เปิดโฉมอนุฯที่ปรึกษากฎหมายกสทช. ก่อนลงมติว่า "พิรงรอง" มีสิทธิพิจารณาเกี่ยวกับบ.ในเครือทรูคอร์ป หรือไม่ 1 พ.ค.นี้

รวมกูรูและขุนพลกฎหมายเพียบ ทั้งราชบัณฑิต อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลปกครอง อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีศาล อัยการสูงสุด อดีตเจ้ากรมพระธรรมนูญ และศาสตราจารย์ทางกฎหมายเลื่องชื่อ

วันที่ 29 เมษายน 2568 แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) เปิดเผยว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 1 พ.ค. 2568 จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ซึ่งจะมีการพิจารณาระเบียบวาระเกี่ยวกับการคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของ ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กสทช.ด้านกิจการโทรทัศน์ ว่าจะสามารถร่วมทำหน้าที่กรรมการร่วมพิจารณาระเบียบวาระเกี่ยวกับบริษัทในเครือทรู คอร์ปอเรชั่น ได้หรือไม่

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากการที่บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นทรูไอดี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อปี 2566 โดยกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีที่สำนักงาน กสทช. มีการออกหนังสือแจ้งไปยังผู้รับอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ จำนวน 127 ราย ซึ่งอาจทำให้ผู้ได้รับอนุญาตเข้าใจว่าโจทก์เป็นผู้ทำผิดกฎหมาย และอาจส่งผลให้ผู้รับอนุญาตอาจระงับเนื้อหารายการต่าง ๆ ที่โจทก์นำไปออกอากาศ ต่อมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดี เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2567 และเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2568 ได้มีคำพิพากษาสั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา แต่ ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง      ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว และอยู่ระหว่างการอุทธรณ์คดี และได้ปฏิบัติหน้าที่กสทช.มาอย่างต่อเนื่อง

หลังจากศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้อง บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันยื่นคำร้องคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ ส่งไปยังศาลอาญาคดีทุจริตฯเพื่อให้ศาลสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ กสทช. และประธานอนุกรรมการด้านกิจการโทรทัศน์ ของ ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง ไว้ชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา แต่เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2567 ศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าว และในวันเดียวกัน ทั้งสองบริษัท ยังได้ส่งหนังสือคัดค้านไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่พิจารณาวาระใดๆที่เกี่ยวกับกลุ่มบริษัททรูฯ มาถึง ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง และประธาน กสทช. ที่สำนักงานกสทช.ด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อได้มีการนำหนังสือดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ด กสทช. พบว่ามีประเด็นปัญหาเกี่ยวกับหนังสือมอบอำนาจของทั้งสองบริษัท บอร์ด กสทช.เสียงข้างมากจึงมีมติไม่รับพิจารณาหนังสือคัดค้านฉบับดังกล่าว และหนังสือคัดค้านยังขาดความชัดเจนว่าเกี่ยวกับสิทธิของผู้คัดค้านในการคัดค้านเรื่องที่จะมีการพิจารณาทางปกครองในวาระการพิจารณา เนื่องจากเนื้อหาของคำคัดค้านเป็นการกล่าวในลักษณะคาดการณ์ล่วงหน้าแบบเหมารวม เป็นเหตุให้ขาดความชัดเจนในการพิจารณาเหตุแห่งการคัดค้านตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ที่โดยปกติจะต้องพิจารณาเป็นกรณีๆไป

ภายหลังศาลมีคำพิพากษา แม้ว่าคดีจะยังไม่สิ้นสุด แต่ในการประชุม กสทช. ครั้งที่ 5/2568 (ต่อเนื่อง) วันที่ 19 และ 21 ก.พ. 2568 เมื่อถึงการพิจารณาระเบียบวาระที่ 5.2 สัญญาการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมระหว่าง การไฟฟ้านครหลวง กับบริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัดฯ ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการที่ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรองฯ จะมีสิทธิร่วมพิจารณาระเบียบวาระเกี่ยวกับบริษัทในเครือทรูหรือไม่ ซึ่งตามข้อมูลจากแหล่งข่าว ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรองให้เหตุผลว่า กสทช. ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 11/2567 ไม่รับพิจารณาหนังสือคัดค้านลงวันที่ 2 เมษายน 2567 ไปแล้ว ดังนั้น หนังสือคัดค้านดังกล่าวจึงเป็นที่ยุติ และตามกฎกระทรวงฉบับที่ 7 ประธาน กสทช. จะหยิบยกประเด็นแห่งการคัดค้านขึ้นมาเองไม่ได้ และชี้แจงว่าตนไม่มีสภาพร้ายแรงตามมาตรา 16 (1) แห่ง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ เนื่องจากขณะนี้คำพิพากษายังไม่ถึงที่สุด อีกทั้งผู้พิพาทในคดีกับผู้รับอนุญาตที่อยู่ในระเบียบวาระการพิจารณาเป็นคนละนิติบุคคลกัน ประกอบกับวาระที่พิจารณาไม่เกี่ยวกับประเด็นที่พิพาทในคำพิพากษา ไม่ได้ส่งผลต่อรูปคดี แต่เป็นการทำหน้าที่ตามกฎหมายในการกำกับดูแลผู้รับใบอนุญาตจากกสทช.

ในวันดังกล่าว ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและคดี สำนักงานกสทช.แจ้งต่อที่ประชุมว่า เนื่องจากกสทช. พิรงรองได้ชี้แจงไปแล้วว่าตนไม่มีสภาพความไม่เป็นกลางอย่างร้ายแรงด้วยเหตุผลดังกล่าว ดังนั้น จึงยังไม่มีกรณีที่จะต้องพิจารณาตามมาตรา 16 แห่ง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ส่วน กสทช. ด้านกฎหมาย ได้ให้ความเห็นว่า กสทช. พิรงรองต้องออกจากห้องประชุม เพื่อให้กรรมการที่เหลือลงมติว่า กสทช. พิรงรองมีสภาพร้ายแรงหรือไม่ ขณะที่กรรมการอีกสองคนไม่เห็นว่ามีความจำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการลงมติดังกล่าว ท้ายที่สุด ที่ประชุม กสทช. จึงประนีประนอมกันโดยมีมติให้หารือต่ออนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายของกสทช.ซึ่งมีกำหนดประชุมพิจารณาวาระนี้ในวันพฤหัสที่ 1 พ.ค. 2568

ทั้งนี้ อนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธาน กสทช. เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2567 เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์สูงมาก ประกอบด้วย 

1. ศาสตราจารย์พิเศษ จรัญ  ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรมและผู้พิพากษาศาลยุติธรรม ประธานอนุกรรมการ (เสนอชื่อโดย กสทช. พล.อ.ท. ดร. ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ)

2. ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์  อุวรรณโณ อดีตรองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ กรรมการคณะกรรมการกฤษฎีกา อดีตศาสตราจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อนุกรรมการ (เสนอชื่อโดย ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช.)​

3. ศาสตราจารย์พิเศษ เข็มชัย  ชุติวงศ์​ อดีตอัยการสูงสุด อนุกรรมการ (เสนอชื่อโดยประธาน กสทช.)

4. ศาสตราจารย์ ดร.สุรพล  นิติไกรพจน์ อดีตศาสตราจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ​อนุกรรมการ (เสนอชื่อโดย กสทช. รศ. ดร. ศุภัช ศุภชลาศัย)

5. ศาสตราจารย์ ดร.สมคิด  เลิศไพฑูรย์ อดีตศาสตราจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน และอดีตคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ​อนุกรรมการ (เสนอชื่อโดย กสทช.ศุภัช)

6. ศาสตราจารย์ ดร.จตุรนต์  ถิระวัฒน์​ ราชบัณฑิต ประเภทวิชานิติศาสตร์ สาขาวิชากฎหมายระหว่างประเทศ สำนักธรรมศาสตร์และการเมือง ปัจจุบัน เป็นผู้อำนวยการศูนย์กฎหมายระหว่างประเทศ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อนุกรรมการ (เสนอชื่อโดย กสทช. รศ.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์)

7. พลเอก เชิดชัย อังศุสิงห์​ อดีตเจ้ากรมพระธรรมนูญ อนุกรรมการ (เสนอชื่อโดย กสทช. พล.ต.อ. ดร. ณัฐธร เพราะสุนทร)

8. พลตำรวจตรี ปิยะวัฒน์  บุญยืนอนนต์ ​รองประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร เพิ่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการทำความตกลงทางกาค้าเสรี สภาผู้แทนราษฎร อนุกรรมการ (เสนอชื่อโดย กสทช.ณัฐธร)

9. พันตำรวจเอก ดร.ศิริพล  กุศลศิลป์วุฒิ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อนุกรรมการ (เสนอชื่อโดย กสทช. ศ.กิตติคุณ ดร. พิรงรอง)

10. นายประวิทย์  ลี่สถาพรวงศา อดีตกรรมการ กสทช. อนุกรรมการ (เสนอชื่อโดย กสทช.สมภพ)

11. นายวราวุธ  ศิริยุทธ์วัฒนา อดีตรองประธานศาลปกครองสูงสุด ​อนุกรรมการ (เสนอชื่อโดย กสทช.พิรงรอง)

12. นายวีรพล  ปานะบุตร อดีตรองอัยการสูงสุด ​อนุกรรมการ (เสนอชื่อโดย กสทช.ต่อพงศ์ เสลานนท์)

13. นายเพิ่มสิน  วิชิตนาค รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการยุติการดำเนินคดีแพ่งและอนุญาโตตุลาการ สำนักงานอัยการสูงสุด ​อนุกรรมการ (เสนอชื่อโดย กสทช.ต่อพงศ์)

14. นางพงษ์สวาท  กายอรุณสุทธิ์​ ปลัดกระทรวงยุติธรรม อนุกรรมการ (เสนอชื่อโดย กสทช.ธนพันธุ์)

 จึงต้องจับตาดูกันต่อไปว่านักกฎหมายระดับกูรูเหล่านี้จะมีการพิจารณาว่าอย่างไร เพราะประเด็นเกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง กับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในกรณีของกสทช.พิรงรอง เป็นที่ถูกจับตากันอย่างกว้างขวางในสังคม

หากอนุกรรมการที่ปรึกษากฎหมายของกสทช.พิจารณาว่าบริษัทใดๆในกลุ่มบริษัททรูคือคู่กรณีกับกสทช.พิรงรอง ทั้งๆที่ผู้ฟ้องคือ บริษัททรูดิจิทัล เป็นคนละนิติบุคคลกันและไม่ใช่ผู้รับใบอนุญาตในการกำกับดูแลของกสทช. ก็จะเปิดช่องให้มีการลงมติในกรรมการ 7 คนว่าจะให้ กสทช.พิรงรองอยู่ร่วมประชุมต่อได้หรือไม่ ซึ่งจำเป็นต้องได้เสียงมากกว่าสองในสามของกรรมการทั้งหมด และด้วยความแตกแยกในบอร์ดกสทช. ในปัจจุบันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ยากมากทีเดียว

"ทรูคอร์ป" มอบ "ซิมทรู GO Travel" หนุนสื่อสาร เติมพลังใจ พร้อมลุยศึกโอลิมปิกปารีส2024

ทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ชุดแรกที่ประกอบด้วย เทเบิลเทนนิส, แบดมินตัน, จักรยานประเภทถนน, กรีฑา และว่ายน้ำ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG930 มุ่งหน้าไปยังกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ซึ่งจะเริ่มชิงชัยกันในระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม-11 สิงหาคมนี้ 

สำหรับทัพนักกีฬาทีมชาติไทยคว้าโควต้าเข้าร่วมกีฬาโอลิมปิเกมส์ ปารีส 2024 ครั้งนี้ทั้งหมด 51 คนจาก 17 ชนิดกีฬา ขณะเดียวกัน ทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะผู้สนับสนุนหลักด้านการสื่อสารอย่างเป็นทางการ ได้มอบ “ซิมทรู GO Travel” ให้แก่คณะนักกีฬาไทย โค้ช เจ้าหน้าที่ทุกคน เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารให้โทรออก รับสาย ส่งข้อความ และใช้ดาต้าโรมมิ่ง 5G ได้ไม่จำกัด ด้วยเน็ตที่มีความเร็วสูงสุด เพื่อติดต่อสื่อสารเชื่อมโยงทุกความรู้สึกกับครอบครัวที่ไทยได้ตลอดเวลาในช่วงการแข่งขันครั้งนี้

"เม" ศุภนิดา เกตุทอง นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย ประเภทหญิงเดี่ยว กล่าวว่า จริงๆ แล้วในชีวิตประจำวันก็คงจะมีการติดต่อโทรศัพท์กับทางครอบครัวอยู่แล้ว รวมทั้งก่อนการแข่งขันเราก็จะต้องศึกษาเกมของคู่ต่อสู้ ซึ่งจะต้องดูจากคลิปวิดีโอ และจะต้องใช้เน็ตเช่นกัน โดยต้องขอบคุณทางทรูที่ได้มอบซิม และให้การสนับสนุนนักกีฬาทีมชาติไทยทุกคนในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ ทำให้รู้สึกว่าอุ่นใจด้วยเรื่องความสะดวกในการสื่อสาร เชื่อว่าเครือข่ายทรูเป็นเครือข่ายที่ดีอยู่แล้ว

ขณะที่ "ทิพย์" อรวรรณ พาระนัง นักกีฬาเทเบิลเทนนิสหญิงทีมชาติไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณทางทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ได้มอบซิมทรู 5G สนับสนุนพวกเรานักกีฬาทีมชาติไทยที่จะไปแข่งขันโอลิมปิกที่ปารีส พวกเรารู้สึกขอบคุณมากเลยที่ทางทรูสนับสนุนในครั้งนี้ เพราะพวกเราไปอยู่ที่นั่นก็ห่างไกลบ้าน แต่ก็มีอินเทอร์เน็ตของทรูที่จะได้สื่อสารกลับมาขอกำลังใจจากครอบครัว และแฟนๆ รวมถึงทำให้เราได้ติดตามผ่านทางโซเชียลด้วยว่า มีคนให้กำลังใจ และติดตามพวกเรา ซึ่งก็ต้องขอบคุณทรูมากๆ

ด้าน "เฟรม" ส.ต.ธนาคาร ไชยยาสมบัติ นักจักรยานทีมชาติไทย ประเภทถนน กล่าวว่า ขอขอบคุณซิมทรูที่ทำให้นักกีฬาไทย และทีมงานทุกคนติดต่อสื่อสารกันได้อย่างดีเยี่ยม และช่วยทำให้เป็นผลดีกับการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ในครั้งนี้ด้วย ก็ต้องขอขอบคุณทางทรู คอร์ปอเรชั่น อย่างมาก

หลังจากนี้ ทัพนักกีฬาทีมชาติไทยจะทยอยออกเดินทางไปยังกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยกีฬายิงปืนจะเดินทางเช้ามืดวันที่ 19 กรกฎาคม 2567, เรือกรรเชียง และไคท์บอร์ด ชุด 1 เช้ามืดวันที่ 20 กรกฎาคม 2567, สเก็ตบอร์ด เช้ามืดวันที่ 21 กรกฎาคม 2567, ยูโด เช้ามืดวันที่ 22 กรกฏาคม 2567, แบดมินตัน ชุด 2 เช้ามืดวันที่ 23 กรกฎาคม 2567, จักรยาน ประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ เช้ามืดวันที่ 24 กรกฎาคม 2567, ไคท์บอร์ด ชุด 2 เช้ามืดวันที่ 24 กรกฎาคม 2567, ปัญจกีฬา เช้ามืดวันที่ 25 กรกฎาคม 2567, ยกน้ำหนัก และกอล์ฟ เช้ามืดวันที่ 29 กรกฎาคม 2567

ทั้งนี้แฟนกีฬาชาวไทย สามารถติดตามความเคลื่อนไหว ทัพนักกีฬาไทยลุยศึกโอลิมปิก-พาราลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ได้ทาง Facebook : https://web.facebook.com/TrueMoveH/

"ทรูคอร์ป" ชูจุดยืน "เทคคอมปานีไทย ต่อต้านคอร์รัปชันทุกรูปแบบ" รับรางวัลเกียรติยศองค์กรดีเด่นด้านการต่อต้านการทุจริต ปี 67

ทรู คอร์ปอเรชั่น ปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล สอดคล้องกับมาตรฐานทั้งในระดับประเทศและระดับสากลด้านความโปร่งใส ยุติธรรม และความรับผิดชอบ…เนื่องในโอกาสงานวันครบรอบ 9 ปี การจัดตั้งมูลนิธิต่อต้านการทุจริต โดย ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ ประธานกรรมการฯ มอบโล่เกียรติยศ "องค์กรดีเด่นด้านการต่อต้านการทุจริต ประจำปี 2567" แก่ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น โดยมี นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร เป็นผู้แทนรับมอบ ณ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ วิภาวดีรังสิต อันสะท้อนความมุ่งมั่นของเทคคอมปานีไทย ที่ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศที่ต่อต้านการคอร์รัปชันและการโกงทุกรูปแบบอย่างเคร่งครัด และมีนโยบายไม่อ่อนข้อต่อการทุจริต

ที่ผ่านมา ทรู ได้ร่วมกับมูลนิธิต่อต้านการทุจริต จัดกิจกรรมรณรงค์ปลูกฝังให้เยาวชนไทย ตระหนักถึงความสำคัญและร่วมแสดงออกถึงพลังบริสุทธิ์ ไม่ยอม ไม่ทน กลโกงต่างๆ ผ่านหลากหลายโครงการ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การประกวดแต่งเพลง การประกวดละครเวที และกิจกรรมค่ายเยาวชนช่อสะอาดต้านทุจริต

ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความยั่งยืน ครอบคลุมทุกมิติ รวมถึงด้านบรรษัทภิบาล ที่มุ่งเน้นความโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยภายในบริษัทฯ มีการจัดตั้งหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลธรรมาภิบาลโดยเฉพาะเพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนปฏิบัติตามมาตรฐานสูงสุดทางกฎหมายและจริยธรรม พร้อมสร้างวัฒนธรรม ‘Speak Up’ ที่ให้พนักงาน รวมถึงบุคคลภายนอก มีส่วนร่วมแจ้งเบาะแสที่อาจละเมิดต่อหลักธรรมาภิบาล (Code of Conduct) ของบริษัท ผ่านสายด่วนธรรมาภิบาล (Integrity Hotline) ซึ่งคำถามและการรายงานใดๆ จะถูกเก็บเป็นความลับ เคารพในความเป็นส่วนตัว นับเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถนำหลักธรรมาภิบาลมาทำให้เกิดการปฏิบัติจริง

"ทรู" มอบ "ซิมทรู GO Travel" หนุนทัพนักกีฬาไทย ตะลุยศึกโอลิมปิก 2024

วันที่ 8 กรกฎาคม 2567 คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย นายธนา ไชยประสิทธิ์ รองประธาน และเหรัญญิก พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เป็นผู้แทนคณะนักกีฬาทีมชาติไทย รับมอบ "ซิมทรู GO Travel" จาก ทรู คอร์ปอเรชั่น โดย นางสุกัณณี เลิศสุขวิบูลย์ หัวหน้าสายงานธุรกิจระหว่างประเทศและอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารแก่นักกีฬาไทย โค้ช เจ้าหน้าที่ ชุดเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม 2567

นางสุกัณณี เลิศสุขวิบูลย์ หัวหน้าสายงานธุรกิจระหว่างประเทศและอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะผู้สนับสนุนหลักด้านการสื่อสารอย่างเป็นทางการศึกโอลิมปิก และพาราลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ร่วมส่งกำลังใจด้วยการมอบ “ซิมทรู GO Travel” แก่นักกีฬาไทย โค้ช เจ้าหน้าที่ทุกคน ให้โทรออก รับสาย ส่งข้อความ และใช้ดาต้าโรมมิ่ง 5G ได้ไม่จำกัด ด้วยเน็ตที่มีความเร็วสูงสุด เพื่อติดต่อสื่อสารเชื่อมโยงทุกความรู้สึกกับครอบครัวที่ไทยได้ตลอดเวลา พร้อมขอเป็นสื่อกลางเชิญชวนคนไทยร่วมเชียร์สุดใจไปด้วยกันให้นักกีฬาทีมชาติไทยคว้าชัยครั้งนี้ด้วยการร่วมเชียร์และติดแฮชแท็ก #สู้สุดทุกสนาม #คนไทยหัวใจนักสู้ ส่งกำลังใจบนโซเชียลมีเดียทุกช่องทางตลอดการแข่งขัน เพื่อคว้าชัยชนะมามอบแด่ประเทศชาติและคนไทยทุกคน

นอกจากนี้ ทรู ยังเอาใจให้ลูกค้าชาวไทยสนุก สะดวกสบาย ทุกการ ไปกับ แพ็กเกจเน็ตต่างประเทศจาก GO Travel ที่ให้เชียร์ได้สุดตลอดศึกโอลิมปิก-พาราลิมปิกเกมส์ และท่องเที่ยวทั่วโลกได้สุด ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมจัดเต็มพิเศษสำหรับลูกค้าทรู (รายเดือนและเติมเงิน) ที่สมัครแพ็กเกจเน็ตต่างประเทศ GO Travel (ทุกทวีปทั่วโลก) ราคา 899 บาทขึ้นไป รับฟรี! เน็ตโรมมิ่งเพิ่ม 3GB (สำหรับประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น) โดยลูกค้าทรูรายเดือนกดรับสิทธิ์ *118*315# โทรออก ลูกค้าทรูเติมเงินกดรับสิทธิ์ *118*316# โทรออก เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม – 15 กันยายน 2567 พร้อมรับฟรี ประกันการเดินทางให้เที่ยวสนุกตลอดทริป และสิทธิพิเศษอีกมากมาย เพียงแค่นี้ก็สามารถเชียร์ทัพไทยแบบติดขอบสนาม และเชื่อมโยงทุกความรู้สึกกับครอบครัวแบบไร้พรมแดน

อีกทั้ง สามารถติดตามความเคลื่อนไหว ทัพนักกีฬาไทยลุยศึกโอลิมปิก-พาราลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ได้ทาง Facebook : https://web.facebook.com/TrueMoveH/

ทรูคอร์ป ผนึก มูลนิธิออทิสติกฯ - Artstory เปิดเวที "The Pride of Diversity เสียงสะท้อนพลังและความงดงามของกลุ่มพิการ LGBTQIA+"

นายประพาฬพงษ์ มากนวล หัวหน้าฝ่ายทรูปลูกปัญญา บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ,นายชูศักดิ์ จันทยานนท์ ประธานมูลนิธิออทิสติกไทย และนายวรัท จันทยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Artstory by Autisticthai  ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมความหลากหลายทางเพศและเฉลิมฉลอง Pride Month 

ทั้งนี้เดือนมิถุนายนเป็นเดือนแห่งความภูมิใจของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ หรือ "Pride Month" เพื่อแสดงออกถึงความต้องการสิทธิความเท่าเทียมกันในสังคมของเหล่า LGBTQIA+ ล่าสุด ทรู คอร์ปอเรชั่น จับมือ มูลนิธิออทิสติกไทย และ Artstory by Autisticthai ร่วมจัดเวทีเสวนาพิเศษ เพื่อสะท้อนมุมมองความต้องการการยอมรับความหลากหลายในมิติเพศสภาพของผู้เปราะบาง ให้สามารถแสดงศักยภาพอย่างไร้ขีดจำกัด นำไปสู่สังคมแห่งความเท่าเทียม ในหัวข้อ "The Pride of Diversity เสียงสะท้อนพลังและความงดงามของกลุ่มพิการ LGBTQIA+" เพื่อเฉลิมฉลองเดือนแห่ง Pride Month โดยได้รับเกียรติจาก คุณบุญรอด อารีย์วงษ์ LGBTQIA+ YouTube คนพิการ จากช่องภูเขา แชนเนล และ คุณเอกภพ พันธุรัตน์ LGBTQIA+ (Transgender) ฉายา "เจ้าหญิงแห่งวงการพีอาร์" ร่วมพูดคุยถึงประสบการณ์และความท้าทายของกลุ่มเปราะบาง LGBTQIA+ ในสังคมไทย แชร์เรื่องราวแรงบันดาลใจ วิธีการแสดงพลัง การยืนหยัดในตัวตนของตัวเอง พร้อมเสนอแนวทางในการส่งเสริมความเท่าเทียมให้กับกลุ่มเปราะบางที่มีความทับซ้อนระหว่างความพิการและอัตลักษณ์ทางเพศ รวมถึงบทบาทของครอบครัวในการให้การยอมรับและสนับสนุนด้านการศึกษา การประกอบอาชีพ สิทธิ และจุดยืนที่มั่นคงในสังคม 

นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวคาแรคเตอร์ "Champ & Frank" คู่หูสุดซี้เติมพลังบวก เป็นครั้งแรกซึ่งเป็นตัวแทนของความหลากหลาย สร้างสรรค์โดยน้องแชมป์ ศิลปินออทิสติกจาก Artstory ที่ออกแบบให้คาแรคเตอร์ Champ แต่งกายมีสีสันสดใสสะท้อนความกล้าหาญในการแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา ขณะที่คาแรคเตอร์ Frank เพื่อนคู่ใจของ Champ เป็นตัวแทนของผู้ยอมรับและคอยอยู่เคียงข้างพร้อมสนับสนุนในทุกความแตกต่าง ตอกย้ำให้เห็นว่า "Champ & Frank" ไม่ได้มีบทบาทเป็นเพียงแค่คาแรคเตอร์ของตัวการ์ตูนเท่านั้น แต่พวกเขาเป็นสัญลักษณ์ สื่อถึงความหลากหลาย ความอ่อนโยน และเคารพในตัวตนส่วนลึกของทุกคน ทั้งนี้ คาแรคเตอร์ ชุด "Champ & Frank" ประกอบด้วย 5 คาแรคเตอร์ ซึ่งผลิตออกมาจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ เช่น ผ้าห่ม เสื้อ หมวก กระเป๋า ตลอดปี 2567 นี้

ผู้ที่สนใจ ร่วมเป็นอีกหนึ่งพลังส่งเสริมสังคมแห่งความเท่าเทียม สนับสนุนสินค้าและผลิตภัณฑ์ พร้อมเข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อปสร้างสรรค์ผลงานศิลปะร่วมกับศิลปินออทิสติก ณ Artstory Creative Hub ที่สนับสนุนโดย เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ทุกวันจันทร์ - วันเสาร์ เวลา 10.00 - 16.00 น. สอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ line : @artstorystore หรือ โทร.080-962-5661

"ทรูคอร์ป" พร้อม 100% หนุนทัพนักกีฬาไทย จัดเต็มสื่อสารเชื่อมโยงกำลังใจสู้ศึกโอลิมปิก-พาราลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 

เพื่อเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้นักกีฬาไทยสู้สุดใจ! เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดย นายขจร เจียรวนนท์ กรรมการบริหาร และ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น โดย นางสุกัณณี เลิศสุขวิบูลย์ หัวหน้าสายงานธุรกิจระหว่างประเทศและอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ ผนึก คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย นายธนา ไชยประสิทธิ์ รองประธาน และเหรัญญิก และคณะกรรมการพาราลิมปิคแห่งประเทศไทย โดย นายอำนวย กลิ่นอยู่ รองประธาน ร่วมแถลงข่าวพิธีลงนามความร่วมมือเป็นผู้สนับสนุนหลักด้านอาหารและการสื่อสารแก่ทัพนักกีฬาและทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 สู้ศึกโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม 2567 และพาราลิมปิกเกมส์ 2024 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม - 8 กันยายน 2567  ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ทั้งนี้ทรู คอร์ปอเรชั่น จัดเตรียมซิมโรมมิ่งทรู GO Travel บนเครือข่ายพันธมิตร 5G ที่เร็ว แรงที่สุดในประเทศฝรั่งเศส อำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารแก่นักกีฬาไทย โค้ช เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชน ให้โทรออก รับสาย ส่งข้อความ และใช้ดาต้าโรมมิ่ง 5G ได้ไม่จำกัด เพื่อเชื่อมโยงทุกความรู้สึกกับครอบครัวที่ไทยได้ตลอดเวลา พร้อมกันนี้ ทรูวิชั่นส์ ได้ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2024 ผ่านทางทรูวิชั่นส์ระบบจานดาวเทียม ระบบเคเบิ้ล ทางช่อง True Premier Football 3, 4, 5 (603 ,604, 605) และ แอปพลิเคชัน ทรูวิชั่นส์ นาว (ใหม่) เพื่อเชียร์ทัพไทยสู้สุดทุกสนาม คว้าชัยชนะกลับมาให้คนในชาติได้ภาคภูมิใจไปด้วยกัน

สำหรับทุกการเดินทางให้สนุก สะดวกสบาย ไปกับ GO Travel แพ็กเกจเน็ตต่างประเทศ ที่ให้คุณเชียร์ได้สุดตลอดศึกโอลิมปิก-พาราลิมปิกเกมส์และท่องเที่ยวทั่วโลกได้สุด ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พิเศษสำหรับลูกค้าทรู (รายเดือนและเติมเงิน) ฟรี! เน็ตโรมมิ่งเพิ่ม 3GB (สำหรับประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น) ที่สมัครแพ็กเกจเน็ตต่างประเทศ GO Travel (ทุกทวีปทั่วโลก) ราคา 899 บาทขึ้นไป ลูกค้าทรูรายเดือนกดรับสิทธิ์ *118*315# โทรออก ลูกค้าทรูเติมเงินกดรับสิทธิ์ *118*316# โทรออก เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม – 15 กันยายน 2567 พร้อมรับฟรี ประกันการเดินทางให้เที่ยวสนุกตลอดทริป และสิทธิพิเศษอีกมากมาย เพียงแค่นี้ก็สามารถเชียร์ทัพไทยแบบติดขอบสนาม และเชื่อมโยงทุกความรู้สึกกับครอบครัวแบบไร้พรมแดน

นอกจากนี้ทรูวิชั่นส์ ผู้นำคอนเทนต์กีฬาระดับโลก พร้อมให้ทุกคนร่วมเชียร์ทัพนักกีฬาไทยไปด้วยกันกับการถ่ายทอดสดโอลิมปิกเกมส์ 2024 ด้วยความคมชัดระดับ HD ส่งตรงจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม 2567  ผ่านหลากหลายแพลตฟอร์ม ทั้งทางทรูวิชั่นส์ระบบจานดาวเทียม ระบบเคเบิ้ล ทางช่อง True Premier Football 3, 4, 5 (603 ,604, 605) และล่าสุดกับแอปพลิเคชัน ทรูวิชั่นส์ นาว (ใหม่) นอกจากช่องหลัก True Premier Football 3, 4, 5 (603 ,604, 605) สมาชิกยังได้เชียร์สะใจ ลุ้นไปกับทัพนักกีฬาไทยแบบไม่พลาดทุกประเภทกีฬา ที่มาพร้อมความเอ็กซ์คลูซีฟให้คุณสามารถเลือกรับชม และเชียร์กีฬาที่คุณชื่นชอบได้ทุกประเภท กับช่องพิเศษจากทางโอลิมปิค ถึง 17 ช่องตลอด 24 ชั่วโมง ตามความต้องการ ทุกที่ ทุกเวลา สำหรับกำลังใจ และแรงเชียร์ที่ส่งตรงให้กับเหล่านักกีฬาไทยในครั้งนี้ ทรูวิชั่นส์ ขอเสริมทัพความมันส์แบบเข้าถึงเกมการแข่งขันได้เต็มอรรถรส ไปกับทีมนักพากย์มืออาชีพแถวหน้าของไทยรวมพลังบรรยายสดๆ ในทุกสนามของการแข่งขัน 

สนใจสมัครสมาชิกสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ทรูวิชั่นส์ นาว (ใหม่) ได้แล้ววันนี้ เพียงค้นหาคำว่า TrueVisions NOW  ทาง App Store (IOS), Google Play (Android) และทาง TV STORE อาทิ Apple TV, Android TV,และ LG TV หรือคลิก https://truevisions-now.onelink.me/RQwi/zrw142fi

"ทรู คอร์ป" เผยวิสัยทัศน์สร้างองค์กรแห่งอินโนเวชั่น ชู "เทคคอมปานี" ต้นแบบ การันตีรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ

นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ตลอดเส้นทางการดำเนินธุรกิจกว่า 3 ทศวรรษของทรู คอร์ปอเรชั่น หนึ่งในหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนให้องค์กรได้เป็นผู้นำบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและเติบโตอย่างยั่งยืนได้ คือ "นวัตกรรม" โดยทรู มีความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงที่จะนำศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาการดำเนินธุรกิจ ควบคู่กับสร้างส่งมอบคุณค่าและยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่คนในสังคม อีกทั้งยังเดินหน้าสร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคดิจิทัลได้อย่างตรงใจ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ การได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ซึ่งเป็นรางวัลทรงเกียรติสูงสุดของวงการนวัตกรรมไทย ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจและบทพิสูจน์ของทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะเทคคอมปานีไทย ซึ่งเป็นที่ยอมรับด้านอินโนเวชั่นระดับชาติ และเป็นอีกหนึ่งพลังร่วมผลักดันประเทศสู่การเป็นชาติแห่งนวัตกรรม

สำหรับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ที่ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้รับจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ประกอบด้วย

• รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2566 ด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประเภทองค์กรภาคเอกชนขนาดใหญ่

• รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2564 ด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประเภทองค์กรภาคเอกชนขนาดใหญ่

• รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2563 ด้านเศรษฐกิจ ระดับรางวัลเกียรติคุณ ประเภทองค์กรขนาดใหญ่

ทรูคอร์ป มุ่งสู่ “Net Zero” ภายในปี 2593 ร่วมกับคู่ค้าพันธมิตร ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 3

นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เผยว่า ปัญหาโลกเดือด และการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นประเด็นสำคัญที่ถูกนำมาหารือในการประชุม World Economic Forum หรือการประชุมดาวอส 2024 ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะเทคคอมปานีไทยที่ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ ตระหนักถึงความสำคัญของการนำศักยภาพเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาร่วมขับเคลื่อนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยทรู ได้ดำเนินการด้วยตนเองในทุกๆ วัน เพื่อเร่งลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นเทรนด์ของโลก แต่อย่างไรก็ตาม การบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutral และ Net Zero ได้นั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นเพียงลำพัง ต้องอาศัยความร่วมมือจากบริษัทคู่ค้าที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ซึ่งทรู พร้อมให้การสนับสนุนและผลักดันคู่ค้าพันธมิตรอย่างเต็มที่ ให้ก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero และเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน

ความร่วมมือกับบริษัทคู่ค้าหลักนี้ จะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญให้ทุกภาคส่วนได้มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ได้ใกล้ยิ่งขึ้น สร้างผลกระทบเชิงบวกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมได้มากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการลดการปล่อยก๊าซที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานใน Scope 1 และ Scope 2 โดยในปี 2566 ทรู สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้า รวม 42,000 เมกะวัตต์ชั่วโมง คิดเป็นจำนวนเงินที่ประหยัดได้ถึง 197 ล้านบาท จากการยกระดับเครือข่ายให้ล้ำสมัย (Network Modernization) รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning ขณะที่ในปี 2567 มีแผนที่จะติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ที่เสาสัญญาณรวมเป็น 11,200  แห่ง และดาต้า เซ็นเตอร์รวมเป็น 6 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 64,000 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี เทียบเท่ากับพลังงานไฟฟ้าที่จำเป็นต้องใช้สำหรับพันๆ ครัวเรือนในหนึ่งปี โดยจะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 28,800 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

ติดอาวุธ “Green House Gas Emissions Data Platform and Consulting Service”

และเพื่อให้บริษัทคู่ค้าหลัก ได้เริ่มต้นวางแผน วัดผล และตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามหลักการ SBTi ได้สะดวกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เครือซีพี และทรู คอร์ปอเรชั่น จึงได้พัฒนานวัตกรรมแพลตฟอร์ม “Green House Gas Emissions Data Platform and Consulting Service” พร้อมให้บริการคำปรึกษา เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญให้บริษัทคู่ค้าของทรู พิชิตเป้าหมาย Net Zero โดยมีคุณสมบัติอันโดดเด่น ได้แก่

• ระบบเก็บรวบรวมข้อมูลกิจกรรมที่เป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละประเภททั้งทางตรง (Scope 1) ทางอ้อม (Scope 2) และทางอ้อมอื่นๆ (Scope 3) อาทิ การใช้น้ำมันเชื้อเพลิง การเผาไหม้ การใช้พลังงานหมุนเวียน การรั่วไหลของสารทำความเย็นและการรั่วไหลอื่นๆ รวมถึงการซื้อพลังงานทดแทน

• ระบบคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมประมวลผลออกมาเป็นข้อมูลตามมาตรฐานการจัดทำรายงาน Global Reporting Initiative (GRI) โดยอัตโนมัติ

แพลตฟอร์มดังกล่าวเปิดให้คู่ค้าพันธมิตรของทรู ใช้งานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2567 ทั้งนี้ การขยายความร่วมมือกับบริษัทคู่ค้าหลักเพื่อสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สะท้อนความมุ่งมั่นของทรู ในฐานะองค์กรที่เป็นที่ยอมรับระดับสากล ติดอันดับ 1 ดัชนีความยั่งยืน DJSI 2023 ของ S&P Global ในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมโลกต่อเนื่อง 6 ปีซ้อน

"ทรู คอร์ป" จริงจัง "นวัตกรรม การันตีรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านองค์กรอินโนเวชั่นแห่งปี 2566

รศ.นพ. สรนิต ศิลธรรม ประธานคณะกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ ร่วมแสดงความยินดี พร้อมมอบรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2566 ด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประเภทองค์กรภาคเอกชนขนาดใหญ่ แก่บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น โดยนายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์  หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร ในฐานะองค์กรที่ริเริ่มสร้างสรรค์นวัตกรรมที่โดดเด่น สร้างคุณค่าอันชัดเจนต่อประเทศชาติในหลากหลายด้าน ส่งผลให้เกิดความตื่นตัวด้านนวัตกรรมในทุกภาคส่วนของสังคม พร้อมเสริมแกร่งศักยภาพนวัตกรไทย อันนำไปสู่การขับเคลื่อนระบบนิเวศนวัตกรรมของประเทศ เนื่องในงานวันนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2566 จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน 

นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "นวัตกรรม" เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ทรู คอร์ปอเรชั่น ก้าวเป็นเทเลคอม เทคคอมปานี ที่ล้ำหน้าและเติบโตอย่างยั่งยืนได้ ซึ่งทรู ได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติเป็นครั้งที่ 3 โดยปีนี้ ได้รับรางวัลด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประเภทองค์กรภาคเอกชนขนาดใหญ่ นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจและเป็นการยืนยันความตั้งใจของทรู คอร์ปอเรชั่นในการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญด้านอินโนเวชั่นที่ได้รับการยอมรับในระดับชาติ โดยมุ่งมั่นสร้างองค์กรแห่งนวัตกรรมมาอย่างจริงจัง ตั้งแต่การปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร "CO-CREATION" ที่เข้มแข็ง สนับสนุนและสร้างนวัตกรทรูที่เปี่ยมด้วยศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ สู่การนำศักยภาพเทคโนโลยีดิจิทัล มาพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบคุณประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม”

"หลังการรวมทรู-ดีแทค ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงเดินหน้านโยบายส่งเสริมด้านนวัตกรรมอย่างชัดเจน โดยภายในองค์กร มีนวัตกรทรูที่คิดค้นสิ่งใหม่ๆ กว่า 680 ผลงาน คิดเป็นรายได้และลดต้นทุนให้บริษัทได้มากกว่า 4,000 ล้านบาท ขณะที่ภายนอกองค์กร ได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและพันธมิตร สร้างสรรค์นวัตกรรมกว่า 100 ผลงาน รวมถึงร่วมมือกับสตาร์ทอัพกว่า 1,000 ทีม ทำให้ขณะนี้ ทรู มีนวัตกรรมที่เกิดจากความร่วมมือทั้งภายในและภายนอก พร้อมทั้งนำผลงานไปจดเป็นทรัพย์สินทางปัญญาแล้วกว่า 100 ผลงาน และอีกหนึ่งปัจจัยความสำเร็จ คือการพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคดิจิทัลอย่างตรงใจ รวมถึงนวัตกรรมเพื่อสังคม เช่น กลุ่มคนเปราะบางและการรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงตั้งใจสานต่อความเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมดิจิทัลอย่างแท้จริง โดยได้ตั้งเป้าหมายด้านนวัตกรรมภายในปี 2030 ที่ต้องการสร้างนวัตกรทรู 5,000 คน จัดให้มีทุนวิจัยพัฒนา 3% ของงบค่าใช้จ่าย เดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการให้มีสัดส่วนต่อรายได้รวมบริษัท 15% และจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาให้ได้ 200 ผลงาน"

ดัชนีความยั่งยืนระดับโลก FTSE4Good อีกหนึ่งบทพิสูจน์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนทรู คอร์ป 

FTSE Russell สถาบันจัดทำดัชนีหลักทรัพย์ชั้นนำจากประเทศอังกฤษ ประกาศรายชื่อบริษัทที่ติดอันดับ FTSE4Good 2023 หนึ่งในดัชนีความยั่งยืนเป็นที่ยอมรับระดับสากล โดยทรู คอร์ปอเรชั่น ได้เป็นสมาชิกต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 และเป็นบริษัทโทรคมนาคมไทยรายเดียวที่ติดกลุ่มคะแนนสูงสุดอันดับโลกของกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมทั่วโลก โดยมีคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมในทุกมิติของ ESG โดยเฉพาะด้านสังคมที่ได้คะแนนเต็มจากการส่งเสริมการศึกษาเยาวชนไทยผ่านโครงการทรูปลูกปัญญา มูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี ด้านสิ่งแวดล้อม ติดตั้งพลังงานสะอาดโซล่าเซลล์ที่เสาสัญญาณและชุมสาย เดินหน้าลดก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมการจัดการ e-Waste อย่างถูกวิธี และด้านธรรมาภิบาล มุ่งเน้นบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมสนับสนุนความเท่าเทียมกันของคนทุกกลุ่มในสังคม ย้ำภาพเทคคอมปานีที่มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างคุณค่าระยะยาวแก่สังคมไทย 

นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “การดำเนินงานด้านความยั่งยืนเป็นสิ่งที่องค์กรทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ เนื่องด้วยเป็นปัจจัยหลักที่จะนำพาให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง ซึ่งมีสถาบันชั้นนำระดับสากลที่จัดทำดัชนีความยั่งยืนเพื่อเป็นตัวชี้วัดและประเมินศักยภาพองค์กรทั่วโลกในการดำเนินงานในมิติต่างๆ ของ ESG และเป็นที่น่ายินดีที่ในปี 2566 นี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น เป็นองค์กรไทยที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิก FTSE4Good Index Series ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 (2017 – 2023) จาก FTSE Russell บริษัทอิสระประเทศอังกฤษที่มีประสบการณ์จัดทำดัชนีให้แก่ตลาดหลักทรัพย์สำคัญหลายแห่งทั่วโลก ซึ่งทรู เป็นบริษัทสื่อสารโทรคมนาคมไทยเพียงหนึ่งเดียวที่ได้คะแนนรวมสูงสุดในอันดับต้น จัดอยู่ในกลุ่ม Top ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมทั่วโลก อีกทั้ง มีคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม (Industry Average) ในทุกมิติของ ESG โดยเฉพาะด้านสังคมที่ได้คะแนนสูงสุด 5 คะแนน (ค่าเฉลี่ย 3) ตามด้วยสิ่งแวดล้อม 3.6 คะแนน (ค่าเฉลี่ย 2) และธรรมาภิบาล 4.5 คะแนน (ค่าเฉลี่ย 4) ทำให้มี ESG Score ภาพรวมอยู่ที่ 4.4 (ค่าเฉลี่ย 3) อันเป็นผลจากความทุ่มเทในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความยั่งยืนอย่างแท้จริง สานต่อโครงการสำคัญต่างๆ  จนเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเชื่อมั่นว่า การควบรวมองค์กร ทรู-ดีแทค จะสามารถผสานศักยภาพและจุดแข็งของทั้งสององค์กร เพื่อเร่งขับเคลื่อนบริษัทฯ สู่การเป็น Telecom-Tech Company อย่างเต็มรูปแบบ สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่นักลงทุน พร้อมส่งมอบคุณค่าระยะยาวแก่สังคมและประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต”

ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ขับเคลื่อนโครงการด้านความยั่งยืนมาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ต่อสังคมและร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม สอดคล้องและครบถ้วนตามหลักเกณฑ์การประเมินใน 14 หมวดหัวข้อที่เข้มข้นของ FTSE Russel ครอบคลุมทุกมิติ ESG ได้แก่

ด้านสังคม 
• ส่งเสริมการศึกษาเยาวชนไทยมากกว่า 34 ล้านคนผ่านโครงการทรูปลูกปัญญา และมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี 
• ส่งเสริมอาชีพให้กับกลุ่มเปราะบางมากกว่า 275,000 คน ผ่านโครงการความร่วมมือกับมูลนิธิออทิสติกไทย 

ด้านสิ่งแวดล้อม  
• ดำเนินการติดตั้งโซล่าเซลล์ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่เสาสัญญาณและชุมสายสะสม รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน 4,712 แห่ง สามารถลดการใช้พลังงานและผลิตไฟฟ้าได้ถึง 31,176 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี อีกทั้งยังลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 13,905 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ณ สิ้นปี 2565 
• มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ทางตรงและทางอ้อม (Scope 1 และ Scope 2) สุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2573 และมุ่งสู่เป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ตามแนวทาง Science-Based Target Initiative (SBTi) ภายในปี 2593
• ส่งเสริมให้มีการนำขยะ e-Waste จากการดำเนินงานและจากผู้บริโภคไปจัดการอย่างถูกวิธี โดยไม่นำไปฝังกลบ 

ด้านธรรมาภิบาล 
• มุ่งเน้นบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า พนักงาน และผู้มีส่วนได้เสีย 
• สนับสนุนความเท่าเทียมของพนักงานและคนทุกกลุ่มในสังคม 

กลุ่มดัชนีหลักทรัพย์ FTSE4Good ดำเนินการโดย FTSE Russell (Financial Times Stock Exchange Russell) บริษัทอิสระที่จัดร่วมระหว่าง The Financial Times และ London Stock Exchange ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยปีนี้ มีองค์กรที่ได้รับการประเมินกว่า 7,200 แห่งทั่วโลก มีเกณฑ์พิจารณาตัวบ่งชี้กว่า 300 ด้านของสมาชิก ทั้งในหมวดสิ่งแวดล้อม อันได้แก่ มาตรการในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ (Climate Change) ระบบรอยเท้าทางนิเวศ (Environmental Footprint) และระบบห่วงโซ่อุปทานสิ่งแวดล้อม (Environmental Supply Chain) ในหมวดสังคม ได้แก่ โครงการความริเริ่มเพื่อสังคม (Community Initiatives) สิทธิมนุษยชน (Human Rights) และข้อปฏิบัติในเรื่องแรงงาน (Labor Practices) ในหมวดบรรษัทภิบาล ได้แก่ การกำกับดูแลองค์กร (Corporate Governance) การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) และความโปร่งใสในเรื่องภาษี (Tax Transparency) ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่นักลงทุน นักวิเคราะห์ทางการเงิน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการตัดสินใจเพื่อการลงทุน