"กทม." เตือน 6-9 ก.พ.68 ฝุ่น PM 2.5 อยู่ระดับสีส้ม ให้สวมหน้ากากอนามัยต่อเนื่อง ย้ำงดเผา 

กทม.เตือน 6-9 ก.พ.68 ฝุ่น PM 2.5 ยังอยู่ระดับสีส้ม ให้สวมหน้ากากอนามัยต่อเนื่อง ย้ำงดเผา

วันที่ 4 ก.พ.68 นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ช่วง 7 วันข้างหน้า ยังคงอยู่ในระดับสีส้ม โดยกล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 วันนี้ ณ เวลา 11.00 น. ค่าเฉลี่ยของ กทม. อยู่ที่ 41.6 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 36 เขต

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดย กรมควบคุมมลพิษ ช่วงวันที่ 5 – 11 ก.พ. 68 ฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยวันที่ 6 – 9 ก.พ. ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้มเริ่มมีผลต่อสุขภาพ และจะลดลงมาอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง สีเหลือง วันที่ 10 - 11 ก.พ. 68

กรุงเทพมหานคร ขอความร่วมมือประชาชน รักษาสุขภาพ สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้านและลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง รวมถึงงดการเผา พร้อมร่วมจับตารถควันดำ การเผาในพื้นที่โล่ง หากพบเห็นสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue และสายด่วน 199

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบคุณภาพอากาศได้ทาง แอปพลิเคชัน AirBKK www.airbkk.com เฟซบุ๊ก สำนักสิ่งแวดล้อม กทม , กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม , กรุงเทพมหานคร และ LINE ALERT

#ค่าฝุ่นกทม #ฝุ่น #PM25#สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี

พบค่าฝุ่น PM 2.5 กทม.เช้านี้ อยู่ระดับส้ม 16 เขต สูงสุดเขต #หนองจอก

วันที่ 4 ก.พ.68 กระทรวง อว. โดย GISTDA เกาะติดสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมแบบรายชั่วโมงผ่านแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” รอบเวลา 06.00 น. ของวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 พบค่าฝุ่น PM2.5 ของกรุงเทพมหานคร ที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และระบบทางเดินหายใจในระดับส้ม จำนวน 16 เขต โดยค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุด คือเขต #หนองจอก 56.4 ไมโครกรัม ส่วนเขตอื่นๆที่เหลือค่าฝุ่น PM2.5 ระดับปานกลางสีเหลือง

ด้านของภาพรวมประเทศไทยในรอบเวลาเดียวกัน พบค่าฝุ่น PM2.5 ที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจในระดับสีส้ม 38 จังหวัด กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลาง

แอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” ยังคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า พบว่าหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ ยังคงมีค่าฝุ่น PM2.5 ระดับสีส้ม ส่วนภาพรวมของประเทศยังมีค่าฝุ่น PM2.5 ระดับสีส้มเช่นกัน ซึ่งกระจายอยู่ในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

ข้อมูลบนแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” มีการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมร่วมกับ AI (Artificial intelligence) ในการวิเคราะห์ค่าฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ร่วมกับการใช้ข้อมูลการตรวจวัด PM 2.5 จากกรมควบคุมมลพิษ, ข้อมูลสภาพอากาศ จากกรมอุตุนิยมวิทยา รวมถึงข้อมูลของแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น จุดความร้อน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก มานำเสนอให้ในรูปแบบข้อมูลตัวเลขและค่าสีในระดับต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ประชาชนควรสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้ง เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจตามมาโดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

รู้ค่าฝุ่น PM2.5 ทุกๆ ชั่วโมงจากแอปพลิเคชัน "เช็คฝุ่น" เพียงพิมพ์คำว่า เช็คฝุ่น ใน App Store สำหรับระบบ iOS และ Google Play สำหรับระบบ Android ได้แล้ววันนี้

#GISTDA #อว #เช็คฝุ่น #คุณภาพชีวิต #วิเคราะห์ข้อมูล #มลพิษทางอากาศ #คุณภาพอากาศ #สุขภาพ #ระบบทางเดินหายใจ #กรุงเทพมหานคร #PM2POINT5 #เทคโนโลยีดาวเทียม #ข้อมูลจากดาวเทียม

กทม. เช้านี้ ฝุ่น PM 2.5 สีส้ม เกินมาตรฐาน 66 พื้นที่ วอนสวมแมสก์ ลดกิจกรรมกลางแจ้ง

วันที่ 3 ก.พ.68 ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 07.00 น.ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 47.2 มคก./ลบ.ม. ฝุ่นละอองมีแนวโน้มลดลง ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 66 พื้นที่

ข้อแนะนำสุขภาพ

คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก

ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา

ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ย 24 ชม.

: ตรวจวัดได้ 34.5-63.2 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 66 พื้นที่ คือ

1.เขตบึงกุ่ม ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 63.2 มคก./ลบ.ม.

2.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 62.5 มคก./ลบ.ม.

3.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 61.7 มคก./ลบ.ม.

4.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 58.2 มคก./ลบ.ม.

5.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 56.1 มคก./ลบ.ม.

6.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 56.0 มคก./ลบ.ม.

7.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 55.0 มคก./ลบ.ม.

8.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 54.5 มคก./ลบ.ม.

9.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 54.0 มคก./ลบ.ม.

10.เขตสาทร สี่แยกหน้าสำนักงานเขตสาทร ซอย ถนนเซนต์หลุยส์ : มีค่าเท่ากับ 53.3 มคก./ลบ.ม.

11.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 53.2 มคก./ลบ.ม.

12.เขตสายไหม ป้ายรถเมล์ด้านหน้าสำนักงานเขตสายไหม : มีค่าเท่ากับ 52.1 มคก./ลบ.ม.

13.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 51.9 มคก./ลบ.ม.

14.เขตจตุจักร บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : มีค่าเท่ากับ 51.6 มคก./ลบ.ม.

15.เขตพญาไท หน้าแฟลตทหารบกใกล้โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ตรงข้ามกระทรวงการคลัง : มีค่าเท่ากับ 51.4 มคก./ลบ.ม.

16.เขตบางรัก ข้างป้อมตำรวจหน้าลานบางรักเลิฟลี่ พลาซ่า : มีค่าเท่ากับ 51.3 มคก./ลบ.ม.

17.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 50.5 มคก./ลบ.ม.

18.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 50.4 มคก./ลบ.ม.

19.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 50.4 มคก./ลบ.ม.

20.เขตพระนคร ภายในสำนักงานเขตพระนคร : มีค่าเท่ากับ 50.3 มคก./ลบ.ม.

21.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 50.1 มคก./ลบ.ม.

22.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 50.0 มคก./ลบ.ม.

23.เขตบางซื่อ ภายในสำนักงานเขตบางซื่อ : มีค่าเท่ากับ 49.8 มคก./ลบ.ม.

24.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 49.2 มคก./ลบ.ม.

25.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 48.7 มคก./ลบ.ม.

26.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 48.6 มคก./ลบ.ม.

27.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 48.1 มคก./ลบ.ม.

28.เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 48.1 มคก./ลบ.ม.

29.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 47.4 มคก./ลบ.ม.

30.เขตดุสิต ริมสวนหย่อมตรงข้ามสำนักงานเขตดุสิต : มีค่าเท่ากับ 47.0 มคก./ลบ.ม.

31.เขตบางกอกใหญ่ บริเวณสี่แยกท่าพระ แขวงวัดท่าพระ : มีค่าเท่ากับ 46.4 มคก./ลบ.ม.

32.เขตดอนเมือง ด้านข้างสำนักงานเขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 46.2 มคก./ลบ.ม.

33.สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 46.1 มคก./ลบ.ม.

34.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 46.0 มคก./ลบ.ม.

35.เขตสะพานสูง ภายในสำนักงานเขตสะพานสูง : มีค่าเท่ากับ 45.7 มคก./ลบ.ม.

36.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 45.1 มคก./ลบ.ม.

37.เขตราษฎร์บูรณะ ภายในสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ : มีค่าเท่ากับ 45.0 มคก./ลบ.ม.

38.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 45.0 มคก./ลบ.ม.

39.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ : มีค่าเท่ากับ 44.8 มคก./ลบ.ม.

40.สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เขตบางคอแหลม : มีค่าเท่ากับ 44.7 มคก./ลบ.ม.

41.เขตคลองสาน บริเวณหน้าห้องสมุดใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน : มีค่าเท่ากับ 44.4 มคก./ลบ.ม.

42.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 43.7 มคก./ลบ.ม.

43.สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา : มีค่าเท่ากับ 43.6 มคก./ลบ.ม.

44.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เขตบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 43.4 มคก./ลบ.ม.

45.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 43.4 มคก./ลบ.ม.

46.เขตทุ่งครุ หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี : มีค่าเท่ากับ 43.0 มคก./ลบ.ม.

47.สวนจตุจักร เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 42.7 มคก./ลบ.ม.

48.เขตปทุมวัน หน้าห้างสามย่านมิตรทาวน์ : มีค่าเท่ากับ 42.6 มคก./ลบ.ม.

49.สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 42.5 มคก./ลบ.ม.

50.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 42.5 มคก./ลบ.ม.

51.เขตสัมพันธวงศ์ บริเวณหน้าหัวมุม ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ (วงเวียนโอเดียน) : มีค่าเท่ากับ 42.4 มคก./ลบ.ม.

52.เขตจอมทอง ภายในสำนักงานเขตจอมทอง : มีค่าเท่ากับ 42.1 มคก./ลบ.ม.

53.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 42.0 มคก./ลบ.ม.

54.เขตบางกะปิ ข้าง ป้อมตำรวจตรงข้ามสำนักงาน เขตบางกะปิ : มีค่าเท่ากับ 42.0 มคก./ลบ.ม.

55.สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 41.9 มคก./ลบ.ม.

56.สวนสันติภาพ เขตราชเทวี : มีค่าเท่ากับ 41.9 มคก./ลบ.ม.

57.สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 41.9 มคก./ลบ.ม.

58.สวนหลวง ร.9 เขตประเวศ : มีค่าเท่ากับ 41.5 มคก./ลบ.ม.

59.เขตห้วยขวาง ภายในสำนักงานเขตห้วยขวาง (ด้านข้างโรงเพาะชำ) ถนนประชาอุทิศ : มีค่าเท่ากับ 41.5 มคก./ลบ.ม.

60.เขตวัฒนา ตรงข้าม noble Reveal(ข้าง MK gold restaurants) : มีค่าเท่ากับ 41.3 มคก./ลบ.ม.

61.สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 41.3 มคก./ลบ.ม.

62.เขตบางบอน ใกล้ตลาดบางบอน : มีค่าเท่ากับ 40.9 มคก./ลบ.ม.

63.สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ : มีค่าเท่ากับ 40.3 มคก./ลบ.ม.

64.สวนลุมพินี เขตปทุมวัน : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม.

65.เขตบางคอแหลม บริเวณป้อมตำรวจสี่แยกถนนตก : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม.

66.เขตยานนาวา ใกล้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ : มีค่าเท่ากับ 38.1 มคก./ลบ.ม.

ในช่วงวันที่ 3-9 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "อ่อน" ประกอบกับมีการเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัว (เพิ่มขึ้นสลับลดลง) และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นในตอนเช้า

ไม่พบจุดความร้อนในบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง

- แอปพลิเคชัน AirBKK

- www.airbkk.com

- FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร

- FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม

- FB: กรุงเทพมหานคร

- แอปพลิเคชัน AirBKK

- LINE ALERT

หากท่านพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue

#ค่าฝุ่นกทม #ฝุ่น #PM25 #สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี

PM 2.5 กทม เช้านี้ต้อนรับเดือนแห่งความรัก เกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม มีผลกระทบต่อสุขภาพ 69 พื้นที่

วันที่ 1 ก.พ.68 ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เวลา 07.00 น.

ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 60.2 มคก./ลบ.ม.

ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ภาพรวม : คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบกับสุขภาพ เป็นดั่งที่ กทม. ลงข่าวเตือนหลายวันก่อน ว่าค่าฝุ่นจะสูงขึ้น

ค่าเกินมาตรฐาน อยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 69 พื้นที่

ข้อแนะนำสุขภาพ:

คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก

ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา

ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

ณ เวลา 07.00 น.ตรวจวัดได้ 47.4-74.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 69 พื้นที่ คือ

1.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 74.5 มคก./ลบ.ม.

2.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 73.5 มคก./ลบ.ม.

3.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 72.8 มคก./ลบ.ม.

4.เขตบึงกุ่ม ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 72.6 มคก./ลบ.ม.

5.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 71.4 มคก./ลบ.ม.

6.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 71.0 มคก./ลบ.ม.

7.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 70.0 มคก./ลบ.ม.

8.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 68.8 มคก./ลบ.ม.

9.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 68.7 มคก./ลบ.ม.

10.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 66.6 มคก./ลบ.ม.

11.เขตราษฎร์บูรณะ ภายในสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ : มีค่าเท่ากับ 66.3 มคก./ลบ.ม.

12.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 66.1 มคก./ลบ.ม.

13.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 66.0 มคก./ลบ.ม.

14.เขตสาทร สี่แยกหน้าสำนักงานเขตสาทร ซอย ถนนเซนต์หลุยส์ : มีค่าเท่ากับ 65.5 มคก./ลบ.ม.

15.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 64.9 มคก./ลบ.ม.

16.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 64.7 มคก./ลบ.ม.

17.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 64.6 มคก./ลบ.ม.

18.เขตสายไหม ป้ายรถเมล์ด้านหน้าสำนักงานเขตสายไหม : มีค่าเท่ากับ 64.2 มคก./ลบ.ม.

19.เขตพญาไท หน้าแฟลตทหารบกใกล้โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ตรงข้ามกระทรวงการคลัง : มีค่าเท่ากับ 62.9 มคก./ลบ.ม.

20.เขตบางซื่อ ภายในสำนักงานเขตบางซื่อ : มีค่าเท่ากับ 62.7 มคก./ลบ.ม.

21.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 62.1 มคก./ลบ.ม.

22.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 62.1 มคก./ลบ.ม.

23.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 61.9 มคก./ลบ.ม.

24.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 61.4 มคก./ลบ.ม.

25.เขตบางรัก ข้างป้อมตำรวจหน้าลานบางรักเลิฟลี่ พลาซ่า : มีค่าเท่ากับ 61.2 มคก./ลบ.ม.

26.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 61.2 มคก./ลบ.ม.

27.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 61.0 มคก./ลบ.ม.

28.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 60.2 มคก./ลบ.ม.

29.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 59.6 มคก./ลบ.ม.

30.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 59.6 มคก./ลบ.ม.

31.เขตพระนคร ภายในสำนักงานเขตพระนคร : มีค่าเท่ากับ 59.3 มคก./ลบ.ม.

32.เขตดอนเมือง ด้านข้างสำนักงานเขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 59.1 มคก./ลบ.ม.

33.เขตสะพานสูง ภายในสำนักงานเขตสะพานสูง : มีค่าเท่ากับ 58.8 มคก./ลบ.ม.

34.เขตจตุจักร บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : มีค่าเท่ากับ 58.3 มคก./ลบ.ม.

35.เขตคลองสาน บริเวณหน้าห้องสมุดใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน : มีค่าเท่ากับ 58.2 มคก./ลบ.ม.

36.เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 58.2 มคก./ลบ.ม.

37.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 57.9 มคก./ลบ.ม.

38.เขตบางกอกใหญ่ บริเวณสี่แยกท่าพระ แขวงวัดท่าพระ : มีค่าเท่ากับ 57.6 มคก./ลบ.ม.

39.เขตดุสิต ริมสวนหย่อมตรงข้ามสำนักงานเขตดุสิต : มีค่าเท่ากับ 57.4 มคก./ลบ.ม.

40.สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 57.3 มคก./ลบ.ม.

41.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 57.0 มคก./ลบ.ม.

42.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 56.4 มคก./ลบ.ม.

43.เขตจอมทอง ภายในสำนักงานเขตจอมทอง : มีค่าเท่ากับ 56.2 มคก./ลบ.ม.

44.สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ : มีค่าเท่ากับ 55.8 มคก./ลบ.ม.

45.เขตบางบอน ใกล้ตลาดบางบอน : มีค่าเท่ากับ 55.8 มคก./ลบ.ม.

46.สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เขตบางคอแหลม : มีค่าเท่ากับ 55.6 มคก./ลบ.ม.

47.เขตยานนาวา ใกล้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ : มีค่าเท่ากับ 55.3 มคก./ลบ.ม.

48.เขตปทุมวัน หน้าห้างสามย่านมิตรทาวน์ : มีค่าเท่ากับ 55.3 มคก./ลบ.ม.

49.เขตวัฒนา ตรงข้าม noble Reveal(ข้าง MK gold restaurants) : มีค่าเท่ากับ 55.1 มคก./ลบ.ม.

50.สวนสันติภาพ เขตราชเทวี : มีค่าเท่ากับ 54.9 มคก./ลบ.ม.

51.เขตทุ่งครุ หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี : มีค่าเท่ากับ 54.6 มคก./ลบ.ม.

52.สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา : มีค่าเท่ากับ 54.5 มคก./ลบ.ม.

53.เขตบางคอแหลม บริเวณป้อมตำรวจสี่แยกถนนตก : มีค่าเท่ากับ 54.4 มคก./ลบ.ม.

54.สวนจตุจักร เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 54.3 มคก./ลบ.ม.

55.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ : มีค่าเท่ากับ 54.1 มคก./ลบ.ม.

56.เขตห้วยขวาง ภายในสำนักงานเขตห้วยขวาง (ด้านข้างโรงเพาะชำ) ถนนประชาอุทิศ : มีค่าเท่ากับ 53.5 มคก./ลบ.ม.

57.เขตราชเทวี ภายในสำนักงานเขตราชเทวี : มีค่าเท่ากับ 53.3 มคก./ลบ.ม.

58.เขตสัมพันธวงศ์ บริเวณหน้าหัวมุม ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ (วงเวียนโอเดียน) : มีค่าเท่ากับ 53.1 มคก./ลบ.ม.

59.เขตบางกะปิ ข้าง ป้อมตำรวจตรงข้ามสำนักงาน เขตบางกะปิ : มีค่าเท่ากับ 53.0 มคก./ลบ.ม.

60.เขตบางแค ภายในสำนักงานเขตบางแค : มีค่าเท่ากับ 52.6 มคก./ลบ.ม.

61.สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 52.0 มคก./ลบ.ม.

62.สวนหลวง ร.9 เขตประเวศ : มีค่าเท่ากับ 51.9 มคก./ลบ.ม.

63.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เขตบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 51.6 มคก./ลบ.ม.

64.สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 51.0 มคก./ลบ.ม.

65.สวนบางแคภิรมย์ เขตบางแค : มีค่าเท่ากับ 50.1 มคก./ลบ.ม.

66.สวนลุมพินี เขตปทุมวัน : มีค่าเท่ากับ 48.1 มคก./ลบ.ม.

67.สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 47.7 มคก./ลบ.ม.

68.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 47.6 มคก./ลบ.ม.

69.สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 47.4 มคก./ลบ.ม.

ในช่วงวันที่ 1-9 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "อ่อน" ประกอบกับมีการเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัว (เพิ่มขึ้นสลับลดลง) และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส

ไม่พบจุดความร้อนที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลกบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง

- แอปพลิเคชัน AirBKK

- www.airbkk.com

- FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร

- FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม

- FB: กรุงเทพมหานคร

- แอปพลิเคชัน AirBKK

- LINE ALERT

หากท่านพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue

น่าห่วง! กทม.จมฝุ่นพิษระดับส้ม-แดง "หนองแขม" อ่วมสุด

วันที่ 31 มกราคม 2568 เวลา 15:00 น.ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร ขอรายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในกรุงเทพมหานคร  ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 59.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.)

12 อันดับ ของค่าฝุ่นPM2.5 เขตสูงสุดในกรุงเทพมหานคร

1 เขตหนองแขม 78.5 มคก./ลบ.ม.

2 เขตราษฎร์บูรณะ 73.8 มคก./ลบ.ม.

3 เขตทวีวัฒนา 71.6 มคก./ลบ.ม.

4 เขตบางขุนเทียน 70.8 มคก./ลบ.ม.

5 เขตภาษีเจริญ 69.5 มคก./ลบ.ม.

6 เขตตลิ่งชัน 68.7 มคก./ลบ.ม.

7 เขตธนบุรี 66.3 มคก./ลบ.ม.

8 เขตบางนา 65.6 มคก./ลบ.ม.

9 เขตบางแค 65.5 มคก./ลบ.ม.

10 เขตคันนายาว 65.4 มคก./ลบ.ม.

11 เขตคลองสามวา 64.9 มคก./ลบ.ม.

12 เขตมีนบุรี 64.9 มคก./ลบ.ม.

 

- กรุงเทพเหนือ  46.8 - 61 มคก./ลบ.ม.  ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

- กรุงเทพตะวันออก  51.7 - 65.4 มคก./ลบ.ม.  ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

- กรุงเทพกลาง 49 - 58.6 มคก./ลบ.ม. ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

- กรุงเทพใต้ 49.8 - 65.6 มคก./ลบ.ม. ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

- กรุงธนเหนือ 51.1 - 71.6 มคก./ลบ.ม. ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

- กรุงธนใต้ 58.8 - 78.5 มคก./ลบ.ม. ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

 

ภาพรวม : คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ข้อแนะนำสุขภาพ: คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร  จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก  ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา

ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

คุณภาพอากาศระดับสีแดง: มีผลกระทบต่อสุขภาพ

ประชาชนทุกคน งดกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองทุกครั้ง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศ ให้เตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อมและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

แดงทุกเขตของ กทม.! ฝุ่น PM2.5 เกินกว่า 100 ไมโครกรัม มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ

วันที่ 31 ม.ค.68 กระทรวง อว. โดย GISTDA เกาะติดสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมแบบรายชั่วโมงผ่านแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” รอบเวลา 07.00 น. ของวันที่ 31 มกราคม 2568 พบทุกเขตของกรุงเทพมหานครมีค่าฝุ่น PM2.5 มีผลกระทบต่อสุขภาพ และระบบทางเดินหายใจในระดับแดง เกินกว่า 100 ไมโครกรัม โดยค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุด คือเขต #ธนบุรี 145.9 ไมโครกรัม

ด้านของภาพรวมประเทศไทยในรอบเวลาเดียวกัน พบค่าฝุ่น PM2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจในระดับสีแดง 37 จังหวัด และพบค่าฝุ่น PM2.5 ที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพ กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศ

แอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” ยังคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า พบว่าหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ ยังคงมีค่าฝุ่น PM2.5 ระดับสีแดง ส่วนภาพรวมของประเทศยังมีค่าฝุ่น PM2.5 ระดับสีสีส้มกระจายอยู่ในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

ข้อมูลบนแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” มีการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมร่วมกับ AI (Artificial intelligence) ในการวิเคราะห์ค่าฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ร่วมกับการใช้ข้อมูลการตรวจวัด PM 2.5 จากกรมควบคุมมลพิษ, ข้อมูลสภาพอากาศ จากกรมอุตุนิยมวิทยา รวมถึงข้อมูลของแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น จุดความร้อน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก มานำเสนอให้ในรูปแบบข้อมูลตัวเลขและค่าสีในระดับต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ประชาชนควรสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้ง เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจตามมาโดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

รู้ค่าฝุ่น PM2.5 ทุกๆ ชั่วโมงจากแอปพลิเคชัน "เช็คฝุ่น" เพียงพิมพ์คำว่า เช็คฝุ่น ใน App Store สำหรับระบบ iOS และ Google Play สำหรับระบบ Android ได้แล้ววันนี้

#GISTDA #อว #เช็คฝุ่น #คุณภาพชีวิต #วิเคราะห์ข้อมูล #มลพิษทางอากาศ #คุณภาพอากาศ #สุขภาพ #ระบบทางเดินหายใจ #กรุงเทพมหานคร #PM2POINT5 #เทคโนโลยีดาวเทียม #ข้อมูลจากดาวเทียม

พบ 5 เขต กทม.ค่าฝุ่น PM2.5 มีผลต่อระบบทางเดินหายใจในระดับแดง สูงสุด #คันนายาว

วันที่ 30 ม.ค.68 กระทรวง อว. โดย GISTDA เกาะติดสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมแบบรายชั่วโมงผ่านแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” รอบเวลา 08.00 น. ของวันที่ 30 มกราคม 2568 พบ 5 เขตของกรุงเทพมหานครมีค่าฝุ่น PM2.5 มีผลกระทบต่อสุขภาพ และระบบทางเดินหายใจในระดับแดง โดยค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุด คือเขต #คันนายาว 85.7 ไมโครกรัม ในส่วนของเขตที่เหลือพบค่าฝุ่น PM 2.5 ที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม)

ด้านของภาพรวมประเทศไทยในรอบเวลาเดียวกัน พบค่าฝุ่น PM2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจในระดับสีแดง 2 จังหวัด และพบค่าฝุ่น PM2.5 ที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพ ถึง 63 จังหวัด กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศ

แอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” ยังคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า พบว่าหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ ยังคงมีค่าฝุ่น PM2.5 ระดับสีส้ม ส่วนภาพรวมของประเทศยังมีค่าฝุ่น PM2.5 ระดับสีสีส้มกระจายอยู่ในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

ข้อมูลบนแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” มีการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมร่วมกับ AI (Artificial intelligence) ในการวิเคราะห์ค่าฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ร่วมกับการใช้ข้อมูลการตรวจวัด PM 2.5 จากกรมควบคุมมลพิษ, ข้อมูลสภาพอากาศ จากกรมอุตุนิยมวิทยา รวมถึงข้อมูลของแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น จุดความร้อน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก มานำเสนอให้ในรูปแบบข้อมูลตัวเลขและค่าสีในระดับต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ประชาชนควรสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้ง เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจตามมาโดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

รู้ค่าฝุ่น PM2.5 ทุกๆ ชั่วโมงจากแอปพลิเคชัน "เช็คฝุ่น" เพียงพิมพ์คำว่า เช็คฝุ่น ใน App Store สำหรับระบบ iOS และ Google Play สำหรับระบบ Android ได้แล้ววันนี้

#GISTDA #อว #เช็คฝุ่น #คุณภาพชีวิต #วิเคราะห์ข้อมูล #มลพิษทางอากาศ #คุณภาพอากาศ #สุขภาพ #ระบบทางเดินหายใจ #กรุงเทพมหานคร #PM2POINT5 #เทคโนโลยีดาวเทียม #ข้อมูลจากดาวเทียม

ฝุ่นเริ่มสูงขึ้นดั่งคำพยากรณ์! เช้านี้ PM 2.5 กทม. เกินมาตรฐาน อยู่ระดับสีส้ม 26 พื้นที่

วันที่ 30 ม.ค.68 ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 07.00 น.

ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 35.3 มคก./ลบ.ม.

ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ภาพรวม : คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง

เกินมาตรฐาน เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 26 พื้นที่

ข้อแนะนำสุขภาพ:

คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก

ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา

ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดได้ 26-53 มคก./ลบ.ม. พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 26 พื้นที่ คือ

1.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 53.0 มคก./ลบ.ม.

2.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 47.8 มคก./ลบ.ม.

3.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 45.4 มคก./ลบ.ม.

4.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 44.1 มคก./ลบ.ม.

5.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 43.5 มคก./ลบ.ม.

6.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 43.3 มคก./ลบ.ม.

7.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 42.9 มคก./ลบ.ม.

8.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 42.8 มคก./ลบ.ม.

9.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 41.6 มคก./ลบ.ม.

10.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 41.4 มคก./ลบ.ม.

11.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 41.2 มคก./ลบ.ม.

12.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 41.1 มคก./ลบ.ม.

13.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 40.7 มคก./ลบ.ม.

14.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม.

15.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม.

16.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 40.3 มคก./ลบ.ม.

17.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม.

18.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม.

19.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 39.7 มคก./ลบ.ม.

20.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม.

21.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม.

22.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 38.9 มคก./ลบ.ม.

23.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 38.7 มคก./ลบ.ม.

24.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 38.0 มคก./ลบ.ม.

25.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 37.7 มคก./ลบ.ม.

26.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 37.6 มคก./ลบ.ม.

ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 1 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ไม่ดี - อ่อน" ประกอบกับมีการเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้น อย่างต่อเนื่อง ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนวันที่ 2-7 ก.พ. การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "อ่อน-ดี" ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นในตอนเช้า

ดาวเทียมจาก NASA ไม่พบจุดความร้อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ NASA ก็พาเธอกลับมาไม่ได้

#ค่าฝุ่นกทม #ฝุ่น #PM25#สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี

"อนุทิน"ลั่นบังคับใช้กฎหมายเข้ม แก้ฝุ่น PM2.5 ทั่วประเทศ ขีดเส้นใน 3 เดือนนี้ห้ามเผา คาดโทษ "ผู้ว่าฯ" ปล่อยปละเจอเด้งแน่

วันที่ 29 ม.ค.68  ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรี และรมว. มหาดไทย แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ(บกปภ.ช.ฉ เพื่อติดตามปัญหาหมอกควัน ไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ​ว่า​ วันนี้ประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ว่าด้วยเรื่องหมอกควันพิษไฟฟ้าและฝุ่นละออง PM 2.5 การประชุมวันนี้ไม่ใช่เป็นการประชุมในเรื่องเฉพาะกระทรวงมหาดไทย​ แต่เป็นการประชุมบูรณาการความร่วมมือ ของทุกภาคส่วนราชการ ภายใต้พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เมื่อเกิดสถานการณ์ ที่เป็นภัยพิบัติระดับชาติ ในกฎหมายจะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย​ ซึ่งในกรณีนี้ถือเป็นความโชคดีที่กระทรวงมหาดไทยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากนายกรัฐมนตรี ที่ได้แสดงความห่วงใยในปัญหา​ สั่งการขณะเดินทางร่วมการประชุมยังต่างประเทศ​  และให้ถือเป็นวาระระดับชาติ​ ซึ่งพร้อมที่จะให้การสนับสนุนทุกรูปแบบเพื่อให้ประชาชน​ เกิดความปลอดจากสภาวะหมอกควัน

นายอนุทิน​ กล่าวต่อว่า​ ทุกหน่วยงานต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยใน​ 3 เดือนนี้​ ต้องไม่มีการเผาป่า​ เผาในที่โล่งแจ้ง​ เผาซากผลผลิตทางการเกษตร​  เพราะสิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลต่อประเทศ​ และสุขภาพประชาชน​ พร้อมย้ำว่า​ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการกำหนดวันเผาแต่ในที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่า จะตัดวันเผาออกไป แต่จะต้องไม่เผา เพราะหากเขาจะผิดกฎหมาย มีการดำเนินคดี มีมาตรการลงโทษ และที่สำคัญจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือหรือสิทธิ การช่วยเหลือใดจากทางราชการ โดยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดรับมอบอำนาจเบ็ดเสร็จ สามารถสั่งการดำเนินการป้องกัน ไม่ให้เกิดภัยพิบัติ ไฟป่าและการเผาในทุกรูปแบบ อย่างเต็มที่ และไม่มีการตั้งวอร์รูมแถลงความคืบหน้าการดำเนินการทุกวัน โดยมอบหมายให้นายจิรายุ​ ห่วงทรัพย์​ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวสาร ให้ประชาชนรับทราบ

สำหรับข้อสรุปของที่ประชุมวันนี้ การดำเนินการทุกอย่างจะต้องห้ามเผาใครเผาถือว่าผิดกฎหมาย มีบทลงโทษที่รุนแรง​ ขอให้เข้าใจรัฐบาลในการดูแลภาพรวม​ เพราะเมื่อดูแลบ้านของเราเรียบร้อยแล้ว เราก็จะมีความพร้อมไปเจรจาเพื่อนบ้าน​ โดยจะไม่ให้ความร่วมมือซื้อสินค้า ไม่ให้ความร่วมมือเป็นจุดผ่านสินค้าไปยังประเทศที่สาม​ แซงชั่น​ และเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี​ ในเบื้องต้น​ ที่ประชุมมีการหารือเรื่องการของบกลางเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่าย เพื่อรณรงค์ให้ชาวบ้าน เปลี่ยนจากการเผาเพื่อเตรียมหน้าดิน มาเป็นรูปแบบอื่น เพื่อให้มลพิษนั้นหมดไป​ ในรูปแบบ​ อาทิ​ เครื่องบีบอัดเศษพืชผลทางการเกษตร​ แทร็ก​เตอร์​ ค่าน้ำมัน​  เพื่อเป็นทางเลือกให้ชาวบ้าน พร้อมกับยังผู้ว่าราชการจังหวัด​ดูงบที่แต่ละจังหวัดมีการจัดสรรไว้​ ว่าจะสามารถช่วนเหลือส่วนใดได้บ้าง​ 

เมื่อถามว่า จะมีมาตรการอย่างไรหากยังหากยังมีการเผาอยู่ในพื้นที่ต่างๆ​  นายอนุทิน​ กล่าวว่า จะออกมาในลักษณะการขอความร่วมมือก่อน​  หากยังพบการเผาแสดงว่ายังไม่ได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ของผู้ราชการจังหวัด​   ทุกอย่างเป็นไปตามกติการสากล​ ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว เพราะนี่เป็นข้อสั่งการมีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว   เพราะนายกฯเอาเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ​ และหากพบว่าผู้ว่าฯคนใดยังละเว้นอยู่​ ก็ต้องมาอยู่ตึกหลังนี่​ นายกฯรีบเซ็นให้อยู่แล้ว 

เมื่อถามถึงการเจรจาขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านมีกรอบระยะเวลาหรือไม่ นายอนุทิน​ กล่าวว่า การเจรจาก็เจรจาไป เราก็ทำของเรา เพราะขณะนี้รมว.การต่างประเทศ และรมว.พาณิชย์ เขาก็ทำกันอยู่แล้ว​ โดยมีการชี้แจงในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) แล้ววานนี้(28ม.ค.)

 

"อนุทิน" นั่งหัวโต๊ะถกแก้วิกฤตฝุ่น ชี้กว่าจะเอาเงินออกมาใช้ ต้องรอค่ามลพิษเกิน 150 ไมโครกรัม ห่วงมืดมิดทั้งประเทศ

 

วันที่ 29 ม.ค.2568 เมื่อเวลา10.00น. ที่กระทรวงมหาดไทย(มท.) นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เรื่อง ติดตามปัญหาหมอกควัน ไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) โดยมีหน่วยงานต่างๆ​เข้าร่วม​ และยังมีผู้ว่าราชการจังหวัด76จังหวัด ร่วมประชุมรับมอบนโยบายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์  เพื่อติดตามสถานการณ์หมอกควันฝุ่นละออง PM 2.5 และผลการดำเนินงานของหน่วยงานทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กเพื่อลดมลพิษ

โดยก่อนเริ่มการประชุมนายอนุทิน ได้อวยพรเนื่องในช่วงเทศกาลตรุษจีน​ ซินเจียยู่อี่ซินนี้ฮวดใช้​ ขอให้ท่านประสบความสำเร็จ มีแต่ความเจริญก้าวหน้า สุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง

นายอนุทิน​ กล่าวระหว่างการประชุมว่า นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงต่อสถานการณ์นี้เป็นอย่างมาก ได้ติดต่อติดตาม ประสานงาน เรียกประชุมหารือ กับตนตลอดเวลา ในช่วงที่เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งได้ยืนยันไปว่าทุกคนมีความพร้อมรับมือ ป้องกันและแก้ไขปัญหา ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5​ โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี ขอให้เชิญและแต่งตั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายประเสริฐ​ จันทรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ นายจิรายุ​ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาของกองบัญชาการอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ โดยให้นายจิรายุทำหน้าที่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่างๆให้ประชาชนตระหนักรู้ จะได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 27ม.ค. ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ประชุมติดตามสถานการณ์ ซึ่งพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เป็นพื้นที่ Hotspot มากที่สุด มีการเผาในที่โล่งแจ้ง เผาวัชพืช ผลผลิตทางการเกษตรมากที่สุด ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศพื้นที่ห้ามเผาเป็นที่เรียบร้อยและได้มีการสั่งการยกระดับดำเนินการทุกมาตรการอย่างเข้มข้น ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้ระบบบริหารจัดการแบบ Single Command ในการ บรรเทาสาธารณภัยแก้ปัญหา โดยนอกจากอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดแล้วยังใช้อำนาจตามพ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย​ภัยแห่งชาติ​เพื่อการบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานเป็นตัวแทนรัฐบาล​ ทำงานร่วมกันไม่ใช่กระทรวงมหาดไทยสั่งการ​ จึงขอให้ร่วมมือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเสียหายน้อยที่สุด

นายอนุทิน​ กล่าวว่า ​มูลเหตุมาจากการเผา หากทำให้ประชาชนไม่เผาได้ มลพิษก็จะเกิดขึ้นน้อยมาก จึงไม่ต้องกังวลว่าเพื่อนบ้านจะทำอย่างไร เราต้องจัดการในบ้านของเราให้เรียบร้อยก่อน ถ้าในบ้านเราเรียบร้อยแล้วแล้วยังมีเหตุ มาจากเพื่อนบ้าน ก็จะมีความกดดันมายังรัฐบาล​รัฐบาลก็จะต้องเร่งไปเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ในการแซงชั่น ไม่อุดหนุนสินค้าทางการเกษตร หากมาจากการเผาวัชพืชเหล่านี้ และก่อให้เกิดมลพิษข้ามมายังประเทศเรา

สิ่งสำคัญคือเราต้องดำเนินการแก้ไขในบ้านของเราให้เรียบร้อยเสียก่อน เพราะวันนี้โอกาสสร้างเศรษฐกิจตอนนี้เปลี่ยนไป ชาวบ้านเปลี่ยนจากการผลิตพืชผลทางการเกษตรระยะยาวมา​ มาเป็นพืชระยะสั้น​ เพราะปลูกมะม่วง มังคุด ทุเรียน ปลูกส้ม ช้า 3 ปีไม่ได้อะไรเลย ตลาดโลกใหญ่ขึ้นมีผลิตภัณฑ์แปรรูป จะขึ้นหมุนเวียนมากมายมันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด ของพวกนี้ปลูกได้ทั้งปี หมุนแล้วหมุนอีก ถึงทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไป เขาคิดว่าสามารถปลูกพืชหมุนเวียนเหล่านี้ได้หลายรอบมากที่สุด และต้องเร่งก่อให้เกิดการปลูกครั้งใหม่ให้เร็วที่สุด จึงต้องเผา

นายอนุทิน​ กล่าวว่า​ ทุกหลังคาเรือนปลูกพืชผลทางการเกษตรเช่นนี้ ซากที่เกิดขึ้นเช่นซังข้าวโพด ในหนึ่งตำบล มีอยู่ประมาณ 100 กองกองละ 700,000 กิโลกรัม​ ถ้าไม่ได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง คิดว่าคงอะลุ่มอล่วยได้  ที่อำเภอแม่แจ่ม อำเภอเดียวอาจทำให้ หมอกควันปกคลุมทั้งประเทศไม่ใช่แค่เชียงใหม่อย่างเดียวทำให้เกิดความเสียหายมหาศาล ซึ่งต้องดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวด หาทางเลือก เช่นที่เชียงใหม่ที่ทำคือให้มีการฝังกลบ หรือแปรสภาพ เศษซังข้าวโพด ซึ่งรัฐต้องสนับสนุน เครื่องจักรเข้าไป​ หรือนำไปเป็นเชื้อเพลิงไบโอเพาเวอร์ เอาไปเป็นไอน้ำความร้อนฝ่ายผลิตไฟฟ้า เอาไปแปรสภาพเป็นอาหารสัตว์ หรือทำปุ๋ยชีวภาพ​ แต่ภาครัฐต้องช่วย

นายอนุทิน​ กล่าวอีกว่า​เราเจอภัยพิบัติมาโดยตลอด ต้นปีภาคเหนือไตรมาส 3 ภาคกลาง ไตรมาส 4 ภาคใต้ เราใช้เงินเกือบ 20,000 ล้านบาท เป็นค่าชดเชยทดแทนความเดือดร้อน หลังคาเรือนละ 9,000 บาท เหตุการณ์ลักษณะนี้ก็ใกล้เคียงกัน น้ำลดหรือเพิ่มเกิน 3 วันชาวบ้านได้เงิน แต่กรณีหมอกควันยังไม่เกิด เราจะเอาเงินไปให้ชาวบ้านก่อนไม่ได้ มันต้องเกิดการเผาเกิดมลพิษควันดำก่อน​  กว่าจะเอาเงินออกมาได้ความเสียหาย ค่ามลพิษต้องเกิน 150 ไมโครกรัม หากไปถึงจุดนั้นประเทศไทยมืดมิดไปทั้งประเทศ ถึงจะนำเงินไปใช้ได้

ดังนั้นธรรมชาติไม่เหมือนกัน มีเงินแต่การใช้ไม่เหมือนกัน จึงขอข้อแนะนำช่วยกันคิดการสนับสนุนของแต่ละจังหวัด ในการผลักดันให้มีงบช่วยเหลือ ชาวบ้านก่อนเพื่อที่จะให้หยุดเผา เป็นจุดที่ต้องวางมาตรการ​ มันดูเหมือนภัยพิบัติแต่การช่วยเหลือแตกต่างกัน ในส่วนนี้ขอความร่วมมือทุกฝ่ายความมั่นคงทหารตำรวจภาครัฐเกษตรทรัพยากร และหน่วยงานเทคโนโลยีให้ช่วยกัน ส่วนที่บังคับใช้กฎหมายก็ต้องทำอย่างเต็มที่ ไม่ให้เกิดการกระทำที่ผิดกฎหมายและก่อให้เกิดความเดือดร้อน