซึ่ง ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณนี้อยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทย อยู่แล้ว

จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบว่า   ด้านซ้าย ห่างไปประมาณ 2 เมตร พบอีก 2 ทุ่น   และ ด้านขวา ห่างไปประมาณ 2 เมตร พบอีก 1 ทุ่น ส่วน ด้านหน้า ห่างประมาณ 5 เมตร พบอีก 1 ทุ่น ซึ่งทั้งหมดเป็น ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แบบ  PMN-2

เพจ ทบ.ทันกระแส  ระบุ เมื่อทุ่นระเบิด คืออาวุธ แบบรอเวลา  สรุปใครใช้อาวุธก่อน?  กัมพูชา จงใจ!! สร้าง ภัยคุกคาม ต่อชีวิต และความปลอดภัย

โฆษก ทบ. เผยไทยพบทุ่นระเบิด-อาวุธจำนวนมากในพื้นที่ภูมะเขือ

วันที่ 9 ส.ค.68 พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 หน่วยทหารช่างได้เข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเคยเป็นที่มั่นของทหารกัมพูชา และได้ค้นพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 จำนวน 18 ทุ่น

ในจำนวนนี้ พบว่ามี 16 ทุ่นถูกบรรจุอยู่ในกระสอบและยังไม่พร้อมใช้งาน ส่วนอีก 2 ทุ่นถูกวางไว้รอบบ่อน้ำในลักษณะพร้อมระเบิดโดยไม่มีการฝังกลบ ซึ่งหน่วยทหารช่างได้เข้าเก็บกู้ทั้งหมดอย่างปลอดภัยแล้ว นอกจากนี้ยังพบลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดและลูกจรวด RPG จำนวนมากในพื้นที่ดังกล่าว

พลตรี วินธัย ระบุว่า การกระทำดังกล่าวของฝ่ายทหารกัมพูชาถือเป็นการฝ่าฝืนอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นสนธิสัญญาห้ามใช้ สะสม ผลิต และโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน

 

 

ขอบคุณ เพจ ข่าวทหาร

ทบ.ยันไม่เคยสั่ง ร.31 รอ. ถอยจากปราสาทตาควาย–เนิน 350 ชี้ยังไม่เข้าพื้นที่ เหตุมีทุ่นระเบิด-เจอกัมพูชาต้านหนัก

ทบ.ยัน ไม่เคยมีคำสั่ง ให้ ร.31 รอ. ถอย ถอนตัวออกจาก ปราสาทตาควาย -เนิน350 ชี้ ร.31 รอ. ยังไม่ได้เข้าพื้นที่เลย แต่อยู่ระหว่าง การเคลื่อนย้ายเข้าแนวปะทะ  ยัน ฝ่ายไทย ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ เพราะมีสนามทุ่นระเบิดและการยิงต่อต้านจากฝ่ายเขมร เข้มข้น สูง ต่อต้านสูง ชี้ ทบ.ไม่เคยบอกว่ายึด เนิน 350ได้ แจง การ ถอยในทางยุทธวิธี มีหลายเหตุผล แต่ไม่ใช่ หยุดบุก

วันที่ 2 ส.ค.68 พลตรีวินธัย สุวารี  โฆษกกองทัพบกชี้แจงกรณี มีการโพสต์ว่า ทหารไทย เคยยึดประสาทตาควาย และเนิน 350  ไก้ แต่ถูกสั่งให้ถอยออกมา นั้นว่า ยืนยันไม่เป็นความจริง  ขอเรียนว่า ความมุ่งหมายสูงสุดในการปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้ คือ พื้นที่ภายในแนวเส้นปฏิบัติการ ต้องไม่มีการวางกำลังของฝ่ายกัมพูชา 

ส่วนกรณีการระบุหน่วยที่เข้าร่วมปฏิบัติการ  (ร.31รอ.) นั้น กองทัพบกไม่เคยให้รายละเอียดเกี่ยวกับ ชื่อหน่วยที่ปฏิบัติในแต่ละพื้นที่ในแต่ละจุด แบบเฉพาะเจาะจง

ยืนยันว่าในหลายหลายพื้นที่ จะเป็นลักษณะการบูรณาการจากหลายหน่วยเข้าร่วมปฎิบัติ  ซึ่งสำหรับพื้นที่ปราสาทตาควายนี้ ร.31 รอ. ยังอยู่ระหว่าง การเคลื่อนย้ายเข้าแนวปะทะ 

กรณีบริเวณพื้นทีปราสาทตาควายรวมถึงเนิน 350 ทบ.ไม่เคยระบุเป็นพื้นที่ที่ๆ ฝ่ายสามารถเข้ายึดในลักษณะวางกำลังทหารได้   

กล่าวเพียงยังเป็นพื้นที่ๆ ที่การต่อสู้เข้มข้นสูง และ เป็นพื้นที่มีความเข็มแข็งในการต่อต้านสูงของ กัมพูชา 

ก่อน ถึงห้วงเวลาหยุดยิง ฝ่ายไทยพบอุปสรรคได้แก่ สนามทุ่นระเบิด จนมีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ และอำนาจกำลังยิงสนับสนุนที่รุนแรงหนาแน่นมากบริเวณนั้น 

ในห้วงสุดท้าย  พื้นที่การเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าว จึงถูกกำหนดเป็นพื้นที่สังหาร  จึงต้องปรับเป็นการควบคุมด้วยการ ควบคุมพื้นที่ด้วยการยิง ของฝ่ายไทย 

 กรณีคำว่า  ถอยในทางยุทธวิธี เกิดขึ้นได้ในทุกพื้นที่การรบ ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ประสาทตาควาย  โดยทั่วไปการเคลื่อนที่ในพื้นที่การรบ ย่อมมีทั้งไปข้างหน้า หรือบางจังหวะเป็นการเคลื่อนถอยมาข้างหลัง  ไม่ใช่ถอย ในลักษณะ เพื่อจะล้มเลิกความตั้งใจบุก
     
ในทางยุทธวิธี ทั้งการรุก การรับ หรือการร่นถอย เป็นรูปแบบการปฏิบัติในทางยุทธวิธีของทหารที่จะมีใช้กันอยู่ในพื้นที่การรบทั้งสิ้น 
     
สำหรับกรณีการถอย สามารถถูกใช้เพื่อการสับเปลี่ยนกำลังเพื่อให้หน่วยอื่นเข้ากระทำแทน  หรือการถอยเพื่อไม่ให้ข้าศึกบรรลุผลในการใช้อาวุธโจมตีในลักษณะเป้านิ่ง  

หรือการถอยชั่วเพียงชั่วขณะเพื่อให้ปลอดภัย กรณีจะมีการโจมตีจากทางอากาศ

โฆษก ทบ.ชี้ชัดทหารเขมรวางทุ่นระเบิดในแนวที่เคยเข้ามาขุดคูเลต ก่อนถอนกำลังออกไป ชี้ทุ่นระเบิดผลิตในยุคสหภาพโซเวียต

โฆษก ทบ.ชี้ชัดทหารเขมรวางทุ่นระเบิดในแนวที่เคยเข้ามาขุดคูเลต ก่อนถอนกำลังออกไป ชี้ทุ่นระเบิดผลิตในยุคสหภาพโซเวียต

วันที่ 23 ก.ค.68 พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังการพบปะกับสื่อมวลชน ถึงแนวทางการสื่อสารและมาตรการรองรับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่ากองทัพบกพร้อมสนับสนุนข้อมูลข่าวสารและอำนวยความสะดวกแก่สื่อมวลชนที่ประสงค์จะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ตามนโยบายของ พลเอก พนา แคลัวปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก

พลตรีวินธัย กล่าวถึงกรณีทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดนว่า ทุ่นระเบิดที่พบมีลักษณะใหม่และถูกนำมาวางในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่นาน โดยวางไว้ในเส้นทางที่คาดว่าทหารไทยจะใช้ลาดตระเวน และอยู่ใน เขตอธิปไตยของไทย ใกล้บริเวณที่ทหารกัมพูชาเคยเข้ามาขุดคูเลตและวางกำลังล่วงล้ำแดน จากการตรวจสอบของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ยังไม่เคยพบ ทุ่นระเบิดแบบ PMN-2 มาก่อนในพื้นที่ และยืนยันว่า กองทัพไทยไม่เคยมีหรือใช้ทุ่นระเบิดชนิดดังกล่าว ซึ่งเป็นอาวุธที่ผลิตในอดีตสหภาพโซเวียต

“ทุ่นระเบิด PMN-2 ไม่เคยมีอยู่ในระบบของกองทัพไทย และจากการเก็บกู้ที่ผ่านมา ก็ไม่พบการใช้ในพื้นที่ใดมาก่อน”พลตรีวินธัยกล่าว

#ชายแดนไทยกัมพูชา #ทุ่นระเบิดPMN2 #กองทัพบก #ข่าวความมั่นคง #ข่าวชายแดน #ความมั่นคงไทย #ข่าวด่วน #ทหารไทยบาดเจ็บ #วินธัยสุวารี #ทุ่นระเบิด #ข่าวความขัดแย้ง #ไทยกัมพูชา #เขตอธิปไตย

ทบ. เชิญฑูตทหารนานาชาติประชุมพิเศษ คาดแจงปม "ทุ่นระเบิดช่องบก"

ทบ.เชิญทูตทหารนานาประเทศ ชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คาด หารือกรณีทุ่นระเบิด ที่ช่องบก

วันที่ 22 ก.ค.68 เวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พลโทกำชัย วงศรี เจ้ากรมข่าวทหารบก เป็นประธาน ชี้แจง จัดประชุมเชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ประจำประเทศไทย รวมถึงตัวแทนประเทศต่างๆ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีพลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก, ตัวแทนกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลัง 3 ทหารไทยเหยียบกับระเบิดบริเวณ ชายแดนไทย ช่องบก จ.อุบลราชธานี 

โดยพบว่า มีผู้ช่วยฑูตทหาร และตัวแทนหลายประเทศเข้าร่วม อาทิ จีน , อินโดนีเซีย , สหรัฐอเมริกา , ญี่ปุ่น , ลาว , รัสเซีย, เยอรมนี ฝรั่งเศส, อิสราเอล และ พลจัตวา ฮอม คิม ผู้ช่วยผู้ทหารกัมพูชา ประจำประเทศไทย เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมกองประชาสัมพันธ์กองบัญชาการกองทัพบกจะมีการแจกแจงข้อมูลข่าวสารในที่ประชุม โดยจะไม่มีการแถลงข่าวแต่อย่างใด