บริษัทออกแบบโครงสร้างตึก สตง.ออกแถลงการณ์ท้าชนผลสอบ ย้ำทำตามหลักวิศวกรรมและมาตรฐานการออกแบบ

บริษัทออกแบบโครงสร้างตึก สตง.ออกแถลงการณ์ท้าชนผลสอบ ย้ำตามหลักวิศวกรรมและมาตรฐานการออกแบบ

วันที่ 30 มิถุนายน 2568  บริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้ออกแบบโครงสร้าง ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ออกแถลงการณ์ หลัง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยผลการสอบตึก สตง. ที่ถล่ม พบว่าการออกแบบและ คอนกรีตไม่ได้มาตรฐานทางวิศวกรรม

บริษัท ไมนฮาร์ทระบุว่า การออกแบบโครงสร้างอาคารดังกล่าวได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด ตามหลักวิศวกรรมและมาตรฐานการออกแบบที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและเป็นไปตามกฎกระทรวง กำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคารและพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ.2550 รวมถึง มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว (มยผ.1302-52) ซึ่งมีผลบังคับใช้ในช่วงเวลาที่ดำเนินการออกแบบและการส่งมอบงาน

บริษัทฯ ขอเรียนว่า งานวิศวกรรมโครงสร้าง เป็นศาสตร์ที่มีความซับซ้อน ซึ่งกระบวนการตรวจสอบอาจมีข้อจำกัดในด้านการตีความทางเทคนิคบางประการ ซึ่งบริษัทฯพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการชี้แจง ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมหรือให้ข้อมูลทางเทคนิคที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนในขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการตรวจสอบ

บริษัทฯ จึงออกแถลงการณ์ฉบับนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงในบริบทของวิชาชีพวิศวกรรม และขอสงวนสิทธิ์ในการปกป้องชื่อเสียงและผลประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทฯ อย่างเต็มที่

#ไมนฮาร์ท #ตึกสตง #ข่าววันนี้ #ตึกถล่ม #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

 

DSI ยันพบเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 70 ราย เอี่ยวฮั้วประมูลก่อสร้างตึก สตง.มีชื่อตั้งแต่อดีตผู้บริหารชุดเก่าถึงปัจจุบัน 

DSI  ยันพบเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 70 รายเอี่ยวฮั้วประมูลสัญญาโครงการก่อสร้างตึก สตง. มีชื่อตั้งแต่อดีตผู้บริหารชุดเก่าถึงปัจจุบัน 

วันที่ 4 มิถุนายน 2568 ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 58/2568 กรณีตรวจสอบสัญญา 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญาการออกแบบ สัญญาการก่อสร้าง และสัญญาการควบคุมงาน ในโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวพันกันในส่วนของตำแหน่งหน้าที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องส่งสำนวนให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวน ว่า สืบเนื่องจากวานนี้ (3 มิ.ย.) ที่มีการนำเสนอข่าวเรื่องดังกล่าว ซึ่งตนได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อสอดคล้องข้อเท็จจริงกับเรื่องการสอบสวน ซึ่งที่จริงแล้ว คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการประชุมตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการสรุปสำนวนคดีพิเศษที่ 32/2568 และได้ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษ ในรายละเอียดคดีพิเศษที่ 32/2568 จะเป็นการดำเนินการในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 กรณี มีผู้ต้องหาทั้งหมด 5 ราย จึงทำให้เราพบความเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 2 ส่วน คือ 1.คดีฮั้วประมูล (คดีพิเศษที่ 58/2568) และ 2.คดีนอมินีภาคสอง ที่ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ให้ข้อมูล 

ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการออกเลขรับเป็นคดีพิเศษอีกหนึ่งสำนวน โดยจะมีบริษัท 16 ราย เกี่ยวข้องแต่จะต้องมีการคัดกรอง เบื้องต้นอาจจะมีประมาณ 4 บริษัท ซึ่งถ้าหากมีความคืบหน้าอย่างไรจะได้แจ้งรายงานให้ทราบอีกครั้ง รวมถึงกรณีฝุ่นแดง เหล็กไม่ได้มาตรฐาน ก็ขอให้พนักงานสอบสวนได้ใช้เวลาในการทำสำนวนอีกสักระยะ สำหรับคดีพิเศษที่ 58/2568 คดีฮั้วประมูล ดีเอสไอได้สรุปว่ามีกรณีที่มีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐทั้งหมด 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.ผู้บริหารองค์กรอิสระ 2.คณะกรรมการทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง จำนวน 10 คณะ ทั้งการออกแบบ การก่อสร้าง และการควบคุมงาน และ 3.คณะกรรมการการออกแบบวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 27 จำนวน 15 ราย รวมทั้งหมดประมาณ 70 ราย จะได้สรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช. ภายในสัปดาห์นี้ ไม่เกินสัปดาห์หน้า

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า ดีเอสไอดำเนินคดีจากที่มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ และพบพยานหลักฐานการฮั้วประมูลนั้น มาจากการควบคุมงาน ที่รับผิดชอบดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า ซึ่งรายละเอียดของการควบคุมงานจะมีการให้คะแนนทั้งหมด 3 หมวด คือ การดำเนินงาน บุคลากร และ เรื่องอื่นๆรวม 100 คะแนน แต่ในส่วนที่ดีเอสไอพบการกระทำความผิด คือ บุคลากร เพราะมีการปลอมลายมือชื่อแล้วเอาชื่อบุคคลอื่นซึ่งไม่มีความสามารถเป็นไปตาม TOR มาดำเนินการเสนอราคาในการคัดเลือก จึงพบความผิดดังกล่าว และได้กล่าวหาดำเนินคดีกับกิจการร่วมค้า รวม 6 ราย อีกทั้งรายละเอียดมันเชื่อมโยงกันทั้งหมด รวมถึงมีผู้ต้องหา 1 ในนี้ มีการกล่าวหาว่า เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการจัดฮั้วประมูล ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง จึงทำให้คดีทั้งหมดเกี่ยวข้องกัน และอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามมาตรา 61 ดีเอสไอจึงต้องส่งรายละเอียดให้ ป.ป.ช. ตามกฎหมาย

เมื่อถามว่าเช่นนี้ผู้บริหารทั้ง 6 รายของกิจการร่วมค้า มีส่วนรู้เห็นกับการได้มาซึ่งสัญญาการควบคุมงานหรือไม่ ร.ต.อ.สุรวุฒิ เผยว่า เรากล่าวหาว่าอย่างนั้นเลย ส่วนมีเจ้าหน้าที่ของรัฐมาเอื้ออำนวยให้ด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนของผู้บริหารระดับสูงของ สตง.ที่มาจัดฮั้วล็อคสเป็คบริษัทนั้น ตนต้องเรียนว่า มีการกล่าวหาว่าเช่นนั้น มีการกล่าวหาเป็นหนังสือว่ามีการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือตามกฎหมายว่าด้วยเจ้าพนักงานของรัฐ ซึ่งก็คือข้าราชการในองค์กรอิสระ

ต่อข้อถามว่าบุคคลที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษดังกล่าวถือว่าเป็นพยานปากสำคัญใกล้ชิด สตง. เลยหรือไม่ ร.ต.อ.สุรวุฒิ เผยว่า เป็นตามที่ปรากฏเป็นข่าว โดยมีผู้มากล่าวหาทั้งหมด 2 ราย ซึ่งทั้งคู่เป็นบุคคลที่ให้การว่า เขารู้เห็นในเรื่องรายละเอียดที่เกิดขึ้นจึงได้มีการให้รายละเอียดยืนยันตามหนังสือที่ส่งมาให้ดีเอสไอ ในส่วนของผู้บริหารระดับสูงของ สตง. ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในข่าวที่ปรากฏออกไป ตามกฎหมายเราเรียกว่า มีการกล่าวหา หรือการกล่าวโทษในเรื่องของการกระทำความผิด ซึ่งเป็นข้าราชการในองค์กรอิสระ

เมื่อถามว่าบุคคล 2 รายที่มากล่าวโทษผู้บริหารของ สตง. ได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษตามมาตราใดของ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ร.ต.อ.สุรวุฒิ ระบุว่า ตามกฎหมาย เขามีการกล่าวหาในพฤติการณ์หลายเรื่อง ทั้งเรื่องการทุจริต เรื่องการล็อกสเปค และการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสัญญา โดยเฉพาะมาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 12 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะดำเนินการไต่สวนความผิด ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทาง สตง. ได้มีเจ้าหน้าที่มาให้การรายละเอียดเรื่องของการดำเนินการกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด รวมทั้งเป็นพยานสำคัญในการดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า กรณีของคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างฯ พบว่ามีการกล่าวหาในเรื่องของการออกแบบ การก่อสร้าง และการควบคุมงาน แต่ที่พบชัดเจน คือ การควบคุมงาน เพราะใช้วิธีการคัดเลือก ซึ่งตามกฎหมาย หากคัดเลือกเสร็จแล้ว จะต้องมีหนังสือเชิญชวนไม่น้อยกว่า 3 ราย แต่ในส่วนนี้ทราบว่ามีการเสนอไป 19 ราย ซึ่งในส่วนของกิจการร่วมค้า พบว่ามี 1 ใน 19 ราย แต่ทางผู้ดำเนินการได้มีการขอยกเว้นหลักเกณฑ์ เสนอไปที่คณะกรรมการวินิจฉัยข้อกฎหมาย ตามมาตรา 29 เพื่อให้ยกเว้นหลักเกณฑ์ ระเบียบ และกฎกระทรวง ซึ่งกรณีเช่นนี้จึงทำให้มีการกล่าวหาว่าการยกเว้นดังกล่าว มันเป็นการเอื้อต่อกิจการร่วมค้า อย่างไรก็ดี จากพยานหลักฐานพบว่ามีการดำเนินการยกเว้นจริง ส่วนจะมีการเอื้อหรือไม่ ต้องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้ไต่สวน ส่วนจะมีผู้บริหารของ สตง. เป็นผู้เซ็นอนุมัติหรือไม่ เป็นรายละเอียดภายในสำนวน

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนี้ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชุดผู้บริหารในอดีต ไม่ใช่ชุดปัจจุบัน ส่วนผู้บริหารชุดใหม่จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะเป็นผู้ไต่สวน ซึ่งการกล่าวหาก็มีกรรมการ 10 คณะรวมอยู่ในนั้นด้วยแล้ว ส่วนข้าราชการ 3 กลุ่มที่ถูกกล่าวหาในเรื่องการฮั้วประมูล ว่า กลุ่มที่ 1 มีการกล่าวหาผู้บริหารว่ามีการล็อคสเปคเพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาการออกแบบ สัญญาการก่อสร้าง และสัญญาการควบคุมงาน ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นเรื่องของการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในเรื่องของการเป็นกรรมการชุดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินงาน การตรวจการจ้าง หรือการดำเนินการวิธีการต่าง ๆ ซึ่งส่วนนี้มีจำนวน 10 คณะ ตามที่ตนได้เรียนแจ้งไปข้างต้น ขณะที่กลุ่มที่ 3 เป็นเรื่องของคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย หรือปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการดำเนินการตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560

“สำหรับพฤติการณ์ที่พบนอกจากการควบคุมงาน แล้วพอที่จะเปิดเผยได้ คือ การดำเนินการจ้างช่วง เพราะทาง สตง. ก็ได้ยืนยันว่า บริษัท ไม่ได้มีการจ้างช่วงจริง ไม่มีรายชื่ออนุมัติการจ้างช่วง จึงจะเป็นเอกสารประกอบให้ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาไต่สวน” 

เมื่อถามว่าสังคมมีการตั้งคำถามว่าผู้บริหาร สตง. ชุดปัจจุบัน ไม่มีความผิด หรือความเกี่ยวข้องเลยใช่หรือไม่ โดยเฉพาะในสำนวนที่ดีเอสไอต้องส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนนั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ ชี้แจงว่า อย่างไรต้องรอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ไต่สวนก่อน เพราะมันเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งปัจจุบัน เมื่อถามย้ำว่าสำนวนที่ดีเอสไอต้องส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในกรอบสัปดาห์ มีชื่อของ ผู้ว่า สตง. คนปัจจุบันรวมอยู่ใช่หรือไม่ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า ก็อยู่ในสำนวนนั้นทั้งหมด ก็มีผู้บริหารตั้งแต่ต้น แล้วก็มีคณะกรรมการต่าง ๆ ที่มีหลายหน่วยงานรวมอยู่ในนั้น และคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ รวมแล้ว 3 กลุ่ม ประมาณ 70 รายชื่อที่มีการกล่าวหา แต่อย่างไรก็ต้องรอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ไต่สวนก่อน ทั้งนี้ ในส่วนที่ดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินคดีเองก็คือผู้บริหาร 6 รายของกิจการร่วมค้า

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า ระหว่างนี้จะได้ให้เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง เข้ามาดำเนินการคัดเอกสาร เนื่องจากดีเอสไอได้มีการตรวจค้นทั้งหมด 3 ครั้ง แล้วพบว่าในการตรวจค้นครั้งที่ 2 มีเอกสารกว่า 121 ลัง จึงต้องพยายามคัดให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามคำกล่าวหาและให้อยู่ในประเด็นในสำนวน หากเอกสารส่วนไหนไม่เกี่ยวข้อง ก็จะจะต้องคืนกลับไป และเราจะเร่งรัดดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ รวมถึงเรื่องเอกสารการตรวจค้นจากสถาบันนิติวิทยา ศาสตร์ ที่ต้องส่งผลรายงานมาด้วย

กรณีการควบคุมงานทิพย์ ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตึก สตง.ถล่ม หรือไม่ เพราะตามพฤติการณ์แล้ว นิติบุคคลมีการแอบอ้างว่ามีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมงานก่อสร้าง มีประสบการณ์จะมาควบคุมงาน แต่พอหน้างานก่อสร้าง กลับไม่มีวิศวกรกลุ่มดังกล่าวอยู่ในการควบคุมงานนั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ ระบุว่า อันนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ตำรวจดำเนินคดีอยู่ แต่อีกเรื่องหนึ่ง เราก็ต้องรอทางคณะกรรมการที่รองนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้ง เพราะเราได้มีการประสานข้อมูลกัน จึงต้องรอผลการตรวจของคณะกรรมการชุดดังกล่าวด้วย คาดว่าน่าจะไม่นาน อย่างไรก็ตาม ชุดคณะทำงานของดีเอสไอและคณะกรรมการที่รองนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้ง มีการทำงานประสานงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง

กรณีการติดตามตัว ผู้ต้องหารายสำคัญ ซึ่งเป็นนายทุนชาวจีน เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง อีกหนึ่งรายที่เหลือจากในคดีนอมินี หรือคดีพิเศษที่ 32/2568 นั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ ยืนยันว่า มันเป็นเรื่องกระบวนการการสืบค้น เรามีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คิดว่าไม่นาน เพียงแต่ว่าเรารอสำนวนนิดหนึ่ง เพราะมีปัญหาในเรื่องของการปฏิบัติเล็กน้อย ส่วนกระบวนการจับกุมมีการประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง

ตำรวจคุม 15 ผู้ต้องหา เอี่ยวตึก สตง.ถล่ม ฝากขังศาลอาญาผัดแรก ค้านประกันตัว 

ตำรวจคุม 15 ผู้ต้องหา เอี่ยวตึก สตง.ถล่ม ฝากขังศาลอาญาผัดแรก ค้านประกันตัว 

วันที่ 16 พ.ค. พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อควบคุมตัว 14 ผู้ต้องหาคดีตึก สตง.ถล่ม ขึ้นรถตู้ตราโล่ตำรวจ จำนวน 3 คัน เพื่อไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาผัดแรก 12 วัน


ในขณะที่ นายเปรมชัย กรรณสูต นักธุรกิจชื่อดังเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ ผู้ประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. มีรายงานว่า ขอใช้สิทธิ์เป็นผู้ป่วยนั่งวีลแชร์และต้องใส่ท่อปัสสาวะไม่สะดวกขึ้นรถตู้ จึงขอนั่งรถส่วนตัวพร้อมทนายความไปยังศาลอาญารัชดาแทน แต่ พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก. สน.บางซื่อ ปฏิเสธไม่อนุญาตตามคำร้องขอของผู้ต้องหา ระบุว่า ผู้ต้องหาทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเท่าเทียม แต่เพื่อความสะดวกให้พนักงานสอบสวนจัดรถกระบะตราโล่ของ สน.บางซื่อ เพิ่มอีกหนึ่งคันแทน เพราะรถมีลักษณะเตี้ยกว่ารถตู้


ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำรถมาจอดเทียบ พยาบาลได้เข็นวีลแชร์ของ นายเปรมชัย มาที่รถ โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่ามีความกังวลใจหรือไม่ที่ถูกดำเนินคดี แต่ นายเปรมชัย ก็ไม่ได้มีการตอบคำถามใดๆ ก่อนเจ้าหน้าที่จะพยุงตัวนายเปรมชัย ขึ้นรถออกไปทันที


ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนยืนยันคัดค้านประกันตัวทั้ง 15 คน เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนอีกทั้งเป็นคดีที่มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และมีมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก


ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 ราย ประกอบด้วยหนึ่งนิติบุคคล และหนึ่งบุคคล ได้ส่งทนายขอเลื่อนมอบตัวเป็นเช้าวันที่ 19 ก.ค. 68 แทน เนื่องจากติดปัญหาด้านเอกสาร ทำให้ในวันนี้มีผู้ต้องหาเดินทางเข้ามอบตัว และดำเนินการฝากขังเพียงแค่ 15 ราย


อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นมีรายงานว่าญาติของผู้ต้องหาทั้ง 15 ราย เตรียมหลักทรัพย์ในการประกันตัว มูลค่ารายละ 300,000 บาท ยื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาต่อศาลอาญารัชดา
ความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

15 ผู้ต้องหาเอี่ยวตึก สตง.ถล่ม ให้การปฏิเสธ อีก 2 ราย มอบตัวช่วงบ่าย คัดค้านการประกัน 

15 ผู้ต้องหาเอี่ยวตึก สตง.ถล่ม มอบตัวให้การปฏิเสธอีก 2 รายมอบตัวช่วงบ่าย คัดค้านการประกัน 

วันที่ 16 พ.ค.ที่ สน.บางซื่อ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีหมายจับผู้ต้องหา 17 คน ที่เกี่ยวข้องกับเหตุตึก สตง.ถล่ม ว่าเมื่อวานนี้คณะพนักงานสอบสวนได้ไปขอหมายจับศาลอาญา และศาลได้อนุมัติหมายจับทั้งหมด 17 คน หลังผู้ต้องหาที่รับทราบข่าวจากสื่อมวลชนว่าได้มีการออกหมายจับกลุ่มบริษัทผู้ออกแบบ, ผู้ควบคุมการก่อสร้าง และผู้รับเหมาก่อสร้างได้ทยอยเดินทางมามอบตัวที่ สน. บางซื่อ ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมาเช้ารวม 15 คนแล้ว แต่ยังขาดอีก 2 คน จากบริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนตส์ จำกัด ที่เป็นตัวแทนนิติบุคคล และในนามส่วนตัว ซึ่งจะเข้ามาช่วงบ่ายวันนี้

โดยระหว่างนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการแจ้งข้อกล่าวหา แจ้งพฤติการณ์ของคดี รวมถึงการแจ้งสิทธิ์ให้ผู้ต้องหารับทราบ เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 15 รายให้การปฏิเสธ ซึ่งก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา โดยหลังจากนี้ผู้ต้องหาเผยจะจัดเตรียมเอกสารและคำให้การส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนให้เวลา 1 สัปดาห์ ได้นัดหมายให้ส่งมาภายในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้

ส่วนในช่วงบ่ายวันนี้พนักงานสอบสวนจะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

พล.ต.ต. นพศิลป์ กล่าวอีกว่า คดีนี้ พนักงานสอบสวนยังคงทำงานต่อเนื่อง เนื่องจากคดีนี้ มีความเกี่ยวพันเกี่ยวเนื่องกับเจ้าหน้าที่รัฐหลายส่วน และขณะนี้ตำรวจได้ประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ คดีนอมินี และฮั้วประมูล ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษไว้แล้ว ยืนยัน หากพยานหลักฐานไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐคนใดจะดำเนินคดีไม่ละเว้น ตั้งแต่คนทำ TOR และสัญญาการจ้างออกแบบ การจ้างควบคุมงาน และส่วนอื่นๆ  ข้อกฎหมายระบุไว้ชัดเจนในมาตรา 227 และ 238 หากไม่ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ตามมาตรฐานที่ระบุไว้ ส่งผลกระทบให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น และก่อความเสียหาย ย่อมมีความผิดตามกฏหมาย เช่นเดียวกันกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ให้การสนับสนุนและก่อให้เกิดความเสียหายดังกล่าวก็ต้องมีความผิดเช่นกัน

สำหรับโครงการ ก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่นี้ จากการตรวจสอบพบว่ามีการเบิกงบประมาณก่อสร้างไปแล้ว 22 งวด จาก 30 งวด เป็นเงินรวม 900 ล้านบาท ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้จ่ายเงินตามสัญญา ทั้งที่การก่อสร้างคืบหน้าเพียง 35% / ทั้งที่ตามหลักการต้องคืบหน้า 80 %

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และรอผลจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้ง ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนทำไปตามพยานหลักฐานไม่ได้มีการกลั่นแกล้งบุคคลบุคคลใด กรรมใดใครที่ใครก่อไว้ต้องสนองในชาตินี้แน่นอน

"เปรมชัย" ผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ พร้อม วิศวกร ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง อาคาร สตง. ทยอยเข้ามอบตัว

"เปรมชัย" ผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ พร้อม วิศวกร ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง อาคาร สตง. ทยอยเข้ามอบตัว

วันที่ 16 พ.ค. ที่ สน.บางซื่อ  นายเปรมชัย นักธุรกิจคนดัง ซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ ผู้ประมูลโครงการก่อสร้างหลัก อาคาร สตง. แห่งใหม่ ที่พังถล่มลงมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ในเหตุการณ์แผ่นดินไหว และตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ฐาน “เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือ ทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้น ๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 227, 238  โดยนายเปรมชัย  นั่งวิลแชร์ มีพยาบาลส่วนตัวประกบ เดินทางมาที่สน.บางซื่อ พร้อม ทนายความและญาติ เพื่อเข้ามอบตัว กับพนักงานสอบสวน 
      
และยังมีกลุ่มผู้บริหารบริษัทกิจการร่วมค้ารวมถึงกลุ่มวิศวกร อีก 13  ราย เดินทาง เข้ามา มอบตัวต่อพนักงานสอบสวนสน บางซื่อ ในช่วงเวลา ไล่เลี่ย กัน โดยทาง พันตำรวจเอกสนอง ปิ่นมณี ผู้กำกับการสน บางซื่อ เจ้าของพื้นที่ เกิดเหตุได้จัดเตรียมสถานที่ สำหรับ การรับมอบตัวเป็นห้องประชุมชั้น 4 
     
ขณะที่ นายเปรมชัย เนื่องจากเป็นผู้ป่วยไม่สามารถ ขึ้นบันไดชั้น 4 ได้ ทางพนักงานสอบสวนได้จัด พนักงานสอบสวน ทำการสอบปากคำที่ห้องประชุม ชั้น2  ของ สน.ให้

ออกหมายจับ "เปรมชัย กรรณสูต" กับพวกรวม 17 ราย เอี่ยวคดี ตึก สตง.ถล่ม

ออกหมายจับ "เปรมชัย กรรณสูต" กับพวกรวม 17 ราย เอี่ยวคดี ตึกสตง.ถล่ม

จากกรณีสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 13.20 น.ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวโดยมีจุด ศูนย์กลางที่ประเทศเมียนมา แรงสั่นสะเทือนถึงประเทศไทยและในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ส่งผลทำให้อาคาร ก่อสร้างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร มีความสูง 30 ชั้น ทรุดตัวถล่มลงมา เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และ เสียชีวิตจำนวนมากนั้น

ล่าสุด วันที่ 15 พ.ค.68 พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. มีคำสั่งให้แต่งตั้ง คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมี พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ เป็นรองหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อให้ทำการสอบสวนในคดีดังกล่าว 

จากการตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งเอกสารและพยานบุคคล พบว่าแบบแปลนการก่อสร้างไม่สอดคล้องกับกฎกระทรวง และมาตรฐาน กลุ่มกำแพงปล่องลิฟต์ของอาคาร ไม่ได้อยู่ตรงกลางอาคาร แต่ชิดขอบด้านหลัง ทำให้ศูนย์กลางของการบิดตัวของอาคารเยื้องไปจากศูนย์กลางอาคาร เมื่ออาคารแกว่งตัวจากแผ่นดินไหว ทำให้กำแพงปล่องลิฟต์และเสาที่ฐานถล่มเกือบพร้อมกัน ทำให้อาคารทั้งหลังตกลงมาในแนวดิ่งอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ มีการส่งผลตรวจปูนซีเมนต์ ที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินว่า มีมาตรฐาน ตรงตามค่า KSC ซึ่งเป็นหน่วยวัดมาตรฐาน ที่ใช้วัดความแข็งแรงของคอนกรีต ผลการตรวจปรากฏว่าความแข็งแรงของคอนกรีต ไม่ได้มาตรฐานตามค่า KSC และ การตรวจสอบเหล็กเส้นที่เก็บได้จากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ปรากฏว่ามีบางส่วนไม่ เป็นไปตามแบบเช่นกัน และ จากการตรวจลายมือชื่อของ นายสมเกียรติ ชูแสงสุข ผู้เสียหายที่ถูกปลอมลายมือชื่อลงไป ในฐานะวุฒิวิศวกร จากกองพิสูจน์หลักฐานยืนยันว่า ตัวอย่างลายมือชื่อที่ส่งเปรียบเทียบ มีคุณสมบัติการเขียน รูปลักษณะของลายมือชื่อแตกต่างกันกับตัวอย่างลายมือชื่อของ นายสมเกียรติ ชูแสงสุข จึงลงความเห็นว่าไม่ใช่ลายมือชื่อของคนเดียวกัน

จากหลักฐานข้างต้นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจึงได้แบ่งกลุ่มผู้กระทำความผิดออกเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งเป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำมีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องและเป็นผู้กระทำความผิดดังนี้

กลุ่มที่ 1 บริษัทผู้ออกแบบ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และ บริษัท ไมนฮาร์ท (ประทศไทย) ทำสัญญาระหว่างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดยผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคล 1 ราย และมีกลุ่มวิศวกรผู้ลงนามในแบบแปลนซึ่งเป็นวิศวกรโครงสร้าง จำนวน 5 ราย รวมผู้กระทำความผิดทั้งหมด  6 ราย

กลุ่มที่ 2 บริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง กิจการร่วมการค้า PKW จำนวน 1 รายในฐานะส่วนตัว เนื่องจากเป็นผู้แทนลงนามในสัญญา ซึ่งทั้ง 3 บริษัท ตกลงยินยอมรับผิดร่วมกัน และ แทนกันต่อผู้ว่าจ้างในทุกกรณี โดย 3 บริษัท ประกอบด้วย 1.บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด 2.บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด 3.บริษัท ว.และสหาย คอนซัลแตนตส์ จำกัด รวมผู้กระทำความผิดทั้งหมด 5 ราย และกลุ่มที่ 3 บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง 1.บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และ ผู้มีอำนาจกระทำการแทนกินการร่วมค้า ITD-CREC รวมผู้กระทำความผิดทั้งหมด 6 ราย 

อย่างไรก็ตาม ในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ค้นพบแล้ว จำนวน 89 ราย ได้รับบาดเจ็บสาหัส จำนวน 1 ราย ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย สูญหาย 11 ราย จึงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษให้ ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด 17 ราย ในฐานะนิติบุคคล และ ส่วนตัว ในฐาน “เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือ ทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้น ๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 227 , 238 

มีรายงานว่า ในจำนวนผู้ถูกออกหมายจับ 17 ราย มีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) รวมอยู่ด้วย

กทม.ทำบุญใหญ่อาคารสตง.ถล่ม สวดบำเพ็ญส่วนกุศลแด่ผู้สูญหาย

"กทม."ทำบุญใหญ่! สวดบำเพ็ญส่วนกุศล แด่ผู้สูญหายตึก สตง.ถล่ม ด้าน "ผู้ว่าสตง." ลั่นยอมรับผลการตรวจสอบทุกเรื่อง ขณะที่ทีมกู้ภัยส่งมอบพื้นที่คืนให้ สตง. และแถลงปิดภารกิจอย่างเป็นทางการ 

 เมื่อวันที่ 13 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่บริเวณชั้น 3 ภายในพื้นที่ก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 109 รูป และพิธีสวดพระพุทธมนต์ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้สูญหายที่เสียชีวิต จากอาคาร สตง. ถล่ม โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เป็นประธาน พร้อมด้วย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่า กทม., นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. รวมถึงอาสาหน่วยกู้ภัยและผู้ที่เข้ามาปฏิบัติงานช่วยเหลือตลอดทั้ง 45 วันของปฏิบัติการ โดยพบว่า มี นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เข้าร่วมพิธีด้วย

 จากนั้นทีมงานที่ปฏิบัติงานทั้งหมด ทั้งหน่วยกู้ภัย รวมถึงทีมจากศูนย์บัญชาการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ทีมสุนัขกู้ภัย k9 และทุกคนที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันยืนสงบนิ่ง ไว้อาลัยให้กับผู้ประสบเหตุรวมถึงผู้เสียชีวิตทุกราย โดยที่จุดศูนย์บัญชาการมีการประชุมผลการปฏิบัติงานหลังยุติภารกิจการค้นหาอย่างเป็นทางการในวันนี้ พร้อมส่งมอบพื้นที่คืนให้กับ สตง.ดำเนินงานต่อไป

 ขณะที่ นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เดินทางมาเข้าร่วมพิธี พร้อมยืนยันว่า ยอมรับผลการตรวจสอบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นผลการสอบสวนทางวิทยาศาสตร์ หรือจากส่วนอื่น แต่กฎแห่งกรรม ใครทำอะไรไว้ก็จะต้องรับผลของการกระทำ
 ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันนี้ถือเป็นวันสิ้นสุดภารกิจการค้นหาผู้สูญหายแ ละรื้อถอนซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่พังถล่ม รวมระยะเวลากว่า 48 วัน โดยในช่วงเช้าได้มีพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศให้กับผู้เสียชีวิตและสูญหายเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนการส่งมอบพื้นที่คืนให้ สตง. และแถลงปิดภารกิจอย่างเป็นทางการ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหลายหน่วยงานได้ร่วมยืนสงบนิ่งล้อมรอบบริเวณอาคารที่ถล่มเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต

 ปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากเหตุการณ์อาคาร สตง. ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง พังถล่มลงมาจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ติดค้างภายในซากอาคาร บาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก นำมาซึ่งการระดมกำลังครั้งใหญ่จากกรุงเทพมหานคร (กทม.) หน่วยทหาร หน่วยกู้ภัย มูลนิธิอาสาต่างๆ และภาคเอกชน ที่ร่วมสนับสนุนทั้งกำลังคน เครื่องมือหนัก อาหาร และสิ่งของจำเป็น ตลอดระยะเวลา 48 วันของการค้นหาและรื้อถอนซากคอนกรีตเหล็กเส้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ไม่พบร่างผู้สูญหายเพิ่มเติม ทำให้ต้องยุติการค้นหาในพื้นที่และรอกระบวนการพิสูจน์อัตลักษณ์ชิ้นส่วนร่างกายที่พบโดยสถาบันนิติเวชวิทยาต่อไป

                            

สลด!เคลียร์ซาก“สตง.ถล่ม” พบชิ้นเนื้อ-กระดูกกระจาย

“ปภ.กทม.”สรุปภารกิจเคลื่อนย้ายเศษซากอาคาร สตง.ถล่มใกล้เสร็จสิ้น หลังพบชิ้นเนื้อ-กระดูกกระจาย เตรียมส่งมอบพื้นที่ 15 พ.ค. พร้อมทำบุญอุทิศผู้สูญเสีย 109 รูป

เมื่อวันที่ 11 พ.ค.68 ที่กองอำนวยการร่วม สน.บางซื่อ (ห้างเจเจมอลล์) นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อํานวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (ผอ.ปภ.กทม.) เปิดเผยความคืบหน้าเหตุอาคารสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. พังถล่ม หลังยุติการค้นหาร่างผู้ประสบภัยเมื่อวานนี้ ว่า ทํางานในวันนี้จะเป็นการเคลื่อนย้ายเศษปูนไปไว้ที่กองปูน ซึ่งระหว่างการเคลื่อนย้ายจะเป็นกระบวนการตรวจสอบเรื่องชิ้นเนื้อ หรือกระดูกของผู้ประสบภัย เพื่อเก็บให้กับสถาบันนิติเวชฯ ให้ครบถ้วนมากที่สุด เนื่องจากเมื่อวานนี้ทางสุนัข K-9 ก็พบชิ้นเนื้อและกระดูกกะโหลกศีรษะชิ้นเล็ก ๆ ของผู้ประสบภัยติดไปยังกองปูนด้วย คาดว่าภายในวันนี้น่าจะเสร็จสิ้น ส่วนพรุ่งนี้จะเป็นการเก็บรายละเอียดตกค้างเล็ก ๆ น้อย ๆ

ผอ.ปภ.กทม. กล่าวอีกว่า โดยในวันที่ 13 พ.ค. จะมีการนิมนต์พระสงฆ์ 109 รูป มาทําบุญในช่วงเช้าเวลาประมาณ 08.00 น. ให้กับผู้ประสบภัยและเป็นกําลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ก่อนถอนกําลังออกจากพื้นที่ คาดว่าจะใช้เวลาในการเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกจากพื้นที่ประมาณ 3 วัน ก่อนส่งมอบพื้นที่ภายในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ในส่วนของสุนัข K-9 และภาคประชาชนจะดําเนินการตรวจสอบที่กองปูนถึงช่วงเย็นวันที่ 12 พ.ค. ก่อนจะแยกย้ายกลับหน่วยที่ตั้ง

นายสุริยชัย กล่าวยืนยันว่า ไม่พบร่างผู้ติดค้างเพิ่มแล้วหลังพลิกซากครบทั้งหมด เท่ากับว่าอยู่ที่กับสถาบันนิติเวชฯ ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์คาดว่าน่าจะครบทั้ง 7 ราย ในส่วนของตํารวจก็จะทํางานควบคู่กันไปอาจจะไปเจอเหมือน 4 ท่านที่ไม่ได้อยู่ในวันเกิดเหตุและยังมีชีวิตอยู่ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดของญาติ

“ทั้งนี้ในช่วงสายของวันที่ 13 พ.ค. จะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีความต่อเนื่องในการคืนพื้นที่ให้เจ้าของ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตํารวจก็จะดําเนินการอายัดพื้นที่และในช่วงบ่าย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะแถลงสรุปการดําเนินการทั้งหมด”

เปิดช่องลิฟต์ค้นหาผู้ติดค้าง ยอดผู้สูญหายเหลือ 8 ราย

วันที่ 8 พ.ค.68 ที่อาคาร สตง.ถล่ม นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (สปภ.กทม.) รายงานความคืบหน้าการค้นหาผู้ประสบภัยเหตุแผ่นดินไหว ว่า จากเมื่อวาน (7 พ.ค.68) มีจุดที่เราต้องสงสัยอยู่ 3 จุดที่ต้องเร่งดําเนินการ จุดแรกบริเวณโซน D บริเวณด้านข้างของอาคารได้ทำการเปิดพื้นที่ออกความลึกประมาณ 50 เมตรถึงตัวทรายถม ความยาวประมาณ 20 เมตร แต่ไม่พบร่างผู้ประสบภัย ในส่วนของโซน A ด้านหน้า ได้ทำการเปิดพื้นที่เข้าไป ซึ่งไม่พบร่างผู้ประสบภัยเช่นเดียวกัน ด้านโซน B ที่ติดกับตัวอาคารยังเปิดพื้นที่ลงไปไม่ถึงด้านล่างเนื่องจากตัวพื้นที่ค่อนข้างจํากัด ประกอบกับด้านล่างมีเสาที่หักอยู่ 4 เสา อยู่บริเวณด้านหน้าและตัวด้านใน ทำให้เครื่องจักรหนักที่จะลงไปทำงานค่อนข้างจํากัด

สำหรับความคืบหน้า K-9 รายงานว่าในช่วงเช้าทีม K-9 และทีมอาสาฯ เข้าไปค้นหาภายหลังจากเครื่องจักรหนักหยุดทำงาน ยืนยันว่ามีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าได้กลิ่น น่าจะมีผู้ที่ติดค้างอยู่ วันนี้ก็เดินหน้าตรงนี้ต่อ เรื่องที่ 2 ข้อสงสัยที่มีความเป็นไปได้ว่าจะมีผู้ติดค้างในช่องลิฟต์ ซึ่งตัวช่องลิฟต์มีความกว้างและลึกกว่าชั้นใต้ดินลงไป 3 เมตร ช่องลิฟต์มีทั้งหมด 6 ช่อง มีช่องขนาดประมาณ 2.50x8 เมตร 2 ช่อง ขนาด 2.50x6 เมตร 2 ช่อง และขนาด 3x3 เมตร 2 ช่อง วันนี้เราจะเริ่มดําเนินการซึ่งได้ร่วมหารือวางแผนกับทางคณะกรรมการในการจัดเก็บหลักฐาน โดยดําเนินการควบคู่กันไปเพื่อป้องกันไม่ให้หลักฐานเสียหาย ทางเราเองก็ต้องใช้ความระมัดระวังในการทํางาน แต่อาจจะไม่สามารถทํางานได้อย่างที่ผ่านมา ซึ่งใช้เครื่องจักรลุยเลยเต็มที่ ครั้งนี้จะต้องใช้คนนําแล้วใช้เครื่องจักรในการช่วยอาจจะมีความล่าช้าเล็กน้อย

สำหรับการตั้งเป้าไว้ว่าหลังจากวันที่ 10 พ.ค.68 จะหยุดการค้นหาหรือว่าค้นหาต่อ หากการค้นหายังไม่จบ ยังมีข้อสงสัยก็ต้องเดินต่อแต่ถ้าสิ้นความสงสัยแล้ว ไม่มีจุดไหนที่น่าสงสัยก็จะหยุด ส่วนผู้ประสบภัยขณะนี้ ผู้สูญหายคงเหลือ 8 ราย เนื่องจากผลการสอบสวนพบว่ารายชื่อผู้ประสบภัยที่แจ้งไว้พบว่ามี 3 รายอยู่ที่บ้าน ซึ่งเป็นลูกจ้างแบบรายวัน และวันที่เกิดเหตุไม่ได้มาทํางานแล้วมีการกลับบ้านไป ดังนั้นตัวเลขที่คงค้างอยู่ 11 รายจะเหลือแค่ 8 ราย

จากงานแต่งเป็นงานศพ สุดเศร้ารับศพน้องจักร 18 ปี แรงงานตึกถล่ม แฟนสาวรอด

พ่อเลี้ยงเดี่ยวใจสลาย รับศพลูกชาย น้องจักร อายุ 18 ปี แรงงานตึก สตง.ถล่ม หลังค้นหานานกว่าเดือน ไร้ปาฏิหาริย์ รันทดครอบครัวยากจน ไม่ได้เรียนหนังสือ ยอมไปขายแรงงาน กทม. หวังเก็บเงิน มาแต่งงานกับแฟนสาว ส่วนแฟนสาวรอด ชีวิต จากตั้งใจหาเงินมาจัดงานแต่ง กลายเป็นงานศพ วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยเหลือเยียวยา

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 6 บ้านคำสว่าง ต.วังตามัว อ.เมืองนครพนม เจ้าหน้าที่กู้ภัย ริมโขงเฟรนด์ชิฟนครพนม ให้ความอนุเคราะห์ นำร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตึกถล่ม ที่ กทม.กลับส่งถึงบ้านเกิดฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ผู้เสียชีวิต คือ นายจักรกฤษ ศิรารัก อายุ 18 ปี แรงงานก่อสร้าง ที่สูญหาย ต้องใช้เวลานานนับเดือน จึงค้นหาร่างพบ ก่อนนำร่างตรวจดีเอ็นเอ พิสูจน์อัตลักษณ์ ยืนยันตัวตน ก่อนนำร่างกลับมาส่งบ้านเกิด เพื่อให้ญาติบำเพ็ญกุศลตามประเพณี โดยถือเป็นผู้เสียชีวิตรายที่สองของหมู่บ้าน ส่วนอีกรายคือ นายบุญรอด โอทาตะวงค์ อายุ 34 ปี พบร่างบำเพ็ญกุศลแล้ว โดยมี นายสาคร ศิรารัก อายุ 53 ปี รวมถึงญาติพี่น้อง รวมถึงญาติพี่น้อง รอรับศพตั้งบำเพ็ญกุศล ด้วยความโศกเศร้า

 

สำหรับ   นายจักรกฤษ ศิรารัก อายุ 18 ปี แรงงานก่อสร้างที่เสียชีวิต จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวตึกถล่ม เป็นลูกคนสุดท้าย มีพี่น้องรวม 3 คน ครอบครัวยากจน พ่อแม่แยกทางตั้งแต่เด็ก อาศัยอยู่กับพ่อดูแล ไม่ได้เรียนหนังสือ แม้กระทั่งบ้าน ยังสร้างจากอิฐบล็อกไม่ฉาบผนัง เป็นห้อง 4 เหลี่ยม ชั้นเดียว หลังคามุงสังกะสี พอได้หลับนอน โดยก่อนไปทำงานรับจ้างเป็นกรรมกร น้องจักร ตั้งเป้า อยากเก็บเงินมาสร้างบ้านให้พ่อ และหาเงินมาสู่ขอแฟนสาว คือ น้อง ฝน อายุ 16 ปี โดยไปทำงานด้วยกัน  ส่วนแฟนสาวรอดชีวิต วิ่งหนีลงมาจากตึกทัน

 

สอบถาม นายสาคร ศิรารัก อายุ 53 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ยังทำใจไม่ได้ ตั้งแต่รู้ข่าวลงไปรอการค้นหาลูกชาย ที่ กทม. ตั้งแต่เดือน เมษายน ใช้เวลานานกว่าเดือน จึงพบศพ ทีแรกรู้ข่าวคิดว่าจะมีปาฏิหาริย์ แต่พอไปเห็นสภาพตึกถล่ม กองสูงเป็นภูเขา พอจะรู้แล้วว่ารอดยาก ลูกชายตั้งใจไปทำงานได้ปีกว่า หวังเก็บเงินมาสู่ขอแต่งงานกับแฟนสาวที่คบหากัน ในช่วงสงกรานต์ปีนี้ ไม่คิดว่าตั้งใจจัดงานแต่ง จะมาเป็นงานศพ อยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องดูแลชดเชยเยียวยาเพราะครอบครัวยากจน