“ตุ๊ยตุ่ย” น้ำตาแตก! เปิดใจไม่ได้ติดต่อ “ไก่ สมพล” นาน 5 ปี

ออกมาเปิดใจสำหรับ “ไก่ สมพล” ที่วันนี้ขอควงน้องสาวคนสนิท “ตุ๊ยตุ่ย พุทธชาด” มาเผยจุดเริ่มต้นความสนิทกว่า 20 ปี ความฮาวีรกรรมความสนุกที่ไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อน รวมไปถึงเปิดเผยโมเมนต์ที่ทั้งคู่กลับมาเจอกันหลังจากไม่ได้ติดต่อกันนานกว่า 5 ปี ในรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มี หนิง ปณิตา และ  ชมพู่ ธัณย์สิตา เป็นผู้ดำเนินรายการ

รู้จักกันมากี่ปีแล้ว?

ตุ๊ยตุ่ย : 20 กว่าปีแล้ว อาไก่เข้าวงการมาก่อน

ไก่ สมพล : เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันแต่เค้าเป็นรุ่นพี่เรา 

เข้านิเทศจุฬาเพราะอยากเจออาไก่จริง? 

ตุ๊ยตุ่ย : เข้าไปศึกษาหาความรู้ จริงๆคือเราอยากเรียนด้วย แต่ แพทชั่นจริงๆก็อยากไปหาอาไก่ด้วย เราซิ่วมาจากคณะแพทย์เพื่อมาเข้านิเทศศาสตร์จุฬา 

ไก่ สมพล : เค้าติดแพทย์ แล้วสละสิทธิ์

ตุ๊ยตุ่ย : เพราะว่าเราคิดว่าเราเสียสละไม่มากพอที่จะเป็นคุณหมอได้ คิดได้ และในใจลึกๆ เราไม่จบอ่ะถ้าเรา ไม่ได้เข้านิเทศศาสตร์จุฬา เพราะในใจลึกๆ เราเห็นแบบเพื่อนมาเรียนที่นี่ด้วย ตอนนั้นเราเห็นอาไก่ด้วย คลื่นวิทยุดีเจที่ฉันหลงรัก พี่คนนี้ ตอนนั้นอยู่ปัตตานี เราเห็นเราก็มาเจอเขา อยากเรียนนิเทศตามเขา เราคงอาจจะไม่ได้เป็นดีเจเหมือนเค้า แต่เราแค่อยากเจอเขาสักครั้งนึง เหมือนอยากมีสิทธิพิเศษเป็นรุ่นน้องอยากไปแบบ มี Topic คุยกัน พี่หนูเป็นน้องนิเทศน์นะคะ

ไก่ สมพล : พอเรารู้ว่าเค้าจะมาเรียนเราก็รีบจบเลย (หัวเราะ) จบตามเกณฑ์ 

แต่มีความฝันไกลกว่านั้นคืออยากเป็นพี่ตุ๊ก ญาณีอยากสิงร่าง เพื่อที่จะจะได้ทำงานด้วย?

ตุ๊ยตุ่ย : คืออย่างงี้ตอนเราเข้าวงการเราดูเค้าเป็นพิธีกร เราก็คิดว่าเราจะมีโอกาสสักครั้งไหมที่ได้ยินข้างๆ ดีเจคนนี้พี่ไก่ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกแต่ก็อยากจะเป็น 

ไก่ สมพล : แต่ที่สำคัญน่ะคือเราเจอ อาตุ่ย เขาในรายการนึง จริงๆเราชอบเขามาก่อนเราดูเขา แบบว่าไปออกรายการทีวีแล้วก็เลียนแบบเสียงน้องป๊อบเหมือนมาก รู้จักเขาเพราะเขาทำรายการแล้วเค้าชอบเลียนแบบเสียงคนหลายคน 

ตอนนั้นอยากเป็นดีเจเหมือนอาไก่มั้ย?

ตุ๊ยตุ่ย : เป็นดีเจมันยากมากเลยนะสมัยก่อน มันต้องพูดคนเดียว และดูแลความรู้สึกทุกคนคนที่ฟังอยู่ เค้าจะมีความสร้างสรรค์สูงมากๆ เค้าเสียงเพราะตอบคำถามปรับทุกข์ให้กับคุณผู้ฟัง

ไก่ สมพล : ตอนที่เราเจอเขาเราชวนเค้าไปเป็นดีเจนะ เราก็มีชวนคนอื่น คือเราเห็นถึงความสามารถของเขา เขาก็ทำเทป 

ตุ๊ยตุ่ย : คือตอนนั้นเราเข้าวงการแล้ว แล้วเราเจออาไก่เราก็ปากกัดตีนถีบสร้างเนื้อสร้างตัว ก็เลยไม่ได้ไปทำตรงนั้น ความใฝ่ฝันก็คือความใฝ่ฝัน ตอนนั้นมีละครมีอะไรแล้ว 

สุดท้ายได้ร่วมงานกันจากงานอะไร ?

ตุ๊ยตุ่ย : รายการทีวี รายการคอซองเกม ซึ่งรายการนี้เป็นรายการแรกๆ ของช่องเลย เค้าก็ชวนเรามาเป็นพิธีกรก็เลยได้มีโอกาสเข้ามาทำพิธีกรร่วมงานกัน

ไก่ สมพล : พอเราเสนอปุ๊บเค้าก็ได้ทำงานเลย

รู้สึกยังไงกับการมาไกลของทุกวันนี้?

ไก่ สมพล : ของอาคืออาเป็นแค่ดีเจอาก็มีความสุขแล้ว เราจบมาอยากเป็นดีเจมาก การที่เรามาทำตรงนี้เราก็มีความสุขแล้ว ตอนนั้นก็ไปทำงานด้วยกันหลายปีอยู่ ก็มาจัดรายการสดด้วยกันเกือบทุกวัน 

รายการไก่คุ้ยตุ่ยเขี่ย คนดู ก็คือเอานะลูกคุณเฉลิม ติดมากถึงขนาดไม่โฆษณาไม่เดินไปไหน?

ตุ๊ยตุ่ย : จริงๆรายการเรา มีช่วงทุกวัย 

ไก่ สมพล : สมัยนั้นเราก็จะนั่งคุยกันจะมีหัวข้อมาให้ทุกวัน เช่น ถ้าคุณเป็นเซเลปคุณอยากจะแก้ไขปัญหาอะไรในประเทศชาติ คนก็จะส่งเข้ามา ก็จะสวมบทบาทว่าตัวเองเป็นคนนั้นแล้วคนนี้แล้ว คนคิดคือเก่งมากตอนนั้น คนฟังจะครีเอทมาก

นอกจากเรื่องงานแล้วยังมีเรื่องที่ทำให้ทั้งคู่สนิทกันมันคือเรื่องอะไร?

ไก่ สมพล : เรื่องที่เราสนิทกันส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องตัวเลข เค้าเป็นคนชอบตัวเลขมาก ยุคหนึ่งไปหาท่านแม่นาค ไปหาท่านตอนตีหนึ่งกับแป้งหนึ่งกระปุก 

ตุ๊ยตุ่ย : คือจริงๆกลางคืนพี่กลัวนะ ดูหนังก็กลัว อยากจะขอเลขแต่กลัวก็กลัว วันนั้นโมโหมากไม่ได้เลย ไปโรยตรงเรือต้นตะเคียน โรยแป้งแล้วก็เป่า เค้าดูเห็นแล้วเค้าก็ไปเลย ซึ่งเราก็ไม่เห็น

ช่วงน้ำท่วมไปอยู่บ้านอาไก่เป็นเดือนๆ?

ไก่ สมพล : ตอนนั้นช่วงน้ำท่วม เราก็จะเปิดบ้านให้คนอื่นเข้ามาอยู่เหมือนศูนย์พักพิง อาตุ่ย ก็เป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่มาอยู่ 

เห็นว่าสนิทกันมากจนไปลงเรือด้วยกัน?

ตุ๊ยตุ่ย : เรือธรรมดาไม่ใช่เรือดำน้ำ ลงเรือเพื่อไปดำน้ำ 

ไก่ สมพล : คือทริปนั้นอาตุ๋ยไปด้วยเราลงเรือเพื่อไปดูปะการังกัน ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงมี5-6จุดที่จะไป แล้วจุดแรกคลื่นแรงเริ่มจะมีมรสุม สองเริ่มแรงขึ้น ในใจอยากกลับบ้านกูไม่ไหวแล้ว แต่ด้วยความที่พาน้องมาเราก็คิด แต่แบบต่างคนต่างคิดเพราะว่าลมมรสุมแรงมาก หลังจากนั้นเริ่มมีอาการพะอืดพะอม แล้วก็มีคนเสียสละคนหนึ่งพูดว่าเราขึ้นฝั่งกันไหม เราก็เลยบอกขึ้นฝั่งเลยขึ้นฝั่งเลย ก็เลยไปไม่ถึงจุดที่สาม หลังจากนั้นก็ไม่เคยไปดำน้ำดูปะการังด้วยกันอีกเลย แต่จริงๆวันนั้นแค่มรสุมเข้า แต่ที่เกาะเต่าคือสวยมาก

5 ปีขาดการติดต่อ?

ไก่ สมพล : คือเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าห้าปีคือตอนนั้นหลังจากที่เราไม่ได้ทำงานไก่คุ้ยตุ่ยเขี่ย เราก็ต่างไปใช้ชีวิตของตัวเอง จนในที่สุดเพิ่งรู้ว่าห้าปีแล้วกลับมาเจอกันในรายการ รายการหนึ่ง ตอนนั้น LINE ยังบูมขนาดนี้ แล้วเค้าก็เปลี่ยนเบอร์บ่อยมาก มีช่วงนึงที่เราติดต่อกันยากก็เลยไม่ได้ติดต่อกัน

ตุ๊ยตุ่ย : คือช่วงที่มันห่างเราก็คิดเองว่า เค้าก็ไม่ได้โทรมาหาเราต่างๆ เราก็คิดไปต่างๆนานาเพราะเราก็แคร์ เราก็เลยคิดว่าหรืออาไก่ไม่รักฉันหรือเปล่าวะ พอมีงานพอมีงานอะไรก็ไม่ค่อยอยากรับ ถ้าไปเจอที่งานแล้วเค้าไม่เหมือนเดิมแล้วจะทำยังไง เราจะรับได้หรือเปล่า แต่ในใจอาก็คืออยากเจอเขามากถ้าเค้าเป็นเค้าเหมือนเดิมเราก็จะได้พี่ของเรากลับคืนมา ก็เลยเสี่ยงรับดู 

ไก่ สมพล : คือตอนนั้นเราเป็นพิธีกรแล้วก็จะคอมเมนต์เตเตอร์ หนึ่งในนั้นก็คืออาตุ่ย เราก็ดีใจที่ได้เจอเหมือนว่าเค้ากลับมาแล้ว ชีคัมแบคแล้ว 

ตุ๊ยตุ่ย : (น้ำตาคอล) คือเราก็ลุ้นอยู่ว่าพี่เรายังรักเราเหมือนเดิมไหม หรือเค้าจะมีท่าทีแบบไหนแล้วเราจะรับได้หรือเปล่า แต่ก็กลัวเหมือนกัน แต่พอเจอที่รายการเราก็ยกมือสวัสดีไก่ก็ยกมืออาแขนรับกอดกัน

ไก่ สมพล : พออาตุ่ยเค้ามาเล่า ที่เขามีปฏิกิริยาแบบแปลกๆ วันแรก เหมือนไม่เป็นตัวเองเกร็งๆ เค้าพึ่งมาเผยว่าเค้าคิดแบบนี้นี่เอง แต่เราไม่ได้คิดอะไรเลย

วันนั้นที่กอดกันมีน้ำตาไหม ?

ไก่ สมพล : เค้าร้องไห้ใหญ่เลย 

ตุ๊ยตุ่ย : วันนั้น 26 ธันวาคมเราบอกซานตาคลอสวันนี้ไม่เอาเลยนะคะขอแค่ไก่คืนมา แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มการนินทา 

ไก่ สมพล : ก็ต่อติดเลยเพราะว่ามันไม่มีอะไร นางมโนแจ่มไปเอง คือเค้าเป็นน้องที่เรารักมากเลยไปไหนคนก็จะถามถึงเขาตลอด ช่วงที่เค้าออกไปศึกษาชีวิต เราก็ได้บอกว่าให้ปล่อยเขาไปก่อนให้ไปศึกษาชีวิต เพราะแต่ละคนก็ต้องมีเวของตัวเอง แล้ววันไหนที่เค้ากลับมาเราก็จะได้รู้ว่าน้องเรากลับมาแล้ว อยู่ห่างๆแบบห่วงๆ

ตุ๊ยตุ่ย : คือเราอ่ะแคร์ความรู้สึกคนอื่น เราแคร์ไก่มาก อาไก่คือเพื่อนที่สบายใจที่สุด 

คุยกันทุกเรื่องแต่มีเรื่องที่ปิดบังกันคือเรื่องแฟนที่จะไม่คุยกัน ?

ไก่ สมพล : คือเค้าไม่เคยปรึกษาเรื่องแฟน เราก็เลยไม่รู้ว่าเขามีปัญหาหรือมีปัญหา มันเป็นเรื่องส่วนตัวมากเราก็เลยจะไม่เข้าไปก้าวก่ายเขา ให้เขาตัดสินใจเอง ตอนที่เขามีคู่ตอนนั้นเราก็เป็นห่วง 

ตุ๊ยตุ่ย : ตอนนี้โสดร้อยเปอร์เซ็นต์เพื่อนก็จะสบายใจ  คือเรามันเลือกผิดตลอด พอมีแฟนก็จะหายไปจากเพื่อน 

ไก่ สมพล : คือเค้าไม่ได้ติดแฟนนะ แต่แฟนติดเค้า ก็เลยมาอยู่กับเพื่อนลำบาก 

คนที่จะเข้ามามาหาต้องเป็นคนยังไง มีสเปกไหม ?

ตุ๊ยตุ่ย : คือเราไม่ได้คิดไว้ก่อน คือเวลาเรางงงงเบื่อเผลอ แล้วเราก็มีแฟนมันเลยทำให้ไม่ยั่งยืนเพราะเราไม่มีสเปค และมีปัญหาอื่นตามมา

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow วันและเวลาใหม่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.30-12.30 น. เริ่มเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม 2568 ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ : https://youtu.be/7I7onwBCkx4?si=TKfXLWz6xWdpG8S5

'ทอย ปฐมพงศ์' เปิดใจชีวิตเปลี่ยนไปหลังบวช แย้มซุ่มคบสาวนอกวงการ

“ทอย ปฐมพงศ์” พระเอกสุดหล่อหน้าใสจากช่องวัน 31 วันนี้ขอเปิดใจหลังสึกจากบวชเป็นพระ ที่เจ้าตัวบอกว่าการบวชครั้งนี้เหมือนเปลี่ยนชีวิต พร้อมเล่าเส้นทางในวงการกว่า 10 ปี ที่เกือบไม่ได้เป็นนักแสดงแล้วเพราะกลัวโดนหลอก  และเปิดสถานะหัวใจเป็นที่แรก ยอมรับว่าตอนนี้หัวใจไม่ว่างแล้ว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี ดีเจพุฒ พุฒิชัย , เบนซ์พรชิตา และอาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

สึกมาสดๆ ร้อนๆ เดือนเดียวที่เพิ่งสึกออกมา หนึ่งเดือนเป็นยังไงบ้าง?

ทอย : “ก็ดีครับ ก่อนคิดจะบวช เราก็ไม่รู้ว่าเราต้องการอะไร เราไม่เคยบวชมาก่อน เหมือนเป็นจุดเช็กพอยท์ในชีวิตเฉยๆ ว่าเราก็อยากบวช เพราะเราเรียนจบแล้ว เราแค่อยากบวชทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ก็ไปด้วยความรู้สึกแค่นี้เอง แต่ไปถึงก็อยากหาความสงบ” 

จากตอนแรกตั้งใจไว้ 15 วัน ทำไมเลยมาเป็น 20 วัน?

ทอย : “เราเพิ่งเจอความสงบเมื่อผ่านไป 10 กว่าวัน ก็เลยรู้สึกว่าเราอยากอยู่ต่ออีกหน่อย”

ความสงบคืออะไร?

ทอย : “พอเป็นคนธรรมดาปกติ ไม่มีงานเราก็เล่นมือถือ หรือมีงานก็มีคนโทรตามอยู่แล้ว พออยู่ในวัดไม่มีใครตามเราได้ เพราะเราออกจากวัดไปไหนไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ ในหัวคิดแค่ว่าวันนี้ต้องเรียนอะไร เวลาคุยกับพระในวัดเขาก็จะคุยเรื่องธรรมะปนชีวิตไปด้วย”

โซเชียลเบรกไปเลยมั้ย?

ทอย : “สิบวันแรกผมแตะมือถือน้อยมาก พยายามจะห่าง เพราะจุดประสงค์ที่ไปบวชเราอยากห่างจากโซเชียลด้วย เราเป็นคนติดมือถือมาก”

จริงๆ อยากบวชเป็นเดือน แต่ติดภารกิจ วงการเรียกตัวกลับมา?

ทอย : “จริงๆ เหมือนวัดในคณะผม เขาจะมีการขิงว่าคนนี้บวชเท่าไหร่ บวชนานก็เป็นเรื่องที่ดี ขิงกันไปขิงกันมา เราก็เลยคิดว่าเฮ้ย เราอยากบวชเดือนนึง บวชสักเดือนก็คงดีมั้ง แต่ว่างานเราด้วย ผมก็ไม่เคยบวช เพิ่งรู้ว่ามีวันโกน พระต้องโกนผมเรื่อยๆ กลายเป็นว่าผมก็ยิ่งห่างจากงานไปเรื่อยๆ ก็เลยคิดว่าสักประมาณี้กำลังดี ผมเจอวันโกนไปแล้วรอบนึง”

ห่างโซเชียลแล้วเป็นยังไง?

ทอย : “ดีนะ ผมไม่ต้องมานั่งคาดหวัง ไม่ต้องมานั่งคิดอะไร ได้อยู่กับตัวเอง นอกจากเราสงบกายแล้ว เราก็สงบใจ ไม่ต้องมานั่งลงรูป ปล่อยใจตัวเองให้อยู่นิ่งๆ ตอนที่ไม่ได้บวช เวลาว่างเราก็อยากมีอะไรทำ พอบวชมันกลายเป็นว่าพอว่างก็ไม่ได้อยากทำอะไร เราอยู่กับตัวเองได้ สามารถยืนมองต้นไม้ มองนกไปเรื่อยๆ สงบขึ้น”

ฉายาทางธรรมปฐมวํโส แปลว่าอะไร?

ทอย : “จริงๆ ตรงกับชื่อผม ผมชื่อปฐมพงศ์ ประมาณคนแรกของวงศ์ตระกูล อันดับหนึ่ง ชื่อตรงกับฉายา เพราะชื่อจริงๆ ผมก็เป็นพระตั้ง มันก็เลยไปทางนี้”

อยากบวชวัดป่า ทำไมมาเป็นวัดบวรฯ?

ทอย : “อย่างที่บอกผมโฟกัสความสงบอย่างเดียว ก็เลยตั้งต้นว่าอยากจะบวชวัดป่า แต่พอไปปรึกษาพี่นุ้ย สุจิรา เขาบอกว่าไม่เผื่อคนอื่นมาหาเลยเหรอเวลาบวช บวชกรุงเทพฯ ก่อนมั้ย(หัวเราะ) ไหนๆ บวชทั้งที บวชวัดหลวงไปเลย พอไปบวชเราต้องมีเรียนก่อนอย่างน้อย 15 วัน  เราเลยไปไหนไม่ได้ พอบวช 15 วันไปแล้ว ก็ฟังประสบการณ์จากพี่ๆ ที่บวชไปก่อนหน้าเรา เป็นวัดป่า ก็เป็นประสบการณ์ที่ลี้ลับมาก เลยตัดสินใจไม่ไปไหนดีกว่า (หัวเราะ) เราได้ยินมาตลอดเวลาบวช อาจารย์จะถามว่าเจอผีมั้ย พระใหม่บุญเยอะ คืนแรกบวชไปผมนอนไม่ได้เลย ไม่ได้เจอนะ กังวลกลัวเจอ ปกติเรานอนที่บ้านจะเป็นสถานที่เดิมๆ ยิ่งม่านก็จะปิดทึบแทบมองไม่เห็นอะไรเลย แต่กุฏิเขาจะมีช่องแอร์ ช่องไฟ เวลาพลิกตัวขึ้นมา เอ๊ะ มีหรือเปล่าวะ เราก็กังวล (หัวเราะ) ขนาดอยู่ในเมืองยังขนาดนี้ ผมอยู่ด้วยความกังวลไปแล้ว เหมือนผ่านเวลาไป มีพระไปวัดป่า เป็นรอบๆ วนไปวนมา เราก็ยังอยากไปอยู่นะ เขาก็บอกว่าไปเลย ดีมาก วันแรกก็ผีมาเลย ผมก็เลยไม่ไปแล้ว เปลี่ยนใจ จากนั้นเลยไม่ไปแล้ว”

กลัวผีเหรอ?

ทอย : “กลัวผีมาก แต่ชอบดูหนังผีนะ ชีวิตจริงหลังๆ เจอผี เห็นเป็นคนยืนอยู่ เหมือนในหนัง กระพริบตาหันไปอีกทีก็ไม่มีแล้ว ผมเจอก่อนบวชเมื่อไม่นาน ผมเพิ่งมาเห็นปีท้ายๆ นี่เอง”

ช่วงแรกปรับตัวยาก ยังไง?

ทอย : “พอเป็นพระ ก็ปฏิบัติไม่เหมือนเรา หลักๆ ไม่กินข้าวเย็น เป็นเรื่องความหิวตอนเย็น และหลักๆ คือเรื่องความสำรวม เราเป็นพระใหม่ บางทีเข้าไปเราก็ยังคุยเล่นกับพระพี่เลี้ยง ซึ่งเสียงดัง มันต้องสำรวม พอบิณฑบาต เจอคนรู้จัก เราหันไปยักคิ้วอะไรแบบนี้ซึ่งมันไม่ได้ มันไม่งาม ไม่สำรวม เราต้องเคร่งมองบาตร เอาผ้าปิด มองแค่ระยะพื้น”

หลุดทำมั้ย?

ทอย : “โชคดีที่เราเป็นนักแสดง (หัวเราะ) แต่ในใจก็อยากทักว่ามาเช้านะ ปกติไม่เห็นตื่นเช้า อยากแซว แต่มันทำไม่ได้”  

กิจวัตรพระใหม่ที่บวชแต่ละวันทำอะไรบ้าง?

ทอย : “ทำวัตรเช้าและทำวัตรค่ำ ที่วัดผมไม่มีทำวัตรเย็น ทำวัตรค่ำเลยแล้วนั่งสมาธิ ตอนกลางวันถ้าพระใหม่ก็จะมีเรียนธรรมะ แต่เป็นธรรมะเหมือนประยุกต์ คนบวช 15 วันเขารู้อยู่แล้ว ต้องกลับไปใช้ชีวิตปกติ บางวิชาก็ประยุกต์เพื่อออกไปแล้ว ใช้ชีวิตยังไงต่อ เหมือนเอาธรรมะสอดแทรกกับชีวิตปัจจุบันมากกว่า เหมือนคนทั่วไปไปฟังธรรมะเขาไม่ได้สอนแบบลงลึกขนาดบาลี แค่ฟังเทศน์”

เราได้อะไรจากการเป็นพระ?

ทอย : “หลักๆ ผมได้ความสงบ ใจเย็น พอใจเย็นทำให้เรามีสมาธิมากขึ้น อย่างน้อยที่สึกมา 1 เดือน รู้สึกตัวเองใจเย็นขึ้น นิ่งขึ้น เจออะไรเราก็ใจเย็น เมื่อก่อนเราก็ไม่ได้ใจร้อนขนาดนั้นเรามีสติมากขึ้น ผมว่าหลักๆ ต่อให้ถามพระ พระท่านก็บอกว่าสติสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเจอปัญหาหรือเจอเรื่องอะไร มันก็จะง่ายขึ้น”

บวชหาความสงบ และบวชทดแทนคุณ คุณพ่อคุณแม่ด้วย วันแรกคุณพ่อคุณแม่มาตักบาตรรู้สึกยังไงบ้าง?

ทอย : “เป็นเรื่องน่าแปลกมาก ตั้งแต่ผมบวชวันแรก ผ่านไปเป็นอาทิตย์ เวลาเจอคนมาใส่บาตร ไม่ได้รวมแค่พ่อแม่ รวมคนอื่นๆ ด้วย ผมจะรู้สึกตื้นตันแบบบอกไม่ถูก หนึ่งเป็นคนรอบตัวที่เรารู้จักอยู่แล้ว อย่างบางคนที่อยากจะแซวเพราะเขาไม่เคยตื่นเช้าเลยนะ อย่างพ่อแม่ผม ไม่ได้ตื่นเช้าขนาดใส่บาตร พ่อตื่นเช้าแต่ไม่ได้ตื่นมาใส่บาตร แม่ก็ตื่นสายๆ หน่อย แต่นี่เขามาเกือบทุกวัน บ้านผมกับวัดก็ไม่ได้ใกล้กันด้วย เราเลยรู้สึกว่าเราตื้นตัน” 

ตอนเปลี่ยนชุดบวชพระครั้งแรกแล้วพ่อแม่มากราบรู้สึกยังไง?

ทอย : “ทำตัวไม่ถูก มันตื้นตัน เหมือนเราอยากจะร้องไห้ออกมา แม่ก็น้ำตาคลอ พอบอกว่าทดแทนบุญคุณพ่อแม่ เราก็ไม่รู้ว่ามันต้องจับต้องยังไง จนเห็นจริงๆ วันที่เรานุ่งผ้าเหลืองแล้ว เรารู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราทำสิ่งนี้”

อนาคตอยากบวชอีกมั้ย?

ทอย : “จริงๆ พระที่วัดก็ชวนไปบวชอีกรอบ บวชให้เข้าพรรษาเลย 3 เดือน แต่ตอนนี้เรามีหน้าที่การงาน ผมเองก็เป็นหัวหน้าครอบครัวด้วย เราต้องทำพาร์ตนี้ให้ดีก่อน เราไม่รู้ว่าอนาคตจะอยากบวชอีกหรือเปล่า แต่ตอนนี้ที่เราได้คือเราอยากทำบุญมากขึ้น เราสบายใจในการไปวัดมากขึ้น”

งานในวงการ เคยทำงานกับดีเจพุฒ?

ทอย : “นานมาก น่าจะ 8-9 ปี”

ดีเจพุฒ : “เจอน้องครั้งแรกตอนประมาณ 20 ตอนนี้น้องน่าจะ 30 ต้นๆ”

ทอย : “เจอเรื่องคลับฟรายเดย์ ไม่ใช่แค่ผมเด็กนะ พี่พุฒก็เด็กมาก (หัวเราะ)”

ตอนนั้นกับตอนนี้นิสัยเหมือนกันมั้ย?

ดีเจพุฒ : “เขาก็เจนโลกมากขึ้น มีชีวิตมีกราฟขึ้นลงมากขึ้น เจอครั้งแรกเป็นเด็กที่ใสมาก น่ารักมาก คนในกองเรียกเขาหมูหวาน” 

ทอย : “เป็นฉายาผมตั้งแต่เรียนมัธยม ผมอ้วนมาก่อน แล้วหน้าหวาน เขาก็เรียกผมหมูหวาน”

ดีเจพุฒ : “เป็นคนเรียบร้อยมาก มากับคุณแม่ คนมีความสุขที่สุดคือผู้กำกับ พี่กู่ เอกสิทธิ์ เขาจะมีความสุขมาก ทอยดีมาก อีพุฒขอตรงนี้อีกทีนะ เล่นให้มันดีๆ หน่อย (หัวเราะ)”

ทอย :   “ตอนนี้ผมเริ่มไปยืนแทนที่พี่แล้ว (หัวเราะ) พี่พุฒก็เหมือนเดิม เป็นพี่ที่น่ารัก ทำให้รีแลกซ์” 

พูดความจริงได้นะ?

ทอย : “มันออนแอร์อยู่ครับ (หัวเราะ)” 

ดีเจพุฒ :   “ทอยจะแลกอะไร ทอยต้องคิดดีๆ นะ(หัวเราะ)” 

 ทอย : “ไม่กล้าแลกด้วยสิ น่ารักครับ พี่พุฒน่ารักมากครับ (หัวเราะ)”

 ดีเจพุฒ : “ความลับเยอะซะด้วยสิ”

 ก่อนเข้าวงการ มีความกลัวอะไร?

ทอย : “ไม่ได้กลัวอะไรขนาดนั้น จริงๆ แม่อยากให้เข้าวงการ จุดเริ่มต้นมาอยู่แกรมมี่ ต้อยย้อนกลับไปสิบปีที่แล้ว อินสตาแกรมทุกคนไม่ได้เชี่ยวชาญหรือชัดเจนแบบนี้ ว่าคนนี้เป็นออฟฟิเชียลหรืออะไร เป็นเพจแกรมมี่นี่แหละทักไปว่าช่วยมาเก็บโปรโฟล์ได้มั้ย เผื่อมีงานจะได้ส่งแคส แต่ก่อนเหมือนกึ่งดูแลศิลปิน ไม่ได้เป็นช่องขนาดนี้ ผมก็เปิดไอจีไปแล้วคิดว่าปลอมแน่เลยว่ะ ไม่ตอบ กลัวโดนหลอก อ่านแล้วไม่ตอบ เมินเขาไปเลย ผมก็หายไปเลย เขาก็บอกผ่านเพื่อนมหาวิทยาลัยมาอีกที ที่เคยไปเก็บโปรไฟล์ว่าเป็นของจริงนะ ช่วยมาบอกผมหน่อยว่าเขาของจริงนะ นั่นคือจุดเริ่มต้นได้เข้าสู่จีเอ็มเอ็มแกรมมี่”

งานชิ้นแรกที่ได้ทำ?

ทอย : “รายการเรียลลิตี้ ที่เป็นผู้ชาย 8 คน พี่เอกกี้เป็นพิธีกร สมัยเมื่อนานมาแล้ว เริ่มเปิดช่องใหม่ๆ เหมือนเอาพวกผม 8 คนมาทำเรียลลิตี้โนสคริปต์ เหมือนเอาหนูปล่อยเข้าไปแล้วทุกคนคาแรกเตอร์ก็จะออกไปคนละแบบ บังเอิญ 8 คนคาแรกเตอร์ไม่เหมือนกันเลย ทำให้คนดูชื่นชอบ คาแรกเตอร์ผม คนชอบมองว่าผมเป็นคนหน้าตาเรียบร้อย เนี้ยบๆ หน่อย ตอนนั้นอายุ 19 ครับ”

ผันตัวมาอยู่ในละครได้ไง?

ทอย : “พอได้ทำรายการนี้ เราเป็นเด็กสังกัดช่อง เขาก็มีงานให้เราทำ ถ้าจำไม่ผิด ผลงานแรกเป็นคลับฟรายเดย์ เพื่อนรักเพื่อนร้าย พี่กิ๊บซี่ พี่สายป่าน พอเราเล่นปุ๊บ ก็มีคนจำเราได้จากตรงนั้น แล้วก็ได้เล่นละครยาวไปเลย” 

ขึ้นมาเป็นพระเอกช่องวันเต็มตัว บทบาทไหนที่อยากเล่น?

ทอย : “อยากเล่นซิตคอม ส่วนใหญ่บทที่ได้เป็นดรามา อยากเปลี่ยนคาแรกเตอร์บ้าง ถ้าบทซิตคอมไหนว่างก็ว่างนะครับ อยากร่าเริงบ้าง (หัวเราะ)” 

ตอนเด็กแสบมั้ย?

ทอย : “เป็นเด็กกิจกรรม ไม่ใช่เด็กเรียนแน่นอน เราก็จอยๆ กับเพื่อน เป็นเด็กปกติทั่วไป ไม่ได้เกเรสุด มีโดดเรียนบ้าง”

ตอนเด็กๆ อ้วนมาก?

ทอย : “ใช่ครับ เราทำกิจกรรมกลางแจ้งเยอะ ทั้งอ้วนและผิวคล้ำ เพื่อนเลยแซวว่าหมูหวาน แต่โชคดีไม่มีใครบูลลี่ผม เราเป็นเด็กกลางๆ ไม่มีใครบูลลี่เราได้ เพราะเราแกล้งเขาก่อน (หัวเราะ)” 

ตอนนั้นไปจีบสาว เป็นไง จีบติดมั้ย?

ทอย : “จีบไม่ติดครับ เป็นเรื่องปกติ เราอ้วนไง คนก็ไม่ได้ชอบเราขนาดนั้น” 

ความรักเป็นอย่างไร? 

ทอย : “สถานะตอนนี้ก็ยังปกติอยู่ แต่ก็มีคนคุยบ้าง”

ในหรือนอกวงการ?

ทอย : “นอกวงการครับ อายุไล่ๆ กัน”

ชอบเขาที่อะไร?

ทอย : “ขอไม่ตอบครับ (หัวเราะ) พอโตขึ้นเราอยากโฟกัสเรื่องแบบ.. งานก็ส่วนนึง แต่คนที่เข้าใจกันและซัปพอร์ตกันมากกว่า ไม่ต้องหวือหวา” 

เข็ดกับคนในวงการ?

ทอย :   “ไม่เกี่ยวครับ ความรักผมไม่เคยโฟกัสว่าจะนอกหรือใน เราโฟกัสคนที่เข้าใจเรา เวลาด้วย เพราะการทำงานของเรามันไม่เป็นเวลา บางทีเราทำงานไม่เป็นเวลา เราทำงานเหนื่อย เราเจอบทละคร ดรามา เราต้องการคนเข้าใจมากกว่า”

คุยกันนานหรือยัง?

ทอย : “ประมาณ 3-4 เดือนครับ”

 หวานแค่ไหน?

ทอย : “ไม่ค่อยหวาน ฟีลเป็นเพื่อนกันมากกว่า อย่างที่บอกเราต้องการคนเข้าใจและซัปพอร์ตกัน มันก็จะมาในรูปแบบเพื่อนนั่นแหละ”

ประทับใจอะไรเขา?

ทอย : “ประทับใจที่เหมือนมาเป็นความเข้าใจกัน เป็นความสบายใจกัน ไม่มีอะไรต้องพิเศษเลยครับ พี่พุฒยังไม่เคยเจอ”

เมื่อไหร่เจอ?

ทอย : “นัดเลยพรุ่งนี้ (หัวเราะ) ก็ไม่ได้เปิดไม่ได้ปิด ถ้าคนเจอผมตามสถานที่ต่างๆ ก็ไปด้วยกันอยู่แล้ว แต่เหมือนให้เวลากับทุกๆ อย่าง”

สเปกของทอยเป็นยังไง?

ทอย : “ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง (เขินหน้าแดง) เบรกก่อนครับ (หัวเราะ)”

 เรือนโชนแสง เล่นละครเป็นคุณเกื้อ บทเป็นยังไง?

ทอย : “ดีครับ เป็นแนวพีเรียด ตัวเกื้อกึ่งๆ คล้ายผม รักความถูกต้องและรักครอบครัว”

ต้องเจอนักแสดงมากฝีมือเยอะมาก?

ทอย : “ใช่ครับ มีพี่กิ๊ก สุวัจนี พี่หญิง รฐา พี่โฬม พี่ปูเป้ พี่กระติ๊บเยอะมาก พี่นุ๊ก สุทธิดา เล่นเป็นแม่ผมด้วย พี่ๆ  ทุกท่านเราดูมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เขาเป็นรุ่นใหญ่มากๆ เหมือนบางทีคุยเล่นกับเขา เรามองว่าเขาแสดงอยู่หรือเปล่า (หัวเราะ) เหมือนเราติดตามเขามานาน เหมือนหลุดจากทีวีมาคุยเล่นกับเรา แต่ดีใจที่ได้ร่วมงานกับทุกคน เราติดตามผลงานของพี่ๆ เขาอยู่แล้ว เราได้แง่มุมใหม่ๆ ของการแสดง ได้รู้อีกฟีลนึงของการแสดงว่าเป็นยังไง” 

เกร็งมั้ย?

ทอย : “แรกๆ เกร็งครับ อย่างพี่กิ๊ก เรารู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นนางร้ายปากคว่ำ แต่ตัวจริงเขาน่ารักมาก เขาเป็นคนซนๆ คนนึงไม่รู้เลยคาแรกเตอร์เขาจะเป็นแนวนี้ พี่ๆ ก็จะคุยเล่นกันมากกว่า” 

 น้องลิลลี่เป็นไงบ้าง?

ทอย : “เขาจะหน้าฝรั่งๆ เฟียสๆ หน่อย แต่ตัวจริงจะมีความโก๊ะๆ เปิ่นๆ ขัดกับคาแรกเตอร์เขา คิดอะไรก็พูดออกมา บางทีในกองก็ขำเขา ฮาๆ ดี ไม่แย่”

ในกองสนิทกับใคร?

ทอย : “สนิทที่สุดคือแก๊งเด็กๆ เราก็จะคุยเล่น ชวนกันไปแฮงก์เอาท์”

ยากมั้ยละครพีเรียด?

ทอย : “ละครพีเรียดก็ยาก แต่เขาอยากให้ถ่ายทอดแบบสมัยใหม่หน่อย เพราะคนดูเป็นคนสมัยใหม่ อยากให้เข้าใจง่าย โจทย์ยาก จนเราเก็ตว่าเราต้องเล่นให้เป็นปกติ แค่เรื่องราวย้อนยุคแค่นั้นเอง” 

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ : https://youtu.be/JhrP35LEdc8?si=vAhZePhDv52hJTtm

 

"แจ๊ค ธนพล" ควง "เอม รมิดา" เปิดใจแต่งฟ้าแล่บ 28 ก.พ.นี้ ยันไม่ได้ท้อง 

“แจ๊ค ธนพล” ควงคู่แฟนสาว “เอม รมิดา” มาเปิดใจครั้งแรก หลังอวยพรวันเกิดหวานฉ่ำ เปิดตัวเป็นแฟนผ่านโซเชียล ขอย้อนเล่าเส้นทางความรักกับอุปสรรคอายุที่ทั้งคู่ห่างกันถึง 17 ปี และขอเคลียร์ชัดๆ เตรียมแต่งงานสายฟ้าแล่บวันที่ 28 ก.พ.นี้จริงหรือไม่ ถ้ารีบแต่งแบบนี้ น้องเอมท้องหรือเปล่า?? ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี เอส กันตพงศ์, หนิงปณิตา และ ชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ 

28 ก.พ.นี้จะแต่งงานจริงมั้ย?

แจ๊ค : จริงครับ

ตอนแรกตั้งใจจัดเงียบๆ?

แจ๊ค :   ตอนแรกจะเชิญแต่ผู้ใหญ่ และคนในครอบครัว แค่นี้ แขกคิดว่าไม่ถึงร้อย พี่น้องก็เยอะแล้ว ทั้งสองฝั่ง

 หลุดออกมาได้ยังไง?

แจ๊ค : หลุดตอนวิดีโอคอลไปหาพี่ชาย เป็นเซียนพระ โทรไปเชิญเขาแหละ เพราะเราไม่ได้พิมพ์การ์ดไง เรากะเล็กๆ ก็ใช้โทรเอา 

บอกเขายังไง?

แจ๊ค : บอกว่าวันที่ 28 มางานผมด้วยนะ เขาก็บอกว่าเหรอๆ ยินดีมากเลย ขอบคุณมากที่ให้เกียรตินะ แล้วเขาก็แคป เราไม่รู้หรอก แต่เรารู้ตอนไม่กี่นาที ลงเลย ลงทางเฟซบุ๊ก เขาแท็กพี่มา พี่ไม่รู้ด้วยตอนนั้น แต่คนอื่นเห็น น้องเห็นก็เลย (หัวเราะ) เฮ้ย พี่ พี่โจ๊กลงเฟซ เราก็อ้าว ตอนแรกคิดว่าเงียบๆ ตอนแรกใจเย็นว่าไม่เป็นไรหรอก เขาเป็นแค่เซียนพระ คงไม่มีใครรู้เยอะ รอฟังกระแสก่อน รอฟังข่าวก่อนว่าเป็นยังไง

แล้วกระแสเป็นยังไง?

แจ๊ค : เราไม่ได้ฟังกระแสคนวิจารณ์นะ แต่ฟังว่ามันจะหลุดไปทางไหน สรุปก็หลุด (หัวเราะ) แต่คนก็ให้กำลังใจ ดีมากๆ เลย 

ทำไมต้องเงียบๆ?

แจ๊ค :   (หัวเราะ) ตอนแรกเรากะจะแต่งตามฤกษ์

เอม :   เราไม่ได้ตั้งใจจะปิดนะคะ แต่ว่าหนูบอกกับพี่แจ๊คเองว่าไม่อยากแต่งใหญ่ คิดไว้อยู่แล้วว่าถ้าวันนึงแต่งงานอยากจัดในครอบครัวอบอุ่นเล็กๆ เลยบอกพี่เขาไว้ว่าบอกแค่ผู้ใหญ่ที่เราเคารพจริงๆ ครอบครัว ก็พอแล้ว ไม่ได้ต้องการงานยิ่งใหญ่เท่าไหร่ 

เปลืองเงินเปลืองทองด้วย?

เอม : อันนั้นก็ใช่ค่ะ 

พอข่าวหลุดออกไป กระแสส่วนใหญ่แสดงความยินดี แต่จะมีคำถามมาเยอะมาก คำถามแรก เอ๊ะ เพิ่งเปิดตัว

ไป 30 ม.ค. นี่ก.พ. ไม่กี่วันเอง จะแต่งแล้วเหรอ?

แจ๊ค :   จะแต่งแล้ว มันเร็วไปมั้ย ไม่เร็วหรอก อันนี้คือแต่งตามฤกษ์ ยังไงเราก็แต่งอยู่แล้วแหละ ยังไงก็เป็นผู้หญิงคนนี้อยู่แล้ว 

กราบขออภัยที่ต้องถามคำถามนี้ ท้องก่อนแต่งมั้ย?

เอม : ตอบได้เลยว่าไม่ได้ท้องค่ะ 

ทำไมเป็นวันที่ 28 ก.พ.?

เอม : เอมมีคุณตาท่านนึงที่เอมเคารพมากๆ ก่อนวันเกิดเอม เราได้มีโอกาสไปกราบท่าน พี่แจ๊คก็บอกว่าคุณตาดูฤกษ์ให้หน่อย ดูฤกษ์แต่งงานให้หน่อย ถัดจากนี้ไปมีฤกษ์มั้ย มีนะคะ แต่เป็นฤกษ์ที่ได้แค่ของผู้ชายอย่างเดียวหรือไม่ก็ได้แค่ของหนูอย่างเดียว

แจ๊ค : มันไม่ดี

เอม : มันไม่สมบูรณ์ ทีนี้มีแค่วันที่ 28 ก.พ. ที่คุณตาแจ้งมาว่าดีทั้งหนูและพี่แจ๊ค จริงๆ ตอนแรกเอมคุยกับพี่แจ๊คว่า มันเร็วไปมั้ยคะ หนูกลัวเราเตรียมตัวไม่ทันด้วย แต่พี่แจ๊คให้คำตอบเอมว่าจะช้าจะเร็วเขาก็เลือกที่จะแต่งอยู่ดี  

แจ๊ค : จะช้าจะเร็วป๊าก็แต่งกับหนูอยู่ดี (หัวเราะ) 

คบกันตั้งแต่เมื่อไหร่?

แจ๊ค : เกือบปีแล้ว นานแล้ว

เอม : เราก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะปิด แค่ไม่ได้ลงโซเชียล เวลาเราอยู่ด้วยกัน ไปห้าง ซื้อของ ทานข้าว เราไปด้วยกันตลอด ไปงานร้องเพลงก็อยู่ด้วยกันตลอด

ก่อนหน้านี้ปิดหัวใจเหมือนกัน ทำไมถึงมาเริ่มต้นความรักกับผู้หญิงคนนี้?

แจ๊ค : ตอนแรกให้น้องติดต่อ เพราะที่บ้านมีงานกฐินที่เมืองกาญจน์ฯ ทำกฐินแล้วตอนเย็นจะมีงานเลี้ยงนิดๆ หน่อยๆ ร้องเพลงเล่นกัน ก็เลยให้น้องเบนซ์ (ลูกเสรี รุ่งสว่าง) หานักร้องผู้หญิงมา ถามเขาว่ามีมั้ยที่ร้องเพลงเพราะๆ หน่อย เขาก็ส่งรูปมา เออ เอาเลย ติดต่อเลย เบนซ์พี่อยากได้ว่ะ พี่อยากได้คนนี้ อยากได้มาร้องเพลง เสียงดีใช่มั้ย เบนซ์บอกดี เคยไปงานกับเขา เขาส่งมาให้เลือกทีละคน  

พี่ไม่ฟังเพลงเหรอ มองหน้าเป็นหลัก?

แจ๊ค : เบนซ์เขาฟังเพลงเป็น แต่ปีแรกเขาไม่ได้ไป เขาไม่ว่าง ปีที่สองติดต่อเอง ไดเรกต์แมสเสจทางเฟซบุ๊กไปหาเขา ก็คืออีกปีนึงที่บ้านก็จัดอีก เราก็ต้องหานักร้องอยู่แล้ว นึกถึงน้องเขา ไดเรกต์ไปถามว่าน้องว่างมั้ย วันนี้ๆ มาร้องเพลงที่เมืองกาญจน์ฯ หน่อย 

อ่านแล้วตอบเลยมั้ย?

เอม : ตอนแรกหนูบอกว่าหนูขอเช็กก่อนว่าว่างมั้ย แล้วมันก็โชคดีที่ว่างพอดี 

คิดว่าเขาอยากให้เราไปร้องเพลงหรือมาจีบเรา?

เอม : หนูคิดว่าเขาอยากให้ไปร้องเพลงค่ะ เพราะกับพี่เบนซ์หนูเคยร่วมงานกันตลอด เขาบอกตั้งแต่ครั้งแรกว่าไม่ว่างไม่เป็นไร เดี๋ยวรอบหน้าชวนใหม่ พอพี่แจ๊คแอดมาหาเอม ตอนแรกตกใจไม่คิดว่าเขาจะแอดมา คิดว่าพี่เสจะติดต่อเหมือนเดิม พอเขาถามมาเราก็เช็กวันให้เขา พอดีว่ามันว่าง ก็บอกว่าโอเคเดี๋ยวไป

รอบสองที่แอดไป ชอบอยากจีบด้วยมั้ย?

แจ๊ค : จากรูปก็แค่ชอบว่าหน้าตาเขาโอเค เขาก็หน้าตาคมๆ เราก็ชอบผู้หญิงแบบนั้น แต่ไม่ได้คิดว่าจะจีบ 

น้องได้มาร้องเพลงในงาน เจอกันแล้วเป็นยังไง?

แจ๊ค : เจอกันก็ อุ้ย ตรงปกเว้ย (หัวเราะ) แต่พี่ก็คุยกับทุกคน เพราะคนเยอะ เราก็ดินชนโน่นกินนี่กับแขก เทคแคร์แขก เขาก็ขึ้นไปร้องเพลง ทีนี้ได้ยินกับหู เฮ้ย ร้องเพลงดี 

เอม : วันนั้นร้องเพลงแรกคือทวงรักฝากลมของคุณใบเฟิร์น หวานๆ ค่ะ 

แจ๊ค : เราได้ยินก็หันเลย ขนลุกมาก รีบไปเข้าห้องน้ำก่อน แล้วออกมาดูให้แน่ใจว่าใช่เปล่าวะ (หัวเราะ) ชอบคนเสียงเพราะ 

ขั้นต่อไปเป็นยังไง?

แจ๊ค : ก็กลับ

เอม : ก็ไม่ได้มีทีท่าอะไรเลย ถัดจากงานสองวันได้ค่ะ

แจ๊ค : ก็ค่อยๆ ทักไป ขอไลน์หน่อย เอาไว้คุยกัน พี่เล่นไลน์เยอะกว่า ข้ออ้าง 

เอมไม่ให้?

เอม : ให้ไปเลยค่ะ (หัวเราะ) เขาบอกว่าเขาเล่นไลน์มากกว่า แต่ตอนนั้นเราไม่ได้คิดว่าจะจีบ เพราะวันงานเขาไม่ได้มีทีท่ามาเต๊าะมาอะไรเลย แค่นับถือว่าเขาเป็นพี่ศิลปินนะ และจ้างงานเรา ก็ให้ไลน์ไปแค่นั้น 

แล้วคุยอะไรกัน?

เอม : ประโยคแรกเขาถามเอมว่าเป็นยังไงบ้าง งานวันนั้นแฮปปี้มั้ย เอมก็บอกว่าแฮปปี้ดีค่ะ สนุกมาก ขอบคุณนะคะที่ชวนไปร้อง ทีนี้เขาก็เริ่มคุย ถามโน่นนี่นั่น หนูร้องเพลงที่ไหน ยังไง 

น้องเอมพูดดักพี่แจ๊คไว้ เรื่องอะไร?

เอม : หนูบอกเขาว่าห้ามจีบหนูนะ (หัวเราะ) ตอนนั้นคิดแค่ว่าเรายังไม่รู้เขามาทางไหน ไม่รู้มาจริงหรือมาเล่นๆ หนูเลยหยอดไปก่อนว่าอย่าจีบหนูนะ พิมพ์ไปในไลน์ ติดต่องานได้ ห้ามจีบนะคะ (หัวเราะ)

แจ๊ค : ผมก็ตอบว่าโอเคไปก่อน แต่ในใจไม่โอเคอยู่แล้วแหละ (หัวเราะ) 

เพราะนิสัยเอมไม่ชอบให้คนมาจีบตรงๆ?

เอม : ใช่ค่ะ เอมตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ถ้าเจอคนเดินเข้ามา หรือทักมาชอบจังเลย ขอจีบได้มั้ย เอมจะถอยทันทีเลยค่ะ รู้สึกว่ามันถูกจู่โจมเกินไป เขามุ่งเป้าเกินไป เอมจะชอบคนที่เหมือนคุยเรื่อยๆ ถามโน่นนี่นั่น ซึ่งเขาเป็นแบบนั้นเลย เขาไม่ได้จู่โจมจีบตั้งแต่แรก คุยถาม ร้องเพลงเป็นประจำมั้ย ร้องที่ไหน

รู้สึกตอนไหนเขาจีบแน่ๆ?

เอม : จะมีอยู่ครั้งนึงเอมไปงานแล้วถ่ายสตอรี่ลง แล้วเขาก็ตอบสตอรี่มาว่า น่ารักจังเลยค่ะ (หัวเราะ) เราก็เริ่มเอ๊ะ ตะหงิดๆ แล้ว 

น้ำหยดลงหิน?

แจ๊ค : นี่ฉี่ใส่เลย (หัวเราะ) 

แล้วมีเดตแรกเกิดขึ้น?

แจ๊ค : เดตแรกด้วยความกลัวคนจะเห็นเยอะ เราก็พาเขาไปอเมริกาเลย อเมริกาบางนานี่แหละ (หัวเราะ) มันใกล้บ้านเขา ไปกัน 4 คน เป็นคนฝั่งเรา ฝั่งเราก็รู้จักเขา เราบอกก่อนแล้วว่าจะพาไปด้วย 

เอม : พี่เสเบนซ์นี่แหละค่ะ เอมก็บอกว่าชวนพี่ๆ มาด้วยนะจะได้สนุก ไปถึงก็เดินอยู่ในห้างเลย ทุกคนก็เห็น ถึงบอกว่าเราไม่ได้ตั้งใจจะปิดตั้งแต่แรก เราก็สบายๆ 

คุยนานแค่ไหนก่อนตัดสินใจเป็นแฟนกัน?

เอม : ก็นานอยู่ค่ะ

แจ๊ค : หลายเดือนเหมือนกัน

ใครถามใครก่อนเรื่องสถานะ เป็นคนคุยหรือคนรู้ใจ หรือสถานะไหน เริ่มจากใคร?

แจ๊ค :   มันรู้กันเองมากกว่า ไม่ต้องบอกหรอก

จุดไหนเปิดใจให้เขา?

เอม : นิสัยเขาค่ะ หนูรู้สึกว่าเขาเป็นคนใส่ใจ มองภายนอกเหมือนเขาทะเล้นๆ แต่จริงๆ เขาอบอุ่นมาก ใส่ใจมาก อะไรที่เอมชอบ อาหารที่ชอบทาน บอกครั้งเดียวเขาจะจำได้เลย เล็กๆ น้อยๆ แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ได้หาได้ง่ายๆ คนที่พูดอะไรไปครั้งเดียวแล้วเขาจำได้ 

แจ็คพาไปเจอครอบครัวเลย?

เอม : ใช่ค่ะ เป็นงานทำบุญบ้าน พาไปเจอคุณพ่อคุณแม่เลย ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราเปิดใจ มันคือการให้เกียรติที่สุดแล้ว เพราะสำหรับเอมครอบครัวอันดับหนึ่ง ถ้าเมื่อไหร่ที่เขายินดีจะให้เราก้าวเข้าไปในครอบครัว อย่างน้อยเขาก็น่าจะจริงใจกับเราแล้ว 

น้องเอมชอบทานอะไร?

แจ๊ค : เขาชอบกินผัก เป็นสายธรรมชาติ น้ำพริก ออร์แกนิคตอนเจอครอบครัวเราก็ละเลงตามที่เราชอบ (หัวเราะ) แต่ก็มีของที่เขาชอบ เราก็กินน้ำพริกอะไรคล้ายๆ กัน 

พี่แจ๊คประทับใจน้องมุมไหน?

แจ๊ค : น้องเป็นคนไม่ซับซ้อน เป็นคนที่ไว้ใจได้ เป็นคนที่เชื่อใจได้ เขานิ่ง วางตัวรู้กาลเทศะ 

ทำไมถึงตัดสินใจผู้หญิงคนนี้แหละต้องพาไปเจอครอบครัว?

แจ๊ค : จริงๆ พี่เป็นคนช่างสังเกต คนไหนที่รู้สึกได้ว่ามันไว้ใจได้ เราสามารถพูดอะไรได้ทุกเรื่อง แชร์ได้ทุกเรื่อง เขารับเราได้ 

แสดงว่าอยู่กับเอมเป็นตัวของตัวเอง?

แจ๊ค : ใช่ 

บางทีเจอกันแป๊บเดียวแล้วอยากใช้ชีวิตคู่ด้วยกันจนแก่จนเฒ่า พี่แจ๊คก็รู้สึกแบบนั้น?

แจ๊ค : ใช่ รู้สึกแบบนั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องเวลา จริงๆ ถ้าไม่ได้จะ 10 ปีหรือกี่ปีก็ต้องแยก 

ครอบครัวว่าไงบ้าง?

แจ๊ค : เขาชอบนะ เขาบอกน้องน่ารัก เอ็นดูน้องทุกคน พี่ป้าน้าอาก็เจอกัน เวลาไปงานก็เจอกัน เจอน้า เจอเพื่อนแม่ เขาก็จะชอบ เพื่อนฝูงก็ชอบ 

เอมพาพี่แจ็คไปเจอครอบครัวด้วยหรือเปล่า?

เอม : ใช่ค่ะ หลังจากพี่แจ๊คพาไปเจอครอบครัวไม่นาน แต่จริงๆ แล้วได้มีโอกาสเจอคุณแม่ก่อนโดยบังเอิญ ไปงานกันแล้วคุณแม่ไปด้วย พี่แจ๊คก็ได้เจอคุณแม่ ตอนนั้นคุณแม่รู้คร่าวๆ แล้ว คุณแม่ชอบพี่เขาอยู่แล้ว บ้านหนูเป็นสายลูกทุ่ง ชอบฟังเพลงลูกทุ่ง ผลงานพี่เขาที่บ้านก็ติดตามมาตลอด พ่อแม่เขาเจอเขาก็ชอบ เอ็นดู 

พี่แจ๊คเกร็งมาก?

แจ๊ค : เกร็งมาก เราไม่รู้ว่าเดินใกล้แค่นี้มันโอเคมั้ย ถูกตัวแล้วจะยังไง มันเกร็งไปหมด เกรงใจผู้ใหญ่ 

คุณเข้ากับครอบครัวน้องเอมได้ดีมาก ถึงขั้นพ่อเรียกลูกชาย?

เอม :   คุณพ่อเคยพูดกับหนูว่า ณ ตอนนี้เขาไม่ได้คิดว่าพี่แจ๊คเป็นแฟนลูกสาว เขาคิดว่าเป็นลูกชายคนโตของบ้าน หนูคิดว่าเขาน่าจะเห็นความสุขจากตัวหนู เพราะคุณพ่อกับคุณแม่ จะเป็นคนที่หนูรักใครเขารักด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พี่น้อง คนรอบข้าง เขารักหมดค่ะ พอมาเห็นว่าตลอดเวลาที่อยู่กับพี่แจ๊ค หนูแฮปปี้ หนูมีความสุข หนูสดใส เขาก็คงรักตรงนี้แหละค่ะ

อายุห่างกัน 17 ปี มีความไม่เข้าใจกันบ้าง?

เอม : ด้วยวัยที่ต่างกัน ช่วงแรกๆ ก็มีบางอย่างที่เขาคิดอีกอย่าง เราคิดอีกอย่าง แต่เราคุยกันทุกเรื่อง อะไรที่เราไม่เข้าใจก็บอกเขา อะไรที่เขาไม่เข้าใจเราก็บอกกัน 

แจ๊ค : ผมเป็นคนบอกว่ามีอะไรต้องพูดนะ ไม่งั้นเดี๋ยวมันคิดเอง 

เอม :  จริงๆ มันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ

แจ๊ค :   ไม่เคยทะเลาะกันใหญ่โต

เอม : ถ้าเป็นเรื่องขัดใจก็เรื่องกลับบ้านไม่ตรงเวลา อย่างหนูจะบอกว่าไปได้เลย แต่ขอไม่เกินเที่ยงคืน เที่ยงคืนกลับได้มั้ย เขาก็รับปากเรา พอเที่ยงคืนปุ๊บ หนูก็จะโทรไป กลับยังคะ เขาก็เนี่ยป๊ากำลังจะกลับแล้ว หนูก็ปล่อยเขานะ หนูก็วาง สักประมาณ 40 นาทีหรือชม.นึง เราก็ไปอาบน้ำของเรา พอชม.นึงโทรหาใหม่ ถึงไหนแล้วคะ ถึงบ้านหรือยัง เขาก็บอกว่ากำลังจะกลับแล้ว เขาใช้ประโยคนี้เลย 

แจ๊ค : อยู่บ้านเพื่อน ไม่ได้ไปไหนเลย 

เอม : พอครั้งที่สองก็บอกว่ากลับได้แล้ว เมื่อกี้บอกว่าจะกลับตั้งแต่ชม.ที่แล้วแล้ว เขาก็ค่ะๆ หนูก็วางไป สักประมาณครึ่งชม.โทรไป เมื่อไหร่จะถึงซะที เขาก็บอกว่ากำลังจะกลับแล้ว ใช้แต่ประโยคนี้ เราก็เริ่มหงุดหงิด มันหลายรอบแล้ว เราเป็นห่วงอุบัติเหตุ

แจ๊ค : เขารู้ว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไร 

มีอะไรอยากแก้ตัว?

แจ๊ค : ที่อยู่นานเพราะมันติดลม (หัวเราะ) เขาก็งอนเลย 

เอม : พอครั้งสุดท้ายโทร หนูก็วางแล้วหลับ ไม่ติดต่อเลย 

 แจ๊ค : เราก็โทรกันทั้งคืน

เอม : เขาจะมีวิธีง้อพอตอนเช้าโทรมา แล้วหนูไม่ได้รับ สักพักพี่โบว์ เป็นผู้จัดการ ฮัลโหลน้อง ทำอะไรอยู่ เขาให้ผู้จัดการง้อแทน ผู้จัดการก็บอกว่าเนี่ย เขาบอกว่าน้องไม่รับโทรศัพท์พี่เลย โทรไปง้อให้หน่อย ติดต่อให้หน่อย (หัวเราะ) พอเราได้ยินจากพี่โบว์ หนูก็ขำแล้ว เอ็นดูเขา ง้อเองไม่ได้ก็ให้คนอื่นมาช่วยง้อ 

คนยินดีก็เยอะ แต่คนดูถูกคู่เราก็มีเหมือนกัน คำพูดไหนที่จุกและเจ็บปวดมาก? 

เอม : ไม่เกินสองเดือนหรอก (หัวเราะ) 

แจ๊ค :   คนพูดเขาอาจไม่รู้ว่าเราคบกันมาเลยสองเดือนมาแล้ว (หัวเราะ) พี่ไม่อ่าน แต่ถึงอ่านก็ไม่มีผลกระทบ 

เอมรู้สึกยังไง?

เอม : จริงๆ ไม่ค่ะ สำหรับหนูคิดว่าเราสองคนเข้มแข็งกันอยู่แล้ว ถ้าใครแนะนำหนูรับฟัง แต่ถ้าด้วยคอมเมนต์แบบนี้เรารู้อยู่แล้ว เขาไม่ได้อยู่รอบข้างเรา เขาไม่ได้รู้อะไร

อยากบอกอะไรคนคอมเมนต์แบบนี้?

เอม : ถ้าคิดว่าไม่เกินสองเดือนก็อยากให้ติดตามคู่เราไปนานๆ (หัวเราะ) 

บอกความในใจซึ่งกันและกัน?

เอม : หนูอยากบอกพี่เขาว่าหนูภูมิใจที่มีเขา และห่วงแค่เรื่องเดียวคือสุขภาพ อยากให้ดูแลสุขภาพ แค่นี้ค่ะ

แจ๊ค : อยากบอกเขาเหมือนกันว่าตั้งแต่คบกับเขา รู้สึกภูมิใจ และรู้สึกปลอดภัย ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิต (หอมแก้ม)

 

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

 

คลิปสัมภาษณ์ : https://youtu.be/41b0BmjM0M8?si=Q3v-MquW_XTTu7a9

 

"ปิงปอง" ควงเพื่อนซี้อินฟลูชื่อดัง "พั้มกิ้น" เปิดวีรกรรมชอบปลอมตัวส่องผู้

ปิงปอง ธงชัย ควงเพื่อนสาวอินฟลูเอนเซอร์สายกิน พั้มกิ้น มาเปิดวีรกรรมปิงปองชอบปลอมตัวไปแแอบแซ่บหนุ่มๆ เปิดเผยชีวิตพั้มกิ้นกว่าจะมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังเคยไม่มีงาน ไม่มีเงิน ถึงขั้นเคยกินย่าฆ่าตัวตาย ! แถมยังโดนชาวเน็ตส่งข้อความไดเร็คขู่ฆ่ามาแล้ว ในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญา และ ดีเจพุฒ พุฒิชัย เป็นพิธีกร 

 

พั้มกินเป็นอินฟลูสายกิน รีวิวของใครก็ขายดี พี่เอ ศุภชัย เติบโตได้ต้องขอบคุณพั้มกิ้น ?

พั้มกิ้น : ต้องขอบคุณหนูเลย 

มีอะไรอยากบอกพี่เอมั้ย ?

พั้มกิ้น : ทุกวันนี้ผูกพันกันทางสายเลือดแล้ว เวลาแม่เอออกเมนูอะไรใหม่ก็จะยกหูหาหนู “ลูกพั้มพร้อมหรือยังลูก หนูก็เลยบอกว่าพร้อมแล้วค่ะแม่ ส่งมาได้เลย 

คลิปไข่พะโล้แจ้งเกิดเลยมั้ย ?

พั้มกิ้น : แจ้งเกิดเลยค่ะ เราสั่งกินเองเราอยากพิสูจน์ด้วยตัวเองก็เลยสั่งมากินเองเลย

แล้วอร่อยจริงมั้ย ?

พั้มกิ้น : อร่อยจริง หนูกล้าสาบานตรงนี้ว่าของพี่เออร่อยจริง

นอกจากคลิปกินของพี่เอแล้วอะไรบ้างที่สร้างชื่อเสียงให้พั้มกิ้น ?

พั้มกิ้น : คลิปกินเรื่อยๆเลย กินหนักมาก กินกบผัดเผ็ด กินอาหารแปลก ซื้อของใน TikTok มาแล้วก็แกะกล่องรีวิว ช่วยคนใน TikTok ด้วย ตอนแรกก่อนที่เราเริ่มทำเราอายมาก เราเขิน ไม่รู้ว่าทำทำไมทำแล้วได้อะไร พอประสบความสำเร็จก็เป็นนิสัยไปแล้วว่าเวลาไปกินอะไรต้องตั้งกล้องกิน

ทั้งคู่มาสนิทกันได้ยังไง ?

ปิงปอง : เพราะเงินค่ะ 

พั้มกิ้น : เพราะเงินตัวเดียวเลยค่ะ(หัวเราะ) คือหนูรู้จักพี่ปิงปองมาประมาณ 8-9 ปี เมื่อก่อนพี่ปิงปองจะขายเสื้อผ้าอยู่ที่ตลาดรถไฟ

ปิงปอง : แต่ทรงไม่ใช่อย่างนี้ ทรงคือฟีลเป็กกี้นะจ๊ะ ทรงตัวเล็ก เซ็กซี่แล้วหนูโบ๊ะมาตรงนี้ส่วนสูงกับน้ำหนักคือเท่ากัน ตอนนั้นคือสลิมบาง คือคนเดียวกันจริงป่าวพอมาเจออีกทีตอนที่โ่ด่งดัง

อยากรู้ว่าทำไมจากตัวเล็กๆขยายๆไปใหญ่ เพราะว่าอะไร?

พั้มกิ้น : หนูเคยทานยาแก้แพ้เกินขนาด อยากจะให้มันหลับๆไปเพราะว่ามันเครียดช่วงโควิดกะจะตุย แต่พอกินไปเสร็จปุ๊ปตัวชาก็รู้สึกว่าโอเควันนี้ไปละ ไปดีกว่า ก็หลับ 8 โมงตื่น

ปิงปอง : เยอะขนาดไหน 

พั้มกิ้น : หมดกระปุก 100 เม็ด จะไปแล้วเพราะว่าชีวิตตอนนั้นลำบากมาก 

เกิดอะไรขึ้น ?

พั้มกิ้น : คือมันหันไปทางไหนก็ไม่เจอใครแล้ว เราทำงานงานก็ไม่มีให้ทำ เงินก็จะหมด ค่าเช่าบ้านก็จะไม่มีเลยตัดสินใจว่าไม่อยู่แล้วดีกว่าไปละ ก็เลยกินยาแก้แพ้หมดกระปุกเลย 

ก่อนที่จะตัดสินใจกินยาแก้แพ้เคยโทรหาที่บ้านด้วย ?

พั้มกิ้น : เคย เคยบอกว่าแม่ช่วยหน่อยไม่มีตังค์ค่าเช่าบ้านเขาจะไล่ออกจากที่พักแล้ว ที่บ้านก็ตัดสายทิ้ง หนูก็เลยโทรไปอีกรอบนึง แม่โอนมาให้หน่อยไม่งั้นหนูจะกระโดดตึกตาย 

แล้วที่บ้านว่าไง ?

พั้มกิ้น : ไม่โอน วางสายไปเลย เราก็เลยรู้สึกว่าชีวิตมันต้องสู้ด้วยตัวเองแล้วก็กินยาฆ่าตัวตายเลย 

แต่ว่ามันไม่ตุย ?

พั้มกิ้น : มันไม่ตุย เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นมาพร้อมกับความหิว ก็บอกกับตัวเองว่าเขายังไม่ให้เราไป เราก็ต้องอยู่สู้ต่อ 

ตอนที่กำลังลำบากทำอาชีพอะไรอยู่ ?

พั้มกิ้น : ตอนนั้นเป้นช่างทำผม แล้วมันไม่มีงานเลยเพราะช่วงโควิด พี่ๆศิลปินก็ไม่มีงานพวกหนูที่ตัวเล็กๆก็ยิ่งไม่มีหนักเข้าไปใหญ่ 

ทำยังไงกับชีวิตหลังจากนั้น ?

พั้มกิ้น : หลังจากนั้นมาเจอเอแคลร์ จือปาก เรียกหนูกลับมาทำผมอีกครั้งนึง เวลาอยู่กับเอแคลร์เขาก็จะพยายามให้หนูเข้ากล้องไปเรื่อยๆ ทำให้คนรู้จักมากขึ้น สะสมไปเรื่อยๆ ชีก็ยุให้หนูทำช่องตอนแรกหนูไม่ทำเพราะว่าเพื่อนหนูทั้งหมดดังหมดเลยพี่ๆหิ้วหวี พี่นัท เอแคลร์ พี่มิกซ์ พี่ตูน พี่เอิ๊ก เราอยู่ตรงนี้ก็มีความสุขแล้ว มีเงินเดือนจากเอแคลร์แฮปปี้ไม่ได้เดือดร้อนอะไร 

ก่อนหน้าทำผมให้เอแคลร์เคยทำผมให้ใครมาบ้างในวงการบันเทิง ?

พั้มกิ้น : มีน้ำตาล ชลิตา พี่เบลล่า เต ตะวัน แล้วก็วนเวียนอยู่ในช่อง

พี่เอแคลร์เป็นจุดเปลี่ยนบอกให้ทำช่อง ตอนนั้นเริ่มคอนเทนท์อะไรก่อน ?

พั้มกิ้น : ต้องบอกว่าขอบคุณ TikTok Thailand คือเริ่มจากการเต้นก่อน คือทั่วไปเขาก็เต้นคนก็ไม่ค่อยดู ไลฟ์สไตล์บ้างก็ Vlog Day เพราะว่า ฟลุ๊คกะล่อน เขามี Vlog Week เราก็ถ่ายเพื่อนเพื่อนเราตลกคนก็ไม่ค่อยดู 

ปิงปอง : สุดท้ายหันกล้องกลับมาตลกสุด 

พั้มกิ้น : ใช่ เราก็เลยตั้งกล้องแล้วก็กิน 

พอกินปุ๊ปมันกลายเป็นเรื่องชั่วข้ามคืน ?

พั้มกิ้น : ใช่ค่ะ คืนเดียวล้านวิวกินข้าวขาหมู หลังจากนั้นเอแคลร์เป็นคนบอกให้ทำรายการชื่อ พั้มกิน ในระยะเวลา 1 ปีค่ะ

ตอนนี้มียอดผู้ติดตามเท่าไหร่แล้ว ?

พั้มกิ้น : 352,000 ค่ะ กดถูกใจ 17 ล้าน

พอคลิปเริ่มดังมีคนมาคอมเม้นท์ด่า เราด่ากลับมั้ย ?

พั้มกิ้น : หนูก็ด่ากลับเพราะว่าแรกๆหนูรู้สึกว่าจะทนทำไม 

เขาด่าอะไร ?

พั้มกิ้น : กินขนาดนี้ระวังอ้วนตายนะ 

เราไปเม้นท์กลับว่า ?

พั้มกิ้น : เสือก(หัวเราะ) ณ ตอนนั้นเรายังไม่ได้เจอใครที่ช่วยกรองความคิด จนกระทั่งมันผ่านไปคืนนึงก็มีสายสายนึงโทรเข้ามาคุณสมบัษร ถิระสาโรจน์ ป้าตือโทรมาเตือนสติว่า หนูเราทำอย่างนี้ไม่ได้นะลูกเราเลือกที่จะอยู่ตรงนี้แล้วเราต้องแลก ป้าตือให้คำสอนหนูจนตั้งสติได้ว่าคนที่เขามาเม้นท์เราก็คือคนที่เขาสนับสนุนเรา ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็คือคนที่สนับสนุนเรา แต่ว่าหนักสุดเคยโดนขู่ฆ่าจากกินไข่พะโล้ กินขาหมูนี่แหละค่ะ 

ไอ้ที่ไปเม้นท์ๆตอบๆเขาเนี่ยหรอ ?

พั้มกิ้น : ใช่ แล้วหนูก็ไปตอบกลับ ชีก็ไดเร็คมาด่าหนูแรงมาก หนูก็บอกว่าเดี๋ยวจะแจ้งตำรวจ นางก็บอกว่าไม่กลัวเพราะกูเพิ่งออกมาจากคุกกูจะฆ่ามึงอีอ้วน ก็เลยเป็นแพนิคไปช่วงนึง ตอนนี้ก็ชิลละ 

ปิงปองเคยถ่ายอะไรกับลูกพี่บอย แล้วก็คุยกับลูกพี่บอยแบบสนิท โดยที่ไม่รู้ว่านี่คือลูกพี่บอย ?

ปิงปอง : เราไม่ทราบว่าใครเป็นใครคือหนูถ่ายละครช่องวันนี่แหละ ในกองบอกว่าน้องคนนี้คือเด็กใหม่ที่กำลังจะปลุกปั้น น้องเขามีความสามารถนะ ก็คุยกับเขาว่าหนูน่ารักเนอะ มีแฟนมั้ย ชอบคุยกับคนเนอะ หนูลองเปิดใจคบคนมีอายุดูนะเพราะว่าหนูดูชอบคนโตกว่า ก็อยากจะให้มันจอยๆ ซักพักนึงพี่บอยมากอง มาเยี่ยมมาชมกองแล้วก็พี่ปริมมา ทำไมมากันทั้งสองคนเลยปกติอาจจะเป็นพี่บอยมั้ย ซักพักทุกคนบอกว่าเขามาดูลูก แล้วน้องเขาบอกว่าพ่อหนูค่ะพี่ ประมวลในหัวว่าพูดอะไรไปบ้าง เราก็พูดไปเรื่อยเราอยากให้มันจอยๆ 

1 ใน 2 คนนี้ชอบปลอมตัวแล้วแอบไปแซ่บผู้ชาย ?

ปิงปอง : ไม่ใช่แค่ในต่างประเทศในประเทศก็ต้องปลอมตัว หนูรู้สึกว่าคนมองภาพลักษณ์เราภายนอกหรือสิ่งที่คนอยากเห็นคือเราเป็นตัวแม่แล้วคนเขาไม่กินแม่กัน เขาไม่ได้อยากได้เราเป็นเมีย เขาอยากได้เราเป็นแม่ เขาก็ไม่เอาเราหนูก็เลยต้องทำตัวให้มันกลมกลืนมากที่สุดจะไปยืนหัวแดงแบบนี้ก็ไม่ได้ 

เราต้อปลอมตัวเป็นแบบไหน ?

ปิงปอง : หนูจะใช้ชื่อว่าราฟาเยฟ จะมีวิกผมกำบ้าง ไอ้โม่งบ้าง

สไตล์ของราฟาเยฟที่ต่างขาติรู้จักเป็นยังไง ?

ปิงปอง : หนูจะนิ่งเลย นั่งเท่ๆ ยืนอยู่ในมุมง่ายๆสบายๆ กำลังแสดงอยู่ว่าเป็นราหาเยฟ

โดนผู้ชายจับได้มั้ยว่าเธอไม่ใช่ราฟาเยฟเธอคือปิงปอง

พั้มกิ้น : ผู้ชายไมไ่ด้จับได้ เอแคลร์จือปากจับได้ 

ปิงปอง : คือหนูไปทำงานมาแล้ว แล้วก็ปลอมตัวเป็นราฟาเยฟก็ไปเดินในห้าง แล้วก็เห็นว่าเอแคลร์มีอีเว้นท์ก็เดินสะกดรอยตาม

พั้มกิ้น : เอแคลร์เล่าให้ฟังว่าเจอโรคจิตน่ากลัวมาก จนผู้จัดการพี่แม็กบอกว่าปิงปอง

มูมั้ย ?

ปิงปอง : ชอบมู ชอบเชื่อเรื่องเพ้อเจ้อเช่น เวลาที่เราขับรถแล้วกะพริบตาข้างขวาให้เท่ากับตอมอที่ผ่านไป 60 อัน เราจะขอพรได้ 

เคยกะพริบตรงแล้วขอแล้วได้มั้ย ?

ปิงปอง : ได้ ขอให้ฟีลงานที่มันไม่ลงตัว ขอให้มันเคลื่อนไปให้พอดีนะท่านก็จัดสรร แต่ต้องมีเราเป็นกรรมการด้วยนะเราเป็นทั้งมูและเป็นทั้งกรรมการ 

พั้มกิ้น : ของหนูจะมีทุกสิ้นปีจะไปเชียงใหม่ไปไหว้ปู่แซะย่าแซะ เป็นเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนเหนือเขาบูชาอยู่ตีนเขาเทพทันใจ คราวที่แล้วก็ไปขอมาหนูไม่เคยมีเงินล้านเลยในชีวิตก็ไปขอกลับมาก็มีเลย ตอนนี้ได้แล้ว

ปิงปองก็ชอบดูหมอมาก มันจะมีอยู่ยุคนึง 1500-1500-1900 เธอโทร ?

ปิงปอง : มี เมื่อก่อนนะโทรศํพท์ไม่มีแต่โทร เราต้องเก็บตังค์มันแพงมาก โทรไปแล้วกด 1 กด 2 จะดูเรื่องอะไร หมอดูพูดคำแรกเลย หนูชื่อนี้นามสกุลนี้ใช่มั้ยจะตายตอนอายุ 48 อีหมอบ้าเขาไม่ให้พูดว่าใครตายไม่ใช่หรอ ฉันก็ดูดวงเป็น ด่าไปเลย 5 นาที ด่าจนวงเงินที่เราหยอดไปหมด เราก็เลยไม่ชอบของคนที่เป็นลักษณะหมอดู เราก็เลยดูเองเลย เปิดไพ่ป๊อกแล้วก็ดูให้เพื่อน

แม่นมั้ย ?

ปิงปอง : จากที่ดูมาเพื่อนมันเซ้นซิทีฟหรือไม่รู้ว่าเราอยู่ในฐานะหมอดู เอาไพ่ป๊อกมาดูว่า 7 คืออะไร 8 คืออะไร พอพูดไปตามไพ่แต่ก็มีการใส่คำเชื่อมเพราะก็อ่านไปตามไพ่ บางคนมันร้องไห้ จนเรารู้สึกว่าไม่เอาแล้ว กลัวว่าสิ่งที่เราพูดไปมันไปจี้หัวใจเขา 

เพิ่งไปแก้บนมา ที่ไหน ?

พั้มกิ้น : เพิ่งไปแก้บนมาที่ปู่แซะย่าแซะเทพทันใจ บนพวงมาลัยไว้ 20,000 พวง แล้วก็ได้ตามที่ตัวเองฝัน ได้เกินมากว่านั้นอีกค่ะ แฮปปี้มาก

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ : https://youtu.be/7wRkYdcUA0E?si=RNfuYfLDAw6mlrtJ

“ลิลลี่”ควงพ่อแท้ๆ เปิดตัวครั้งแรก เผยความลับนางฟ้า สวยขึ้นทำอะไรมาบ้าง ลั่นชอบใครก็รุกจีบ

“ลิลลี่” ควงพ่อแท้ๆ เปิดตัวครั้งแรก เผยความลับนางฟ้า สวยขึ้นทำอะไรมาบ้าง ลั่นชอบใครก็รุกจีบ “เจนนี่” ช็อตฟีลกลางรายการ   

“ลิลลี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ควงพ่อแท้ๆ “เล็ก สาธิต เชื้อแหลม” เผยโฉมหน้าครั้งแรก พร้อมเผยได้คาแรกเตอร์สนุกมาจากคุณพ่อเล็กแบบเต็มๆ คุณพ่อเล็กหวงลูกสาวขนาดไหน ช่วงนี้ลิลลี่สวยเซ็กซี่ขึ้นผิดหูผิดตา สถานะหัวใจไม่โสดแล้วจริงหรือ? ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญา และ เอส กันตพงศ์ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ 

 หน้าเหมือนคุณพ่อมาก?

ลิลลี่ : ใช่พี่ ตอนเด็กๆ สีผิวนี้เลย

น้องดูช็อกกับรูปตัวเอง ดูวีทีอาร์แล้วตกใจอะไร?

ลิลลี่ : หนูรู้สึกดีที่หนูโตขึ้นค่ะ (หัวเราะ)

ครั้งแรกที่พ่อเล็กออกสื่อ?

พ่อเล็ก : ตื่นเต้น ไม่เคยออกสื่อใดๆ โทรบอกเพื่อน บอกที่ทำงาน บอกเยอะแยะว่ามาออกรายการ ได้ออกทีวีแล้วครับวันนี้ (หัวเราะ) โทรบอกพ่อ และเพื่อนที่ทำงาน เพื่อนๆ เยอะแยะ หล่อมั้ยออกทีวี (หัวเราะ)

สนิทสนมกันมาก มีปัญหาจะปรึกษาคุณพ่อตลอด?

พ่อเล็ก : คุยกันทุกเรื่อง

ลิลลี่ : ส่วนใหญ่คุยกับพ่อจะเป็นเรื่องที่สาวๆ อย่างแม่กับพี่เจนไม่เข้าใจ บางมุมอาจรุนแรงไปหรือเปล่า อย่างขอไปเที่ยว

พ่อเล็ก : เขาจะโทรมาบอกว่าให้พ่อพาไปเที่ยว

ลิลลี่ : จำได้ม.4 อยากไปเที่ยวทะเล ฟีลค้างคืน หนูขอแม่แล้วแม่ไม่เคยให้ไปเลย แม่เป็นห่วง ก็เลยบอกพ่อให้พาไปหน่อยนะ ไปแล้วหนูก็อยู่กับเพื่อน พ่อก็อยู่อีกห้องกับเพื่อน ค่าจ้างที่พาไปหนูก็ให้เบียร์ลังนึง เรื่องที่ไม่อยากให้แม่รู้ อย่างมีคนทักหามาจีบ

ทำไมไม่กล้าบอกแม่ แต่กล้าบอกพ่อ?

ลิลลี่ : แม่จะห่วง อย่างบ้านเราไม่มีผู้ชายคุม แต่พ่อหนูกล้าคุยตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เขาเป็นผู้ชายก็น่าจะเข้าใจได้ดี 

เวลาปรึกษาคุณพ่อเรื่องหนุ่มๆ พ่อให้คำปรึกษายังไงบ้าง?

ลิลลี่ :   พ่อบอกให้ดูให้ดี ถ้ามันดูเกเรให้มาบอกพ่อ

พ่อเล็ก : ผมจะไม่หวงลูกสาว เขาโตแล้ว จะปล่อยให้เขาคิดเอง ไว้ใจ ก็บอกว่าดูดีๆ ผู้ชาย ให้ดูตัวอย่างพ่อ ให้ได้แบบพ่อ 

มีโทรไปร้องไห้บ้างมั้ย?

พ่อเล็ก : มี ส่วนใหญ่เรื่องแฟนนั่นแหละ

ลิลลี่ :   ไม่รู้แฟนอะไร พ่ออ่ะ 

พ่อเล็ก : จะมีโทรมาบอกว่าอกหักอีกแล้ว แล้วก็ร้อง

พ่อปลอบใจยังไง?

พ่อเล็ก : ก็บอกว่าไม่ต้องกลัว หาใหม่ 

น้องมีชื่อเสียงห่วงมากกว่าปกติมั้ย?

พ่อเล็ก : ห่วงเท่าเดิม เขาตัดสินใจได้แล้ว เขารู้ว่าอะไรดีไม่ดี ถูกไม่ถูก เขาแบ่งแยกได้แล้ว

ก่อนหน้ามีชื่อเสียง ครอบครัวลิลลี่-เจนนี่-คุณแม่ ก็ไม่ได้สุขสบายมากนัก มีความลำบากเรื่องหนีหนี้ เห็นว่าคุณพ่อก็ซัปพอร์ตอย่างดี?

พ่อเล็ก : มีให้บ้างตอนเล็กๆ ตอนผมทำงานที่แบงก์ ขับรถที่แบงก์ ธกส. เขาตัวเล็ก ไปยืนเกราะลูกกรงเรียกพ่อ ผมก็คิดว่าลูกใคร ก็เก็บเงินให้เขาเยอะเหมือนกัน ให้เขาไปใช้จ่าย เจนนี่ก็รักเหมือนกัน ดูแลมาด้วย ตอนนั้นเจนนี่อายุประมาณ 12 ตอนอยู่ภูเก็ตชีวิตลำบากมาก

ลิลลี่กับเจนนี่ มีพ่อคนละพ่อ แต่เห็นว่าคุณพ่อเลี้ยงดูเจนนี่มาอย่างดี?

พ่อเล็ก : ลิลลี่จะดื้อกว่า แต่น้องเจนเป็นเด็กเรียบร้อย แล้วเป็นเด็กที่เก่งมาก

ลูกดื้อยังไง?

พ่อเล็ก : คนนี้ร้าย จะเที่ยวเก่ง น้องเจนไม่ชอบเที่ยว

ลิลลี่ : เที่ยงเก่ง พี่เจนไม่เที่ยวเลย หนูชอบไปกับเพื่อน ชอบไปต่างจังหวัด ขับรถเล่นกับเพื่อน ไปทะเล ไม่อยู่บ้าน

เห็นว่าพี่น้องทะเลาะกันบ่อย?

ลิลลี่ : ตอนเด็กๆ ไม่ พอโตก็ไม่เข้าใจกันบ้าง มันคนละมุมกัน ห่างกัน 10 ปี เขาอยากให้เรามั่นคง ไม่อยากให้เที่ยว แต่เราอยากเที่ยว (หัวเราะ) ส่วนใหญ่หนูจะขอค่ะ ถ้าขอไม่ได้ก็หนีค่ะ (หัวเราะ) ต้องมีหนีบ้าง แต่พอโดนจับได้ เกม โดนด่า ก็โดนริบกุญแจรถบ้าง อย่างเราบอกไปเที่ยวเซ็นทรัลนะ ไปเที่ยวอย่างเดียว แต่หนูกลับเที่ยงคืน เขาก็มีลิมิตให้เรา อยู่ที่ว่าเราไปไหนค่ะ

เขาอยากให้กลับตามเวลา พ่อมีวิธีเคลียร์มั้ย?

พ่อเล็ก : เราก็คอยบอกลิลลี่ว่าต้องเชื่อพี่เจนนะ พี่เจนพูดยังไงก็ต้องเชื่อ เขาโตมาก่อน แล้วเก่งในหน้าที่การงาน เราโตมาได้เพราะพี่เจนนี่

กลัวใครมากกว่ากัน?

ลิลลี่ : กลัวพี่เจนมากกว่าแม่ค่ะ ไม่ได้ดุ แต่เวลาทะเลาะกัน มันดีกันยากค่ะ แต่กับแม่เขายังห่วงเรา เราอยู่บ้านเดียวกัน คนเป็นแม่โกรธได้ไม่นานอยู่แล้ แต่พอเป็นพี่เจน ก็จะตึงเป็นอาทิตย์

เวลาตึงเป็นยังไง?

ลิลลี่ : โทรไม่รับ แชตไม่อ่าน เขาเป็นคนแบบ อ๋อ ไปเที่ยวมาเหรอ ก็ไปเที่ยวสิ มาคุยกับฉันทำไม

ง้อยังไง?

ลิลลี่ : ก็จะเข้าไปกอด เป็นคนที่อ้อนที่สุดในครอบครัวแล้ว บอกเขาว่าไม่เที่ยวแล้ว พูดให้เขาหายดีก่อน แล้วค่อยทำอีก (หัวเราะ)

คุณพ่ออยากบอกอะไรน้องเจนนี่ ที่ช่วยดูแลลิลลี่?

พ่อเล็ก : ก็ขอขอบคุณพี่เจน ที่ดูแลน้องคนนี้มาตลอด เก่งจริงๆ เก่งมาก อายุขนาดนี้มีความสามารถขนาดนี้ ก็โอเคสุดยอด ลิลลี่ก็เก่ง แต่คนนี้เก่งเงียบ เก่งไม่ให้ใครรู้ (หัวเราะ)

ลิลลี่ : พ่ออย่าพูด ไม่เอา (หัวเราะ) 

เป็นพ่อลูกที่สนิทกัน มีบุคลิกเหมือนกัน?

พ่อเล็ก : สนิทกันหมด

ภูมิใจอะไรในตัวลิลลี่?

พ่อเล็ก : ภูมิใจมาก สำเนาถูกต้อง (หัวเราะ)

นิสัยเหมือนกันอย่างกะฝาแฝด?

พ่อเล็ก : สนุก ร่าเริง อารมณ์ดี

ลิลลี่ : พ่อตลก หนูก็ตลกด้วย หนูจะได้ยินจากคนรอบข้างบอกว่าเธอเป็นคนตลกนะ ทั้งที่เราไม่ได้พยายามจะเล่นมุกอะไร แต่เวลาเราพูด เราใส่อารมณ์ ใส่เสียงสูงเสียงต่ำทำให้ดูน่าตื่นเต้น

คิดมั้ยเราไม่ใช่คนตลก เราคนสวย?

ลิลลี่ : สักนิดนึงก็ได้ (หัวเราะ)

ปีนี้ลิลลี่อายุเท่าไหร่?

ลิลลี่ : 20 แล้วค่ะ

โตเป็นสาวแล้ว ใส่ชุดว่ายน้ำด้วย ลงโซเชียลบ่อยมาก เรื่องชุดว่ายน้ำ?

ลิลลี่ : มีบ้างค่ะ ได้ค่ะ (เสียงสูง) หนูโดนแซะบ่อยทุกครั้งที่ลง แต่หนูก็สนใจสัก 1 เปอร์เซ็นต์ใน 100

พ่อซีเรียสหรือเปล่า?

พ่อเล็ก : ผมไม่ซีเรียสเท่าไหร่ เขาทำงานด้านนี้อยู่แล้ว ก็ต้องมีบ้างของแบบนี้

เวลาลูกสาวลงชุดว่ายน้ำ?

พ่อเล็ก : สวย

แต่โซเชียลไม่จบ โดนแซะว่าไง?

ลิลลี่ : เขาบอกว่าไม่มีอะไรให้โชว์แล้วเหรอ ไม่ดังแล้วเหรอ ถึงเป็นแบบนี้ ยังเด็ก ด้วยความที่หนูดังตอน 15 ก็เป็นภาพจำมาตลอด แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้คิดว่าโตเป็นผู้ใหญ่ถึงขนาดทำอะไรก็ได้ แต่มันก็เป็นวัยนี้ค่ะ

อยากบอกอะไรชาวโซเชียล?

ลิลลี่ : จริงๆ หนูว่าคอมเมนต์ได้ค่ะ เรามีสิทธิ์วิจารณ์ได้ แต่อย่าถึงขั้นรุนแรงเกินไป ถ้าหนูเห็นอะไรแบบนี้หนูเองก็จะไม่ยุ่ง ตอนนี้หนูไม่ได้เสียใจ แต่ทุกครั้งที่โดนด่าก็มีเอ๊ะบ้าง ผ่านจุดเสียใจมาแล้ว เพราะเราโดนมานานแล้ว มีตอบกลับบ้าง แต่ไม่ได้ตอบกลับแรง อย่างบอกว่าที่คุณป้าคอมเมนต์ คุณป้าคิดดีแล้วใช่มั้ย ก็จะตอบกลับแค่นี้ เดี๋ยวจะยาว

ชุดว่ายน้ำกว่าจะลง เห็นว่าดูนานมาก?

ลิลลี่ : ใช่ค่ะ หนูกล้าใส่ กล้าถ่าย กล้าลง แต่ไม่กล้าใส่เป็นชม.ไปเดินชายหาด หนูไม่ทำแน่นอน ใส่เสร็จก็ถอดเลย กว่าจะได้รูปอย่างนี้หนูแต่งเป็นชม.เลยนะ

แต่งตัว?

ลิลลี่ : แต่งรูป (หัวเราะ) ทุกวันนี้ที่เราใส่ชุดว่ายน้ำเก่งขึ้น เพราะเราแต่งรูปเก่งขึ้น ความลับนางฟ้า

พ่ออยากพูดอะไรกับชาวเน็ต?

ลิลลี่ : อย่าด่านะ (หัวเราะ)

พ่อเล็ก : บางรูปน้องอาจดูเซ็กซี่เกินไป ขอให้ชาวเน็ตอดทน (หัวเราะ)

 

ลิลลี่ : ไอ้หยา (หัวเราะ)

พ่อเล็ก : ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเปิดดูโซเชียลเท่าไหร่ เขาจะปรึกษาบ้างแต่ไม่บ่อย เขาปรึกษาน้องเจนมากกว่า

ลิลลี่ : พี่เจนก็บอกว่าเป็นพื้นที่ของเธอ แต่พอเป็นสาธารณะ เธอก็ต้องรับให้ได้ ต้องมองข้ามให้ได้ ผ่านไปให้ได้ แล้วต่อไปจะไม่มีใครทำอะไรเราได้

คนอยากได้ภาพลักษณ์ความเป็นลิลลี่ไม่โต?

ลิลลี่ : ให้โอกาสหนูโตหน่อยนะคะ (หัวเราะ) 

ทำไมสวยขึ้น ทำหน้ามาหรือเปล่า?

ลิลลี่ : ไม่นะคะ หนูยังไม่ได้ทำอะไรเลย จัดฟันอย่างเดียว สวยขึ้นตามหมอค่ะ ฉีดเอาค่ะ

เดิมทีกลัวเข็มมาก แต่ชีวิตมีจุดเปลี่ยน?

ลิลลี่ : เมื่อก่อนหนูกลัวมาก หนูเคยฉีดผิวด้วยนะคะ หนูรู้สึกว่าถ้าเข็มลงบนร่างกายหนูทนได้ แต่พอบนหน้าเราอ่อนโยนบอบบางหรือเปล่า จะเจ็บมั้ยนะ แต่หลังจากหนูฉีดครั้งแรก ก็ไม่เคยหยุดเลยค่ะ ครั้งแรกโดนยาชา ครั้งที่สองที่สาม วันนั้นหนูรีบไปงานคอนเสิร์ต หนูบอกว่าพี่ฉีดให้หนูเลยค่ะ หนูไม่เอายาชาแล้ว (เป็กกี้บอกว่าประคบน้ำแข็งเอา) พี่เป็กกี้รู้นะคะ (หัวเราะ) หนูฉีดไม่ใช้ยาชา มันก็โอเคค่ะ

ความถี่ในการพบแพทย์ บ่อยแค่ไหน?

ลิลลี่ : เดือนละครั้งค่ะ

ทำอะไรบ้าง?

ลิลลี่ : โบท็อกซ์ ลิฟท์กรอบหน้า ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์คาง โบท็อกซ์หน้าผาก โบท็อกซ์กราม ฉีดแฟต แก้ม เหนียง โบท็อกซ์ไหล่ให้ละมุน

นี่คือหัตถการที่ปกติมาก ไม่ถึงศัลยกรรม มีมั้ยในแพลนที่จะไปถึงขั้นศัลยกรรมจริงๆ?

ลิลลี่ : มีค่ะ หนูกำลังดูคิวตัวเอง อยากทำจมูกเดือนหน้าค่ะ หนูว่าทำที่ไทยก็ได้ค่ะ เกาหลีสูงไปสำหรับเรา

ดูไว้หรือยังอยากได้ทรงจมูกแบบไหน?

ลิลลี่ :   ดูไว้บ้างค่ะ แต่ก็แล้วแต่หมอค่ะ

กังวลเรื่องโหงวเฮ้งมั้ย?

ลิลลี่ : ไม่กังวลค่ะ ถ้าทำแล้วหน้าเราดีขึ้น วันนี้เสียดายไม่ได้ปรึกษาพี่หนิง (หัวเราะ)

ณ ตอนนี้เรื่องทรงผม หลายคนเป็นแฟนคลับบอกว่าจำไม่ได้แล้ว ผมไม่มีหน้าม้าแล้ว หวานกรุบ?

ลิลลี่ : จริงๆ หนูคิดว่าอยากกลับไปไว้ผมทรงนั้นเหมือนกัน แต่เพิ่งเปิดหน้าผากปีนี้นะคะ หนูไม่เคยเปิดหน้าผากเลย ขึ้นคอนเสิร์ตทุกครั้งต้องมีหน้าม้าตลอด ไม่มีหน้าม้าไม่ได้เลย เดี๋ยวเสียตัวตน พอเปิดแล้วพี่เจนบอกว่าเธอต้องเปลี่ยนบ้าง

พ่อชอบลูกก่อนหรือหลังทำ?

พ่อเล็ก : ชอบทั้งสองสไตล์ มองเขาเป็นเด็กเหมือนเมื่อก่อน ไม่คิดว่าจะโตขนาดนี้

น้องทำสวย พ่อโอเคมั้ย?

พ่อเล็ก : ไม่ว่าครับ

น้องลิลลี่ชอบพิธีกรอีกท่าน คือดีเจพุฒ มาวันนี้เพราะรู้ว่าคุยแซ่บฯ มีดีเจพุฒ?

ลิลลี่ : สเปกหนูเข้มๆ นะคะ (หัวเราะ) หนูชอบพี่พุฒมากเลยค่ะ แกยิ้มหวานมากค่ะ

ชอบหนุ่มแบบไหน?

ลิลลี่ : จริงๆ ชอบแบบพี่เอสค่ะ แต่ถ้าเรื่องบนหน้า ตา จมูก คิ้ว ปาก รอยยิ้ม ให้ดีเจพี่พุฒค่ะ (หัวเราะ)

ชอบอะไรพี่เอส?

ลิลลี่ : ชอบความเข้มค่ะ ถ้าพี่เอสจีบหนู อายุใกล้เคียงกัน หนูให้จีบนะ แต่ถ้าเป็นพี่พุฒ เรามองแบบนั้นเขาน่ารัก หล่อ แต่ถ้าให้เอาเป็นแฟน มันคงไม่ได้

ทำไมชอบผู้ชายผิวเข้ม?

ลิลลี่ : หนูว่ามีเสน่ห์ค่ะ คนผิวขาวไม่ใช่ไม่มีเสน่ห์นะคะ แต่เขายืนข้างเราเขาขาวไป เราดร็อป ไม่เด่นเลย

ถ้าแบบพี่พุฒไปนอนตากแดดสักเดือนนึง มาจีบ เอามั้ย?

ลิลลี่ : ได้ค่ะ ดูทำเพื่อเราดี (หัวเราะ)

พ่อไม่อนุญาตให้มีแฟน เพราะอะไร?

พ่อเล็ก : มีได้เลย แล้วแต่สเปกลูก

ลิลลี่ : (เอสมานั่งข้าง) หนูจะเป็นลมแล้ว หนูจะร้องไห้ (หัวเราะ)

กับพี่เจนยากมากในการขออนุญาตมีแฟน?

ลิลลี่ : เราอยู่ตรงนี้ด้วย พี่เจนกลัวมากว่าจะมีคนมาหลอกเรา แต่จริงๆ น่าจะกลัวหนูไปหลอกเขามากกว่า พี่เจนกลัวคนเข้ามาหาแบบไม่จริงใจ อยากได้ตังค์หรือเปล่า อยากมีชื่อเสียงหรือเปล่า พี่เจนเคยอยู่จุดเราด้วย

 

เคยให้พี่เจนช่วยสแกนมั้ย?

ลิลลี่ : ไม่ค่อยค่ะ พี่เจนจะเยอะ แต่ถ้าเป็นพ่อจะบอกว่าคุยกับคนนี้อยู่นะ ถ้าเสียใจก็คือคนนี้นะ แต่พี่เจนกับแม่ถ้าอาทิตย์นี้เราบอกคนนี้ แต่อาทิตย์หน้าเราบอกอีกคน เราโดนด่านะคะ

เป็นแค่คนคุยๆ?

ลิลลี่ : คุยตามประสาวัยรุ่นค่ะ

พ่อว่าไง?

พ่อเล็ก : เขาพามาหาผมตลอด ให้ดูหน้าก่อน แล้วพาตัวจริงมาเจอ

ส่วนใหญ่เจอคุณพ่อจะเกร็งมั้ย?

พ่อเล็ก : เขากลัวผมนะ ผมทำหน้าเข้มๆ พูดเสียงดัง

มีคติประจำใจว่าอยากรักทักเลย ชอบใครคือรุกจีบทันที?

ลิลลี่ : หนูรู้สึกว่าถ้าชอบก็แค่ทักหา อย่าทำให้ซับซ้อน ถ้ารอให้มีคนมาจีบ ไม่รู้เมื่อไหร่ แต่ถ้าเราอยากได้หรืออยากคุย ก็ทักไปเลย มีกดใจสตอรี่ก่อน ถ้าเขากดใจกลับ แสดงว่าเขาก็สังเกตเราเหมือนกัน อาจจะทัก หาเรื่องคุย ตอบกลับสตอรี่ไป แต่ถ้าเขาดูไม่อยากคุย หนูก็ไม่คุยเลย

เจนนี่ เมนต์ในไลฟ์บอกว่าอย่าเม้าธ์พี่เยอะ?

ลิลลี่ : ไม่ได้เม้าธ์ แค่บอกว่าเธอเป็นห่วงน้อง เขาดุเพราะรักค่ะ แต่เราไม่เข้าใจว่าดุทำไม แต่ตอนนี้เรารู้แล้ว

เจนนี่ถามว่าเมื่อไหร่ลิลลี่จะมีแฟน?

ลิลลี่ : ยังไม่มีค่ะ ถ้ามีก็อย่างที่บอก แม่ พี่ พ่อ จะรู้ ตอนนี้ยัง สถานะโสดค่ะ

คนเข้ามาต้องเป็นแบบไหน?

ลิลลี่ : เข้าใจเวลาเราทำงานกลางคืน ต้องเข้าใจเราอยู่จุดตรงนี้ สเปกเข้มๆ อย่าขาวนะคะ ขาวแล้วหนูดร็อป ยิ้มหวาน

พี่เจนฝากถามว่าคนพาไปหาพ่อ คือคนไหน?

ลิลลี่ : (กระซิบคุณพ่อ) อย่าบอกพี่เจนนะ (หัวเราะ)

พ่อลูกไม่เคยบอกรักกันเลย?

ลิลลี่ : ไม่ค่อยค่ะ เขาก็รู้ว่าหนูรักเขา แต่ไม่เคยพูดค่ะ น้องรักพ่อนะ

พ่อเล็ก : พ่อก็รักน้องเหมือนกันลูก (หอมแก้มกัน)

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ https://youtu.be/B6M3r35v2HU?si=3gxupbRsCPeT3x2y

“โยเกิร์ต” เผยเรื่องสุดแปลกใจ หลังย่องฝากไข่ อยากเป็นแม่ เคลียร์ผู้ชายรุมจีบ ไลน์จะพัง!

“โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์” ไอดอลสาวแกร่งแห่งยุค บทเรียนชีวิตหลังมีมรสุมลูกใหญ่ ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ ? ชินหรือยังกับชีวิตสาวโสด พร้อมแง้มสถานะหัวใจหากมีคนใหม่ต้องผ่านเพื่อนก่อนเท่านั้น เคลียร์ครั้งแรก ย่องฝากไข่พร้อมมีลูกแล้ว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา, ชมพู่ ก่อนบ่าย และ ตั๊กแตน ชลดา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

สดใสขึ้น ตอนนี้จิตใจกับทุกอย่างดีขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์?

“50 แล้วกัน แต่โดยรวมคือดีขึ้นค่ะ”

ในแต่ละวัน มีแว้บๆ บ้าง เหงาๆ บ้าง?

“ก็มีเนอะ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีวันที่เหงาๆ วันที่ไม่ดี แต่โดยรวมดีขึ้น อาจดีขึ้นทีละนิดทีละหน่อย แต่ไปในทิศทางที่ดีขึ้นค่ะ”

โยเองเพื่อนน้อย แต่หลังจากเจอมรสุม กลายเป็นเพื่อนเยอะไปเลย?

“โยเป็นคนมีเพื่อนสนิทน้อย แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนยินดีที่จะเป็นเพื่อนเรา อยากคอยให้กำลังใจเรา ซัปพอร์ตเรา จากทุกทิศทุกทางจริงๆ”

มีเพื่อนเกือบทั้งประเทศ?

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น้อมรับแล้วกัน ยินดีที่จะเป็นเพื่อนกับทุกๆ คน”

เดินไปไหน ไม่รู้จักกันแต่ก็เข้ามาถามว่าโอเคมั้ย?

“ใช่ เป็นคำพูดที่ทุกคนติดปากเวลาถามถึงโย ว่าโอเคมั้ย เป็นกำลังใจให้นะ ทุกคนที่คอมเมนต์ในไอจีโยพยายามอ่านให้มากที่สุด เพราะรู้สึกขอบคุณที่เขาเข้ามาคอมเมนต์เราอยากจะตามอ่านให้ได้มากที่สุด อาจกดรีแอ็กไปบ้าง แต่ข้อความไหนไม่ได้กดรีแอ็กก็อย่าน้อยใจ จะพยายามเข้าไปตามอ่านทุกคอมเมนต์ที่ให้โยจริงๆ”

นอกจากคอมเมนต์ในโซเชียล ชีวิตจริงมีคนมาเล่าเรื่องตัวเองบ้างมั้ย?

“ไม่ได้ถึงขนาดนั้น เขาอาจมีความเกรงใจ เคอะเขิน ในการเจอตัวเราจริงๆ อยู่บ้าง หลักๆ คือให้กำลังใจ โยรู้แหละว่าเขาอยากพูดอะไรที่มากกว่านั้น แต่ด้วยความเกรงใจ เป็นข้อความสั้นๆ มากกว่าที่ให้กำลังใจ”

อยู่วงการมานาน งานก็เยอะ แต่เจอมรสุมงานแน่น งานเกือบทุกวัน เหมือนงานมันให้กำลังใจเรา?

“(หัวเราะ)ใช่ค่ะ พูดตั้งแต่แรกแล้วว่าพอเกิดเหตุการณ์นี้ ขอบคุณลูกค้าทุกคนที่อยากเข้ามาทำงานกับเรา อยากคุยกับเรา อยากซัปพอร์ตเรา เรื่องรับมือกับการทำงาน โยดูแลร่างกายเตรียมพร้อม ไม่ว่าอยู่สเตจไหนของชีวิต ก็จะดูแลทั้งร่างกายและจิตใจให้ดี ร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของเรา เราต้องดูแลให้ดีตลอดเวลา คือพร้อมรับงานในทุกสถานการณ์”

คิวว่างอยู่มั้ย?

“ว่างค่ะ เบียดให้ได้ (หัวเราะ)”

 เวลาเดินแบบ เมื่อก่อนคนอาจปรบมือ แต่เดี๋ยวนี้กรี๊ด ให้กำลังใจ พูดสปีชคนก็กรี๊ดให้กำลังใจ เป็นพลังมหาศาล?

“เป็นพลังบวกที่เขาพยายามส่งให้เรา เราก็ได้รับพลังนั้นจริงๆ”

 เป็นไอดอลผู้หญิงยุคใหม่ แค่ยืนเฉยๆเชิดหน้าเบาๆ ยิ้มนิดๆ ทุกคนเอาไปทำตามหมด?

“เรื่องไอดอลก็ขอบคุณ แต่ไม่กล้าเป็นไอดอลให้ใคร ไม่กล้าสอนใคร ว่าต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้ตามฉัน แต่ถ้าใครเห็นเรื่องราวในชีวิตโยแล้วคิดว่ามีบางส่วนที่สามารถเอาไปเป็นตัวอย่าง เป็นบทเรียนให้เขาปรับใช้ในชีวิตได้ก็ยินดีมากๆ แต่เอาจริงๆ ไม่กล้าไปสอนใครอย่างนั้น”

 

 เวลาเห็นการสัมภาษณ์สตรองมากๆ แต่เบื้องหลังไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น ไม่เคยโพสต์เศร้าๆ ออกสื่อ?

“ไม่ทำแล้วกัน ถามว่ามีวันที่ร้องไห้มั้ย มี มีวันที่เสียใจ มีวันที่ดาวน์ ทรุดลงไป แต่วันไหนที่เศร้าหรือเสียใจ ก็เผชิญกับความรู้สึกนั้นให้สุด แล้วก็บอกตัวเองว่าวันนี้พอแล้วนะ ถามว่ามีมั้ย มีแน่นอน โยไม่อยากส่งเอนเนอร์จี้ลบๆ ออกสื่อ อยากส่งพลังบวกๆ พลังดีๆ ให้ฟอลโลเวอร์ ก็เลยไม่ค่อยเห็นว่าเราจะส่งเอนเนอร์จี้ลบๆ ออกไป”

ถ้าร้องไห้ร้องคนเดียว?

“ร้องคนเดียวก็มี ร้องกับเพื่อนก็มี”

เวลาระบาย ระบายกับน้องหมา?

“(หัวเราะ) เอาเป็นว่าเวลาโยเจอความรู้สึกแย่ๆ หนึ่งในการฮีลคือเล่นกับหมา โยรู้สึกว่าเขาเป็นพลังบวกให้เรา ไม่รู้ใครเลี้ยงหมามั้ย น่าจะได้รับพลังนั้นเหมือนกัน ไม่ว่าเขาจะเหนื่อยขนาดไหน ก็จะส่งพลังบวกให้เรา โยว่าเขารู้นะว่าเรามีการเปลี่ยนแปลงยังไง พลังที่เขาส่งมาให้เรา บวกกับเราตลอด บางครั้งไม่อยากพูดกับใครก็พูดกับหมา พูดกับลูกชาย 2 ตัว บางทีแค่มองตาก็โอเคแล้ว โยว่าเขารับรู้ได้นะ”

อยากให้ส่งพลังแรงบันดาลใจให้คนที่ชม?

“โยว่าการรักตัวเองเป็นพื้นฐานที่ดีของความรัก แต่การรักตัวเองของเราต้องไม่ทำร้ายใคร ถ้าเชื่อว่าสิ่งที่เราจะทำ เป็นสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง โยคิดว่ามีคนรอบตัวเราพร้อมซัปพอร์ตเราอยู่แล้ว แต่ต้องย้ำว่าดีและถูกต้อง”

คนในวงการบันเทิงก็มีเยอะมากๆ ที่ให้กำลังใจโย มีใครบ้างที่เราเซอร์ไพรส์?

“เยอะมาก มาทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นในโลกโซเชียล ไอจี มาคอมเมนต์ ดีเอ็มมา แต่คนนึงที่เราคิดว่าท่านทราบข่าวด้วยเหรอ ท่านถามข่าวเรา คือคุณไพบูลย์ มีโอกาสได้เจอคุณไพบูลย์ ท่านก็ถามว่าเป็นยังไงบ้าง เราก็โอ้ คุณไพบูลย์ (หัวเราะ) ติดตามด้วยเหรอ”

 ลิซ่าก็ให้กำลังใจ?

“ใช่ค่ะ ตั้งแต่เกิดเรื่องเลยน้องก็ให้กำลังใจ นอกจากให้กำลังใจก็พูดว่าสิ่งที่เราทำ เอฟเฟกต์อะไรกับเขา ส่งผลต่อความรู้สึกเขายังไง”

เอ็มวีเพิ่งเปิดตัววันนี้ 7 โมงเช้า ยอดวิวจะ 10 ล้านแล้ว?

“โยดูแล้วค่ะ ถ้ายอดวิวขึ้น หนึ่งในนั้นเป็นโย (หัวเราะ) ตอนนี้ 10 ล้านแล้ว”

ติดเทรนด์โลกไปแล้ว ลิซ่ายังให้กำลังใจโย ก็ต้องเป็นบุคคลที่ทุกคนรัก อีกคนให้กำลังใจเต็มที่ คือใคร?

“พี่หนิง ปณิตา พี่กรณ์ ณรงค์เดช ก็มี ให้กำลังใจช่วยซัปพอร์ต พี่หนิงซัปพอร์ตมาตลอด โยรู้สึกว่าสิ่งที่เขาคอยซัปพอร์ต ช่วยเหลือเราเขามองเรายิ่งกว่าคนในครอบครัว ยิ่งกว่าน้องสาวแท้ๆ ของเขา”

 สนิทตอนไหน?

“จริงๆ ไม่ได้สนิทกับพี่หนิงขนาดนั้นเลย แรกๆ พี่หนิงก็หมั่นๆ โยเหมือนกันนะ (หัวเราะ) แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาซัปพอร์ตสุดๆ ช่วยเหลือ เรารู้สึกว่าเขามองเรายิ่งกว่าคนในครอบครัวจริงๆ”

 

เขาสอนอะไรบ้าง?

“ไม่ได้สอนอะไรขนาดนั้น แต่อย่างที่พี่ๆ รู้ พี่หนิงไม่ใช่คนพูดเยอะ พูดน้อยแต่ต่อยหนัก พูดสั้นๆ ได้ใจความ แต่สิ่งที่เขาทำให้โยรู้สึกคือการกระทำ ไม่ใช่แค่คำพูด การกระทำเขาทำให้โยเห็นว่าพี่พร้อมซัปพอร์ต พร้อมช่วยเหลือ พี่เต็มใจ เวลาโยทักไป จะพูดมาก่อนเลยว่ามีอะไรให้พี่ช่วย กลับดีๆ นะโย ซึ่งบางครั้งเราไม่ได้อยากได้ความช่วยเหลือจากเขา นึกออกมั้ยคะ แค่อยากจะทักไป เซย์ฮัลโหล พูดก่อนเลย มีอะไรให้พี่ช่วย รู้สึกว่าโอ้ย พอแล้ว บางทีเราแค่คิดถึงกัน อยากโทรหากัน อยากส่งความรู้สึกดีๆ หากัน ไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่พิมพ์หาหรือโทรหา จะต้องการความช่วยเหลือ”

 ถ้าพี่หนิงดูอยู่ อยากพูดอะไร?

“รักนะ เป็นคนไม่พูดเยอะเหมือนกัน แต่คิดว่าพี่หนิงรู้ รักนะ (ทำมินิฮาร์ต) คิดถึงเหมือนกัน และรักน้องณิรินด้วยค่ะ” 

อายุ 37 การเริ่มต้นใหม่มันยากมั้ย?

“มันไม่ง่าย 37 นี่เกือบครึ่งชีวิตของคน ทุกอย่างมีความยากความง่าย แต่สำหรับเรื่องนี้ โยว่ามันไม่ง่าย” 

แต่ดูเหมือนคน 20 ต้นๆ ทำให้เป็นอิสระในช่วงนี้ ได้กลับมาใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง?

“ใช่ค่ะ ก่อนหน้านี้เวลาเราคิดจะทำอะไร เราจะคิดเป็นแพ็กเกจ ไม่ได้คิดแค่ตัวคนเดียว ทุกอย่างมองถึงผลดีของคู่ ถึงผลดีของกลุ่ม แต่พอมีโอกาสได้ใช้ชีวิตตัวคนเดียวตอนนี้ ก็ได้พิจารณา ยึดตัวเราเป็นหลักบ้าน คิดถึงสิ่งดีๆ ให้กับเรา มันก็เป็นอีกมุมนึงที่ก่อนหน้านี้เราไม่ได้คิดเลย ก็เป็นโอกาสได้พิจารณาสิ่งที่เป็นของตัวเองจริงๆ ความสุขของตัวเองจริงๆ”

อะไรบ้างที่ได้ทำ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำ?

“หลายอย่างมาก ล่าสุดทริปไปสงกรานต์ โยเดินทางคนเดียว โยไปปารีสคนเดียว ซื้อทัวร์ไปทัวร์พิพิธภัณฑ์คนเดียว เป็นสิ่งที่โยอยากทำ เวลาดูหนังเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ โยจะอิน โยอยากรู้ อยากไปดูสถานที่จริง อยากไปฟังประวัติศาสตร์ที่มากกว่าที่เราได้ดูในหนัง นี่คือหนึ่งในสิ่งที่เราอยากทำมานาน และเราได้ทำคนเดียว ก็รู้สึกว่าไปพิพิธภัณฑ์คนเดียวก็ไปได้นี่หว่าไม่เห็นต้องรอให้ใครไปด้วยเลย ก็ทำได้”

ไม่ได้มีเรื่องน่ากลัว?

“มีนิดนึง เพราะเดินทางคนเดียว จำได้ว่าไฟลต์กลับมาเมืองไทย ประมาณ 6-7 โมง เราต้องไปสนามบินตีสี่ นอนคนเดียวที่โรงแรม เลยลองทำดู เรียกอูเบอร์ แท็กซี่ไปสนามบินคนเดียวตอนตีสี่ ด้วยกระเป๋าสัมภาระทั้งหมด ปารีส ฝรั่งเศส เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องเราต้องระมัดระวังตัว โยว่าทุกช่วงเวลาแหละ ทุกครั้งที่เดินทางไปแถบนั้น ต้องระมัดระวังตัว แล้วเป็นผู้หญิงคนเดียว เดินทางคนเดียว ตอนตีสี่ เมืองที่เราไม่ได้รู้จักใคร ก็ขนลุกอยู่เหมือนกัน ตอนโยนั่งรถแท็กซี่ไปสนามบิน ก็ยังโพสต์สเตตัสว่ามันกุ๊กกู๋อยู่เหมือนกันนะ (หัวเราะ) มันตื่นเต้น มันกดดัน แต่ก็โอเค ทุกอย่างผ่านไปได้ปลอดภัยดีค่ะ”

เวลาเดินทางคนเดียว แว้บเหงามั้ย?

“เหงาค่ะ เดินทางไปยุโรป ปกติต้อง 10 ชม. ซึ่งเราไม่ได้เดินทางคนเดียว มีคนพูดคุย แชร์ประสบการณ์ น้ำลายเราไม่บูด (หัวเราะ) แต่นี่คุยกับใครดี สมมติเจออะไรใหม่ๆ คุยกับใคร เก็บไว้ก่อน ค่อยคุยไลน์กับเพื่อน”

ฝรั่งก็เหลียวหลังอยู่?

“เวลาใส่แบรนด์ไทยไป คนจะชอบทักตลอดว่ายูใส่เสื้อจากที่ไหน แบรนด์ที่ไหน ประเทศอะไร กระเป๋ายูจากที่ไหนประเทศอะไร พอบอกว่าฟรอมไทยแลนด์ เขาก็จะโอ้ ว้าว” 

มีเรื่องนึงที่แปลกใจมาก ได้ยินมาตลอดว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยอยากทำเลย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจทำ คือเรื่องอะไร?

“คือบทบาทความเป็นแม่ เรียกว่าไม่ได้มีความรู้สึกอยากเป็นในช่วงชีวิตที่มีชีวิตคู่ ณ โมเมนต์นั้น ตอนนั้น แต่พอจบความสัมพันธ์ไป เราก็เฮ้ย มันก็มีโอกาสที่น่าจะเป็นไปได้นี่หน่า มีโอกาสที่เราน่าจะเป็นแม่คน ไปดูข้อมูล เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าเราจะเจอใคร เมื่อไหร่ เรายังไม่เจอหนุ่ม (หัวเราะ) แต่จินตนาการไว้ว่าเดี๋ยวจะเจอ ก่อนเจอก็เตรียมตัว วางแผน เพราะอายุ 37 ก็ไม่ได้น้อยแล้ว เดี๋ยวจะฝากไข่แน่นอน ไปตรวจเลือดมาแล้วด้วยนะ เวลาโยเลือกหรือทำอะไรจะศึกษาข้อมูลมาแล้ว ไปตรวจเลือดสเต็ปแรกมาแล้ว ดูว่าอายุไข่เป็นยังไง เรื่องที่แปลกใจสำหรับโย คือโยดูแลตัวเองค่อนข้างดีนะ เดี๋ยวผลตรวจออกมา อายุไข่เราต้องน้อยกว่าอายุจริงเราแน่ๆ คิดเข้าข้างตัวเองสุดฤทธิ์ แต่จริงๆ ไม่ค่ะ เป็นค่าเฉลี่ยอายุประมาณนี้ ทุกคนที่วางแผนเรื่องนี้อย่าชะล่าใจ อย่าคิดว่าเราดูแลตัวเองดี แล้วจะฝากไข่เมื่อไหร่ก็ได้ ใครมีความคิดนี้ ถ้ามีโอกาสฝากยิ่งเร็วยิ่งดี โยปรึกษาคุณหมอช่วงที่เหมาะสม 20 ปลายหรือ 30 ต้นกำลังดี”

เราตรวจแล้วค่าไม่ดีเหรอ?

“คิดว่าค่าจะดีกว่านี้ เพราะเราดูแลตัวเองดีมาตลอด คิดว่าน่าจะดีกว่านี้ แต่กลายเป็นว่าค่าปกติ คุณหมอบอกว่าถ้าเก็บก็ได้สัก 10 ใบ โยทำการบ้านค่อนข้างพอสมควรค่ะ ได้อาจารย์ที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ซึ่งสถิติทำที่นี่ติดสูงมากๆ พออายุมากขึ้น ประสิทธิภาพของไข่มันลดลง”

ตอนนี้มีผู้ชายมาจีบเยอะมั้ย เห็นว่าไลน์จะพังแล้ว?

“(หัวเราะ) เปลี่ยนเรื่อง เราไม่ได้เปิดไม่ได้ปิด ไม่ได้ค้นหา ไม่ได้โฟกัส อาจบีซี่เรื่องงาน ไม่ได้นั่งโฟกัสว่าเมื่อไหร่จะเจอสักที”

น้องเทรนเนอร์?

“เป็นเทรนเนอร์พี่ต้นหอมด้วย นางติดใจ ตามไปออกกำลังกายด้วยกัน”

แต่มีแพลนฝากไข่?

“ก็เป็นการวางแผน เจอเมื่อไหร่ไม่รู้ ต้องวางแผนไว้ก่อน ถามว่าสเปกมีมั้ย เราอย่าเพิ่งเฉลย ให้นักเรียนทำข้อสอบไปก่อน” 

 ผู้ชายเข้ามาต้องผ่านด่านเพื่อนๆ ซึ่งยากเหมือนกัน?

“ทุกคนรอบข้างอาสาค่ะ จะช่วยสแกนให้ ด่านแรกคือคุณมิลิน คุณเจน หลายคนค่ะ พ่อหมู อาซาว่า แต่ละท่าน คุณส้ม (หัวเราะ)”

แบบไหนที่เพื่อนสแกนไม่ผ่านแน่ๆ?

“สำคัญอยู่ที่เรา ต้องเอาเราเป็นตัวตั้งก่อน แต่เพื่อนทุกคนพร้อมช่วยสแกน”

หลังจากเจอมรสุมหนักๆ เราได้บทเรียนอะไรจากเรื่องนี้บ้าง?

“เป็นมุมมองแล้วกันนะคะ โยว่าการตั้งเป้าหมายในชีวิตให้ชัดเจน มันทำให้สเต็ปของเราในการก้าวไปสมูทมากขึ้น การรายล้อมตัวเองด้วยเพื่อนที่มีทัศนคติดีๆ ทำให้การใช้ชีวิตก้าวไปของเราง่ายขึ้นเหมือนกัน”

ตั้งเป้าหมายความฝันไว้ยังไง?

“มีคนถามเยอะมาก แต่เป็นสิ่งที่เราอยากแชร์ของเราคนเดียว ยังไม่อยากแชร์กับใคร”

ถ้ามีคนรู้ใจ จองมารายการเรารายการแรก?

“อาทิตย์หน้าก็มาแล้วค่ะ (หัวเราะ)”

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ https://youtu.be/CfbzG4r-pJs?si=9pR0hiT0ae5OQld5

“กรีน” เปิดตัวน้องชายต่างแม่คนที่ 3 ไม่เคยเจอหน้า 30 ปี ชีวิตสุดทรหดต้องใช้หนี้แทนพ่อ 30 ล้าน

ที่แรก! “กรีน” เปิดตัวน้องชายต่างแม่คนที่ 3 ไม่เคยเจอหน้า 30 ปี ชีวิตสุดทรหดต้องใช้หนี้แทนพ่อ 30 ล้าน

 “กรีน อัษฎาพร” นางเอกเจ้าบทบาท วันนี้ควง “พัตเตอร์” น้องชายต่างมารดา ไม่เจอหน้ามากว่า 30 ปี เปิดใจครั้งแรก เผยชีวิตสุดทรหดต้องใช้หนี้แทนพ่อกว่า 30 ล้านบาท เครียดจัดโดนตามทวงหนี้ ขู่จะแฉ จนคิดขายบ้าน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ , บูม สุภาพร และซินแสเป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

 

หน้าตาน้องหล่อมาก?

กรีน :   โสดนะคะ (หัวเราะ)

เป็นน้องชายแท้ๆ ของกรีน วันนี้เปิดตัวเป็นครั้งแรกและที่แรก ตื่นเต้นมั้ย?

พัตเตอร์ : ตื่นเต้นครับ ปกติมีธุรกิจอยู่ที่เชียงใหม่ เป็นร้านกาแฟและร้านอาหารครับ อยู่แถวๆ นิมมาน

 

30 กว่าปี กรีนไม่รู้เลยว่ามีน้องชาย มาทราบตอนไหน?

กรีน : คุณแม่บอกค่ะ บอกก่อนคุณพ่อจะเสีย เราไม่รู้หรอกว่าคุณพ่อจะเสียวันไหน แต่แม่บอกว่ามีน้องอีกคนนะชื่อพัตเตอร์ ตอนนั้นไม่ได้อะไร มีแบลงก์ๆ ไปหน่อย แต่ไม่ได้ติดต่อกัน แต่แม่ติดต่อ เป็นน้องคนละแม่ 

ตอนรู้ว่ามีน้องคนละแม่ ตอนนั้นรู้สึกยังไง?

กรีน : อาจรู้ตอนโตแล้ว เลยไม่ได้รู้สึกเฮิร์ต รู้สึกว่ามีน้องชายอีกคนนึง ดีใจที่มีน้องชาย

 

ได้เจอครั้งแรกตอนไหน?

กรีน : งานศพคุณพ่อ หนูก็เข้าไปกอดเขาเลย เพราะรู้สึกว่าเหมือนเขาไม่ได้รับการดูแลที่ดีมากพอ การทักทายอันแรกที่หนูไปกอดเขา มันน่าจะเป็นอะไรที่ทำให้สัมพันธ์พี่น้องน่าจะเร็วขึ้น ชัดขึ้น

 

อะไรทำให้รู้สึกว่าเขาไม่ได้รับการดูแล?

กรีน : จริงๆ ตัวหนูเอง คุณพ่อก็ไม่ได้อยู่บ้านเหมือนกัน เขาอยู่ต่างจังหวัดตลอด การที่เขากลับมา เขาจะพยายามพาเราไปกินข้าว ไปเที่ยว ก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ถ้าพูดหนูเป็นครอบครัวใหญ่ เขาเป็นครอบครัวที่รองลงมาจากหนู ก็เลยมองตามสภาพว่าเขาน่าจะได้รับการดูแลที่ไม่ได้ดีมากพอ

 

ความรู้สึกแรกที่โอบกอด?

กรีน : พยายามให้ความอบอุ่นเขาเท่าที่ทำได้ เขาไม่ใช่ตัวคนเดียวนะ มีพี่อยู่ตรงนี้ 

 

พัตเตอร์รู้สึกยังไง พี่สาวโอบกอด?

พัตเตอร์ : ขนลุกครับ (หัวเราะ) ก็ตกใจนิดนึง แล้วก็แปลกๆ ดี 

 

แนะนำตัวว่าไง?

พัตเตอร์ : ก็ทักทายเป็นปกติ สวัสดีครับ อะไรแบบนี้

 

ก่อนหน้านี้พัตเตอร์ทราบมั้ยว่าเรามีพี่สาว?

พัตเตอร์ : ไม่ได้ทราบแบบชัดเจน เราก็เห็นแค่นามสกุลแปะอยู่คล้ายๆ กันเฉยๆ

 

นามสกุลตอนกรีนไปประกวดเอเอฟ?

พัตเตอร์ : ใช่ แต่ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะนามสกุลซ้ำมันเยอะอยู่แล้ว 

 

กรีนไม่ได้มีน้องชายแค่พัตเตอร์คนเดียว มีน้องชายอีก 2 คนที่ต่างแม่อีก?

กรีน : ใช่ (หัวเราะ) เรื่องพัตเตอร์รู้ตอนป่ะป๊าเสีย ส่วนน้องอีก 2 คนที่อยู่ทางใต้ รู้เพราะคุณพ่อบอกเอง บอกผ่านไลน์

 

น้องสองคน กรีนก็เห็น?

กรีน : ตอนกรีนอายุ 18 เข้าวงการไปโปรโมตอควาเรียม ก็เห็นเด็กๆ ผู้ชายสองคนวิ่งอยู่แถวนั้น แต่ไม่รู้ว่าเป็นน้อง เพราะเขาให้เด็กเรียกป่ะป๊าว่าลุง ไม่ได้ให้เรียกว่าพ่อ ก็ไม่รู้เลย แบบไม่รู้ ก่อนป๊าเสียปีสองปี กรีนพูดเรื่องครอบครัวอะไรสักอย่างกับป๊าเขาก็พิมพ์มายาวมาก บอกว่าเขากลับมาเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ตอนนั้นความซื่อบื้อของกรีน ก็งง ให้เขาอธิบายว่ามันคืออะไร เขาอธิบายมายาวมาก เขาบอกว่าเขามีอีกครอบครัว เป็นน้องชายสองคน ชื่อ ไนซ์ อายุ 25-26 ส่วนน้องนาส ตอนนี้อยู่มหาวิทยาลัยที่สงขลา น่าจะ 19-20 ประมาณนี้

พัตเตอร์อายุเท่าไหร่?

พัตเตอร์ : 30 ครับ

 

กรีน : หนูเป็นพี่ใหญ่ พี่คนโต 

 

กรีนมีพี่น้องสามคน เป็นน้องสาวหมดเลย?

กรีน : ใช่ค่ะ มีน้องสาวสองคน คนกลางอายุมากกว่าพัตเตอร์ปีนึง อายุ 31 

ตอนนี้กลายเป็น 6 คนพี่น้อง?

กรีน : ใช่ค่ะ ครอบครัวใหญ่มากเลยค่ะ

 

วันนึงได้รวมตัวกันในครอบครัว 6 คน ณ โมเมนต์รู้สึกยังไง?

กรีน : รู้สึกว่ามีคนช่วยงานเยอะดีค่ะ (หัวเราะ) กรีนรู้สึกดีค่ะ ไม่รู้สึกว่าโห เราไม่เคยรู้จักเขาเลย เราไม่สามารถประสานความสัมพันธ์ ไม่มีความรู้สึกแบบนั้นเลย รู้สึกแค่ว่าอยากดูแลน้องๆ ทุกคนให้ดีแทนป่ะป๊าด้วยซ้ำค่ะ

 

พัตเตอร์ล่ะ เราเป็นลูกฝั่งภาคเหนือคนเดียว มาวันนึงตอนนี้จากลูกคนเดียว มีพี่น้องเยอะมาก รู้สึกยังไง?

พัตเตอร์ : เป็นเรื่องที่แปลกสำหรับผมที่โตแล้ว แล้วมารู้ทีหลัง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ อาจเพราะเราโตแล้วด้วยมั้งมีพี่น้องเยอะก็โอเค ดีกว่าไม่มีใครเลย

 

6 คนได้พูดคุยกันมั้ย?

พัตเตอร์ : คุยกันไม่ครบ มีคุยกันแค่ 4 คนครับ 

 

รู้สึกว่ามีช่องว่างบางอย่างมั้ย?

พัตเตอร์ : ช่วงแรกๆ ต้องมีอยู่บ้างอยู่แล้วครับ เพราะเราไม่ได้เจอกันตอนเด็กๆ เราเจอกันตอนโต เราได้คุยกันบ้างผ่านโซเชียลมีเดีย ก็ค่อยๆ ละลายพฤติกรรมกันไป ก็เข้าใจกันมากขึ้นครับ 

 

ครั้งแรกก่อนเจอกัน รู้สึกยังไง?

พัตเตอร์ : ตื่นเต้นพอสมควรครับ 

 

กลัวพี่สาวไม่โอเคกับเรา หรือพี่น้องคนอื่นๆ จะไม่โอเคมั้ย?

พัตเตอร์ : มีคิดไว้บ้างครับ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าถ้าเขาจะยอมรับเราหรือไม่ เราไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไร เราอยู่ในจุดที่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้ว ถ้ายอมรับก็โอเค ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร เราเตรียมใจไว้แล้วไม่ว่าจะถูกปฏิเสธหรือตอบรับ 

 

วันนึงแสดงตัวขึ้นมา คนอาจมีคำถามว่าเราแสดงตัวเพื่ออะไร ทำไมต้องแสดงตัว พัตเตอร์กังวลมั้ย?

พัตเตอร์ : ส่วนตัวไม่ได้กังวล เพราะเราเข้ามาในพาร์ตพี่น้อง ไม่ได้เข้ามาหวังผลอะไรจากความสัมพันธ์ขนาดนั้น ไม่ได้รู้สึกว่าเข้ามาเพื่อเอาเงิน เราแค่รู้สึกว่าเขาคือพี่เรา เรารู้สึกแค่เป็นพี่น้อง พี่คุยกับน้อง 

ด้านนึงอาจมองว่าเรามาเพราะหวังผลประโยชน์ เพราะพี่คุณดัง อยากตอบคนคิดแบบนี้ยังไง?

พัตเตอร์ :   ไม่ได้เป็นอย่างที่คนเหล่านั้นรู้สึกนะครับ เราไม่ได้หวังผลประโยชน์ใดๆ ก็สบายใจได้ ก็เป็นน้องคนหนึ่ง

 

กรีน : ไม่มีทางที่เขาจะหวังผลประโยชน์แน่นอน เพราะหลังจากที่ป๊าเสีย กรีนได้รู้จักเขา กรีนอยากรู้จักเขามากขึ้น ก็เลยขึ้นเหนือไปที่เชียงใหม่ อยากรู้ทุกอย่างว่าเขาทำอะไร เขาเติบโตด้วยตัวเองมาได้ยังไง เขามีธุรกิจของเขา มีหุ้นส่วนของเขา กรีนเห็นร้านกาแฟเขาแล้วแบบ เฮ้ย ทำคนเดียวเหรอ เขาทำกับเพื่อน แต่เขาทำได้ดีกว่ากรีนอีก กรีนก็อยากทำธุรกิจที่มีระบบแบบเขา ถ้าใครมาเห็นร้านกาแฟเขาจะเห็นเลยว่าเขาทำงานมีความรับผิดชอบมาก มันจะไม่ใช่แบบนี้ จะเป็นอีกแบบ เวลาพูดเขาจะพูดแบบธุรกิจ ไม่ได้หวังผลอะไรจากเรา เห็นแต่ความจริงใจที่เขามีให้เรา ซึ่งวันนี้เขามาออกรายการกับกรีนได้ เพราะเขามาอยู่กับกรีนที่กรุงเทพฯ ประมาณเดือนนึง อยากให้เขาพัก เพราะเขาเปิดร้านมา 8 ปี ไม่เคยได้พักเลย ทำงานตลอด พอเขาได้พัก ได้รู้จักกันมากขึ้น เขาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการกรีนไปเลย พูดภาษาง่ายๆ กรีนเป็นง่อยได้เลย ทุกวันนี้แทบไม่ได้ทำอะไรเลย เขาขับรถให้กรีน ปกติเราพึ่งพาตัวเองทุกอย่าง แต่พอเรามีน้องชาย นี่คือความสามารถพิเศษของครอบครัวเรา พอเรามีน้องชาย แล้วน้องชายมาช่วยเหลือเรา (หัวเราะ) 

 

แววตาความสุขความเป็นครอบครัว มันบ่งบอกออกมา?

กรีน : ค่ะ หนูพูดด้วยความรู้สึกจริงๆ และหนูจริงใจ แล้วหนูก็เห็นความจริงใจที่เขามีให้หนู เขาก็เป็นคนดี เขาบอกว่าถ้าหนูจะมีแฟน ต้องหาแฟนได้ดีกว่าเขาเกิน 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหนูไม่รู้จะหาจากที่ไหนเหมือนกัน (หัวเราะ) เขาเป็นห่วงหนูทุกกระเบียดนิ้ว หนูจะเดินไป ถ้ามีทางชันก็จะบอกว่าเดินดีๆ ระวัง เขาจะพูดแบบนี้ตลอดเวลาเลย ไม่ให้หนูถือของอะไรเลย กลัวหนูนิ้วล็อกมั้งไม่รู้เหมือนกัน ไม่ให้ถืออะไรเลย แล้วล่าสุดไปไหว้พระกันที่ฮ่องกง เขาสะพายกระเป๋าหนักมากคนเดียว 2 กิโล ไม่ยอมให้ใครถือเลย พออยู่ด้วยกันทุกวัน มันเห็นว่าเขาไม่ได้ต้องการเงิน ไม่ต้องการอะไร เขาต้องการแค่ความอบอุ่น 

 

ถ้าวันนึงเขาเปลี่ยนนิสัยทุกอย่าง จะทำยังไง?

กรีน : ถ้าเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยนเหรอคะ 

 

ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง จะเป็นยังไง เหมือนในหนัง?

กรีน : คงเสียใจแหละ แต่สุดท้ายสิ่งที่หนูให้เขาคือความจริงใจ ถ้าเขาจะเล่นละครใส่หนู หนูก็ให้เขาไปแล้ว ก็ไม่ได้ต้องการจะมาเอาคืน แต่ถ้าเขาจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็อยากให้เขาเดินไปในทางที่ดีกว่านี้ ไปเจอคนที่ดีกว่านี้ค่ะ

 

พัตเตอร์ ก้าวเข้ามาในชีวิตพี่สาว อาจไม่ได้นาน ไม่ได้เติบโตกันมา ทำไมหวงพี่เขาจัง อยากดูแลเทคแคร์พี่สาวคนนี้ที่เราไม่เคยเจอ?

พัตเตอร์ : เห็นแล้วเป็นห่วงครับ

 

กรีน : หนูซื่อบื้อค่ะ โง่ๆ งงๆ โบ้ๆ เบ้ๆ เขาก็เลยอยากดูแล (หัวเราะ)

 

พัตเตอร์ : เราเป็นผู้ชายด้วยมั้งครับ ก็เลยอยากดูแล เขาเป็นพี่เรา ต่อให้ไม่มีระยะที่เติบโตมาด้วยกัน แค่เข้าใจกัน ก็ดูแลกันได้แบบทั่วไปครับ

 

อะไรทำให้เราสองคนจูนและคลิกกันได้ขนาดนี้?

กรีน : นิสัยที่คล้ายกัน อีกอย่างความเป็นน้อง กรีนเปิด และโอเพ่นมายด์ พอรู้ว่าเป็นน้อง เราพร้อมโอบรับทุกอย่าง ยิ่งมาในจังหวะที่คุณพ่อเสีย กรีนรู้เรื่องราวของเขา กรีนรู้สึกว่ากรีนอยากเป็นตัวแทนของพ่อ พยายามทดแทนในสิ่งที่เขาไม่ได้รบ ก็อยากเติมเต็มตรงนั้นให้ได้มากที่สุดในเวลาที่เหลือของเราค่ะ

 

รู้สึกว่าเขาเป็นตัวแทนของพ่อด้วยมั้ย เป็นลูกของพ่อ เป็นผู้ชายสายเลือด เป็นรักไม่มีเงื่อนไข?

กรีน : ใช่ค่ะ เป็นรักไม่มีเงื่อนไขจริงๆ อยากให้เขาทุกอย่าง ถ้าเปย์ได้ก็อยากเปย์เยอะๆ ค่ะ 

 

ตอนนี้มีปัญหาที่เกิดขึ้น พอคุณพ่อเสีย กรีนแบกรับหนี้สินคุณพ่อทั้งหมด 30 ล้าน?

กรีน : จริงๆ มีน้องสาวอีก 2 คนที่ช่วยกันในครอบครัว

 

กรีนไม่ต้องแบกรับก็ได้?

กรีน : พูดแบบนั้นก็ได้ค่ะ

 

อะไรทำให้เราคิดว่าอยากรับผิดชอบส่วนนี้ให้คุณพ่อ?

กรีน : เพราะเป็นคุณพ่อแหละค่ะ เรารู้สึกว่าคงเป็นหน้าที่ของลูกที่ต้องรับผิดชอบ เขาก็เลี้ยงเรามา ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว เราคงต้องทำอะไรกลับ คงมีสิ่งนี้แหละที่เราแก้ปัญหาให้แล้วกัน

 

คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตมั้ย 30 ล้าน?

กรีน :   ก็มีจังหวะที่คิดว่า ไม่คิดว่าจะทิ้งมรดกให้ขนาดนี้ แต่มองอีกมุมนึง มรดกนี้ทำให้เรามีแรงเสียดทานในชีวิตเรา ทำให้เราลุกขึ้นมาทำงาน กระตือรือร้น แอ็กทีฟ อยากทำโน่นทำนี่เพื่อกลบหนี้ตรงนี้ กรีนมองในมุมที่ดีไป มีจังหวะที่เราท้อแหละ แต่คิดว่าเป็นแรงขับเคลื่อนให้เราอยากทำงานนะ อยากเล่นละครนะ เราต้องทำงานตรงนี้นะ อย่าหยุดทำงานนะ เป้าหมายเราจะชัดเจนมากขึ้น 

 

30 ล้านมาจากไหน?

กรีน : กรีนอาจลงรายละเอียดได้ไม่ลึก มันเป็นเรื่องธุรกิจที่เขาทำ ณ ตอนนั้นค่ะ กรีนไม่ค่อยรู้รายละเอียด กรีนมารู้ผลลัพธ์เลย (หัวเราะ)

 

มีเจ้าหนี้ทวงหนี้หน้าบ้าน?

กรีน : มีโนติสเข้ามา และมีโทรเข้ามาหาน้องสาว มาขู่ ไม่ได้ขู่ฆ่านะคะ แต่บอกว่าถ้าไม่จ่ายเงินตามที่บอก เราเป็นนักแสดง คนมีชื่อเสียง จะเอาชื่อเราไปทำลาย ตอนนั้นหนูเป็นคนที่มีความขี้กลัว ไม่อยากแลก ก็เลยตัดสินใจว่างั้นก็จ่ายให้เขาไป ไม่ได้เป็นเงินก้อนใหญ่ แต่เป็นน้ำพักน้ำแรงที่เราหามา จริงๆ คุยกันในครอบครัวว่าจะเอายังไงดี แต่เหมือนมันทำอะไรไม่ได้แล้ว พอคุ้ยเรื่องลึกๆ ฝั่งพ่อเราก็มีส่วนเหมือนกัน ก็เลยจบปัญหาด้วยการจ่ายไป 

 

เก็บเงินทั้งชีวิตไปจ่ายตรงนี้?

กรีน : ก็เงินเราเองค่ะ

 

เดือนๆ ต้องจ่ายเท่าไหร่?

กรีน : ถ้าบอกตัวเลขมันก็เยอะ แต่เหมือนเรามีการเจรจา ต่อรอง คุย ทางโน้นเขาก็เห็นใจ รับรู้เรื่องข่าว ไม่ได้เยอะมาก เป็น 5 หลัก 4 หลักที่ช่วยกัน

 

นอกจากช่วยในส่วนคุณพ่อแล้ว เราต้องดูแลเรื่องการผ่อนบ้านอีก?

กรีน : ใช่ จริงๆ บ้านผ่อนหมดแล้ว บ้านอยู่มาเป็น 20 ปีแล้ว แต่ก็เพิ่งมารู้ว่าคุณพ่อเอาบ้านไปรีไฟแนนซ์

 

พัตเตอร์พอเห็นว่าพี่สาวแทบเป็นพี่ชาย เป็นหัวหน้าครอบครัว ทั้ง 6 คนเลย เราซัปพอร์ตยังไง?

พัตเตอร์ : ให้กำลังใจตลอด ถามว่าเป็นยังไงบ้าง โอเคมั้ยเหนื่อยหรือเปล่า ช่วยอะไรได้บ้างมั้ย ทั้งตอนนี้และในอนาคต ถามตลอดถ้ามีปัญหาอะไรก็มาบอกได้ เป็นพี่น้อง ยังไงก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว 

 

ก่อนหน้านี้พัตเตอร์ไม่รู้เรื่องตัวเลข พอวันนี้รู้ว่า 30 ล้าน อยากบอกอะไรพี่สาว?

พัตเตอร์ : สู้ๆ (หัวเราะ) เดี๋ยวช่วยกันเนอะ สู้ๆ ไปด้วยกันนะ

 

กรีนไหวมั้ย?

กรีน : ไหวค่ะ กรีนว่าต่อให้จะดำมืดแค่ไหน ในความดำมืดก็มีแสงสว่าง ต่อให้แสงเล็กแค่ไหนก็ตาม มันมีแสงแล้ว มันก็คือทางออก

 

เคยร้องไห้มั้ย?

กรีน : ร้องค่ะ แต่ร้องแค่แป๊บเดียว ไม่ได้แล้ว ต้องลุกขึ้น

 

เคยคิดจะขายบ้าน?

กรีน : ตอนนั้นคิดว่าจะทำยังไงดีน้า ขายบ้านไปเลยมั้ย แล้วจะไปอยู่ที่ไหนดีน้า ของเยอะมากเลย ไม่ขายดีกว่า ก็คิดอะไรหลายๆ อย่างค่ะ ก็ผ่อนไปเรื่อยๆ

 

พัตเตอร์ก็เป็นหนึ่งในแสงสว่างที่มาซัปพอร์ตให้กำลังใจกรีน?

กรีน : ใช่ เราไม่ได้ตัวคนเดียว เรายังมีน้องๆ อย่างพัตเตอร์ เขาให้กำลังใจ เรามีครอบครัว แค่นี้ก็โอเคแล้วสำหรับหนู 

 

พัตเตอร์มีแฟนหรือยัง?

พัตเตอร์ : ไม่มีครับ 

 

กรีน :   บอกไปสิเพิ่งโสด

 

พัตเตอร์ : (หัวเราะ) ครับ 

 

มีคนมาแอ๊วเราบ้างมั้ย?

พัตเตอร์ : มีครับ 

 

มีสเปกมั้ย?

พัตเตอร์ : ไม่มีครับ ได้หมดครับ ขอแค่เข้าใจผมก็พอ

ต้องแบบพี่สาวมั้ย?

พัตเตอร์ : ไม่ดีกว่าครับ ล้อเล่นๆ (หัวเราะ) ตอนนี้ไม่ได้ปิดครับ 

 

กรีนล่ะ สถานะหัวใจเป็นไง?

กรีน : ก็..ก็โสดค่ะ (หัวเราะ) มีคนเข้ามาบ้างแต่เลือกคุย 

 

น้องชายห่วงพี่สาวมั้ย?

พัตเตอร์ :   ห่วงและหวง อยากให้เจอคนที่ดี จะได้โพสิทีฟไปด้วยกัน 

 

เวลาเขาไปออกเดตเราไปด้วยมั้ย?

พัตเตอร์ :   ไม่ได้ไปครับ ยังไม่เห็นไปออกเดตกับใครเลย มีความเลือกอยู่ 

 

ถ้ามีจะตามไปแอบดูมั้ย?

พัตเตอร์ : ไม่ครับ จะขับรถไปส่ง 

 

คุณสมบัติพี่เขยเป็นยังไง?

พัตเตอร์ : ขอให้ดูแลดี เทคแคร์ดูแลให้โอเค

 

กรีน : เขาบอกต้องให้ดีเท่ากับหรือมากกว่าเขา 

 

พัตเตอร์ : ไม่อยากให้เสียใจ 

 

อาจใช้เวลากว่าจะได้เจอกัน แต่พอเจอแล้วคลิกเร็วมาก?

กรีน : ใช่ค่ะ หนูเป็นห่วงเขาเรื่องสุขภาพ เพราะเขาทำงานหนัก บางทีเขาจะลืมดูแลตัวเอง อยู่เชียงใหม่ฝุ่นเยอะ เขาจะมีปัญหาเรื่องการไอ บางครั้งไอออกมาเป็นเลือด มันหนักสำหรับหนู หนูตกใจเหมือนกัน ฝุ่นเยอะ แต่พอไปตรวจก็ไม่ได้มีอะไรร้ายแรง ห่วงเรื่องสุขภาพเขา 

 

อยากให้พี่น้องบอกความในใจ?

กรีน : ห่วงเขาเรื่องสุขภาพ อยากให้ดูแลสุขภาพเยอะๆ อะไรเป็นเป้าหมายของเขา เขาอยากทำธุรกิจ อยากรวยมาดูแลหนู หนูก็บอกว่าไม่ต้อง รวยเพื่อตัวเอง รวยเรื่องความรัก เงิน อะไรก็ตาม รวยเรื่องความเมตตา ก็อยากให้เขาได้รับความรักจากคนอื่นและตัวเองเยอะๆ

 

พัตเตอร์ : รักแหละครับ และเป็นห่วงแบบไม่มีเงื่อนไข อยากให้ทุกอย่างมันดีไปด้วยกัน แค่นั้นก็โอเคแล้ว 

 

น้ำตาจะไหล?

กรีน : น่ารัก (หัวเราะ) 

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ https://youtu.be/wxNYJQvgAUg

 

วิกฤติชีวิต! “บิ๊ก ทองภูมิ” ป่วยหนัก วูบหัวฟาดพื้น รักษา 5 หมอ หมดเงิน 5 ล้าน ปัจจุบันสละทรัพย์สินทั้งหมด

“บิ๊ก ทองภูมิ” เปิดใจ ทักให้กำลังใจอดีตคนรัก “เป้ย ปานวาด”พร้อมเคลียร์เทกองละคร ต้องชดใช้เงินหลายล้านบาท เผยสาเหตุที่แท้จริงวิกฤตbชีวิต หายไปจากวงการหลายปี เพราะป่วยหนัก ผมร่วงหมดศีรษะ เกือบตายกลางละคร ล้มหัวฟาดพื้นห้องน้ำ สาเหตุตัดสินใจบวช ไม่เหลือเงินสักบาท ผ่านทางรายการคุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี หนิง ปณิตา และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ทักไปให้กำลังใจเป้ย ปานวาด เกิดอะไรขึ้น?

“ผมก็รอทักคุณหนิง ปณิตาเหมือนกัน แต่คุณหนิงไม่อ่าน (หัวเราะ) เราก็ทักไปว่าเป็นไงบ้าง สบายดีมั้ยตอนนี้ ถ้าไม่ดีชีวิตของคนเรามันอยู่ไม่นานนะ คนรักยังมีอีกเยอะ ฉะนั้นอย่าคิดมาก เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งสุดท้ายของชีวิต ยังมีคนรักเธออีกมาก เราก็พิมพ์ไปยาว”

คนก็เข้าใจว่าคุณไปจีบคุณเป้ย ปานวาด?

“ไม่เป็นไร เคยจีบมาแล้ว จะจีบอีกสักทีจะเป็นไรไป (หัวเราะ) ไม่ๆ จริงๆ แล้วเราให้กำลังใจ เราคุยไลน์แหย่กันเล่นให้สนุก เป้าหมายของเรา ทำให้เขาหัวเราะ เราถามเขาว่ากินอิ่มนอนหลับมั้ย โอเคมั้ย ถ้าโอเคก็จบแล้ว”

เหมือนคนเป็นเพื่อนให้กำลังใจกัน?

“ใช่ ขนาดผมชอบคุณหนิง ปณิตา ก็ไม่ได้มาทรงจีบตลอดเวลา”

ต้องผ่านด่านธัญญ่าไปก่อน?

“ผมก็รักพี่ธัญญ่าเหมือนกัน สวัสดีพี่เป็กด้วยนะครับผม (ยกมือไหว้) สักเทปมั้ยล่ะ คนละเป็ก”

เราไปให้กำลังใจหรือลึกๆ รู้สึกผิด?

“ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ ภาพลักษณ์ออกมาผู้ชายทำชั่ว ผู้หญิงทำดี ก็เลยเลิกกัน เปล่า จริงๆ เป็นเหตุผลของชีวิต”

คุณทักถึงเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณด้วย?

“เขาเป็นผู้หญิงที่ผมรักมากคนนึงเลยนะ รักจริงๆ เลย เราก็รู้เรื่อง ให้กำลังใจตลอด แต่ก่อนเจอที่ทองหล่อ พูดแล้วคันปากเลยเนี่ย เราไปกินไอติมก็มีแต่ก่อนโซเซียลไม่ได้แรงขนาดนี้ เราถามเรื่องสุขภาพ ชีวิตทั่วไป เรื่องลึกเราก็คุย แต่ไม่ขอพูดตรงนี้ เราก็ให้กำลังใจ รักเขาด้วย เอาตรงๆ (หัวเราะ) รักเป็นสิ่งที่ดี แต่ก่อนมีรูปด้วยกันก็พยายามลบ จะได้ไม่ออกไปในทางที่ไม่ดี แต่จริงๆ คนรักกัน เหมือนผมรักพี่”

งานไนน์เอ็น ประเด็นใหญ่มาก คุณให้สัมภาษณ์ในวงนักข่าว แล้วใช้คำพูดที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่สุภาพ หยาบคายมาก นักข่าวสนิทมากขนาดนั้นเลยเหรอ?

“สนิทสิ เรารู้จักกันมา 20 ปี กลางวงสัมภาษณ์คนอาจเห็นกล้องฝั่งผม แต่ไม่เห็นกล้องข้างหน้า ข้างหน้านี่ฮากันครืนเลย เพราะเรารู้จักหมด ทุกสำนักเรารู้จัก เราเจอกัน เวลาแหย่ไปทุกคนหัวเราะกันหมด คลิปนี้พอออกมา คนเข้ามาชมและคุยกันเยอะแยะเต็มไปหมดเลย ไม่ดราม่า”

คุณสนิทกัน?

“20 ปี จริงๆ มีพาร์ตสุภาพทำไมไม่ตัดออกมาล่ะ ตอนผมพูดเขาก็หัวเราะกันอยู่นะ”

ณ ตรงนั้นบิ๊กอาจรู้สึกว่าสนิท แต่พี่ๆ บางคนเขารู้สึกว่าเขาให้เกียรติในการที่เราอยู่ในงาน ถ้าเขารู้สึกไม่ดีแล้วโกรธขึ้นมา อยากบอกอะไรเขามั้ย?

“เรายังไม่เจอคนโกรธในงานวันนั้นเลย ถ้าโกรธขึ้นมาจริงๆ  เวลาเราเล่นเราก็ดูกาลเทศะนะ ถ้าคนนี้เล่นไม่ได้เราก็ไม่เล่นนะ ถ้าเล่นได้เราเล่นชัวร์ปั้ง เหมือนคุณขวัญ โปรดิวเซอร์ เราไปปุ๊บก็ฮา เราก็เล่นเลย คนไม่สนิทเราก็ไม่เล่น เราต้องดูกาลเทศะ”

เรามีป้ายห้ามแขกรับเชิญพูดคำหยาบ กลัวถูกบิน ตั้งแต่มีแขกรับเชิญไม่เคยมีป้ายนี้เลย?

“(หัวเราะ) เขายังพูดเลยว่าใช้ได้มั้ย เราก็บอกว่าไม่เป็นไร ตัดไปเถอะ เราก็โอเค”

คนทางบ้านไม่รู้ มีคนมาคอมเมนต์ว่าบิ๊กดูหยาบคาย โดนตัวอะไรมา อยากบอกอะไร?

“เปิดให้ดูเลยว่าเขาด่าจริงมั้ย ทุกคอมเมนต์ไม่มีด่าเลย ชมหมดเลย (อ่านคอมเมนต์) จะด่าได้ยังไง ยังแคปมาให้ดูเลย แต่ถ้าด่าก็ไม่ว่า ถ้าเครียดก็ระบายมาเถอะ เรายินดี เราเป็นคนของประชาชน ประชาชนอยากทำอะไรกับเราก็ให้เขานะ อย่างผมแคปมา จริงใจดี ชอบ พี่แกสุดอยู่แล้ว โคตรชอบคนแบบนี้ ชอบๆ มันจัด เอาเลยพี่บิ๊ก ไม่แอ๊บพูดฯ”

ฝั่งนึงชม แล้วอยากบอกอะไรอีกฝั่งที่มองว่าไม่เหมาะสม?

“จริงๆ มีการให้ความรู้แล้วในการเสพสื่อ ผมปริญญาโทนะ เพื่อนๆ ก็เป็นนักข่าวทั้งนั้น จริงๆ มีเรื่องของสื่อ เรื่องคอนเทนต์ผมว่าเดี๋ยวนี้คนไทยเราฉลาด รู้อะไรดีชั่ว ศีลธรรมรู้หมด เวลาเราดู วันนี้ก็มาคุย หลังเราดูเสร็จ ก็กลับไปทำงานเหมือนเก่า”

ไม่ได้ซีเรียสอะไร?

“ไม่ซีเรียส วงการบันเทิงอ่ะเนอะ”

เรื่องเทกองละคร มีประเด็นคาราคาซังมาเกือบ 2 ปี ผู้จัดเกิดความเสียหาย?

“จริงๆ ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผมได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ่ ซึ่งผู้ใหญ่มีหลายคน คุยกันแล้ว เขาบอกว่าบิ๊กไม่ต้องไป ถึงเวลาคุยกัน เราก็รอตกลง เขาตกลงกันสองเดือนยังตกลงไม่เสร็จเลย อยู่ดีๆ โผล่มาเป็นหมายศาล งั้นไม่เป็นไร วันนี้ผมเล่าเรื่องจริงแล้วว่าเป็นแบบนี้ มันไม่ใช่การตัดสินใจของผม ถ้าผมตัดสินใจว่าโอเค ผมไม่ไป ผมจะไม่ว่าเลย ถ้าถามว่าผมเท ทำไมวันนี้ผมมาตรง ที่ผ่านมา 20 ปีทำไมผมไม่มีปัญหา ถ้าผมไม่มีระเบียบ ไม่มีวินัย ไม่มีความรับผิดชอบ เป็นดารามาได้ยังไงถึงทุกวันนี้ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว มันต้องมีอะไรบางอย่าง ลองไปขุดขึ้นมาดูสิ แล้วจะรู้ความจริง”

เรื่องจบหรือยัง?

“ตัวผมจบ พอเกิดเรื่อง ผมไปไหว้ไปกราบขอโทษ กราบเท้าทุกคนเลย ผมยอมทุกคนเลย บอกว่าพี่ต้องการอะไร ฝั่งนี้ต้องการอะไรที่ทะเลาะกัน เราไม่ได้เป็นคนไปทะเลาะกับเขานะ มีคนทะเลาะกันอยู่ แต่พอมีความเสียหาย พี่ต้องการอะไร  เงิน งั้นโอเค มาเอาที่ผม เดี๋ยวผมจ่ายค่าเสียหายให้”

จ่ายไป 7 หลัก?

“รู้มั้ยอยู่ในศาล ผมยกมือบอกผู้พิพากษาว่าเดี๋ยวผมจัดการเองครับท่าน  ต้องการอะไร ท่านบอกว่าอยากให้บิ๊กทำอย่างนี้ๆ เรื่องจะสงบ สันติ ผมก็บอกว่าเดี๋ยวผมทำให้ครับ ผมเป็นคนขอจบ”

ต้องจ่ายเงินมั้ย?

“ต้องรอกันต่อไป” 

เขาบอกบิ๊กรับงานซ้อน?

“ไม่จริง เราทำงานถ่ายละคร 4-5 เรื่อง คิวทับกันยังไม่มีปัญหาเลย ขอโทษนะเมื่อก่อนพระเอกเล่นได้แค่ปีละ 2 เรื่อง แต่เล่นแบบเรา ได้ปีนึง 4-5 เรื่อง เราโผล่ทุกช่อง 3 5 7 พร้อมกัน อีเวนต์ทัวร์ทั่วประเทศ ช่องวันก็ไปนะครับ บีน้ำทิพย์ นางเอกเบอร์หนึ่งเราก็เล่นมาแล้ว อีเวนต์ไปทัวร์ทุกจังหวัดมาแล้ว ถามว่าทำไมไม่มีปัญหาล่ะ แต่จะมามีปัญหาตรงนี้ได้ไง ลองพิจารณาดูสิ”

หายไปจากวงการ?

“เราไม่ได้หายไปไหนหรอก ผมทำงานเพลง เล่นดีเจ เล่นกลางคืน คอนเสิร์ต ร้องเพลงประกอบหนัง ทำเพลง ช่วงที่คนว่าหายไป อันแรกเลยเราป่วย หลังเราทำงานหนักมาก ถึงเราก็ป่วย ผมก็เริ่มร่วง เลือด อายุก็แก่ขึ้น ก็ต้องมีหมอฝังเข็ม หมอแพทย์แผนปัจจุบัน จิตแพทย์คอยเยียวยามารุมเราใน 7 วันคิวหมอแต่ละคนเลยเพื่อรื้อฟื้น ร่างเราพัง พอถึงเวลาสะสม ตั้งแต่เริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 16 ผมทำงาน นัดตีสามเลิก 7 โมงเช้า แล้วคิดดูเอ็มวียุคนั้นผมเล่นทุกตัว เรียนวิศวะฯ จุฬาฯ กลับมาถึงสี่ทุ่ม อ่านหนังสือถึงเช้า สิบโมงไปเรียน ติดมาแบบนี้ พอเล่นละครก็ 7 วัน วันนึงอยู่บนเวทีก็ร่วง คนพาส่งรพ. หรือกองงานอีเวนต์ก็ร่วงบ่อยแล้ว มีเรื่องที่เป็นลม เรื่องบวช อะไรอีกหลายอย่าง ก็ได้ทำอะไรที่ตัวเองอยากทำ ได้ทำดนตรี ได้บวชให้พ่อแม่ ได้เรียน ได้ทุนจากบริษัทซีพี จริงๆ ได้ทุนตั้งแต่เรียนจุฬาฯ แต่เราติดถ่ายละคร เรียนไม่ไหว ก็ออกมาทำงาน”

มีหลายครั้งที่มีข่าวบิ๊กวูบในกองละคร?

“วูบทุกเรื่อง เขาย้ายเลโกชั่นไปแล้ว ผมนอนรอ อีก 1 ชม.ค่อยตามไป บอกเขาว่าไม่ไหวแล้ว เรื่องล่าสุดจากศัตรูสู่หัวใจ กับพี่อั้ม พัชราภา เป็นซีนโรงงาน เราเป็นเจ้าของโรงงาน เขาย้ายไปหมดแล้ว เราก็นอนอยู่อย่างนั้น อีก 1 ชม.ค่อยย้ายตามไป คุณชายไก่โต้ง ปวดหัว ทีมงานพาไปรพ. ก็ลุก ก็บอกว่าไม่เป็นไร เขาบอกลุกขึ้นมาขอประโยคเดียว ไฟหิมะก็เหมือนกัน ถึงเวลานายบอกว่าบิ๊กพูดประโยคนี้ก่อน เดี๋ยวจบไม่ลง เราก็ลากแห่กันไปแล้วพูด เรื่องศรีอโยธยา ของหม่อมน้อยด้วย มันแหลกไม่ไหวแล้ว”

วูบหัวฟาดพื้นห้องน้ำที่บ้าน?

“ฟาดปั้ง แจ็ค แฟนฉันยังแซวเลย ว่าหัวไปแล้ว เป็นบ้าไปแล้ว มันแซว แต่พอฟาดปั้ง ตอนนั้นเจ็บมาก สุดท้ายเราอยู่คนเดียว ไม่มีใคร เราก็ลากตัวเองไปรพ. เชื่อมั้ยอันดับแรกไปถึงรพ. กรี๊ดกันทั้งรพ. ถ่ายตั้งแต่รปภ.ยันแผนก ไปถึงถ่ายรูปก่อน สองชม.ถึงได้เจอหมอ คิดดูคนของประชาชน เวลาไปห้วยขวาง ไปฉี่ ลากออกมาพี่ นิดเดียว แตกคากางเกง (อุจจาระ) สาบาน” 

กลับไปทำงาน?

“วันถัดมาเราต้องไปมอบเหรียญให้นักเทนนิสระดับเอเชีย งานการกุศลไม่ได้เงินนะ แต่เราต้องไป หน้าที่หลักทองภูมิคืองานกุศล ส่วนได้เงินคือส่วนที่ได้ เวลาช่วยน้ำท่วมทุกช่องเราไปครบเลยนะ ช่วงโควิดไปลงพื้นที่จริง ไปแจก แต่เราไม่ได้ทำข่าว”

เห็นว่าช่วงนึงขยับปากไม่ได้เลย?

“ตอนนั้นทำงานอีเวนต์ เป็นพิธีกร อีเวนต์ที่สมุทรปราการ เราพูดแล้วพูดไม่ได้ เราหันไปบอกพิธีกรข้างๆ ว่าเฮ้ย เรากำลังจะตายแล้วนะ เราต้องไปรพ. คนนั้นก็โอเคๆ ทุกวันนี้คนนี้ยังออกมาปกป้องเราเลยเวลาเรามีคดี ว่าเราเต็มที่มากจนต้องเข้ารพ. พี่คนนี้ออกมาพูดในติ๊กต๊อก คนไปดูเขาเยอะมาก ก็ขอบคุณนะ สุดท้ายพอคัทปั้ง คนขับรถส่งเข้ารพ. หมอบอกอย่างเดียวเลยว่าให้เลิกทำงานซะ ทุกอย่างมีใบรับรองแพทย์จริง สาบานเลยว่าเป็นเรื่องจริง”

ทุกครั้งทำไมข่าวออกมาเราดูติดลบ น้อยใจมั้ย?

“ไม่น้อยใจเลย มันก็คือคำพูดคน จะให้ถูกใจทุกคนก็คงไม่ได้หรอก อย่างฝรั่งเจอหนิง ปณิตา บอกว่าหนิง ปณิตาไม่สวยนะ แต่ถ้าเจอหมวย บอกหนิง ปณิตาคือราชาของเขา ไม่มีผิดไม่มีถูก ทุกคนไม่ได้ชั่ว ทุกคนดีทั้งหมด”

ภาพลักษณ์เราออกมากลายเป็นคนไม่ดีเท่าไหร่?

“ภาพลักษณ์ก็ส่วนภาพลักษณ์ ความจริงก็คือความจริง ภาพไม่ดีก็ดีเหมือนกัน เพราะเขาเอาเราไปเล่นร้ายไง พอเล่นร้ายแล้วคนด่าก็ดีเหมือนกัน  เขาดูแล้วก็ชอบ”

ใจไม่ทุกข์?

“ไม่ทุกข์ เจอคอมเมนต์แย่ๆ ก็เข้าไปตอบ ขอบคุณค่ะ ดีนะ มีคนด่าเราสามล้านในติ๊กต๊อก ด่าแบบเละเทะ เราก็บอกว่าดีนะ ที่เหลือมันหลักแสน แต่คอนเทนต์ด่าเราสองล้าน ด่าได้นะ เรายินดีที่ได้รู้จัก ด่ามาเลย เราโอเคขอให้ช่องเธอได้ ได้สปอนเซอร์ เราโอเคมากเลย เราสละได้เรื่องชื่อเสียง เราไม่ได้หวง เราคือคนของประชาชน ดีก็ไม่เที่ยง ด่าก็ไม่เที่ยง ชมก็ไม่เที่ยง”

มีช่วงนึงทำไมผมร่วง เครียดหรือเปล่า?

“เราทำงานแล้วเลือดไม่ดี ผมก็ร่วง นี่ปลูกเป็นครั้งที่สองแล้วนะ ตอนนั้นผมร่วง ฟันผุไปแก้ 10 ซี่ มันเกิดจากเลือดเราเวลาทำงาน พอเราไม่ได้เช็กอัป เราไปเช็กอัปค่าโซเดียม ค่าโน่นนี่ไปหมดเลย แล้วอยากบอกว่าอันตรายมากนะพี่น้องบันเทิงทุกคน ล่าสุด ผกก.จากศัตรูสู่หัวใจเสียชีวิตแล้วนะ พี่อ๊อด กันตนา พี่อีกคนป่วยทุกโรค ของบิ๊กเกี่ยวกับการทำงาน แต่เวลาเช็กตอนนี้ค่อนข้างกลับมา ยังไม่ปกติแต่ทำงานได้ อย่างเช่นวันนี้รับคุยแซ่บงานอื่นก็ไม่รับแล้ว ได้แค่นี้ วันนึง 3 ชม. ได้แค่นี้ หรือเล่นคอนเสิร์ตวันนึงก็ได้แค่ 3 ชม. วันถัดไปเราตื่นเย็นเลย แต่ถ้าตื่นตีสี่เลิกเที่ยงคืน ไม่ไหวแล้ว ร่างกายเราไม่รับแล้ว”

อาการอย่างนี้คนอาจบอกว่าภาวะโรคซึมเศร้าที่บิ๊กไม่ยอมรับหรือเปล่า?

“ซึมเศร้าก็เป็น ติ๊ก 10 ข้อตอนนั้นเป็นทุกข้อ เหลือเรื่องสุดท้ายคือฆ่าตัวตาย ผมไม่ยอมฆ่า ผมขอดูแลแม่ก่อน จริงๆ ต้องกินยาปรับเคมีสมอง เวลาเล่นดราม่า เป็นไบโพลาร์ เป็นบ้า เป็นปีศาจ บทง่ายๆ ไม่เคยมาถึงมือ เล่น 4 คาแรกเตอร์พร้อมกัน ถึงเวลาก็ควรพัง จิตแพทย์ก็ต้องมาดูเราอยู่แล้ว พอช่วงเล่นเป็นไบโพลาร์จิตแพทย์ก็ต้องเยียวยาเรา เราเล่นแล้วก็เป็นเลย”

อาการมันเป็นยังไง?

“มันจะนิ่ง ปกติคุยเก่งและร่าเริง แต่ถ้าเจอแล้วนิ่ง ไม่พูด กินข้าวไม่ลง นอนไม่ได้ ไม่อยากเจอใคร เก็บตัว กินอาหารไม่ลง เหนื่อย พลังงานหมด นอนไม่หลับ เพื่อนเคยพาไปสยาม นอนที่พื้นกลางสยามเลยแล้วลากไป มันปวดหน้าอก แล้วมันเดินไม่ได้ จนสุดท้ายน้องที่เรียนจุฬาฯ เป็นคนลากไป”

คุณไม่มั่นใจว่าจะอยู่บนโลกใบนี้ได้หรือเปล่า เลยเริ่มสั่งเสีย?

“สั่งเสียตลอดอยู่แล้ว ทุกวันนี้ผมไม่มีทรัพย์สินอะไรเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ผมบริจาคร่างกายหมดแล้ว ผมทำงานทั้งหมด ผมยกให้แม่ทั้งหมด ไม่เคยเก็บไว้ที่ตัวเลย ตั้งแต่ทำงานมา เพราะฉะนั้นเราผ่านจุดความตายหลายที เราก็บอกครูบาอาจารย์หมดแล้ว เราฝากกระดูกให้ใคร วันแรกที่ซื้อบ้านเราก็บอกว่าเราจะสละให้ใคร เราก็สละตั้งแต่ตอนนั้น ตอนนี้ผมไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย เสื้อผ้ารองเท้าตอนนี้ก็ไม่ใช่ของผมเลย ไม่มีอะไรเลย ไม่มีทรัพย์สมบัติใดๆ ทั้งสิ้น”

ใช้เงินรักษาอาการป่วยเยอะมาก หลายล้าน?

“เดือนนึงต้องมี 2 แสน เพราะรักษารพ.เอกชน ขายทรัพย์สินจนสุดท้ายต้องเข้ารพ.รัฐบาล ก็ต้องขอบคุณรัฐบาลด้วย 30 บาทหรืออะไรนี่แหละ”

บ้าน รถยนต์ ที่ดินทั้งหลาย ไม่มีแล้ว?

“ไม่มีของเรา ตอนนี้เป็นชื่อคนอื่น เราก็อยู่ไป เราไม่มีทรัพย์สินอะไร”

ขายบ้าน ขายรถ ขายทุกอย่าง ทำงานก็เอาไปรักษาอาการป่วย?

“ส่วนนึงรักษาอาการป่วย แล้วก็มอบแม่ที่เป็นผู้ดูแลเรา ทำงานสังคม ให้ชุมชน ให้โรงทาน ผมเป็นคนไม่สะสมทรัพย์ สมัยก่อนถ่ายละคร ผมขับอีโก้ค้าร์ คันละ 4 แสน แต่ทุกวันนี้ผมขับกระบะ เด็กๆ เคยขับซูเปอร์คาร์ รถสปอร์ต ตามวัย พอถึงเวลาก็หมด เบื่อไปเอง วันนี้นั่งวินมอเตอร์ไซค์มานี่ เราก็ใช้ชีวิตสบายๆ โทรถามแอ้มีข้าวให้กินมั้ย มีให้กินก็มากินที่นี่เอา”

ใช้เงินรักษาหมดไป 4-5 ล้าน?

“ใช่ โรคมันใช้เงินเยอะนะ พี่คิดดู 4-5 หมอนะ ครั้งละ 2 พันต่อสัปดาห์ต่อหนึ่งหมอ อีกหมอนึงเดือนละแสนห้าต่อหนึ่งหมอ จิตแพทย์ หมอสุขภาพประจำวัน นักวิทยาศาสตร์การกีฬาตรวจอายุร่างกาย ตอนนี้ร่างกายเหมือนคนอายุ 50 ดิ๊ฟเข้าไปทำให้ย้อนกลับไปอายุ 16-17 อีกครั้ง ปกติเขา 5 โดส ผมดิ๊ฟไป 20 โดส อายุยังลงมาแค่ 40 กว่าอยู่เลย ข้างในมันพังไปหมดแล้ว”

ตอนนี้ร่างกายเป็นยังไง?

“ทำงานได้วันละ 3 ชม. ก็ร่วงแล้ว ล่าสุดไปถ่ายรายการนิกกี้ ณฉัตร สองโล เข้าโลที่สองมือสั่นแล้ว ก็ต้องเอากลับบ้าน”

จะกลับมาเป็นปกติได้เมื่อไหร่?

“ทุกวันนี้ความแก่ก็แก่ไปเรื่อยๆ ร่างกายก็ทรงไปเรื่อยๆ แต่สามารถทำได้ อย่างวันนี้ประเมินแล้วเราไม่ตายคากอง เราก็คิดว่าไม่ตายเราก็เลยมา แต่ส่วนมากจะเบี้ยว เรื่องระเบียบวินัย เราไม่เป็นอย่างนั้น อย่างวันนี้เราไหว เรานอนพอ เราประเมินได้ แต่ถ้าส่งเราไปบู๊กลางป่าตีสี่ เราไม่ไหวแล้ว น้องๆ รุ่นใหม่ใครไหวก็ไปก่อน มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ”

ไม่มีกินจนไปบวช จริงมั้ย?

“จริงๆ เราทำงาน เรารักษาตัว ทำงานเสร็จถึงเวลา จะมีความรู้สึกวันนึงของเรา เมื่อเราสละทุกอย่างของเราแล้ว เรารู้สึกว่าเราถึงเวลาต้องบวช เราต้องโกนหัว ความรู้สึกเราอยากโกน มีใครตามผมช่วงนึง ผมตัดผมสั้นลงเรื่อยๆ มีวันนึงไปวัด พระอาจารย์ถามว่าบวชมั้ย เราก็บอกว่าบวช ก็บวชเดี๋ยวนั้นเลย เราโทรหาแม่บอกว่ากำลังจะโกนหัวนะ มาดู แม่ก็มาดู อาจารย์ถามว่าแม่ พี่สาวขัดมั้ย ไม่ขัดก็บวช บวชเป็นผ้าขาว อยู่วัดป่า จะไปชายแดน แต่ถึงเวลาสุดท้ายบวชเสร็จ วันนึงเราคิดได้ว่าเราทำงานมาตีสี่ตื่น เที่ยงคืนถึงบ้าน ไม่เคยป้อนข้าวแม่ ไม่เคยอาบน้ำให้แม่ พระอรหันต์ในบ้านเราทำให้ไม่ครบ เรารู้สึกว่าเราค้าง ตอนนั้นอยู่กาญจนบุรี เราบอกครูบาเลยว่าใจเราไม่สงบ เราเหลือเรื่องนึง สุดท้ายเรากลับ”

บวชได้กี่เดือน?

“เราอยู่ไปเรื่อยๆ เลย ไม่ได้นับ แต่ที่ออกมา พรีเซ็นเตอร์ซีพีออล์บอกให้ออก สองคดีบอกว่าออกมาเคลียร์ ถ้าเราทิ้งไว้ใครจะเป็นคนจัดการ แม่เหรอ พี่สาวเหรอ เราเป็นผู้ชาย อาสาทำเอง งานนี้ผมได้เงินนะ วิ่งก้าวเพื่อธรรม ผมไปวิ่งก่อนที่ดาราจะไปวิ่งกันเยอะๆ เวลาไปทำงานผมไม่เอาหน้า ผมทำเงียบๆ”

ถ้าสะสางเรื่องทั้งหมด อยากกลับไปสู่ทางธรรมมั้ย?

“ถ้าจบแม่แล้วนะ ไม่เหลือซาก ผมบวชแน่นอน ไม่รู้จะอยู่ทำไม เราเป็นคนภาวนา ทุกคนที่เป็นแฟนคลับตัวจริงจะรู้ว่าที่ผ่านมาเราเดินเส้นทางนี้ตลอด แค่อยู่นอกเครื่องแบบ”

บางคนรู้จักคุณบ้างไม่รู้จักคุณบ้าง คุณเป็นคนดีจากเนื้อแท้?

“เราไม่มีคำว่าเฟก ไม่มีคำว่าเปลือก ไม่มีคำว่าใดๆ ทั้งสิ้น ทุกคนที่เห็นเรา เพิ่งได้เห็นเราที่เราเป็นเรา ก่อนหน้านี้ต้องเข้าใจว่าสังคมไม่ได้ยอมรับขนาดนี้ โซเชียลไม่ได้ขนาดนี้เรายังมีผู้ใหญ่ที่บอกว่าเราต้องเดินแบบนี้เพื่อป้องกันอย่างนี้ อยู่ค่ายก็ต้องทำตามคำบัญชาของนายว่านายจะเอายังไง ตอนนี้เราอยู่คนเดียว เราเป็นเรา คราวนี้จะเกลียดหรือจะรักก็เป็นเรื่อของเขาแล้ว แต่เราจะเปลี่ยนไม่ได้ เพราะเราเป็นคนแบบนี้”

ข้างในรู้เลยเป็นคนจิตสะอาด  ทำไมต้องมีเปลือกให้คนดูเป็นแบด?

“สิ่งนั้นเราไม่ได้สร้าง ผมว่าจริตแต่ละคนไม่เหมือนกัน พระบางองค์ออกแนวเรียบร้อย บางองค์โหวกเหวกโวยวาย แต่ก็เป็นพระจริง นี่คือจริตของเรา”

ไปไหนก็หยอด หัวใจตอนนี้เป็นยังไง โสดหรือไม่โสด?

“อิสระ อยู่ไปแบบนี้แหละ ไม่รู้หรอก เห็นบอกคนคุยแต่ไปนอนด้วยกัน จะคุยกันยังไงก็ไม่รู้ ตอนนี้อยู่คนเดียว แต่ทุกคนก็เรียกเราเป็นผัวบ้าง เราก็เป็นผัวให้เขา เป็นอะไรให้ก็ได้ แล้วแต่เขา ทุกวันนี้เราเป็นได้ทุกสถานะของทุกคน ถ้าจะจีบก็ได้ แต่ ณ ปัจจุบันนี้นะ ชอบ หนิง ปณิตา ไปดูตัวจริงเขานะ เขาสวยมาก ตอนแรกไม่อะไรเลยนะ แต่ตอนนี้เห็นแล้ว ตายแล้ว กูรักผู้หญิงคนนี้เฉยเลยว่ะ” 

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ บิ๊ก ทองภูมิ

https://youtu.be/jS87m985_Ac?si=WNKR3hlt3VK53gHs

“นุ๊ก ธนดล” ตั้งเป้า 3 ปี ปิดหนี้บ้านราคา 20 ล้าน! เคลียร์ใจคนดูถูก เป็นศิลปินไม่ดัง

“นุ๊ก ธนดล” วันนี้ขอเปิดใจหลังทุ่มเงินหลายล้านบาท ซื้อบ้านที่กรุงเทพฯ แต่ทำไมคนรอบข้างบอกว่าหนักใจแบบสุดๆ ตอนนี้ออกมาเป็นศิลปินอิสระ พร้อมครหายังไม่ดังก็ออกจากค่ายซะแล้ว หลายคนจับตาคู่จิ้น “ป๊ายปาย โอริโอ้” ความสัมพันธ์เหมือนเดิมหรือไม่ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี ซินแสเป็นหนึ่ง และ บูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

 เพิ่งซื้อบ้านใหม่ในกรุงเทพฯ?

“ใช่ครับ หลังแรกและหลังเดียวแหละ คงไม่ซื้อแล้ว”

 ตัดสินใจนานมั้ย?

“นานครับ นุ๊กจะบอกว่านุ๊กเป็นเด็กบ้านนอก ปกติมาทำงานแล้วกลับ เราไม่ได้มีความคิดจะอยู่กรุงเทพฯ ไม่ได้ตั้งใจซื้อ เราได้เข้ามาทำงาน ไม่ว่าหนัง-ละคร ก็จำเป็นต้องเข้ามาอยู่ ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจซื้อบ้าน นุ๊กเช่าอยู่ด้วยตอนนี้ แต่ละเดือนค่าเช่าห้องมันเยอะมาก ก็เสียดาย ก็คิดว่าเปลี่ยนจากค่าเช่าห้องเป็นบ้านไปเลยดีกว่ามั้ย แต่ทีแรกงบตั้งไว้ไม่เยอะ ตอนนั้นตั้งไว้สูงสำหรับนุ๊กคือไม่เกิน 10 ล้าน แต่ตอนนี้เกินไปแล้ว (หัวเราะ)”

เท่าไหร่?

“ไม่กล้าบอกน่ะสิ ประมาณ 20 ล้าน”

เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ให้ตัวเอง ที่นุ๊กเองตั้งใจเซอร์ไพรส์คุณแม่?

“ใช่ครับ ตั้งแต่นุ๊กซื้อบ้านทุกขั้นตอน นุ๊กถ่ายไว้หมด ทำยูทูปด้วย วันที่เสร็จทุกอย่างก็จะมาเซอร์ไพรส์แม่ แต่ทีนี้เวลาไม่ตรงกัน แม่ไม่ว่างมา แต่ก็เซอร์ไพรส์ผ่านไปแล้ว”

คิดไว้นานแล้ว?

“นุ๊กมีความฝันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เราอยากมีบ้านหลังใหญ่เป็นของเราเองสักหลัง เพราะพ่อแม่เขามีแล้ว อยากให้เขาเห็นว่าเราก็เป็นเด็กบ้านนอกคนนึง แต่วันนี้มาซื้อบ้านในเมืองกรุง”

วินาทีบอกคุณแม่?

“นุ๊กตื่นเต้นมาก เอาจริงๆ ตอนโทรไปแม่ก็ปกตินะ พอบอกว่าซื้อบ้านเท่านั้นแหละ แม่ทรุดเลย (หัวเราะ) คุณแม่ไม่รู้ราคา ไม่ได้บอก คิดว่าแม่น่าจะรู้ตอนนี้ (หัวเราะ) ที่แกทรุดแกคงเห็นว่าหลังใหญ่จังเลย น่าจะแพงมาก เขาเป็นห่วงเราไม่อยากให้ทำงานเยอะ ทำงานหนัก กลัวไม่มีเวลาพักผ่อน ถ้าซื้อบ้านราคาแพงก็ต้องทำงานตลอดเพื่อที่จะส่งบ้าน”

 พอบอกคุณแม่แล้ว เขาได้มีโอกาสมาดูภายในมั้ย?

“ตอนนี้ยังเลย นุ๊กเพิ่งทำคลิปเสร็จ เพิ่งบอกพ่อแม่ไป น่าจะอีกไม่นาน ตอนนี้ยังไม่ได้ย้ายเข้า กำลังตกแต่งภายใน”

 พ่อว่าไงบ้าง?

“พ่อไม่ได้ซีเรียสอะไร เขาบอกยินดีด้วย ทำให้เต็มที่ ดีแล้วจะได้รู้ว่าเราทำงานเพื่ออะไร มีจุดมุ่งหมายมากขึ้น”

 ได้วางแผนมั้ยอยากให้ท่านมาเห็นบ้านเราเมื่อไหร่?

“น่าจะได้มาก่อน เดือนเกิดจะขึ้นบ้านใหม่”

 พ่อแม่ภูมิใจในตัวนุ๊กมาก?

“ครอบครัวเราไม่ใช่ครอบครัวมั่งมีมาตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีเลย ก็อยู่กลางๆ เป็นครอบครัวที่มีหนี้สินเยอะ วันนึงเรามาปิดหนี้ ทำให้เขาสบายได้ ในปัจจุบันนี้ รับรู้ได้ว่าเขาภูมิใจมาก นุ๊กก็ภูมิใจที่สุดเลยแหละ ไม่คิดว่าชีวิตนุ๊กจะมาถึงวันนี้ ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มาร่วมทำงานกับเหล่าศิลปินดาราที่เราเคยดูตั้งแต่ยังเล็ก แต่วันนี้เราได้มาร่วมงานกับเขา”

อยากบอกอะไรคุณแม่?

“อยากบอกทั้งครอบครัวว่าทำได้แล้วนะครับ ทำได้มาสักพักแล้วด้วย ในสิ่งที่นุ๊กเคยวาดฝัน อาจย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อนที่ฝันลมๆ แล้งๆ แต่วันนี้นุ๊กทำได้แล้ว ทำให้พ่อแม่สบาย อยากกินอะไรกิน อยากไปไหนไป โดยไม่ซีเรียสว่าเงินต้องชนเดือน ขอบคุณที่เกิดนุ๊กมา ต่อจากนี้ขอให้พ่อกับแม่มีความสุขมากๆ ครับ”

 คุณวางแผนว่าจะผ่อนบ้านหลังนี้แค่ 3 ปี?

“ความตั้งใจ ตั้งใจว่าจะรีบส่งให้หมดเร็วที่สุด ให้ภาระหมดเร็วที่สุด ตอนนี้ติดต่องานได้ครับ ไม่ว่าจะคอนเสิร์ต พรีเซ็นเตอร์ทุกอย่าง พร้อมรับครับ เพราะตอนนี้หนี้เยอะเหลือเกิน”

 แฟนคลับปลื้มใจไม่แพ้กัน อยากบอกอะไรแฟนคลับ?

“พูดเล่าตรงนี้ 4 วันก็ไม่หมด นุ๊กนิยามเขาเป็นนางฟ้าที่ลงมาช่วยชีวิตนุ๊ก รวมทั้งครอบครัวนุ๊กด้วย ถ้าไม่มีพวกเขา ครอบครัวนุ๊กคงไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้อย่างทุกวันนี้ ขอบคุณนะครับที่มาเป็นจิ๊กซอร์ตัวสุดท้ายให้ชีวิตเด็กบ้านนอกคนนึง ให้มาถึงจุดๆ นี้ ทุกวันนี้เขายังเหมือนเดิม เหมือนวันแรกที่เขามาติดตาม คอยผลักดัน ช่วยเหลือ คอยปกป้อง ป้องกันเราทุกอย่าง เขาน่ารักกับนุ๊กมาก นุ๊กไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะมีอีกกี่ครั้ง หรืออาจไม่มีเลย หรืออาจแค่ไม่นานที่เขาจะมาติดตามหรือรักเราแบบนี้ แต่อยากขอบคุณความรักที่เขามอบให้เราในชีวิตนี้ ขอบคุณมากๆ”

 สมัยก่อนนุ๊กลำบาก กินเดือนชนเดือนบ้าง ไม่ได้สะดวกสบายอย่างทุกวันนี้ คำว่าลำบาก ณ เวลานั้นมันเป็นยังไง?

“นุ๊กเป็นนักร้องซึ่งนักร้องจะเป็นเหมือนกันหมด ถ้าเป็นนักร้องมีชื่อเสียง ดัง มีเอฟซีเยอะ เขาจะได้เงินเยอะ เขาจะสบาย แต่ถ้านักร้องเพิ่งเริ่มใหม่ เพิ่งจะดัง เขาจะไม่มีเงินเดือน ถ้ามีงานก็จะได้เงิน แค่นั้น แต่ก่อนนุ๊กก็เป็นแบบนั้น นุ๊กก็ไปอยู่ค่ายสิงห์มิวสิค นุ๊กเพิ่งหมดสัญญามา เขาก็เอานุ๊กไปแปะกับพี่ๆ นักร้อง นุ๊กก็ได้งานแล้ว 2 พัน บางเดือนมีแค่งานเดียว ต้องใช้แค่นี้ ต้องส่งให้พ่อแม่ด้วย บางวันต้องกินมาม่า เราก็ต้องอดทน นี่คือการเป็นนักร้อง เป็นศิลปิน ต้องสู้มามากๆ”

แม้จะทานข้าวก็ต้องคิดก่อน เพราะอะไร?

“เพราะไม่มีเงินครับ นุ๊กชอบวางแผนอนาคต สมมติมีเงินในบัญชี 1 พันบาท เราพาครอบครัวไปกินข้าว ก็ต้องดูว่าราคาเท่าไหร่ๆ อย่างเรามีพันนึงแต่กินเกินพันห้า จะเอาที่ไหนจ่าย แต่ก่อนเราเป็นแบบนั้นจริงๆ วันนี้ก็ภูมิใจและดีใจ พ่อแม่อยากกินอะไรก็กินเลย ไม่ต้องดูราคา กินเกินราคาก็ได้ เต็มที่”

ก่อนหน้านี้มีค่าย แต่เพิ่งหมดสัญญา ตอนนี้นุ๊กกลายเป็นศิลปินอิสระ ตอนแรกกลัวมากๆ?

“กลัวมากๆ เลยครับ  กลัวที่จะต้องเดินออกมาทำงานเอง ตอนอยู่ค่ายเดิม เราเปรียบเสมือนลูกชายคนนึง เจ้าของค่ายเปรียบเสมือนคุณพ่อ เราเดินตามเขา เขาสอนเราทุกอย่าง วันนึงเราออกมาสู้ด้วยตัวเอง เราต้องทำทุกอย่างเลย ซึ่งเราไม่เคยทำ”

ออกมา 6 เดือนเป็นอิสระ มีอะไรเปลี่ยนแปลง?

“ตอนแรกยากมากแต่ปัจจุบันเริ่มดีขึ้น นุ๊กได้สร้างบริษัทเป็นของตัวเอง ได้ทำเพลงเอง ได้รับละคร หนัง พรีเซ็นเตอร์ ก็เปลี่ยนแปลงเยอะมาก แต่นุ๊กโชคดีอย่างนึง นุ๊กได้รู้จักพี่โหน่งด้วย เขาดูแลนุ๊กด้วย ค่อนข้างมีผู้หลักผู้ใหญ่ดีที่อยู่กับเรา เขาคอยชี้ทาง นำทางเรา”

จากเด็กค่ายเขาจัดการให้ทุกอย่าง เรื่องบัญชี การรับงาน ตอนนี้หน้าที่ทั้งหมดก็หัวหมุนเหมือนกัน เพราะต้องทำเองหมดเลย?

“ใช่ครับ ทำเองด้วย ดึงครอบครัว พ่อแม่น้า และพนักงาน มีแอดมินในบริษัทด้วย มันวุ่นวายมากครับ เราไม่เคยมาทำแบบนี้ เราไม่เคยเป็นนายคน เราไม่เคยบริหารบริษัท วุ่นวายมาก ทีแรกหัวหมุนเลย”

แอบท้อมั้ย?

“นุ๊กไม่เคยท้อเลย อยู่ที่ว่าเราจะแก้ปัญหายังไง แอบเหนื่อยแต่ไม่เคยท้อ”

เป็นท่านประธานบริษัทแล้ว เป็นบอส พอมาทำบริษัท ปรับตัวยังไง ตำแหน่งเราเปลี่ยน จากคนอื่นมาดูแลเรา แต่ตอนนี้เราต้องดูแลชีวิตลูกน้องเรา?

“เขินจัง เป็นบอส (หัวเราะ) นุ๊กก็ทำตัวปกตินะ แต่ทุกอย่างต้องคิดไตร่ตรองเยอะ นุ๊กไม่ใช่นุ๊กคนก่อนเป็นนักร้อง ทำงานเสร็จแล้วนอน วันว่างก็ไปเที่ยว ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว วันว่างก็อาจต้องเซ็นเอกสารบ้าง (หัวเราะ)”

 จบค่ายเก่าดี?

“ดีครับ ตอนนี้ถ้ามีเวลาว่างจะทำเพลง หรือค่ายสิงห์มีโปรเจกต์อยากให้ไปร้องกับน้องๆ ในค่าย นุ๊กก็สามารถไปได้ ก็อยู่ด้วยกันเหมือนพี่เหมือนน้อง”

ตัดสินใจนานมั้ย ในการเดินออกมาจากคอมฟอร์ดโซนของเรา?

“จริงๆ หมดสัญญา นุ๊กอยู่กับค่าย 6 ปี หมดสัญญาช่วงธ.ค. พอดี จริงๆ คุยกับพี่ก่อนหน้านั้นแล้วแหละ ว่าพี่ ผมควรทำยังไง ผมควรต่อสัญญามั้ย พี่เขาก็ฟรีสไตล์ บอกว่าแล้วแต่เลย ต่อก็ต่อ ไม่ต่อก็ไม่ต่อ ไม่ได้บังคับ” 

มีดราม่าตีกลับมาว่านุ๊กยังไม่ได้ดังเลย แล้วออกมาจากบ้านเดิมทำไม?

“จริงๆ คำนี้ ทั้งนุ๊กทั้งปายได้รับมาตั้งแต่ก้าวเป็นนุ๊กปาย เพราะเขาไม่ยอมรับ แต่จริงๆ แล้วนุ๊กก็เข้าใจเขานะ เข้าใจทั้งเขาและเราด้วย ตอนนี้นุ๊กปายถ้าให้เทียบจริงๆ ยังใช้นิยามคำว่าศิลปินไม่ได้ นุ๊กปายคือเน็ตไอดอล ที่มีด้อม มีเอฟซีรัก แล้วไม่มีผลงานที่เป็นที่ประจักษ์ ไม่มีเพลงดัง ไม่มีหนังดัง คนนอกเขาจะคิดแบบนี้ก็ไม่แปลก คนทั่วไปก็ร้อยพ่อพันแม่ เขามีความคิดแตกต่างกันอยู่แล้ว ไปห้ามความคิดเขาไม่ได้”

อยากบอกอะไรคนที่เคยดูถูกเรา หรือต้านกระแสลบๆ กับเรา?

“สำหรับคนเคยดูถูก เอาจริงๆ สำหรับคนที่เขาไม่ชอบเรา หรือคนชอบว่าเรา มาเมนต์ มาเกรียนเรา นุ๊กมองว่าเขาไม่ชอบเราทุกวันนี้ ในอนาคตเราทำดี เป็นคนดี มีเพลงดัง มีหนังดัง เขาก็ไม่ชอบเราเหมือนเดิม สุดท้ายทำให้คนพอใจทั้งหมดบนโลกนี้เป็นไปไม่ได้ เราหันมาโฟกัสคนที่เขารักเรา สนใจเราดีกว่ามั้ยคนที่เขาชื่นชอบเรา ดีกว่าเราไปทำให้คนที่ไม่ชอบเราหันกลับมารักเรา เราหันมาหาคนที่เขารักเราดีกว่า รักที่เราเป็นเรา โดยเราไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง”

แอบเก็บไปคิดน้อยใจมั้ย?

“คิดอยู่แล้วครับ มนุษย์เราเป็นเหมือนกันหมด ตอนนี้นุ๊กปายเดินทางมาได้ 4 ปี เกือบ 5 ปี ต้องย้อนกลับไป 3 ปีแรกที่เราเป็นเด็กบ้านนอกที่ดังขึ้นมาเลย มีเอฟซีรัก มีคนมาซัปพอร์ต เราตั้งตัวไม่ทัน ช่วงนั้นเราเครียด เราไม่สามารถวิเคราะห์ เก็บอารมณ์ตัวเองได้ เราแคร์ทุกคน อย่างเราโพสต์รูป 1,999 คน ชื่นชมเรา แต่มีคนด่าเราคนเดียว เราก็ไปอ่านไอ้คนที่ด่าเราแล้วเก็บเอามาคิด จิตตก แต่ตอนนี้ดีขึ้น เรามีภูมิต้านทาน ก็แค่ปล่อยผ่านไป เขาไม่ชอบเรา เราก็ไม่เก็บมาคิดในใจ อ่านแค่สิ่งที่เป็นพลังใจและพลังบวกให้เรา”

เมื่อวานนี้ เราไปร้องเพลงในงานประกาศรางวัล?

“ใช่ครับ เขินๆ ร้องเพลงกับปาย ไม่ได้เดินพรมออกงานร้องเพลงนานมาก กับปายไม่ได้ออกงานอีเวนต์แบบนี้สักพักนึงเลย เขินๆ นิดนึง ทำตัวไม่ถูก (หัวเราะ) แฟนๆ ก็มีคอมเมนต์ 99 เปอร์เซ็นต์ เขาคิดถึงโมเมนต์เดิมๆ ที่เราเคยเป็น”

 ไม่ได้อยู่ค่ายเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิมมั้ย?

“เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนนะครับ นุ๊กก็มาตั้งบริษัทนุ๊ก ปายก็ตั้งบริษัทปาย บางครั้งเอฟซีไม่เห็นมุมที่เราคุยกัน ก็คิดว่าเราไม่คุยกันเลย แต่จริงๆ แล้วเราคุยกันตลอดในแชต เวลาปายดาวน์ เราก็เป็นเซฟโซนให้ปาย เวลาเราดาวน์ ปายก็เป็นเซฟโซนให้เรา เป็นเพื่อนที่ดีให้กันเสมอ แค่เราไม่ได้โพสต์ให้ทุกคนรู้ แฟนคลับเห็นแค่การทำงานด้านเดียว บางทีชวนไปกินข้าวเหมือนเดิม ปกติเลย”

หมดสัญญากับค่าย ปรึกษากันมั้ย?

“ปรึกษากันตลอดครับ ต่างคนต่างหมดสัญญา ก็คุยกัน พี่เขาว่าทำเพลงไปเรื่อยๆ ไม่ได้ซีเรียส มีผลงานเพลง มีโปรเจกต์ฟีเจอร์ริ่งก็มาทำด้วยกัน จริงๆ การเปิดบริษัท ปายเขาเริ่มก่อน ปายเขาชอบด้านผู้บริหารเป็นเบื้องหลัง”

จากที่เจอกันทุกวัน ถึงเวลาแยกย้ายไปเติบโต ตอนนี้ความสัมพันธ์เป็นยังไง?

“ยังเหมือนเดิมครับ เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากเหมือนเดิม มีอะไรก็คุยกัน สบายใจหรือไม่สบายใจก็คุยกัน”

คุยทุกวันมั้ย?

“ก็ไม่เชิงทุกวันหรอก (หัวเราะ)”

 เกือบทุกวัน?

“(หัวเราะ)”

พอต่างคนต่างแยกย้าย ปายขี้เหงามาก?

“เขาเป็นสไตล์นั้นครับ ปายเขาเป็นคนอยู่ไม่ติดบ้าน เราจะรู้ว่าเพื่อนเราเป็นยังไง ทุกวันนี้ขี้เหงา เวลาไม่มีงานก็จะโทรมาชวน เฮ้ย ไปแข่งรถมั้ย ไปนั่งชิลมั้ย ไปดื่มมั้ย ปายเขาสไตล์ลุย ซึ่งเราเป็นอีกอย่าง เราสไตล์อยู่บ้าน สบายๆ เป็นผู้ชายรักสงบ”

นุ๊กมีคู่จิ้นคนใหม่แล้ว?

“มีคู่จิ้นใหม่ที่แฟนคลับเขาพูดถึง ตอนนี้นุ๊กมาอยู่กับคุณเบิ้ลปทุมราช เวลาเขาเล่นบนเวที เขาชอบมาหอม”

ชอบหรือเปล่า?

“มันหยอกกันเฉยๆ เป็นผู้ชาย (หัวเราะ) ไม่มีอะไร เขาชวนผมไปเล่น แล้วบอกว่าให้รับดอกไม้แล้วเขินนะ เขาเป็นสไตล์นี้ เขาชอบแกล้งผม คุณเบิ้ลเขาไม่ธรรมดา เขาจะแกล้งไม่เกรงใจคนอื่นเลย ถ้าแกล้งเขาแกล้งเลย แต่เราเป็นน้องใหม่ ก็ยอมๆ เขาสักหน่อย อย่างไปรายการนึง เขาอยู่ในรายการนั้นพอดี เรายืนซ้อมร้องเพลงในห้อง เขาก็พักผ่อน นอน อยู่ดีๆ ก็บอกว่าเฮ้ย เสียงใคร ใครมาซ้อมวะ รำคาญฉิบหายเลย เราก็แกล้งแต่ไม่หนักเท่าเขา แต่ไม่สามารถพูดได้”

สถานะหัวใจเป็นอย่างไร?

“ตอนนี้เวลาไปอยู่กับงานซะส่วนใหญ่ ไม่มีเวลาโฟกัสตรงนี้”

 โสด?

“แต่ก็มีคนทักมา สาวๆ ก็ทักมาอยู่ ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย”

 สเปกชอบแบบไหน?

“แต่ก่อนมีนะ แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกว่ายิ่งโตสเปกยิ่งไม่มีแล้ว มีคนเข้ามาทักทายบ้าง แต่ทำงานอย่างเดียว หนี้เยอะขนาดนี้”

ทำงานกับคนที่เรารักชอบมั้ย?

“(หัวเราะ) ชงใหญ่” 

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ นุ๊ก ธนดล https://youtu.be/4Fi82g7G6Yc?si=9es4NoDWiCdhFZ4P

"เต้ย อภิวัฒน์" ควงภรรยาอัปเดตท้องลูกคนที่ 2 ประกาศลั่น ปิดอู่เตรียมขึ้นเขียงทำหมัน!

เต้ย อภิวัฒน์ ควงภรรยา ขนม ศศิกานต์ และลูกสาวสุดน่ารัก น้องตั้งใจ มาอัปเดตท้องลูกชายคนที่ 2 หลังเคยจูงมือกันมาออกรายการเมื่อ 2 เดือนก่อนจนพิธีกรในรายการอย่างหนิง ปณิตา ได้มีการฟันธงเอาไว้ว่าน่าจะตั้งท้องชัวร์ !! ล่าสุดได้ควงกันมาเปิดใจอีกครั้งว่าตั้งท้องคนที่ 2 แล้ว !! ด้านภรรยาขอสั่งคุณสามีให้ขึ้นเขียงทำหมัน พร้อมประกาศปิดอู่ทันที ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บShow ทางช่อง One31 ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกร

เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา หนิงได้เจอ ?

หนิง  :  หนิงได้สัมภาษณ์ทั้งคู่ในรายการไปรอบนึงแล้ว ตอนนั้นไปทักเขาว่าท้องป่ะเนี่ย

แล้วทำไมถึงทักว่าน้องขนมท้อง เพราะอะไร?

เต้ย : ดูมีน้ำมีนวล

ตอนนั้นไม่รู้ใช่มั้ยว่าเราท้องอยู่ ?

ขนม : ยังไม่รู้ค่ะ

เต้ย : ที่จริงที่ผ่านมามีตรวจมาเรื่อยอยู่ เพราะว่าเขาเป็น

ขนม : PCLS ค่ะ

มันคือโรคอะไร ?

ขนม : ตอนไปอัลตร้าซาวด์ดูจะมีไข่เยอะมาก แต่ว่าไม่ตกทำให้ไม่เป็นประจำเดือน เราก็จะไม่รู้เลยว่าเราท้องหรือไม่ท้อง 1 ปีของหนูจะมา 2 หรือ 3 ครั้ง มันไม่มาเลย

เห็นว่าพอพี่หนิงพูดไปเสร็จทั้งคู่แอบมีนอยด์เหมือนกัน กลับไปมีการไปตรวจจริงๆว่าท้องหรือไม่ท้อง ?

เต้ย : ก็ตรวจ จริงๆก็มีคนทักมาเยอะอยู่

แล้วพอตรวจรู้ผลเลยไหมว่าท้อง ?

ขนม : รู้ค่ะ

ตอนที่พี่หนิงทักมีตกใจมั้ย ?

ขนม : ไม่ตกใจค่ะ เพราะว่ามคนทักอยู่เหมือนกัน

เห็นว่าตอนแรกทั้งคู่อาจจะรู้สึกว่าไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ ?

เต้ย : ไม่ใช่ว่าไม่พร้อม แต่ตอนนั้นเรายังรักคนนี้มากอยู่(ลูกสาวน้องตั้งใจ) ยังโฟกัสคนนี้ คิดว่าถ้ามีเลยก็ได้หรือถ้ายังไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่ก็ไม่ได้ป้องกัน 100% เพราะว่าเขาก็ประจำเดือนไม่มาอยู่แล้ว

ขนม : ของตั้งใจ 8  เดือนถึงมีตั้งใจ ส่วนคนนี้ก็ 2 ปีกว่าถึงมี

ตอนที่กลับไปตรวจเลยมั้ยหรือว่ารออีกซักกี่วัน เป็นอาทิตย์มั้ย ?

เต้ย : ก็ซักพักครับ

ขนม : น่าจะถึงอยู่ค่ะ เหมือนหนูเข้าห้องน้ำแล้วก็ตรวจดูก็ได้ พอเห็นปุ๊ปก็ออกมาบอกเลยว่า 2 ขีด

พอทราบว่าท้องแล้วเป็นยังไงบ้าง อาการคุณพ่อ ?

เต้ย :  ตอนแรกก็ตกใจไม่คิดว่าจะท้องอีก

พอรู้ว่าท้องก็ไม่บอกใคร ถือเคล็ด ?

เต้ย : ใช่ครั้บ

ขนม : บอกแค่แม่ยายคนเดียว เหมือนเดิมเลยตอนท้องใจ๋คนในบ้านก็จะไม่รู้ พวกพี่ๆทีมงานที่อยู่ด้วยกันก็ไม่รู้ อยากให้ถือเคล็ด 3 เดือนก่อน พอ 3 เดือนปุ๊ปเราก็บอก

ได้ข่าวคนที่ทำโป๊ะแตกคือคนนี้ (ลูกสาว) ?

ขนม :  เวลาไลฟ์สดเขาก็มีพูดว่าเบบี๋ มีเบบี๋นะ มี๊มีน้อง เราก็ตกใจแล้วก็แก้ค่ะ

ตอนแรกที่สัมภาษณ์กันใจ๋บอกว่าไม่ได้อยากจะมีน้อง แต่ขอเลี้ยงแมวดีกว่า ตอนนี้ล่ะอาการเขาเป็นยังไง ?

เต้ย : ก็แปลกนะ เขารู้สึกว่าเขาอยากเข้าใกล้หม่ามี๊เขามากขึ้น เขาก็จุ๊บท้อง อยากเลี้ยงน้อง เขาเป็นเองเลยโดยที่เราไม่ได้สอนว่าหนูต้องมีน้องนะ

ปกติใจ๋จะติดคุณพ่อมากกว่า ไม่ค่อยติดคุณแม่ ?

เต้ย : ใช่ครับ ไม่ค่อยเข้าใกล้แม่ ไม่ค่อยมีหวานกัน

พอเริ่มท้องปุ๊ป ?

เต้ย : เหมือนเขาอยากใกล้ อยากจุ๊บ อยากหอมหม่ามี๊

มีประโยคนึงที่น้องใจ๋พูดทำให้คุณพ่อคุณแม่น้ำตาคลอ เขาพูดว่าอะไร ?

เต้ย : วันนั้นนอนเล่นกันอยู่ เขาก็เล่นกับหม่ามี๊ เขาบอกว่าปะป๊ารักใจ๋ ปะป๊าต้องรักน้องดีดีด้วยนะ

แล้วน้องดีดีนี่ใครตั้งชื่อ ?

ตั้งใจ : ใจ๋ตั้งชื่อให้

น้องใจ๋รู้หรือยังว่าในท้องคุณแม่ได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย ?

ตั้งใจ  : ผู้ชาย

นี่เรื่องจริงเรื่องเล่น ?

ขนม : ได้ผู้ชายค่ะ

น้องตั้งใจบอกเหตุผลไหมว่าทำไมต้องชื่อดีดี ?

เต้ย : เหมือนเขาคุยกับคุณยายเล่นชื่อน้องต้องดี น้องเติมเต็ม เพราะว่าน้องชื่อน้องต้องดีก็เรียกน้องดีดี เขาก็พูดของเขาเอง

แล้วคุณพ่อคุณแม่มีแพลนจะตั้งชื่อจริงๆมั้ย ?

เต้ย : ชื่อตอนแรกที่ตั้งไว้ยังไม่รู้ว่าเขาจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็จะมีชื่อเติมเต็มที่ตั้งไว้ถ้าเป็นลูกชาย ไม่แน่อาจจะเอาชื่อเติมเต็มมาให้ลูกชายหรือว่าอาจจะมีชื่ออื่นก็ได้ครับ

ขนมมีลองใจใจ่ใจ๋ด้วย ถ้าใครติดตามครอบครัวนี้จะรู้ว่าใจ๋หวงคุณพ่อมากแทบจะไม่ให้ใครเข้าใกล้คุณพ่อ ตอนนี้มีน้องขนมได้ลองถามใจ่ใจ๋ดูมั้ย ?

ขนม : ลองค่ะ เพราะว่าหนูก็อยากรู้ว่าเขาจะตอบว่าอะไร ก็ถามเขาว่าถ้าน้องออกมาใจ๋ให้น้องรักปะป๊าด้วยได้มั้ย แล้วน้องรักปะป๊าได้มั้ย เขาก็บอกว่าได้ ให้ปะป๊าอุ้มน้องได้มั้ย ได้

เต้ย : คำถามนี้แหละที่เขาบอกว่าปะป๊ารักใจ๋ก็ต้องรักน้องด้วย คือใครรักปะป๊าไม่ได้เลยแต่ว่าน้องได้

เท่ากับตอนนี้ 4 เดือน ?

ขนม : ประมาณ 4 เดือน

คุณย่าหรือคุณยายที่บอกว่าฝันแปลกๆด้วย ?

ขนม : คุณยายฝันว่ามีคนเอาสร้อยทองมาให้ ในฝันคุณยายปฎิเสธแต่ว่าเขายัดเยียด ยังไงก็ต้องเอา เขาก็เลยเอาใส่มือคุณยาย คุณยายก็เลยมาลองทาบใส่คอดู อันนี้ก่อนที่จะรู้ด้วยซ้ำว่าจะมีน้อง คุณยายก็เดินมาบอกว่าไม่ใช่จะมีน้องหรอ แม่ฝันนะ ฝันเห็นสร้อยทองแล้วคุณยายก็มั่นใจเลยเพราะว่าเห็นสร้อยทอง

เห็นว่ารตอนแรกพอรู้ว่าได้ลูกชายดีใจกันมาก ?

เต้ย : คือหม่ามี๊เขาอยากได้ลูกชายด้วย ที่บ้านเขามีแต่หลายผู้หญิง ลูกผู้หญิง เลยอยากได้ลูกชาย

ตอนนี้หวงคุณภรรยาบ้างมั้ยเพราะว่าแพ้ท้องหนักมาก ?

เต้ย : ถ้าใกล้ช่วงนั้นก็อาจจะต้องให้พักเรื่องการทำงาน เพราะตอนนี้เขาก็ยังทำงานเยอะอยู่ เดินทางไปถ่ายงานที่นู่นที่นี่บ้าง เป็นห่วงเรื่องการเดินทาง

เห็นบอกว่าท้องนี้ตามใจสุดฤทธิ์เลย ?

เต้ย : ก็ตามใจทุกอย่างอยู่แล้ว เหมือนกันคนนี้ก็ตามใจ

ขนม : อยากกินอะไร อยากทำอะไร พี่เต้ยก็จะพาไป เหมือนตอนท้องคนนี้เป๊ะเลย แล้วท้องนี้คืออยากกินเยอะ หมายถึงว่าหนูเห็นรูปก็อยากกินหลายอย่าง แต่รู้ตัวเองอยู่ว่ากินได้แค่นิดเดียว แต่เขาก็จะสั่งเลย 5 อย่าง เหมือนสปอย ก็เลยชอบท้อง

เต้ย : น่าจะปิดคนนี้แล้วครับ

แพ้ท้องเยอขนาดไหน ?

ขนม : ของหนูจะมีง่วง เพลีย เหมือนช่วงแรกๆคิดว่าตัวเองเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เพราะว่าตัวเองนอนดึก เลยรู้สึกว่าบางทีอาจจะนอนดึกด้วย เวลาสั่งข้าวช่วงแรกจะกินได้ 3 คำ แต่ว่าตอนนี้ดีขึ้นแล้ว

มีแพ้ท้องแทนเมียด้วยใช่มั้ย ?

เต้ย : มีครับ ตั้งแต่ท้องตั้งใจแล้วเราจะสิวขึ้นผิดที่ จากที่ในตัวไม่เคยขึ้นมันก็ขึ้นมา รู้สึกอยากกินอะไรที่มันเปรี้ยวๆนิดนึง แต่ไม่ได้ต้องการมากแต่จะผิดปกติจากที่เราไม่ชอบกิน

 ขนมกังวลมากอัลตร้าซาวด์ทุกเดือนจนคุณหมอบอกว่ามาอีกแล้วหรอ ?

ขนม : ตั้งแต่น้องตั้งใจเลยที่คุณหมอนัดทุกเดือนเขาจะไม่ได้ให้เราซาวด์ 6D ทุกเดือน คุณหมอบอกว่ามันไม่จำเป็น แต่ว่าหนูจะขอซาวด์ทุกเดือน เพราะว่าหนูเป็นคนขี้กังวลเพราะอยู่ในท้องเรา เขาจะเป้นอะไรยังไงเหมือนเดิมมั้ย เพราะเราไม่เห็น

เห็นว่าคุณพ่อเห่อลูก เอาใจภรรยาสุดๆ เปลี่ยนรถใหม่ให้เลย ?

เต้ย : ก็มีแพลนตั้งแต่ก่อนรู้ว่าท้อง เพราะว่าที่ผ่านมาเราซื้อแต่รถที่นั่งได้ 2 คน รถเตี้ยๆ เลยอยากได้รถที่มันไปได้ทั้งครอบครัวซักคัน

ทั้งคู่แพลนเรื่องการเลี้ยงลูกสองคนแล้วใช่มั้ย ?

เต้ย : ครับ ตอนนี้ที่วางแผนก็คือหม่ามี๊เขาก็กำลังวางแผนทำแบรนด์ให้เป็นจริงเป็นจัง เพราะว่าจะมาด้านขายของออนไลน์เพราะว่าเขามาสายอินฟลู ส่วนแพลนก็คือปีหน้าน่าจะเข้าโรงเรียนพอดี ทุกอย่างน่าจะลงตัวพอดี

มีวิธีการสอนเกี่ยวกับน้องว่าห้ามเปรียบเทียบ ?

ขนม : ใช่ค่ะห้ามเปรียบเทียบ แล้วก็จะตกลงกันเลยว่าจะไม่มีการสอนนะว่าพี่ต้องให้น้อง ก็จะบอกเขาว่าลูกอยากให้น้องลูกให้น้องนะ แต่ถ้าเป็นของลูกแล้วน้องร้องไห้จะเอาลูกมีสิทธิ์ที่จะบอกว่าให้หรือไม่ให้ เพราะว่าให้เขารู้สึกว่าเขาก็ยังมีพื้นที่ของเขาอยู่

เต้ย : ต้องเท่าเทียมกัน ต้องแคร์ความรู้สึกเขาด้วย

สอนตั้งแต่น้องยังเพิ่งแค่ 4 เดือนอยู่ในท้อง ทำไมถึงสอนเร็วมากเพราะเขาก็ยังไม่ได้ออกมา ?

เต้ย : ก็อยากให้เขาปลูกฝังตอนนี้เลยว่าพื้นที่ของเขาก็คือพื้นที่ของเขา

ขนม : เขาจะได้ไม่รู้สึกว่ามีน้องแล้ว หนูน้อยลงจัง

เต้ย : เพราะที่ผ่านมาเขาเต็มที่ตลอด

ขนม : แล้วพอเราทำกับเขาเหมืนเดิม เขาก็จะมากจนไปหาน้องเอง

เรื่องขี้หึงขี้หวงเต้ยยังเป็นหนัก ?

เต้ย : ทุกวันนี้น้อยลงแล้ว ก็มีบ้างเพราะว่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน เป็นห่วงมากกว่า

ขนม : เขาไม่ค่อยยอมรับความจริงค่ะ เวลาหนูไปทำเล็บนานๆ 4-5 ชั่วโมงก็โกรธ เขาบอกว่าการทำเล็บไม่คิดว่าจะนานขนาดนั้น หนูก็เลยพาไปนั่งรอเลย 2 ทุ่ม เลิก 5 ทุ่มเกือบเที่ยงคืน ไม่ไปอีกเลยแล้วก็ไม่โทรตามหนูอีกเลย

ทำไมถึงหึง ?

เต้ย : ไม่รู้ครับ มีคนเดียวก็เลยหึง

วางแพลนเอาไว้ว่าคลอดเสร็จเมื่อไหร่ครูเต้ยจะต้องไปทำหมันทันที ?

เต้ย : ก็อาจจะเป็นเขา

ขนม : หนูบอกเขาว่าหนูคลอดลูกสองคนแล้ว ตาเขาไปทำหมันแล้ว

เต้ย : ก็รู้สึกเสียวๆท้องอยู่ครับ(หัวเราะ)

แต่ก็ยอมที่จะไปทำให้ ?

เต้ย : ก็ต้องตกลงกันก่อนว่าผมทำหรือเขาทำ

ขนม : เขาไม่ทำ(ยิ้ม)

ตอนนี้เก็บเงินสร้างบ้านเรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรที่ใหญ่มากในขอนแก่น ใกล้เสร็จหรือยัง ?

เต้ย :  น่าจะปลายปีนี้เสร็จครับ

30 กว่าล้าน ?

เต้ย : ก็จะเกือบถึง

ทำไมถึงไม่มาทำกรุงเทพฯ ทำไมถึงไปทำขอนแก่น ?

เต้ย : ตอนที่ผมไปซื้อที่ตรงนี้ผมยังเป็นครูอยู่ ก็เลยซื้อที่มันใกล้กับโรงเรียน เลยได้ตรงนั้นก็สร้างไปเรื่อยๆมีทั้งออฟฟิศมีทั้งสตูฯ เนื้อที่ประมาณเกือบ 5 ไร่

เห็นว่าโดนโกงด้วย ?

เต้ย : มันมีผู้รับเหมาหลายทีมในแต่ละส่วนทำหลายทีม บางทีมก็เบิกเงินไปก่อนแล้วก็ทิ้งเลย บางคนก็ไม่ได้ตาม มันก็ไม่ได้เยอะมากด้วยหลักแสนต้นๆ

ขนม : หนูบอกให้ตามแต่ว่าพี่เต้ยเป็นคนใจดี ไม่ชอบมีเรื่องกับใคร

ครูเต้ยรักน้องขนมขนาดไหน ?

เต้ย : ก็ยังเท่าเดิม ยังเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรก แต่แค่ไม่ได้มีมุมหวานเหมือนเดิม เพราะว่าอยู่ด้วยกัน 4-5 ปีแล้ว อาจจะไม่ได้หวานเหมือนเดิม มุ้งมิ้งฟีลวัยรุ่น เราก็มีลูกด้วย

ไม่ค่อยย้่มพูดคำว่ารักเพราะอะไร เขิน ?

เต้ย : แสดงให้เห็นดีกว่า

แล้ววันนี้บอกหน่อยได้มั้ย ?

เต้ย : รักหม่ามี๊นะ

ขนมล่ะ บอกรักคุณสามีมั้ย ?

ขนม :  รักอ้วน หนูพูดบ่อยอยู่แล้ว ชอบหยอกเขา

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ เต้ย อภิวัฒน์ และ ครอบครัว

https://youtu.be/YDzLA20hb80