"ทรูมันนี่" สนับสนุนแบรนด์ซุปไก่สกัด ผ่านโซลูชัน TrueMoney for Business ชูระบบทำ Real-time Cashback

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการการเงินดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดินหน้าสนับสนุนลูกค้าธุรกิจผ่านโซลูชัน TrueMoney for Business โดยล่าสุดแบรนด์ซุปไก่สกัด จาก บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพภายใต้ตราผลิตภัณฑ์แบรนด์ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย ได้เลือกใช้โซลูชันดังกล่าวเพื่อยกระดับแคมเปญ "ดื่มแบรนด์ สแกนเลขในขวด" ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถแลกรับ Cashback ได้อย่างสะดวก พร้อมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการแคมเปญ แคมเปญ “ดื่มแบรนด์ สแกนเลขในขวด” เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคร่วมแคมเปญได้ง่าย ๆ เพียงดื่ม แบรนด์ซุปไก่สกัด แล้วเพิ่มเพื่อน LINE Official Account ของแบรนด์ จากนั้นสแกนรหัสในขวดเพื่อรับ Cashback ผ่านแอปทรูมันนี่ได้ทันที ด้วยระบบ API Integration ของ TrueMoney for Business ทำให้กระบวนการแลกของรางวัลและสิทธิประโยชน์เป็นไปอย่างราบรื่น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก ช่วยให้แบรนด์บริหารจัดการแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

นางสาวจตุรพร ธนาพรสังสุทธิ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด ประเทศไทยและอินโดไชน่า บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "แบรนด์มุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์การดื่มที่ต่อเนื่องให้กับผู้บริโภค เพื่อให้สามารถสัมผัสถึงคุณประโยชน์ของคาร์โนซีนและวิตามินบี 12 ที่ช่วยด้านการทำงานตามปกติของระบบประสาทและสมองได้อย่างเต็มที่ ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบแทนลูกค้าคนสำคัญด้วยสิทธิประโยชน์ที่ตรงกับความต้องการของคนไทย การใช้ TrueMoney for Business ในแคมเปญ 'ดื่มแบรนด์ สแกนเลขในขวด' ช่วยให้เราสามารถมอบสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้าได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ซึ่งได้ช่วยกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมแคมเปญที่มากขึ้น ส่งเสริมให้เกิดทั้งการบริโภคอย่างต่อเนื่องในกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน และการดึงดูดลูกค้าใหม่ โดย เราเชื่อมั่นว่าโซลูชันนี้จะมีส่วนช่วยให้แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จและสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี"

TrueMoney for Business: โซลูชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจในหลากหลายด้าน

TrueMoney for Business มีโซลูชันการตลาดครบวงจรสำหรับธุรกิจผ่านแอปทรูมันนี่ เพื่อตอบรับความต้องการและเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการและบริษัทธุรกิจ โดยนำเสนอการโฆษณาผ่านแอปและสื่อดิจิทัลต่างๆในอีโคซิสเต็มส์ของทรูมันนี่ รวมไปถึงการมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ และโซลูชัน Payouts ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมของลูกค้าให้กับธุรกิจที่มี Loyalty Program ได้อย่างครบวงจร โดยมีจุดเด่นหลัก 3 ด้าน ได้แก่
•Rewards โดนใจ – แบรนด์สามารถมอบรางวัลในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้ง Real-time Cashback และ Gift Card ที่ลูกค้าสามารถนำไปใช้ได้กับร้านค้าหลายหมวดหมู่ ตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค
•Redeem ง่าย – ระบบเชื่อมต่อ API ทำให้ลูกค้าสามารถแลกของรางวัลได้ในไม่กี่คลิก ไม่ต้องกรอกข้อมูลซ้ำ นอกจากนี้ยังมี Gamification Template ที่ช่วยเพิ่มความสนุกในการเข้าร่วมแคมเปญ
•Reach ครอบคลุม – ด้วยฐานผู้ใช้ กว่า 32 ล้านคนทั่วประเทศ และระบบ In-App Notification บนแอปทรูมันนี่ แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ และเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารทางการตลาด

นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันทรูมันนี่ กล่าวว่า “ด้วยฐานผู้ใช้งานกว่า 32 ล้านคนในประเทศไทย และยอดธุรกรรมของเราที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี ทรูมันนี่มุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันที่ช่วยให้ลูกค้าธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทรูมันนี่ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เครื่องดื่มแบรนด์เลือกใช้ TrueMoney for Business โดยเราพร้อมสนับสนุนธุรกิจต่าง ๆ ในการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคด้วยระบบ Cashback ที่ใช้งานง่าย อีกทั้งยังสามารถช่วยผลักดันยอดทางการตลาด ผ่านการนำข้อมูลเชิงลึกมาวิเคราะห์เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นโดนใจ และสามารถส่งตรงไปยังสื่อ In-App และ Push Notification แก่กลุ่มเป้าหมายผ่านแอปทรูมันนี่ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มการใช้จ่ายที่ร้านค้าที่ต้องการ และสนับสนุนแคมเปญทางการตลาดของลูกค้าธุรกิจเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี"

แคมเปญ "ดื่มแบรนด์ สแกนเลขในขวด" เปิดให้ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 เมษายน 2568 ลูกค้าธุรกิจที่สนใจใช้บริการ TrueMoney for Business สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.truemoney.com/business-partner/   
 

ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด เอเชีย แปซิฟิก จับมือคณะเภสัชศาสตร์จาก 7 มหาวิทยาลัย MOU ร่วมวิจัยประสิทธิภาพ ‘ซุปไก่สกัด’

​บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด เอเชีย แปซิฟิก (SBFAP) สำนักงานใหญ่ของ ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งตั้งอยู่ ณ ประเทศสิงคโปร์ พร้อมการสนับสนุนจาก บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด (SBFT) ผู้นำตลาดอาหารเสริมสุขภาพภายใต้ตราผลิตภัณฑ์แบรนด์ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย จัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับคณะเภสัชศาสตร์จาก 7 มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย ภายใต้โครงการความร่วมมืองานวิจัยด้านโภชนาการ (Research Collaboration on Nutrition Project) เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านโภชนาการผ่านการวิจัยและการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิทยาศาสตร์ โดยเน้นศึกษาประสิทธิภาพของซุปไก่สกัดด้านการชะลออายุทางชีวภาพ หรือ Biological Aging เพื่อตอบรับทิศทางประชากรศาสตร์ในประเทศไทยที่ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ และแนวโน้มของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น ณ โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ 

นายฮิเดกิ มากิ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด เอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านการผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ที่ยึดมั่นกับความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาตร์และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในระดับสูง เพื่อพัฒนาอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพให้กับผู้บริโภค ทั้งนี้ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการแพทย์ในปัจจุบันทำให้ประชากรทั่วโลกมีช่วงอายุขัย (lifespan) ยาวนานขึ้น ในขณะที่ระยะเวลาของสุขภาพที่ดี (healthspan) กลับไม่ได้เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนที่เท่ากับการเพิ่มขึ้นของอายุขัย ส่งผลให้แนวทางแก้ไขปัญหาด้านการชะลอวัยจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการเพิ่มช่วงระยะเวลาของสุขภาพที่ดี นอกจากนี้ อายุทางชีวภาพ (biological age) ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้จากรูปแบบการดำเนินชีวิต และอาหารที่รับประทาน เป็นตัวบ่งชี้ระยะเวลาของสุขภาพที่ดี ทำให้บทบาทของภาคอุตสาหกรรมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ด้านการดำเนินชีวิตและการบริโภคที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้จากสาเหตุดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือด้านการวิจัยกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศไทย เนื่องจากเชื่อมั่นในศักยภาพของนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและโภชนาการระดับแนวหน้าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยความร่วมมือระหว่างแวดวงวิชาการและภาคเอกชนในครั้งนี้จะช่วยกระดับองค์ความรู้ด้านการชะลออายุทางชีวภาพซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ รวมทั้งประชากรไทยในฐานะผู้บริโภค นอกจากนี้ในอนาคต บริษัทฯ อาจขยายความร่วมมือด้านงานวิจัยไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค เพื่อร่วมศึกษาประสิทธิภาพของซุปไก่สกัดด้านการชะลอวัยในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น เพราะเรามีความเชื่อว่า สุขภาพที่ดีคือพื้นฐานของการดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่าและมีความหมาย สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทฯ ที่มุ่งจุดประกายความสดใสให้กับชีวิตของผู้คน (To inspire the brilliance of life)

นายโอเมอร์ มาลิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประเทศไทยและอินโดไชน่า บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้การสนับสนุนการจัดทำ MOU เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติคาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะเข้าสู่ระดับสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว (Super-aged Society) ภายในปี พ.ศ.2583 และจากเป้าหมายร่วมของบริษัทในเครือซันโทรี่ด้านการสร้างความสดใสให้กับชีวิตของผู้คน บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้บริโภคมาตลอดการดำเนินงานกว่า 50 ปีในประเทศไทย ผ่านความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และทีมงานที่แข็งแกร่ง เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่มีคุณสมบัติด้านการชะลออายุทางชีวภาพและเพิ่มช่วงระยะเวลาของสุขภาพที่ดี เพราะการมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชากร เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

โดยด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงได้สนับสนุนความร่วมมือระหว่างบริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด เอเชีย แปซิฟิก ที่ดูแลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราผลิตภัณฑ์แบรนด์ กับคณะเภสัชศาสตร์จาก 7 มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, มหาวิทยาลัยศิลปากร และ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิทยาศาสตร์ด้านโภชนาการเรื่องคุณสมบัติของซุปไก่สกัดในเรื่องการชะลออายุทางชีวภาพ นอกเหนือจากการมีคาร์โนซีนและวิตามินบี 12 ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาทและสมอง โดยบริษัทฯ เชื่อว่าความร่วมมือกันในครั้งนี้ ซึ่งมีกรอบระยะเวลา 5 ปี จะก่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ เพื่อนำไปต่อยอดงานวิจัยต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับผู้บริโภคต่อไปในอนาคต

รองศาสตราจารย์ เภสัชกร สุรกิจ นาฑีสุวรรณ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หนึ่งในตัวแทนจาก 7 มหาวิทยาลัย กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมหิดลมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมโครงการวิจัยในครั้งนี้ เนื่องจากเรามีพันธกิจส่งเสริมการวิจัยเพื่อสร้างนวัตกรรม รวมถึงค้นหาประโยชน์ของสารต่าง ๆ จากธรรมชาติ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่เป็น functional food โดยงานวิจัยครั้งนี้มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีจำนวนผู้เข้าร่วมการทดลองจำนวนมากที่จะสามารถสร้างหลักฐานทางวิทยศาสตร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงได้ อีกทั้งเป็นงานวิจัยแบบ multi center research จากการเข้าร่วมของมหาวิทยาลัยมากถึง 7 แห่ง ที่ร่วมมือกันดำเนินการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเราคาดหวังว่าจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วยส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจใหม่จากการใช้ประโยชน์จากสารอาหารและแหล่งวัตถุดิบที่มีอยู่ในประเทศไทย ซึ่งไม่เพียงสร้างประโยชน์ทางด้านสุขภาพให้กับผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบเชิงบวกไปถึงรากหญ้า ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ ผลักดันให้เกิดการจ้างงานและการส่งต่อองค์ความรู้จากการนำเอาวัตถุดิบในประเทศมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงอีกด้วย