ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 23 ก.ค.68

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 23 ก.ค.68 

-กระทรวงคมนาคม ประกาศ พร้อมเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ใช้รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ผ่านแอปทางรัฐ สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ iOS และ Android ภายใต้เงื่อนไขต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป ก่อนเริ่มใช้บริการ 1 ตุลาคม 2568 มั่นใจระบบไม่ล่ม

-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม มอบหมายให้ทีมสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ร่วมกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบุกตรวจค้นคลังสินค้าย่านบางขุนเทียน ทลายโกดังปลั๊กไฟ-สวิตช์ไฟ ลอบนำเข้า-ติด มอก.ปลอมกว่า 6 แสนชิ้น มูลค่าเกือบ 3 ล้าน ส่งขายร้านค้าทั่วประเทศ

-หอการค้าไทยเข้าพบ รมว.แรงงาน เสนอจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านแรงงาน เพื่อร่วมบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายและข้อเสนอของภาคเอกชนให้เป็นรูปธรรม แก้ปัญหาแรงงานไทยอย่างยั่งยืน

หอการค้าไทย เสนอจัดตั้ง “กรอ.แรงงาน” ร่วมกระทรวงแรงงาน ขับเคลื่อนนโยบาย-แก้ปัญหาแรงงานไทยอย่างยั่งยืน

หอการค้าไทย เสนอจัดตั้ง “กรอ.แรงงาน” ร่วมกระทรวงแรงงาน ขับเคลื่อนนโยบาย-แก้ปัญหาแรงงานไทยอย่างยั่งยืน

วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย คุณวิบูลย์ สุภัครพงษ์กุล รองประธานกรรมการ ในฐานะประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน  คุณธวัชชัย เศรษฐจินดา กรรมการเลขาธิการ และ คุณอมรเทพ ทวีพานิชย์ ผู้อำนวยการบริหาร  ได้เข้าพบหารือร่วมกับ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ณ ห้องประชุมกระทรวงแรงงาน

ดร.พจน์  อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ เปิดเผยหลังประชุมว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน และสมาคมการค้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมแก้ไขปัญหาแรงงานของประเทศไทยมาโดยตลอดร่วมกับกระทรวงแรงงาน ตลอดระยะเวลามากกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยโดยกระทรวงแรงงาน ได้มีความพยายามร่วมกันกับภาคเอกชนโดยเฉพาะหอการค้าไทยเพื่อร่วมแก้ไขและมีนโยบายที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่ยังคงมีความผันผวนและเปราะบาง อันเป็นผลมาจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้าระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศและภาคธุรกิจให้ต้องเผชิญกับความท้าทายหลากหลายประการ ตลอดจนสถานการท่องเที่ยวในประเทศที่ชะลออย่างต่อเนื่องอันเนื่องมาจากนักท่องเที่ยวลดลงโดยเฉพาะประเทศจีนส่งผลโดยตรงต่อห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ

ทั้งนี้จึงได้เสนอให้ กระทรวงแรงงาน จัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านแรงงาน (กรอ.แรงงาน) เพื่อร่วมบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายและข้อเสนอของภาคเอกชนให้เป็นรูปธรรม อีกทั้ง ได้นำเสนอนโยบายการแก้ไขปัญหาแรงงานของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดยืนต่อนโยบายเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำของหอการค้าไทยและสมาชิก ซึ่งได้เน้นย้ำต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายซึ่งบัญญัติไว้ในมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541  อย่างเคร่งครัด สอดคล้องกับแนวทางที่ได้รับการยอมรับมาโดยตลอดจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และเสนอให้ร่วมกับภาคเอกชนจัดทำยุทธศาสตร์การบริหารจัดการ/จัดระเบียบแรงงานต่างด้าว การต่อต้านการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ และการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ด้วยแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (Good Labor Practices : GLP) โดยปัจจุบันมีภาคเอกชนได้นำ จำนวน 29,688 แห่ง สามารถยกระดับคุณภาพลูกจ้างได้มากกว่า 2.2 ล้านคน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ประเทศไทยเพื่อจะสามารถกลับมาอยู่ในระดับ Tier 1 ในรายงานการค้ามนุษย์หรือ TIP Report ในเร็วนี้

ขณะที่ในส่วนข้อเสนอนโยบายการพัฒนาฝีมือแรงงาน หอการค้าไทยสนับสนุนให้เร่งรัดการประกาศอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือให้ครบตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติซึ่งมี 280 สาขา จากปัจจุบันที่มีการประกาศไว้เพียง 129 สาขา พร้อมทั้งให้มีการขยายสาขาอาชีพมาตรฐานฝีมือรวมทั้งอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือให้ครอบคลุมมากขึ้นสำหรับแรงงานไทย พร้อมผลักดันนโยบายการส่งเสริมแรงงานทดแทนเพื่อการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งได้มีการดำเนินการร่วมกับกระทรวงแรงงานแล้วส่วนหนึ่งในกลุ่มทหารกองประจำการ  ผู้พิการ สูงอายุ และเตรียมพร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือทางวิชาการด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน ระหว่าง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน หอการค้าไทย และ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมีกรอบความร่วมมือทางวิชาการ วิจัยและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการยกระดับสมรรถนะด้านวิชาชีพสำหรับการทำงานที่ตอบสนองความต้องการตลาดแรงงาน ตลอดจนเพื่อพัฒนาศักยภาพนักศึกษาหรือกำลังแรงงานให้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะฝีมือสูงขึ้นด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือด้านอื่นๆ เป็นต้น โดย ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้รับข้อเสนอของหอการค้าไทย มาดำเนินการพร้อมทั้งเห็นชอบการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคเอกชน ด้านแรงงาน (กรอ.รง) เพื่อหารือรายละเอียดข้อเสนอร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อย่างเร่งด่วน

ดร.พจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย-จีน และสมาคมการค้าวิสาหกิจจีนในไทย ได้เตรียมจัดงาน Thailand – China Cooperation Expo 2025 ขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2568 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี บนพื้นที่จัดแสดงกว่า 40,000 ตารางเมตร ภายใต้แนวคิด “50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน : ก้าวสู่ความรุ่งเรืองร่วมกัน” ภายในงานดังกล่าว กระทรวงแรงงาน ได้ร่วมสนับสนุนจัดกิจกรรมจ๊อบแฟร์ (Job Fair) เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการจ้างงานระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือด้านแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน  การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจ และยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป

#แรงงานไทย #หอการค้าไทย #กระทรวงแรงงาน #ค่าจ้างขั้นต่ำ #พัฒนาฝีมือแรงงาน #กรอแรงงาน #GoodLaborPractices #ThailandChinaExpo2025 #JobFair #ตลาดแรงงาน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ข่าววันนี้

"พงศ์กวิน" เริ่มงาน รมว.แรงงาน เปิด 5 นโยบายดัน AI-Upskill ยกค่าจ้างขั้นต่ำ ดูแลแรงงานนอกระบบ-ต่างด้าว ตั้งเป้ารายได้เกิน 400 บาทต่อวัน

"พงศ์กวิน" เริ่มงาน รมว.แรงงาน เปิด 5 นโยบายดัน AI-Upskill ยกค่าจ้างขั้นต่ำ ดูแลแรงงานนอกระบบ-ต่างด้าว ตั้งเป้ารายได้เกิน 400 บาทต่อวัน

วันที่ 4 ก.ค.68 เวลา 08.19 น. นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เดินทางมาถึงกระทรวงแรงงาน และเวลา 09.19 น. ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในกระทรวงแรงงานทั้ง 5 จุด สำหรับวันนี้ได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการเป็นวันแรก

นายพงศ์กวินกล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ถือเป็นภารกิจที่สำคัญมาก เพราะแรงงานคือกลไกหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ที่ผ่านมา ผมทำงานภาคเอกชนมาก่อน ผมเข้าใจทั้งในมุมของนายจ้างและลูกจ้าง เข้าใจความท้าทายของแรงงานทั้งในระบบและนอกระบบ และเชื่อว่า ด้วยประสบการณ์ที่มี จะสามารถนำมาปรับใช้ในการกำหนดนโยบายที่ตอบโจทย์ได้จริง

นายพงศ์กวิน เผยถึงกรณีแรงงานกัมพูชาที่ขณะนี้ได้ทยอยกลับประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่อการขาดแคลนแรงงานที่เป็นส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจ รวมถึงอาจมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการบางรายว่า ทุกฝ่ายได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาแนวทางการปรับสัดส่วนแรงงานแต่ละสันชาติให้สมดุล เพื่อให้สัดส่วนแรงงานต่างด้าวแต่ละสัญชาติมีความเหมาะสม โดยจะเริ่มศึกษาความเป็นไปได้ในการนำแรงงานจากนอกกลุ่ม CLMV เข้ามาเสริม โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่ใช้ทักษะเฉพาะ เพื่อเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยให้มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น 

ทั้งนี้เพื่อให้การพัฒนาคุณภาพแรงงานเกิดผลสำเร็จตามเป้าหมายสูงสุด จึงจะเร่งดำเนินการขับเคลื่อน 5 นโยบาย เพื่อให้แรงงานไทยมีชีชิตให้เป็นอยู่ที่ดีขึ้นและมีรายได้สูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดย 5 นโยบาย ประกอบด้วย  

1."AI เพื่อยกระดับแรงงานไทย" โดยจะเร่งพัฒนาหลักสูตร AI ให้สอดคล้องกับภาคการผลิตและบริการ พร้อมดึงแรงงานทุกกลุ่มเข้าสู่กระบวนการฝึกทักษะ บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน และใช้กลไก พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานฯ กระตุ้นภาคเอกชนร่วมพัฒนาทักษะแรงงานด้าน AI ให้ทันต่อความต้องการของตลาด

2.”การคุ้มครองแรงงานอย่างเท่าเทียม” โดยจะผลักดันกฎหมายแรงงานใหม่ให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ กว่า 21 ล้านคนเพื่อเข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติ นำไปสู่การบังคับใช้โดยเร็ว เนื่องด้วยปัจจุบันมีการทำงานในรูปแบบใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งกระทรวงแรงงานจะต้องดูแลแรงงานทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน พร้อมศึกษารูปแบบการทำงานใหม่ เพื่อพัฒนากฎหมายและระบบประกันสังคมให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น

3.“Learn to Earn” เนื่องด้วยเยาวชนช่วงอายุ 15-18 ปี ในปัจจุบันมีความสามารถรอบด้าน จึงต้องสนับสนุนและส่งเสริม เพื่อนำไปสู่การหารายได้เสริมระหว่างเรียน และยังเป็นการเสริมประสบการณ์ สร้างทักษะ และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ซึ่งขณะนี้ยังมีกฎหมายคุ้มครองที่ชัดเจน ซึ่งกฎหมายอนุญาตให้ทำงานได้ แต่ต้องเป็นการทำงานที่ไม่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและสภาพจิตใจ และต้องไม่มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อเยาวชน จึงมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และผู้ประกอบการ ในการสนับสนุนและส่งเสริมเยาวชน เพื่อผลักดันให้นโยบายดังกล่าวเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

4.“สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยการยกระดับรายได้ให้แก่แรงงานไทย”  โดยจากข้อมูลของสำนักงานประกันสังคม ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมจำนวนประมาณ 24 ล้านคน ที่แม้ว่าในช่วงปีนี้ได้มีการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำแล้วถึง 2 รอบ ทำให้แรงงานในบางพื้นที่และบางสาขาอาชีพ ได้รับค่าจ้างในอัตราวันละ 400 บาท แต่ก็ยังมีผู้ประกันตนอีก 2.3 ล้านคน  ซึ่งเป็นแรงงานไทย 1.8 ล้านคนที่ยังได้รับค่าจ้างไม่ถึงวันละ 400 บาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแรงงานกว่า 90% มีรายได้เกิน 400 บาท ต่อวันแล้ว สำหรับกลุ่มที่เหลือได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานเร่งยกระดับรายได้ของแรงงานกลุ่มนี้โดยด่วน ซึ่งในระยะแรกจะฝึกอบรมพัฒนาทักษะฝีมือให้แก่แรงงานกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นการ Up – Skill Re – Skill เพื่อให้แรงงานกลุ่มนี้มีทักษะฝีมือได้มาตรฐานที่จะเข้าสู่ระบบค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน ทำให้ได้รับค่าจ้างสูงขึ้นเกินกว่าวันละ 400 บาท ท้้งนี้กระทรวงฯพร้อมพัฒนากลไกค่าจ้างขั้นต่ำและโครงสร้างค่าจ้างให้มีประสิทธิภาพในระยะยาว

5.”การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทยอย่างเร่งด่วน“  เนื่องจากปัจจุบันแรงงานต่างด้าวมีส่วนในการขับเคลื่อนภาคการผลิตและภาคบริการของประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตามไม่สามารถ ปล่อยให้มีการใช้แรงงานต่างด้าวโดยขาดการควบคุม  ซึ่งทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา ดังนั้นจึงจะเร่งจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทยอย่างเร่งด่วน โดยเร่งประชาสัมพันธ์ให้แรงงานต่างด้าวที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยในปัจจุบัน เข้าสู่กระบวนการขออนุญาต  หรือผ่อนผันให้ทำงานในประเทศไทย ตามที่กฎหมายกำหนดให้ครบถ้วนตามจำนวน  และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด  เพื่อแก้ไขปัญหาการลักลอบทำงาน และการทำงานที่เป็นการแย่งอาชีพคนไทย

#พงศ์กวินจึงรุ่งเรืองกิจ #ค่าจ้างขั้นต่ำ #แรงงานนอกระบบ #ข่าววันนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ ค่าจ้างขั้นต่ำล็อตใหม่ มีผลบังคับใช้แล้ว เริ่มเลยค่าแรง 400 บาททั่วไทย

วันที่ 1 ก.ค.68 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ ประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 14) ตามมติคณะกรรมการค่าจ้าง ขั้นต่ำ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.68 กำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ เพื่อบังคับใช้แก่นายจ้าง และลูกจ้างทุกคน โดยใจความสรุป ให้กำหนดอัตราค่าจ้าจ้างขั้นต่ำเป็นวันวันละ 400 บาท ดังนี้ (1) ประเภทกิจการโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม เฉพาะโรงแรมประเภท 2 โรงแรม ประเภท 3 และโรงแรมประเภท 4 ในท้องที่ทุกจังหวัด

(2) ประเภทกิจการสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ ในท้องที่ทุกจังหวัด (3) ในท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ภูเก็ต ระยอง และสุราษฎร์ธานี เฉพาะอำเภอเกาะสมุย


ข้อ 3 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 380 ในท้องที่จังหวัด เชียงใหม่ เฉพาะอำเภอเมืองเชียงใหม่ และสงขลาเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ ข้อ 4 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 372 บาท ในท้องที่จังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ข้อ 5 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 359 บาทในท้องที่จังหวัดนครราชสีมา

ข้อ 6 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ358 บาท ในท้องที่จังหวัด สมุทรสงคราม ข้อ 7 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 357 บาท ในท้องที่จังหวัด ขอนแก่น เชียงใหม่ ยกเว้นอำเภอเมืองเชียงใหม่ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา และสระบุรี ข้อ 8 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 356 บาท ในท้องที่จังหวัดลพบุรี ข้อ 9ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันล 355 บาท ในท้องที่จังหวัด นครนายก สุพรรณบุรี และหนองคาย

ข้อ 10 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 354 บาท ในท้องที่จังหวัดกระบี่ และตราด ข้อ 11 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 352 บาท ในท้องที่จังหวัด กาญจนบุรี จันทบุรี เชียงราย ตาก นครพนม บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พังงา พิษณุโลก มุกดาหาร สกลนคร สงขลายกเว้นอำเภอหาดใหญ่ สระแก้ว สุราษฎร์ธานียกเว้นอำเภอเกาะสมุย และอุบลราชธานี ข้อ 12 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 351 บาท ในท้องที่จังหวัด ชุมพร เพชรบุรี และสุรินทร์ ข้อ 13 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 350 บาท ในท้องที่จังหวัดนครสวรรค์ ยโสธร และลำพูน

 

ข้อ 14 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 349 บาท ในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ นครศรีธรรมราช บึงกาฬ เพชรบูรณ์ และร้อยเอ็ด ข้อ 15 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 348 บาท ในท้องที่จังหวัดชัยนาท ชัยภูมิ พัทลุง สิงห์บุรี และอ่างทอง ข้อ 16ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 347 บาท ในท้องที่จังหวัดกำแพงเพชร พิจิตร มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ระนอง ราชบุรี ลำปาง เลย ศรีสะเกษ สตูล สุโขทัข หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี

ข้อ 17 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 345 บาท ในท้องที่จังหวัดตรัง น่าน พะเยา และแพร่ ข้อ 18 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 337 บาท ในท้องที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา 

ข้อ 19 เพื่อประโยชน์ตามข้อ 2 ถึงข้อ 18 คำว่า "วัน" หมายถึง เวลาทำงานปกติของลูกจ้าง
ซึ่งไม่เกินชั่วโมงทำงานดังต่อไปนี้ แม้นายจ้างจะให้ลูกจ้างทำงานน้อยกว่าเวลาทำงานปกติเพียงใดก็ตาม (1) เจ็ดชั่วโมง สำหรับงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้าง ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานพ.ศ. 2541 ส่วน (2) แปดชั่วโมง สำหรับงานอื่นซึ่งไม่ใช่งานตาม (1) ข้อ 20 ห้ามมิให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเป็นเงินแก่ลูกจ้างน้อยกว่าค่าจ้างชั้นต่ำ

ทั้งนี้ ประกาศคณะกรรมการค่าจ้างฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค 2568 เป็นต้นไป


/

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 1 ก.ค.68

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 1 ก.ค.68

-เริ่ม 1 กรกฎาคมนี้ กระทรวงแรงงาน ปรับใหม่ค่าแรงขั้นต่ำ โดยปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ใน 3 กลุ่ม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ทุกประเภทกิจการ, ประเภทกิจการโรงแรมตามกฎหมาย (ยกเว้นโรงแรมประเภท 1) ทั่วประเทศ และกิจการสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการทั่วประเทศ สอดรับเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน

-กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 9 ต่อ 0 รับคำร้องส.ว.ปมคลิปฮุนเซน และมีมติ 7 ต่อ 2 สั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น คำสั่งดังกล่าวจะไม่ได้มีผลใดๆต่อฝ่ายบริหาร เนื่องจากในช่วงนี้จะเป็นทางนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีนั่งรักษาการแทนไปก่อน และนำครม.ชุดใหม่ถวายสัตย์ฯในวันที่ 3 ก.ค.นี้ได้ ในระหว่างที่ศาลใช้เวลาพิจารณาคำร้องนี้ ซึ่งอาจกินเวลาเป็นเดือน ปัจจัยนี้ไม่ได้มีผลใดๆต่องานของสภาฯเช่นกัน ซึ่งกำลังจะมีการเปิดประชุมสมัยสามัญในวันที่ 3 ก.ค.นี้

-โดนใจคนซื้อบ้าน ธอส.เผยผลประมูลขายบ้านมือสอง ธอส.ประจำปี 2568 ครั้งที่ 2 เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก ทำให้สามารถจำหน่ายบ้านมือสองได้สูงถึง 1,045 รายการ มูลค่ารวม 1,054 ล้านบาท โดยเป็นทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 186 รายการ รวมมูลค่า 224  ล้านบาท และทรัพย์ในส่วนภูมิภาค จำนวน 859 รายการ รวมมูลค่า 830 ล้านบาท 

ครม.รับทราบขึ้นค่าจ้าง 400 บาทในกทม.-กิจการโรงแรม สถานบริการทั่วปท. มีผล 1 ก.ค.68

ครม.รับทราบขึ้นค่าจ้าง 400 บาทในกทม.-กิจการโรงแรม สถานบริการทั่วปท. มีผล 1 ก.ค.นี้

วันที่ 1 ก.ค.68 น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่องปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาท เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.68 เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.68 เป็นต้นไป

โดยคณะกรรมการค่าจ้างฯ ได้มีมติเห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 3 กลุ่ม ดังนี้

1.ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ในท้องที่กรุงเทพมหานครทุกพื้นที่ เพิ่มเป็นอัตราวันละ 400 บาท (จากเดิม 372 บาท หรือเพิ่มขึ้น 28 บาท)

2.เพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในประเทศ กิจการโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วย โรงแรม เฉพาะโรงแรมประเภทที่ 2, 3 และ 4 ซึ่งจะปรับเป็นอัตราละ 400 บาท

3.กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในประเทศ สำหรับกิจการสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการทั่วประเทศ เป็นอัตราวันละ 400 บาท ซึ่งกิจการสถานบริการตามพ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2546 อาทิ สถานที่ที่มีอาหาร สุรา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่าย ให้บริการ โดยมีรูปแบบอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น มีการจัดให้มีการแสดงดนตรี หรือการแสดงเพื่อการบันเทิง ซึ่งปิดทำการหลังเวลา 24.00 น.

ทั้งนี้ ให้มีการประกาศบังคับใช้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำดังกล่าวตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในท้องที่อำเภอ และจังหวัดอื่น ๆ ยังคงเป็นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเดิม ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 13) ลงวันที่ 23 ธ.ค.67

#ครม #ข่าววันนี้ #ค่าจ้างขั้นต่ำ #ค่าจ้าง400บาท #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

ได้เฮ! บอร์ดค่าจ้างไฟเขียวค่าจ้างขั้นต่ำ กทม.เป็น 400 บาท มีผล 1 ก.ค.68

ได้เฮ! บอร์ดค่าจ้าง ไฟเขียวค่าจ้างขั้นต่ำ กทม.เป็น 400 บาท มีผล 1 ก.ค.68

วันที่ 17 มิถุนายน 2568 นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง ชุด 22 ได้มีการประชุมทบทวนอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2568 โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2568 เป็น 400 บาทในพื้นที่ กทม. ส่วนจังหวัดอื่นขึ้นค่าแรง 400 บาทในบางกลุ่มอาชีพ คือ กิจการโรงแรมทั่วประเทศ ตั้งแต่ระดับ 2 ดาวขึ้นไป หรือโรงแรม 50 ห้องขึ้นไป หรือมีห้องอาหาร กิจการสถานบริการทั่วประเทศ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2568

 

“พิพัฒน์” เพิ่มเงินสงเคราะห์ลูกจ้าง กรณีไม่ได้รับสิทธิอื่นจาก 60 เท่าเป็น 70 เท่าค่าจ้างขั้นต่ำ มีผลแล้ว

“พิพัฒน์” เพิ่มเงินสงเคราะห์ลูกจ้าง กรณีไม่ได้รับสิทธิอื่นจาก 60 เท่าเป็น 70 เท่าค่าจ้างขั้นต่ำ มีผลแล้ว

วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการประกาศระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์ อัตราเงินที่จะจ่ายและระยะเวลาการจ่าย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป โดยมีสาระสำคัญคือ การเพิ่มอัตราการจ่ายเงินสงเคราะห์ในกรณีนายจ้างไม่จ่ายเงินอื่นนอกจากค่าชดเชย จากเดิม 60 เท่าของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน เป็น 70 เท่า โดยมาตรการนี้จัดทำผ่านกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เพื่อช่วยเหลือลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบกรณีนายจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน ให้สามารถได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง เช่น ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด หรือค่าล่วงเวลาในวันหยุด การปรับปรุงระเบียบครั้งนี้สะท้อนเจตนารมณ์ของกระทรวงแรงงานในการดูแลลูกจ้างให้มีหลักประกันที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน และสร้างความมั่นใจว่า เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ลูกจ้างจะไม่ถูกปล่อยให้เผชิญปัญหาเพียงลำพัง 

เรือเอกสาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ระบุว่า ลูกจ้างที่ต้องการขอรับเงินสงเคราะห์ตามระเบียบใหม่นี้ ต้องเป็นผู้ที่ยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน และมีคำสั่งเป็นที่สุดตั้งแต่วันที่ระเบียบมีผลบังคับใช้ โดยให้พนักงานตรวจแรงงานทุกพื้นที่ชี้แจงสิทธินี้กับลูกจ้างอย่างทั่วถึง เพื่อให้เข้าถึงการคุ้มครองตามกฎหมายได้อย่างแท้จริง

#เงินสงเคราะห์ลูกจ้าง #ข่าววันนี้ #แรงงาน #ค่าจ้างขั้นต่ำ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ลูกจ้าง #นายจ้าง


 

“พิพัฒน์” เพิ่มเงินสงเคราะห์ลูกจ้าง กรณีไม่ได้รับสิทธิอื่นเป็น 70 เท่าค่าจ้างขั้นต่ำ มีผล 27 พ.ค.68

“พิพัฒน์” เพิ่มเงินสงเคราะห์ลูกจ้าง กรณีไม่ได้รับสิทธิอื่น เป็น 70 เท่าค่าจ้างขั้นต่ำ มีผล 27 พ.ค.68

วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการประกาศระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์ อัตราเงินที่จะจ่ายและระยะเวลาการจ่าย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป โดยมีสาระสำคัญคือ การเพิ่มอัตราการจ่ายเงินสงเคราะห์ในกรณีนายจ้างไม่จ่ายเงินอื่นนอกจากค่าชดเชย จากเดิม 60 เท่าของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน เป็น 70 เท่า โดยมาตรการนี้จัดทำผ่านกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เพื่อช่วยเหลือลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบกรณีนายจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน ให้สามารถได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง เช่น ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด หรือค่าล่วงเวลาในวันหยุด การปรับปรุงระเบียบครั้งนี้สะท้อนเจตนารมณ์ของกระทรวงแรงงานในการดูแลลูกจ้างให้มีหลักประกันที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน และสร้างความมั่นใจว่า เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ลูกจ้างจะไม่ถูกปล่อยให้เผชิญปัญหาเพียงลำพัง

เรือเอกสาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ระบุว่า ลูกจ้างที่ต้องการขอรับเงินสงเคราะห์ตามระเบียบใหม่นี้ ต้องเป็นผู้ที่ยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน และมีคำสั่งเป็นที่สุดตั้งแต่วันที่ระเบียบมีผลบังคับใช้ โดยให้พนักงานตรวจแรงงานทุกพื้นที่ชี้แจงสิทธินี้กับลูกจ้างอย่างทั่วถึง เพื่อให้เข้าถึงการคุ้มครองตามกฎหมายได้อย่างแท้จริง

#เงินสงเคราะห์ลูกจ้าง #ข่าววันนี้ #แรงงาน #ค่าจ้างขั้นต่ำ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

“ธนินท์” เชื่อ ศก.ไทยยังโต ชี้รัฐหนุนท่องเที่ยวมาถูกทาง แต่ต้องมีเป้าชัดเจน แย้มค่าแรง 600 บาทรับได้   

“ธนินท์” เชื่อ ศก.ไทยยังโต ชี้รัฐหนุนท่องเที่ยวมาถูกทาง แต่ต้องมีเป้าชัดเจน แย้มค่าแรง 600 บาทรับได้   

เมื่อวันที่ 3 ก.พ.68 นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคกล่าวในงาน “Future Thailand: Next Groieth” ว่า รัฐบาลควรเร่งทำการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว และบริหารภาคการเกษตร-เทคโนโลยีในการผลิต และการศึกษา โดยการท่องเที่ยวถือว่าเป็นภาคธุรกิจที่ได้เงินเร็วที่สุด แต่ที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่ได้ตั้งเป้าหมาย หรือเจาะจงคนที่มาเที่ยวเมืองไทยอย่างไรซึ่งฝากรัฐบาลต้องมาตั้งงบประมาณ ทำเป้าหมายให้ชัดเจน

ส่วนภาคธุรกิจควรส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี เช่น การใช้โดรน การใช้หุ่นยนต์ ใช้ AI และ ซอฟแวร์ เข้ามาช่วยบริหารจัดการเพื่อช่วยการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิพลให้มากขึ้น ขณะเดียวกันในประเทศควรมีการเพิ่มทักษะคน เช่น การปรับรูปแบบให้จบปริญญาตรีเร็วขึ้น และทักษะการใช้เทคโนโลยี เพื่อเป็นช่องทางการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะสูง หลังอัตราการเกิดของคนน้อยลง เพราะเชื่อว่าจะเห็นค่าแรงสูงถึง 600 บาท/วันได้ ซึ่งทางบริษัทพร้อมจ่าย อีกทั้งเรื่องพลังงานไฟฟ้ามีความจำเป็นที่ต้องพัฒนา โดยเฉพาะพลังงานสะอาด อย่างพลังงานนิวเคลียร์ที่ต้องเร่งทำการศึกษา และนำมาใช้อย่างจริงจัง พราะมองว่าแสงอาทิตย์และลมไม่เพียงพอ

ขณะที่ภาคการเกษตร ที่ผ่านมาแม้โลกกำลังปั่นป่วน แต่ประเทศไทยประสบปัญหาเพียงน้ำท่วม และภัยแล้ง ซึ่งรัฐบาลต้องจริงจังกับเรื่องปรับปรุงระบบชลประทานแบบบูรณาการ ทั้งต้นน้ำ ปลายน้ำ เพื่อสนับสนุนภาคการเกษตรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การแก่ปัญหาภัยแล้ง การแก้ปัญหาน้ำท่วม ตลอดจนการปรับรูปแบบการลงทุนในส่วนของเส้นทางคมนาคมให้เข้าถึงพื้นที่การเกษตรมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนผลักดันให้ผลผลิตพืชผลไม้สามารถเติบโต

“ทุกวันนี้ทุกๆอย่างใช้เทคโนโลยี ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เช่น พันธุ์พืชที่ก็ต้องใช้เทคโนโลยี เรื่องปุ๋ย ซึ่งเป็นอาหาร รถแทร็กเตอร์ที่ต้องเอาเทคโนโลยีมาใส่ รวมถึงโดรนที่ช่วยในการดูแลพื้นที่จนถึงเรื่องโลจิสติกส์ ค้าปลีกต่างๆ ซึ่งล้วนใช้ AI เข้ามาช่วย”

#ธนินท์เจียรวนนท์ #เครือเจริญโภค #ข่าววันนี้ #ค่าจ้างขั้นต่ำ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์