"แซม ยุรนันท์" เคลื่อนไหวครั้งแรก หลังพ้นคดีดิไอคอน

หลังจากที่ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้พิจารณาสำนวนคดีจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และมีความเห็นและคำสั่งทางคดีไม่สั่งฟ้อง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี คดีสั่งฟ้อง บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด 

ล่าสุดวันนี้ (25 ก.พ.68) "แซม ยุรนันท์" โพสต์ภาพ พร้อมขเ้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว @sam_yuranunt ระบุว่า...

เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ที่ได้รับ..พวงมาลา พระราชทาน และประทาน จาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง . สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี
พระเจ้าวรวงศ์เธอฯ กรมหมื่นสุทธนารีนาถ แด่คุณแม่ มรว.มารศรี สุจริตกุล ณ วัดมกุฏกษัตริยาราม ข้าพพระพุทธเจ้า และครอบครัว ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พระชนมายุยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 🙏🏻

 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

A post shared by sam_yuranunt (@sam_yuranunt)

 

ขอบคุณข้อมูล/ภาพ : IG@sam_yuranunt

ปปง. เพิกถอนอายัดทรัพย์ "ดิไอคอน" 29 ล้าน - ยึดทรัพย์ "ทนายตั้ม" 71 ล้าน

เมื่อวันที่ 23 ม.ค.68 นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. และโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมซึ่งมีนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เป็นกรรมการและเลขานุการ ในช่วงเดือนธันวาคม 2567- เดือนมกราคม 2568 โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้ดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับยาเสพติด การฉ้อโกงประชาชน การฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ การพนันออนไลน์ และมาตรการเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาบัญชีม้า ซึ่งสรุปผลการดำเนินการได้ ดังนี้

1.ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ดำเนินการกับทรัพย์สินจำนวน 15 รายคดี รวมมูลค่ากว่า 510 ล้านบาท แบ่งเป็นการยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 8 รายคดี รวมมูลค่ากว่า 507 ล้านบาท และดำเนินการส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินจำนวน 7 รายคดี รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท                    

โดยมีรายคดีที่น่าสนใจ คือ

 - รายคดี นางสาวสุรีวรรณฯ กับพวก ซึ่งผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์มีพฤติการณ์โอนและรับโอนเงินเชื่อมโยงกับความผิดมูลฐานในคดีอื่นหลายคดี และเป็นเครือข่ายการฟอกเงินรายสำคัญ โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 125 รายการ เป็นเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร รวมมูลค่าประมาณ 505 ล้านบาท (คำสั่ง ย.249/2567)

2. ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนและการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ดำเนินการกับทรัพย์สินจำนวน 15 รายคดี รวมมูลค่ากว่า 6,529 ล้านบาท โดยมีการดำเนินการที่น่าสนใจ คือ

2.1 การยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 5 รายคดี รวมมูลค่ากว่า 329 ล้านบาท โดยมีรายคดี   ที่น่าสนใจ ดังนี้

- รายคดี นายษิทราฯ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดฐานฟอกเงิน โดยมีเหตุที่อันควรเชื่อได้ว่ามีการโอน ยักย้าย ปกปิดหรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด คณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 3 รายการ เป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร รวมมูลค่าประมาณ 71 ล้านบาท (คำสั่ง ย.243/2567)

 - รายคดี นางสาวเจียนฯ กับพวก (สัญชาติจีน) คณะกรรมการธุรกรรมเคยมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินไว้แล้ว 59 รายการ มูลค่าประมาณ 27 ล้านบาท (ย.168/2567) และจากการสืบสวนขยายผลพบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพิ่มเติม ในการนี้คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) จำนวน 7 รายการ (ห้องชุด และบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 78 ล้านบาท (คำสั่ง ย.241/2567)

- รายคดี นางสาวเดือนนภาฯ กับพวก คณะกรรมการธุรกรรมเคยมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินไว้แล้วรวม 118 รายการ มูลค่าประมาณ 574 ล้านบาท (ย.254/2566, ย.94/2567) และจากการสืบสวนขยายผลพบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพิ่มเติม ในการนี้คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) จำนวน 4 รายการ (ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง) รวมมูลค่าประมาณ 95 ล้านบาท (คำสั่ง ย.250/2567)

- รายคดี นายภานุวัชรฯ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด  จำนวน 22 รายการ (ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 81 ล้านบาท (คำสั่ง ย.244/2567)

2.2 ดำเนินการส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินจำนวน 2 รายคดี รวมมูลค่ากว่า 2,800 ล้านบาท โดยมีข้อมูลการดำเนินการกับทรัพย์สิน ที่น่าสนใจ ดังนี้

- รายคดี บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวก คณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้พนักงานอัยการยื่นคำร้อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ตามคำสั่งที่ ย.214/2567, ย. 222/2567, ย.223/2567, ย.224/2567 และ ย.225/2567 รวมจำนวน 103 รายการ มูลค่าประมาณ 286 ล้านบาท และมีมติให้เพิกถอนการยึดอายัดทรัพย์สินจำนวน 40 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 29 ล้านบาท เนื่องจากผู้มีส่วนได้เสียสามารถแสดงหลักฐานว่าเงินหรือทรัพย์สินที่ถูกดำเนินการไม่ใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด

- รายคดี นายสฤษฎ์ฯ กับพวก กรณีเกี่ยวเนื่องกับบริษัทเหลียนเชิง จำกัด คณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องของให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 130 รายการ (คำสั่ง ย. 193/2567) ซึ่งมีทรัพย์สินที่เป็นโครงการก่อสร้างหมู่บ้านขนาดใหญ่ รวมมูลค่าประมาณ 2,552 ล้าน

ทั้งนี้ ในส่วนของการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในคดีที่มีผู้เสียหายฯ สำนักงาน ปปง. ได้ประกาศกำหนดให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องฯ ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา  จากนั้น สำนักงาน ปปง. จะตรวจสอบและรวบรวมรายชื่อผู้เสียหายและจำนวนความเสียหายเพื่อพิจารณาก่อนส่งเรื่องให้พนักงานอัยการ  ยื่นคำร้องขอต่อศาลแพ่งให้มีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนให้กับผู้เสียหายตามสัดส่วนความเสียหายแทนการสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินต่อไป โดยผู้เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบข้อมูลได้จากเว็บไชต์สำนักงาน ปปง. (www.amlo.go.th)

 

2.3 ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (คุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย)  จำนวน 8 รายคดี รวมมูลค่ากว่า 3,400 ล้านบาท โดยมีข้อมูลการดำเนินการกับทรัพย์สินที่น่าสนใจ ดังนี้

- รายคดี นางสาวรัชญาฯ กับพวก คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (กรณีคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) ซึ่งเป็นการดำเนินการกับทรัพย์สิน จำนวน 303 รายการ (เช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง รถยนต์ เงินสด สินค้าแบรนด์เนม และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 70 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 142/2567)

- รายคดี นายชนินทร์ฯ กับพวก (กรณีหุ้น STARK) ซึ่งเป็นความผิดมูฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน และการยักยอกฯ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ซึ่งการดำเนินการกับทรัพย์สินในกรณีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง โดยสำนักงาน ปปง. รวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้เสียหายเพื่อดำเนินการคุ้มครองสิทธิฯ เสร็จสิ้นแล้ว และคณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (คุ้มครองสิทธิผู้เสียหายกว่า 3,900 ราย) ซึ่งเป็นการดำเนินการกับทรัพย์สิน จำนวน 50 รายการ (เช่น ที่ดิน และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 3,244 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 222/2566 และ ย. 32/67)

3. ความผิดเกี่ยวกับการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ดำเนินการกับทรัพย์สินจำนวน 10 รายคดี รวมมูลค่ากว่า 158 ล้านบาท แบ่งเป็นการยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 5 รายคดี รวมมูลค่ากว่า 104 ล้านบาท และดำเนินการส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 5 รายคดี รวมมูลค่ากว่า 54 ล้านบาท                    

โดยมีรายคดีที่น่าสนใจ ดังนี้

- รายคดี www.sand168.com กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยจากการสืบสวนพบว่ามีการชักชวน ให้บุคคลทั่วไปเล่นพนันออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว และจากการตรวจสอบพบข้อมูลการโอนและรับโอนเงินหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีมติให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 742 รายการ (เช่น เงินสด ทองรูปพรรณ วัตถุมงคล สินค้าแบรนด์เนม และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท (คำสั่ง ย.7/2568)

 - รายคดี www.ufav8.info รายนายปรเมศวร์ฯ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยคณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติส่งเรื่องให้พนักงานอัยการ เพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 72 รายการ (เช่น พระเครื่อง เครื่องประดับ สินค้าแบรนด์เนม รถยนต์ และอสังหาริมทรัพย์) มูลค่าประมาณ 24 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 238/2567)

 - รายคดี นางสาวจันจิราฯ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และความผิดเกี่ยวกับการลักทรัพย์ฯ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ โดยคณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติส่งเรื่องให้พนักงานอัยการ เพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 164 รายการ (เช่น เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์) มูลค่าประมาณ 25 ล้านบาท (ย.230/2567)

4. การประกาศรายชื่อบุคคลเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวังเพื่อจำกัดช่องทางการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาบัญชีม้าและอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์

สำนักงาน ปปง. ได้ประกาศรายชื่อบุคคลเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวังเพื่อจำกัดช่องทางการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว 72,031 รายชื่อ ส่งผลให้สามารถจำกัดช่องทางการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของบัญชีที่เกี่ยวข้อง 680,186 บัญชี สามารถป้องกันการนำบัญชีดังกล่าวไปใช้หลอกลวงหรือสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนต่อไป ปัจจุบันมีเงินคงเหลือในบัญชีที่ถูกจำกัดช่องทางการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์รวมทั้งสิ้น 2,036,534,545.29 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 22 มกราคม 2568)

'ยธ.' พร้อมเยียวยาชดเชย "แซม-มิน" รอศาลชี้ชัด ในคดี 'ดิไอคอน'

วันที่ 10 ม.ค.68  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีเกิดกระแสวิจารณ์คุมขังนายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแซม และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี สองนักแสดงชื่อดังซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ไว้ในเรือนจำฯ ระหว่างขั้นตอนของอัยการที่มีคำสั่งฟ้องต่อศาลว่า พวกเราต้องยึดหลักนิติธรรม ตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสินถึงที่สุด เราถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ นี่คือหลักสากล และในกระบวนการยุติธรรม เราต้องมีอิสระในการใช้ดุลพินิจ ถ้าบูรณาการโดยตรงเกินไป มันจะเป็นการฮั้วกัน แล้วทำให้เป็นปัญหาต่อกระบวนการได้ ฉะนั้น พนักงานจึงมีอิสระในการสั่งคดี ซึ่งในกรณีของพนักงานสอบสวนเมื่อสั่งฟ้องไปแล้ว พนักงานอัยการอาจจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องก็ได้ บางทีพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง แต่อัยการอาจสั่งฟ้อง

อย่างไรก็ตาม เราก็มีการถ่วงดุลของพนักงานอัยการ คือ หากอัยการไม่สั่งฟ้อง ทางอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษก็จะต้องพิจารณาดูว่าจะมีความเห็นแย้งอย่างไรหรือไม่ โดยถ้าอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เห็นแย้งกับคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการก็จะต้องทำหนังสือขอให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด ทั้งนี้ แต่ถ้าคดีถึงที่สุดเมื่อใดนั้น ในทางกฎหมายจึงจะถือว่าเป็นผู้เสียหาย หรือเป็นเหยื่อ หรือเป็นแพะ หรือจำเลยที่ศาลยกฟ้อง  ซึ่งในขณะนี้กระทรวงยุติธรรม ได้ก้าวหน้าในเรื่องสิทธิไปมากกว่านั้น โดยได้เสนอกฎหมายเข้าสู่สภา ซึ่งแม้แต่ในชั้นอัยการ หากมีการสั่งไม่ฟ้อง แต่คดีไปถึงเด็ดขาดแล้ว เราก็จะเยียวยาให้กับผู้เสียหายหรือจำเลยที่ไม่ได้รับการประกันตัวชั่วคราว สิ่งนี้เป็นการพัฒนาของกระบวนการยุติธรรม แต่ขณะนี้ก็อาจจะมีผู้วิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะมันยังอยู่ระหว่างทาง จึงขอให้ดูให้สุด

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ในชั้นของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูหลายราย อย่างไรก็ตาม หากท้ายสุดแล้วอัยการสูงสุดชี้ขาดไม่ฟ้อง เขาก็อาจมีสิทธิได้รับการชดเชยเยียวยา แต่ในตอนนี้ตนไม่ทราบได้ว่าอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเห็นแย้งหรือไม่อย่างไร แต่ในเรื่องของความยุติธรรมอย่าเอากระแสมากดดัน อยากให้พิจารณาตามข้อเท็จจริงและหลักฐาน และเรื่องนี้นั้น ตนอยากเรียนสังคมให้ทราบว่ามันเป็นเรื่องที่มีผลกระทบเยอะ เป็นคดีที่น่าสนใจ เราก็อยากให้พนักงานสอบสวนทำตามพยานหลักฐาน และก็ทำตามความรู้ความสามารถจริง ๆ

พ.ต.อ.ทวี เผยอีกว่า หากทางอัยการได้มีหนังสือคำสั่งไม่ฟ้องในคดีส่งมาถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ จากนั้นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษก็จะได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูพยานหลักฐานที่อัยการไม่ฟ้อง จะแย้งหรือไม่ ถ้าแย้งก็ให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด ซึ่งอัยการสูงสุดเป็นอิสระจากอัยการที่สั่งฟ้องอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าในตอนนี้มีคำวิพากษ์วิจารณ์ว่าหากในช่วงทำคดีนั้น พนักงานสอบสวนไม่คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา อาจทำให้ศาลได้พิจารณาให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้นั้น พ.ต.อ.ทวี ชี้แจงว่าถือเป็นประโยชน์ที่ศาลจะได้พิจารณา แต่ศาลไม่ได้ดูเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว บางส่วนที่คัดค้านประกัน ศาลก็ให้ประกัน บางส่วนไม่ได้คัดค้านเลย ศาลก็ไม่ให้ประกัน ศาลจะดูในส่วนของการยุ่งเหยิงพยานหลักฐานหรือไม่ จะหลบหนีหรือไม่ อัตราโทษอย่างไร ซึ่งไม่ได้มีเงื่อนไขว่าคัดค้านหรือไม่คัดค้าน ไม่ได้อยู่ในข้อกฎหมาย พร้อมย้ำว่ากฎหมายให้ดูหลายอย่างประกอบกัน แต่ว่าแต่ละคนจะมีความเห็นอย่างไรก็อีกเรื่องหนึ่ง


 ทั้งนี้ ผู้ต้องหาคดีดิไอคอน ที่อยู่ในเรือนจำก่อนหน้านี้ มีบอสดารา 3 คน หลังบอสแซม และบอสมิน ได้รับการปล่อยตัว ยังเหลือ บอสกันต์ หรือนายกันต์ กันตถาวร ที่ยังถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งหลังแซม ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ บอสกันต์มีอาการเศร้าซึมลง เมื่อวานนี้( 9 ม.ค.) หลังกลับจากศาล ก็อยู่เงียบๆ จากที่ผ่านมาเคยขังร่วมอยู่กับบอสแซม เรือนจำจึงได้จัดให้มีผู้ต้องขังคดีอื่นอยู่ร่วมด้วย โดยแยกขังกลุ่มบอส ไม่ให้อยู่รวมเป็นกลุ่ม ซึ่งคดีนี้ผู้ต้องขังชาย 8 คน เพื่อลดความเครียด เพราะหากให้จับกลุ่มอยู่ด้วยกันก็อดไม่ได้ที่จะต้องคุยเรื่องคดีดิไอคอน

 

“16บอสดิไอคอน”กางแผนประกันสู้คดี

“ดิไอคอน”ฮึด! เบิกตัว 16 บอสขึ้นศาล “ทนายบอสพอล” ลั่นจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ จ่อเสนอบัญชีพยานมากกว่า 100 ปาก ต่อสู้ในชั้นศาล ชม “อัยการ” กล้าหาญให้ความยุติธรรม สั่งไม่ฟ้อง “บอสแซม-บอสมิน” ย้ำดำเนินคดี กลุ่มแจ้งความเท็จ ยันเป็นการกลั่นแกล้ง เพื่อปิดปาก


ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 มกราคม 2568 ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อทย.14/2568 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษเป็นโจทก์ ฟ้อง บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป โดยนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล กับพวกเป็นจำเลยที่ 1-17 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และร่วมการประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต

โดยศาลมีคำสั่งให้เบิกตัวจำเลยทั้ง 16 คน มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อนำตัวมาสอบคำให้การ โดยมีนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล เดินทางมาร่วมฟังการพิจารณา
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า จำเลยทั้งหมดจะให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ส่วนเหตุผลในการปฏิเสธจะมายื่นโดยละเอียดในชั้นนัดตรวจพยาน ตอนนี้ผมอยู่ระหว่างขอรายชื่อผู้ที่แจ้งความ ซึ่งในชั้นสืบพยานจะมีพยานประมาณ 100 ปาก พร้อมนำพยานที่ไม่ได้สอบสวนในชั้นพนักงานสอบสวนมาร่วมสืบพยานในชั้นศาล โดยมีพยานกลุ่มตัวแทน พยานที่เป็นแพทย์ที่ทำการพัฒนาสินค้า และฝ่ายการตลาดสื่อโฆษณาที่จะต้องเข้ามาเบิกความในชั้นศาล

“เรื่องการประกันตัวจำเลยได้มีการประชุมกับทีมทนายว่า จะยื่นประกันช่วงไหนอย่างไร โดยได้มีความเห็นว่าจะยื่นประกันตัวในช่วงตรวจพยานหลักฐาน ทั้งนี้ตนมีความกังวลว่าด้วยเอกสารการสอบสวนของดีเอสไอ มีจำนวนมากถึง 300,000 แผ่น เปรียบเสมือนยอดภูเขาน้ำแข็ง และมีเอกสารของทางบริษัทเกี่ยวข้องกับ ดีลเลอร์ เก็ท ดีลเลอร์ อีก 2 แสนแผ่น และเอกสารการทำธุรกรรมของแต่ละคนอีกมหาศาล หากปริ้นออกมาจากระบบคอมพิวเตอร์จะต้องมีเยอะมาก และคนที่รู้ดีเกี่ยวกับเอกสารคือตัวพนักงานและตัวจำเลย ฉะนั้นการประกันตัวจำเลยออกมาต่อสู้คดีจึงมีความจำเป็นมาก คดีดังกล่าวเป็นคดีอาญาทางธุรกิจ ไม่ใช่คดีฆ่าคนตาย หรือค้ายาบ้า ดังนั้นการประกันตัวออกมาสู้คดี เพื่อเสนอข้อมูลหลักฐานต่อศาลและเอกสารอธิบายหลักฐานต่อศาลจึงมีความจำเป็น” 

นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ส่วนที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแชม และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมิน ตนรู้สึกดีใจมากที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่การจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดแล้วอายัดทรัพย์สิน เอาไปควบคุมตัวไว้ในเรือนจำและคัดค้านการประกันตัว ปิดช่องทางการต่อสู้ยังมีความเป็นธรรมกับตัวผู้ต้องหาหรือไม่ เข้าใจได้ว่าทางตำรวจ ดีเอสไอ พนักงานอัยการ มีอำนาจรัฐในมือ ทนายความเป็นภาคเอกชนเพียงภาคเดียวที่ไม่มีอำนาจรัฐในมือ เรามีอย่างเดียวคือ การหาสิทธิการประกันตัว เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในการออกมาต่อสู้คดีให้แก่พวกเขา พวกผู้ต้องหาที่ติดคุกเขาไม่ได้ติดเพียงคนเดียว แต่ครอบครัวเขาก็ต้องตามไปเยี่ยม เหมือนกับครอบครัวต้องติดไปด้วย

“ส่วนกรณีที่กลุ่มอ้างเป็นผู้เสียหายมายื่นคำร้องต่อศาลขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งหมดนั้น โดยอ้างว่าตนข่มขู่พยานและอ้างว่าตนข่มขู่ว่าจะฟ้องดำเนินคดี ตนยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่แจ้งความเท็จ เป็นสิทธิตามกฎหมาย ไม่ใช่การข่มขู่ส่วนเรื่องที่มีการมายื่นให้สภาทนายความสอบมรรยาททนายความกับตนนั้น เห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันมากกว่า เพื่อที่จะปิดปากตน”
 

“เคนโด้”แจ้งความแม่ทีมดิไอคอน โพสต์ดิสเครดิต หลังสคบ.ยึดใบอนุญาต

เมื่อวันที่ 9 ม.ค.68 นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือเคนโด้ ผู้ประกาศชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เคนโด้ช่วยด้วย ระบุว่า…

คดีของดิไอคอนเดินทางมาถึง สคบ. เพิกถอนทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ทำให้แม่ทีมที่ยังคงจงรักภักดีเกิดความไม่พอใจเพราะตนเองเสียประโยชน์อย่างมากส่งผลให้ ระบบแม่ทีมลูกทีมล่มสลายทำให้แม่ทีมกลายเป็นแม่ทีมเถื่อนไร้สังกัดไม่สามารถใช้คำว่าแม่ทีมดิไอคอนได้อีกต่อไป

สามารถขายของที่สต๊อกได้ (เฉพาะที่ซื้อแล้ว)ไม่มีเพดานราคาขายเพราะราคามาจากแผนเรตส่วนต่างที่ยกเลิกไปพร้อมกับการถอนใบอนุญาตอดีตแม่ทีมขายราคาเท่าไหร่ก็ได้ เพราะบริษัทดิไอคอนไม่มีอำนาจควบคุมราคาขายแล้ว คอลลาเจนอาจเหลือ 50 บาท ถ้าเกิดการขายสินค้าราคาสูงกว่าตลาดเพราะราคาตลาดต่ำมากจากการคุมราคาไม่ได้ ใครขายอาจโดนผู้บริโภคแจ้ง สคบ.เอาผิดขายสินค้าแพงได้ (สรุปจะขายยังไงได้)

บริษัทผลิตสินค้าใหม่ไม่ได้ขายในโกดังให้แม่ทีมก็ไม่ได้ อดีตแม่ทีมต้องขายของเก่าเท่านั้นห้ามใช้โฆษณา พรีเซนเตอร์ และการตลาดของดิไอคอน ไม่อย่างนั้นมีความผิดบริษัทสิ้นสภาพระบบตัวแทนจำหน่าย ไม่สามารถได้รับผลประโยชน์จากลูกทีมทุกรูปแบบ ถ้าลูกทีมเสียหายจากแม่ทีมที่ชวนสามารถฟ้องร้องแม่ทีมที่ชวนได้ทันทีในกรณีนี้ทำให้แม่ทีมบางคนไม่พอใจอาละวาดฟาดงวงฟาดงาโพสในโซเชียล พาดพิงถึงเคนโด้ว่าเป็นผู้ทำให้ตนเสียประโยชน์เพราะเคนโด้ออกมาเป็นแกนนำเรียกร้องความยุติธรรมให้ผู้เสียหาย

โดยแม่ทีมหญิงชื่อย่อ แอน ได้มีพฤติการณ์ตัดต่อคลิปข่าวปลอมมาลงในFacebook ส่วนตัว มีใจความว่าเคนโด้ต้องผิดเพราะ เกี่ยวข้องกับดิไอคอน ซึ่งไม่เป็นความจริง ทำให้เกิดความเสียหาย ถึงจะเบลอหน้าไม่เอ่ยชื่อ ชาวเน็ตและบุคคลทั่วไปก็ดูออก สร้างความเข้าใจผิดและเธอคนนี้ยังสร้างความเสียหายให้ลูกทีมหลายล้านทั้งคนไทยและคนกัมพูชาซึ่งกำลังจะทยอยแจ้งความเอาผิดเพิ่ม แม่ทีมคนนี้ยังด่าผู้เสียหายว่าโง่ขายของไม่ได้ ปั่นข่าวปลอมจากทนายข่มขู่ผู้เสียหายตลอดเวลา

ทางเคนโด้จึงเดินทางมาที่ สน.หัวหมากเพื่อมาแจ้งความดำเนินคดีในข้อหา พรบ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 16. ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลง ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย มีโทษ จำคุก3ปี ปรับไม่เกิน200,000บาท

เคนโด้ทิ้งท้ายว่า ทุกครั้งที่ปราบแชร์ลูกโซ่ก็จะเจอเหตุการณ์แม่ทีมมิจฉาชีพโจมตี จึงขอใช้กฎหมายดำเนินคดีถึงที่สุด

"บอสแซม" ยุรนันท์ ภมรมนตรี ออกจากเรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ พร้อมเข้าสวมกอดครอบครัว ขอบคุณกระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่จริง

วันที่ 8 ม.ค. 68 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จากกรณีที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้พิจารณาสำนวนคดีจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และมีความเห็นและคำสั่งทางคดีไม่สั่งฟ้อง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือ บอสแชม ผู้ต้องหาที่ 17 และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือ บอสมิน ผู้ต้องหาที่ 18 ตามข้อกล่าวหา 

เมื่อเวลา 20.07 น. นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือ บอสแซม เดินออกจากบริเวณเรือนจำพิเศษ กรุงเทพมหานคร พร้อมเข้าสวมกอดครอบครัว และคนสนิทที่มารอรับกลับบ้านทันที จากนั้นเดินออกมาทักทายสื่อมวลชน พร้อมให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ว่า “ขอบคุณกระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่จริง ตอนนี้ผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ ผมอยากกลับบ้าน”

"มิน พีชญา" ถูกปล่อยตัวพ้นเรือนจำ ยกมือไหว้ขอบคุณความยุติธรรม 

วันที่ 8 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลาประมาณ 18.26 น.มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นที่ด้านในทัณฑสถานหญิงกลางโดยรถตู้สีขาวหมายเลข ฐธ 78 กรุงเทพมหานคร ที่คาดว่า เป็นรถที่จะมารับมิน พีชญา ได้เข้าไปด้านใน ทัณฑสถานหญิงกลางแล้ว 

หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที ได้ขับออกมาพร้อมมินพิชญา ที่เปิดกระจกรถ ชะโงกหน้า ออกมาหาสื่อมวลชน พร้อมเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และทัณฑสถานที่ดูแลมินเป็นอย่างดี รวมถึง ยังได้กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่า ขอบคุณแฟนคลับทุกคนด้วยที่เป็นกำลังใจและทวงคืนความยุติธรรมให้กับมิน ส่วนเรื่องสุขภาพร่างกายตอนนี้ขอกลับไปพักฟื้นดูแลตัวเองก่อน เพราะน้ำหนักลดลงเยอะ และสำหรับงานในวงการบันเทิง ยังสามาาถติดต่อมาได้ จะให้ผู้จัดการช่วยดูอีกครั้ง 

ในส่วนของคดีความที่ต้องรอดูว่าดีเอสไอจะคัดค้านคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการหรือไม่นั้น มิน พีชญา บอกว่า อย่างที่เคยได้แถลงข่าวไปตั้งแต่แรกว่า ส่วนตัวยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แล้วก็พร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งตอนนี้ได้พิสูจน์แล้ว พร้อมยกมือไหว้ กล่าว ขอบคุณความยุติธรรม 

"บอสมิน-บอสแซม" ยังต้องลุ้น ดีเอสไอ ขอเวลา 30 วัน พิจารณาสำนวน เห็นแย้ง อัยการสั่งไม่ฟ้องหรือไม่

ดีเอสไอ ขอเวลา 30 วัน พิจารณาสำนวน อัยการสั่งไม่ฟ้อง "บอสมิน-บอสแซม" คดีดิไอคอน ว่าจะเห็นแย้งหรือไม่

วันที่ 8 ม.ค.68 พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า กรณีอัยการคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือ "บอสแซม" ผู้ต้องหาที่ 17 และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือ "บอสมีน" ผู้ต้องหาที่ 18 ทุกข้อกล่าวหาในคดีบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป โดยขบวนการการทางกฎหมายพนักงานอัยการจะส่งคำสั่งไม่ฟ้องพร้อมความเห็นและเหตุผลกลับมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จากนั้น กรมฯ จะพิจารณาว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยตามที่อัยการแจ้งมา ถ้ากรณีเห็นด้วยคำสั่งไม่ฟ้องนั้นก็เด็ดขาดถือว่าจบ แต่ถ้าเห็นว่ายังมีเหตุผลที่ควรจะฟ้องอยู่ก็จะมีความเห็นแย้งไปตามขั้นตอน ซึ่งจะไปที่อัยการสูงสุดให้เป็นผู้ชี้ขาด

 โดยระเบียบภายในดีเอสไอจะพิจารณาความเห็นแย้งหรือไม่แย้งภายใน 30 วัน ซึ่งจะดูจากตัวสำนวนและเหตุผลที่มี ดูข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย หากเห็นว่ายังมีเหตุผลที่ควรให้ศาลพิจารณาเราก็แย้งไป ต้องขอดูรายละเอียดก่อนว่าอัยการมีความเห็นอย่างไร เป็นกระบวนการพิจารณาในชั้นอัยการ ถามว่าสิ้นสุดหรือยังก็ตอบว่ายังเพราะยังมีขั้นตอนความเห็นแย้งได้อยู่

สะพัด! ปล่อยตัว "บอสมิน-บอสแซม" 9 ม.ค.นี้

จากกรณี สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้พิจารณามีความเห็นสั่งฟ้อง บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด และ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ "บอสพอล" กับ พวกรวม 17 ราย และสั่งไม่ฟ้อง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือ "บอสแชม" กับ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือ "บอสมีน" ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ (8 ม.ค.68)  รายงานข่าวแจ้งว่า การปล่อยตัว "บอสมิน" และ "บอสแซม" จะปล่อยตัวในวันพรุ่งนี้ (9 ม.ค.) เนื่องจากครบกำหนดฝากขังผัดที่ 7 จะต้องนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถคุมขังไปยังศาลอาญารัชดาภิเษกในช่วงเช้า เพื่อรับฟังรายละเอียดภายในกระบวนการชั้นศาลก่อน จากนั้นจึงต้องรอหมายปล่อยจากศาล เพื่อที่ราชทัณฑ์จะได้ดำเนินการปล่อยตัวผู้ต้องหาที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง

"อัยการ" สั่งฟ้องดิไอคอนกรุ๊ปและบอสทุกคน ยกเว้น "บอสมิน-บอสแซม" หลักฐานไม่พอ เตรียมปล่อยตัวทั้ง 2 คน

"อัยการ" สั่งฟ้องดิไอคอนกรุ๊ปและบอสทุกคน ยกเว้น "บอสมิน-บอสแซม" เตรียมปล่อยตัวจากคุก

เมื่อวันที่ 8 ม.ค.68 นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 คดีระหว่าง นายณัฏฐ์ ธนาพิพัฒน์ดลภัค กับพวก ผู้กล่าวหาบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด โดยนายวรัตน์พล วรัทย์รกุล ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวกรวม 19 คน ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรง ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการใน ลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" เหตุเกิดระหว่างวันที่ 12 สิงหาคม 2563 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ใน ท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร และหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรต่อเนื่องกัน คิดเป็นค่าเสียหายรวมประมาณ 649,912,290 บาทนั้น เนื่องจากคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมากและเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ ถือเป็นคดีสำคัญตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด จึงได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานร่วมกันพิจารณา บัดนี้สำนักงานคดีพิเศษได้พิจารณาสำนวนดังกล่าวแล้วมีความเห็นและคำสั่ง ดังนี้

1.สั่งฟ้อง บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด โดยนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1

นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาที่ 2

นายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือบอสแล็ป ผู้ต้องหาที่ 3

นายกลด เศรษฐนันท์ หรือบอสปีเตอร์ ผู้ต้องหาที่ 4

น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือบอสปัน ผู้ต้องหาที่ 5

นายฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ หรือบอสหมอเอก ผู้ตองหาที่ 6

น.ส.นัฐปสรณ์ ฉัตรธนสรณ์ หรือบอสสวย ผู้ต้องหาที่ 7

น.ส.ญาสิกัญจณ์ เอกชิสนุพงศ์ หรือบอสโซดา ผู้ตองหาที่ 8

นายนันทธรัฐ เชาวนปรีชา หรือบอสโอม ผู้ต้องหาที่ 9

นายธวิณทรภัส ภูพัฒนรินทร์ หรือบอสวิน ผู้ตองหาที่ 10

น.ส.กนกธร ปูรณะสุคนธ์ หรือบอสแม่หญิง ผู้ต้องหาที่ 11

น.ส.เสาวภา วงษ์สาขา หรือบอสอูมมี ผู้ต้องหาที่ 12

นายเชษฐ์ณภัฏ อภิพัฒนกานต์ หรือบอสทอมมี่ ผู้ต้องหาที่ 13

นายหัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์ หรือบอสป๊อบ ผู้ต้องหาที่ 14

นางวิไลลักษณ์ ยาวิชัย หรือบอสจอย ผู้ต้องหาที่ 15

นายธนะโรจน์ ธิติจริยาวัชร์ หรือบอสออฟ ผู้ต้องหาที่ 16

นายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ ผู้ต้องหาที่ 19

ตามข้อกล่าวหาฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็ง โดยประการ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบ ธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 มาตรา 3, 19, 20, 38, 46, 47, 54, พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2560 มาตรา 3, 6, 18, 23 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 341, 343 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติแก้ไขเพามเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 4 พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527มาตรา 3, 4, 5, 9, 11/1, 12, 15 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนพ.ศ. 2534 มาตรา 3 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 มาตรา 3, 4, 5 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของ ผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 8 ตามความเห็นพนักงานสอบสวน

2.สั่งไม่ฟ้องนายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแชม ผู้ต้องหาที่ 17

น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมีน ผู้ต้องหาที่ 18

ตามข้อกล่าวหา ฐานร่วมกันน้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้า สู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรง ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยผ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 3, 19, 20, 38, 46, 47, 54,พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2560 มาตรา 3, 6, 18, 23 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 341, 343 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4พระราชบัญญัติแก่ไขเพามเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 4 พระราชกำหนดการกูยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 3, 4, 5, 9, 11/1, 12, 15 พระราชบัญญัติแก่ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2534 มาตรา 3 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการ กูยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 มาตรา 3, 4, 5 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ.2560 พระราชบัญญัติวาด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 8 แย้งความเห็นพนักงานสอบสวนผู้ต้องหาที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ มีคำสั่งฟ้องตามความเห็นของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ จะได้ดำเนินการยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 17 ต่อศาลอาญาในวันนี้

ส่วนผู้ต้องหาที่ 17 และ 18 ซึ่งพนักงานอัยการสำนักคดีพิเศษ มีคำสั่งไม่ฟ้องนั้น พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ จะได้ดำเนินการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวผู้ต้องหาต่อศาลอาญาและจะดำเนินการส่งสำนวนพร้อมความเห็นและคำสั่งไม่ฟ้องไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งในคำสั่งไม่ฟ้องหรือไม่ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ต่อไป

#อัยการ #ดิไอคอน #ข่าววันนี้ #บอสมิน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์