ถกบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ 19 พ.ย.นี้ ลุยแก้หนี้-แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตหมื่นบาทเฟส 2 แน่นอน

ถกบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ 19 พ.ย.นี้ ลุยแก้หนี้-แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตหมื่นบาทเฟส 2 

เมื่อวันที่ 13 พ.ย.67 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลจะนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในวันที่ 19 พ.ย.67 โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานนั้น ที่ประชุมจะมีการหารือถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายเรื่องเช่น การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้เดิม แต่ขณะเดียวกันยังต้องรักษาวินัยของผู้กู้ไว้ ซึ่งหนี้ครัวเรือนถือเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่จะต้องแก้ไขให้ได้ เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้

ขณะเดียวกันจะมีการหารือเรื่องการทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 หลังจากการดำเนินการในเฟสแรกที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยจ่ายเงินหมื่นให้แก่กลุ่มเปราะบางไปแล้วเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งในรอบถัดไปนี้ จะต้องมาดูว่าขั้นต่อไปจะทำอย่างไร นี่เป็นมาตรการระยะสั้น ถ้าเศรษฐกิจโตแล้ว เรื่องพวกนี้อาจไม่ต้องใช้แล้ว แต่ช่วงนี้ เราเห็นความจำเป็น เพราะทุกคนมีปัญหากันหมด

#แจกเงินหมื่น #ข่าววันนี้ #ดิจิทัลวอลเล็ต #กระตุ้นเศรษฐกิจ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #หนี้ครัวเรือน

 

"ดีอี" เตือนข่าวปลอม “ธนาคารกรุงไทย เปิดลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นรอบใหม่

ดีอี เตือน ข่าวปลอม “ธนาคารกรุงไทย เปิดลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท รอบใหม่” ขออย่าเชื่อ-แชร์ หวั่นสูญเงิน-ข้อมูลส่วนบุคคล

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “ธนาคารกรุงไทย เปิดลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท รอบใหม่” รองลงมาคือเรื่อง “ธนาคารกรุงไทย ส่งเอกสารแจ้งตรวจพบความผิดปกติแอปพลิเคชัน Krung NEXT” โดยขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หวั่นสร้างความวิตกกังวล ความสับสน ความเข้าใจผิด และส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 1-7 พฤศจิกายน 2567 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 854,009 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 579 ข้อความ

สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 564 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 11 ข้อความ และช่องทาง Facebook จำนวน 4 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 229 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 79 เรื่อง

ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 97 เรื่อง

กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 66 เรื่อง

กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 25 เรื่อง

กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 14 เรื่อง

กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 27 เรื่อง

นายเวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ พบว่าเป็นข่าวเกี่ยวกับหน่วยงานรัฐ และนโยบายของรัฐ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และสิทธิประกันสังคม ทั้งในเรื่องการเปิดสินเชื่อ และเรื่องสิทธิการรักษาพยาบาล ซึ่งมีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ สร้างความเข้าใจผิด สร้างความวิตกกังวล และอาจสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

อันดับที่ 1 : เรื่อง ธนาคารกรุงไทย เปิดลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท รอบใหม่

อันดับที่ 2 : เรื่อง ธนาคารกรุงไทย ส่งเอกสารแจ้งตรวจพบความผิดปกติแอปพลิเคชัน Krung NEXT

อันดับที่ 3 : เรื่อง ผู้ประกันตนสามารถกู้เงินประกันสังคมได้ ผ่านเพจ Carroll Reyes

อันดับที่ 4 : เรื่อง ตำรายาแก้โรคมะเร็งหายใน 6 วัน

อันดับที่ 5 : เรื่อง โรงพยาบาลเอกชน 70 แห่ง เตรียมถอนตัวจากการเป็นคู่สัญญากับประกันสังคม เนื่องจากอัตราการจ่ายปัจจุบันไม่สะท้อนต้นทุน ทำให้ขาดทุน

อันดับที่ 6 : เรื่อง จะเกิดทอร์นาโด ระดับ 4 ในพื้นที่ แปดริ้ว กรุงเทพ และปริมณฑล

อันดับที่ 7 : เรื่อง สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ออกเอกสารวงในบอกเลขก่อนวันออกรางวัล

อันดับที่ 8 : เรื่อง คลิกลิงก์ เพื่อแก้ไขแอปฯ ทางรัฐค้างอยู่ขั้นตอนที่ 3 และ 4

อันดับที่ 9 : เรื่อง ไปรษณีย์ไทยส่งอีเมลแจ้งให้อัปเดตข้อมูลการเรียกเก็บเงิน เพื่อขอจัดส่งพัสดุใหม่

อันดับที่ 10 : เรื่อง จำหน่ายบัตรราคาพิเศษพร้อมการเดินทางไม่จำกัดบนระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภทในกรุงเทพฯ และพื้นที่โดยรอบเป็นเวลา 6 เดือน

“เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ประชาชนสนใจมากที่สุด จาก 10 อันดับข้างต้น พบว่าเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐและโครงการของรัฐถึง 8 อันดับ ซึ่งทั้งหมดมีผลกระทบต่อประชาชน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ความวิตกกังวล สำหรับข่าวที่เกี่ยวข้องกับโครงการรัฐ โดยเฉพาะสถาบันการเงินของรัฐ สิทธิประกันสังคม และข่าวเกี่ยวกับโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต อาจทำให้ประชาชน ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ สร้างความเสียหายทั้งทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคลได้ ซึ่งส่งผลกระทบกับประชาชนทั่วประเทศเป็นวงกว้าง หากมีการแชร์ส่งต่อกันไปในสังคม” นายเวทางค์ กล่าว

สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “ธนาคารกรุงไทย เปิดลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท รอบใหม่” ซึ่งกระทรวงดีอี ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับธนาคารกรุงไทย กระทรวงการคลัง พบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยธนาคารไม่ได้เปิดลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตแต่อย่างใด เป็นการกระทำของมิจฉาชีพที่แอบอ้างถึงธนาคารกรุงไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสร้างความสับสนแก่ประชาชน ดังนั้นขอเตือนให้ประชาชนควรระมัดระวังในการกรอกข้อมูลและไม่ควรกดลิงก์แปลก น่าสงสัยที่ส่งโดยไม่ทราบที่มาชัดเจน สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถรับข้อมูลข่าวสารจากธนาคารกรุงไทย ได้ที่ www.krungthai.com หรือติดต่อ Krungthai Contact Center 02-111-1111 หรือแจ้งผ่าน Facebook : Krungthai Care

ด้านข่าวปลอม อันดับ 2 “ธนาคารกรุงไทย ส่งเอกสารแจ้งตรวจพบความผิดปกติแอปพลิเคชัน Krung NEXT” โดยกระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับธนาคารกรุงไทย กระทรวงการคลัง พบว่าเป็นข้อมูลเท็จ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำของมิจฉาชีพที่แอบอ้างถึงธนาคารกรุงไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอมที่ไม่ได้ออกโดยธนาคารกรุงไทยแต่อย่างใด จึงขอเตือนประชาชนควรระมัดระวังในการกรอกข้อมูลและไม่ควรกดลิงก์แปลก น่าสงสัยที่ส่งโดยไม่ทราบที่มาชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทัน ส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด

สามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)
|  Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com                                       

"จุลพันธ์" ยันเงินกระตุ้น ศก.หมื่นบาทแจกกลุ่มเปราะบางเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ขอกลุ่มตกหล่นรีบผูกพร้อมเพย์ก่อน 21 ธ.ค.นี้ 

"จุลพันธ์" ยันเงินกระตุ้น ศก.หมื่นบาท แจกกลุ่มเปราะบางเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ขอกลุ่มตกหล่นรีบผูกพร้อมเพย์ก่อน 21 ธ.ค.นี้

วันที่ 22 ต.ค.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงถึงการโอนเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000บาท ให้กลุ่มเปราะบางรอบที่ 2 ว่า เมื่อวานนี้( 21 ต.ค.) ได้โอนเงินให้ 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 371, 591 ราย โอนสำเร็จแล้ว 311,751 ราย และกลุ่มผู้พิการคงค้าง 43,317 ราย โอนสำเร็จ 38,265 ราย  ซึ่งยังมีการคงค้าง โอนให้สำเร็จอีกประมาณ 65,000 ราย กลุ่มนี้ร้อยละ 90 มีปัญหาเรื่องการผูกพร้อมเพย์ จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนให้รีบดำเนินการ เพราะจะมีการโอนซ้ำอีก 2 ครั้ง ในวันที่ 21 พ.ย. และวันที่ 21 ธ.ค.รอบสุดท้าย หากไม่ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ก่อนวันที่ 21  ธ.ค. จะถือว่าสละสิทธิ์ และเงินก็จะส่งคืนคลัง

ส่วนการดำเนินการที่ผ่านมา นายจุลพันธ์ ระบุว่า ทั้งรอบแรกและรอบเก็บตก   14.5 ล้านราย สำเร็จไปแล้วร้อยละ 99.5  ถือเป็นตัวเลขที่น่าพึงพอใจ หรือว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเติมเงิน 10,000 บาท ให้กับกลุ่มเปราะบาง ถึงมือครบถ้วนแล้ว

ส่วนเงินดังกล่าวจากการประมาณสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ นายจุลพันธ์ ระบุว่า ขณะนี้ตัวเลขยังไม่ออก ซึ่งอย่างแรกต้องมองภาวะเศรษฐกิจโดยรวม จะเห็นได้ว่าในไตรมาสที่ผ่านมา มีเหตุการณ์หลายอย่าง ทั้งน้ำท่วม และปัญหาอื่นๆ ซึ่งก็ยังสามารถประคองในสภาวะการเศรษฐกิจ ให้ตัวเลข GDP อยู่ที่ 2.7 ยังคงตรึงอยู่ได้ ด้วยกลไกที่กระตุ้นเข้าไป ส่วนตัวเลขที่ชัดๆ คงต้องรอปลายปีอีกครั้ง และกระบวนการ ที่ผ่านมาจากการประเมินด้วยผลสำรวจความคิดเห็นเมื่อเติมเงินลงไปแล้ว  มีการนำไปใช้ในการลงทุนประกอบอาชีพ /มากที่สุดคือการอุปโภคบริโภค ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ทุกประการ

#ดิจิทัลวอลเล็ต #กลุ่มเปราะบาง #ข่าววันนี้ #บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

โอนเงินหมื่นไม่สำเร็จ 381,287 ราย คลังปรับโอนซ้ำ 3 รอบเร็วขึ้น เช็คที่นี่!

โอนเงินหมื่นไม่สำเร็จ 381,287 ราย คลังปรับโอนซ้ำ 3 รอบเร็วขึ้น รอบแรก 21 ต.ค.นี้  คนพิการแก้ไขข้อมูล-บัตรคนจนผูกบัญชีพร้อมเพย์

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2567 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25,26,27 และ 30 กันยายน 2567 กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางได้จ่ายเงินให้กับกลุ่มเป้าหมายตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ (โครงการฯ) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสามารถจ่ายเงินให้ผู้มีสิทธิรวมทั้งสิ้นจำนวน 14,438,628 ราย จ่ายสำเร็จ จำนวน 14,057,341 ราย จ่ายไม่สำเร็จ จำนวน 381,287 ราย 

โดยขณะนี้มีจำนวนผู้พิการที่ยังไม่ได้รับการจ่ายเงินเนื่องจากยังไม่ได้ทำการต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ หรือยังไม่ได้ทำบัตรประจำตัวคนพิการให้สมบูรณ์ รวมทั้งมีผู้มีสิทธิที่กรมบัญชีกลางยังจ่ายเงินไม่สำเร็จ คงเหลือจำนวนไม่มาก ดังนั้น กรมบัญชีกลางจึงได้กำหนดวันจ่ายเงินตามโครงการในรอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ให้แก่ผู้มีสิทธิกลุ่มดังกล่าวให้เร็วขึ้น ดังนี้

รอบจ่ายซ้ำ           จ่ายเงินวันที่             ทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการภายในวันที่ ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน/แก้ไขบัญชีภายในวันที่
ครั้งที่ 1               21 ตุลาคม 2567         10 ตุลาคม 2567                                                         18 ตุลาคม 2567
ครั้งที่ 2               21 พฤศจิกายน 2567  12 พฤศจิกายน 2567                                                    18 พฤศจิกายน 2567
ครั้งที่ 3              19 ธันวาคม 2567        3 ธันวาคม 2567                                                         16 ธันวาคม 2567

ทั้งนี้ขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีสิทธิดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน หรือติดต่อธนาคาร เพื่อแก้ไขบัญชีเงินฝากธนาคารที่มีปัญหาข้างต้น เพื่อให้พร้อมรับเงินตามโครงการฯ ในรอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) และสำหรับคนพิการที่บัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุ หรือผู้ได้รับเงินเบี้ยความพิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ ข้อมูลบัตรประจำตัวคนพิการไม่สมบูรณ์ ขอแนะนำให้ดำเนินการต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ ทำบัตรประจำตัวคนพิการ หรือแก้ไขข้อมูลประจำตัวคนพิการที่ศูนย์บริการคนพิการทั่วประเทศให้ถูกต้องภายในกำหนดเวลา

โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเน้นย้ำว่า กลุ่มผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ และมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ยืนยันตัวตน (e-KYC) สำเร็จแล้วภายใน 31 สิงหาคม 2567 ขอให้ตรวจสอบเพิ่มว่าบัตรประจำตัวคนพิการของตนหมดอายุหรือไม่ หรือเป็นผู้มีบัตรประจำตัวคนพิการแบบเก่า (แบบเล่ม) ที่ยังไม่ได้ขอขึ้นทะเบียนเพื่อมีบัตรแบบใหม่กับกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยหากเป็นกลุ่มดังกล่าวนี้ จะโอนเงิน 10,000 บาท ให้ตามสิทธิของกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยจะต้องมีบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนด้วย 

ทั้งนี้ หากผู้มีสิทธิทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการภายในวันที่กำหนด จะสามารถตรวจสอบสิทธิผ่านเว็บไซต์ https://โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ2567.cgd.go.th ได้ในวันที่ 17 ตุลาคม 2567 19 พฤศจิกายน 2567 และวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ตามลำดับ ทั้งนี้ เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว จะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ
      
ช่องทางการติดต่อ:
1. ตรวจสอบสิทธิและผลการโอนเงิน: เว็บไซต์ https://โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ2567.cgd.go.th (ตรวจสอบผลการโอนเงินได้ในวันถัดไป หลังจากวันที่จ่ายเงิน)
2. สอบถามข้อมูลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ: ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ โทรศัพท์หมายเลข  0 2109 2345 กด 1 กด 5 ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ 24 ชั่วโมง
3. สอบถามข้อมูลคนพิการ: ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
4. สอบถามข้อมูลบุคคลล้มละลายหรือถูกพิทักษ์ทรัพย์: กรมบังคับคดี โทรศัพท์หมายเลข 0-2881-4999 หรือสายด่วน 1111 กด 79

#ดิจิทัลวอลเล็ต #โอนเงินหมื่น #บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ #ข่าววันนี้ #บัตรคนจน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

พ่อค้าขอนแก่น ให้คะแนน 3 เต็ม 10 จ่ายเงิน 10,000 บาทไม่กระตุ้นเศรษฐกิจเท่าที่ควร ชี้ส่วนใหญ่นำไปใช้หนี้มากกว่าใช้จ่าย

 

พ่อค้าขอนแก่น ให้คะแนน 3 เต็ม 10 จ่ายเงิน 10,000 บาทไม่กระตุ้นเศรษฐกิจเท่าที่ควร และส่วนใหญ่นำไปใช้หนี้มากกว่าใช้จ่าย วอนรัฐพิจารณาเฟสสอง โดยเร็ว

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 ต.ค.2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศภายในตลาดบางลำภู เขตเทศบาลนครขอนแก่น หลังพบว่าพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเงิน 10,000 บาทจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่ได้ช่วยให้ตลาดคึกคักอย่างที่หวังไว้ ขณะที่ประชาชนยังหวังเงินเฟส2 จากรัฐบาลโดยคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีกว่านี้

นายสำเริง รอดทอง อายุ 46 ปี พ่อค้าตลาดสดบางลำภู กล่าวว่า ในช่วงแรกที่กลุ่มเปราะบางและคนพิการ ได้รับเงิน 10,000 บาท ก็มีคนเข้ามาใช้จ่ายกันอย่างคึกคัก ซึางก็อยู่ประมาณ 2-3 วัน หลังจากนั้นคนจะเอาไปใช้ในส่วนที่จำเป็น และใช้หนี้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งร้านค้าก็คงต้องรอรอบเก็บตกและรอบ 2 ที่รัฐบาลจะพิจารณาอนุมัติว่าจะมีขึ้นในช่วงใด ซึ่งที่ผ่านมาก็สามารถช่วยขับเคลื่อนได้นิดหน่อย แต่ถ้าจะมองภาพรวมถ้าเต็ม 10 คะแนนให้ 3 คะแนน เพราะอยู่ตลาดมา 20 ปีมองออกว่าดีหรือไม่ดีในการที่รัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆออกมา

" เงิน 10,000 บาท ออกมาบอกเลยว่าแป๊บเดียวจริงๆแล้วหายไปเลย การแก้ไขของรัฐบาลอาจจะช้าเกินไปคนรอนานเกินไปภาระหนี้สินเยอะพอได้เงินมาก็นำไปใช้หนี้หมดอาจจะไม่ได้มากระจายในการซื้อของมองว่าเอาไปใช้หนี้หมด ประชาชนยังหวังว่าจะได้เงินในรอบที่ 2 คิดว่าน่าจะได้แต่รูปแบบอาจจะเปลี่ยนไปอาจจะได้เงินสด 5,000 บาท หรือแบ่งจ่ายครั้งละ 5,000 แบ่งเป็น 2 ครั้ง เต็ม10,000 บาทแบบครั้งแรกน่าจะยาก"

 

 

นางสมเจตน์ จุนเจือ อายุ 60 ปี แม่ค้าตลาดบางลำภู กล่าวว่า การได้เงิน 10,000 บาทของประชาชนรอบแรกไม่ได้กระตุ้นให้ขายของดีขึ้น ได้มาส่วนใหญ่ก็จะเอาไปใช้หนี้ ซึ่งเจ้าหนี้จะรู้ว่าคนนี้จะต้องได้และรอไปรับเงิน ทำให้คนที่ได้รับเงินในกลุ่มแรกคือกลุ่มเปราะบางและคนพิการ ไม่ได้นำมาใช้จ่ายในตลาดอย่างที่คาดหวังไว้ไม่มีผลใดๆกับในตลาด

"แม่-ค้าพ่อค้าบ่นเหมือนกันบอกว่าไม่มีผลอะไรเลยกับเงิน 10,000 บาท ไม่ได้กระตุ้นไม่คึกคักเหมือนที่หวังไว้เพราะก่อนหน้านี้ทุกคนแย่มากเป็นหนี้สินพอได้เงินมาจึงนำไปใช้หนี้หมด รอบเก็บตกไม่ได้คาดหวังเพราะครั้งแรกที่ได้ มีจำนวนคนเยอะกว่ายังไม่คึกคักรอบเก็บตกไม่คาดหวัง เฟส2 คิดว่ายากที่จะเกิดขึ้นไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เพราะคิดว่าเงินน่าจะต้องนำไปใช้ช่วยส่วนที่จำเป็นมากกว่านี้อย่างแก้ปัญหาเยียวยาน้ำท่วมภาคเหนือต้องใช้งบประมาณเยอะ  ถ้าได้เงินเฟส2 จริงๆอาจจะไม่ต้องได้เต็ม 10,000 บาทก็ได้ อาจจะได้ 5,000 บาท แต่ได้เป็นเงินสดมาใช้จ่ายเหมือนเดิมและให้ได้ทุกคนโดยที่ไม่เลือกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง"

 

นายประยูร ลุนพุฒ อายุ 54 ปี พ่อค้าตลาดสดบางลำภู  กล่าวว่า มีบางกลุ่มที่นำเงินออกมาใช้จ่ายอย่างวัยรุ่น วัยกลางคน แต่กลุ่มผู้สูงอายุ จะเก็บไว้มากกว่า ส่วนใหญ่คนที่ได้เงิน 10,000 บาทในรอบแรกจะนำไปใช้จ่ายตามห้างสรรพสินค้ามากกว่าในตลาด

 

" เฟส2 ถ้าได้เงินจริงๆคิดว่าน่าจะคึกคักกว่านี้เพราะว่าคนตื่นตัวแล้วและในเฟส2 จะเป็นกลุ่มคนทั่วไปและจะใช้จ่ายเงินเยอะกว่ากลุ่มแรกที่ได้ไป อย่างไรก็ตามประชาชนยังมีความหวังว่าเฟส2จะได้เหมือนกัน จึงอยากให้รัฐบาลบริหารงานฏดยอย่าเลือกปฏิบัติต้องให้ทุกกลุ่มทุกคนเพราะทุกคนมีสิทธิ์เท่ากัน"

 

“ดีอี” เตือน “อย่าเชื่อ-แชร์” ข่าวปลอม “รัฐฯ เปิดลงทะเบียน ดิจิทัลวอลเล็ตใหม่

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “รัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ตใหม่ สำหรับคนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน สามารถลงทะเบียนได้ที่ธนาคารออมสิน กรุงไทย” รองลงมาคือเรื่อง “น้ำทะเลหนุน ถ.พระราม 2 เมืองกำลังจะจมทะเล” โดยขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หวั่นสร้างความสับสน เข้าใจผิด และส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 4 - 10 ตุลาคม 2567 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 841,161 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 367ข้อความ

สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 355 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 11 ข้อความ และช่องทาง Facebook จำนวน 1 ข้อความรวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 190 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 72 เรื่อง

ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 101 เรื่อง

กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 18 เรื่อง

กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 49 เรื่อง

กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 4 เรื่อง

กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 18 เรื่อง

นายเวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ พบว่าเป็นข่าวนโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ หน่วยงานและโครงการของรัฐ โดยเฉพาะ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต และข่าวอุทกภัย ซึ่งเป็นข่าวที่มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

อันดับที่ 1 : เรื่อง รัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ตใหม่ สำหรับคนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน สามารถลงทะเบียนได้ที่ธนาคารออมสิน กรุงไทย

อันดับที่ 2 : เรื่อง น้ำทะเลหนุน ถ.พระราม 2 เมืองกำลังจะจมทะเล

อันดับที่ 3 : เรื่อง เตรียมโอนเบี้ยผู้สูงอายุทุกราย 1,000 บาท

อันดับที่ 4 : เรื่อง แจกเงินผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบ 2 เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567

อันดับที่ 5 : เรื่อง เมืองเชียงใหม่จะจมบาดาลใน 6 ชั่วโมง

อันดับที่ 6 : สาวพม่าจ่ายเงินซื้อสัญชาติไทยจำนวน 8 หมื่นบาท

อันดับที่ 7 : เรื่อง พบรถทัศนศึกษาโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.นครพนม เกิดกลุ่มควันขึ้น ขณะเดินทาง

อันดับที่ 8 : เรื่อง สาเหตุที่เมืองเชียงใหม่ระบายน้ำได้ช้า เกิดจากประตูระบายน้ำดอยน้อยเสีย

อันดับที่ 9 : เรื่อง งดทัศนศึกษาทั่วประเทศ หากโรงเรียนใดฝ่าฝืนปรับ 20,000,000 บาท

อันดับที่ 10 : เรื่อง ว่านหางจระเข้ช่วยบำบัดเนื้องอกและซีสต์

“เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ประชาชนสนใจมากที่สุด จาก 10 อันดับข้างต้น พบว่าเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับโครงการตามนโยบายของรัฐบาล หน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โครงการสวัสดิการของประชาชน และข่าวที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ ซึ่งทั้งหมดมีผลกระทบต่อประชาชน อาจเกิดความสับสน สร้างความเสียหาย การเข้าใจผิด สร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชนเป็นวงกว้าง หากมีการแชร์ส่งต่อกันไปในสังคม” นายเวทางค์ กล่าว

สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “รัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ตใหม่ สำหรับคนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน สามารถลงทะเบียนได้ที่ธนาคารออมสิน กรุงไทย” พบเป็นข้อมูลเท็จ โดยกระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับ ธ.ออมสิน และธ.กรุงไทย ตรวจสอบและชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลปลอม ซึ่งปัจจุบันธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทยไม่ได้มีการเปิดรับลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ตแต่อย่างใด

ดังนั้นขอเตือนประชาชนระมัดระวังการกรอกข้อมูลและไม่ควรกดลิงก์น่าสงสัยที่ส่งโดยไม่ทราบที่มา โดยประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร ธ.กรุงไทย ได้ที่ www.krungthai.com โทร Krungthai Contact Center 02-111-1111 หรือแจ้งผ่าน Facebook : Krungthai Care และ ธ.ออมสินได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th, แอปฯ MyMo, Social Media ช่องทาง GSB Society และ GSB Now เท่านั้น

.ด้านข่าวปลอม อันดับ 2 “น้ำทะเลหนุน ถ.พระราม 2 เมืองกำลังจะจมทะเล” พบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยกระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่การประกาศเตือนจากหน่วยงานภาครัฐ เป็นการสร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชน ขอให้ติดตามข้อมูลคาดการณ์สถานการณ์น้ำและประกาศแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำทะเลหนุนสูงจากหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น โดยประชาชนสามารถติดตามข่าวสารจาก สทนช.ได้ที่เว็บไซต์ www.onwr.go.th หรือ โทร. 02-554-1800

อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทัน ส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด

สามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)

|  Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com

"ดีอี" เตือนอย่าเชื่อ-แชร์ข่าวปลอม “รัฐฯเปิดลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตใหม่ คนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนให้ไปที่ "ออมสิน-กรุงไทย"

ก.ดีอี ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “รัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ตใหม่ สำหรับคนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน สามารถลงทะเบียนได้ที่ธนาคารออมสิน กรุงไทย” รองลงมาคือเรื่อง “น้ำทะเลหนุน ถ.พระราม 2 เมืองกำลังจะจมทะเล” โดยขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หวั่นสร้างความสับสน เข้าใจผิด และส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2567 นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 4 - 10 ตุลาคม 2567 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 841,161 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 367 ข้อความ

สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 355 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 11 ข้อความ และช่องทาง Facebook จำนวน 1 ข้อความรวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 190 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 72 เรื่อง 

ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 101 เรื่อง 

กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 18 เรื่อง

กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 49 เรื่อง 

กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 4 เรื่อง 

กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 18 เรื่อง

นายเวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ พบว่าเป็นข่าวนโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ หน่วยงานและโครงการของรัฐ โดยเฉพาะ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต และข่าวอุทกภัย ซึ่งเป็นข่าวที่มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

อันดับที่ 1 : เรื่อง รัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ตใหม่ สำหรับคนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน สามารถลงทะเบียนได้ที่ธนาคารออมสิน กรุงไทย

อันดับที่ 2 : เรื่อง น้ำทะเลหนุน ถ.พระราม 2 เมืองกำลังจะจมทะเล

อันดับที่ 3 : เรื่อง เตรียมโอนเบี้ยผู้สูงอายุทุกราย 1,000 บาท

อันดับที่ 4 : เรื่อง แจกเงินผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบ 2 เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567

อันดับที่ 5 : เรื่อง เมืองเชียงใหม่จะจมบาดาลใน 6 ชั่วโมง

อันดับที่ 6 : สาวพม่าจ่ายเงินซื้อสัญชาติไทยจำนวน 8 หมื่นบาท

อันดับที่ 7 : เรื่อง พบรถทัศนศึกษาโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.นครพนม เกิดกลุ่มควันขึ้น ขณะเดินทาง

อันดับที่ 8 : เรื่อง สาเหตุที่เมืองเชียงใหม่ระบายน้ำได้ช้า เกิดจากประตูระบายน้ำดอยน้อยเสีย

อันดับที่ 9 : เรื่อง งดทัศนศึกษาทั่วประเทศ หากโรงเรียนใดฝ่าฝืนปรับ 20,000,000 บาท

อันดับที่ 10 : เรื่อง ว่านหางจระเข้ช่วยบำบัดเนื้องอกและซีสต์

“เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ประชาชนสนใจมากที่สุด จาก 10 อันดับข้างต้น พบว่าเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับโครงการตามนโยบายของรัฐบาล หน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โครงการสวัสดิการของประชาชน และข่าวที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ ซึ่งทั้งหมดมีผลกระทบต่อประชาชน อาจเกิดความสับสน สร้างความเสียหาย การเข้าใจผิด สร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชนเป็นวงกว้าง หากมีการแชร์ส่งต่อกันไปในสังคม” นายเวทางค์ กล่าว 

สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “รัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ตใหม่ สำหรับคนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน สามารถลงทะเบียนได้ที่ธนาคารออมสิน กรุงไทย” พบเป็นข้อมูลเท็จ โดยกระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับ ธ.ออมสิน และธ.กรุงไทย ตรวจสอบและชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลปลอม ซึ่งปัจจุบันธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทยไม่ได้มีการเปิดรับลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ตแต่อย่างใด

ดังนั้นขอเตือนประชาชนระมัดระวังการกรอกข้อมูลและไม่ควรกดลิงก์น่าสงสัยที่ส่งโดยไม่ทราบที่มา โดยประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร ธ.กรุงไทย ได้ที่ www.krungthai.com โทร Krungthai Contact Center 02-111-1111 หรือแจ้งผ่าน Facebook : Krungthai Care และ ธ.ออมสินได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th, แอปฯ MyMo, Social Media ช่องทาง GSB Society และ GSB Now เท่านั้น
.
ด้านข่าวปลอม อันดับ 2 “น้ำทะเลหนุน ถ.พระราม 2 เมืองกำลังจะจมทะเล” พบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยกระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่การประกาศเตือนจากหน่วยงานภาครัฐ เป็นการสร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชน ขอให้ติดตามข้อมูลคาดการณ์สถานการณ์น้ำและประกาศแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำทะเลหนุนสูงจากหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น โดยประชาชนสามารถติดตามข่าวสารจาก สทนช.ได้ที่เว็บไซต์ www.onwr.go.th หรือ โทร. 02-554-1800

อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทัน ส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด

#ดีอี #ข่าวปลอม #ดิจิทัลวอลเล็ต #ข่าววันนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 11 ต.ค.67

-"กรุงไทย" แจงลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตรับเงินหมื่นเฟส 2 

-“พิชัย” ถก “นายกฯออสเตรเลีย” ขยายโอกาสการค้า-การลงทุน สินค้าเกษตร-อาหาร หนุน ศก.ดิจิทัล-สีเขียว

-i,;"rkIb=pNนำทัพพาณิชย์ถกภาคธุรกิจไทยรายใหญ่ในลาว สร้างโอกาสผู้ประกอบการไทย ชูใช้ประโยชน์เส้นทางรถไฟ ไทย-ลาว-จีน

-"การบินไทย" เปิดรายงานประเมินมูลค่ายุติธรรม ประกอบการพิจารณาเจ้าหนี้ในการใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ

-"พิพัฒน์" เร่งส่งออกทำงานฤดูหนาว มอบโอวาทแรงงานไทย ให้เก็บออม นำรายได้กลับประเทศ  

-ตลท.เปิดตัวเลข 8 ด.นักลงทุน ตปท.ถือหุ้นไทย มูลค่ารวมกว่า 5.18 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.37%

-เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทอง(ทองคำ 96.5%) ในประเทศ เปิดตลาดเมื่อเวลา 09.02 น. ราคาคงที่ โดยทองคำแท่งรับซื้ออยู่ที่บาทละ 41,500 บาท ขายออก 41,600 บาท ส่วนทองรูปพรรณรับซื้ออยู่ที่บาทละ 40,750.08 บาท ขายออก 42,100 บาท ขณะที่ราคาทองคำโลก (Gold Spot) อยู่ที่ระดับ 2,637.50 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์

-เงินบาทปิดที่ 33.33 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิดตลาดเมื่อเช้านี้ที่ระดับ 33.43 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.22 - 33.43 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงิน ในภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบในกรอบแคบๆ โดยวันนี้ต่างชาติขายพันธบัตร 1.2 พันล้านบาท โดยบาทผันผวนตามทิศทางของราคาทองในตลาดโลก เนื่องจากมีแรงซื้อและขายดอลลาร์ของผู้ค้าทองในประเทศ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทต้นสัปดาห์หน้าที่ 33.20 - 33.45 บาท/ดอลลาร์ ตลาดรอดูการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนในวันพรุ่งนี้ และสถานการณ์สู้รบในตะวันออกกลาง ซึ่งในวันจันทร์ ตลาดสหรัฐฯ และตลาดญี่ปุ่นปิดทำการเช่นเดียวกับบ้านเรา

#ดิจิทัลวอลเล็ต #ข่าววันนี้ #สยามรัฐออนไลน์ #หุ้นไทย #สยามรัฐ #ราคาทอง 

 

"กรุงไทย" แจงลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตรับเงินหมื่นเฟส 2 

"กรุงไทย" แจงลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตรับเงินหมื่นเฟส 2 

ธนาคารกรุงไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชื่อ Krungthai Care แจ้งเตือนว่า ทันมุกทุกมิจ รู้ทันข่าวปลอม! แอบอ้างรัฐบาล เปิดลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตรอบใหม่ที่สาขาธนาคารกรุงไทย

เช็กก่อนแชร์

ไม่เชื่อ : ข้อมูลที่ส่งต่อๆกันมาผ่านแชท

ไม่แชร์ : ข่าวสารโดนไม่เช็กแหล่งที่มา

ไม่คลิก : ลิงก์ที่ส่งมาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

ไม่กรอก : ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลการเงิน

คำเตือน : เช็กก่อนแชร์ อัปเดตข่าวสารของธนาคารผ่านโซเชียลมีเดีย Krungthai Care เท่านั้น และสามารถตรวจสอบข่าวได้ที่ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย

"เงินอยู่ในกระเป๋าเรา อย่าปล่อยให้ใครเอาไป กดแชร์เพื่อไม่ให้ใครโดนหลอกอีกต่อไป"

ลูกค้ากรุงไทยสอบถามหรือแจ้งเหตุได้ที่ โทร. 02-111-1111 กด 108 ตลอด 24 ชั่วโมง

#กรุงไทย #Krungthai #เรื่องหลอกให้บอกต่อ #มิจฉาชีพ #ข่าววันนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ดิจิทัลวอลเล็ต

 

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 4 ต.ค.67

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 4 ต.ค.67 

-แจกเงินหมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 ได้แน่ รอหลังน้ำลดประชุมบอร์ดกระตุ้น ศก. คลังเปิดรายละเอียดการกระจายตัวของกลุ่มเป้าหมายโครงการกระตุ้น ศก.ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ-คนพิการ

-"เผ่าภูมิ" ย้ำคลัง-แบงก์ชาติจูนภาพ ศก.ตรงกัน ให้เกียรติ กนง.ตัดสินใจดอกเบี้ย ไม่ชี้นำ

-"สุริยะ" สั่งทุกหน่วยงานคมนาคมลงช่วยประชาชนหลังน้ำท่วมเชียงใหม่ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ดูแล 24 ชั่วโมง

-"พิพัฒน์" นำทีม ก.แรงงาน ลุยน้ำท่วมช่วยชาวบ้านต่อเนื่อง จ.เชียงราย พร้อมตั้ง 5 ศูนย์ รับซ่อมบ้าน-ระบบไฟฟ้าฟรี 

-เต็มที่! "ออมสิน" ช่วยลูกหนี้รับมือน้ำท่วมซ้ำเติมอีกระลอก ขยายเวลาพักหนี้ออโต้จาก 3 เดือนเป็น 6 เดือน

-"สรรพสามิต" เผยผลปราบปรามปี 67 จับสินค้าผิดกฎหมาย 33,359 คดี สูงขึ้นกว่าปีก่อน 28.11% ปรับกว่า 2,400 ล้านบาท

-“พาณิชย์” ตรวจเข้มห้ามเอาเปรียบผู้บริโภคช่วงเทศกาลกินเจ พบสินค้าส่วนใหญ่ราคาทรงตัว

-ไทยได้แต้มต่อ! หลังสหรัฐฯประกาศผลเบื้องต้นเก็บภาษีอุดหนุนโซลาเซลล์จากไทย-ประเทศเพื่อนบ้าน

-เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทอง(ทองคำ 96.5%) ในประเทศ เปิดตลาดเมื่อเวลา 09.05 น. ราคาปรับขึ้น 300 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้ออยู่ที่บาทละ 41,550 บาท ขายออก 41,650 บาท  ส่วนทองรูปพรรณรับซื้ออยู่ที่บาทละ 40,795.56 บาท ขายออก 42,150 บาท ขณะที่ราคาทองคำโลก หรือ Gold Spot อยู่ที่ 2,658.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

-นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.01 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 33.11 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินภูมิภาคเคลื่อนไหวอย่างไร้ทิศทาง ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.88 - 33.20 บาท/ดอลลาร์ และต่างชาติขายพันธบัตรราว 2 พันล้านบาท วันนี้บาทเคลื่อนไหวในกรอบกว้าง ผันผวนไปตามราคาทองในตลาดโลก ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันจันทร์ไว้ที่ 32.85 - 33.15 บาท/ดอลลาร์ สำหรับคืนนี้ตลาดรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.4 แสนตำแหน่ง 

-SET ปิดวันนี้(4ต.ค.) 1,444.25 จุด เพิ่มขึ้น 1.52 จุด (+0.11%) มูลค่าซื้อขาย 63,978.43 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้บวกกลับขึ้นมาได้หลังย่อลงในกรอบจำกัด รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบพุ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานประคองตลาด และเม็ดเงินวายุภักษ์ช่วยให้ Downside จำกัดลงและเริ่มมีจังหวะการบวกขึ้นมาได้ แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดตลาดฯ แกว่งไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์อัพ เกาะติดตัวเลขจ้างงานสหรัฐคาดสูงกว่าเดือนก่อน ให้แนวรับ 1,432-1,420 จุด และแนวต้าน 1,450-1,465 จุด

#ดิจิทัลวอลเล็ต #ราคาทอง #ข่าววันนี้ #น้ำท่วมเชียงใหม่ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #เงินบาท