“ดร.ศิลปฯ” รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นรร.ทวีธาภิเศก เดินหน้าจัดพื้นที่ให้เยาวชนทำกิจกรรม-ห่างไกลยาเสพติด

“ดร.ศิลปฯ” อดีตผู้สมัคร สส.เพิ่อไทย รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นโรงเรียนทวีธาภิเศก ปี 67 ปักธงสนับสนุนด้านกีฬากับเยาวชน ให้มีพื้นที่ทำกิจกรรม-ห่างไกลยาเสพติด

วันที่ 26 พ.ย.2567 สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนทวีธาภิเศก จัดพิธีมอบรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2567 ในสาขาต่างๆ เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติศิษย์เก่า ที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่นักเรียนของโรงเรียนทวีธาภิเศก และเป็นการให้กำลังใจศิษย์เก่าที่ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ และสังคม ตลอดจนเผยแพร่เกียรติคุณของโรงเรียน โดยผ่านคณะกรรมการคัดเลือกศิษย์เก่าดีเด่น ซึ่งได้ดำเนินการคัดเลือกศิษย์เก่าที่มีคุณสมบัติเหมาะสม จำนวน 13 รายชื่อ โดย นายศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร อดีตผู้สมัคร สส.กทม.เขต คลองสาน ธนบุรี และราษฎร์บูรณะ แขวงบางปะกอก พรรคเพื่อไทย ได้รับการคัดเลือกจากการผู้สนับสนุนโรงเรียนด้านกีฬาฟุตซอลของโรงเรียนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

นายศิลปวิชญ์ ระบุว่า ศิษย์เก่า“ทวีธาภิเศก ดีเด่น” ประจำปี 2567 ถือเป็นรางวัลอันทรงคุณค่าจากการทุ่มเท และผลักดันกีฬาฟุตซอลของโรงเรียน ให้ประสบความสำเร็จ ตนยืนยันที่จะสนับสนุนเยาวชนด้านกีฬาอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้เด็กและเยาวชน มีพื้นที่ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์ ห่างไกลยาเสพติด อีกทั้งยังส่งเสริมความแข็งแรง ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ฝึกฝนความมีนักใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ และให้อภัยกันและกัน ซึ่งถือว่านี่คือรากฐานสำคัญของการใช้ชีวิตในสังคม ขณะเดียวกันมีความภาคภูมิใจที่ได้กลับมาสนับสภันุนกีฬาฟุตซอลของโรงเรียน 


“ค่ายเยาวชนเอ็กโกไทยรักษ์ป่า รุ่น 58” ธรรมชาติบันดาลใจ สู่ไอเดียรักษ์ป่าและสิ่งแวดล้อม

“ด้วยความเชื่อที่ว่า “ต้นทางดีจะก่อกำเนิดผลลัพธ์ปลายทางที่ดี” ดังนั้น การปลูกจิตสำนึกเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เราจึงเริ่มที่ “เยาวชน” เป็นหลัก เพราะเยาวชนเป็นวัยต้นทางแห่งการเรียนรู้และจะเติบโตเป็นอนาคตของชาติ เรามุ่งเน้นการอนุรักษ์ผืนป่า โดยเฉพาะป่าต้นน้ำ เพราะเป็นต้นกำเนิดของน้ำ เป็นต้นกำเนิดของพลังงาน และเป็นศูนย์รวมของความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญต่อทุกชีวิต ซึ่งเยาวชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจะได้เดินทางไปเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตรงจาก     ป่าต้นน้ำด้วยตนเอง และสามารถนำมาปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน” นายอมรรัตน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายบัญชี EGCO Group และ กรรมการและเหรัญญิก มูลนิธิไทยรักษ์ป่า เล่าถึงที่มาของการจัดค่ายเยาวชนเอ็กโกไทยรักษ์ป่ามาต่อเนื่องกว่า 20 ปี

ในปีนี้ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ร่วมกับมูลนิธิไทยรักษ์ป่า และอุทยานแห่งชาติ  ดอยอินทนนท์ สานต่อเจตนารมณ์ในการปลูกจิตสำนึกรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เยาวชนอย่างต่อเนื่อง โดยจัด “ค่ายเยาวชนเอ็กโกไทยรักษ์ป่า รุ่นที่ 58” ภายใต้แนวคิด “Inspired by Nature” เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมีเยาวชนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 64 คน มาร่วมเรียนรู้และนำแรงบันดาลใจจากธรรมชาติไปต่อยอดเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่จะร่วมกันอนุรักษ์ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งสร้างมิตรภาพที่ดีร่วมกัน ณ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เป็นเวลา 7 วัน 6 คืน 

หลากหลายเรื่องราวในค่ายฯ ได้เกิดขึ้นผ่านกิจกรรมและกระบวนการสื่อความหมายธรรมชาติที่ช่วยทำให้เยาวชนได้เข้าใจถึงความสำคัญของป่าต้นน้ำและความหมายของการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติด้วยตนเอง เช่น กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์และการดำรงชีวิตแบบชาวค่าย ตั้งแต่การหุงหาอาหารรับประทานเองทุกมื้อ การกางเต็นท์และผูกเปลนอน กิจกรรมเดินป่าเรียนรู้ธรรมชาติผ่านป้ายสื่อความหมายธรรมชาติในเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน กิจกรรมเรียนรู้ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพในป่า 6 คนโอบ ตั้งแต่ดิน น้ำ แมลง สัตว์ และระบบนิเวศต่าง ๆ ที่ล้วนต้องพึ่งพาอาศัยกันอย่างเกื้อกูล

“มาเข้าค่ายเยาวชนเอ็กโกไทยรักษ์ป่า เพราะอยากเรียนรู้เรื่องป่าต้นน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน หลังจากทำกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว ก็ทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของป่าต้นน้ำและการดูแลทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้น อยากส่งต่อความรู้ที่ได้จากค่ายนี้ไปสู่น้อง ๆ ในโรงเรียน เพื่อส่งเสริมให้ร่วมกันดูแลธรรมชาติและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน นอกจากนี้ ยังได้รับแรงบันดาลใจเรื่องการใช้สมุนไพรรักษาโรค ซึ่งเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้คนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้มากขึ้น อยากเป็นเภสัชกรตัวน้อย ๆ ที่รู้เรื่องสมุนไพรและอยากไปช่วยคนในหมู่บ้านที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงการรักษาของโรงพยาบาล” นางสาวอรปรียา พิมพ์ศรี (ใบมิ้นท์) รร.สาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จ.มหาสารคาม เล่าถึงความประทับใจที่ได้รับจากการมาเข้าค่ายครั้งนี้

ในขณะที่ นางสาวกุลภรณ์ รัตนจรัสโรจน์ (จีน) รร.สวนกุุหลาบวิทยาลัย รังสิต กรุงเทพฯ กล่าวว่า “กิจกรรมต้นไม้เพื่อนรักเป็นกิจกรรมที่หนูชอบที่สุด เพราะทำให้เปิดใจมาก ๆ การที่เราจะได้รักและเข้าใจ   ใครสักคนเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะกับธรรมชาติ หลายคนคงสงสัยว่าเขาพูดไม่ได้ เราจะไปเป็นเพื่อนกับเขาได้ยังไง แต่กิจกรรมนี้ทำให้เราเข้าใจและสัมผัสกับเพื่อนที่มีความจริงใจและให้ทุกอย่างกับเราตลอดมา ค่ายนี้ให้อะไรกับหนูเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแนวคิด มุมมอง โดยเฉพาะเรื่องการแบ่งปัน ที่พูดง่ายแต่ทำยาก เพราะมนุษย์เราเห็นตัวเองเป็นอันดับแรก น้อยคนที่จะคิดถึงส่วนรวม แต่ก็อยากให้รู้ว่าธรรมชาติได้แบ่งปันทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเรา แต่เมื่อไรกันที่เราจะแบ่งปันสิ่งนั้นกลับไปให้ธรรมชาติบ้าง”

นายอิทธิชัย โชสนับ (เกล้า) โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับป่ามากนัก แต่เมื่อได้มาเข้าค่ายและเรียนรู้เรื่องความสำคัญของป่าต้นน้ำและสิ่งแวดล้อม รวมถึงผลกระทบที่เกิดจากมนุษย์ ก็ทำให้เกิดจิตสำนึกที่อยากจะรักษาและเปลี่ยนแปลงธรรมชาติให้ดีขึ้นกว่าเดิม อยากเผยแพร่ข้อมูลให้ทุกคนเห็นถึงความสำคัญของป่าต้นน้ำและสิ่งมีชีวิตที่อยู่ร่วมกัน เชื่อว่าเด็กยุคใหม่มีความคิดที่กว้างขวาง แต่อาจจะไม่รู้ช่องทางในการลงมือทำ ถ้ามีผู้ใหญ่ที่พร้อมเข้าใจ รับฟัง และสนับสนุน ก็เชื่อว่าความคิดและพลังของเยาวชนจะสร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้กับธรรมชาติได้”

ปิดท้ายที่ นายมูฮามัดรอฟัด เฮงดาดา (โอโบ้) รร.ธรรมวิทยามูลนิธิ จ.ยะลา กล่าวว่า “ขอบคุณค่ายเยาวชนเอ็กโกไทยรักษ์ป่า ที่มอบความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมให้กับผม และขอบคุณเพื่อน ๆ ที่มอบมิตรภาพให้ระหว่างที่อยู่ร่วมกันในค่ายนี้ เมื่อกลับจากค่ายฯ ไปที่หมู่บ้านของตัวเอง ก็อยากตั้งทีมขึ้นมาร่วมมือกันดูแลธรรมชาติและลำธารบริเวณหมู่บ้าน เพื่อแสดงให้เห็นว่าธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญ หากพวกเราไม่ดูแลให้ดีจะส่งผลกระทบขึ้นมาได้ ผมเชื่อว่าการได้ลงมือทำจริง จะช่วยส่งต่อแรงบันดาลใจไปให้คนอื่น ๆ และทำให้เกิดผลกระทบเชิงบวกในวงกว้างได้”

“เมื่อจบกิจกรรมในค่ายฯ เกือบ 1 สัปดาห์ เยาวชนต่างมีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักถึงความสำคัญของป่าต้นน้ำและทรัพยากรธรรมชาติเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ตลอดจนมีแรงบันดาลใจที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเชิงบวก รวมถึงพร้อมส่งต่อหัวใจนักอนุรักษ์ไปสู่ครอบครัว ชุมชน และโรงเรียน ซึ่งเป็นสังคมใกล้ตัว” นางสาวมานนีย์ พาทยาชีวะ เลขาธิการมูลนิธิไทยรักษ์ป่า กล่าวทิ้งท้ายหลังจากที่ได้ส่งน้อง ๆ เยาวชน กลับบ้านไปหาครอบครัวอย่างปลอดภัย


 

รัฐบาลชวนเด็กและเยาวชนที่มีความสนใจในเรื่องจิตอาสา สมัครร่วมโครงการ​ค่ายเยาวชนค้นหาตัวตน : ต้นกล้าดี

​เหลือเวลาสมัครอีกเพียง​ 5 วัน! รัฐบาลโดยกระทรวง พม.เชิญชวนเด็กและเยาวชน ที่มีความสนใจในเรื่องจิตอาสา สมัครเข้าร่วมโครงการ​“ค่ายเยาวชนค้นหาตัวตน : ต้นกล้าดี” ย้ำรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม.ให้ความสำคัญกับอนาคตของชาติ

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เตรียมจัดโครงการ “ค่ายเยาวชนค้นหาตัวตน : ต้นกล้าดี” เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนรู้จักตัวเอง ยอมรับความผิดพลาด รู้จักการตั้งเป้าหมายในชีวิต และมีค่านิยมทางสังคมที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้สังคมเกิดความเข้มแข็งและน่าอยู่ โดยมีกลุ่มเป้าหมายรับสมัครเด็กและเยาวชนที่มีความสนใจในเรื่องจิตอาสามุ่งทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนหรือประเทศชาติ  มีความมุ่งมั่นรักและตั้งใจการลงมือทำกิจกรรมต่างๆให้สำเร็จ มีความสนใจใฝ่รู้พร้อมเปิดใจเรียนรู้เพื่อรับประสบการณ์ใหม่ๆร่วมกัน และมีความคิดที่สร้างสรรค์ในการทำสิ่งใหม่ๆ และเป็นเด็กและเยาวชนอายุตั้งแต่ 12 – 25 ปี จำนวน 77 จังหวัด จังหวัดละ 200 คน รวมทั้งสิ้น 15,400 คน เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม ระหว่างเดือนมกราคม - เดือนกุมภาพันธ์ 2567 หลังจากนั้น จะดำเนินการคัดเลือกผู้แทนเด็กและเยาวชน จังหวัดละ 2 คน เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม ในเดือนมีนาคม 2567
 
โดยโครงการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากเห็นว่าในปัจจุบันสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาโลกร้อน ปัญหายาเสพติด ปัญหารายได้ต่ำ ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ประกอบกับค่านิยมทางสังคมที่ยังไม่ถูกต้องเหมาะสม ไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจ ส่งผลให้เด็กและเยาวชนตกอยู่ในอิทธิพลของ Social Media ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาของสังคม 
 
“นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพม.ได้ให้ความสำคัญกับประชาชน กลุ่มเปราะบาง เด็กและเยาวชนเป็นอยากมาก และหวังว่าโครงการ“ค่ายเยาวชนค้นหาตัวตน ต้นกล้าดี” จะทำให้สังคมเกิดความเข้มแข็งและน่าอยู่ยิ่งขึ้น”
 
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเด็กและเยาวชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถสมัครได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 7 มกราคม 2567 โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมกิจการเด็กและเยาวชน หรือโทร 02-651-6735 และเบอร์ 02-651-6676

 

 

#เยาวชน #จิตอาสา #​ค่ายเยาวชน #กลุ่มเปราะบาง

 

 

 

อช.หาดวนกร เปิดค่ายเยาวชน ฝึกเอาชีวิตรอดและช่วยชีวิตผู้อื่น ในกิจกรรม “พร้าวห้าว รักบ้าน รักษ์สิ่งแวดล้อม”

อช.หาดวนกร เปิดค่ายเยาวชน ฝึกเอาชีวิตรอดและช่วยชีวิตผู้อื่น ในกิจกรรม “พร้าวห้าว รักบ้าน รักษ์สิ่งแวดล้อม” ทั้งในทางบกและทางทะเล

วันที่ 11 ตุลาคม 2566 นางสาวเนตรนภา งามเนตร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดวนกร กล่าวว่า อุทยานแห่งชาติหาดวนกร ได้จัดกิจกรรม “พร้าวห้าว รักบ้าน รักษ์สิ่งแวดล้อม” ระหว่าง วันที่ 10-11 ตุลาคม 2566 โดยนำเยาวชนในพื้นที่ ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 40 คน เข้าค่ายเยาวชน ฝึกการเอาชีวิตรอดและช่วยเหลือชีวิตผู้อื่น (Life Saving) ทั้งในพื้นที่ทางบกและทางทะเล 

สำหรับรูปแบบกิจกรรมในค่ายเยาวชนนั้น ได้แบ่งกิจกรรมเป็นฐานการเรียนรู้ จำนวน 6 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมการดำรงชีพในป่า เรียนรู้การผูกเงื่อนเชือกที่จำเป็น 3 เงื่อน คือ เงื่อนพิรอด, เงื่อนตะกรุดเบ็ดใน และเงื่อนตะกรุดเบ็ดนอก รวมทั้งการเรียนรู้ประกอบอาหารเพื่อยังชีพในป่า เช่น การหุงข้าวด้วยหม้อสนาม การประกอบอาหารโดยใช้กองไฟ เป็นต้น

กิจกรรมการกู้ชีพกู้ภัย เรียนรู้การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน(CPR), การประยุกต์ใช้วัสดุธรรมชาติในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เช่น การทำเปลสนามเพื่อเคลื่อนย้ายผู้ป่วย การดามแขนและขากรณีเกิดอุบัติเหตุและถูกงูกัด เป็นต้น


กิจกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ และการเอาชีวิตรอด โดยการฝึกการลอยตัวในน้ำ 3 ท่า ได้แก่ ท่าแมงกะพรุน, ท่าปลาดาวหงาย-คว่ำ และท่าลอยตัวแนวดิ่ง รวมทั้งการประยุกต์ใช้ขวดน้ำในการช่วยพยุงตัวในน้ำ และการฝึกการใช้อุปกรณ์ช่วยชิวิต (Ring Buoy และ Life Line) เป็นต้น

 

กิจกรรมดูดาว การใช้แผนที่ดาว องค์ประกอบของแผนที่ดาว การสังเกตและการหากลุ่มดาวโดยใช้แผนที่ดาว และเรื่องเล่านิทานดาว  กิจกรรมเก็บขยะทะเล บริเวณชายหาดวนกร เรียนรู้ประเภทของขยะ การคัดแยกขยะแต่ละประเภท และผลกระทบของขยะทะเล และกิจกรรมดำน้ำตื้น (snorkeling) เพื่อศึกษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล บริเวณเกาะจานและเกาะท้ายทรีย์ เรียนรู้ความสำคัญของระบบนิเวศในแนวปะการัง ซึ่งเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำในทะเล


ทั้งนี้การทำกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ดังกล่าว เป็นการสอนให้เยาวชนได้รู้จักการเอาชีวิตรอดหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน และยังสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้เมื่อจำเป็น ตลอดจนเป็นการปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ให้เยาวชนในท้องถิ่นเห็นถึงความสำคัญของอุทยานแห่งชาติ ก่อให้เกิดความรักและรู้สึกหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติในถิ่นบ้านเกิดของตนเอง